Last
Memory Special: Special Day Special Person
อากาศที่หนาวเย็นส่งผลให้ร่างบางที่กำลังมุดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนายิ่งกระชับผ้าห่มของตนแล้วมุดตัวซุกกับความอุ่นในที่นอน
เพราะเป็นห้องใต้ดินที่ไร้ซึ่งแสงสว่างและความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์จึงทำให้ห้องนี้หนาวเย็นกว่าห้องอื่นๆในป้อมปราการและยิ่งเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวห้องใต้ดินแห่งนี้ก็ยิ่งหนาวเย็นยิ่งกว่าปกติเป็นอันมาก
ด้วยคำสั่งของหัวหน้าหน่วยเพื่อป้องกันการควบคุมพลังของร่างบางที่ยังไม่แน่นอนทำให้ตัวเขาไม่อาจที่จะย้ายจากห้องใต้ดินไปยังห้องนอนที่อุ่นกว่าในป้องปราการแห่งนี้ได้
เจ้าตัวจึงต้องอดทนเพื่อให้เป็นที่ยอมรับกับคนอื่นๆในทีม
เปลือกตาบางค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นตามความเคยชินของร่างกายที่เริ่มปรับตัวตั้งแต่ได้เข้ามาอยู่ที่ป้อมปราการของหน่วยสำรวจแห่งนี้
เอเลนค่อยๆพยายามลุกจากที่นอนของตนยิ่งอากาศที่หนาวเย็นยิ่งทำให้เขาไม่อยากจะละจากที่นอนที่เปรียบดั่งสวรรค์แสนสุขตอนนี้
แต่กระนั้นตัวเขาก็ต้องพยายามสลัดตนเองให้หลุดจากพันธนาการแสนอุ่นนั้นออกไปทำหน้าที่ของตนเอง
ร่างโปร่งบางคว้าผ้าเช็ดหน้าของตนเองแม้ตายังลืมไม่เต็มที่แต่ร่างกายก็ยังต้องทำภารกิจประจำของตนต่อไป
เมื่อน้ำเย็นที่ถูกกวักขึ้นมากระทบกับใบหน้ามน
ความเย็นของน้ำในฤดูเหมันต์ทำให้นัยน์ตาสีมรกตสว่างขึ้นทันที
แม้น้ำที่กระทบจะเย็นเกินกว่าทำให้รู้สึกสดชื่นแต่ก็ช่วยให้ใบหน้าที่งัวเงียสดใสและกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้
เมื่อทำกิจวัตรส่วนตัวของตนเรียบร้อยแล้วเอเลนรีบออกจากห้องนอนของตนไปยังห้องครัวของหน่วยสำรวจ
เพราะวันนี้ตัวเขาต้องเป็นคนทำหน้าที่เตรียมอาหารให้กับทุกคนในหน่วยสำรวจ
“อรุณสวัสดิ์จะ เอเลน”
หญิงสาวผมสีอ่อนหัวมายิ้มให้กับเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้ามาในครัว
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเพทร่า
ขอโทษที่มาช้าครับมีอะไรให้ผมทำบ้าง?”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจัดเตรียมทุกอย่างไว้จนเกือบเรียบร้อยแล้วทำให้เอเลนรู้สึกเกรงใจเป็นอย่างมาก
เพราะวันนี้เขาและเพทราเป็นเวรทำอาหารเช้าด้วยกันแต่เหมือนเขาจะมาช้าไปจนทำให้หญิงสาวจัดเตรียมทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวจนเกือบจะเรียบร้อยอยู่แล้ว
เพทรามองเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดูกับท่าทางและสีหน้าที่กำลังแอบกังวล
คงเป็นเพราะว่าเกรงใจเธอที่ทำทุกอย่างเกือบเรียบร้อยแล้ว “ไม่ต้องห่วงหรอกเอเลน
พอดีว่าอากาศเริ่มเย็นมากจนฉันนอนไม่ค่อยหลับเลยตื่นเร็วกว่าปกติน่ะจะ ถ้ายังไงเธอช่วยจัดโต๊ะอาหารของทุกคนและก็เตรียมเครื่องดื่มอุ่นๆให้ทุกคนได้ไหมจ๊ะ?
เด็กหนุ่มพยักหน้ายิ้มรับอย่างดีใจเมื่อหญิงสาวมอบหมายภารกิจให้ตน
เอเลนจัดวางอุปกรณ์ลงบนโต๊ะอาหารและต้มน้ำร้อนเพื่อชงชาร้อนสำหรับวันที่อากาศเริ่มหนาวเย็น
“ฮ้าว
อรุณสวัสดิ์” ร่างโปร่งของหญิงสาวอีกคนในหน่วยสำรวจเดินเข้ามา
ฮันซี่เกาผมที่ยุ่งเหยิงของตนเองพลางพยายามเพ่งมองบริเวณรอบๆจากอาการที่ยังไม่ตื่นดีนักของตน แล้วค่อยๆพาร่างและสมองที่ยังงัวเงียของตนไปนั่งยังที่ประจำ
เอเลนเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งลงอย่างหมดสภาพ เด็กหนุ่มจึงรินกาแฟร้อนและนำไปให้หญิงสาวที่กึ่งหลับกึ่งตื่น
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณฮันซี่ตื่นเช้าจังเลยนะครับ”
หญิงสาวรับกาแฟร้อนมาดื่ม
กลิ่นหอมและความขมของกาแฟทำให้สมองและร่างกายของฮันซี่เริ่มตื่นตัวขึ้น “ฮ่าห์… กาแฟร้อนๆในวันอากาศหนาวแบบนี้มันสุดยอดจริงๆเลยให้ตายสิ! ขอบใจนะเอเลน” ฮันซี่ฉีกยิ้มกว้างให้กับเด็กหนุ่ม
“ว่าแต่เย็นวันนี้จะเอาไงเพทร่า
จะจัดในห้องโถงงานเลี้ยงหรือเอาเป็นกันเองแบบทุกปีดี?”
ฮันซี่ตะโกนถามหญิงสาวที่กำลังจัดเตรียมอาหารอยู่ในครัว
เพทรายกหม้อซุปที่เตรียมเรียบร้อยแล้วเดินออกมายังห้องรับประทานอาหารของหน่วย
หม้อซุปขนาดใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะเพื่อเตรียมพร้อมเสิร์ฟให้กับทุกคนในหน่วยเมื่อถึงเวลา
“หัวหน้าไม่ชอบอะไรยุ่งยากและเอิกเริก คงเป็นคนกันเองในหน่วยรีไว
หัวหน้าเอลวิน คุณฮันซี่ คุณมิเกะ
และปีนี้เพิ่มกลุ่มทหารเพื่อนๆของเอเลนเข้ามาน่ะค่ะ”
หญิงสาวผมสีอ่อนตอบพลางจัดเตรียมขนมปังที่อบร้อนเรียบร้อยลงในถาด
ฮันซี่ทำหน้าเบื่อหน่ายพลางคนกาแฟในแก้ว
“ทั้งที่เป็นวันสำคัญของตัวเองแท้ๆหมอนั่นไม่เคยใส่ใจเลยสิน๊า
แต่ปีนี้มีคนเยอะกว่าทุกปีคงมีอะไรสนุกๆให้เห็นบ้างล่ะนะ”
เพทรา มองหญิงสาวที่กำลังคนแก้วกาแฟ
แต่แววตาเหมือนกำลังคิดวางแผนบางอย่าง “คุณฮันซี่อย่าให้อะไรแปลกๆกับหัวหน้าอีกนะคะ
อย่างปีที่แล้วที่คุณฮันซี่เอารองเท้าส้นสูงให้หัวหน้า
พวกฉันกับหัวหน้าเอลวินต้องติดร่างแหเกือบเอาชีวิตกันไม่รอดเลยทีเดียว”
พอนึกถึงช่วงเวลานี้ของปีที่แล้วก็อดรู้สึกขนลุกกับสิ่งที่เกิดไม่ได้
หัวหน้ารีไวที่พยายามเอาดาบไล่ฟันคุณฮันซี่จนทุกคนต้องเข้ามาห้ามและได้แผลไปตามๆกัน
แทบจะเรียกได้ว่าเกือบเอาชีวิตไปทิ้งกันทั้งหน่วยทีเดียวแค่คิดก็หน่ายแล้ว
ไม่รู้ว่าปีนี้หญิงสาวผู้แสนชอบเรื่องตื่นเต้นท้าทายและการเล่นแผลงๆจะทำให้พวกเธอต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอีกรึเปล่า
และดูเหมือนคนต้นเหตุกลับไม่รู้สึกผิดอะไรได้แต่นั่งหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น
จนอดคิดไม่ได้ว่าที่จริงแล้วควรให้หัวหน้ารีไวฟันหลังคอคุณฮันซี่จริงๆอาจจะดีกว่าก็ได้…
“แหมๆ พวกเธอฉันก็แค่อยากให้งานมีสีสันบ้างก็เท่านั้นเอง”
หญิงสาวสวมแว่นตาหนาหัวเราะร่ากับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหันไปสบมองกับเด็กหนุ่มใบหน้ามนเพื่อหวังยุติประเด็นร่ายยาวจากหญิงสาวอีกคน
“ว่าแต่เอเลนนายจะให้อะไรรีไว?”
“อ เอ๊ะ?” นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองตอบอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
ตั้งแต่ที่หญิงสาวทั้งสองคนตรงหน้าเปิดเรื่องคุยกันเขาได้แต่ฟังอย่างตั้งข้อสงสัย
ว่าตกลงแล้ววันนี้เป็นวันอะไร? “เออ ขอโทษนะครับคุณฮันซ่
วันนี้มันคือวันอะไรงั้นเหรอครับ?” ใบหน้ามนเอียงคอถามอย่างใสซื่อ
ฮันซี่และเพทรามองร่างโปร่งอย่างแปลกใจระคนตกใจตามๆกัน “เอเลน
นี่นายไม่รู้จริงๆเหรอ?” ฮันซี่เอ่ยถาม พลางจ้องมองใบหน้ามนอย่างแปลกใจ
“เออ ครับ”
การที่เขาไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรมันน่าแปลกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?
“แต่จะว่าไปก็ไม่แปลกหรอมั่ง เพราะว่าเอเลนส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องใต้ดิน
และถูกควบคุมจับตาดูจากหัวหน้ารีไวตลอดเวลา
หัวหน้าเองก็ไม่ชอบเล่าเรื่องของตัวเองด้วยสิ” ถ้าเด็กหนุ่มจะไม่รู้ก็คงเพราะอย่างนี้ล่ะนะ
เพทรามองเด็กหนุ่มร่างโปร่งที่ตอนนี้ทำตัวเลิ่กลั่กเหมือนกับเขาพลาดอะไรที่สำคัญมากๆ
ฮันซี่เข้ามาจับไหล่ของเด็กหนุ่มร่างโปร่ง
นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องเขม็งไปที่ใบหน้ามนที่กำลังหน้าตาเลิ่กลั่ก “เอเลน… ฟังให้ดีๆนะ”
คิ้วสีน้ำตาลขมวดจนเป็นปมสีหน้าฉายแววจริงจัง
เหมือนกับว่าสิ่งที่กำลังจะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ
จนเด็กหนุ่มเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
“วันนี้น่ะ….”
“ค…ครับ?”
นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องลึกเข้าไปยังนัยน์ตาสีมรกตอย่างจริงจัง
จนเอเลนถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ แต่แล้วจู่ๆใบหน้าที่จริงจังนั้นกลับส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พร้อมฟาดฝ่ามือลงบนกลางหลังของเด็กหนุ่มอย่างจัง
จนเอเลนร้องอุทานออกมา
“วันนี้น่ะมันวันเกิดรีไวล์ยังไงล่ะ ฮ่า ฮ่า”
แต่คำเฉลยของหญิงสาวทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกตกใจจนลืมความเจ็บของแผ่นหลังที่โดนฝ่ามือฟาดลงมา
“อ… อะไรนะครับ?”
เอเลนเอ่ยถามเพื่อขอคำยืนยันจากหญิงสาวทั้งสองอีกครั้ง
เพทรามองเด็กหนุ่มอย่างเห็นใจ ที่โดนหญิงสาวอีกคนแกล้งเล่น
“อย่างที่คุณฮันซี่บอกล่ะจะ วันนี้เป็นวันเกิดของหัวหน้ารีไว
การที่เอเลนไม่รู้ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะฉันเองที่รู้เพราะหลายปีก่อนอยู๋ๆหัวหน้าเอลวินก็บอกจะให้จัดงานน่ะ
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้จัดเพราะหัวหน้ารีไวไม่ชอบอะไรยุ่งยากน่ะจะ
พวกเราเลยจัดเป็นงานเล็กๆกันเองให้หัวหน้าและเพื่อตอบแทนหัวหน้าที่คอยเอาใจใส่ดูแลพวกเรามากกว่าจ่ะ”
แต่ดูเหมือนคำพูดของเพทร่าจะไม่ได้เข้าสู่หัวสมองของเด็กหนุ่มเลย
เพราะตอนนี้คำว่าวันนี้เป็นวันเกิดหัวหน้ารีไว กำลังดังก้องวนเวียนอยู่ในหัวของเด็กหนุ่มร่างโปร่งไปมา
ทำไมเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย ทั้งที่เขาเองก็อยู่กับหัวหน้าแทบตลอดเวลา
แม้กระทั่งเวลากลางคืนที่หัวหน้าใช้ตัวเขาเป็นที่ระบายความใคร่
ถึงกระนั้นหัวหน้ากลับไม่เคยพูดหรือเล่าเรื่องอะไรของตนเองให้เขาฟังเลยสักครั้ง
ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้สำคัญอะไรกับหัวหน้าเลยแม้แต่น้อย
อกข้างซ้ายเจ็บหน่วงเหมือนถูกมือหนาของใครบางคนบีบ
แต่ถึงกระนั่นก็ยากที่จะตัดใจเมื่อรู้ว่ารักไปแล้วมีแต่ต้องยอมรับและหวังต่อไปเท่านั้นว่าสักวันจะได้เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในนัยน์ตาสีขี้เถ้าแสนเย็นชานั้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะหัวหน้า”
เสียงทักทายของเพทราทำให้ร่างบางที่กำลังอยู่ในภวังค์ได้สติ
ใบหน้ามนมองชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่สุดของมนุษยชาติก้าวเข้ามานั่งประจำยังที่ของตน
“รีไว นายไม่ได้บอกเอเลนเรื่องวันเกิดเหรอ?”
คำถามของฮันซี่ทำให้ร่างโปร่งแอบหัวใจกระตุกไหวกับคำตอบที่จะตามมา
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองคนถามก่อนจะหันมามองใบหน้ามน
“ฉันไม่เคยบอกใคร ไม่รู้ว่าจะต้องป่าวประกาศเรื่องไร้สาระพวกนี้ไปทำไมกัน”
“ว่าแล้วว่านายต้องพูดแบบนี้ ก็จริงๆล่ะนะถ้าเอลวินไม่บอกก็ไม่มีใครรู้วันเกิดนายจริงๆนั้นแหละ”
หญิงสาวผมสีเข้มถอนหายใจให้กับความเย็นชาและไม่สนใจเรื่องของตนเองของคนตรงหน้า
คำตอบของหัวหน้ารีไวทำให้เอเลนรู้สึกใจชื้นขึ้นบ้าง
หมอกที่ก่อตัวภายในใจเริ่มทุเลาแต่ถึงกระนั้นก็ยังคิดอิจฉาหัวหน้าเอลวินที่ดูเหมือนจะรู้จักคนคนนี้ดีกว่าคนอื่นมากเป็นพิเศษ
แต่คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะจากคำบอกเล่าของคุณเพทร่า
หัวหน้าเอลวินคือคนที่ดึงหัวหน้ารีไวเข้าหน่วยสำรวจ
รวมทั้งทั้งสองยังมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอย่างที่เขาเคยเห็นในคืนงานต้อนรับเหล่าทหารใหม่ของหน่วยสำรวจ
แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนอย่างเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงความหึงหวงหรืออาการใดใดออกมาทั้งสิ้นแต่ความจุกแน่นและเจ็บปวดที่แล่นริ้วอยู่ในใจก็ยากเกินกว่าที่จะกำจัดออกไปได้
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองหญิงสาวผมสีอ่อนที่กำลังนำซุปร้อนและขนมปังยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะให้กับหัวหน้ารีไว
คุณเพทราเองแท้จริงแล้วมีความสัมพันธ์ยังไงกับหัวหน้ากันแน่?
ถ้าเขาเป็นผู้หญิงเฉกเช่นเดียวกับคุณเพทร่า
ตัวเขาคงจะสามารถเรียกร้องและเผยความต้องการของตนเองได้มากกว่านี้สินะ
ใบหน้ามนเหม่อมองหญิงสาวผมสีอ่อนมือเรียวยกขึ้นตบแก้มตนเองเพื่อเรียกสติ
อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก เอเลน เยเกอร์
ตอนนี้สิ่งที่นายต้องทำคือหาของขวัญให้หัวหน้าต่างหากล่ะ!!
เมื่อมื้ออาหารเช้าผ่านไป
เอเลนจึงลองเข้าไปขอคำปรึกษาจากอาร์มินเพื่อนสนิทที่แสนฉลาดของเขา
เมื่อเดินเข้าไปยังห้องหนังสือที่คาดว่าอาร์มินน่าจะค้นคว้าหาข้อมูลอยู่ เอเลนก็พบกับเด็กหนุ่มผมสีทองที่เป็นเป้าหมายของเขาทันที
“ของขวัญของหัวหน้ารีไวน่ะเหรอครับ
ที่จริงพวกเราทหารใหม่ที่มาจากรุ่นทหาร 104 ก็เตรียมไว้แล้วล่ะครับ
ผมยังไม่ได้บอกเอเลนเหรอครับเนี่ย?”
นัยน์ตาสีท้องฟ้าละออกจากหนังสือตอบคำถามเพื่อนสนิทที่เข้ามาหา
การที่เอเลนจะไม่รู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในหน่วยก็แทบไม่มีกิจกรรมหรือภารกิจที่ได้เจอร่างโปร่งเท่าไร
เนื่องจากเอเลนต้องอยู่ภายใต้การจับตาดูของหัวหน้ารีไว
ภารกิจส่วนใหญ่ของเอเลนจึงอยู่กับหัวหน้ารีไวมากกว่าอยู่กับทหารใหม่ในรุ่นเดียวกัน
“พวกนายก็เตรียมแล้วสินะ ทำไงดีล่ะอาร์มินฉันเพิ่งรู้เมื่อเช้านี้เอง”
ใบหน้ามนมองคนตรงหน้าอย่างขอความช่วยเหลือ
เด็กหนุ่มผู้แสนฉลาดมองเพื่อนสนิทของตนอย่างนึกสงสัย
เอเลนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องอะไรนอกจากกำจัดไททัน
กลับให้ความสนใจกับการหาของขวัญให้กับหัวหน้าผู้บังคับบัญชาของตน
แท้ที่จริงแล้วร่างโปร่งจะเหมารวมกับของขวัญที่ในรุ่น 104 เตรียมไว้ให้เลยก็ได้
ถึงกระนั้นก็ยังคงอยากหาของขวัญให้หัวหน้าด้วยตัวเอง
คงจะเป็นเพราะความสนิทสนมและหัวหน้ารีไวเป็นวีรบุรุษในใจของคนตรงหน้านี้ล่ะมั่ง
“แล้วปกติแล้วหัวหน้าชอบอะไรเหรอครับ?” คำถามของอาร์มินทำให้ใบหน้ามนครุ่นคิด
นั้นสิหัวหน้าชอบอะไร?
แท้จริงแล้วตัวเขาเองยังแทบไม่รู้เรื่องอะไรของอีกฝ่ายเท่าไรเลยนั้นเพราะว่าเจ้าตัวไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังเลยสักนิด
สิ่งที่ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่อาจบอกออกมาได้เลย
ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วตอนนี้ในสายตาของคนคนนั้นเขาเป็นอะไรกันแน่?
เมื่อเห็นสีหน้าที่ครุ่นคิดและคำถามที่ไร้คำตอบของเพื่อนของตน
อาร์มินก็เข้าใจแล้วว่าหัวหน้ารีไวคนนั้นคงไม่เล่าอะไรให้กับเด็กหนุ่มฟังเลย
แต่ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนอย่างหัวหน้ารีไวแต่มันเป็นการยากที่จะหาของขวัญสักชิ้นให้กับคนที่เราไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรกันแน่
นัยน์ตาสีฟ้ามองไปรอบห้องหนังสืออย่างพยายามช่วยหาทางออกให้เพื่อนสนิทของตน
อาร์มินมองเหล่าบรรดาชั้นหนังสือต่างๆมากมายที่เขาชอบเข้ามานั่งค้นคว้าแล้วก็สะดุดกับหนังสือเล่มหนาปกสีเขียวเหมือนต้นไม้ที่เขาเพิ่งอ่านจบไปเมื่อไม่นานมานี้
ถ้าจำไม่ผิดเนื้อหาของหนังสือเล่มนั้นอาจช่วยเหลือเอเลนตอนนี้ได้บ้าง เด็กหนุ่มร่างเล็กลุกจากที่นั่งไปหยิบหนังสือแล้วยื่นให้กับเพื่อนของตนเอง
“หนังสือเล่มนี้น่าจะช่วยเหลืออะไรเอเลนได้นะครับ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกภายนอกที่เหลืออยู่เกี่ยวกับบุคคลสำคัญที่เกิดในวันที่
25 ธันวาคม
ถ้าผมจำไม่ผิดสมัยก่อนเหล่าคนนอกกำแพงเรียกวันนี้ว่า วันคริสมาส ที่เป็นวันเฉลิมฉลองและร่วมยินดีกับบุคคลสำคัญที่เกิดในวันนี้”
เอเลนรับหนังสือมาเปิดดูเนื้อหาข้างใน หนังสือเล่มหนาถูกพลิกอ่านไปมานัยน์ตาสีเขียวมรกตจับจ้องเนื้อหาข้างในอย่างให้ความสนใจ
เนื้อหาของหนังสือกล่าวถึงบุคคลสำคัญที่เกิดในวันนี้ บุคคลที่เปรียบดั่งแสงแห่งความหวัง
ผู้ซึ่งเกิดมาช่วยเหลือเหล่าประชา
ช่างคล้ายกับหัวหน้ารีไวที่เปรียบดั่งความหวังของมนุษยชาติเช่นกัน
“ขอบใจมากอาร์มิน” ร่างโปร่งกระชับหนังสือในมือและรีบวิ่งออกไปจากห้อง
ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากคงต้องรีบแล้วล่ะ!!
ตึก ตึก ตึก!!
เสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งอย่างรีบเร่งทำให้ใบหน้าคมที่กำลังเดินอยู่ตรงทางเดินต้องละสายตาออกจากเอกสารในมือและมองต้นเสียงที่กำลังใกล้เข้ามา
“เอเลนนี่แกจะรีบไปไหนน่ะ!?”
รีไวตะโกนถามเมื่อเห็นร่างโปร่งวิ่งผ่านหน้าตนเองไป
“ขอโทษครับหัวหน้าผมกำลังรีบ ถ้ายังไงวันนี้ผมขอพักก่อนนะครับแล้วจะชดเชยที่หลังครับ!” เอเลนหันกลับไปตอบคำถามทั้งที่ยังคงวิ่งอยู่
ยังไม่ทันที่คนตำแหน่งสูงกว่าจะเอ่ยถามอะไรต่อหรือแม้กระทั่งอนุญาตกับคำขอที่มาแบบเร่งด่วน
ร่างโปร่งบางที่คุ้นเคยก็วิ่งลับสายตาไปเสียแล้ว
ใบหน้าคมได้แต่ถอนหายใจกับการกระทำของเด็กหนุ่ม
และหันกลับไปใส่ใจกับบรรดาเอกสารในมือที่ไม่เคยหมดไปเสียที
ร่างโปร่งบางวิ่งออกไปยังนอกป้อมปราการ
ลมของฤดูหนาวที่พัดผ่านทำให้ร่างบางกระชับเสื้อคลุมหน่วยสีน้ำตาลของตนเองมากขึ้น
นัยน์ตาสีมรกตมองไปรอบๆบริเวณเพื่อมองหาเป้าหมายของตน
และใบหน้ามนก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อพบว่าสิ่งที่ตนต้องการนั้นยังคงมีอยู่
.
.
.
.
.
.
.
.
“สุขสันต์วันเกิดค่ะ/ครับ
หัวหน้ารีไว” เสียงตะโกนแสดงความยินดีถูกส่งมอบให้กับเจ้าของวันเกิดผู้มีใบหน้าคมและนัยน์ตาสีขี้เถ้าแสนเย็นชา
แม้วันนี้จะเป็นวันสำคัญของตนเองสีหน้าที่แสนเฉยชานั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“อา…ขอบใจนะ”
“รีไววันสำคัญของนายทั้งทีช่วยรู้สึกดีใจกว่านี้หน่อยสิ” ชายหนุ่มร่างสูงนัยน์ตาสีน้ำทะเลยิ้มเฝื่อนกับปฎิกิริยาของคนเป็นเจ้าของงานวันเกิด
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองผู้บังคับบัญชาของตน
มือแกร่งยกขึ้นมาเท้าคาง
“วันไหนๆมันก็เหมือนกันนั้นแหละ ฉันขอขอบคุณที่พวกนายให้ความสำคัญกับวันเกิดของฉัน
แต่สำหรับฉันแล้วมันไม่สำคัญเท่าพวกนายยังคงรักษาชีวิตของตนไว้ได้เพื่อมองดูวันใหม่ที่จะเข้ามา”
คำพูดของหัวหน้ารีไวทำให้ ออลโอ ถึงขนาดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่พร้อมทั้งตะโกนลั่นห้องว่าจะขอติดตามหัวหน้ารีไวไปจนตาย
จะมีก็แต่มิคาสะ
ที่แอบสบถออกมาจนอาร์มินและเพื่อนที่อยู่ใกล้เคียงถึงกับต้องรีบปิดปากคนพูดด้วยเกรงว่าหัวหน้าจะได้ยิน
“ว่าแต่เอเลนยังไม่มาอีกเหรอ?” แจน
ถามขึ้นเมื่อไม่เห็นร่างโปร่งของเด็กหนุ่มที่ต้องอยู่ข้างกายชายหนุ่มสุดแกร่งเสมอ
“เห็นว่าจะรีบตามมาน่ะครับ คงกำลังติดภารกิจสำคัญ” อาร์มินตอบ
จากเหตุการณ์วันนี้ทำให้พอเดาได้ว่าเอเลนคงกำลังรีบหาของขวัญให้หัวหน้ารีไวอยู่เป็นแน่
“อย่างนั้นเหรอ” คำตอบของอาร์มินทำให้ทุกคนเลิกให้ความสนใจกับเด็กหนุ่มที่หายไป
“รีไวปีนี้ฉันเตรียมของขวัญสุดแสนจะพิเศษไว้ให้นายแล้วนะ”
หญิงสาวสวมแว่นตาเดินเข้ามาหาชายหนุ่มร่างเล็กแต่แข็งแกร่งพร้อมเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ของพิเรนท์ๆอะไรของเธออีกล่ะยัยสี่ตา?”
ใบหน้าคมเกิดอาการคิ้วกระตุกกับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้า
เวลาฮันซี่ยิ้มแบบนี้บอกได้เลยว่าไม่เคนมีเรื่องดีๆเลยสักครั้ง
“หึ หึ หึ
คราวนี้น่ะมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้กับมนุษยชาติเลยนะ”
หญิงสาวล้วงหยิบของที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมของตน
แสงกระทบจากแว่นตายิ่งส่งผลให้ใบหน้าของฮันซี่ยิ่งไม่น่าไว้วางใจและโรคจิตมากขึ้น
“มันก็คือ…… ยาเพิ่มความสูงยังไงล่ะ!!!!”
พลั่ก!!!
ฝ่าเท้าที่หนักหน่วงเตะเข้าที่ข้อมือของหญิงสาวจนขวดแก้วบรรจุของเหลวน่าสงสัยกระเด็นลงที่พื้น
ฮันซี่รีบวิ่งไล่ตามขวดแก้วที่กลิ้งตกลงไป เมื่อมือเรียวกำลังจะเอื้อมหยิบขวดยารองเท้าหนังมันวาวก็กระทืบขวดแก้วที่บรรจุไว้แตก
ของเหลวน่าสงสัยไหลซึมหายไปกับพื้นหินของป้อมปราการ
“ทำอะไรของนายน่ะรีไว กว่าฉันจะคิดค้นมันได้เสียเวลาทั้งคืนเลย……น…นะ”
เมื่อนัยน์ตาสีเข้มเงยหน้ามองเพื่อหวังบ่นคนกระทำ แต่แล้วคำพูดต้องถูกกลืนหายเพราะใบหน้าคมที่ที่แสนเฉยชาตอนนี้กลับเย็นชายิ่งกว่าเดิม
นัยน์ตาสีขี้เถ้าฉับพลันฉาบด้วยแววตาของนักฆ่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ ทำเอาฮันซี่รู้สึกเย็นยะเยือกกว่าอากาศหนาวที่กำลังกระทบผิวของเธอตอนนี้เสียอีก
“โฮ่
เธอกล้ามากนะฮันซี่ปีที่แล้วเธอยังไม่เข็ดสินะ”
รอยยิ้มที่น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นจากคนตรงหน้าแต่ตอนนี้กำลังฉายยิ้มอยู่ต่อหน้าเธอ
“ม…แหม
ฉันก็แค่คิดว่าถ้ายานี้ส่งผลสำเร็จเราอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่ามนุษยชาติเลยนะ”
ฮันซี่พยายามอธิบาย แม้อากาศจะหนาวยะเยือกแต่ตอนนี้เธอรุ้สึกว่าเหงื่อเริ่มแตกพลั่กจนชุ่ม
“โฮ่ย ช่างเป็นความคิดที่เข้าท่า
เธอเลยอยากมาทดลองกับฉันอย่างนั้นสินะยัยสี่ตา” นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองคนคุกเข่าตรงหน้า
“ฉันว่าแล้วว่านายต้องเข้าใจ” หญิงสาวพยายามทำใจดีสู้เสือ
แต่นั้นกลับยิ่งเหมือนกระตุ้นอารมณ์คนตรงหน้ามากยิ่งขึ้น
มือแกร่งคว้ามีดสำหรับหั่นเนื้อบนโต๊ะอาหารแล้วพุ่งเข้าหาเป้าหมาย
ฉึ่ก!!
คมมีดปักลงบนพื้นเฉียดหญิงสาวไปเพียงเล็กน้อย
ถ้าเจ้าตัวไม่พอมีฝีมืออยู่บ้างคงหลบไม่พ้นคมมีดที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างแน่แท้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนต้องช่วยกันห้ามศึก ไม่ว่าจะเมื่อไรฮันซี่ก็สามารถหาเรื่องเอาชีวิตของตนเองไปให้หัวหน้ารีไวล่าฆ่าได้อยู่เสมอไม่ขาดสาย
กว่าเหตุการณ์จะสงบลงก็ทำให้ทุกคนต่างเหนื่อยหอบไปตามๆกัน เมื่อทุกอย่างเป็นปกติดีแล้วคนอื่นๆจึงเริ่มทยอยให้ของขวัญกับเจ้าของวันเกิดกันบ้าง
เอลวิน มอบไวน์ชั้นดีเป็นของขวัญ มิเกะมอบผ้าคลุมหน้าสำหรับใส่ทำความสะอาดผืนใหม่
คนในหน่วยรีไวมอบถุงมือหนังอย่างดีสีดำ และทหารใหม่จากทหารฝึกรุ่น 104 ให้ผ้าพันคอไหมพรมสีเทา
ที่จริงแล้วมิคาสะมีของขวัญพิเศษให้กับหัวหน้ารีไวแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้อาร์มินแอบตรวจของขวัญของเด็กสาวแล้วต้องกำจัดทิ้งเสียก่อน
เพราะเกรงว่าจะเกิดศึกใหญ่ราวกับไททันสู้กันเอง
เพราะของที่มิคาสะจะให้นั้นคือแผ่นส้นเสริมความสูงน่ะสิ
พลั่ก!!
เสียงประตูไม้บานหนาถูกเปิดกระแทกเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ใบหน้ามนของเด็กหนุ่มหอบหายใจรัวจากการรีบวิ่งเข้ามายังห้องจัดงานเลี้ยง
“ผมเอเลน เยเกอร์ ขออภัยที่มาช้าครับ”
เด็กหนุ่มทำท่าเคารพเหล่าบรรดาหัวหน้าในห้อง
“ไม่เป็นไรเอเลน นายแค่พลาดอะไรสนุกๆไปน่ะ ฮ่า ฮ่า”
ฮันซี่หัวเราะอย่างไม่ได้รู้สึกสำนึกกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่าตนเองทำให้คนรอบข้างเดือดร้อยขนาดไหน
“ขอโทษด้วยนะครับ” เด็กหนุ่มค่อยๆเดินเข้ามาหาชายหนุ่มผู้แข็งแกร่ง
“เออ หัวหน้าครับถ้าไม่เป็นการรบกวนช่วยมากับผมหน่อยได้ไหมครับ?”
นัยน์ตาสีมรกตมองใบหน้าคมอย่างตั้งความหวัง
รีไวมองสีหน้าของเด็กหนุ่มอย่างสนใจ เจ้าเด็กนี้อยากให้เขาดูอะไร?
“ก็เอาสิ”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้เอเลนยิ้มกว้าง ร่างโปร่งเดินไปดันแผ่นหลังของคนสูงน้อยกว่า
จนรีไวต้องเดินออกมาจากห้องตามด้วยสมาชิกคนอื่นๆที่ต่างก็อยากรู้ว่าทั้งสองจะพากันไปที่ไหน
เอเลนดันหลังของชายหนุ่มจนออกมาจากป้อมปราการ
เข้าไปยังสวนทางด้านหลังของป้อม
“โอ่ยเอเลน ตกลงนี่นายจะพาฉันไปไหนกันแน่?” ชายหนุ่มพยายามหันหน้าไปถามคนที่กำลังดันหลังบังคับตนให้เดิน
“เลี้ยวตรงมุมกำแพงก็ถึงแล้วครับหัวหน้า” ใบหน้ามนยิ้มสดใสให้กับอีกคน
จนรีไวได้แต่หันหน้ากลับและเดินต่อไปยังเป้าหมายที่เด็กหนุ่มบอก
เมื่อผ่านมุมกำแพงนัยน์ตาสีขี้เถ้าถึงกับเบิกกว้าง แม้เป็นเวลาเย็นแต่เพราะเข้าฤดูหนาวทำให้ฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ
แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือต้นสนต้นใหญ่ที่มีแสงไฟจากตะเกียงแขวนอยู่รายรอบสร้างความสว่างไสวไปทั่วอาณาบริเวณ แม้การตกแต่งจะดูเรียบง่ายและไม่มีอะไรแต่กลับรู้สึกสวยงามและตราตรึงให้กับผู้ที่ได้เห็นเป็นอย่างมาก
“เออ ผมอ่านเจอในหนังสือที่อาร์มินเอามาให้น่ะครับ
เห็นเรียกการทำแบบนี้ว่าต้นคริสมาส” เอเลนยิ้มให้กับใบหัวหน้าของตน “ในหนังสือกล่าวว่าบุคคลท่านหนึ่งได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก
โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต”
รีไวฟังอีกคนที่กำลังเล่าเรื่องอย่างตั้งใจ
“ผมเองก็เหมือนกับเด็กคนนั้น…
วันนั้นที่ศาลที่โดนปืนเล็งเข้าใส่ถ้าไม่ได้หัวหน้ารีไวช่วยไว้แล้วรับเข้าทีมสำรวจโดยให้อยู่ภายใต้ความดูแลของคุณแล้วล่ะก็
ผมอาจไม่ได้มายืนอยู่ที่นี้ในวันนี้ก็ได้นะครับ”
ถึงแม้ว่าความช่วยเหลือของหัวหน้าจะดูเหมือนไม่ได้ช่วยเท่าไรก็เถอะ
แต่ก็ทำให้เขามีชีวิตและทำตามความฝันของตนเองมายังจุดนี้ได้
นัยน์ตาสีขี้เถ้าสั่นไหวกับภาพเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสว่างไสวจากตะเกียงที่ประดับอยู่บนต้นสน
อกข้างซ้ายกระตุกไหวความรู้สึกเปรมปรีย์เอ่อล้นออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็น
ทั้งที่สิ่งที่เขากระทำกับเด็กหนุ่มตรงหน้าเรียกได้ว่าเป็นฝันร้าย
แต่เจ้าเด็กนี่ยังคงกลับเชื่อมั่นและยังยิ้มสดใสให้เขาได้เสมอมา
ทั้งที่เด็กหนุ่มตรงหน้าสมควรจะโกรธ หวาดกลัว หรือแม้กระทั่งรังเกียจและหมดศรัทธา แต่กลับยังคงไว้ใจและมองตรงมาที่เขาอย่างไม่เคยหวั่นเกรงและเปลี่ยนแปลง
ถ้านายบอกว่าฉันคือคนที่แข็งแกร่งสำหรับฉันแล้วจิตใจของนายก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน
มือแกร่งยกขึ้นลูบไล้ใบหน้ามน ริมฝีปากคมค่อยๆเคลื่อนเข้าหาริมฝีปากบาง แต่ก่อนที่จะได้สัมผัสกันเสียงตะโกนของหญิงสาวที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน
“เห!!
นี่อะไรกันเนี่ยของขวัญจากเอเลนงั้นเหรอ? สุดยอดไปเลย!!”
ฮันซี่เดินมองต้นสนที่สว่างไสวจากตะเกียง
รวมทั้งคนอื่นๆต่างก็พากันเข้ามาดูเจ้าต้นไม้ต้นนี้อย่างรู้สึกทึ่งและตื่นเต้นด้วยเช่นกัน
“ที่หายไปเธอมาทำทั้งหมดนี้คนเดียวเลยเหรอ
น่าสนใจดีจริงๆ” นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองของขวัญที่เด็กหนุ่มมอบให้อย่างชื่นชม สมแล้วกับที่รีไวจะให้ความสนใจ ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่มุ่งมั่นและมีเรื่องให้ประหลาดใจอยู่เสมอจริงๆ
มือเรียวของหญิงสาวกระชับผ้าพันคอสีแดงที่แสนสำคัญ
นัยน์ตาสีราตรีมองภาพเด็กหนุ่มที่ยืนยิ้มอย่างมีความสุขด้านหลังชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งอีกคน
อาร์มินที่เห็นท่าทางของเด็กสาวเพื่อนสนิทอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
ตั้งแต่รู้จักกันมาเอเลนเป็นคนที่มีความพยายามมากก็จริงแต่น้อยครั้งนักที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างเพื่อใครสักคนและคนคนนั้นจะต้องเป็นคนพิเศษที่สำคัญมากทีเดียว
“นี่อาร์มิน ถ้ามันเป็นความสุขของเอเลนฉันก็ควรต้องยอมรับมันใช่ไหม?”
มิคาสะเอ่ยถามเด็กหนุ่มตัวเล็ก นัยน์ตาสีราตรียังคงจับจ้องทั้งคู่อย่างไม่วางตา
อาร์มินเลื่อนกุมมือเด็กสาวข้างๆพลางบีบอย่างให้กำลังใจ “เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
แต่ถ้าตอนนี้เรามีความสุขและสามารถคว้าความสุขที่มีตรงหน้าได้ล่ะก็
ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว”
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กอย่างอาร์มินและมิคาสะเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าความชื่นชมที่เอเลนเคยมีให้กับหัวหน้ารีไวกำลังค่อยๆเปลี่ยนไป
เป็นความรู้สึกที่ล้ำลึกเกินกว่าที่แล้วมา
ใบหน้าเฉยชาของหญิงสาวยังคงไร้อารมณ์แต่นัยน์ตาสีราตรีกลับสั่นไหวอย่างชัดเจน
มือเรียวกุมมือของเด็กหนุ่มที่ให้กำลังใจแน่นขึ้น
ถ้าเป็นความสุขที่เธอเลือกและต้องการแล้วล่ะก็…ฉันคงจะสามารถยอมรับมันและเป็นกำลังช่วยเหลือนายได้ในสักวัน….
เมื่องานเลี้ยงอย่างเป็นกันเองจบลงและห้องอาหารสำหรับจัดเตรียมงานถูกทำความสะอาดและเก็บทุกอย่างให้เข้าที่ให้เรียบร้อยตามประสาคนรักความสะอาดของเจ้าของวันเกิดก็ถึงเวลาแยกย้ายกันพักผ่อนตามห้องพักของตน
เว้นแต่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของวันเกิดที่หมายมั่นไว้แล้วว่าค่ำคืนนี้ยังคงอีกยาวไกล
“ด…เดี๋ยวครับหัวหน้า ผมกลับห้องเองคนเดียวก็ได้ครับ”
เอเลน
พยายามรั้งชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังลากเขากลับไปยังห้องใต้ดินซึ่งเป็นห้องนอนของเขาเอง
“แล้วใครบอกว่าฉันจะไปส่งนายที่ห้องเฉยๆกันล่ะ”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้หน้าของเด็กหนุ่มขึ้นสี ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มจะลงไปยังห้องใต้ดินกับเขา
แต่ตอนนี้ห้องใต้ดินไม่สะดวกจริงๆน่ะสิ
“ต…แต่วันนี้หัวหน้าเองก็เหนื่อยมามากแล้วถ้ายังไงผมว่าเราควรพักผ่อนกันมากกว่านะครับ”
เด็กหนุ่มได้แต่พยายามบ่ายเบี่ยงคนดื้อดึงตรงหน้า
นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองเด็กหนุ่มอย่างสงสัย
“ฉันไม่ได้แก่ขนาดที่จะส่งนายไปสวรรค์ไม่ไหวหรอกนะ”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ!!!” ใบหน้ามนยิ่งขึ้นสีกับคำพูดที่สวนกลับมา
ใครจะไปกล้าว่าหัวหน้าแบบนั้นกันล่ะ
บางครั้งที่เขาตื่นสายหรือลุกแทบไม่ขึ้นจนต้องหาข้ออ้างลาป่วยบ่อยๆก็ไม่ใช่เพราะคนตรงหน้านี้หรือยังไงกัน
“แล้วนายหมายความว่ายังไงกัน? นายมีอะไรปิดบังฉันหรือไง เอเลน
เยเกอร์?” ใบหน้าคมส่งสายตาดุให้กับเด็กหนุ่ม
ถึงกระนั้นฝีเท้าก็ยังไม่หยุดจนมาถึงห้องเป้าหมาย
“เดี๋ยวครับหัวหน้า อย่าเพิ่งเปิด!!”
คำห้ามของเอเลนไม่เป็นผล รีไวเปิดประตูห้องใต้ดินซึ่งเป็นห้องนอนของเด็กหนุ่มร่างโปร่งทันที
คิ้วบางของชายหนุ่มต้องกระตุกเมื่อมองสภาพห้องของเด็กหนุ่มที่พื้นเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้และกระดาษจำนวนมาก
“อ๊ากกก!! ผมจะรีบเก็บกวาดนะครับหัวหน้า!”
เด็กหนุ่มรีบกุลีกุจรพยายามเก็บกวาดเศษกระดาษและกลีบดอกไม้จำนวนมากที่กระจายอยู่เต็มพื้นห้อง
ใบหน้าคมมองไปรอบๆห้องพักของเด็กหนุ่ม
นัยน์ตาสีขี้เถ้าสะดุดกับซองจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
มือแกร่งหยิบซองจดหมายขึ้นมาและพบว่าบนซองนั้นจ่าหน้าถึงตนเอง
เอเลนมองตามเสียงฝีเท้าของชายหนุ่มที่เดินเลยตนเองที่กำลังเก็บกวาดของที่พื้นอยู่นั้น
นัยน์ตาสีมรกตต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มหยิบซองจดหมายที่วางไว้บนโต๊ะขึ้นมา
“หัวหน้า อย่าเปิดนะครับ!!”
รีไวไม่ฟังคำคัดค้านที่ตะโกนมาของเด็กหนุ่ม “ในเมื่อมันเขียนส่งถึงฉัน
ฉันก็มีสิทธิเปิดสิ” มือแกร่งเปิดซองจดหมายและหยิบการ์ดข้างในออกมา
และเป็นอีกครั้งที่นัยน์ตาที่แสนเย็นชาสั่นไหว
กระดาษการ์ดสีขาวที่ตกแต่งด้วยดอกอัลมอนด์สีขาวและสีชมพู
แม้จะไม่ได้สวยงามแต่ก็แสดงถึงความตั้งใจของคนทำ
นี้คงเป็นสาเหตุของกลีบดอกไม้และเศษกระดาษที่กระจายอยู่เต็มห้องใต้ดินสินะ
เมื่อเปิดดูข้างใน ใบหน้าคมก็ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างสงสัยกับสิ่งที่เขียนไว้ด้านใน
เพราะเป็นคำที่เจ้าตัวไม่เคยเห็นและคุ้นเคย และแทนที่จะเขียนว่า
Dear… Levi…
แต่เจ้าเด็นนี้กลับเขียนว่า Dear… My Almond flower
และลงท้ายแทนที่จะเป็นชื่อของผู้ให้ กลับกลายเป็น From… Elder Flower
ชายหนุ่มใบหน้ามนอย่างหาคำตอบ
ซึ่งเจ้าตัวคนที่ถูกจ้องเองก็รู้ดีว่าชายหนุ่มต้องการจะถามอะไร
“เออ ผมเคยบอกใช่ไหมล่ะครับว่าคุณน่ะเหมือนกับดอกอัลมอนด์สำหรับผม
และหัวหน้าเองก็บอกว่าผมเหมือนกับดอกเอลเดอร์”
ใบหน้ามนอธิบายพลางหน้าขึ้นสีระเรื่อ
“แล้วคำที่เขียนไว้ตรงกลางนี้ล่ะ หมายความว่ายังไง?”
รีไวชี้คำปริศนาในการ์ดจากเด็กหนุ่ม
“ คำว่า Merry
จากในหนังสือที่ค้นเจอ ในภาษาโบราณ
แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น
ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ ผมจึงเขียนว่า Merry Levi เพื่อหวังให้หัวหน้ามีแต่ความสุขและความสงบน่ะครับ”
คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้รีไวถึงกับต้องเบือนหน้าหนีเพื่อซ่อนใบหน้าของตนที่ตอนนี้เจ้าตัวเองเริ่มรู้สึกร้อนๆขึ้นที่หน้าไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น
“การ์ดใบนี้ควรประดับดอกเอลเดอร์ด้วยนะ”
มือแกร่งหยิบดอกเอลเดอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะแต่กลับไม่ถูกใส่ประดับลงในการ์ด
ประดับวางลงในการ์ดเคียงข้างกับดอกอัลมอนด์ที่ประดับอยู่ตรงกลาง
“ทีนี้ก็จะเป็นการ์ดที่ได้รับจากดอกเอลเดอร์อย่างสมบูรณ์แบบ”
ใบหน้าคมยิ้มบางให้กับเด็กหนุ่มที่มองมา
เอเลนยิ่งหน้าขึ้นสียิ่งกว่าผลแอ๊ปเปิ้ล
ใจสั่นไหวเต้นโครมครามจนแทบจะกระเด็นออกจากอก
ทั้งที่เขาคิดและชั่งใจอยู่ตั้งนานว่าควรประดับดอกเอลเดอร์ลงไปดีไหม?
เพราะเกรงว่าจะเป็นการไม่สมควรที่ตนเองจะอยู่เคียงข้างกับดอกอัลมอนด์ที่เปรียบดั่งความหวังอันสูงส่ง
แต่หัวหน้ารีไวกลับนำดอกเอลเดอร์ที่เขาถอดใจไม่ประดับลงไปวางลงเคียงข้างกับดอกอัลมอนด์อย่างง่ายดาย
ใบหน้ามนรีบก้มหน้าเพื่อหลบสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองมา
เพราะตอนนี้หน้าของเขาคงกำลังต้องยิ้มอย่างหุบไม่อยู่อย่างแน่นอน
“ห้องนี้มันเย็นชะมัด
นายเก็บข้าวของของนายและตั้งแต่วันนี้ไปนอนที่ห้องฉันซะ” คำพูดจากชายหนุ่มทำให้เอเลนมองอย่างแปลกใจ
“เป็นคำสั่ง
ถ้านายไม่ทำตามฉันจะเอาไอการ์ดหน้าตาประหลาดนี้ไปให้คนอื่นดู”
คำขู่จากผู้เป็นหัวหน้าทำให้เด็กหนุ่มหน้าตื่นแล้วรีบเก็บของของตนเองเดินตามหลังแข็งแกร่งนั้นไปติดๆ
ที่จริงแล้วเขาก็ขู่เจ้าเด็กบ้าไปอย่างนั้นเอง คำที่ไอเด็กเหลือขอนั้นอุตส่าห์หามาและเขียนให้กับเขาให้รู้อยู่เพียงแค่สองคนก็พอแล้ว…….
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Special Secret
ลิ้นร้อนเลียริมฝีปากบางก่อนค่อยๆสอดใส่เข้าไปเพื่อตักตวงความหวานในโพรงปากอุ่นของคนที่อยู่ข้างใต้
มือหนาหยาบกร้านบีบคลึงยอดอกสีหวานที่ตั้งยอดชูชัน ฟันคมเลื่อนลงมากัดและขบเม้นบนยอดอกสีหวาน
ทำเอาร่างบางที่อยู่ใต้ร่างถึงกับสั่นระริกและบิดเร้าจากความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น
“อ…อื้อ ห…หัวหน้า ด….เดี๋ยวก่อน
…..อ…..อา”
ลิ้นร้อนยังคงไล้วนและขบเม้นไปทั่วร่างบางของคนในอ้อมกอดโดยไม่ฟังเสียงห้ามที่พยายามเปล่งออกมา
“นายจะรออะไรอีกเอเลน ในเมื่อนายเองก็เป็นซะขนาดนี้แล้ว”
มือแกร่งยกขึ้นให้คนตรงหน้ามองดูหยาดน้ำสีขาวขุ่นที่เริ่มปริ่มออกมาจากส่วนอ่อนไหวจนเปรอะเปื้อนตามนิ้วแกร่ง
เอเลนหน้าขึ้นสีด้วยความอาย
ยิ่งนิ้วแกร่งของชายหนุ่มเริ่มไล้วนยังช่องทางด้านล่างใบหน้ามนได้แต่หลับตาแน่นเตรียมรอรับสิ่งแปลกปลอมที่กำลังจะเข้ามา
“ถ้านายมีอะไรอยากพูดก็รีบพูดซะตอนนี้
ก่อนที่นายจะไม่มีเวลาให้พูดนะเอเลน” รีไวกระซิบที่ข้างหูของร่างบาง
นิ้วแกร่งเริ่มสอดเข้าช่องทางข้างล่างเพื่อเปิดทางก่อนที่จะสอดใส่สิ่งที่ใหญ่หว่าหลายเท่านักเข้าไป
“อือ….หัวหน้า…..ข……ขอบคุณนะครับ”
คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้มือแกร่งขยับจังหวะให้ช้าลงเพื่อให้คนใต้ร่างสามารถข่มอารมณ์ของตนที่กำลังพลุ่งพล่านลงได้บ้าง
“อ๊ะ…อ…
ขอบ…ขอบคุณครับ
ที่…เกิดมา”
เด็กหนุ่มพยายามบังคับลมหายใจของตนเองและค่อยๆเค้นคำพูดออกมา “ผมดีใจ ที่ได้พบ และได้อยู่เคียงข้างหัวหน้า
ขอบคุณนะครับ ขอขอบคุณไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ผมได้มาเจอกับคุณครับหัวหน้ารีไว”
แขนเรียวโอบล้อมบ่าแกร่งเบื้องหน้า ใบหน้ามนส่งยิ้มให้กับคนในวงแขนอย่างอบอุ่น
“ชริ!” ริมฝีปากคมสบถ
มือแกร่งเลื่อนกระชับร่างบางให้เข้าหาตนมากขึ้น ขาเรียวถูกยกพาดกับเอวหนา
“โทษทีนะเอเลน ดูเหมือนฉันจะทนไม่ไหวแล้ว”
เมื่อพูดจบนัยน์ตาสีมรกตต้องเบิกกว้างกับแรงกระแทกของสิ่งแปลกปลอมขนาดใหญ่ที่เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“อื้อ!!” ริมฝีปากบางขบเม้นกันจนเป็นห้อเลือด มือเรียวจิกเล็บลงบนแผ่นหลังแกร่งของคนที่อยู่ด้านบนเพื่อหวังระบายความเจ็บที่แล่นขึ้นมาจากช่องทางด้านล่างที่กำลังโดนกระแทกเข้ามา
“อ…หัวหน้า ….
อ….อา……”
เสียงครางหวานเล็ดรอดผ่านลำคอระหงยิ่งส่งให้ชายหนุ่มเพิ่มจังขยับกายของตนเร็วขึ้น
เสียงผิวเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะดังก้องไปทั่วทั้งห้อง
นับว่าโชคดีที่ห้องของหัวหน้ารีไวแยกออกมาเป็นห้องเดี่ยวซึ่งอยู่ชั้นบนของป้อมปราการไม่ติดกับห้องอื่นๆ
ไม่อย่างนั้นคาดว่าเหล่าบรรดาลูกน้องคงต่างบุกรุกกันเข้ามาเพราะอาจเข้าใจผิดจากเสียงครางและเสียงเนื้อที่กระทบกันอย่างไม่ต้องสงสัย
มือหนาพยายามจับริมฝีปากบางของเด็กหนุ่มที่ขบแน่นให้ออกจากกัน
นิ้วแกร่งสอดเข้ายังโพรงปากที่อ่อนนุ่ม
ลิ้นบางตวัดเลียและดูดเม้มกับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา
“อ่ะ……ฮ้า…….อา”
นิ้วแกร่งถูกถอดถอนออกมา ริมฝีปากคมทาบทับลงมาแทนที่
ลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นบางข้างในจนอีกคนแทบไม่มีเวลาหายใจ
ความหวานและเสียวซ่านถูกมอบให้แก่กันและกัน
“อ.....อ๊า” ร่างบางกระตุกสั่นระริก
น้ำรักถูกปลดปล่อยจนเปรอะเปื้อนกล้ามท้องที่เป็นมัดแน่นสวยของอีกฝ่าย
เฉกเช่นเดียวกับคนที่อยู่ด้านบน
เมื่อการกระแทกจังหวะสุดท้ายลงมาหยาดน้ำอุ่นสีขาวก็ทะลักเข้าช่องทางล่างจนเอ่อล้นออกมาเช่นกัน
คนที่อยู่ข้างใต้ถึงกับสะดุ้งเฮือก เมื่อแก่นกายที่ใหญ่โตถอนออกจากช่องทางล่าง
น้ำรักสีขุ่นไหลลงมาจนเปรอะเปื้อนเต็มโคนขาและช่องทางของเด็กหนุ่ม
เสียงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอทำให้รู้ว่าร่างบางได้เผลอหลับไปเสียแล้ว
รีไวกดจูบลงบนขมับของเด็กหนุ่ม มือแกร่งกระชับร่างในอ้อมกอดให้เข้าหาตนมากยิ่งขึ้น
ด้วยอากาศที่หนาวเย็นทำให้เอเลนขดตัวและเบียดเข้ากับอกอุ่นของอีกคน
ริมฝีปากคมเลื่อนลงกระซิบที่ข้างหูของเด็กหนุ่มในอ้อมกอด
“ขอบคุณที่นายเกิดมาเช่นกัน” แม้จะเป็นคำพูดที่คนในอ้อมแขนไม่อาจรับรู้ได้แล้ว
ถึงกระนั้นเจ้าตัวดีที่หลับในอ้อมกอดก็นอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
บางทีเขาคงตัดสินใจได้แล้วว่าแท้จริงแล้วเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่ในฐานะใดสำหรับเขากันแน่
สักวันเขาคงได้บอกให้กับเด็กหนุ่มได้รับรู้
มือแกร่งพาดผ้านวมผืนหนาห่มให้กับร่างบางและตัวเขาเอง
หิมะสีขาวเริ่มโปรยปรายภายในคืนอันแสนสงบสุขและศักดิ์สิทธิ์
ร่างสองร่างนอนกอดกระชับให้ความอบอุ่นแก่กันและกัน
แม้ค่ำคืนนี้ยังคงเหน็บหนาวแต่ภายในใจกลับอบอุ่นและใกล้ชิดยิ่งกว่าที่แล้วมา
เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ขอแค่ไขว่คว้าความสุขที่อยู่ข้างหน้านี้ไว้ได้แม้ต้องเจอกับอะไรก็จะขอฝ่าฟันและผ่านพ้นไปให้ได้…….
Merry Christmas Merry
Levi Merry Every Body….
พอมาอ่านฟิคในบล็อคนี้รู้สึกมุข ความรู้สึก การบรรยาย ฉากต่างๆ ที่เราอยากเขียนเหมือนถูกรวมอยู่ที่นี่หมดเลยค่ะ...แล้วที่นี้เราจะเอาอะไรไปเขียนละเนี้ย....*คิดหนัก*
ตอบลบยังไงก็ตาม ขอบคุณที่เขียนมาให้พวกราได้อ่านกันนะค่ะ (ยิ้ม)
เเสดงว่าเราสปีชี่ย์เดียวกันค่ะ ถ้าเขียนเมื่อไรจะไปตามอ่านมั่งนะคะ
ลบขอบคุณที่เข้ามาอ่านฟิคของเราเช่นกันค่ะ^^
สนุกมากกกกกกก อยากรู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง
ตอบลบแต่งต่อเรื่อยๆนะคะ