Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last
Memory
Chapter 8
“นานแล้วนะเนี่ย
สงสัยพวกมันท้องผูกขี้ไม่ออกกันอยู่”
เสียงทุ้มดังขึ้นเพื่อทำลายความเงียบระหว่างที่เอเลนและผู้บังคับบัญชาของตนกำลังนั่งรอผลสรุปในห้องโถงที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่ร่างโปร่งและหัวหน้ารีไวเท่านั้น
แผนการจับกุมไททันหญิงทำให้ทีมสำรวจต้องพบกับการสูญเสียเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มของหัวหน้ารีไวที่เอเลนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจนสนิทและเริ่มมีความไว้วางใจให้กันและกัน เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
แต่แล้วสิ่งเหล่านั้นกับมลายหายไปในช่วงเวลาเพียงไม่กี่อึดใจที่ทุกคนต่างโดนไททันหญิงทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมและพรากลมหายใจของพวกเขาเหล่านั้นไป
แม้คนที่แข็งแกร่งและเย็นชาอยู่เสมอจะทำตัวได้เป็นปกติ
แต่ก็ยังคงรับรู้ได้ว่าชายผู้แข็งแกร่งนั้นได้ซ่อนความเสียใจที่ยากจะคาดเดาภายใต้หน้ากากที่เย็นชานั้นต่างหากเล่า และมันยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดกับความอ่อนแอของตนเอง
กับการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา เขาไม่อาจที่จะปกป้องใครได้เลย
ไม่แม้แต่จะปลอบประโลมความเจ็บปวดหรือแบ่งเบาภาระที่หนักอึ้งของชายคนนี้ได้เลย ตัวเขาที่อ่อนแอมันช่างน่าสมเพชสิ้นดี!!
ใบหน้ามนฉายแววตึงเครียดและเจ็บปวด
สองมือบีบเกร็งกำแน่นจนขึ้นเส้นเอ็น
เจ็บใจตัวเองที่ไร้ความสามารถและอ่อนแอทั้งที่หัวหน้าเองก็เจ็บปวดเช่นกันแต่ยังคงที่จะปลอบประโลมเขา
“ขอโทษครับ… ถ้าผม… ไม่เลือกทางเลือกพลาดในตอนนั้น
เรื่องก็คงไม่ต้องกลายเป็นแบบนี้ หัวหน้าก็คงไม่ต้องเจ็บปวด” โดยเฉพาะกับการสูญเสียคุณเพ็ตโทร่าไป
คิ้วมนขมวดจนเป็นปมเมื่อนึกถึงหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม หญิงสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบเสมือนพี่สาวที่คอยใจดีและแสดงความอ่อนโยนต่อเขาเสมอๆ หญิงสาวเพียงคนเดียวที่หัวหน้าแสดงความใจดีและอ่อนโยนให้
“ก็บอกไปแล้วนี่
ไม่มีใครล่วงรู้ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหรอก”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าสบกับนัยน์ตาสีมรกตอย่างเถรตรง เพราะไม่รู้จึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าการตัดสินใจนั้นถูกต้องแล้วหรือไม่ ถ้าจะโทษว่าเป็นความผิดของใครแล้วล่ะก็มันคงเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่สามารถปกป้องลูกน้องที่สำคัญไว้ได้ และเป็นความผิดของเขาที่ไม่รีบกลับไปหลังจากที่ไททันหญิงหลบหนีในคราแรก
เพราะฉะนั้นความรู้สึกผิดและภาระที่หนังอึ้งนี้เขาจะเป็นคนรับผิดชอบและแบกมันไว้จนไปให้ถึงที่สุด ให้สมกับการที่มีคนมากมายต้องสูญเสีย ให้สมกับความไว้เนื้อเชื่อใจที่เหล่าสหายผู้ร่วมเดินทางทั้งหลายได้ส่งมอบให้เขาตราบจนวาระสุดท้ายของลมหายใจ จะขอแบกรับและจดจำเอาไว้ซึ่งความกล้าหาญและความเสียสละของพวกเขาเหล่านั้นเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายสุดท้ายจวบจนชีวิตของเขาจะหาไม่
“ขอโทษนะครับ
เพราะผมหัวหน้าถึงต้องสูญเสียคุณเพ็ตโทร่าไป” ใบหน้ามนนึกถึงหญิงสาวที่อ่อนโยนและใจดีอยู่เสมอ ทั้งที่คิดว่าถ้าเป็นคุณเพ็ตโทร่าถึงตัวเขาจะเจ็บปวดแต่เธอก็ช่างเป็นคนที่เหมาะสมกับหัวหน้าและ… เป็นผู้หญิง
“นั่นน่ะสินะ
เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในทีมทั้งที่ชั้นก็ปรารถนาให้เธอมีความสุข”
คำพูดของรีไวทำให้ใบหน้ามนต้องก้มลงต่ำซ่อนความรู้สึกเจ็บแปลบที่อาจจะเผยออกมาให้เห็น ถึงแม้จะรู้ว่าไม่สมควรแต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของคนตรงหน้า
“ทั้งที่ชั้นคิดว่าออลโอ้คงสามารถดูแลเธอได้ดีและเป็นที่พึ่งได้
สำหรับคนที่เป็นหัวหน้าแล้วอดเสียดายไม่ได้ที่ไม่ได้เห็นทั้งคู่ในชุดแต่งงาน หวังว่าพวกเขาคงจะพักผ่อนกันอย่างสงบ”
มือแข็งแกร่งยกถ้วยชาขึ้นดื่มตามแบบฉบับของตนเอง
ประโยคที่ชายหนุ่มพูดนั้นทำให้เอเลนรู้สึกแปลกใจ ทำไมถึงเป็นคุณเพ็ตโทร่ากับคุณออลโอ้ล่ะ?
ในเมื่อคืนนั้นคุณเพ็ตโทร่าสารภาพรักกับหัวหน้าและทั้งคู่ก็กอดกัน มันควรจะเป็นการตอบตกลงของคนทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ?
หรือเขาจะเข้าใจอะไรผิดไป “เออ ขอโทษนะครับทำไมถึงเป็นคุณออลโอ้ คุณเพ็ตโทร่าชอบหัวหน้าไม่ใช่เหรอครับ?”
ใบหน้ามนเอ่ยถามความขับข้องใจที่ได้เห็นในคืนนั้น
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองร่างบางอย่างสงสัย
“หืม แสดงว่า…คืนนั้นนายเห็น?”
“ผ…ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูนะครับ
แค่บังเอิญได้ยินเข้าจริงๆ” เอเลนรีบแก้ไขความเข้าใจผิดกับเหตุการณ์ที่ดูไร้มารยาทของตนเอง
ในคืนนั้นเขาแค่บังเอิญเห็นเหตุการณ์จริงๆไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูเสียหน่อย
“งั้นเหรอ”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองปฎิกิริยาของเด็กหนุ่ม
ถึงแม้จะไม่สมควรแต่เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่าการกระทำและสีหน้าลำบากใจที่ถามมานั้นทำให้เขาแอบรู้สึกดีอยู่ลึกๆทีเดียว “ใช่ เพ็ตโทร่า สารภาพรักกับชั้นก็จริง
แต่ชั้นไม่สามารถให้เธอมากไปกว่าความห่วงใยของหัวหน้าที่มีต่อลูกน้อง ซึ่งตัวเธอเองก็รู้ดีเธอจึงอยากบอกเพื่อที่จะตัดใจและเริ่มต้นใหม่กับออลโอ้
ซึ่งชั้นเองก็ยินดีและเห็นด้วยกับเธอ แต่…น่าเสียดาย…”นัยน์ตาสีขี้เถ้าหลุบลงต่ำ
ทั้งที่คาดว่าลูกน้องทั้งสองคนจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขแต่แล้วความสุขนั้นกลับหลุดลอยไปโดยไม่อาจหวนคืน
“อย่างนั้นเหรอครับ” ถ้าอย่างนั้นแล้วคนที่หัวหน้าจริงจังและเชื่อใจมาโดยตลอดคงเป็นหัวหน้าเอลวินสินะ
ถึงแม้เรื่องของหญิงสาวที่ได้จากไปแล้วนั้นจะทำให้หมอกเล็กๆในใจของเอเลนจางลงไปบ้างแต่ยังคงมีหมอกหนาทึบที่เด่นชัดกว่านั้นเกาะกุมอยู่ เพราะภาพที่ทั้งสองคนจูบกันอย่างเร่าร้อนยังคงฝังแน่นอยู่ในใจของเด็กหนุ่ม
มือแกร่งคว้าคอเสื้อขอเด็กหนุ่มเพื่อให้หันหน้าขึ้นมาสบตาตนเอง
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเหมือนยังมีอะไรคาใจ “นายมีอะไรอยากจะถามก็ถามมาไอหนู”เสี้ยงทุ้มถามอย่างคาดคั้น
คำถามที่ตัวเขาอยากจะถามคนตรงหน้ามาตลอดแต่ได้แต่เก็บเอาไว้
หัวใจร่างบางสั่นไหวเขากลัวที่จะรู้คำตอบถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่
นัยน์ตาสีมรกตจึงได้เบนหลบสายตาที่กำลังคาดคั้นอยู่นั่น และมันก็ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกรำคาญใจทีเดียว
“ถ้าแกมีอะไรจะถามก็ควรถามมา ชั้นไม่ชอบปล่อยอะไรให้คาใจ”
เมื่อโดนไล่ต้อน
ริมฝีปากบางจึงค่อยๆขยับเอ่ยชื่อคนที่ค้างคาอยู่ในใจ “ล…แล้วกับหัวหน้าเอลวินล่ะครับ มีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณ?”
ชื่อของคนที่เอ่ยขึ้นมาทำให้รีไวแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีใครรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเอลวิน โดยเฉพาะเจ้าเด็กตรงหน้านี้ “นายรู้ได้ยังไง?”
“ผมบังเอิญไปเห็นตอนคุณสองคนจูบกัน” ความเจ็บยังคงแล่นริ้วอยู่ในอกยามนึกถึง
ถึงแม้ตอนนี้เขาและหัวหน้าจะมีความสัมพันธ์ที่เกินเลย
แต่ก็เป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์ทางกายที่ดูเหมือนหัวหน้าจะใช้เขาเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์เท่านั้น สองมือกำแน่น เล็บคมจิกจนเข้าเนื้อ เจ็บ…
แต่ใจของเขาเจ็บยิ่งกว่าเมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้
“นายนี่บังเอิญเห็นเรื่องไม่เป็นเรื่องบ่อยนะ”
สองมือแกร่งยกขึ้นมากอดอก
นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองใบหน้ามนที่กำลังพยายามหลบสายตาของตน “ชั้นกับเอลวินเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกมัด
มันไม่มีอะไรกันทั้งนั้นแค่ง่ายกับการหาที่ระบาย
ไม่รู้ว่าเด็กอย่างแกจะเข้าใจไหมแต่โลกของผู้ใหญ่มันก็แบบนี้แหละ”ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เจ้าเด็กนี่รู้
แต่ก็ไม่อยากให้เจ้าหนูนี่ค้างคาใจกับตัวเขาเช่นกัน
บางทีเขาคงจะใจอ่อนและใจดีกับไอเด็กนี่มากเกินไปสินะ
นัยน์ตาสีมรกตสบตาสีขี้เถ้าด้วยความแปลกใจก่อนที่จะเบนหลบสายตาอีกครั้ง
ถ้าความสัมพันธ์ของหัวหน้ารีไวกับหัวหน้าเอลวินเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกมัดแบบในโลกของผู้ใหญ่ แล้วความสัมพันธ์กับตัวเขาซึ่งเป็นเด็กในสายตาคนตรงหน้านี้มันยังไงกันแน่ล่ะ?
“เฮ้ยเอเลน ชั้นบอกมีอะไรก็ให้ถาม”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มหลบสายตาของตนอีกครั้ง
“อ…เออ…..” อยากรู้แต่ก็กลัวว่าแท้จริงแล้วตัวเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนอื่นๆ
“ว่าไง?”
เสียงเย็นบีบคั้นให้คนตรงหน้าเปิดปากถึงสิ่งที่ต้องการ
เอเลนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา
นัยน์ตาสีมรกตสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าอย่างลังเลก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสายตาแน่วแน่แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจของเจ้าตัว ถึงแม้จะต้องผิดหวังและอาจเป็นได้แค่ที่ระบายอารมณ์ของคนตรงนี้
แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วคนคนนี้คิดยังไงกับเขากันแน่
“สำหรับผม ไม่สิ…
สำหรับหัวหน้าแล้วความสัมพันธ์กับเด็กอย่างผมล่ะครับคืออะไร?”
ใบหน้าคมครุ่นคิดถึงสิ่งที่โดนถาม
นั่นน่ะสิเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแท้จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเขา กับ
เอเลน เยเกอร์ นั้นคืออะไรกันแน่
จะบอกว่าเป็นความสัมพันธ์ที่เหมือนกับของเอลวิน
ก็ไม่น่าใช่เพราะกับเอลวินแล้วเขาไม่เคยรู้สึกมีอารมณ์ร่วมหรือหวั่นไหวกับการกระทำเลย
ถึงแม้ว่าตัวเขาจะทำเรื่องที่โหดร้ายกับร่างบางลงไปแต่เจ้าตัวยังคงทำตัวร่าเริงและว่าง่ายกับเขาเสมอ
รวมทั้งนัยน์ตาสีมรกตที่จ้องมองมาก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมไม่เคยเปลี่ยนแปลงสำหรับร่างบางนี้แล้วทุกครั้งที่ได้สัมผัสอารมณ์ก็ยิ่งเร่งเร้าเหมือนถูกกระตุ้นให้อยากที่จะสัมผัสมากยิ่งขึ้น
ยิ่งโอบกอดมากเท่าไรกับยิ่งรู้สึกว่าไม่เคยพอและต้องการมากขึ้นเท่านั้น
อยากที่จะครอบครองและเก็บไว้เป็นของเขาเพียงคนเดียวนัยน์ตาสีขี้เถ้าจมจ่ออยุ่กับความคิดของตน
นี่เขากำลังแปลกไปสินะตั้งแต่เจอเด็กหนุ่มคนนี้
ครั้งแรกที่เห็นก็รู้สึกเพียงว่าเจ้าหนูนี่น่าสนใจเพราะพลังไททันในตัว
ความดื้อรั้นที่ไม่เกรงกลัวและแววตาที่มุ่งมั่นมันช่างดึงดูดให้มอง
ใบหน้าที่ยังคงยิ้มได้แม้เจอเรื่องเลวร้ายช่างแตกต่างจากตัวเขาที่เฉยชาและไร้อารมณ์
ความแตกต่างนั่นคงเป็นเสน่ห์ดึงดูดเขาไปทีละน้อยอย่างไม่รู้ตัว
ถ้าอย่างนั้นแล้วเจาเด็กนี่ควรอยู่ในฐานะอะไรสำหรับเขา?
“เออ
หัวหน้าครับ?”
เสียงหวานเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านิ่งเงียบไป หรือเพราะว่าหัวหน้าไม่อยากตอบ คงเกรงว่าจะทำร้ายจิตใจของเด็กแบบเขาสินะ
คิดได้ดังนั้นใบหน้ามนก็อดที่จะรู้สึกสลดไม่ได้
แต่แล้วมือแข็งแกร่งกับเข้ามาลูบผมเขาอย่างแผ่วเบาเหมือนกำลังปลอบประโลม
“สำหรับนาย…มันคงจะเป็นอะไรที่……พิเศษ”
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง เมื่อกี้เขาได้ยินอะไรผิดรึเปล่า?
“หืม… กับการที่ชั้นบอกว่า พิเศษ ทำให้นายเสียใจขนาดนั้นเลยรึไง?”
ใบหน้าเฉยชาอยู่เสมอเกิดรอยยิ้มบางเมื่อเห็นว่านัยน์ตาสีเขียวนั้นมองมาที่เขาอย่างตกตะลึงและหยาดน้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมาอย่างไม่มีเสียง
มันทำให้เขารู้สึกพอใจอย่างประหลาด เพราะรู้ดีว่าน้ำตาที่หลั่งรินนั่นไม่ใช่เพราะหวาดกลัวหรือผิดหวัง
แต่เป็นน้ำตาแห่งความปรีดา
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบางครั้งน้ำตาก็ทำให้มีความสุขได้เช่นกัน
“ม…ไม่ใช่ครับ!!!” มือเรียวรีบปาดน้ำตาของตนเอง
ทั้งที่พยายามให้หยาดน้ำที่หลั่งรินนั้นแห้งลงแต่เหมือนกับจะยิ่งเอ่อล้นออกมาเช่นเดียวกับความรู้สึกของเขาที่ตอนนี้ท่วมท้นและจุกแน่นด้วยความตื้นตันอยู่ที่ลำคอ
“ผ…..ผม……” ริมฝีปากบางสั่นไหวจนไม่อาจพูดคำใดใดออกมา
ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ หัวใจเต้นโครมครามดังเสียจนแทบไม่ได้ยินเสียงของตนเอง ความสุขเอ่อล้นขึ้นมาจนสั่นไหว
ถ้านี่คือความฝันแล้วล่ะก็ช่วยให้ทุกอย่างหยุดลงที่ตรงนี้ “ห…หัวหน้า ม…ไม่…ไม่ได้หลอกผมเล่นใช่ไหมครับ?”
ถึงแม้นี่จะเป็นคำหลอกลวงแต่เขาก็ขอยอมที่จะโดนหลอกและก้าวเข้าไปในกับดักที่แสนหวานนี้อย่างเต็มใจ
มือแกร่งจับใบหน้าของคนที่ตอนนี้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขึ้นมาอย่างแผ่วเบา
ริมฝีปากคมทาบทับลงบนริมฝีปากสีระเรื่อที่กำลังสั่นน้อยๆ ลิ้นร้อนเลียผิวปากอย่างแผ่วเบาก่อนจะรุกล้ำมอบความหวานให้กับร่างที่กำลังสั่นไหว
ร่างบางเองก็ยินยอมและตอบรับการรุกล้ำกลับมาเช่นกัน
เป็นสัมผัสที่ให้ความรู้สึกต่างไปจากที่เคย
จนอดคิดไม่ได้ว่าจูบนั้นที่จริงแล้วมีรสหวานที่น่าหลงใหลขนาดนี้เลยสินะ
“นายคิดว่าชั้นเป็นคนชอบล้อเล่นรึไง”
นัยน์ตาคมจ้องลึกไปในดวงตาสีมรกตเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของตน
“ม…ไม่ครับ” ใบหน้ามนร้อนผ่าวเมื่อถูกสายตาคมจ้องเหมือนจะกลืนกินเข้าไป
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะจนกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน
“ไม่เลว”ริมฝีปากคมสัมผัสที่เปลือกตาบางของเอเลนก่อนที่จะกลับไปนั่งที่ของตน
เด็กหนุ่มได้แต่ก้มหน้ามองมือของตัวเอง
น้ำตานั้นได้แห้งไปแล้วตั้งแต่ริมฝีปากเขยิบเข้ามาใกล้
แต่หัวใจที่เต้นถี่รัวนี้ดูท่าจะไม่ยอมสงบเอาง่ายๆเสียเลย
อยากจะบอกถึงสิ่งที่คิดว่าคงไม่สามารถที่จะบอกคนคนนี้ได้
สิ่งที่เก็บไว้ในใจของเขามานาน ถ้าความรู้สึกนี้ตรงกันแล้วล่ะก็
ก็อยากที่จะเอ่ยเพื่อยืนยันความรู้สึกกับคนสำคัญที่สุด
“เออ หัวหน้าครับ”
ก่อนที่เอเลนจะได้เอ่ยคำใดออกมาประตูไม้ที่ปิดสนิทอยู่นานก็เปิดออก
ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าสูงสุดของหน่วยสำรวจพร้อมกับเพื่อนๆของเขาออกมาจากห้องประชุม
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะได้รับการสรุปแล้ว
“ขอโทษที่ให้รอนะ
เราได้ผลสรุปแล้วล่ะเรื่องไททันตัวเมีย วันมะรืนเราจะเริ่มแผนกัน” เอลวินและคนอื่นๆ
เข้ามานั่งร่วมโต๊ะพร้อมทั้งอธิบายแผนการที่ต้องเตรียมเพื่อดำเนินการจับกุมไททันหญิง
จากชื่อของคนที่ถูกระบุว่าเป็นไททันหญิงนั้นถึงกับทำให้ร่างโปร่งหน้าถอดสี
ถึงในใจลึกๆเขาจะสงสัยว่าไททันหญิงนั้นมีส่วนที่คล้ายกับเพื่อนทหารร่วมรุ่น104 ของเขาอยู่มาก
แต่เขาก็ยังยากที่จะยอมรับว่าแท้จริงแล้วเพื่อนที่ร่วมชะตากรรมและฝ่าฟันด้วยกันมาในสมัยเป็นนักเรียนทหารจะเป็นไททันที่ฆ่าคนไปมากมาย
รวมถึงทุกคนในหน่วยรีไวที่เอ็นดูและเชื่อใจเขา ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจของร่างบางบีบรัด
มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ผิดพลาดแน่ๆ
“ถึงเราจะไม่มีหลักฐาน
ยังไงก็ต้องทำตามแผน” รีไวย้ำคำสั่งที่ต้องดำเนินการให้ร่างบางรับรู้
เขารู้ดีว่าตอนนี้เอเลนกำลังหวั่นไหวและพยายามที่จะหลีกหนีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
โลกนี้มันโหดร้าย เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่อยู่รอบๆตัวนั้นแท้จริงแล้วคือมิตรหรือศัตรู
“เอเลนนายได้สู้กับไททันตัวเมียนั่นแล้ว
นายไม่สงสัยหรือสะกิดใจอะไรจริงๆเลยเหรอ?” มิคาสะกล่าวสมทบยิ่งตอกย้ำเรื่องจริงที่เกิดขึ้นให้เอเลนได้รู้
ถึงแม้ว่าจิตใจจะยังไม่อาจยอมรับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้
แต่แผนการยังคงต้องดำเนินต่อไป แผนการจับกุมไททันหญิงดำเนินขึ้นภายในกำแพง
จากการต่อสู้ที่ดุเดือดของไททันสองตัวทำให้ตัวเมืองเสียหายและผู้คนต่างล้มตายเป็นจำนวนมาก
ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้ทีมสำรวจถูกจับตามองเป็นกรณีพิเศษ
หัวหน้าเอลวินถูกคุมตัวเพื่อสอบปากคำ
รวมถึงความลับของกำแพงที่ไม่มีใครเคยล่วงรู้มาก่อนยื่งค้นหาและพยายามเข้าใกล้ความจริงมากเท่าไรก็ดูเหมือนจะมีปริศนาที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ตัวจริงของไททันหญิงที่สามารถจับกุมไว้ได้นั้นก็ไม่อาจที่จะสอบปากคำใดใดได้
เพราะเธอได้สร้างผลึกป้องกันตนเองและหลับใหลอยู่ภายในผลึกแก้วที่แข็งแกร่งเกินกว่าจะนำตัวออกมาได้
ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนาแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรคืบหน้า
ในเมื่อคนที่สามารถกลายเป็นไททันได้ที่คาดว่าเป็นศัตรูไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว
นัยน์ตาสีเขียวมรกตค่อยๆปรือขึ้นมา
ตอนนี้เขากลับมาอยู่ที่ห้องพักของหน่วยสำรวจ
เนื่องจากเอเลนได้รับบาดเจ็บอย่างมากในการต่อสู้กับไททันหญิงเขาจึงได้รับให้หยุดทำภารกิจเป็นกรณีพิเศษเพื่อพักฟื้นชั่วคราว
ถึงแม้ว่าพลังไททันในตัวของเอเลนจะสามารถฟื้นฟูร่างกายได้เองแต่ตัวเขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจึงต้องใช้เวลาในการรักษาเช่นเดียวกับมนุษย์คนอื่น
ใบหน้ามนมองรอบๆห้องก็เห็นว่าชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่สุดของมนุษยชาติกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาในห้อง
เพราะยังไงแล้วการจับตาดูเขาก็เป็นหน้าที่ของคนตรงหน้าจึงไม่แปลกที่เขาทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันเสมอๆ
แต่บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วใบหน้าเฉยชานั่นคงกำลังเป็นห่วงเขาจึงคอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง
“ตื่นแล้วเหรอเอเลน” นัยน์ตาสีขี้เถ้าละออกจากหนังสือแล้วจ้องมองใบหน้ามน
เมื่อรับรู้ได้ว่าคนที่เขาคอยเฝ้าห่วงอยู่นั้นได้สติแล้ว
“ครับ”
ใบหน้ามนตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบางให้อีกฝ่าย “หัวหน้าครับ… แอนนี่เป็นไททันหญิงจริงๆสินะครับ”
ถึงเขาจะเห็นตอนที่แอนนี่กลายร่างเป็นไททันและภาพแอนนี่ที่กลายเป็นผลึกคือภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็นก็ตาม
แต่ใจลึกๆก็ยังคงแอบปฏิเสธความจริงที่เห็นไม่ได้อยู่ดี
“นายน่าจะรู้ดีที่สุดอยู่แล้ว เอเลน”
ร่างเล็กแต่แข็งแรงกำยำเดินเข้ามาพร้อมยกอาหารที่เตรียมไว้เผื่อคนป่วยตื่นจะได้ทาน
“ฮ่าฮ่า โลกนี้มันโหดร้ายจริงๆนะครับ” เสียงหัวเราะที่ฟังดูประชดโลกใบนี้ถูกส่งมาจากร่างบาง
สองแขนค่อยๆยันตัวเองลุกนั่งบนเตียงพร้อมรับถาดอาหารจากคนตรงหน้า
“กินซะเอเลน
นายต้องรักษาตัวเองให้ดีเพื่อคนที่เหลืออยู่” มือหนาลูบศีรษะคนผมสีน้ำตาลอย่างอ่อนโยน
เขารับรู้ได้ว่าตอนนี้เด็กน้อยตรงหน้ากำลังหวั่นไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่อาจแก้ไขได้จึงได้แต่ต้องยอมรับแล้วก้าวข้ามมันไปให้ได้แม้จะเจ็บปวดก็ตาม
เพราะโลกนี้มันโหดร้ายยังไงล่ะ
“เอเลนตื่นแล้วเหรอ?” เสียงของมิคาสะดังขึ้นพร้อมประตูที่ถูกเปิดออกอย่างแรง
ร่างโปร่งของหญิงสาวรีบเดินมาดูอาการคนป่วยที่เธอรอคอยให้ได้สติ
ไม่นานนักแจนและอาร์มินที่ตามมิคาสะมาก็มาถึงห้องพักของเอเลนเช่นกัน
ทั้งคู่รีบเดินเข้าไปดูอาการเพื่อนของตนเองด้วยความเป็นห่วง
จนเอเลนต้องบอกให้ทุกคนใจเย็นๆเมื่อเห็นว่าทุกคนพยายามถามไถ่ถึงอาการของเขา
“งั้นชั้นขอไปตรวจรายงานพร้อมสรุปงานกับเอลวินก่อนนะ”
ชายผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าเตรียมตัวออกจากห้องเพื่อไปเคลียงานที่ค้างคาให้เสร็จ
ก่อนที่จะก้าวออกไปนั้นเอเลนก็ได้หยุดเรียกเขาไว้เสียก่อนจึงทำให้ใบหน้าคมหันหลับมามองบนเตียงคนป่วยอีกครั้ง
“เออ
หัวหน้าจะกลับมาหาผมอีกใช่ไหมครับ?”
ถึงแม้ว่าหัวหน้ารีไวจะเคยบอกไว้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผบ.เอลวินนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย
และถึงแม้หัวหน้าจะไปเพราะเรื่องงานแต่เขาก็อดที่จะรู้สึกหวงไม่ได้หรอกนะ
รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าคม
เขารู้ดีว่าเจ้าเด็กนี่คิดยังไงเพราะสายตาที่เหมือนกับสุนัขที่โดนเจ้าของทิ้งมันกำลังอ้อนวอนให้เขาอยู่
แต่ตอนนี้ในเมื่อเพื่อนของเจ้าหนูนั่นก็อยู่กันเต็มและตัวเขาเองก็มีงานที่ต้องรับผิดชอบถึงแม้ว่าสายตานั้นจะเว้าวอนเพียงใดเขาก็ต้องไปทำหน้าที่ของตนเองอยู่ดี
“การจับตาดูนายเป็นหน้าที่ของชั้นอยู่แล้ว
เสร็จเมื่อไรจะรีบกลับมา” เสียงประตูปิดลงและเสียงฝีเท้าค่อยๆเดินจากไป แต่จิตใจของเอเลนกลับเต็มอิ่มและอบอุ่น
ถึงแม้หัวหน้าจะบอกว่ากลับมาเพราะหน้าที่แต่ว่าความอบอุ่นที่แฝงมาในคำพูดนั้นก็ตอกย้ำความเป็นคนพิเศษของเขา
“ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า
แต่ผมรู้สึกว่าหัวหน้ารีไวจะเอ็นดูเอเลนเป็นพิเศษนะครับ”
เพราะวันนี้ในขณะที่ร่างไททันของเอเลนกำลังถูกร่างไททันของแอนนี่หลอมรวมอยู่นั้น
หัวหน้ารีไวซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ขาจากการต่อสู้กับไททันหญิงก่อนหน้านี้ก็รีบตรงเข้าไปช่วยร่างโปร่งในร่างไททันที่ไม่ได้สติเป็นคนแรก
จนอดคิดไม่ได้ว่าหัวหน้ารีไวเป็นห่วงร่างโปร่งมากทีเดียว
คำพูดของอาร์มินทำให้มิคาสะตีหน้าเครียดจ้องมองเอเลน
เพราะเธอเองก็อดรู้สึกไม่ได้เช่นกันว่าสองคนนี้เหมือนมีสายสัมพันธ์ที่ส่งให้กันเกินคำว่าเจ้านายและลูกน้อง
“ม…ไม่หรอกอาร์มิน หัวหน้าเขาก็ใส่ใจทุกคนแหละ” ใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อและการเบนหลบสายตาของใบหน้ามนทำให้อาร์มินเชื่อคำปฏิเสธของคนตรงหน้าไม่ลงจริงๆ
แต่ก็อดยิ้มกับปฏิกิริยาที่ดูมีความสุขของเพื่อนไม่ได้
จะรู้สึกสงสารก็แต่มิคาสะที่มองเอเลนด้วยสีหน้าตึงเครียดนั่น
“แจนผมต้องไปส่งรายงาน
แจนช่วยไปเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ” ร่างเล็กผมทองคว้ามือร่างสูงผมสีน้ำตาลอ่อนอีกคนที่กำลังทำหน้างงเพราะถูกบังคับให้เดินตามออกไปด้วยกัน
เพราะรับรู้ได้ว่ามิคาสะต้องการที่จะพูดบางอย่างกับร่างบางบนเตียง
ซึ่งถ้าพวกเขาอยู่ด้วยเธอคงไม่สามารถเปิดใจคุยได้สะดวก
และมันจะเป็นการดีกับทั้งตัวมิคาสะและเอเลนที่ไม่เคยมองหญิงสาวคนนี้เกินกว่าพี่สาวหรือคนในครอบครัวตนเองเลย
ประตูไม้ของห้องพักปิดลงอีกครั้งเมื่อแจนและอาร์มินเดินจากไป
เหลือเพียงเขากับมิคาสะสองคนในห้อง ใบหน้ามนมองหญิงสาวที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของตนเอง
ใบหน้าสวยนั้นยังคงฉายแววตึงเครียด
มือเรียวจึงยกลูบผมสีดำเงางามของหญิงสาวเพื่อปลอบประโลม
“ชั้นไม่เป็นไรแล้วมิคาสะเธอไม่ต้องกังวลหรอ”
ใบหน้ามนคลี่ยิ้มกว้างหวังจะคลายความกังวลของหญิงสาวลงได้บ้าง แต่มันไม่ช่วยอะไรเลยเพราะสิ่งที่เธอกังวลไม่ใช่ร่างกายภาบนอกที่บาดเจ็บแต่เป็นจิตใจที่กำลังเอนเอียงไปยังอีกคนต่างหากล่ะ
“เอเลน
เธอมีความสุขรึเปล่า?” เสียงหวานเอ่ยถามออกไปทั้งที่สีหน้ายังคงหม่นหมอง
“อืม… ชั้นบอกไม่ได้หรอกนะว่าตอนนี้ชั้นมีความสุข
แต่ว่าถ้าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว ไม่ใช่แค่ชั้น แต่ทั้งเธอ ทั้งอาร์มิน และทุกคน
พวกเราต้องมีความสุขนะ” มือเรียวจับมือบางของอีกคนขึ้นมาหวังให้กำลังใจ
ใบหน้าสวยที่ตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ไม่ใช่แค่ชั้นแต่ทุกคนจะต้องมีความสุขและได้รับอิสรภาพที่รอคอย
“เอเลน
เป็นชั้นไม่ได้เหรอ? ที่จะทำให้เธอมีความสุขน่ะ” ในหน้าสวยมองจ้องไปยังคนบนเตียง
แววตาฉายแววมุ่งมั่นรอฟังคำตอบ
เอเลนตกใจกับคำถามของเด็กสาวที่เขาคิดเสมอว่าเป็นคนสำคัญที่เปรียบดังคนในครอบครัวของเขา
นัยน์ตาสีมรกตสบกับนัยน์ตาสีราตรีที่มองมาอย่างมุ่งมั่น
มือเรียวยกขึ้นลูบเรือนผมสีดำอีกครั้ง
“เธอเป็นคนสำคัญของชั้นนะมิคาสะ
เปรียบเสมือนคนในครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่”
นัยน์ตาสีราตรีจ้องมองร่างบางเธออดที่จะรู้สึกไหวหวั่นไม่ได้ “แต่… ขอโทษชั้นไม่อาจคิดกับเธอได้มากไปกว่านั้น
แต่เธอเป็นคนสำคัญของชั้นนะมิคาสะและชั้นเองก็หวังอยากให้เธอมีความสุขเช่นกัน”
สองมือโอบกอดร่างเด็กสาวอย่างแผ่วเบาเขาเข้าใจแล้วว่าหัวหน้ารู้สึกยังไงกับคุณเพ็ตโทร่าเมื่อเธอมาสารภาพรัก
ขอโทษที่ไม่อาจตอบรับความรู้สึกที่จริงจังที่มอบมาให้ได้
ขอโทษที่ไม่อาจเลือกเธอผู้ซึ่งคอยอยู่เคียงข้างมาตลอดและเป็นคนสำคัญ
แต่ชั้นก็คงปรารถนาให้เธอเจอใครสักคนที่จะทำให้เธอมีความสุขและเธอสามารถรักเขาได้อย่างเต็มหัวใจให้มากกว่าที่เธอรักชั้น
เพราะใจของชั้นไม่อาจที่จะมอบให้กับใครได้อีก
“เอเลน… เพราะไอเตี้ยนั่นสินะ” เสียงดุดันเอ่ยขึ้นทำให้ร่างบางจับไหล่ของเด็กสาวและจ้องมองด้วยความหวาดหวั่น
“ถ้าไม่มีไอเตี้ยนั่น เธอก็คงไม่ปฏิเสธชั้นใช่ไหม?” คิ้วที่ขมวดเป็นปมแล้วแววตาฉายแววขุ่นเคืองจ้องตรงมา
ถึงกระนั่นก็ไม่อาจปิดบังน้ำตาที่ไหลรินของเด็กสาวได้
เอเลนส่ายหน้าไปมาเป็นการปฎิเสธ
“เปล่าเลยมิคาสะ
ต่อให้ไม่มีเรื่องของหัวหน้าชั้นก็ไม่สามารถให้เธอเกินเลยได้มากกว่าคำว่าคนในครอบครัว”
เขาไม่เคยสนใจเรื่องของความรัก
ไม่เคยคิดที่จะผูกสัมพันธ์กับใครเกินเลยไปจนถึงขั้นอยากเป็นคนรัก แต่พอได้เจอกับหัวหน้ารีไวแล้วความรู้สึกที่มากมายก็ถาโถม
อยากเป็นคนสำคัญ อยากที่จะครอบครองคนคนนั้นไว้ ถูกสอนให้รู้ที่จะรักแม้จะต้องเจ็บปวดแต่ก็ยังที่จะขอรักและหวังว่าสักวันเขาคนนั้นจะมองกลับมาที่ตนเองบ้าง
และถูกสอนให้รู้ถึงความสุขของการรักใครสักคนตั้งแต่คนคนนั้นก้าวเข้ามาในชีวิต ซึ่งความรู้สึกแบบนี้คงไม่สามารถรู้ได้ถ้าไม่ได้เจอกับหัวหน้ารีไว
“มิคาสะเธอยังคงเป็นคนสำคัญของชั้นเสมอ เป็นอย่างนี้ไม่ได้เหรอ”
ใบหน้ามนจ้องมองด้วยสายตาเว้าวอน ที่จริงแล้วเขาไม่อยากทำร้ายจิตใจใครโดยเฉพาะกับคนสำคัญด้วยแล้ว
แต่ทุกอย่างล้วนเพื่อตัวของเขาและมิคาสะเองเพื่อที่เด็กสาวจะได้ตัดใจ
เลิกยึดติดกับตัวเขาและหาความสุขให้ตัวเองเสียที
ใบหน้าสวยจ้องกลับไปยังใบหน้ามนที่หม่นหมองแสดงถึงความไม่สบายใจออกมาอย่างเด่นชัด
ทั้งที่เธออยากให้คนคนนี้มีความสุขที่สุด แต่ตอนนี้เธอกลับทำให้ร่างโปร่งลำบากใจที่สุดสินะ
ยิ่งสายตาเว้าวอนที่มองมาแล้วเธอรู้ดีว่าไม่ว่าเมื่อไรเธอก็ไม่สามารถปฎิเสธเด็กหนุ่มคนนี้ได้เลย
“ถ…ถ้าไอเตี้ยนั้นมันทำให้เธอเสียใจชั้นจะฆ่ามัน”สองมือบางกำแน่น ถึงแม้ไม่อยากจะยอมรับแต่เพื่อความสุขของเอเลน
ชั้นจะพยายาม…
เอเลนคลี่ยิ้มให้กับเด็กสาวสองมือขยี้ลงบนเส้นผมสีดำด้วยความเอ็นดู
“ขอบใจนะมิคาสะ ชั้นรักเธอจัง”
นัยน์ตาสีราตรีมองคนบนเตียงอย่างนึกเอ็นดู
ถึงแม้คำว่ารักของร่างบางจะเป็นคนละความหมายกับที่เธอต้องการ
แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว แค่ได้เป็นคนสำคัญแม้ต้องอยู่ในฐานะอะไรก็ไม่สำคัญ
ขอเพียงแค่เอเลนมีความสุข “คำนั้นน่ะไว้ไปพูดกับไอเตี้ยนั่นดีกว่า
เผื่อส่วนสูงจะเพิ่มขึ้นบ้าง” ถึงแม้เธอจะยอมรับเรื่องของทั้งสองคนแต่ก็อดที่จะแขวะคนที่มาแย่งคนสำคัญที่สุดของเธอไปไม่ได้
เพราะสำคัญมากกว่าสิ่งใดจึงปรารถนาให้เธอมีความสุขที่สุดแม้ชั้นจะต้องเจ็บปวด
แต่ก็ขอเฝ้ามองและขอให้เธอมีแต่ความสุข เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรการที่ไขว่คว้าความสุขที่อยู่ตรงหน้าได้ย่อมช่วยเยียวยาหัวใจในโลกที่โหดร้ายนี้ได้บ้าง
พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า
พร้อมการกลับมาของชายหนุ่มผูแข็งแกร่งที่เขารอคอยมาตลอดทั้งวัน
ร่างแข็งแกร่งถอดเสื้อคลุมสีน้ำตาลที่สัญลักษณ์ปีกเสรีภาพของหน่วยของตนออกพาดไว้ที่โซฟา
“วันนี้เป็นยังไงบ้างครับหัวหน้า?”
ใบหน้ามนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหัวหน้าของตนกลับมาด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดเล็กน้อย
“พวกข้างบนมันก็งี่เง่าเหมือนเคยนั้นแหละ
เอาแต่มุดหัวอยู่ในรูกันทั้งนั้น”
อดหัวเสียไม่ได้กับรายงานที่ต้องมาเขียนเพื่ออธิบายเหตุการณ์การจับกุมไททันหญิงที่เกิดขึ้นแล้วไหนจะคำสั่งจับตาทีมสำรวจที่ออกมานั่นอีก
ในเมื่อตนเองไม่คิดที่จะทำอะไรได้แต่นั่งมองอยู่บนหิ้งแล้วมุดหัวอยู่แต่ในที่ของตัวเอง
ก็ไม่ควรมาก้าวก่ายสร้างความยุ่งยากให้กับคนอื่น ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด
ใบหน้าคมถอนหายใจแล้วมองกลับไปยังเตียงของคนป่วยที่จ้องมองเขาด้วยแววตาที่สดใสเหมือนลูกหมาที่เห็นเจ้าของกลับมาแล้ว
และมันก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นบ้าง “ว่าแต่นายอาการเป็นยังไงบ้างไอหนู?”
ร่างแข็งแกร่งเขยิบเข้ามาใกล้คนที่อยู่บนเตียงเพื่อดูอาการบาดเจ็บที่ดูเหมือนเริ่มสมานกันดีแล้ว
“เกือบจะเป็นปกติแล้วล่ะครับ
ว่าแต่หัวหน้าเองขาเป็นยังไงบ้างครับ?”ระหว่างการต่อสู้กับไททันหญิงในป่าหัวหน้าเองก็ได้รับบาดเจ็บที่ขาเช่นกัน
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะนายไม่ต้องห่วงหรอก”
รีไวเดินกลับไปนั่งที่โซฟาพร้อมทั้งตรวจเอกสารที่หยิบติดมาด้วย
แม้จะบาดเจ็บหรือมีเรื่องยุ่งต่างๆเข้ามามากมายแต่หัวหน้าก็ยังคงทำหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของตนเองเสมอ
การที่หัวหน้าบาดเจ็บจึงทำให้ไม่อาจลงพื้นที่ภาคสนามได้เลยทำให้ต้องนั่งจมอยู่กับกองเอกสารแล้วทำให้ต้องไปหา
ผบ.เอลวิน มากขึ้นด้วย และมันทำให้ร่างบางอดคิดหวงไม่ได้
“วันนี้หัวหน้าก็อยู่กับผบ.เอลวินทั้งวันเลยเหรอครับ?” ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็ยังคงอดถามไม่ได้อยู่ดี
“ปกติชั้นก็อยู่กับหมอนั่นแทบตลอดอยู่แล้วเวลาทำงาน”
ใบหน้าคมยังคงจับจ้องที่เอกสารในมือ
ถ้าเขาขอร้องให้คนตรงหน้าไม่ไปหาหัวหน้าเอลวิน
เขาคงเป็นคนที่แย่และเป็นได้แค่เด็กเหลือขอที่แยกแยะระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก
ทั้งๆที่ก็รู้ว่าไม่สมควรแต่ก็อดที่จะหวงไม่ได้เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นมันเกินเลยกว่าเรื่องงาน
แต่ตอนนี้หัวหน้าบอกว่าเขาเป็นคนพิเศษ
ถ้าจะลองขอร้องความเห็นแก่ตัวตรงนี้คงได้สินะ....
“เออ หัวหน้าครับ
ถ้าผมขอร้องให้คุณนอนกับผมแค่คนเดียวจะได้รึเปล่าครับ?” ใบหน้ามนขึ้นสีระเรื่อมือเรียวยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าซ่อนความอาย
ถึงแม้จะอยากครอบครองไว้แต่คำพูดมันก็ชวนน่าอายอยู่ดี
“โฮ่ พอชั้นบอกว่านายเป็นคนพิเศษนายก็เริ่มจะเรียกร้องอย่างงั้นเหรอ”
มือหยาบวางเอกสารที่ต้องตรวจลงบนโซฟา เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจกว่าเอกสารงี่เง่าหลายเท่านัก
นัยน์ตาคมจ้องมองคนบนเตียงที่พยายามซ่อนความอายใต้ผ้าห่ม
“ม… ไม่ใช่ครับ ก็แค่…”
ใบหน้ามนได้แต่บ่นอุบอิบใต้ผ้าห่มของตนไม่กล้าเงยหน้ามองขึ้นมาสบตากับนัยน์ตาคมนั่นก็แค่อยากเป็นที่หนึ่งของคุณก็เท่านั้น
ร่างกายแข็งแกร่งเดินเข้ามาชิดเตียง
สองมือแกร่งยันลงบนเตียงคร่อมร่างอีกคนไว้
“นายคิดว่านายคนเดียวสามารถสนองความต้องการของชั้นได้หมดรึไง เอเลน เยเกอร์?”
เสียงทุ้มหยอกเย้าที่ใบหูร่างบาง
คำถามที่ถูกถามมานั้นทำให้ความอยากเอาชนะของร่างโปร่งกลบความอายทั้งหมดที่มี
“ได้แน่นอนครับ!!” นัยน์ตาสีเขียวสบนัยน์ตาสีขี้เถ้ากลับไปอย่างจริงจัง
ใบหน้าคมยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่เลว ไหนลองพิสูจน์ให้ดูหน่อยสิเอเลน” ก่อนที่ริมฝีปากบางจะได้เอ่ยตอบกลับไป
คนที่คร่อมอยู่นั้นก็มอบจูบที่ปลุกเร้าและหอมหวานลงมาให้ ลิ้นร้อนไล่วนเกี่ยวพันอีกคนปลุกอารมณ์วาบหวานและร้อนรุ่มให้แก่กัน
มือหยาบดึงผ้าห่มที่กั้นขวางไว้ออกไปแล้วรุกล่ำเข้าสัมผัสยังยอดอกที่อ่อนไหวภายใต้เสื้อแขนยาว
ลิ้นร้อนยังคงมอบจูบที่แสนหวานให้กับร่างบาง ลิ้นร้อนเลียกลีบปากบางก่อนค่อยๆผละออกทั้งที่ความจริงก็ยังอยากที่จะรุกล่ำอย่างจาบจ้วง
แต่ก็อดที่จะแกล้งร่างโปร่งที่กำลังหอบระริกและส่งสายตาอ้อนวอนเชิญชวนไม่ได้
“หืมไหนบอกจะทำให้ชั้นพอใจไง
แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอไอหนู?”
คำปรามาสจากใบหน้าคมทำให้ต่อมอยากเอาชนะของเด็กหนุ่มปะทุ
เอเลนจึงพลิกตัวเองขึ้นและนั่งคร่อมบนตักอีกคน
ใบหน้ามนก้มลงจูบคนตรงหน้าลิ้นร้อนตวัดอย่างไม่รู้ประสา
เพราะทุกครั้งคนที่นำจนไปถึงจุดก็จะมีแต่ร่างแข็งแกร่งนี้เท่านั้น นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเป็นคนลองทำเอง
ถึงแม้ลิ้นร้อยจะรุกล่ำอย่างไม่เป็นงานแต่ก็นับได้ว่าทำให้ใบหน้าคมรู้สึกดีไม่น้อย
ริมฝีปากบางไล่ลงจนถึงไหปลาร้าแกร่งก่อนที่จะโลมเลียและขบกัดฝากฝังรอยกลีบกุหลาบเพื่อแสดงว่าคนคนนี้เป็นของเขา
มือหยาบของคนอายุมากกว่าสะกิดยังจุดที่อ่อนไหว
พร้อมมืออีกข้างที่ปลดกางเกงลงไปกองกับพื้นเผยให้เห็นส่วนอ่อนไหวไวต่อสัมผัส
มือกร้านหยอกเย้ายังจุดที่อ่อนไหวที่เริ่มมีน้ำเอ่อล้นออกมาจากอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้น
“อ..อา” ริมฝีปากบางส่งเสียงครางหวานในลำคออย่างอดกลั้น
มือเรียวจับไหล่หนาเพื่อหวังเป็นที่ยึดจากความเสียวซ่านที่อีกคนกำลังมอบให้
“จะยอมแพ้แล้วเหรอไงเด็กน้อย?”
เสียงหยอกเย้ากระซิบที่ข้างหูพร้อมทั้งลิ้นร้อนที่โลมเลียยิ่งปลุกให้ร่างบางสั่นระริกด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน
“อื้อ!!…..ห…หัวหน้า อย่า…อย่าแกล้งกันสิครับ”เสียงเว้าวอนจากร่างบางที่กำลังสั่นระริกยิ่งปลุกให้อารมณ์ของรีไวพุ่งสูงขึ้น
ร่างเล็กแต่แข็งแกร่งจึงจับคนหน้ากดลงบนเตียงหนา
หัวเข่าสอดแทรกไปกลางลำตัวสัมผัสส่วนอ่อนไหวที่กำลังตั้งชันและมีหยาดน้ำล้นปริ่มออกมา
สองขาเรียวแยกกว้างด้วยความเคยชินขยับให้ร่างแข็งแกร่งสามารถรุกล่ำเข้ามาได้ง่ายขึ้น
เข่าของร่างแข็งแกร่งถูส่วนที่อ่อนไหวอย่างหยอกเย้ามือหยาบกุมส่วนอ่อนไหวรูดขึ้นลงสร้างความเสียวซ่านให้กับร่างที่อยู่ข้างใต้
ลิ้นร้อนกัดและดูดเม้มยังยอดอกสีกุหลาบจนบวมเป่งและเป็นรอยช้ำสีแดงเข้ม
“ชั้นไม่แกล้งนายก็ได้เอเลน
แต่หวังว่านายจะสามารถตอบสนองชั้นได้ตามที่บอกไว้นะ” นิ้วหยาบไล่วนตามร่องด้านล่างเพื่อสร้างความคุ้นชิน
ก่อนที่จะสอดแทรกเข้าไปไล่วนเพื่อเปิดช่องทาง
“อื๊อ!!” นัยน์ตาสีมรกตหลับตาแน่น
ร่างสั่นระริกพยายามผ่อนลมหายใจเพื่อเตรียมพร้อมกับสิ่งที่จะรุกล่ำเข้ามา
ใบหน้ามนที่ขึ้นสีระเรื่อ
นัยน์ตาสีมรกตที่กำลังคลอด้วยหยาดน้ำตา ลมหายใจเข้าออกที่หอบถี่ๆ
และเสียงครางที่แสนหวาน ช่างปลุกเร้ากระตุ้นต่อมอยากแกล้งของคนอายุมากกว่าจนอดใจไม่ไหว
ริมฝีปากคมโน้มเข้ากระซิบร่างบางที่กำลังสั่นไหวอยู่เบื้องล่าง
“ถ้านายอยากได้ล่ะก็ช่วยทำให้ชั้นเห็นหน่อยสิ”
เสียงทุ้มหยอกเย้าคนใต้ร่าง
แม้รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังจงใจแกล้งตนเองอยู่
แต่เรียวขาบางก็กางให้กว้างออกอย่างว่าง่าย
แขนเรียวช้อนใต้หว่างขาเผยช่องทางแคบที่กำลังเต้นตุบตุบ
เพื่อรอการรุกล่ำจากอีกฝ่าย สองมือบางจับเนินนุ่มนิ่มของตนแหวกออกยิ่งเผยให้เห็นช่องทางเข้าสีกุหลาบอย่างแจ่มชัด
“ด…ได้โปรดใส่เข้ามาในตัวผมด้วยครับ…หัวหน้า”
เสียงหวานร้องขออย่างออดอ้อน
แม้จะอายแสนอายแต่ความต้องการที่พุ่งขึ้นสูงก็เกินกว่าจะหยุดยั่งและสมองสั่งการว่าสิ่งที่ตนทำอยู่ช่างแสนน่าอาย
แต่มันช่างเย้ายวนและกระตุ้นอารมณ์วาบหวามของคนที่คร่อมอยู่ยิ่งนักคนกลั่นแกล้งไม่สามารถอดใจได้ไหวอีกต่อไป
ท่อนเนื้อที่ใหญ่กว่านิ้วหลายเท่านักถูกสอดใส่ตามคำเรียกร้องของคนเบื้องล่าง
“อ๊ะ!! อ…..อา” มือเรียวโอบไหล่คนที่กระแทกลงมา
ความเจ็บหนึบจากการถูกสอดใส่ทำให้เล็บจิกลงบนแผ่นหลังแกร่งเพื่อระบายความเจ็บที่แล่นโถมเข้าใส่
แม้จะเจ็บแต่กลับรู้สึกเต็มตื้นและอิ่มเอมเป็นครั้งแรก
แม้จะทำเรื่องที่น่าอายแต่หัวใจกลับร้อนรุ่มและสุขสมกับความสุขที่คนตรงหน้าปรนเปรอให้
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแนบชิดและรู้สึกอบอุ่นจนน้ำตาหลั่งไหลด้วยความยินดี
เพราะเป็นครั้งแรกที่ถูกทำในฐานะที่เป็นคนพิเศษ
น้ำรักสีขาวขุ่นไหลลงจากทางช่องแคบลงมาเปื้อนเรียวขายาว
ลมหายใจหอบถี่จากความเหนื่อยล้าที่ได้ปลดปล่อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอเพราะยังคงรู้สึกอยากเติมเต็มให้แก่กันและกัน
ก่อนที่ลมหายใจจะกลับเป็นปกติริมฝีปากคมก็ทาบทับลงมายังริมฝีปากสีระเรื่อที่เริ่มบวมเป่งจากการถูกจูบหลายต่อหลายครั้ง
ลิ้นร้อนยังคงหยอกเย้าริมฝีปากบางเก็บเกี่ยวความหอมหวานในโพรงปากอย่างไม่รู้จักพอ
และต้องผละออกมาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าคนที่อยู่ใต้ร่างเริ่มหายใจไม่ทัน
“มันยังไม่จบแค่นี้หรอกนะ
เอเลน นายทำให้ชั้นพอใจได้ใช่ไหม”
แม้จะเป็นประโยคคำถามแต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเหมือนกับดื้อดึง
และเว้าวอนด้วยความเอาแต่ใจ
เมื่อได้ฟังเสียงทุ้มที่พยายามเว้าวอนอยู่นั้นใครล่ะจะปฎิเสธได้
ใบหน้ามนจึงได้แต่พยักหน้ารับน้อยๆ
และกว่าที่ทั้งสองจะได้พักผ่อนก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสางแล้ว
แสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามากระทบเปลือกตาทำให้ร่างบางที่เหนื่อยจากกิจกรรมบนเตียงเมื่อคืนต้องย่นคิ้ว
มือบางยกขึ้นเพื่อพยายามปิดบังแสงสว่างของรุ่งอรุณที่ส่องเข้ามา
แต่เปลือกตาบางสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มและชื้นของบางสิ่งกระทบลงมาที่เปลือกตาตนเองแทนที่จะเป็นมือของตน
แพขนตาหนาที่หนักอึ้งจากการอดนอนพยายามปรือขึ้นมองเจ้าวัตถุที่กระทบกับเปลือกตาของตนเอง
แล้วนัยน์ตาสีมรกตก็เปิดกว้างเมื่อพบว่าบนนิ้วนางข้างซ้ายของตนมีดอกไม้สีแดงที่พันเป็นแหวนอยู่บนนิ้วของตนเอง
ร่างโปร่งลุกพรวดขึ้นมานั่งด้วยความตกตะลึงแต่ความเจ็บที่แล่นขึ้นมาจากช่องทางข้างล่างทำให้เขาได้แต่นั่งทรุดบนเตียง
ใบหน้ามนมองไปยังชายร่างเล็กแต่แข็งแกร่งที่กำลังแต่งตัวและเตรียมออกไปทำภารกิจยามเช้า
“หัวหน้าครับ นี้คือ!!” เอเลนถามคนที่กำลังจัดแจงความเรียบร้อยของตนเองอย่างตื่นเต้น พร้อมทั้งยกมือเรียวที่มีแหวนดอกไม้สวมอยู่
ใบหน้าเฉยชาหยิบเอกสารและเตรียมเดินออกจากห้อง
มือหยาบจับที่ประตูก่อนจะหันกลับมาสบตากับคนที่นั่งอยู่บนเตียง
“เห็นนายสนใจเรื่องความหมายของดอกไม้
ไอดอกเยอร์บีร่านั่นแกคงรู้ความหมายนะ… ไอหนู”
ใบหน้าที่เฉยชาเบนหลบไป ถ้าเขาตาไม่ฝาดเอเลนรู้สึกว่าแก้มที่ขาวซีดของหัวหน้าขึ้นสีแดงจางๆอยู่
เสียงฝีเท้าที่เดินจากไปทำให้รู้ว่าอีกคนได้ออกไปทำหน้าที่ของตนเองแล้ว
ใบหน้ามนได้แต่ก้มหน้าลงกับผ้าห่มของตัวเอง ร่างกายร้อนผ่าวเหมือนกับจะเป็นไข้
หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะหลุดกระเด็นออกมาข้างนอกริมฝีปางบางคลี่ยิ้มอย่างไม่อาจหุบได้จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหัวหน้ากลับมาเห็นหน้าเขาตอนนี้เขาอาจจะโดนเตะด้วยความหมั่นไส้ก็ได้
มือบางลูบไล้กลีบดอกไม้บนนิ้วของตนไปมา
ความหมายของดอกเยอร์บีร่า [อาจดูเหมือนเฉยเมย แต่ในใจไม่เคยหยุดรักคุณ]ใบหน้าร้อนผ่าวแนบลงบนดอกไม้สด ริมฝีปากบางจุมพิตบนกลีบดอกไม้อย่าง
ทนุถนอมราวสมบัติล่ำค่า
สักวันคำที่ถูกเก็บไว้ภายในอกมาตลอดจะได้พูดออกไปกับคนแข็งแกร่งที่เฉยชา
แต่ช่างแสนสำคัญและล่ำค่ากับหัวใจ
ถึงแม้จะไม่มีคำบอกรักจากร่างที่แข็งแกร่งเพราะเจ้าตัวเคยบอกไว้ว่า
การกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูด ถ้าเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ต่อให้ตอนนี้กำลังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ก็ตาม
แต่นี้หมายความว่าคุณกำลังบอกรักผมใช่รึเปล่าครับหัวหน้า…
แต่ต่อให้คุณไม่พูดคำคำนั้นออกมา
สักวันผมจะเป็นฝ่ายที่บอกกับคุณเอง….
ริมฝีปากบางบรรจงจูบแหวนดอกไม้ในมืออย่างแผ่วเบาอีกครั้ง
แม้โลกนี้จะโหดร้ายแต่มันก็ยังคงสวยงาม
และเขาก็ตกหลุมรักความสวยงามของโลกใบนี้เข้าแล้ว….
TBC.
เล่นยั่วซะขนาดนั้นหัวหน้าก็ยังใจแข็งได้อีกนะ ชริ!
ตอบลบส่วนเอลวินนี่ก็เป็นก้างขวางคอจังนะ =A=//
เทียบกันแล้วแจนยังดีกว่าเลย
มิคาสะตัดใจง่ายไปหน่อย แต่ความสัมพันธ์แบบนี้เองก็ดูน่ารักกุ๊กกิ๊กดี
อย่างน้อยก็ยังมีคนๆ นึงที่เข้าใจแล้วพร้อมยอมรับเสมอ
เพื่อความสุขของเอเลนมิคาสะเลยยอมถอยค่ะ ต้องเรียกว่าพยายามเข้าใจมากกว่าที่จะตัดใจ เเละเพราะเป็นสิ่งที่เอเลนขอร้องด้วยเลยยิ่งทำให้มิคาสะต้องยอมถอย ส่วนเเจนในชาตินี้ไม่ได้คิดอะไรกับเอเลนนอกจากความเป็นไอบ้าค่ะฮาๆ >w<
ลบหื้มมมมม หัวหน้าแอบเสี่ยวนะคะ 5555555555 แต่เข้าใจนะ ก็เด็กมันยั่วอะเนาะ หุหุ สมกับเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อน #โดนถีบ
ตอบลบ