วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory Chapter 8



Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory
Chapter 8
“นานแล้วนะเนี่ย สงสัยพวกมันท้องผูกขี้ไม่ออกกันอยู่”  เสียงทุ้มดังขึ้นเพื่อทำลายความเงียบระหว่างที่เอเลนและผู้บังคับบัญชาของตนกำลังนั่งรอผลสรุปในห้องโถงที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่ร่างโปร่งและหัวหน้ารีไวเท่านั้น
แผนการจับกุมไททันหญิงทำให้ทีมสำรวจต้องพบกับการสูญเสียเป็นจำนวนมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มของหัวหน้ารีไวที่เอเลนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจนสนิทและเริ่มมีความไว้วางใจให้กันและกัน  เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน  แต่แล้วสิ่งเหล่านั้นกับมลายหายไปในช่วงเวลาเพียงไม่กี่อึดใจที่ทุกคนต่างโดนไททันหญิงทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมและพรากลมหายใจของพวกเขาเหล่านั้นไป  แม้คนที่แข็งแกร่งและเย็นชาอยู่เสมอจะทำตัวได้เป็นปกติ แต่ก็ยังคงรับรู้ได้ว่าชายผู้แข็งแกร่งนั้นได้ซ่อนความเสียใจที่ยากจะคาดเดาภายใต้หน้ากากที่เย็นชานั้นต่างหากเล่า  และมันยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดกับความอ่อนแอของตนเอง กับการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขา เขาไม่อาจที่จะปกป้องใครได้เลย  ไม่แม้แต่จะปลอบประโลมความเจ็บปวดหรือแบ่งเบาภาระที่หนักอึ้งของชายคนนี้ได้เลย  ตัวเขาที่อ่อนแอมันช่างน่าสมเพชสิ้นดี!!  ใบหน้ามนฉายแววตึงเครียดและเจ็บปวด สองมือบีบเกร็งกำแน่นจนขึ้นเส้นเอ็น  เจ็บใจตัวเองที่ไร้ความสามารถและอ่อนแอทั้งที่หัวหน้าเองก็เจ็บปวดเช่นกันแต่ยังคงที่จะปลอบประโลมเขา
“ขอโทษครับ ถ้าผม ไม่เลือกทางเลือกพลาดในตอนนั้น เรื่องก็คงไม่ต้องกลายเป็นแบบนี้  หัวหน้าก็คงไม่ต้องเจ็บปวด”  โดยเฉพาะกับการสูญเสียคุณเพ็ตโทร่าไป  คิ้วมนขมวดจนเป็นปมเมื่อนึกถึงหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม  หญิงสาวเพียงคนเดียวที่เปรียบเสมือนพี่สาวที่คอยใจดีและแสดงความอ่อนโยนต่อเขาเสมอๆ  หญิงสาวเพียงคนเดียวที่หัวหน้าแสดงความใจดีและอ่อนโยนให้
“ก็บอกไปแล้วนี่ ไม่มีใครล่วงรู้ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหรอก”  นัยน์ตาสีขี้เถ้าสบกับนัยน์ตาสีมรกตอย่างเถรตรง เพราะไม่รู้จึงไม่อาจคาดเดาได้ว่าการตัดสินใจนั้นถูกต้องแล้วหรือไม่  ถ้าจะโทษว่าเป็นความผิดของใครแล้วล่ะก็มันคงเป็นความผิดของเขาเองที่ไม่สามารถปกป้องลูกน้องที่สำคัญไว้ได้  และเป็นความผิดของเขาที่ไม่รีบกลับไปหลังจากที่ไททันหญิงหลบหนีในคราแรก  เพราะฉะนั้นความรู้สึกผิดและภาระที่หนังอึ้งนี้เขาจะเป็นคนรับผิดชอบและแบกมันไว้จนไปให้ถึงที่สุด  ให้สมกับการที่มีคนมากมายต้องสูญเสีย  ให้สมกับความไว้เนื้อเชื่อใจที่เหล่าสหายผู้ร่วมเดินทางทั้งหลายได้ส่งมอบให้เขาตราบจนวาระสุดท้ายของลมหายใจ  จะขอแบกรับและจดจำเอาไว้ซึ่งความกล้าหาญและความเสียสละของพวกเขาเหล่านั้นเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายสุดท้ายจวบจนชีวิตของเขาจะหาไม่
“ขอโทษนะครับ  เพราะผมหัวหน้าถึงต้องสูญเสียคุณเพ็ตโทร่าไป”  ใบหน้ามนนึกถึงหญิงสาวที่อ่อนโยนและใจดีอยู่เสมอ  ทั้งที่คิดว่าถ้าเป็นคุณเพ็ตโทร่าถึงตัวเขาจะเจ็บปวดแต่เธอก็ช่างเป็นคนที่เหมาะสมกับหัวหน้าและ  เป็นผู้หญิง
“นั่นน่ะสินะ  เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในทีมทั้งที่ชั้นก็ปรารถนาให้เธอมีความสุข”
คำพูดของรีไวทำให้ใบหน้ามนต้องก้มลงต่ำซ่อนความรู้สึกเจ็บแปลบที่อาจจะเผยออกมาให้เห็น  ถึงแม้จะรู้ว่าไม่สมควรแต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของคนตรงหน้า
“ทั้งที่ชั้นคิดว่าออลโอ้คงสามารถดูแลเธอได้ดีและเป็นที่พึ่งได้  สำหรับคนที่เป็นหัวหน้าแล้วอดเสียดายไม่ได้ที่ไม่ได้เห็นทั้งคู่ในชุดแต่งงาน  หวังว่าพวกเขาคงจะพักผ่อนกันอย่างสงบ” มือแข็งแกร่งยกถ้วยชาขึ้นดื่มตามแบบฉบับของตนเอง
ประโยคที่ชายหนุ่มพูดนั้นทำให้เอเลนรู้สึกแปลกใจ  ทำไมถึงเป็นคุณเพ็ตโทร่ากับคุณออลโอ้ล่ะ?  ในเมื่อคืนนั้นคุณเพ็ตโทร่าสารภาพรักกับหัวหน้าและทั้งคู่ก็กอดกัน  มันควรจะเป็นการตอบตกลงของคนทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ? หรือเขาจะเข้าใจอะไรผิดไป “เออ ขอโทษนะครับทำไมถึงเป็นคุณออลโอ้  คุณเพ็ตโทร่าชอบหัวหน้าไม่ใช่เหรอครับ?” ใบหน้ามนเอ่ยถามความขับข้องใจที่ได้เห็นในคืนนั้น
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองร่างบางอย่างสงสัย “หืม  แสดงว่าคืนนั้นนายเห็น?”
“ผผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูนะครับ  แค่บังเอิญได้ยินเข้าจริงๆ” เอเลนรีบแก้ไขความเข้าใจผิดกับเหตุการณ์ที่ดูไร้มารยาทของตนเอง  ในคืนนั้นเขาแค่บังเอิญเห็นเหตุการณ์จริงๆไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูเสียหน่อย
“งั้นเหรอ” นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองปฎิกิริยาของเด็กหนุ่ม  ถึงแม้จะไม่สมควรแต่เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่าการกระทำและสีหน้าลำบากใจที่ถามมานั้นทำให้เขาแอบรู้สึกดีอยู่ลึกๆทีเดียว  “ใช่ เพ็ตโทร่า สารภาพรักกับชั้นก็จริง  แต่ชั้นไม่สามารถให้เธอมากไปกว่าความห่วงใยของหัวหน้าที่มีต่อลูกน้อง  ซึ่งตัวเธอเองก็รู้ดีเธอจึงอยากบอกเพื่อที่จะตัดใจและเริ่มต้นใหม่กับออลโอ้ ซึ่งชั้นเองก็ยินดีและเห็นด้วยกับเธอ แต่น่าเสียดาย”นัยน์ตาสีขี้เถ้าหลุบลงต่ำ ทั้งที่คาดว่าลูกน้องทั้งสองคนจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขแต่แล้วความสุขนั้นกลับหลุดลอยไปโดยไม่อาจหวนคืน
“อย่างนั้นเหรอครับ”  ถ้าอย่างนั้นแล้วคนที่หัวหน้าจริงจังและเชื่อใจมาโดยตลอดคงเป็นหัวหน้าเอลวินสินะ ถึงแม้เรื่องของหญิงสาวที่ได้จากไปแล้วนั้นจะทำให้หมอกเล็กๆในใจของเอเลนจางลงไปบ้างแต่ยังคงมีหมอกหนาทึบที่เด่นชัดกว่านั้นเกาะกุมอยู่  เพราะภาพที่ทั้งสองคนจูบกันอย่างเร่าร้อนยังคงฝังแน่นอยู่ในใจของเด็กหนุ่ม
มือแกร่งคว้าคอเสื้อขอเด็กหนุ่มเพื่อให้หันหน้าขึ้นมาสบตาตนเอง เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเหมือนยังมีอะไรคาใจ “นายมีอะไรอยากจะถามก็ถามมาไอหนู”เสี้ยงทุ้มถามอย่างคาดคั้น
คำถามที่ตัวเขาอยากจะถามคนตรงหน้ามาตลอดแต่ได้แต่เก็บเอาไว้ หัวใจร่างบางสั่นไหวเขากลัวที่จะรู้คำตอบถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่  นัยน์ตาสีมรกตจึงได้เบนหลบสายตาที่กำลังคาดคั้นอยู่นั่น  และมันก็ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกรำคาญใจทีเดียว
“ถ้าแกมีอะไรจะถามก็ควรถามมา  ชั้นไม่ชอบปล่อยอะไรให้คาใจ”
เมื่อโดนไล่ต้อน ริมฝีปากบางจึงค่อยๆขยับเอ่ยชื่อคนที่ค้างคาอยู่ในใจ “ลแล้วกับหัวหน้าเอลวินล่ะครับ มีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณ?”
ชื่อของคนที่เอ่ยขึ้นมาทำให้รีไวแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีใครรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเอลวิน  โดยเฉพาะเจ้าเด็กตรงหน้านี้  “นายรู้ได้ยังไง?”
“ผมบังเอิญไปเห็นตอนคุณสองคนจูบกัน”  ความเจ็บยังคงแล่นริ้วอยู่ในอกยามนึกถึง  ถึงแม้ตอนนี้เขาและหัวหน้าจะมีความสัมพันธ์ที่เกินเลย แต่ก็เป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์ทางกายที่ดูเหมือนหัวหน้าจะใช้เขาเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์เท่านั้น  สองมือกำแน่น เล็บคมจิกจนเข้าเนื้อ  เจ็บ  แต่ใจของเขาเจ็บยิ่งกว่าเมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้
“นายนี่บังเอิญเห็นเรื่องไม่เป็นเรื่องบ่อยนะ” สองมือแกร่งยกขึ้นมากอดอก นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองใบหน้ามนที่กำลังพยายามหลบสายตาของตน “ชั้นกับเอลวินเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกมัด มันไม่มีอะไรกันทั้งนั้นแค่ง่ายกับการหาที่ระบาย ไม่รู้ว่าเด็กอย่างแกจะเข้าใจไหมแต่โลกของผู้ใหญ่มันก็แบบนี้แหละ”ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เจ้าเด็กนี่รู้ แต่ก็ไม่อยากให้เจ้าหนูนี่ค้างคาใจกับตัวเขาเช่นกัน  บางทีเขาคงจะใจอ่อนและใจดีกับไอเด็กนี่มากเกินไปสินะ
นัยน์ตาสีมรกตสบตาสีขี้เถ้าด้วยความแปลกใจก่อนที่จะเบนหลบสายตาอีกครั้ง  ถ้าความสัมพันธ์ของหัวหน้ารีไวกับหัวหน้าเอลวินเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ผูกมัดแบบในโลกของผู้ใหญ่  แล้วความสัมพันธ์กับตัวเขาซึ่งเป็นเด็กในสายตาคนตรงหน้านี้มันยังไงกันแน่ล่ะ?
“เฮ้ยเอเลน ชั้นบอกมีอะไรก็ให้ถาม” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มหลบสายตาของตนอีกครั้ง
“อเออ…..” อยากรู้แต่ก็กลัวว่าแท้จริงแล้วตัวเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนอื่นๆ
“ว่าไง?”  เสียงเย็นบีบคั้นให้คนตรงหน้าเปิดปากถึงสิ่งที่ต้องการ
เอเลนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา  นัยน์ตาสีมรกตสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าอย่างลังเลก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสายตาแน่วแน่แสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจของเจ้าตัว  ถึงแม้จะต้องผิดหวังและอาจเป็นได้แค่ที่ระบายอารมณ์ของคนตรงนี้  แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วคนคนนี้คิดยังไงกับเขากันแน่
“สำหรับผม  ไม่สิ  สำหรับหัวหน้าแล้วความสัมพันธ์กับเด็กอย่างผมล่ะครับคืออะไร?”
ใบหน้าคมครุ่นคิดถึงสิ่งที่โดนถาม  นั่นน่ะสิเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแท้จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเขา กับ เอเลน  เยเกอร์   นั้นคืออะไรกันแน่ จะบอกว่าเป็นความสัมพันธ์ที่เหมือนกับของเอลวิน ก็ไม่น่าใช่เพราะกับเอลวินแล้วเขาไม่เคยรู้สึกมีอารมณ์ร่วมหรือหวั่นไหวกับการกระทำเลย ถึงแม้ว่าตัวเขาจะทำเรื่องที่โหดร้ายกับร่างบางลงไปแต่เจ้าตัวยังคงทำตัวร่าเริงและว่าง่ายกับเขาเสมอ รวมทั้งนัยน์ตาสีมรกตที่จ้องมองมาก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมไม่เคยเปลี่ยนแปลงสำหรับร่างบางนี้แล้วทุกครั้งที่ได้สัมผัสอารมณ์ก็ยิ่งเร่งเร้าเหมือนถูกกระตุ้นให้อยากที่จะสัมผัสมากยิ่งขึ้น  ยิ่งโอบกอดมากเท่าไรกับยิ่งรู้สึกว่าไม่เคยพอและต้องการมากขึ้นเท่านั้น อยากที่จะครอบครองและเก็บไว้เป็นของเขาเพียงคนเดียวนัยน์ตาสีขี้เถ้าจมจ่ออยุ่กับความคิดของตน นี่เขากำลังแปลกไปสินะตั้งแต่เจอเด็กหนุ่มคนนี้ ครั้งแรกที่เห็นก็รู้สึกเพียงว่าเจ้าหนูนี่น่าสนใจเพราะพลังไททันในตัว ความดื้อรั้นที่ไม่เกรงกลัวและแววตาที่มุ่งมั่นมันช่างดึงดูดให้มอง ใบหน้าที่ยังคงยิ้มได้แม้เจอเรื่องเลวร้ายช่างแตกต่างจากตัวเขาที่เฉยชาและไร้อารมณ์ ความแตกต่างนั่นคงเป็นเสน่ห์ดึงดูดเขาไปทีละน้อยอย่างไม่รู้ตัว ถ้าอย่างนั้นแล้วเจาเด็กนี่ควรอยู่ในฐานะอะไรสำหรับเขา?
“เออ หัวหน้าครับ?”  เสียงหวานเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้านิ่งเงียบไป  หรือเพราะว่าหัวหน้าไม่อยากตอบ คงเกรงว่าจะทำร้ายจิตใจของเด็กแบบเขาสินะ
คิดได้ดังนั้นใบหน้ามนก็อดที่จะรู้สึกสลดไม่ได้  แต่แล้วมือแข็งแกร่งกับเข้ามาลูบผมเขาอย่างแผ่วเบาเหมือนกำลังปลอบประโลม
“สำหรับนายมันคงจะเป็นอะไรที่……พิเศษ
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง  เมื่อกี้เขาได้ยินอะไรผิดรึเปล่า?
“หืม  กับการที่ชั้นบอกว่า พิเศษ ทำให้นายเสียใจขนาดนั้นเลยรึไง?” ใบหน้าเฉยชาอยู่เสมอเกิดรอยยิ้มบางเมื่อเห็นว่านัยน์ตาสีเขียวนั้นมองมาที่เขาอย่างตกตะลึงและหยาดน้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมาอย่างไม่มีเสียง มันทำให้เขารู้สึกพอใจอย่างประหลาด เพราะรู้ดีว่าน้ำตาที่หลั่งรินนั่นไม่ใช่เพราะหวาดกลัวหรือผิดหวัง แต่เป็นน้ำตาแห่งความปรีดา ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าบางครั้งน้ำตาก็ทำให้มีความสุขได้เช่นกัน
“มไม่ใช่ครับ!!!” มือเรียวรีบปาดน้ำตาของตนเอง ทั้งที่พยายามให้หยาดน้ำที่หลั่งรินนั้นแห้งลงแต่เหมือนกับจะยิ่งเอ่อล้นออกมาเช่นเดียวกับความรู้สึกของเขาที่ตอนนี้ท่วมท้นและจุกแน่นด้วยความตื้นตันอยู่ที่ลำคอ “ผ…..ผม……” ริมฝีปากบางสั่นไหวจนไม่อาจพูดคำใดใดออกมา ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ หัวใจเต้นโครมครามดังเสียจนแทบไม่ได้ยินเสียงของตนเอง ความสุขเอ่อล้นขึ้นมาจนสั่นไหว ถ้านี่คือความฝันแล้วล่ะก็ช่วยให้ทุกอย่างหยุดลงที่ตรงนี้ “หหัวหน้า มไม่ไม่ได้หลอกผมเล่นใช่ไหมครับ?” ถึงแม้นี่จะเป็นคำหลอกลวงแต่เขาก็ขอยอมที่จะโดนหลอกและก้าวเข้าไปในกับดักที่แสนหวานนี้อย่างเต็มใจ
มือแกร่งจับใบหน้าของคนที่ตอนนี้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากคมทาบทับลงบนริมฝีปากสีระเรื่อที่กำลังสั่นน้อยๆ ลิ้นร้อนเลียผิวปากอย่างแผ่วเบาก่อนจะรุกล้ำมอบความหวานให้กับร่างที่กำลังสั่นไหว ร่างบางเองก็ยินยอมและตอบรับการรุกล้ำกลับมาเช่นกัน เป็นสัมผัสที่ให้ความรู้สึกต่างไปจากที่เคย จนอดคิดไม่ได้ว่าจูบนั้นที่จริงแล้วมีรสหวานที่น่าหลงใหลขนาดนี้เลยสินะ
“นายคิดว่าชั้นเป็นคนชอบล้อเล่นรึไง” นัยน์ตาคมจ้องลึกไปในดวงตาสีมรกตเพื่อแสดงเจตนารมณ์ของตน
“มไม่ครับ” ใบหน้ามนร้อนผ่าวเมื่อถูกสายตาคมจ้องเหมือนจะกลืนกินเข้าไป หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะจนกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน
“ไม่เลว”ริมฝีปากคมสัมผัสที่เปลือกตาบางของเอเลนก่อนที่จะกลับไปนั่งที่ของตน
เด็กหนุ่มได้แต่ก้มหน้ามองมือของตัวเอง น้ำตานั้นได้แห้งไปแล้วตั้งแต่ริมฝีปากเขยิบเข้ามาใกล้ แต่หัวใจที่เต้นถี่รัวนี้ดูท่าจะไม่ยอมสงบเอาง่ายๆเสียเลย อยากจะบอกถึงสิ่งที่คิดว่าคงไม่สามารถที่จะบอกคนคนนี้ได้ สิ่งที่เก็บไว้ในใจของเขามานาน ถ้าความรู้สึกนี้ตรงกันแล้วล่ะก็ ก็อยากที่จะเอ่ยเพื่อยืนยันความรู้สึกกับคนสำคัญที่สุด
“เออ  หัวหน้าครับ”
ก่อนที่เอเลนจะได้เอ่ยคำใดออกมาประตูไม้ที่ปิดสนิทอยู่นานก็เปิดออก ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าสูงสุดของหน่วยสำรวจพร้อมกับเพื่อนๆของเขาออกมาจากห้องประชุม ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะได้รับการสรุปแล้ว
“ขอโทษที่ให้รอนะ เราได้ผลสรุปแล้วล่ะเรื่องไททันตัวเมีย วันมะรืนเราจะเริ่มแผนกัน” เอลวินและคนอื่นๆ เข้ามานั่งร่วมโต๊ะพร้อมทั้งอธิบายแผนการที่ต้องเตรียมเพื่อดำเนินการจับกุมไททันหญิง จากชื่อของคนที่ถูกระบุว่าเป็นไททันหญิงนั้นถึงกับทำให้ร่างโปร่งหน้าถอดสี ถึงในใจลึกๆเขาจะสงสัยว่าไททันหญิงนั้นมีส่วนที่คล้ายกับเพื่อนทหารร่วมรุ่น104 ของเขาอยู่มาก แต่เขาก็ยังยากที่จะยอมรับว่าแท้จริงแล้วเพื่อนที่ร่วมชะตากรรมและฝ่าฟันด้วยกันมาในสมัยเป็นนักเรียนทหารจะเป็นไททันที่ฆ่าคนไปมากมาย รวมถึงทุกคนในหน่วยรีไวที่เอ็นดูและเชื่อใจเขา ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทำให้หัวใจของร่างบางบีบรัด มันต้องมีอะไรสักอย่างที่ผิดพลาดแน่ๆ
“ถึงเราจะไม่มีหลักฐาน ยังไงก็ต้องทำตามแผน” รีไวย้ำคำสั่งที่ต้องดำเนินการให้ร่างบางรับรู้ เขารู้ดีว่าตอนนี้เอเลนกำลังหวั่นไหวและพยายามที่จะหลีกหนีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โลกนี้มันโหดร้าย เพราะไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่อยู่รอบๆตัวนั้นแท้จริงแล้วคือมิตรหรือศัตรู
“เอเลนนายได้สู้กับไททันตัวเมียนั่นแล้ว นายไม่สงสัยหรือสะกิดใจอะไรจริงๆเลยเหรอ?” มิคาสะกล่าวสมทบยิ่งตอกย้ำเรื่องจริงที่เกิดขึ้นให้เอเลนได้รู้

ถึงแม้ว่าจิตใจจะยังไม่อาจยอมรับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้ แต่แผนการยังคงต้องดำเนินต่อไป แผนการจับกุมไททันหญิงดำเนินขึ้นภายในกำแพง จากการต่อสู้ที่ดุเดือดของไททันสองตัวทำให้ตัวเมืองเสียหายและผู้คนต่างล้มตายเป็นจำนวนมาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้ทีมสำรวจถูกจับตามองเป็นกรณีพิเศษ หัวหน้าเอลวินถูกคุมตัวเพื่อสอบปากคำ รวมถึงความลับของกำแพงที่ไม่มีใครเคยล่วงรู้มาก่อนยื่งค้นหาและพยายามเข้าใกล้ความจริงมากเท่าไรก็ดูเหมือนจะมีปริศนาที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ตัวจริงของไททันหญิงที่สามารถจับกุมไว้ได้นั้นก็ไม่อาจที่จะสอบปากคำใดใดได้ เพราะเธอได้สร้างผลึกป้องกันตนเองและหลับใหลอยู่ภายในผลึกแก้วที่แข็งแกร่งเกินกว่าจะนำตัวออกมาได้ ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนาแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรคืบหน้า ในเมื่อคนที่สามารถกลายเป็นไททันได้ที่คาดว่าเป็นศัตรูไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว
นัยน์ตาสีเขียวมรกตค่อยๆปรือขึ้นมา ตอนนี้เขากลับมาอยู่ที่ห้องพักของหน่วยสำรวจ เนื่องจากเอเลนได้รับบาดเจ็บอย่างมากในการต่อสู้กับไททันหญิงเขาจึงได้รับให้หยุดทำภารกิจเป็นกรณีพิเศษเพื่อพักฟื้นชั่วคราว ถึงแม้ว่าพลังไททันในตัวของเอเลนจะสามารถฟื้นฟูร่างกายได้เองแต่ตัวเขาก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจึงต้องใช้เวลาในการรักษาเช่นเดียวกับมนุษย์คนอื่น
ใบหน้ามนมองรอบๆห้องก็เห็นว่าชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่สุดของมนุษยชาติกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาในห้อง เพราะยังไงแล้วการจับตาดูเขาก็เป็นหน้าที่ของคนตรงหน้าจึงไม่แปลกที่เขาทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันเสมอๆ แต่บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วใบหน้าเฉยชานั่นคงกำลังเป็นห่วงเขาจึงคอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง
“ตื่นแล้วเหรอเอเลน” นัยน์ตาสีขี้เถ้าละออกจากหนังสือแล้วจ้องมองใบหน้ามน เมื่อรับรู้ได้ว่าคนที่เขาคอยเฝ้าห่วงอยู่นั้นได้สติแล้ว
“ครับ” ใบหน้ามนตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบางให้อีกฝ่าย “หัวหน้าครับ แอนนี่เป็นไททันหญิงจริงๆสินะครับ” ถึงเขาจะเห็นตอนที่แอนนี่กลายร่างเป็นไททันและภาพแอนนี่ที่กลายเป็นผลึกคือภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็นก็ตาม แต่ใจลึกๆก็ยังคงแอบปฏิเสธความจริงที่เห็นไม่ได้อยู่ดี
“นายน่าจะรู้ดีที่สุดอยู่แล้ว  เอเลน” ร่างเล็กแต่แข็งแรงกำยำเดินเข้ามาพร้อมยกอาหารที่เตรียมไว้เผื่อคนป่วยตื่นจะได้ทาน
“ฮ่าฮ่า  โลกนี้มันโหดร้ายจริงๆนะครับ” เสียงหัวเราะที่ฟังดูประชดโลกใบนี้ถูกส่งมาจากร่างบาง สองแขนค่อยๆยันตัวเองลุกนั่งบนเตียงพร้อมรับถาดอาหารจากคนตรงหน้า
“กินซะเอเลน นายต้องรักษาตัวเองให้ดีเพื่อคนที่เหลืออยู่” มือหนาลูบศีรษะคนผมสีน้ำตาลอย่างอ่อนโยน เขารับรู้ได้ว่าตอนนี้เด็กน้อยตรงหน้ากำลังหวั่นไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่อาจแก้ไขได้จึงได้แต่ต้องยอมรับแล้วก้าวข้ามมันไปให้ได้แม้จะเจ็บปวดก็ตาม เพราะโลกนี้มันโหดร้ายยังไงล่ะ
“เอเลนตื่นแล้วเหรอ?”  เสียงของมิคาสะดังขึ้นพร้อมประตูที่ถูกเปิดออกอย่างแรง ร่างโปร่งของหญิงสาวรีบเดินมาดูอาการคนป่วยที่เธอรอคอยให้ได้สติ ไม่นานนักแจนและอาร์มินที่ตามมิคาสะมาก็มาถึงห้องพักของเอเลนเช่นกัน ทั้งคู่รีบเดินเข้าไปดูอาการเพื่อนของตนเองด้วยความเป็นห่วง จนเอเลนต้องบอกให้ทุกคนใจเย็นๆเมื่อเห็นว่าทุกคนพยายามถามไถ่ถึงอาการของเขา
“งั้นชั้นขอไปตรวจรายงานพร้อมสรุปงานกับเอลวินก่อนนะ” ชายผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าเตรียมตัวออกจากห้องเพื่อไปเคลียงานที่ค้างคาให้เสร็จ ก่อนที่จะก้าวออกไปนั้นเอเลนก็ได้หยุดเรียกเขาไว้เสียก่อนจึงทำให้ใบหน้าคมหันหลับมามองบนเตียงคนป่วยอีกครั้ง
“เออ หัวหน้าจะกลับมาหาผมอีกใช่ไหมครับ?” ถึงแม้ว่าหัวหน้ารีไวจะเคยบอกไว้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผบ.เอลวินนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย และถึงแม้หัวหน้าจะไปเพราะเรื่องงานแต่เขาก็อดที่จะรู้สึกหวงไม่ได้หรอกนะ
รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าคม เขารู้ดีว่าเจ้าเด็กนี่คิดยังไงเพราะสายตาที่เหมือนกับสุนัขที่โดนเจ้าของทิ้งมันกำลังอ้อนวอนให้เขาอยู่ แต่ตอนนี้ในเมื่อเพื่อนของเจ้าหนูนั่นก็อยู่กันเต็มและตัวเขาเองก็มีงานที่ต้องรับผิดชอบถึงแม้ว่าสายตานั้นจะเว้าวอนเพียงใดเขาก็ต้องไปทำหน้าที่ของตนเองอยู่ดี
“การจับตาดูนายเป็นหน้าที่ของชั้นอยู่แล้ว เสร็จเมื่อไรจะรีบกลับมา” เสียงประตูปิดลงและเสียงฝีเท้าค่อยๆเดินจากไป แต่จิตใจของเอเลนกลับเต็มอิ่มและอบอุ่น ถึงแม้หัวหน้าจะบอกว่ากลับมาเพราะหน้าที่แต่ว่าความอบอุ่นที่แฝงมาในคำพูดนั้นก็ตอกย้ำความเป็นคนพิเศษของเขา
“ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าหัวหน้ารีไวจะเอ็นดูเอเลนเป็นพิเศษนะครับ” เพราะวันนี้ในขณะที่ร่างไททันของเอเลนกำลังถูกร่างไททันของแอนนี่หลอมรวมอยู่นั้น หัวหน้ารีไวซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ขาจากการต่อสู้กับไททันหญิงก่อนหน้านี้ก็รีบตรงเข้าไปช่วยร่างโปร่งในร่างไททันที่ไม่ได้สติเป็นคนแรก จนอดคิดไม่ได้ว่าหัวหน้ารีไวเป็นห่วงร่างโปร่งมากทีเดียว คำพูดของอาร์มินทำให้มิคาสะตีหน้าเครียดจ้องมองเอเลน เพราะเธอเองก็อดรู้สึกไม่ได้เช่นกันว่าสองคนนี้เหมือนมีสายสัมพันธ์ที่ส่งให้กันเกินคำว่าเจ้านายและลูกน้อง
“มไม่หรอกอาร์มิน หัวหน้าเขาก็ใส่ใจทุกคนแหละ” ใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อและการเบนหลบสายตาของใบหน้ามนทำให้อาร์มินเชื่อคำปฏิเสธของคนตรงหน้าไม่ลงจริงๆ แต่ก็อดยิ้มกับปฏิกิริยาที่ดูมีความสุขของเพื่อนไม่ได้ จะรู้สึกสงสารก็แต่มิคาสะที่มองเอเลนด้วยสีหน้าตึงเครียดนั่น
“แจนผมต้องไปส่งรายงาน แจนช่วยไปเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ” ร่างเล็กผมทองคว้ามือร่างสูงผมสีน้ำตาลอ่อนอีกคนที่กำลังทำหน้างงเพราะถูกบังคับให้เดินตามออกไปด้วยกัน เพราะรับรู้ได้ว่ามิคาสะต้องการที่จะพูดบางอย่างกับร่างบางบนเตียง ซึ่งถ้าพวกเขาอยู่ด้วยเธอคงไม่สามารถเปิดใจคุยได้สะดวก และมันจะเป็นการดีกับทั้งตัวมิคาสะและเอเลนที่ไม่เคยมองหญิงสาวคนนี้เกินกว่าพี่สาวหรือคนในครอบครัวตนเองเลย
ประตูไม้ของห้องพักปิดลงอีกครั้งเมื่อแจนและอาร์มินเดินจากไป เหลือเพียงเขากับมิคาสะสองคนในห้อง ใบหน้ามนมองหญิงสาวที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของตนเอง ใบหน้าสวยนั้นยังคงฉายแววตึงเครียด มือเรียวจึงยกลูบผมสีดำเงางามของหญิงสาวเพื่อปลอบประโลม
“ชั้นไม่เป็นไรแล้วมิคาสะเธอไม่ต้องกังวลหรอ” ใบหน้ามนคลี่ยิ้มกว้างหวังจะคลายความกังวลของหญิงสาวลงได้บ้าง แต่มันไม่ช่วยอะไรเลยเพราะสิ่งที่เธอกังวลไม่ใช่ร่างกายภาบนอกที่บาดเจ็บแต่เป็นจิตใจที่กำลังเอนเอียงไปยังอีกคนต่างหากล่ะ
“เอเลน เธอมีความสุขรึเปล่า?” เสียงหวานเอ่ยถามออกไปทั้งที่สีหน้ายังคงหม่นหมอง
“อืม ชั้นบอกไม่ได้หรอกนะว่าตอนนี้ชั้นมีความสุข แต่ว่าถ้าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว ไม่ใช่แค่ชั้น แต่ทั้งเธอ ทั้งอาร์มิน และทุกคน พวกเราต้องมีความสุขนะ” มือเรียวจับมือบางของอีกคนขึ้นมาหวังให้กำลังใจ ใบหน้าสวยที่ตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ไม่ใช่แค่ชั้นแต่ทุกคนจะต้องมีความสุขและได้รับอิสรภาพที่รอคอย
“เอเลน เป็นชั้นไม่ได้เหรอ? ที่จะทำให้เธอมีความสุขน่ะ” ในหน้าสวยมองจ้องไปยังคนบนเตียง แววตาฉายแววมุ่งมั่นรอฟังคำตอบ
เอเลนตกใจกับคำถามของเด็กสาวที่เขาคิดเสมอว่าเป็นคนสำคัญที่เปรียบดังคนในครอบครัวของเขา นัยน์ตาสีมรกตสบกับนัยน์ตาสีราตรีที่มองมาอย่างมุ่งมั่น มือเรียวยกขึ้นลูบเรือนผมสีดำอีกครั้ง
“เธอเป็นคนสำคัญของชั้นนะมิคาสะ เปรียบเสมือนคนในครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่” นัยน์ตาสีราตรีจ้องมองร่างบางเธออดที่จะรู้สึกไหวหวั่นไม่ได้ “แต่ ขอโทษชั้นไม่อาจคิดกับเธอได้มากไปกว่านั้น แต่เธอเป็นคนสำคัญของชั้นนะมิคาสะและชั้นเองก็หวังอยากให้เธอมีความสุขเช่นกัน” สองมือโอบกอดร่างเด็กสาวอย่างแผ่วเบาเขาเข้าใจแล้วว่าหัวหน้ารู้สึกยังไงกับคุณเพ็ตโทร่าเมื่อเธอมาสารภาพรัก
ขอโทษที่ไม่อาจตอบรับความรู้สึกที่จริงจังที่มอบมาให้ได้ ขอโทษที่ไม่อาจเลือกเธอผู้ซึ่งคอยอยู่เคียงข้างมาตลอดและเป็นคนสำคัญ แต่ชั้นก็คงปรารถนาให้เธอเจอใครสักคนที่จะทำให้เธอมีความสุขและเธอสามารถรักเขาได้อย่างเต็มหัวใจให้มากกว่าที่เธอรักชั้น เพราะใจของชั้นไม่อาจที่จะมอบให้กับใครได้อีก
“เอเลน เพราะไอเตี้ยนั่นสินะ” เสียงดุดันเอ่ยขึ้นทำให้ร่างบางจับไหล่ของเด็กสาวและจ้องมองด้วยความหวาดหวั่น “ถ้าไม่มีไอเตี้ยนั่น เธอก็คงไม่ปฏิเสธชั้นใช่ไหม?” คิ้วที่ขมวดเป็นปมแล้วแววตาฉายแววขุ่นเคืองจ้องตรงมา ถึงกระนั่นก็ไม่อาจปิดบังน้ำตาที่ไหลรินของเด็กสาวได้
เอเลนส่ายหน้าไปมาเป็นการปฎิเสธ “เปล่าเลยมิคาสะ ต่อให้ไม่มีเรื่องของหัวหน้าชั้นก็ไม่สามารถให้เธอเกินเลยได้มากกว่าคำว่าคนในครอบครัว” เขาไม่เคยสนใจเรื่องของความรัก ไม่เคยคิดที่จะผูกสัมพันธ์กับใครเกินเลยไปจนถึงขั้นอยากเป็นคนรัก แต่พอได้เจอกับหัวหน้ารีไวแล้วความรู้สึกที่มากมายก็ถาโถม อยากเป็นคนสำคัญ อยากที่จะครอบครองคนคนนั้นไว้ ถูกสอนให้รู้ที่จะรักแม้จะต้องเจ็บปวดแต่ก็ยังที่จะขอรักและหวังว่าสักวันเขาคนนั้นจะมองกลับมาที่ตนเองบ้าง และถูกสอนให้รู้ถึงความสุขของการรักใครสักคนตั้งแต่คนคนนั้นก้าวเข้ามาในชีวิต ซึ่งความรู้สึกแบบนี้คงไม่สามารถรู้ได้ถ้าไม่ได้เจอกับหัวหน้ารีไว “มิคาสะเธอยังคงเป็นคนสำคัญของชั้นเสมอ เป็นอย่างนี้ไม่ได้เหรอ” ใบหน้ามนจ้องมองด้วยสายตาเว้าวอน ที่จริงแล้วเขาไม่อยากทำร้ายจิตใจใครโดยเฉพาะกับคนสำคัญด้วยแล้ว
แต่ทุกอย่างล้วนเพื่อตัวของเขาและมิคาสะเองเพื่อที่เด็กสาวจะได้ตัดใจ เลิกยึดติดกับตัวเขาและหาความสุขให้ตัวเองเสียที
ใบหน้าสวยจ้องกลับไปยังใบหน้ามนที่หม่นหมองแสดงถึงความไม่สบายใจออกมาอย่างเด่นชัด ทั้งที่เธออยากให้คนคนนี้มีความสุขที่สุด แต่ตอนนี้เธอกลับทำให้ร่างโปร่งลำบากใจที่สุดสินะ ยิ่งสายตาเว้าวอนที่มองมาแล้วเธอรู้ดีว่าไม่ว่าเมื่อไรเธอก็ไม่สามารถปฎิเสธเด็กหนุ่มคนนี้ได้เลย “ถถ้าไอเตี้ยนั้นมันทำให้เธอเสียใจชั้นจะฆ่ามัน”สองมือบางกำแน่น ถึงแม้ไม่อยากจะยอมรับแต่เพื่อความสุขของเอเลน ชั้นจะพยายาม
เอเลนคลี่ยิ้มให้กับเด็กสาวสองมือขยี้ลงบนเส้นผมสีดำด้วยความเอ็นดู “ขอบใจนะมิคาสะ ชั้นรักเธอจัง”
นัยน์ตาสีราตรีมองคนบนเตียงอย่างนึกเอ็นดู ถึงแม้คำว่ารักของร่างบางจะเป็นคนละความหมายกับที่เธอต้องการ แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว แค่ได้เป็นคนสำคัญแม้ต้องอยู่ในฐานะอะไรก็ไม่สำคัญ ขอเพียงแค่เอเลนมีความสุข “คำนั้นน่ะไว้ไปพูดกับไอเตี้ยนั่นดีกว่า เผื่อส่วนสูงจะเพิ่มขึ้นบ้าง” ถึงแม้เธอจะยอมรับเรื่องของทั้งสองคนแต่ก็อดที่จะแขวะคนที่มาแย่งคนสำคัญที่สุดของเธอไปไม่ได้ เพราะสำคัญมากกว่าสิ่งใดจึงปรารถนาให้เธอมีความสุขที่สุดแม้ชั้นจะต้องเจ็บปวด แต่ก็ขอเฝ้ามองและขอให้เธอมีแต่ความสุข เพราะเราไม่อาจรู้ได้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรการที่ไขว่คว้าความสุขที่อยู่ตรงหน้าได้ย่อมช่วยเยียวยาหัวใจในโลกที่โหดร้ายนี้ได้บ้าง


พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า พร้อมการกลับมาของชายหนุ่มผูแข็งแกร่งที่เขารอคอยมาตลอดทั้งวัน ร่างแข็งแกร่งถอดเสื้อคลุมสีน้ำตาลที่สัญลักษณ์ปีกเสรีภาพของหน่วยของตนออกพาดไว้ที่โซฟา
“วันนี้เป็นยังไงบ้างครับหัวหน้า?” ใบหน้ามนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหัวหน้าของตนกลับมาด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดเล็กน้อย
“พวกข้างบนมันก็งี่เง่าเหมือนเคยนั้นแหละ เอาแต่มุดหัวอยู่ในรูกันทั้งนั้น” อดหัวเสียไม่ได้กับรายงานที่ต้องมาเขียนเพื่ออธิบายเหตุการณ์การจับกุมไททันหญิงที่เกิดขึ้นแล้วไหนจะคำสั่งจับตาทีมสำรวจที่ออกมานั่นอีก ในเมื่อตนเองไม่คิดที่จะทำอะไรได้แต่นั่งมองอยู่บนหิ้งแล้วมุดหัวอยู่แต่ในที่ของตัวเอง ก็ไม่ควรมาก้าวก่ายสร้างความยุ่งยากให้กับคนอื่น ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ใบหน้าคมถอนหายใจแล้วมองกลับไปยังเตียงของคนป่วยที่จ้องมองเขาด้วยแววตาที่สดใสเหมือนลูกหมาที่เห็นเจ้าของกลับมาแล้ว และมันก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นบ้าง “ว่าแต่นายอาการเป็นยังไงบ้างไอหนู?” ร่างแข็งแกร่งเขยิบเข้ามาใกล้คนที่อยู่บนเตียงเพื่อดูอาการบาดเจ็บที่ดูเหมือนเริ่มสมานกันดีแล้ว
“เกือบจะเป็นปกติแล้วล่ะครับ ว่าแต่หัวหน้าเองขาเป็นยังไงบ้างครับ?”ระหว่างการต่อสู้กับไททันหญิงในป่าหัวหน้าเองก็ได้รับบาดเจ็บที่ขาเช่นกัน
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะนายไม่ต้องห่วงหรอก” รีไวเดินกลับไปนั่งที่โซฟาพร้อมทั้งตรวจเอกสารที่หยิบติดมาด้วย
แม้จะบาดเจ็บหรือมีเรื่องยุ่งต่างๆเข้ามามากมายแต่หัวหน้าก็ยังคงทำหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของตนเองเสมอ การที่หัวหน้าบาดเจ็บจึงทำให้ไม่อาจลงพื้นที่ภาคสนามได้เลยทำให้ต้องนั่งจมอยู่กับกองเอกสารแล้วทำให้ต้องไปหา ผบ.เอลวิน มากขึ้นด้วย และมันทำให้ร่างบางอดคิดหวงไม่ได้
“วันนี้หัวหน้าก็อยู่กับผบ.เอลวินทั้งวันเลยเหรอครับ?” ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็ยังคงอดถามไม่ได้อยู่ดี
“ปกติชั้นก็อยู่กับหมอนั่นแทบตลอดอยู่แล้วเวลาทำงาน” ใบหน้าคมยังคงจับจ้องที่เอกสารในมือ
ถ้าเขาขอร้องให้คนตรงหน้าไม่ไปหาหัวหน้าเอลวิน เขาคงเป็นคนที่แย่และเป็นได้แค่เด็กเหลือขอที่แยกแยะระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก ทั้งๆที่ก็รู้ว่าไม่สมควรแต่ก็อดที่จะหวงไม่ได้เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นมันเกินเลยกว่าเรื่องงาน แต่ตอนนี้หัวหน้าบอกว่าเขาเป็นคนพิเศษ ถ้าจะลองขอร้องความเห็นแก่ตัวตรงนี้คงได้สินะ....
“เออ หัวหน้าครับ ถ้าผมขอร้องให้คุณนอนกับผมแค่คนเดียวจะได้รึเปล่าครับ?” ใบหน้ามนขึ้นสีระเรื่อมือเรียวยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าซ่อนความอาย ถึงแม้จะอยากครอบครองไว้แต่คำพูดมันก็ชวนน่าอายอยู่ดี
“โฮ่ พอชั้นบอกว่านายเป็นคนพิเศษนายก็เริ่มจะเรียกร้องอย่างงั้นเหรอ” มือหยาบวางเอกสารที่ต้องตรวจลงบนโซฟา เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจกว่าเอกสารงี่เง่าหลายเท่านัก นัยน์ตาคมจ้องมองคนบนเตียงที่พยายามซ่อนความอายใต้ผ้าห่ม
“ม ไม่ใช่ครับ ก็แค่” ใบหน้ามนได้แต่บ่นอุบอิบใต้ผ้าห่มของตนไม่กล้าเงยหน้ามองขึ้นมาสบตากับนัยน์ตาคมนั่นก็แค่อยากเป็นที่หนึ่งของคุณก็เท่านั้น
ร่างกายแข็งแกร่งเดินเข้ามาชิดเตียง สองมือแกร่งยันลงบนเตียงคร่อมร่างอีกคนไว้ “นายคิดว่านายคนเดียวสามารถสนองความต้องการของชั้นได้หมดรึไง เอเลน เยเกอร์?” เสียงทุ้มหยอกเย้าที่ใบหูร่างบาง คำถามที่ถูกถามมานั้นทำให้ความอยากเอาชนะของร่างโปร่งกลบความอายทั้งหมดที่มี
“ได้แน่นอนครับ!!” นัยน์ตาสีเขียวสบนัยน์ตาสีขี้เถ้ากลับไปอย่างจริงจัง
ใบหน้าคมยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่เลว ไหนลองพิสูจน์ให้ดูหน่อยสิเอเลน” ก่อนที่ริมฝีปากบางจะได้เอ่ยตอบกลับไป คนที่คร่อมอยู่นั้นก็มอบจูบที่ปลุกเร้าและหอมหวานลงมาให้ ลิ้นร้อนไล่วนเกี่ยวพันอีกคนปลุกอารมณ์วาบหวานและร้อนรุ่มให้แก่กัน มือหยาบดึงผ้าห่มที่กั้นขวางไว้ออกไปแล้วรุกล่ำเข้าสัมผัสยังยอดอกที่อ่อนไหวภายใต้เสื้อแขนยาว ลิ้นร้อนยังคงมอบจูบที่แสนหวานให้กับร่างบาง ลิ้นร้อนเลียกลีบปากบางก่อนค่อยๆผละออกทั้งที่ความจริงก็ยังอยากที่จะรุกล่ำอย่างจาบจ้วง แต่ก็อดที่จะแกล้งร่างโปร่งที่กำลังหอบระริกและส่งสายตาอ้อนวอนเชิญชวนไม่ได้
“หืมไหนบอกจะทำให้ชั้นพอใจไง แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอไอหนู?” คำปรามาสจากใบหน้าคมทำให้ต่อมอยากเอาชนะของเด็กหนุ่มปะทุ เอเลนจึงพลิกตัวเองขึ้นและนั่งคร่อมบนตักอีกคน
ใบหน้ามนก้มลงจูบคนตรงหน้าลิ้นร้อนตวัดอย่างไม่รู้ประสา เพราะทุกครั้งคนที่นำจนไปถึงจุดก็จะมีแต่ร่างแข็งแกร่งนี้เท่านั้น นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเป็นคนลองทำเอง ถึงแม้ลิ้นร้อยจะรุกล่ำอย่างไม่เป็นงานแต่ก็นับได้ว่าทำให้ใบหน้าคมรู้สึกดีไม่น้อย ริมฝีปากบางไล่ลงจนถึงไหปลาร้าแกร่งก่อนที่จะโลมเลียและขบกัดฝากฝังรอยกลีบกุหลาบเพื่อแสดงว่าคนคนนี้เป็นของเขา
มือหยาบของคนอายุมากกว่าสะกิดยังจุดที่อ่อนไหว พร้อมมืออีกข้างที่ปลดกางเกงลงไปกองกับพื้นเผยให้เห็นส่วนอ่อนไหวไวต่อสัมผัส มือกร้านหยอกเย้ายังจุดที่อ่อนไหวที่เริ่มมีน้ำเอ่อล้นออกมาจากอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้น
“อ..อา” ริมฝีปากบางส่งเสียงครางหวานในลำคออย่างอดกลั้น มือเรียวจับไหล่หนาเพื่อหวังเป็นที่ยึดจากความเสียวซ่านที่อีกคนกำลังมอบให้
“จะยอมแพ้แล้วเหรอไงเด็กน้อย?” เสียงหยอกเย้ากระซิบที่ข้างหูพร้อมทั้งลิ้นร้อนที่โลมเลียยิ่งปลุกให้ร่างบางสั่นระริกด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน
“อื้อ!!…..หัวหน้า อย่าอย่าแกล้งกันสิครับ”เสียงเว้าวอนจากร่างบางที่กำลังสั่นระริกยิ่งปลุกให้อารมณ์ของรีไวพุ่งสูงขึ้น ร่างเล็กแต่แข็งแกร่งจึงจับคนหน้ากดลงบนเตียงหนา หัวเข่าสอดแทรกไปกลางลำตัวสัมผัสส่วนอ่อนไหวที่กำลังตั้งชันและมีหยาดน้ำล้นปริ่มออกมา สองขาเรียวแยกกว้างด้วยความเคยชินขยับให้ร่างแข็งแกร่งสามารถรุกล่ำเข้ามาได้ง่ายขึ้น
เข่าของร่างแข็งแกร่งถูส่วนที่อ่อนไหวอย่างหยอกเย้ามือหยาบกุมส่วนอ่อนไหวรูดขึ้นลงสร้างความเสียวซ่านให้กับร่างที่อยู่ข้างใต้ ลิ้นร้อนกัดและดูดเม้มยังยอดอกสีกุหลาบจนบวมเป่งและเป็นรอยช้ำสีแดงเข้ม
“ชั้นไม่แกล้งนายก็ได้เอเลน แต่หวังว่านายจะสามารถตอบสนองชั้นได้ตามที่บอกไว้นะ” นิ้วหยาบไล่วนตามร่องด้านล่างเพื่อสร้างความคุ้นชิน ก่อนที่จะสอดแทรกเข้าไปไล่วนเพื่อเปิดช่องทาง
“อื๊อ!!” นัยน์ตาสีมรกตหลับตาแน่น ร่างสั่นระริกพยายามผ่อนลมหายใจเพื่อเตรียมพร้อมกับสิ่งที่จะรุกล่ำเข้ามา
ใบหน้ามนที่ขึ้นสีระเรื่อ นัยน์ตาสีมรกตที่กำลังคลอด้วยหยาดน้ำตา ลมหายใจเข้าออกที่หอบถี่ๆ และเสียงครางที่แสนหวาน ช่างปลุกเร้ากระตุ้นต่อมอยากแกล้งของคนอายุมากกว่าจนอดใจไม่ไหว ริมฝีปากคมโน้มเข้ากระซิบร่างบางที่กำลังสั่นไหวอยู่เบื้องล่าง
“ถ้านายอยากได้ล่ะก็ช่วยทำให้ชั้นเห็นหน่อยสิ” เสียงทุ้มหยอกเย้าคนใต้ร่าง
แม้รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังจงใจแกล้งตนเองอยู่ แต่เรียวขาบางก็กางให้กว้างออกอย่างว่าง่าย แขนเรียวช้อนใต้หว่างขาเผยช่องทางแคบที่กำลังเต้นตุบตุบ เพื่อรอการรุกล่ำจากอีกฝ่าย สองมือบางจับเนินนุ่มนิ่มของตนแหวกออกยิ่งเผยให้เห็นช่องทางเข้าสีกุหลาบอย่างแจ่มชัด
“ดได้โปรดใส่เข้ามาในตัวผมด้วยครับหัวหน้า” เสียงหวานร้องขออย่างออดอ้อน แม้จะอายแสนอายแต่ความต้องการที่พุ่งขึ้นสูงก็เกินกว่าจะหยุดยั่งและสมองสั่งการว่าสิ่งที่ตนทำอยู่ช่างแสนน่าอาย
แต่มันช่างเย้ายวนและกระตุ้นอารมณ์วาบหวามของคนที่คร่อมอยู่ยิ่งนักคนกลั่นแกล้งไม่สามารถอดใจได้ไหวอีกต่อไป ท่อนเนื้อที่ใหญ่กว่านิ้วหลายเท่านักถูกสอดใส่ตามคำเรียกร้องของคนเบื้องล่าง
“อ๊ะ!! …..อา” มือเรียวโอบไหล่คนที่กระแทกลงมา ความเจ็บหนึบจากการถูกสอดใส่ทำให้เล็บจิกลงบนแผ่นหลังแกร่งเพื่อระบายความเจ็บที่แล่นโถมเข้าใส่
แม้จะเจ็บแต่กลับรู้สึกเต็มตื้นและอิ่มเอมเป็นครั้งแรก แม้จะทำเรื่องที่น่าอายแต่หัวใจกลับร้อนรุ่มและสุขสมกับความสุขที่คนตรงหน้าปรนเปรอให้ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแนบชิดและรู้สึกอบอุ่นจนน้ำตาหลั่งไหลด้วยความยินดี เพราะเป็นครั้งแรกที่ถูกทำในฐานะที่เป็นคนพิเศษ
น้ำรักสีขาวขุ่นไหลลงจากทางช่องแคบลงมาเปื้อนเรียวขายาว ลมหายใจหอบถี่จากความเหนื่อยล้าที่ได้ปลดปล่อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอเพราะยังคงรู้สึกอยากเติมเต็มให้แก่กันและกัน ก่อนที่ลมหายใจจะกลับเป็นปกติริมฝีปากคมก็ทาบทับลงมายังริมฝีปากสีระเรื่อที่เริ่มบวมเป่งจากการถูกจูบหลายต่อหลายครั้ง ลิ้นร้อนยังคงหยอกเย้าริมฝีปากบางเก็บเกี่ยวความหอมหวานในโพรงปากอย่างไม่รู้จักพอ และต้องผละออกมาเมื่อเริ่มรู้สึกว่าคนที่อยู่ใต้ร่างเริ่มหายใจไม่ทัน
“มันยังไม่จบแค่นี้หรอกนะ เอเลน นายทำให้ชั้นพอใจได้ใช่ไหม” แม้จะเป็นประโยคคำถามแต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเหมือนกับดื้อดึง และเว้าวอนด้วยความเอาแต่ใจ เมื่อได้ฟังเสียงทุ้มที่พยายามเว้าวอนอยู่นั้นใครล่ะจะปฎิเสธได้ ใบหน้ามนจึงได้แต่พยักหน้ารับน้อยๆ และกว่าที่ทั้งสองจะได้พักผ่อนก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสางแล้ว
แสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามากระทบเปลือกตาทำให้ร่างบางที่เหนื่อยจากกิจกรรมบนเตียงเมื่อคืนต้องย่นคิ้ว มือบางยกขึ้นเพื่อพยายามปิดบังแสงสว่างของรุ่งอรุณที่ส่องเข้ามา แต่เปลือกตาบางสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มและชื้นของบางสิ่งกระทบลงมาที่เปลือกตาตนเองแทนที่จะเป็นมือของตน
แพขนตาหนาที่หนักอึ้งจากการอดนอนพยายามปรือขึ้นมองเจ้าวัตถุที่กระทบกับเปลือกตาของตนเอง แล้วนัยน์ตาสีมรกตก็เปิดกว้างเมื่อพบว่าบนนิ้วนางข้างซ้ายของตนมีดอกไม้สีแดงที่พันเป็นแหวนอยู่บนนิ้วของตนเอง ร่างโปร่งลุกพรวดขึ้นมานั่งด้วยความตกตะลึงแต่ความเจ็บที่แล่นขึ้นมาจากช่องทางข้างล่างทำให้เขาได้แต่นั่งทรุดบนเตียง
ใบหน้ามนมองไปยังชายร่างเล็กแต่แข็งแกร่งที่กำลังแต่งตัวและเตรียมออกไปทำภารกิจยามเช้า
“หัวหน้าครับ นี้คือ!!” เอเลนถามคนที่กำลังจัดแจงความเรียบร้อยของตนเองอย่างตื่นเต้น พร้อมทั้งยกมือเรียวที่มีแหวนดอกไม้สวมอยู่
ใบหน้าเฉยชาหยิบเอกสารและเตรียมเดินออกจากห้อง มือหยาบจับที่ประตูก่อนจะหันกลับมาสบตากับคนที่นั่งอยู่บนเตียง
“เห็นนายสนใจเรื่องความหมายของดอกไม้ ไอดอกเยอร์บีร่านั่นแกคงรู้ความหมายนะ ไอหนู” ใบหน้าที่เฉยชาเบนหลบไป ถ้าเขาตาไม่ฝาดเอเลนรู้สึกว่าแก้มที่ขาวซีดของหัวหน้าขึ้นสีแดงจางๆอยู่
เสียงฝีเท้าที่เดินจากไปทำให้รู้ว่าอีกคนได้ออกไปทำหน้าที่ของตนเองแล้ว ใบหน้ามนได้แต่ก้มหน้าลงกับผ้าห่มของตัวเอง ร่างกายร้อนผ่าวเหมือนกับจะเป็นไข้ หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะหลุดกระเด็นออกมาข้างนอกริมฝีปางบางคลี่ยิ้มอย่างไม่อาจหุบได้จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหัวหน้ากลับมาเห็นหน้าเขาตอนนี้เขาอาจจะโดนเตะด้วยความหมั่นไส้ก็ได้
มือบางลูบไล้กลีบดอกไม้บนนิ้วของตนไปมา ความหมายของดอกเยอร์บีร่า [อาจดูเหมือนเฉยเมย แต่ในใจไม่เคยหยุดรักคุณ]ใบหน้าร้อนผ่าวแนบลงบนดอกไม้สด ริมฝีปากบางจุมพิตบนกลีบดอกไม้อย่าง ทนุถนอมราวสมบัติล่ำค่า
สักวันคำที่ถูกเก็บไว้ภายในอกมาตลอดจะได้พูดออกไปกับคนแข็งแกร่งที่เฉยชา แต่ช่างแสนสำคัญและล่ำค่ากับหัวใจ
ถึงแม้จะไม่มีคำบอกรักจากร่างที่แข็งแกร่งเพราะเจ้าตัวเคยบอกไว้ว่า การกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูด ถ้าเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ต่อให้ตอนนี้กำลังคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ก็ตาม แต่นี้หมายความว่าคุณกำลังบอกรักผมใช่รึเปล่าครับหัวหน้า
แต่ต่อให้คุณไม่พูดคำคำนั้นออกมา สักวันผมจะเป็นฝ่ายที่บอกกับคุณเอง….
ริมฝีปากบางบรรจงจูบแหวนดอกไม้ในมืออย่างแผ่วเบาอีกครั้ง แม้โลกนี้จะโหดร้ายแต่มันก็ยังคงสวยงาม และเขาก็ตกหลุมรักความสวยงามของโลกใบนี้เข้าแล้ว….

TBC.

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม 2557 เวลา 21:28

    เล่นยั่วซะขนาดนั้นหัวหน้าก็ยังใจแข็งได้อีกนะ ชริ!

    ส่วนเอลวินนี่ก็เป็นก้างขวางคอจังนะ =A=//
    เทียบกันแล้วแจนยังดีกว่าเลย

    มิคาสะตัดใจง่ายไปหน่อย แต่ความสัมพันธ์แบบนี้เองก็ดูน่ารักกุ๊กกิ๊กดี
    อย่างน้อยก็ยังมีคนๆ นึงที่เข้าใจแล้วพร้อมยอมรับเสมอ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เพื่อความสุขของเอเลนมิคาสะเลยยอมถอยค่ะ ต้องเรียกว่าพยายามเข้าใจมากกว่าที่จะตัดใจ เเละเพราะเป็นสิ่งที่เอเลนขอร้องด้วยเลยยิ่งทำให้มิคาสะต้องยอมถอย ส่วนเเจนในชาตินี้ไม่ได้คิดอะไรกับเอเลนนอกจากความเป็นไอบ้าค่ะฮาๆ >w<

      ลบ
  2. หื้มมมมม หัวหน้าแอบเสี่ยวนะคะ 5555555555 แต่เข้าใจนะ ก็เด็กมันยั่วอะเนาะ หุหุ สมกับเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อน #โดนถีบ

    ตอบลบ