Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last
Memory
Chapter 7
ในวันที่สองของการมาเที่ยวทะเลซึ่งเป็นแผนหลักและการช่วยเหลือความรักของเพื่อนซึ่งเป็นแผนรองก็ยังคงดำเนินต่อไป
เรือยอร์ชส่วนตัวของบ้านกิลชูไตน์ล่องออกกลางทะเลเพื่อไปยังจุดดำน้ำ
“ทุกท่านขอรับปะการังตรงนี้เป็นสุดยอดของแถวนี้เลยล่ะขอรับ
เราจะจอดอยู่บริเวณนี้ประมาณ 2 ชั่วโมง
ที่ท้ายเรือเรามีสน็อกเกิ้ลเตรียมพร้อมสำหรับทุกท่าน
รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับตกปลาไว้บริการเรียบร้อยขอรับ”
ลุงคีธหัวหน้าผู้ดูแลที่ตอนนี้รับอาสาเป็นกัปตันเรือกล่าวขึ้น
โคนี่ และชาช่า
เป็นคู่แรกที่กระโดดลงจากเรือก่อนที่บันไดเหล็กจะได้วางพาดเสียอีก
ทั้งคู่ต่างตื่นเต้นกับปลานานาชนิดที่อยู่ในทะเล
พร้อมทั้งหมายมั่นว่าจะต้องจับกลับไปเพื่อทำอาหารให้ได้จำนวนมาก
แอนนี่สวมแว่นตากันแดดแล้วปลีกวิเวกขึ้นไปนอนอาบแดดบนดาดฟ้าเรือ ไรเนอร์เบลทรูธมาร์โก และอาร์มิน
ค่อยๆทยอยลงจากเรือเพื่อดำน้ำดูปะการัง
ยูมิลหันมาช่วยคริสต้าทาครีมกันแดดก่อนที่จะลงไปดำน้ำเช่นกัน
จะเว้นก็แต่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนผู้เป็นเจ้าของเรือที่ขอตัวไปตกปลาที่หัวเรือแทน ถึงแม้อาร์มินจะบอกว่าวันนี้ยังไม่สมควรที่จะดำเนินแผนการต่อเพราะเกรงว่ามิคาสะจะจับพิรุธได้ แต่ใช่ว่าจิตใจและสมองของเขาจะหยุดคิดและหยุดเต้นระรัวกับใบหน้ามนเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตนั้นได้เสียที่ไหน
เพื่อพยายามไม่ให้เกิดการแสดงอาการแปลกๆเขาจึงเว้นระยะห่างจากร่างโปร่งเพื่อรอเวลา แต่ถึงเขาจะพยายามเว้นระยะเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธแต่ว่าเจ้าคนที่เป็นเป้าหมายกลับดูเหมือนจงใจที่จะทำให้หัวใจเขาทำงานหนักเสียอย่างนั้น
ไม่ว่าจะเป็นสภาพตอนตื่นนอนที่กระดุมของร่างโปร่งหลุดลุ่ยเผยให้เห็นหน้าท้องที่แบนเรียบและมีกล้ามเนื้อบ้างเล็กน้อย ทั้งยังเข้ามาขอแปรงฟันพร้อมกันในห้องน้ำเพราะบอกว่าจะได้ไม่เป็นการเสียเวลา
แล้วไหนจะการเอามือเรียวนั่นมาแตะที่หน้าผากเขาเพราะเห็นว่าเขาหน้าแดงเลยเกรงว่าจะเป็นไข้
แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งใบหน้ามนนั่นเขยิบมาใกล้ชิดเขามากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ตัวเขาร้อนผ่าวขึ้นเท่านั้น ทั้งที่เหตุการณ์ทั้งหมดก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมแต่เป็นตัวเขาเองที่รู้สึกกับใบหน้ามนนั้นพิเศษต่างจากที่เคยใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนสะบัดไปมาแรงๆ
ไอแจนไอบ้า!!ใจเย็นๆหน่อยสิวะ
ต้องรอเวลาถ้าไม่อยากเป็นอาหารปลาและผีเฝ้ารีสอร์ทอยู่ที่นี่ สองมือขึ้นมาตบหน้าตนเองเบาๆเป็นการเรียกสติ
แต่เหมือนเบื้องบนต้องการทดสอบอะไรในตัวของเขาก็ไม่อาจทราบได้เลยทำให้ร่างโปร่งที่เห็นเขากำลังตกปลาที่หัวเรือคนเดียวเดินเข้ามาหา
“แจน ไม่ไปดำน้ำด้วยกันเหรอ?”
เอเลนเดินเข้ามาชวนร่างสูงที่แยกตัวออกมายืนตกปลาเพียงลำพัง
“ไม่ล่ะ ชั้นอยากตกปลาสบายๆมากกว่า…. เฮ้ย!!!เอเล้นนนน แกทำอาร๊ายยยยย?!!!”ร่างสูงเบิกตาโพล่งเลิ่กลั่กกับคนตรงหน้าที่กำลังถอดเสื้อแขนยาวของตนเผยให้เห็นผิวขาวเหลืองที่เรียบเนียนน่าสัมผัส และหน้าท้องที่แบนราบ
“ก็จะดำน้ำไง ตกใจอะไรของแกวะแจน?”
ใบหน้ามนตอบกลับคนตรงหน้าอย่างงงๆ
เขาไม่ใช่สาวน้อยสักหน่อยจะตกใจทำไมกับแค่ถอดเสื้อผ้า
“ก…แก ไม่ใส่เสื้อลงไปดำน้ำด้วยเลยล่ะแดดมันแรงผิวจะไหม้เอานะเว๊ย บนเรือมีชุดลำลองอยู่สองสามชุดแกเอาไปใส่ได้นะถ้ากลัวเปียก”
แจนพยามชักจูงร่างโปร่งเพื่อไม่ให้ทำตนตบะแตกไปมากกว่านี้
“เมื่อกี้มิคาสะทาครีมกันแดดให้แล้ว
เหนียวชะมัดเลย” ว่าแต่ทำไมจะต้องมากังวลกลัวเขาผิวจะเสียกันด้วยนะ
“แต่หาอะไรใส่มันก็ดีกว่านะ”ดีกับใจของชั้นด้วย
ร่างสูงได้แต่พยายามเบี่ยงเบนสายตามองเบ็ดตกปลาของตนเองราวกับว่ามันช่างน่าสนใจเหลือเกิน
“ไม่ล่ะ ใส่เสื้อเล่นน้ำมันไม่สบายตัวน่ะ
ว่าแต่ที่นายไม่เล่นน้ำเพราะมีไข้รึเปล่า? หน้าเริ่มแดงอีกแล้วนะ” ร่างโปร่งที่เหลือแต่กางเกงขาสั้นสามส่วนเขยิบไปหาร่างสูงหมายจะดูอาการคนตรงหน้า
เฮ้ย!! อย่าเดินมาทางนี้สิเว้ย!!! แจนที่พยายามข่มตัวเองคว้าเสื้อคลุมสีขาวที่อยู่ตรงม้านั่งคลุมให้ร่างบาง
“เป็นไรวะแจน แล้วเอาเสื้อมาคลุมชั้นทำไมเนี่ย?”
มือเรียวพยายามคว้าเอาเสื้อคลุมที่อีกคนสวมให้ออก
แต่มือหนาก็ยังคงฝืนให้คลุมเข้าที่เดิม
“ใส่ไว้เถอะเอเลน!” ใบหน้าคมส่งเสียงดุ ถึงแม้นัยน์ตาสีมรกตกำลังไม่เข้าใจกับการกระทำของอีกฝ่ายแต่ก็ทำให้ร่างโปร่งยอมคลุมร่างของตนเองด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวที่ถูกยัดเยียดมาให้
“เอเลนอยู่นี้เอง
ไปดูปะการังกันเถอะ” มิคาสะในชุดว่ายน้ำทูพีชสีดำแดงเข้ามาลากตัวป่วนหัวใจร่างสูงไปดำน้ำด้วยกัน
นึกว่าหัวใจจะหยุดเต้นซะแล้ว
หวังว่าเจ้าตัวยุ่งเอเลนคงไม่ทำให้เขาตบะแตกจนต้องเขียนพินัยกรรมตั้งแต่ตอนนี้หรอกนะ
แต่ร่างสูงคงคิดผิดเพราะว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตั้งใจจะให้ร่างบางนั้นปกปิดร่างกายที่น่ามองจนเขาแทบอดใจไม่ไหวกับเป็นตัวกระตุ้นให้เลือดในกายยิ่งวิ่งพล่าน
เมื่อมันเปียกน้ำแล้วแนบลงกับลำตัวบางของใบหน้ามนเผยให้เห็นผิวเนื้อที่เผยออกมาเป็นบางส่วนพร้อมทั้งผมที่ลู่ลงเพราะความเปียกชื้นจากน้ำทะเลยิ่งทำให้ร่างโปร่งนั้นดูเย้ายวนขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าทำเอาแจนเกือบได้เป็นอาหารปลาไปแล้วจริงๆเมื่อมิคาสะเห็นถึงสายตาของเขาที่มองร่างโปร่ง จนเขาต้องรีบไล่เจ้าคนยุ่งยากต่อหัวใจให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบเดินทางกลับที่พัก
วันนี้ช่างเป็นวันที่ยาวนานและเหนื่อยล้าของ
แจน กิลชูไตน์แต่ถึงกระนั้นทุกอย่างก็กำลังจะผ่านพ้นไปและจบลงด้วยดีเสียแต่ว่าเขากลับต้องรู้สึกเหมือนเจอกับมิชชั่นใหญ่ขวางกั้นไว้ เมื่อเจ้าคนป่วนที่กำลังหลับพริ้มนั้นดันไม่นอนบนที่นอนตนเองแต่กลับแย่งที่นอนของเขาตอนที่เขาไปอาบน้ำนี่สิ
ร่างโปร่งที่รออาบน้ำต่อจากเพื่อนร่วมห้องของตนเผลอเข้าสู่ห้วงนิทราโดยไม่รู้เลยว่าได้ทำให้ใครบางคนที่อยู่ด้วยลำบากใจแล้วลำบากใจเล่า
“เฮ้ เอเลน
ตื่นได้แล้ว ไปอาบน้ำ” มือหนาเข้าไปเขย่าไหล่เพื่อนร่วมห้องที่บุกรุกเตียงของตน
ใบหน้ามนได้แต่ละเมอครางตอบรับในลำคอ
เปลือกตายังคงไม่มีทีท่าว่าจะลืมขึ้นมาได้ง่ายๆ
แจนจึงเพิ่มแรงเขย่าขึ้นเพื่อให้คนตรงหน้ารู้สึกตัว
ซึ่งก็ได้ผลเมื่อริมฝีปากสีระเรื่อเริ่มขยับเหมือนจะเอ่ยคำใดออกมา
ทำให้ร่างสูงค่อยๆก้มลงไปเพื่อจะจับใจความที่ร่างบางพูด
“……ฮึก…….ห... อ....อย่า…..”แพขนตาหนามีประกายหยดน้ำตาเกาะกุม
ฝันร้ายรึไงนะเจ้าบ้านี่ มือหนายกขึ้นปาดหยดน้ำตาที่เกาะบนแพขนตาหนา แล้วต้องหยุดชะงักกับชื่อที่คนหลับละเมอออกมา
“…ได้โปรด…หัวหน้ารีไว”
ชื่อที่ไม่เคยรู้จักถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบาง ใคร?ความสงสัยเกาะกุมหัวใจของเด็กหนุ่ม แล้วทำไมถึงได้ดูมีอิทธิพลกับร่างบางถึงขนาดเจ้าตัวเก็บไปฝันและละเมอออกมาถึงขนาดนี้ ก่อนที่เจ้าตัวจะทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นคนที่ถูกปลุกก็เริ่มขยับตัว เปลือกตาปรือมองใบหน้าอีกคนที่กำลังจ้องตนมาอย่างสงสัย
แต่เพราะความง่วงที่ยังครอบงำจึงทำให้เขาไม่ได้เอะใจหรือสงสัยอะไรกับสีหน้าและแววตาของร่างสูงที่มองมา
“ฮ้าววว….แจนเสร็จแล้วเหรอ งั้นชั้นอาบต่อล่ะนะ โทษทีที่ยึดเตียงแก”
ร่างโปร่งหยิบผ้าขนหนูและเสื้อผ้าของตนเดินเข้าห้องน้ำไป
ถึงแม้จะสงสัยว่า
หัวหน้ารีไว ที่เอเลนเอ่ยออกมาเป็นใคร
แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามเพราะน้ำตาที่ร่วงรินจากเปลือกตาบางยามเอ่ยชื่อของบุคคลที่เขาไม่รู้จักด้วยกลัวว่าจะเป็นคนที่ทำให้ร่างบางเจ็บปวดและไม่อยากที่จะเอ่ยถึง
ด้วยความที่รู้จักกันกันมานานและรู้ดีว่าถึงแม้จะถามไปแต่ถ้าเป็นเรื่องที่เจ้าตัวไม่อยากพูดถึงเอเลนก็มักจะบ่ายเบี่ยง ได้เพียงแต่คอยว่าสักวันเอเลนจะยอมเล่าให้เขาฟังเหมือนกับทุกๆครั้งที่เขารอ
ไอน้ำอุ่นจากอ่างที่โชยขึ้นมาทำให้ร่างโปร่งที่แช่อยู่รู้สึกสบายและผ่อนคลาย นัยน์ตาสีมรกตเหม่อลอยมองเพดานสีขาวพลางนึกถึงเรื่องที่ฝัน สองมือถูกเหล็กและโซ่หนาพันธนาการ โดยมีมือแกร่งและร่างกายเปลือยเปล่าที่แข็งแรงกำยำนั่นทาบทับลงมา….ช่างเอาแต่ใจ ดื้อดึง และเร่าร้อน
นัยน์ตาสีมรกตเลื่อนลงมามองยังข้อมือขาวของตนร่างกายไม่ได้มีร่องรอยใดใดของการถูกกระทำ
ทั้งที่ไม่มีแต่กลับยังคงรู้สึกถึงสัมผัสที่เจือจางผ่านความฝัน ทั้งที่ไม่มีอะไรยืนยันตัวตนของคนคนนั้น แต่จิตใจกับฝั่งแน่นไปด้วยเรื่องราวและภาพของชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีขี้เถ้านั้น
ทั้งที่บันทึกไม่ได้อยู่ที่นี้แต่กลับยังคงนึกและฝันถึงใบหน้าคมแสนเฉยชาเหมือนกับว่าถูกตราตรึงอยู่ในส่วนลึกของความคะนึงหาที่กำลังค่อยๆล้นทะลักออกมา
สัมผัสที่รุนแรง
แม้ตื่นจากนิทราก็ยังคงจดจำได้ดี
ริมฝีปากดุดันที่กดลงมาและขบเม้มไปทั่วร่างยังคงรู้สึกตราตรึงแม้ไม่มีร่องรอยให้เห็น ความรู้สึกที่เร่าร้อนและเจ็บปวดยังคงฝังลึกในจิตใจ
มือเรียวปลดปล่อยความพลุ่งพล่านและวาบหวามของตนออกมา ลมหายใจหอบเบาจากการกระทำที่เพิ่งผ่านพ้นไป หยาดน้ำสีขาวขุ่นในมือยืนยันสิ่งที่ตนเองได้ทำแจ่มแจ้ง
ทั้งที่ตั้งใจว่าจะลืมและลบทุกอย่างออกไปจากใจแต่ผลสุดท้ายก็เหมือนยังคงวนกลับมาอยู่ที่เดิม
ค่ำคืนที่สองผ่านไปพร้อมๆกับทิ้งความรู้สึกไหวหวั่นให้กับเด็กหนุ่มทั้งสอง
วันที่สามซื่งเป็นวันสุดท้ายของการท่องเที่ยวพักผ่อนก่อนที่ทุกคนจะกลับไปทำภารกิจของตนเองในวันพรุ่งนี้
และเป็นวันที่อาร์มินและคนอื่นๆดำเนินแผนการตามที่ได้ตกลงกันไว้เพื่อช่วยเหลือเจ้าของที่พักผู้อำนวยความสะดวกสบายให้ทุกระเบียบนิ้วตามที่ได้ตกลงกันไว้
แอนนี่
ไรเนอร์และเบลทรูธ ต่างเข้าไปเดินเล่นในเมืองเพื่อหาซื้อของที่ระลึก
คริสต้าและยูมิลไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เต่าทะเลซึ่งอยู่อีกเกาะหนึ่ง โคนี่ และชาช่า
สองคนคู่หูไปตลาดเพื่อจับจ่ายซื้อของสดและสินค้าอื่นๆนำกลับไปฝากที่บ้าน อาร์มินมาร์โก และมิคาสะ
ออกไปซื้อของฝากในเมืองเช่นกัน โดยที่อาร์มินพยายามหลอกล่อมิคาสะให้ยอมปล่อยเอเลนให้อยู่กับแจนเพื่อที่เธอจะได้แอบไปหาซื้อของฝากกลับไปฝากเผื่อพ่อและแม่ของเอเลน
และเอเลนจะได้รู้สึกตกใจและชื่นชมในตัวเธอที่คิดทำอะไรเพื่อเขาเลยทำให้ทหารองครักษ์ข้างกายเอเลนยอมอยู่ห่างจากเจ้าตัวบ้าง
“ทุกคนออกไปข้างนอกกันหมดเลยเหรอแจน?”
ร่างโปร่งที่เพิ่งตื่นนอนออกมาจากห้องถามเพื่อนคนเดียวที่เหลืออยู่
เนื่องจากเมื่อคืนเขาคิดฟุ้งซ่านมากไปจนกว่าที่จะข่มตาหลับได้ก็เกือบสว่างเสียแล้ว
ทำให้มิคาสะที่เข้ามาปลุกในตอนเช้าเพื่อให้ลงไปทานข้าวด้วยกันต้องปล่อยให้เขานอนหลับต่อไป
“อืม นายอยากออกไปไหนรึเปล่าเดี๋ยวชั้นพาไปก็ได้นะ เผื่อนายอยากซื้อของ
หรือว่าเข้าไปหาอะไรกินกันในเมืองไหม?”
ร่างสูงรีบถามเอาใจคนตรงหน้า
เพราะอาร์มินและมาร์โกบอกว่าการจีบที่ดีควรเริ่มจากการเอาใจอีกฝ่าย
ถึงแม้ทั้งคู่จะอดคิดไม่ได้ว่าปกติแจนก็เอาใจเอเลนมากจนแทบจะเป็นเบ๊อยู่แล้ว
“ไม่ล่ะขี้เกียจน่ะ ข้าวเมื่อกี้ทานแล้วเห็นลุงคีธเตรียมไว้ให้ในห้องครัว”
ส่วนของฝากปกติเวลาเขาไปไหนก็ไม่ค่อยได้ซื้อของกลับไปฝากคนที่บ้าน
เพราะไม่รู้จะซื้ออะไรไปฝากดี
จึงทำให้เขามักไม่ค่อยมีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปจนบางทีมารดาเขาก็แอบน้อยใจไม่ได้เหมือนกัน
“นายจะว่ายน้ำในสระ หรือไปเดินเล่นรอบๆไหมล่ะ?” แจนพยายามชักชวนร่างโปร่ง
มาร์โกบอกว่าการจีบที่ดีต้องใจใส่และคอยสร้างบรรยากาศที่ดีให้อีกฝ่ายแจนพยายามรวบรวมข้อมูลทั้งหมดในหัวที่บรรดาเพื่อนๆต่างเขียนขึ้นดุจตำราเรียนมาให้เขาศึกษา
“งั้นไปเดินเล่นที่ชายหาดละกัน”
ที่จริงตัวเขาอยากกลับเข้าไปนอนต่ออีกสักหน่อยมากกว่า
แต่เห็นเพื่อนพยายามชวนและไหนๆก็มาทะเลแล้วก็ขอซึมซับบรรยากาศให้เต็มที่
ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ
และกางเกงขาสั้นสามส่วนเดินทอดน่องไปตามชายหาดส่วนตัวไร้ผู้คนของรีสอร์ท
โดยมีเด็กหนุ่มที่สูงกว่าตนเองในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม กางเกงขายาวสีครีมเดินตามอยู่ด้านหลังห่างกันประมาณสามก้าว
เอเลนหยุดยืนจ้องมองภาพวิวทะเลที่สวยงามและเงียบสงบ สองแขนยืดเหยียดตรงพร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าจนเต็มปอด
“อากาศที่นี้ดีจัง แจนลงไปเล่นน้ำกัน!!” ร่างโปร่งถอดรองเท้าทิ้งไว้บนหาดทรายสีขาวแล้ววิ่งลงทะเลสีครามใสที่อยู่เบื้องหน้า
“ชั้นนั่งรอแกอยู่บนนี้ดีกว่า ไม่อยากเปียก”
แจนเก็บรองเท้าที่ร่างโปร่งถอดโยนทิ้งไว้มาวางไว้ข้างตัวอย่างเรียบร้อยก่อนนั่งมองอีกคนเล่นน้ำอยู่บนชายหาด
“มาทะเลทั้งทีไม่เล่นน้ำก็มาเสียเปล่าสิวะ” ใบหน้ามนอดเสียดายแทนอีกคนไม่ได้
อุส่าห์มาทะเลทั้งทีแต่ร่างสูงไม่ได้สัมผัสกับความเค็มของน้ำทะเลเลยสักวัน
เสียเปล่าแน่นอนถ้าชั้นปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
ลืมเอาโทรศัพท์มือถือมาด้วยอีกต่างหากจะส่งข้อความไปขอคำปรึกษาใครก็ไม่ได้ว่าตอนนี้ควรทำอะไรยังไงบ้าง
แต่ไหนๆก็มาทะเลทั้งทีลงไปว่ายน้ำให้ไม่เสียเที่ยวละกัน
“ได้ๆ
เดี๋ยวชั้นตามแกลงไป” ร่างสูงลุกถอดรองเท้าเตรียมลงไปว่ายน้ำตามคำชวน
ฉับพลันก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ามาที่ร่างโปร่งซึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่กลางทะเล
คลื่นได้ดูดกลืนร่างบางลงไป
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่เห็นเหตุการณ์เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ร่างกายเย็นเฉียบจากความกลัวและความวิตกกังวลครอบงำสุดขั้วหัวใจ
แจนรีบเรียกสติของตนกลับมา สองขายาวรีบกระโจนลงน้ำคราม
ไขว่าคว้าคนที่ถูกกลืนกิน
“เฮ้ยเอเลน!!! อยู่ไหนวะ?!!
ไม่ตลกนะเว้ยแบบนี้!!!”เด็กหนุ่มตะโกนร้องดังทั่วบริเวณหวังว่าร่างโปร่งที่ตามหาจะตอบกลับเสียงของตน ร่างสูงดำผุดดำว่ายพยายามค้นหาร่างบางที่จมลงไป
นัยน์ตาสีอ่อนเบิกกว้างสู้กับความแสบของเกลือทะเลที่ปะทะเข้ามา ร่างบางจมไร้สติอยู่ท่ามกลางน้ำสีคราม
มือแกร่งพยายามว่ายไขว่คว้าร่างไร้สติเข้ามาในอ้อมกอด
เมื่อได้คนในอ้อมกอดมาแล้วแจนรีบว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่ง
ร่างสูงอุ้มคนไร้สติขึ้นจากน้ำแล้วค่อยๆวางลงบนหาดทรายสีขาว “เฮ้ย เอเลน!! เอเลน!!” มือหนาตบเรียกสติบนใบหน้าขาวที่เริ่มซีดขึ้นเรื่อยๆ หน้าคมเอาหูแนบลงบนอกอีกฝ่าย
เสียงหัวใจเต้นช้าและแผ่วเบา
นิ้วยาวเลื่อนไปใกล้ปลายจมูกเพื่อทดสอบทว่า…ไม่หายใจ
สมองของร่างสูงเริ่มคิดหาทางยื้อชีวิตคนตรงหน้า มือหนาดันหลังคอของคนไร้สติให้สูงขึ้น
แล้วเคลื่อนมาบีบจมูกก่อนที่เขาจะค่อยๆเป่าลมอุ่นเข้าทางปากของคนที่ไร้สติ ลมอุ่นเพื่อหวังต่อลมหายใจถูกส่งผ่านริมฝีปากครั้งแล้วครั้งเล่า
สองมือแกร่งพยายามกดปั๊มหัวใจสลับกับการผายปอดอีกฝ่าย
“อุ๊บ!!!แค่กแค่กแค่ก……แฮ่กแฮ่ก…”
เอเลนสำลักคายน้ำทะเลที่กลืนเข้าไปออกมา
ใบหน้ามนสูดเอาออกซิเจนเข้าปอดจนตัวโยน
ร่างกายที่ซีดเซียวเริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ร่างสูงคว้าคนตรงหน้าเข้ามากอดแน่น ใบหน้าซุกลงกับไหล่บางฉายแววตึงเครียดชัดเจน
“แกทำบ้าอะไรของแกเอเลน” เสียงทุ้มสั่นเครือ อ้อมกอดที่กดทับลงมากำลังสั่นไหว
ใช่เขากำลังกลัว กลัวที่จะสูญเสียสิ่งสำคัญ
กลัวที่ร่างกายนี้เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ
กลัวที่นัยน์ตาสีเขียวมรกตนั้นจะไม่สามารถสะท้อนสิ่งใดใด
กลัวว่าริมฝีปากบางนั้นจะไม่สามารถเอ่ยคำพูดใดได้อีก
เอเลนยกสองแขนโอบตอบอีกฝ่าย
“ขอโทษที่ทำให้ตกใจ แจน” เขาผิดเองที่ไม่ระวังตัวเพราะมัวแต่เหม่อลอยถ้าไม่ได้ร่างสูงช่วยแล้วล่ะก็ตัวเขาคงทำให้ใครหลายๆคนต้องเสียใจ
“ขอบใจนะแจน ชั้นไม่เป็นไรแล้วล่ะ” ใบหน้ามนส่งยิ้มบางให้กับอีกคน
“เฮ้อ แกทำชั้นหัวใจเกือบวายตาย อย่าทำเหมือนกับแกเป็นไอบ้าที่รีบไปหาที่ตายสิวะ”
รู้สึกเหมือนกับจะหมดแรงไปเสียดื้อๆเลย แจนถอนหายใจอย่างโล่งอก
ดีแล้วที่ปลอดภัย…
คำพูดของร่างสูงทำให้เอเลนอดขำออกมาไม่ได้
มือบางขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลอ่อนด้วยความหมั่นไส้ ไม่ว่าจะเป็นในอดีตที่นานแสนนานมาแล้วหรือแม้กระทั่งตอนนี้คนคนนี้ก็ไม่เปลี่ยน
ถึงแม้จะชอบหาเรื่องเขาและปากร้ายอยู่เสมอ
แต่ก็คอยช่วยเหลือเขาตลอดมาเช่นกัน
“กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะ
ไม่ต้องเล่นมันแล้วน้ำทะเลแกกลับไปเล่นน้ำในสระที่รีสอร์ทดีกว่า” อย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ยังปลอดภัยกว่าทะเลล่ะนะ
ร่างสูงหิ้วคนดวงแข็งขึ้นหลังเพื่อพากลับที่พัก ทำให้เจ้าตัวยุ่งต้องรีบเกาะไหล่หนาของอีกคนเพราะกลัวว่าจะหงายหลังลงไป
พร้อมทั้งโวยวายขึ้นมา
“เฮ้ยแจน ชั้นเดินเองได้ปล่อยเลยนะเว้ย!!”
ใบหน้ามนขึ้นสีด้วยความอายกับการกระทำของอีกฝ่าย
ตกลงว่านี่ตัวเขาเบาจนใครต่างก็หิ้วได้ง่ายๆเลยจริงๆสินะ
“ไอบ้าที่เกือบเอาชีวิตไปทิ้งน่ะหุบปากไปเลย”
ร่างสูงข่มอีกฝ่าย
ถ้าเป็นปกติคงต้องได้มีการต่อปากต่อคำกันยืดยาวแต่เพราะว่าเพิ่งถูกคนตรงหน้านี้ช่วยชีวิต
เอเลนจึงได้แต่บ่นอุบอิบแล้วยอมขี่หลังอีกคนกลับที่พักแต่โดยดี
ถัดไปจากที่เกิดเหตุไม่ไกลนักมีชายหนุ่มนักท่องเที่ยวอีกคนที่ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
เพราะได้ยินเสียงตะโกนเลยทำให้เขาเดินเข้ามาใกล้ต้นเสียง เจ้าของผมดำดุจรัตติกาลในมือแกร่งถือรองเท้าที่ตนถอดไว้
เพราะคาดไว้ว่าถ้าสถาณการณ์เลวร้ายจะเข้าไปช่วยเจ้าเด็กร่างสูงผมสีน้ำตาลอ่อนนั้น แต่ดูเหมือนไม่ได้จำเป็นแล้ว เจ้าตัวเลยเฝ้าดูจนเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
“ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ แถวนั้นเป็นที่ส่วนตัวนะเดี๋ยวก็โดนข้อหาบุกรุกหรอกกลับรีสอร์ทของเอลวินกันดีกว่ารถใกล้จะออกแล้ว”
หญิงสาวร่างโปร่งผมสีน้ำตาลรวบมัดไว้ พร้อมทั้งสวมแว่นตา
ออกมาตามหาชายตรงหน้าเพราะเห็นว่าจวนได้เวลาที่ต้องกลับกันแล้ว
“อืม” ชายหนุ่มตอบรับ ท่าทางและใบหน้าที่เฉยชานั่นเป็นลักษณะเด่นของเจ้าตัวที่คนรอบข้างคุ้นชิน
หลังมื้อเย็นเมื่อทุกคนกลับมายังที่พักอาร์มินมาร์โก ไรเนอร์เบลทรูธ และแอนนี่
ต่างลากตัวแจนหลบออกไปหาที่คุยเพื่อถามไถ่ความคืบหน้า
“แจนครับวันนี้ได้เรื่องอะไรบ้างไหม?”
มาร์โกหนุ่มตกกระรีบถามขึ้น
แจนไม่ได้ตอบอะไรแต่จากปฏิกิริยาของร่างสูงที่แสดงออกมาก็ทำให้เดาได้ว่าคงมีเรื่องดีดีเกิดขึ้นอยู่อย่างแน่นอน
จะให้บอกได้ไงล่ะว่าได้สัมผัสริมฝีปากของอีกฝ่ายหลายต่อหลายครั้งแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะสถาณการณ์พาไปก็เถอะ
“อย่างนี้ก็มีลุ้นแล้วสินะครับ” อาร์มินรีบเสริม นึกว่าความหวังของหนุ่มดวงซวยที่ดันไปชอบเพื่อนสนิทจะเป็นศูนย์แต่แบบนี้ก็ยังพอมีหวังสินะ
“แล้วตกลงพวกนายได้กันรึยัง?” คำถามจากแอนนี่ทำเอาแจนหน้าร้อนเหมือนกาต้มน้ำเดือด จนเบลทรูธและไรเนอร์ต้องจับตัวไว้เพราะเกรงว่าจะวิ่งหนีหายไปซะก่อน
“แล้วตกลงเป็นไงมั่งล่ะ?”ไรเนอร์ซักต่อ
ดูจากปฏิกิริยาแล้วแสดงว่าต้องมีอะไรไม่ธรรมดาแน่นอน
“ฉ…..ฉันกับเอเลนก็แค่……..”
แจนใบหน้าแดงร้อนผ่าวมือหนายกขึ้นมาหวังจะบังหน้าตนเองได้บ้าง
“ก็แค่?”
เบลทรูธช่วยไล่ต้อนโจทย์ให้จนมุม
ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นจุดเดียวอย่างลุ้นระทึกและแฝงความกดดันให้เจ้าตัว
“ก…ก็แค่ จ…จู.. โอ๊ย!!พวกนายยังไม่มีอะไรคืบหน้าทั้งนั้นแหละเว้ย!!!” แจนรีบวิ่งหนีแทรกตัวเองออกมาจากกลุ่มกลับเข้าห้องพักของตน
เหลือเพียงปริศนาจากคำพูดที่ทำให้ทั้งกลุ่มต่างขบคิดกันอย่างตกตะลึง
“คือ
ถ้าเมื่อสักครู่ผมเดาไม่ผิด แจนจะบอกว่าจูบรึเปล่าครับ?”อาร์มินเปิดประเด็นขึ้นมาทำให้คนอื่นๆที่เหลืออยู่ขบคิดกับคำที่ร่างสูงจะบอกแต่ไม่ยอมเอ่ยออกมา
“ผมว่าไม่ผิดแน่ ดูจากท่าทางแล้วน่าจะเป็นอย่างนั้น”
เบลทรูธเห็นด้วยกับอาร์มิน
“นึกว่าจะเป็นไก่อ่อน แต่ก็ใช้ได้นี่นา” แอนนี่เริ่มคิดจริงจังอีกครั้งว่าบางทีวาสลีนของเธออาจจะมีประโยชน์กับเพื่อนในเร็ววัน
ทุกคนได้แต่มองหน้าซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งอดคิดเป็นเสียงเดียวกันไม่ได้ว่าบางทีคุณชายแจนก็อาจจะมีน้ำยากว่าที่คาดเดาไว้
“เดี๋ยวสิ แบบนี้ชั้นก็ต้องจ่ายให้มาร์โก กับโคนี่ น่ะสิ” หนุ่มผมทองสั้นผู้มีร่างกายกำยำที่สุดในกลุ่มคำนวณจำนวนเงินที่เขาต้องจ่ายอย่างเสียดาย
“มีของชั้นด้วยนะ ดีเลยอาทิตย์หน้าชั้นจะไปซื้อรองเท้าใหม่”
แอนนี่นับนิ้วไล่รายชื่อคนอื่นๆที่ต้องเสียเงินให้เธอกับการพนันครั้งนี้
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฝ่ายเสีย
“ดูท่าทางคนที่ได้จะมี
แอนนี่ คริสต้ามาร์โก และโคนี่
สินะครับ”รู้งี้ไม่น่าจะลากมิคาสะไปด้วยเลย
ไม่คิดว่าคนอย่างคุณชายแจนที่เพิ่งเข้าใจตัวเองจะสามารถพัฒนาตนเองไปได้แบบนี้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่เขาคนเดียวที่เสียเงิน
ยังมีเบลทรูธ ไรเนอร์ชาช่า และยูมิลอีกด้วยอาร์มินได้แต่คิดเสียดายเงินที่ต้องเสียไป
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนผู้ซึ่งไม่รู้ตัวเลยว่าความกลุ้มใจของเจ้าตัวกลายเป็นเรื่องพนันขันต่อที่สร้างรายได้และสูญเสียรายได้ให้กับเพื่อนๆในกลุ่มไปเสียแล้วกำลังกระวนกระวายกับความคิดของตนเอง
มันไม่ใช่จูบ
มันคือการปฐมพยาบาลผู้ป่วยเบื้องต้น
เพราะอย่างนั้นไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งสิ้น
ร่างสูงที่หลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพักของตนเองเริ่มคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา แต่ริมฝีปากหมอนั่นก็นุ่มชะมัด เฮ้ย!!ไม่ใช่สิมันเป็นอุบัติเหตุ มันไม่ใช่จูบสักหน่อย แจนโวยวายกับตัวเองในใจ
สมองและความคิดเริ่มตีกันจนไม่สังเกตุเลยว่าเพื่อนร่วมห้องอีกคนก็กลับมาแล้วเช่นกัน
“ปวดท้องเหรอแจน?
ถึงได้ดิ้นไปดินมาบนเตียง ให้ชั้นไปเอายาจากลุงคีธมาให้ไหม?”
เอเลนเริ่มอดคิดไม่ได้แล้วจริงๆว่าเพื่อนของเขาอาจจะป่วย เพราะอาการที่แสดงออกมาหลายวันนี้ดูแปลกๆชอบกล
“ไม่มีอะไรแค่คิดอะไรเพ้อเจ้อน่ะ” ใบหน้าคมตอบกลับ
พอคิดว่านั่นอาจเป็นจูบเลยทำให้ไม่กล้าสบตากับนัยน์ตาสีมรกตนั้นตรงๆ
“งั้นเหรอ ถ้าจะเอายาก็บอกนะชั้นจะไปตามลุงคีธให้” ร่างโปร่งก้าวขึ้นเตียงของตนเอง นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ข้างนอก
แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาค่ำมืดแล้วแต่แสงไฟที่ส่องจากไฟของรีสอร์ทก็ทำให้สามารถมองเห็นวิวตอนกลางคืนได้อยู่บ้าง
“นี่เอเลน
แกมีอะไรรึเปล่า?
ชั้นว่าหลายอาทิตย์มานี้แกดูเหม่อๆชอบกลนะ” แจนอดสงสัยไม่ได้ เพราะ
ตอนแรกเขาพอรู้สึกได้บ้างว่าคนตรงหน้านี้แปลกไปจากเดิมแต่นั่นอาจเป็นเพราะช่วงสอบและต้องโหมส่งรายงานเลยทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่ใช่เพราะตลอดระยะสามวันที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันใบหน้ามนจะชอบเหม่อมองและจมอยู่กับห้วงความคิดของตนเอง
ถึงจะยิ้ม หัวเราะ และดูสนุกสนานเป็นปกติ แต่หลายครั้งที่มีความรู้สึกว่าคนตรงหน้านี้กำลังฝืนและซ่อนความรู้สึกจริงๆไว้
นัยน์ตาสีมรกตสบกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้อยู่สักครู่ก่อนค่อยๆเบนไปยังทางอื่น ริมฝีปากบางค่อยๆเอ่ยถามออกมา
“แจนถ้าสิ่งที่นายกำลังค้นหามันสร้างความเจ็บปวดให้แล้วล่ะก็นายจะยังอยากรู้ตอนจบของมันรึเปล่า?”
“หืม ก็ต้องอยากรู้สิ
ถึงแม้ตอนนี้จะเจ็บปวดแต่ก็ไม่ได้มีอะไรมายืนยันว่าความเจ็บปวดนั้นจะไม่สิ้นสุดนี่
หรือบางทีผลสุดท้ายมันอาจจะเป็นแรงผลักดันเพื่อให้เราก้าวไปข้างหน้าก็ได้” แจนเดินเข้ามาหาร่างโปร่ง
มือหนาขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลที่อ่อนนุ่ม “เอเลน
เยเกอร์
ที่ชั้นรู้จักน่ะเป็นไอบ้าที่มุทะลุ
ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
และไม่เคยกลัวว่าต้องเจอกับอะไรก็ตาม
ถึงบางทีมันจะดูไร้ความคิดไปเสียหน่อยแต่ก็เป็นข้อดีของนายไม่ใช่เหรอไง?” เป็นเสน่ห์ของนายที่ทำให้ชั้นหลงใหลอย่างไม่รู้ตัว
“นั่นน่ะสินะ” ถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ผลสุดท้ายเขาก็จะต้องก้าวข้ามผ่านมันไปได้
แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเอามายืนยันได้ว่าในอนาคตจะไม่มีความสุข ถ้ามันไม่อาจหยุดกั้นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ หรือหลุดพ้นจากพันธนาการที่ไม่อาจมองเห็นนี้
เขาก็จะลองเผชิญหน้ากับมันดูให้ถึงที่สุด
ได้…… ในเมื่อไม่สามารถหลีกหนีความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามานี้ได้ล่ะก็ เขาก็จะไปจนถึงจุดสิ้นสุดของเรื่องราวให้ดู
มือเรียวเปิดลิ้นชักหยิบสมุดบันทึกสีดำของตนขึ้นมา ร่างโปร่งสูดหายใจลึกเข้า ออก เพื่อเป็นการตั้งสติ
หัวหน้ารีไว ถึงแม้การกระทำของคุณจะทำให้ผมเจ็บปวด
แต่ถึงกระนั้นผมก็ไม่อาจที่จะเกลียดหรือขจัดคุณออกไปจากห้วงความคิดและจิตใจได้เลย แม้รู้ว่าในโลกปัจจุบันคุณไม่ได้มีตัวตนอยู่ที่นี้ แต่ก็ไม่อาจหยุดไขว่คว้าค้นหาคุณ อยากรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณคิดยังไงกับผมกันแน่?
เพราะในส่วนลึกของจิตใจยังคงหวังว่าเขาเป็นคนที่สำคัญคนหนึ่งที่คนเย็นชาคนนั้นก็ไม่อาจปล่อยมือไปได้เช่นกัน
แม้อาจจะเป็นแค่ความคิดเข้าข้างตัวเองและหลอกตัวเองซึ่งได้แต่หวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนในแววตาของนัยน์ตาสีขี้เถ้านั้น
TBC.
ตูว่าละ มันต้องเจอกัน (?) #ยังไม่เจอเฟ้ย
ตอบลบแหม๋ แจน เนียนนะนายน่ะ -0-+
เอเลนในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้วสินะ
เผชิญหน้ากับเรื่องราวทั้งหมด แล้วตัดใจ
ยังดีกว่าตัดใจและวแต่เรื่องยังค้างคานะ -w-
ความเจ็บปวดของเธอฉันจะรับเอาไว้เอง!!
มาม๊ะ มาซบอ้อมกอดของฉันซะดีๆ #โดนหัวหน้าอัด
สัญชาตญาณเเอบถูกค่ะ เพียงเเต่ยังไม่เจอกันตรงๆฮาๆ
ลบยิ่งเขียนยิ่งเเอบอยากเชียร์เเจนมากที่จริง(โดนฝ่าเท้าคนสูง160เตะปลิว)
นั่นใช่ใช่มะ มาแล้วใช่มั้ยยยย >< ตื่นเต้นอ่าา ชอบเวลาที่เพื่อนสุมหัวกันเรื่องของแจน ฮาตลอดดด มันคือความจริงใจกลุ่มเพื่อนล้วนๆ 555555
ตอบลบ