วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory Chapter 13



Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory
Chapter 13
สิ่งปลูกสร้างโบราณสูงตระหง่าน กำแพงอิฐหนาที่วางซ้อนกันช่างรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด เดินลึกลงไปตามบันไดทีละขั้น ทีละขั้น จวบจนเบื้องหน้าปรากฏประตูไม้หนาและมีโซ่คล้องดุจดั่งไว้คุมขังนักโทษหรือสัตว์ร้ายอันตราย บานประตูถูกเปิดออกฉายให้เห็นภาพห้องที่รู้สึกคุ้นชิน ห้องที่เงียบเหงาไร้แสงสว่าง มืดมิดและอับชื้น แต่กลับทำให้รู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นในอกซ้ายอย่างน่าประหลาด
เมื่อมองดูรอบๆก็พบร่างที่คุ้นตาของหญิงสาวสวมแว่นหนาในชุดเครื่องแบบแปลกตากำลังทำหน้าซีเรียสและตื่นตระหนกในคราเดียวกัน
“รีไว นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!!” น้ำเสียงที่ตะโกนออกมาบ่งบอกถึงความตกใจและตื่นตระหนก
ยัยสี่ตานั่นกำลังตกใจอะไร? แววตาตื่นตระหนกนั้นกำลังจ้องมองมาที่ตัวเขาอย่างนั้นหรือ? แล้วตัวเขากำลังทำอะไร?
ใบหน้าคมก้มมองมือของตน เลือดสีแดงฉานกำลังหลั่งรินไหลลงนองสู่พื้นห้องที่ว่างเปล่าและอับชื้น เลือดของใคร? หรือจะเป็นเลือดของตัวเขาเอง? เขาบาดเจ็บอย่างนั้นเหรอ
ร่างโปร่งของหญิงสาวเข้ามาโอบกอดชายหนุ่มเบื้องหน้า ไหล่หนาที่มักสั่นไหวกับการหัวเราะกำลังสั่นเพราะเสียงสะอื้นไห้ “ ฮึก…. รีไว ฉันขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ เพราะฉันไร้ความสามารถ เพราะฉันอ่อนแอ ขอโทษรีไว ฮือ….
…..เปล่าเลยฮันซี่ คนที่ไร้ความสามารถ คนที่ไม่รู้อะไรเลย คนที่อ่อนแอ ปกป้องใครไม่ได้แม้แต่คนที่สำคัญที่สุดก็คือฉัน……. คนที่น่าสมเพชคือตัวฉันเอง…….
คนอ่อนแอและน่าสมเพชอย่างฉันจะต้องทำอย่างไรกัน?...................
.
.
.
.
.
.
.
.
“เฮ้ๆ รีไว แปลกจังที่วันนี้นายขึ้นมาออฟฟิศแบบเฉียวฉิว ฉันเอาแผนคดีคราวก่อนมาส่งเพิ่มละน๊า” ฮันซี่โบกมือทักทายชายหนุ่มสุดแกร่งที่เดินเข้ามาในห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ในอาคารสำนักงานของหน่วยปราบปราม นัยน์ตาสีเข้มมองมองใบหน้าถมึงทึงของเจ้าของห้องที่เดินก้าวเข้ามาพลางต้องรู้สึกแปลกใจกับรอยคล้ำใต้ตาที่มีมากขึ้นกว่าทุกวัน อย่าบอกนะว่า
“นี่รีไวเมื่อคืนนายพาเด็กในสังกัดฉันไปโต้รุ่งจนไม่ได้นอนหรือไง?”
คำถามของฮันซี่ทำให้ชายหนุ่มหยิบแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะปาเข้าใส่หน้าคนถาม จนฮันซี่ต้องเอามือกุมหน้าผากและร้องด้วยความเจ็บจากสันแฟ้มที่กระแทกเข้ากลางหน้าผากเธอ “โอย ก็เห็นนายเหมือนนอนไม่พอ แถมเมื่อวานกลับกับเอเลนนักเรียนสุดน่ารักของฉันนี่นา”
ใบหน้าคมต้องขมวดคิ้วกับคำพูดของหญิงสาว ตัวเขาซึ่งต้องทำโอทีไปเป็นบริกรให้กับร้านเพทร่าแถมโดนยัดเยียดให้ไปส่งลูกศิษย์ของคนตรงหน้า และไหนจะเพิ่งรู้จักกัน ไม่เข้าใจว่ายัยเพี้ยนนี้คิดอะไร
“ฉันนอนไม่พอเพราะเธอมาเข้าฝันต่างหากล่ะฮันซี่” นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองหญิงสาวที่กำลังถูหน้าผากตัวเองไปมาอย่างหงุดหงิด
“หืมไอฝันที่นายฝันบ่อยๆน่ะเหรอ จะว่าไปก็น่าสนใจดีนะคนที่นายเจอเป็นคนเดียวกับเหล่าคนที่นายเคยเห็นในฝัน….เอ๊ะๆ แล้วแบบนี้เอเลนที่น่ารักของฉันก็อยู่ในฝันนายด้วยล่ะสิใช่ไหม?” ฮันซี่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม ใบหน้าเผยให้เห็นความตื่นเต้นกับคำตอบที่กำลังรอฟังตรงหน้า
“เปล่า ทำไมฉันต้องไปฝันถึงเจ้าเด็กนั่นด้วย” เขาไม่ได้โกหกหญิงสาว ตัวเขาไม่เคยฝันเห็นเด็กหนุ่มที่ชื่อ เอเลน เยเกอร์ มาก่อน จะมีก็แต่ร่างโปร่งของใครสักคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ แต่เป็นคนที่รู้สึกโหยหา ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังแม้แต่กับเพื่อนที่รู้จักกันมานานก็ตาม
“ว๊า  ฉันแปลกใจจริงๆนะที่ไม่มีเด็กนั่นในฝันนาย เพราะดูเหมือนนายจะเอ็นดูเด็กฉันเป็นพิเศษ ฉันเลยเข้าใจว่าเอเลนคงมีอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นๆซะอีก” ฮันซี่มองชายหนุ่มพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองหญิงสาวที่เหมือนกำลังเห็นเรื่องสนุกตรงหน้าและถอนหายใจ “เฮ้อ ถ้าจะให้พูดล่ะก็ เพราะรู้สึกว่าคุ้นเคยมากกว่า อาจเป็นเพราะเหมือนเจ้าเอเลนที่ตายไปแล้วล่ะมั่ง”
หญิงสาวถึงกับอยากล้มทั้งยืนหลังฟังคำตอบของคนตรงหน้า ที่เธอกับเพทร่าอุส่าห์ช่วยกันขนาดนี้คงไม่ใช่ว่าที่ทำไปทั้งหมดคนตรงหน้าแค่รู้สึกว่าเอเลนของเธอมาทดแทนไอหมาเอเลนปอมเปอเรเนียนตัวนั้นหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าเห็นใจเด็กหนุ่มที่มีท่าทางและความพยายามที่เด่นชัดว่าสนใจคนเย็นชาคนนี้ขนาดไหน
“นี่รีไว ถามจริงเถอะนายไม่เคยรู้สึกพิเศษกับใครมั่งเลยหรือไง?” ตั้งแต่รู้จักกันมาก็นับว่านานมากทีเดียว ชายหนุ่มที่แสนเย็นชาตรงหน้าแม้ไม่เคยขาดเรื่องผู้หญิงหรือแฟน แต่กลับไม่มีใครสักคนที่สามารถเรียกได้ว่า คนรัก และดูเหมือนเจ้าตัวก็ไม่เคยสนใจเลยสักนิด ถึงแม้ผู้หญิงเหล่านั้นจะเป็นฝ่ายเข้ามาและจากไปเอง แต่กลับไม่มีใครทำให้นัยน์ตาสีหมอกที่เย็นชานั้นหวั่นไหวได้สักครั้ง
“อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าพิเศษล่ะ?” นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองคนตรงหน้าอย่างเบื่อหน่าย
หญิงสาวได้แต่ทำหน้าระอากับความเฉยชาของบุรุษสุดแกร่ง เฮ้อเอเลนเอ๋ย ดูท่าปราการตรงหน้าคงหนักหนาพอควร แต่…….นายอาจทลายมันลงก็ได้
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองคนที่นั่งประจำโต๊ะทำงาน มือแกร่งของชายหนุ่มถือถ้วยกาแฟร้อนที่มีสัญลักษณ์ของร้านเพทร่าขึ้นจรดริมฝีปาก การกระทำของรีไวทำให้ฮันซี่คลี่ยิ้มออกมา
ทั้งที่บอกว่าคุ้นเคยเพราะเหมือนน้องหมาที่เคยเลี้ยง ทั้งที่ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เรียกว่าพิเศษคืออะไร แต่การที่ปกตินายจะเข้ามาดื่มกาแฟตอนเช้าในออฟฟิศเป็นประจำเพราะไม่อยากยืนรอกาแฟสดช่วงเช้าของเพทร่าที่ร้านมักแน่นขนัดและคนต้องจ่อรอคิวอยู่เสมอๆ วันนี้กลับไปต่อแถวซื้อกาแฟจนเกือบเข้างานสาย ถ้านั้นไม่เรียกว่าพิเศษแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ….


“แจนครับนมสดมาส่งแล้วให้เอาไปเก็บไว้ที่ไหนครับ?” เด็กหนุ่มผมสีทองยกลังนมสดที่รถขนสินค้าเจ้าประจำมาส่งเข้ามาในร้าน
“เอาไปเก็บไว้ที่ตู้แช่หลังร้านเลยอาร์มิน” เด็กหนุ่งมร่างสูงยกถาดไข่ไก่ที่มาถึงพร้อมกันเข้าไปในครัวพลางตะโกนตอบคำถามของเพื่อนร่วมงานรายใหม่
“มิคาสะ เดี๋ยวตู้ตรงนั้นฉันย้ายเอง!” หญิงสาวร่างโปร่งไม่ฟังคำทัดทานของเด็กหนุ่มเพื่อนสนิท แขนเรียวประคองตู้จัดเก็บอุปกรณ์จาน ชาม และเครื่องครัว เคลื่อนที่ไปยังมุมฝั่งตรงข้าม ทำเอาเอเลนที่รีบวิ่งเข้ามาช่วยหลังจากเก็บกวาดโต๊ะเรียบร้อยได้แต่ยืนมองด้วยความตื่นตะลึงกับความแข็งแกร่งของเด็กสาวที่ดูจะมีมากกว่าเด็กหนุ่มอย่างเขาเสียอีก
จากเหตุการณ์ลูกค้าแน่นร้านเมื่อวานทำให้วันนี้เพทราจัดแจงย้ายสิ่งของเพื่อปรับพื้นที่ให้กว้างมากขึ้นสำหรับรองรับลูกค้าที่มีมากขึ้นของเธอ และด้วยการแนะนำจากเอเลน เลยทำให้เธอได้มิคาสะ และอาร์มิน มาเป็นผู้ช่วยในร้านของเธอเพิ่มขึ้น และทั้งสองก็ทำได้ดีมากในช่วงเช้าในการจัดการเสิร์ฟอาหารและดูแลลูกค้าจนเธอรู้สึกปลาบปลื้มทีเดียว
“ทุกคนจ๊ะเก็บของเสร็จเรียบร้อยก็พักกันสักแป๊บนะจ๊ะ จะได้เตรียมรับศึกตอนเทียงกัน” เมื่ออุปกรณ์และวัตถุดิบทุกอย่างเก็บเข้าที่และเตรียมพร้อมสำหรับสงครามขนาดย่อมในร้านของเธอช่วงเที่ยง ตอนนี้จึงควรให้เหล่าบริกรพักผ่อนเพื่อเตรียมรับศึกที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ร่างสูงของแจนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ สองแขนเหยียดตรงเพื่อยืดเส้นยืดสายจากการทำงานที่ผ่านมาช่วงเช้า นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มเพื่อนสนิทที่กำลังนั่งจดบันทึกลงสมุดอย่างสงสัย
“นายทำอะไรน่ะเอเลน?” แจนชะเง้อหน้าไปมองสมุดที่อยู่ในมือของร่างโปร่ง
ใบหน้ามนหันมาคลี่ยิ้มให้กับเพื่อนของตน “จดบันทึกประจำวันน่ะ”
“เดี๋ยวนี้นายเขียนไดอารี่ด้วยเหรอ?” แจนมองข้อมูลในสมุดอย่างสนใจ
อยากรู้ว่าเอเลนจะเขียนอะไรเกี่ยวกับตัวเขารึเปล่า? แต่แล้วคิ้วบางก็ต้องขมวดมุ่นเมื่อในบันทึกที่เอเลนกำลังเขียนอยู่นั้นมีแต่เรื่องของชายหนุ่มที่ชื่อว่า รีไว
“เอเลนเขียนอะไรอยู่เหรอ?” มิคาสะเดินเข้ามาหาร่างโปร่งที่กำลังนั่งเขียนบันทึกอย่างอารมณ์ดี
“เขียนเกี่ยวกับคุณรีไวน่ะมิคาสะ” ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ยิ้มอย่างมีความสุขทำให้มิคาสะยิ้มตามไปด้วยเช่นกัน
“คุณรีไว ใช่คนที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับตอนมาซื้อกาแฟรึเปล่าครับ?” คนที่เมื่อวานแจนส่งข้อความมาบอกว่า ศัตรูได้ปรากฏตัวแล้วสินะ ไม่คิดว่าคนร่าเริงแบบเอเลนจะสนใจคนหน้าตายแบบนั้น แต่อย่างว่าอะไรที่ตรงกันข้ามมักดึงดูดเข้าหากัน
“คนที่ตัวเตี้ยๆ เป็นเพื่อนกับอาจารย์ฮันซี่น่ะ” แจนเน้นย้ำคำว่าเตี้ยเพื่อตอกย้ำชายหนุ่มผู้ถูกกล่าวถึง
อาร์มินได้แต่ยิ้มเจื่อน กับคำถากถางของเพื่อนสนิท
มิคาสะได้แต่ส่ายหัวไปมากับท่าทางของเด็กหนุ่มร่างสูง เธอเข้าใจดีว่าแจนรู้สึกอย่างไร เพราะในอดีตเธอเองก็รู้สึกกับเอเลนเฉกเช่นเดียวกับที่แจนรู้สึกในปัจจุบัน แต่ปัจจุบันเธอเลือกที่จะยืนในฐานะของเพื่อนสนิทที่เอเลนรักและไว้วางใจเปรียบดั่งคนในครอบครัวเหมือนก่อน และภาวนาขอให้เด็กหนุ่มมีความสุขเท่านั้น
คงมีแต่เอเลนที่เข้าใจว่าคำถากถางจากแจนเป็นเพราะนิสัยปากชอบหาเรื่องที่เป็นนิสัยประจำของเจ้าตัว จึงไม่ได้เก็บมาคิดหรือใส่ใจ

ช่วงเที่ยงมาถึงร้านของเพทร่าก็แน่นขนัดไปด้วยลูกค้าจำนวนมาก ร้านที่เธอพยายามจัดวางใหม่เพื่อรองรับลูกค้าก็ยังคงมีพื้นที่ไม่เพียงพอกับบรรดาคนที่เข้ามาใช้บริการและดูเหมือนว่าคนจะทะยอยมากันเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน แจน เอเลน มิคาสะ ต่างวิ่งวุ่นในร้านรับมือกับบรรดาลูกค้าที่เข้ามาใช้งาน อาร์มินช่วยเพทร่าในการจัดเตรียมอาหารในครัว รวมทั้งออลโอที่พอพักเที่ยงก็รีบมาช่วยงานในครัวทันทีส่วนบรรดาคนอื่นนั้นติดประชุม มีแต่ออลโอที่ขอปลีกตัวออกมาก่อนจากหัวหน้าเอลวิน ซึ่งเอลวินก็รู้ดีว่าช่วงนี้ที่ร้านของเพทราวุ่นวายขนาดไหนจึงอนุญาตชายหนุ่มเป็นกรณีพิเศษ
เอเลนแม้จะวิ่งวุ่นไปมาตามโต๊ะต่างๆภายในร้าน แต่นัยน์ตาสีมรกตก็ยังคงจ้องที่ประตูหน้าร้านและตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อมีลูกค้าใหม่มาเยือนเพราะหวังจะได้พบเจอกับชายหนุ่มที่คอยเฝ้าหา แต่ใบหน้ามนก็ต้องแอบหม่นลงเมื่อคนที่เฝ้ารอยังไม่มีวี่แววว่าจะมาที่ร้านได้เลย
เมื่อใกล้บ่ายและลูกค้าเริ่มทยอยออกจากร้านออลโอก็ต้องรีบออกจากร้านเพื่อนกลับเข้าไปที่สำนักงานเช่นกัน เหล่าบรรดาบริกรและคนครัวที่เสร็จสิ้นภารกิจเริ่มจัดการเก็บกวาดและพักทานอาหารกลางวัน
“พี่เพทร่าครับ เราตั้งโต๊ะด้านนอกเพิ่มดีไหมครับจะได้รองรับคนเพิ่มขึ้นด้วย” อาร์มินเสนอขึ้น จากจำนวนลูกค้าที่มีมากมายและไม่อาจขยายพื้นที่ร้านได้มากกว่านี้ การเสริมโต๊ะเพิ่มด้านนอกจะทำให้รองรับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
“เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย ถ้างั้น อาร์มิน แจน เราไปซื้อชุดโต๊ะเพิ่มสำหรับหน้าร้านกันเถอะ” เพทร่าจัดแจงฝากร้านและจัดการทำความสะอาดให้กับมิคาสะและเอเลนที่เหลืออยู่ในร้าน ส่วนตัวเธอ แจน และอาร์มินต่างออกไปจัดหาชุดโต๊ะสำหรับจัดวางหน้าร้านเพื่อรองรับแขกที่มีมากขึ้น
ใบหน้ามนมองหญิงสาวที่ลากตัวเพื่อนๆของเขาขึ้นรถและขับออกไปอย่างไม่ถามความสมัครใจของคนทั้งสองแล้วได้แต่หัวเราะ “พี่เพทร่าเนี่ยพอคิดอะไรออกหรือถูกใจอะไรก็รีบลงมือทำเลยนะ”
“ช่วยไม่ได้เพราะเธอคงไม่คาดว่าลูกค้าจะเพิ่มเร็วขนาดนี้” มิคาสะมองรถยนต์สีน้ำเงินของแจนที่ขับออกไปอย่างไม่เต็มใจนักพลางนึกขำ
เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองต่างช่วยกันจัดเก็บโต๊ะและทำความสะอาดร้านเพื่อเตรียมรอรับลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาใช้บริการ
“มิคาสะฉันฝากเธอดูหน้าร้านหน่อยนะ ฉันจะไปเตรียมของห้องด้านหลังสักหน่อย” เด็กหนุ่มถือใบรายการที่ต้องจัดเตรียมเดินเข้าไปยังห้องที่อยู่ถัดไปจากห้องครัว
ใบหน้ามนมองไล่หาวัตถุดิบต่างๆที่อยู่ในรายการตามชั้นวางของที่มีอยู่มากมายในห้อง และด้วยเพทร่าเป็นหญิงสาวที่มีความเป็นระเบียบและเรียบร้อยพอตัว การจัดวางสิ่งของและวัตถุดิบเธอจึงแจกแจงประเภทตามแถวและชั้นต่างๆทำให้หาได้ไม่ยากนัก
เอ….  ผงฟู น่าจะอยู่ในชั้นวางวัตถุดิบจำพวกแป้ง……..
นัยน์ตาสีมรกตไล่มองชั้นวัตถุดิบจำพวกแป้งไปมา จนไปสะดุดกับถุงพลาสติกสีขาวที่อยู่ชั้นบนสุด จากความสูงของชั้นทำให้เอเลนต้องหาเก้าอี้เพื่อมาปีนขึ้นไปหยิบวัตถุดิบที่วางไว้ชั้นบน
เสียงของประดูห้องที่เปิดออกทำให้ใบหน้ามนหันไปมองตามทิศของเสียง และต้องรีบเกาะชั้นวางของไว้ด้วยเกรงว่าจะตกลงมาจากอาการหัวใจสั่นไหวเมื่อเห็นผู้มาเยือน
“คคุณรีไว ประชุมเสร็จแล้วเหรอครับ?” เมื่อคนที่มองหาตลอดช่วงพักเที่ยงที่ผ่านมามาปรากฏตรงหน้า อกข้างซ้ายก็อดที่จะกระตุกไม่ได้ทันที
“อืม เห็นมิคาสะบอกว่านายกำลังเตรียมของสำหรับช่วงเย็น ฉันเลยเข้ามาดูเผื่อนายต้องการความช่วยเหลือ” ร่างเล็กแต่แข็งแกร่งค่อยๆเดินเข้ามาหาอีกคน
“ไม่เป็นไรครับคุณรีไว เดี๋ยวผมจัดการเอง”
ด้วยความรีบร้อนในการหมุนตัวเพื่อจะลงจากเก้าอี้ทำให้ร่างโปร่งเสียหลักหงายหลังตกลงจากเก้าอี้ที่ปีนขึ้นไป
“เหวอ!
ตุบ!
ใบหน้ามนจับจ้องใบหน้าคมที่อยู่ใกล้จนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจ อ้อมกอดแกร่งและแขนกำยำที่รองรับตัวเขาก่อนตกลงถึงพื้น นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาสีหมอกตรงหน้า อุณหภูมิร่างบางเริ่มรู้สึกร้อนขึ้น อกซ้ายยิ่งกระตุกรุนแรงไม่เป็นจังหวะ นัยน์ตาคมแสนเย็นชาที่ช่างดึงดูดราวกับเวลาถูกหยุดนิ่งไม่ไหวติง
“ข…..ขอ….ขอบคุณครับ” เสียงตะกุกตะกักแทบพูดไม่เป็นภาษาเมื่ออยู่ในอ้อมกอดแกร่ง
รีไวค่อยๆวางร่างบางในอ้อมกอดให้ยืนบนพื้น มือแกร่งคว้ากระดาษแผ่นเล็กในมือที่เขียนรายการวัตถุดิบที่ต้องจัดเตรียมขึ้นมาอ่าน “ฉันช่วยละกัน ปล่อยให้เด็กซุ่มซ่ามอย่างนายทำคนเดียวจะเจ็บตัวเปล่าๆ”
ร่างเล็กแต่แข็งแกร่งเดินไล่หาวัตถุดิบตามใบรายการโดยมีเด็กหนุ่มร่างบางอีกคนเดินตามหลัง
“ผมถูกคุณช่วยไว้อีกแล้ว” ไม่ว่าเมื่อไรคุณก็จะมาปรากฏตรงหน้าและคอยช่วยผมเสมอ
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรอก” นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองแผ่นรายการในมือสลับไปมากับชั้นวางของต่างๆจำนวนมากเพื่อหาสิ่งของเป้าหมาย
มือเรียวขึ้นกุมอกซ้ายของตนเอง ตอนนี้ก็หัวใจก็ยังคงเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าร้อนผ่าวเพียงแค่ได้มองชายหนุ่มตรงหน้า เมื่อนึกถึงคนตรงหน้าราวกับร่างกายและจิตใจไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่อาจควบคุม ไม่อาจละสายตา รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ และทรมาณทุกครั้งเมื่อคิดถึงชายหนุ่ม ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งอนาคต ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่าต่อให้ผมไม่มีความทรงจำในอดีตไม่ว่าเมื่อไรผมจะต้องตกหลุมรักคุณอีกอย่างแน่นอน

“ของที่ต้องการมีเท่านี้สินะ” รีไวมองไล่ของที่อยู่ในใบรายการทีละรายการกับของที่เอเลนและเขาถือไว้เพื่อตรวจว่าได้ของทุกอย่างครบแล้ว
“ครบหมดแล้วล่ะครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ คุณรีไว” ใบหน้ามนยิ้มขอบคุณชายหนุ่ม
“อืม งั้นไปกันเถอะ” ชายหนุ่มหันหลังกลับไปยังประตูเพื่อนำวัตถุดิบทั้งหมดเข้าไปจัดการต่อในครัว
“เออ คุณรีไวครับ” เสียงเรียกของเอเลนทำให้รีไวหัวหลับมามองเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง
“มีอะไร ของยังไม่ครบหรือไง?” ใบหน้าคมมองอย่างสงสัย เพราะตัวเขาก็เช็ครายละเอียดทั้งหมดดีแล้ว ยังจะขาดอะไรอีกอย่างนั้นเหรอ?
“เออ……คือว่า…..” ใบหน้ามนก้มลงมองเหล่าวัตถุดิบที่กำลังถือไว้ในมือ
“ยังขาดอะไรก็พูดมาหรือถ้าไม่แน่ใจรอเพทร่ากลับมาค่อยเข้ามาอีกทีก็ได้” ชายหนุ่มเตรียมหันหลังกลับเพื่อเปิดประตูออกจากห้อง แต่มือบางของเด็กหนุ่มคว้าเสื้อโค๊ทของเขาไว้เสียก่อน รีไวจึงหันกลับมาหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง
นัยน์ตาสีมรกตสบจ้องมองนัยน์ตาสีขี้เถ้าอย่างแน่วแน่ ริมฝีปากบางพยายามเอ่ยคำพูด
“คุณรีไว….. ผมชอบคุณครับ


TBC.

6 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม 2557 เวลา 23:09

    เร็วมาก.........เร็วมากจริงๆ......เร็วไปแล้ว เอเลน!!!!! =[]=||||
    เป็นฉากที่ไม่คิดว่าจะมีสถานการ์ณแบบนี้โผล่ออกมา
    อะไรละนั่น คำสารภาพที่ไม่ได้ทันตั้งตัวแบบนี้

    ถ้าเป็นรีไวก็คงสตันเหมือนกัน....
    เพิ่งรู้จักกันได้นิดหน่อยเองนะ...

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เด็กใจร้อนค่ะ สิ่งที่อัดอั้นมานานมันร้อนรุ่ม รุมเร้าให้รีบบอก555

      ลบ
  2. ช็อก
    คำเดียวอยุ่เลย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เหมือนทำหลายคนเงิบไปตามๆกัน รวมทั้งรีไวด้วย =///////=

      ลบ
  3. เห้ยยย เอเลนใจเย็นๆค่ะลูก ต้องใจเย็นๆนะ
    แต่จะบอกว่าเขินมากจริงๆตอนที่อ่านถึงเกี่ยวกับแก้วกาแฟ คือแบบ เห้ยย ใช่อะ น่ารักกก รู้สึกพิเศษแบบไม่รู้ตัว งุ้ยยยย ><

    ตอบลบ
  4. เฮ้ยยยยยยยยย!! ไม่คิดไม่ฝัน 0()0 เอางี้ดลยรึ คนอ่านตั้งตัวแถบไม่ทัน ขุ่นพระ!!

    ตอบลบ