วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Attack On Titan Fan fic.: Keep In Mind:2



Attack On Titan Fan fic.: Keep In Mind:
Pairing: (LevixEren),(MikasaxEren),(LevixHanji)
Romantic Drama
…………………………………………………………………………………………………………..

Levi Side:

 
          ผ่านมา 5 ปี จากเด็กเหลือขอที่ที่สร้างปัญหาตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มโตเต็มวัยที่เขาไว้วางใจและทำงานได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และดูเหมือนกับว่าเจ้าเด็กนี้จะสูงขึ้นอีกนิดหน่อย ร่างกายก็มีกล้ามเนื้อมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย แต่ก็ยังจัดว่าร่างบางอยู่มากเมื่อเทียบกับทหารในหน่วยคนอื่นๆ
           
            เมื่อนึกย้อนถึงครั้งแรกที่เจอ ตัวเขาก็สนใจเจ้าเด็กเหลือขอนี่ที่สามารถกลายร่างเป็นไททันได้ และด้วยนิสัยที่มุ่งมั่นในการกำจัดไททันยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าเจ้าเด็กนี้ไม่เลวทีเดียว ทั้งที่โดนเขาพูดจาว่าร้ายและทำร้ายในศาล อีกทั้งยังบอกว่าจะเป็นคนฆ่าเจ้าเด็กนี้ถ้ามันหักหลังขึ้นมา แต่เจ้าตัวยังคงไว้ใจและเชื่อถือในตัวของหัวหน้าอย่างเขาโดยไม่มีข้อสงสัย
          พอเห็นเจ้าหนูนี่ร้องไห้เสียใจก็รู้สึกอยากเป็นคนเข้าไปซับน้ำตาที่หลั่งรินนั้น พอเห็นเจ้าหนูนี่หัวเราะหรือยิ้ม ทุกครั้งรู้สึกเหมือนจะพลอยมีความสุขตามไปด้วย ไม่รู้ว่าเมื่อไรจากการที่ต้องคอยจับตาดูเจ้าเด็กไททัน กลายเป็นว่าเผลอมองเจ้าเด็กนี้อย่างไม่รู้ตัว นอกเหนือจากความรู้สึกของคำว่าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ความรู้สึกที่ไม่เคยพบเจอและไม่อาจเข้าใจจึงทำได้เพียงปล่อยผ่านไปและทำหน้าที่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างดีที่สุด

            จนในที่สุดวันแห่งชัยชนะก็มาถึง รอยยิ้มที่เปื้อนน้ำตาแห่งความสุขและความสำเร็จ รวมทั้งคำขอบคุณของผู้คนมากมายที่มอบให้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกพิเศษหรืออะไร แต่คำขอบคุณและรอยยิ้มจากเด็กหนุ่มกลับทำให้รู้สึกว่า รอยยิ้มนั้นช่างสวยงาม รู้สึกราวกับว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้นช่างคุ้มค่า
            ทั้งที่เจ้าเด็กนั่นพยายามยิ่งกว่าใคร อดทนยิ่งกว่าใคร และถูกรังเกียจเพราะความหวาดกลัวของเจ้าพวกหนูสกปรกที่ไม่เคยทำอะไร แต่เจ้าเด็กนั้นยังคงยิ้มและยอมรับชะตากรรมที่ต้องหลบเลี่ยงผู้คนโดยไม่ปริปาก
            ยิ่งได้เห็นนัยน์ตาสีมรกตนั้นเหม่อมองสีสันของงานฉลองที่อยู่เบื้องล่างผ่านทางหน้าต่าง ใบหน้ามนที่รู้สึกตื่นเต้นและอยากสัมผัสถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแต่ไม่อาจทำได้ ทำให้เขาที่ไม่สนใจงานเฉลิมฉลองที่น่ารำคาญ ทิ้งงานเอกสารที่กำลังตรวจตราและพาเจ้าเด็กนี้ออกไป
            ท่าทางที่ลุกลี้ลุกลนและตื่นเต้นกับบรรยากาศรอบตัวทำให้เขารู้สึกว่างานฉลองนี้ก็ไม่เลว ยิ่งเมื่อเห็นประกายตากับเสียงที่ตื่นเต้นราวกับเด็กน้อยทั้งที่คนตรงหน้าก็อายุ 18 ปี ถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่าทางเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกเอ็นดูเด็กหนุ่มไม่น้อยทีเดียว เลยไม่รอช้าตวัดตัวลงจากหลังม้าไปเล่นเกมเด็กๆแบบนั้นที่ซุ้มเพื่อเอารางวัลที่คนนั่งบนหลังม้ามองตาเป็นประกาย ระหว่างที่กำลังเดินกลับไปหาเจ้าเด็กนั่น ซุ้มข้างๆขายพวกพลอยหินและเครื่องประดับต่างๆมากมาย ตัวเขาที่ไม่เคยสนใจของสวยๆงามๆแบบนี้กลับสะดุดเข้ากับพลอยสีเขียวมรกตที่มองแล้วนึกถึงตากลมโตของเด็กหนุ่มที่ส่งมาให้อยู่เสมอ ร่างกายไปก่อนความคิดซื้อพลอยเม็ดเขียวติดกลับมาเพียงแค่คิดว่าเหมือนสีนัยน์ตาของเจ้าเด็กเหลือขอนั้น
            หลังจากที่ยื่นถุงรางวัลให้ เจ้าเด็กบ้านี้ก็กินขนมในถุงยังกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งกิน จนคิดว่ามันคงได้ติดคอเจ้าเด็กนี้แน่ๆ ทั้งที่พูดเตือนไปแล้วแต่เจ้าเด็กนี้ก็ยังคงเคี้ยวขนมเต็มปาก ก็ได้แต่หวังว่าคงไม่ติดคอตายซะก่อน
            เมื่อวนจนรอบก็ถึงเวลาที่ต้องกลับป้อมปราการเสียที แต่ในใจกลับรู้สึกที่ยังอยากใช้เวลากับเจ้าหนูนี้ต่อ จึงได้ถามออกไปถึงที่เจ้าเด็กนี้อยากไป แต่ไอหนูกลับไม่มีที่ที่ต้องการเลยต้องเตรียมตัวกลับป้อมปราการ
            ระหว่างทางเจ้าตัวดีที่ตอนแรกไม่ได้อยากแวะที่ไหนก็ขอร้องให้ขึ้นไปบนเนินเขาที่อยู่ไม่ไกล นานๆเจ้าเด็กนี่จะได้ออกมาข้างนอกเที่ยวเล่นแบบนี้ตัวเขาเลยใจดีที่จะพาแวะตามคำร้องขอมา
            ร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มวิ่งขึ้นไปจนสุดเนิน แขนที่กางออกมาราวกับโบยบินไปสู่อิสรภาพ ได้แต่ขอให้สักวันผู้คนเหล่านั้นจะยอมรับเด็กหนุ่มได้อย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อใบหน้ามนหันมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ความรู้สึกบางอย่างกระตุกไหว นัยน์ตาสีมรกตที่กระทบกับแสงของดวงดาวช่างสดใสและน่าดึงดูด มือแกร่งจึงเอื้อมหยิบพลอยที่เผอิญซื้อมาแล้วยื่นให้คนตรงหน้า
            หน้าตาที่แสดงออกมาว่าแปลกใจแต่ก็ดีใจในคราเดียวกันนั้นทำให้เขารู้สึกขำแต่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน หลังจากได้รับพลอยสีเดียวกับนัยน์ตาของตนเองไป เจ้าเด็กนี้ก็พูดไม่หยุดราวกับพยามเบี่ยงเบนความสนใจบางอย่าง เรื่องส่วนใหญ่ที่เจ้าเด็กนี้พูดได้ไม่เบื่อคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับทะเลที่เจ้าตัวอยากไปสัมผัสมากที่สุด
            ถ้าวันหนึ่งนายได้ไปสัมผัสและพิสูจน์ความเค็มของน้ำทะเลตามที่นายปรารถนาคงจะดีไม่น้อย
            ผ่านไปสักพักเสียงเจื้อยแจ้วข้างหูก็เงียบลง พร้อมไออุ่นที่อิงแอบเข้ามา สมเป็นเด็กจริงๆ ทั้งกินขนม วิ่งเล่น พูดจาไม่หยุด พอถึงเวลานอนเท่านั้นแหละ ราวกับเป่าเทียนดับเลยทีเดียว
            เมื่อเห็นว่าคนข้างกายไม่ยอมตื่น จึงทำได้แต่อุ้มเจ้าหนูไว้ในอ้อมแขนแล้วพากลับไปทั้งอย่างนั้น พอถึงยังห้องพักเจ้าตัวดีก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ จึงต้องอุ้มวางร่างโปร่งบางลงบนที่นอนของเจ้าตัว
            ไททันได้ถูกกำจัดไปจนสิ้น อีกทั้งเจ้าหนูนี้ก็ยืนยันได้แล้วว่าสามารถเชื่อใจได้ จากห้องใต้ดืนที่แสงส่องไม่ถึงจึงได้ย้ายมาอยู่ห้องชั้นบนเฉกเช่นเดียวกับทหารคนอื่นๆ
            แสงจันทร์นวลที่ส่องเข้ามาทางหน้าตายามกระทบกับใบหน้ามนที่กำลังหลับตาพริ้ม ยิ่งทำให้รู้สึกถูกดึงดูดราวกับถูกสะกดให้พิศมองอย่างลืมตัว
            ใบหน้าค่อยๆก้มลงที่ละน้อย ทีละน้อย จนในที่สุดริมฝีปากของตนก็สัมผัสกับริมฝีปากบางที่อยู่เบื้องหน้า สัมผัสอุ่นจากอุณหภูมิของร่างกายที่ส่งผ่านมาแจ่มชัดจนทำให้ต้องสะดุ้งและถอยออกมาจากร่างที่ยังคงไม่รู้เรื่องตรงหน้า
            มือแกร่งขึ้นจับริมฝีปากของตนเอง ไออุ่นที่สัมผัสเมื่อสักครู่ยังคงกรุ่นอยู่บนริมฝีปาก สัมผัสที่อ่อนนุ่มยังคงแจ่มชัด และความรู้สึกที่บีบรัดและเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็น
            ร่างไม่สูงแต่แข็งแกร่งรีบก้าวขาออกจากห้องทันที เข้าใจและแจ่มชัดเมื่อได้สัมผัสลงไปอย่างไม่รู้ตัว เขาสนใจและหลงใหลเด็กหนุ่มใต้บังคับบัญชา แต่ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นตัวเขานั้นรู้ดี ไม่ว่าจะเป็นคำครหาจากการที่เป็นผู้ชายด้วยกัน เรื่องของอายุที่ห่างกันเกินกว่ารอบ แต่สิ่งเหล่านั้นเทียบไม่ได้เลยเมื่อคิดว่าสายตาของเด็กหนุ่มที่มองมา ความเชื่อใจและความชื่นชมของเด็กหนุ่มอาจเปลี่ยนไปเมื่อรู้ความรู้สึกนี้ ตัวเขาที่ไม่เคยหวาดหวั่นหรือเกรงกลัวต่อสิ่งใด ตอนนี้ชายผู้แข็งแกร่งคนนั้นกำลังรู้สึกกลัว กลัวว่าเด็กหนุ่มจะเกลียดเขา ถ้าสายตาที่มองมาแปรเปลี่ยนเป็นเหยียดหยาม ท่าทีที่เคารพและเชื่อใจกลับกลายเป็นรังเกียจ ตัวเขาอาจทำเรื่องเลวร้ายที่ไม่อาจเรียกคืนย้อนมากับเด็กหนุ่มได้
            ความคิดที่อยากครอบครอง อยากเห็นเด็กหนุ่มบิดเร้าและอ้อนวอนด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าภายใต้ร่างของเขา อยากทำให้เปรอะเปื้อน อยากทำให้อยู่ไม่ได้ถ้าขาดเขา ความรู้สึกดำมืดที่เริ่มเกาะกุมต้องรีบหยุด ต้องรีบหยุดมันซะ ก่อนที่ทุกสิ่งจะไม่อาจย้อนคืนมา
            “รีไวนายยังไม่นอนอีกเหรอ” ร่างโปร่งของหญิงสาวเดินออกมาจากห้องหนังสือที่ชายหนุ่มเดินผ่าน
            นัยน์ตาสีขี้เถ้าสบมองกับใบหน้าที่งัวเงียของหญิงสาว
            ความรู้สึกนี้ที่ควรจะหยุดก่อนจะสายเกินไป ร่างแกร่งเข้าโอบกอดร่างโปร่งบางของหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้า ใบหน้าซุกลงกับไหล่บาง
            ฮันซี่ตบหัวที่ซุกลงอย่างหยอกล้อ
            “เฮ้ๆ เป็นอะไรของนายน่ะรีไว?”
            “ฮันซี่” มือแกร่งกอบรวบเอวของหญิงสาวแน่นขึ้น ใบหน้าคมเงยขึ้นกระซิบที่ข้างหู “แต่งงานกันเถอะ”
            !!!!!
          ใบหน้าสวยขึ้นสีระเรื่อกับการขอแต่งงานที่ปุบปับของคนตรงหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงสบมองกับใบหน้าคมที่แสดงสีหน้าจริงจังเบื้องหน้า ใบหน้าขี้เล่นของหญิงสาวหลุดขำออกมา ถึงกระนั้น
            “เอาสิ ไม่มีอะไรที่ต้องปฏิเสธนี้” ถึงแม้เธอกับคนตรงหน้าจะกวนประสาทกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็นับได้ว่าเป็นคู่หูและคู่คิดที่ดี ถ้าจะให้มาเป็นคู่ชีวิตก็คงไม่เลว อีกอย่างเธอเองก็รู้สึกสนใจในตัวรีไวไม่น้อยทีเดียว ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงขอเธอแต่งงาน แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ตอบตกลง

            แม้จะรู้สึกผิดกับฮันซี่ แต่อย่างน้อยหญิงสาวก็เป็นคนหนึ่งที่เขาสนใจและเข้ากันได้ดีในเรื่องของงาน อีกทั้งรู้จักกันมานานจึงรู้ดีว่า ฮันซี่ไม่ใช่คนเรื่องมากนอกจากเรื่องของไททันแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่น่าคบหาและเข้ากันกับตัวเขาอยู่มาก
            ก่อนที่ตัวเขาจะทำสิ่งที่ผิดพลาดและเลวร้ายกับเด็กหนุ่ม เขาควรที่จะยุติความรู้สึกและเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องทั้งเพื่อตัวเขาเอง และโดยเฉพาะเอเลน

            ทันทีที่เจ้าเด็กนั่นรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงาน เจ้าหนูก็ยิ้มและแสดงความยินดีกับทั้งเขาและฮันซี่ ทั้งที่คิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และทำเพื่ออนาคตของเด็กหนุ่มแต่ตัวเขากลับรู้สึกหน่วงในจิตใจจนไม่อาจมองหน้าเด็กหนุ่มได้ตรงๆ

            ใบคำร้องที่ส่งเข้ามาเรื่องการแบ่งหน่วยงานไปตามเขตต่างทำให้เขาต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อพบว่ามีคำขอร้องขอเด็กหนุ่มไปที่เขตตะวันออก ไม่รอช้าหลังได้รับใบคำร้องเขาจึงเรียกเอเลนเข้ามาสอบถามทันที
            “ใบนี้คืออะไร?” มือแกร่งยื่นเอกสารคำร้องของเจ้าตัวไปตรงหน้า
            “ผมอยากออกไปสำรวจนอกกำแพงครับ”
            “แต่นายเป็นไททัน” และยังมีผู้คนอีกมากที่เกรงกลัว และไม่อาจรู้ได้ว่าคนเหล่านั้นจะทำอะไรกับร่างโปร่งบางนี้บ้าง
            “ผมทราบดีครับ แต่ถ้าไม่สู้ก็ไม่มีวันชนะ”
            ชายหนุ่มเข้าใจดีถึงสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการจะสื่อ ถ้าไม่พิสูจน์ว่าแท้จริงแล้วตัวเขาก็ไม่ได้ต่างจากคนอื่นๆ เด็กหนุ่มก็จะไม่อาจออกไปสัมผัสถึงอิสรภาพที่เจ้าตัวพยายามไขว่คว้ามาโดยตลอดได้
            “งั้นเหรอ…….” ในเมื่อเป็นสิ่งที่คนตรงหน้าตัดสินใจอีกทั้งยังมีเพื่อนสนิททั้งสองคนไปด้วย คงไม่ต้องเป็นห่วง โดยเฉพาะเด็กสาวที่อยู่ด้วยกันมั่นใจได้เลยว่าเธอจะต้องดูแลเอเลนเป็นอย่างดีได้แน่นอน
            ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของนาย ฉันก็จะต้องยอมรับมัน มือแกร่งคว้าตราประทับอนุญาตลงบนใบคำร้อง แม้ยังคงอยากให้ร่างโปร่งอยู่ในสายตาของตนเอง แต่ถ้าเจ้าตัวเลือกแล้วก็ต้องเคารพในการตัดสินใจและมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้ดั่งที่เจ้าตัวปรารถนา นั่นคือการกระทำที่หัวหน้าอย่างเขาสมควรมอบหมายให้กับลูกน้องที่อุส่าห์เชื่อใจและไว้วางใจ อีกทั้งอยากเป็นกำลังในการสนับสนุนหัวหน้าอย่างเขาต่อไป
            หลายสัปดาห์ต่อมาก่อนถึงวันแต่งงานเพียงไม่กี่วัน เอเลนก็เข้ามาหาเขาเพื่อกล่าวลาก่อนที่จะออกเดินทางไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความภาคภูมิ
            แผ่นหลังบางที่กำลังก้าวเดินจากไป บางสิ่งที่ค้างคาในใจจึงอยากเอ่ยถาม
            “เอเลน นายเกลียดฉันรึเปล่า?”
            “ไม่ครับ….ผมไม่เคยเกลียดหัวหน้า”
            ถ้านายไม่ได้เกลียด แล้วนายรู้สึกยังไงกับฉันเอเลน? คำถามที่ไม่มีวันได้รับคำตอบ ทำได้เพียงแต่มองแผ่นหลังที่กำลังจะจากไปอย่างช้าช้า
            “อืม ……ขอบใจ ขอให้นายโชคดี เอเลน เยเกอร์”
          หลังการจากไปของเด็กหนุ่มและเพื่อนๆไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย งานแต่งงานของเขาและฮันซี่ก็ถูกจัดขึ้น คำอวยพรแสดงความยินดีมีให้กันอย่างล้นหลาม ถึงกระนั้นความรู้สึกหน่วงที่อยู่ภายในใจก็ยังไม่อาจสะบัดออกไปได้ สิ่งที่ตัวเขาพอจะทำได้ก็คือสั่งให้หญิงสาวรีบคิดค้นหาทางแก้การกลายร่างเป็นไททันของเด็กหนุ่มโดยเร็วเพื่อเรื่องของไททันจะได้มาถึงจุดจบแท้จริงเสียที

            ดีแล้วเพราะเด็กนั้นยังมีอนาคตที่ต้องก้าวเดินต่อไปอีกไกล ความรู้สึกที่จะฉุดรั้งและทำลายนายฉันจะต้องยุติมัน เก็บความรู้สึกนี้และฝังให้ลึกลงไปในจิตใจ สักวันหนึ่งมันจะเป็นความทรงจำที่ให้ระลึกถึง
.
.
.
.
.
.
.
            “ผมกำลังจะแต่งงานครับ”
            อกซ้ายและสมองรู้สึกตีบตันราวกับมีมือของใครบางคนบีบรัดไว้
            “งั้นเหรอ กับมิคาสะสินะ” นัยน์ตาสีขี้เถ้าก้มมองการ์ดสีขาวในมือที่เด็กหนุ่มยื่นมอบให้
            ความรู้สึกที่คิดว่าได้กลบฝังลงไปแล้วกำลังปะทุขึ้นมาอีกครั้ง อยากครอบครองและไขว่คว้า ยิ่งรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังจะกลายเป็นของคนอื่น ความรู้สึกบางอย่างยิ่งรัดแน่นเข้ามาในอก ถ้าหากวันนั้นฉันบอกกับนายออกไปตอนนี้ฉันจะได้ครอบครองตัวนายรึเปล่า? ถ้าหากวันนั้นฉันทำตามที่ตัวเองต้องการโดยไม่สนอะไรทั้งนั้นนายยังยิ้มและอยู่เคียงข้างฉันรึเปล่า? แล้วถ้าหากวันนี้ฉันจะทำให้นายเป็นของของฉัน
            “เอเลน ฉัน…..
          “รีไว จับฮาร์วี่ให้หน่อย!!!เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากฮันซ่ทำให้รีไวหันไปตะครุบร่างเล็กที่เปียกชุ่มแล้ววิ่งออกมาจากทางประตู
            “เย้! โดนป๊ะป๋าจับได้แล้ว” เด็กชายผมสีดำตัวเล็กที่ถอดแบบมาจากชายหนุ่มอีกทั้งนิสัยแสนขี้เล่นที่ถอดแบบมาจากหญิงสาว สองแขนเล็กโอบกอดรอบคอของผู้เป็นบิดาของตน
            “ซนอีกแล้วนะฮาร์วี่ นายจะอาบน้ำดีๆไม่ได้รึไง”
            “ขอบใจนะรีไว ฉันอุส่าห์ให้มิคาสะไปช่วยจับเด็กๆอาบน้ำแต่เจ้านี่ก็ยังซนวิ่งหนีออกมาจนได้” ฮันซี่เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูในมือก่อนจะคว้าเจ้าตัวเล็กไปจัดการให้เรียบร้อย
            “ขอโทษนะคะคุณฮันซี่ฉันเผลอไปหน่อย” มิคาสะเดินออกมาพร้อมเด็กสาวผมสีน้ำตาลตัวน้อยในอ้อมกอดที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
            “ไม่หรอก เพราะหมอนี้ดื้อต่างหาก ขอบใจที่แต่งตัวให้กับฮันนานะ”
            “ไม่เป็นไรค่ะ” มิคาสะวางเด็กสาวตัวน้อยลง
ฮันนาค่อยๆเดินเตาะแตะไปทางเอเลนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เมื่อร่างโปร่งเห็นเด็กน้อยเดินเข้ามาหาจึงอุ้มหนูน้อยขึ้นมาพร้อมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“เด็กๆน่ารักดีนะครับหัวหน้า”
“เมื่อนายมีลูกของตัวเอง นายอาจไม่พูดแบบนี้”
เอเลนได้แต่ยิ้มแห้งให้ชายหนุ่มอายุมากกว่า
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองเด็กสาวตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดและเด็กชายตัวน้อยที่กำลังโดนจับแต่งตัวพลางถอนหายใจ
ชีวิตที่ตัวเขาได้เลือกแล้ว เมื่อสบมองกับใบหน้ามนของชายหนุ่มร่างโปร่งบางที่กำลังหยอกล้อกับฮันนาอย่างสนุกสนานก็ได้แต่ยิ้มบางและโล่งอกกับสิ่งที่ไม่ได้เผลอกระทำลงไป เพราะอาจทำลายและทำให้หลายคนต้องเสียใจ ความรู้สึกที่คิดว่าลืมไปแล้ว….. แต่ยังคงตราตรึงและเก็บซ้อนไว้ภายในจิตใจ

เมื่อใกล้เวลาเย็น รถม้าที่นัดแนะไว้กับมาถึงบ้านของครอบครัวรีไวเพื่อรับแขกผู้มาเยือนทั้งสองกลับ
“เราคงต้องไปแล้ว โชคดีครับหัวหน้า”
“เดินทางปลอดภัยนะทั้งสองคน แล้วไว้ฉันกับรีไวจะไปงานของพวกเธอแน่ๆ อ๊ะรวมถึงเจ้าพวกตัวยุ่งพวกนี้ด้วยนะ” ฮันซี่ยกแขนเด็กสาวตัวน้อยในอ้อมกอดโบกมืออำลาทั้งคู่
ร่างโปร่งทั้งสองก้าวขึ้นรถม้า นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหม่อมองรถม้าสีน้ำตาลที่วิ่งหายไปจนลับตา
“ป๊ะป๋าเข้าบ้านกันเถอะฮะ” มือน้อยของเด็กชายกระตุกขากางเกงของผู้เป็นบิดา
มือแกร่งลูบหัวสีดำน้อยๆไปมาก่อนจะอุ้มขึ้นกอดแล้วเดินกลับเข้าไปหาครอบครัวที่อบอุ่นและรักใครของตน
เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว…. ความรู้สึกนี้จะไม่มีวันเผยให้ใครต้องเจ็บปวดและทำร้ายใคร จะเก็บเอาไว้ตราบจนนาทีสุดท้ายของชีวิต ความรู้สึกที่แสนสำคัญและมีค่าแก่การทนุถนอม…….



นัยน์ตาสีมรกตมองผ่านหน้าต่างหลังจวบจนร่างของชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งลับสายตา มือเรียวยกขึ้นกอบกุมสร้อยคอที่ใส่ไว้ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว สร้อยคอที่เคยแขวนกุญแจซึ่งกุมความลับของเหล่าไททันจนนำพาไปสู่ชัยชนะ ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยพลอยสีมรกตที่ได้รับจากคนที่แสนสำคัญ
ศีรษะของหญิงสาวเอนซบลงกับไหล่บางของชายหนุ่ม หญิงสาวที่ร่วมเป็นร่วมตายและอยู่เคียงข้างกันมาโดยตลอด เปรียบเสมือนคนในครอบครัวที่เหลืออยู่และจะเริ่มสร้างครอบครัวใหม่ด้วยกัน จะเป็นคนที่คอยดูแลและปกป้องกันและกัน
ดีแล้ว….เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ความรู้สึกที่ไม่สามารถเผยให้อีกคนได้รับรู้ ทั้งที่คิดว่าความรู้สึกนี้คงเบาบางลงบ้างแล้ว แต่เพียงแค่ได้เห็นคนคนนั้นอีกครั้ง ความรู้สึกที่คิดว่าจบไปแล้วกลับยังคงคุกรุ่นอยู่ในใจจนเผลอที่จะเอ่ยออกไป ถึงแม้กระทั่งตอนนี้จะไม่สามารถแสดงความยินดีออกมาจากใจได้ทั้งหมด แต่ก็หวังให้คนคนนั้นมีความสุขได้จากใจ
ความรู้สึกที่ลึกล้ำและถูกซ่อนเร้น ช่างอบอุ่นและควรค่าให้ระลึกถึง แสนสำคัญและตราตรึงที่จะจดจำไปจนช่วงสุดท้ายของลมหายใจ…….

Fin.






...........................................................................................

TalK: สวัสดีทุกท่านนะคะ คราวนี้ที่จริงเป็นเรื่องสั้น แต่ทำเป็น 2 side เพื่อให้มองเห็นมุมมองของตัวละครค่ะ
สำหรับนิยายเรื่องนี้เขียนในวันวาเลนไทน์แล้วเห็นรอบข้างเป็นสีชมพู(นิยายแกสีชมพูโดนเตะ) คืออยากให้เห็นมุมมองของความรักในหลากหลายรูปแบบค่ะ และรักที่ในรูปแบบที่บีเลือกมาคือ ความรักที่เก็บซ่อนเอาไว้
คืออยากบอกและเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่กำลังมีความรักค่ะว่าถ้ามั่นใจว่ารักแล้วลองลุยดูเลยค่ะ เพราะบางทีคนคนนั้นเองก็อาจจะกำลังรอเราอยู่ก็เป็นไปได้ค่ะ

แม้นิยายเรื่องนี้จะไม่ได้หวานเจี๊ยบ แต่เป็นหวานปนขม แต่ก็เป็นความรักอีกรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่รู้ตัวสำหรับใครหลายๆคนค่ะ ความรักของหลายคนแม้อาจไม่สมหวังแต่ช่วงเวลาที่รู้สึกได้รักมันช่างมีคุณค่าและความรู้สึกนั้นก็ช่างแสนสำคัญจนบางครั้งเราก็คิดถึงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับวันแห่งความรักนี้ก้นถ้วนหน้านะคะ 

4 ความคิดเห็น:

  1. งื้ออออ ฮึกกกก แงงงง
    มันดีแล้วหราที่เลือกแบบนี้ แน่ใจนะว่าเป็น a choice with no regrets อิเฒ่าเฮย์โจวววว อิคิดเองเออเอง แล้วเปนไงเห็นอีกครั้งแล้วลืมได้ม๊ายยย โอ้ยยปวดตับลามยันไตเสียใจทีหลังทำไรได้ไหม อย่าคิกว่ามันดีที่สุดแล้วถ้าไม่ได้ลอง ความสุขอยู่ตรงหน้าแท้ๆ ถ้าเพียงแต่ใจเย็นกว่านี้ เศร้าจริงจังคะไรท์ ไรท์แต่งฟิคปวดตับ บีบไต ทำร้ายม้าม เชือดเฉือดหัวใจได้เก่งมาก โฮววววว TT-TT

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. บอกตามตรงยังงงอยู่ว่าเขียนฟิคปวดไตขนาดนี้ได้ยังไงเหมือนกันค่ะ เขียนเองทรมาณเองแต่ก็อยากเขียน(รู้สึกมาโซ= ="") ที่จริงเพราะอยากให้เห็นถึงความรักหลายรูปแบบด้วยน่ะค่ะ เลือกเป็นแบบรักที่ไม่อาจบอกทั้งที่ความจริงอาจใจตรงกันก็ได้(เพราะงั้นเลยยิ่งปวดใจค่ะ) ขอโทษที่ทำร้ายนะคะเรื่องอื่นเลยมุ้งมิ้งทดแทน(จนเลี่ยนเป็นบางทีมากค่ะฮาๆ)

      ลบ
  2. ใจร้ายอะ..ไม่ชอบเลยอยากให้รีไวล์กับเอเลนได้สมหวังกันอ่าาาา//เขม่งใส่ไรท์

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไปๆมาๆแล้วรู้สึกอยากฆ่าคนขึ้นมายังไงก็ไม่รู้//แผ่รังสีอัมหิตออกมาจำนวนมาก

      ลบ