วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory Chapter 4



Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory
Chapter 4
อากาศปลอดโปร่งในตอนเช้าที่แสนสบายทั้งที่ถ้าเป็นปกติแล้วอากาศแบบนี้ใครหลายๆคนคงอยากที่จะหากิจกรรมสบายๆทำเช่นอ่านหนังสือ  หรือออกไปเดินเล่น  ยกเว้นแต่ทีมสำรวจเพราะบรรยากาศแบบนี้หัวหน้าทีมผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นชายผู้รักความสะอาดก็ได้จัดแจงงานทำความสะอาดตามจุดต่างๆให้กับคนในหน่วยด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นวันที่เหมาะแก่การทำความสะอาดที่สุด

ร่างโปร่งที่ได้รับมอบหมายให้ซักเครื่องนอนของทุกคนภายในหน่วยกำลังง่วนอยู่กับการตากผ้าบนดาดฟ้าของป้อมปาการของหน่วยสำรวจ
“เอเลน  เสร็จจากตรงนั้นมาทานข้าวได้แล้วนะจ๊ะ”  เสียงเรียกจากหญิงสาวหนึ่งเดียวในทีมสำรวจของหัวหน้ารีไวตะโกนขึ้นมาจากสวนกลางป้อมปราการ
“รับทราบครับคุณเพ็ตโทร่า”  เอเลนหอบผ้าปูที่นอนผีนใหญ่ที่กำลังตากเดินไปยังมุมของดาดฟ้าเพื่อขานรับกับเสียงของหญิงสาวที่ตะโกนขึ้นมา  ในระหว่างที่ร่างโปร่งกำลังจะกลับไปเพื่อทำหน้าที่ของตนต่อ  สายลมก็พลันพัดหอบเอาผ้าปูที่ถือไว้นั้นปลิวลอยออกไป เป็นผลให้เอเลนวิ่งไปคว้าตามสัญชาตญาณโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าขาของเขาก้าวข้ามจุดสิ้นสุดของป้อมแล้ว
“ว๊ายยยเอเลน!!!!!!!!!  เสียงร้องของเพ็ตโทร่าทำให้คนอื่นที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ร่างบางที่ร่วงหล่นหลับตาแน่นเตรียมพร้อมรับแรงกระแทกที่กำลังจะเกิด  ต่อให้เขาจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้แต่ใช่ว่าเขาจะไม่เจ็บสักหน่อยนะ  อยู่ๆก็เหมือนมีแขนกำยำเข้ามาคว้าเอวของเขาไว้พลันเหวี่ยงเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่  หลังของเอเลนกระแทกกับพนังของห้องอย่างจัง  ร่างโปร่งอดคิดไม่ได้ว่าระหว่างที่เขาตกลงไปบนพื้นด้านล่างกับถูกช่วยไว้แล้วเหวี่ยงเข้ามากระแทกพนังอิฐนี่อะไรมันจะเจ็บกว่ากัน  แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ปลอดภัยดี ถึงแม้จะจุกจนแทบจะลุกไม่ขึ้นก็เถอะ
“ทำบ้าอะไรของแกวะ ไอเด็กเวร”นี่ถ้าเขาไม่ได้กำลังใช้เครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติทำความสะอาดหน้าต่างด้านนอกฝั่งตรงข้ามที่ไอเด็กนี่ตกลงมา  ไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมเก็บซากไอเด็กบ้าไปให้ฮันซี่รักษาหรือทดลองรึเปล่า
“ขขอโทษครับผมประมาทไปหน่อย” เขาทำให้คนอื่นวุ่นวายอีกแล้ว ร่างโปร่งรีบก้มหัวสำนึกผิดกับผู้บังคับบัญชาของตนทันที
“ถ้าแกมัวแต่ประมาทก็ไม่พ้นจะเป็นเหยื่อของไอพวกข้างนอกหรอกนะ”  นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองร่างโปร่ง  เห็นแล้วอดที่จะหงุดหงิดไม่ได้
“แกรีบเอาผ้านั่นไปจัดการซักใหม่  หลังมื้อเที่ยงมาหาชั้นที่ห้องด้วย”  ร่างที่ไม่สูงนะแต่แข็งแกร่งเดินออกไป
ร่างโปร่งรับรู้ได้ว่าผู้บังคับบัญชาของตนคงกำลังหงุดหงิดตนเองอยู่ไม่น้อย  เพราะความประมาททำให้คนเราตายมานักต่อนักแล้วซึ่งตัวเขาก็รู้เรื่องนั้นดี  ถ้าไปเจอหัวหน้าแล้วเขาคงต้องยอมโดนเตะเข้าสักทีสองทีล่ะนะ

หลังมื้อเที่ยงผ่านพ้นไปก็ทำให้ร่างโปร่งดูเหมือนจะใจชื่นขึ้นบ้าง  เพราะระหว่างบนโต๊ะอาหารดูเหมือนหัวหน้าเริ่มจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว  แต่เพราะคนคนนั้นไม่เคยแสดงออกทางสีหน้าเลยยากที่จะปักใจได้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่  ร่างโปร่งเดินขึ้นบันไดจนไปถึงห้องทำงานส่วนตัวของหัวหน้าทหารของตน  มือบางเคาะประตูเป็นการขออนุญาติต่อเจ้าของห้อง
“ผมเอเลน เยเกอร์ ครับ”  เอเลนแนะนำตนเองตามหลักการ สักพักเสียงอนุญาตจากเจ้าของห้องก็ดังออกมา ทำให้ร่างโปร่งค่อยๆแง้มประตูเข้าไป
“เออ  หัวหน้ามีอะไรให้ผมทำเหรอครับ?”  ใบหน้ามนถามถึงหน้าที่ที่ควรได้รับของตนทันทีที่เข้ามายืนในห้องของชายผู้แข็งแกร่งที่สุด
“นายเอาเอกสารตรงนั้น  และกองหนังสือตรงนั้นตามชั้นมา” หลังจากสั่งการเสร็จสรรพ  ชายผู้ไม่สูงมากนักก็เดินนำหน้าร่างโปร่งไปอย่างเร็ว ส่งผลให้เด็กหนุ่มรีบรวบรวมเอกสารบนโต๊ะแล้วเดินตามออกไปอย่างรวดเร็วด้วยเกรงว่าจะคลาดสายตา
ทั้งสองเดินจนมาถึงสวนที่อยู่หลังป้อมปราการ  ใบหน้าคมมองสำรวจรอบๆบริเวณและเดินไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ตอนนี้กิ่งก้านแผ่ขยายเป็นร่มเงาให้หลบร้อนแสงแดดช่วงบ่ายได้เป็นอย่างดี  รีไวนั่งไขว้ขาในท่าสบายๆใต้ร่มไม้ใหญ่  มือหนาตบลงที่ว่างข้างๆตน  เป็นการชวนให้อีกฝ่ายที่ตามมานั่งลงข้างๆด้วยกัน
“ทำงานอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมมันน่าเบื่อ  นานๆทีเอาออกมาเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ไม่เลว”  รีไวหยิบเอกสารที่ให้ร่างบางตรงหน้าหอบหิ้วมา  นัยน์ตาสีขี้เถ้าค่อยๆกวาดตามองรายละเอียดต่างๆของเนื้อหา
“หัวหน้าครับ  ให้ผมช่วยอะไรได้บ้างไหมครับ?”  คนที่โดนลากให้ตามมาด้วยรีบเอ่ยถาม
“แกแยกเอกสารที่เป็นเรื่องด่วนออกมาก็พอ”  นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองเอกสารกองใหญ่ที่ให้ร่างโปร่งหอบมา  เอกสารพวกนี้มีทั้งรายงานต่างๆไปจนถึงหนังสือขอเบิกของและงบประมาณในหน่วย  ซึ่งในแต่ละวันก็มีเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อนทั้งเรื่องที่เร่งบ้างไม่เร่งบ้าง แต่มันยังไม่น่าหงุดหงิดเท่าเรื่องที่ไม่เร่งแต่ปล่อยไว้นานจนบางทีกว่าเอกสารจะเขียนมาถึงมือเขาเวลาก็กระชั้นชิดเข้ามามากแล้ว และนั่นส่งผลให้ในแต่ละวันเขามีงานที่ยุ่งจนแทบล้นมือเลยทีเดียว  นอกจากจะต้องดูแลคนในหน่วย โดยเฉพาะไอเด็กเหลือขอตรงนี้ ยังจะต้องมาตามเรื่องเอกสารบ้าๆพวกนี้อีกด้วย
“ดอกอัลมอนด์  ไม่ได้เห็นมานานแล้วนะเนี่ย”  เสียงจากร่างบางทำให้ใบหน้าคมละออกจากเอกสารที่อยู่ในมือมองตามนัยน์ตามรกต
“สำหรับผมแล้ว  หัวหน้าเหมือนกับดอกอัลมอนด์เลยล่ะครับ”  นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ยิ้มระรื่นอย่างสงสัย  ไอเด็กนี่หมายความว่ายังไงจะบอกว่าเขาตัวเล็กแบบไอดอกไม้กลีบเล็กๆนั่นน่ะเหรอ  แบบนี้คงต้องลงโทษซะหน่อยแล้วข้อหาไม่รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่
“เพราะคุณเป็นตัวแทนของความหวังของมนุษยชาติ  ผมที่เคยได้แต่เผ้ามองคุณไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถมาอยู่ข้างๆคุณแบบนี้ได้  และคำสัญญาของคุณถ้าวันใดที่ผมหมดความเป็นมนุษย์ไปแล้วคุณจะเป็นคนที่ลงมือฆ่าผมเอง  ถ้าวันนั้นมาถึงผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ”  ร่างโปร่งยืดตัวตรงทำท่าเคารพต่อผู้บังคับบัญชาของตน  ถ้าต้องตายด้วยมือคุณแล้วล่ะก็ผมจะไม่มีวันเสียใจเลย
ใบหน้าคมจับจ้องการกระทำของเด็กหนุ่มตรงหน้า  ถึงแม้จะยังเด็กแต่ก็มีความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นที่แรงกล้า  ความเชื่อมั่นในตัวของหัวหน้าอย่างเขา  แต่อะไรบางอย่างในใจของเขากลับหวั่นไหว  ถ้าสักวันเขาต้องฆ่าเอเลนจริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะสามารถทำได้อย่างไม่ลังเลหรือไม่ 
“หัวหน้าครับ?”  ใบหน้ามนเอ่ยเรียกคนตรงหน้าที่ตอนนี้เหมือนว่าหัวคิ้วจะผูกติดกันยิ่งกว่าปกติ  หรือว่าคำพูดของเขาทำให้คนคนนี้หงุดหงิดอย่างนั้นเหรอ?  เขาแค่รู้สึกว่าคนนี้คือความเชื่อมั่นและที่ยึดเหนี่ยวที่มั่นคงสำหรับตัวเขาที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าแท้จริงแล้วเป็นตัวอันตรายต่อมนุษยชาติหรือว่าเป็นความหวังของมนุษย์กันแน่
“แกเองก็คงจะเหมือนกับดอกเอลเดอร์”  ใบหน้ามนแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน  เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างหัวหน้าทหารรีไวจะรู้ความหมายของดอกไม้กับเขาด้วย
“หัวหน้าตั้งใจจะปลอบผมเหรอครับ  แหะๆ” นัยน์ตาสีมรกตส่งยิ้มที่ดูเหงาหงอยให้กับหัวหน้ารีไว
“เพราะแกเป็นคนกระตือรือร้น  และเป็นไอเด็กบ้าต่างหากล่ะ”  ใบหน้าเฉยชาอยู่ตลอดเวลาหันกลับไปให้ความสนใจกับเอกสารที่ต้องจัดการตรงหน้า  โดยไม่หันกลับมาดูเลยว่าทำใครอีกคนนั้นยิ้มจนหุบไม่อยู่แล้ว
.
.
.
.
หญิงสาวผู้มีเรือนผมสีดำเงางามเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงของเจ้าของห้องผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม  เปลือกตาที่ปิดสนิทและลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกได้ชัดว่าเจ้าตัวกำลังจมสู่ห้วงนิทราจนไม่รับรู้ถึงผู้บุกรุกเข้ามาเลย  มือเรียวลูบไล้แผ่วเบาบนเรือนผมของเด็กหนุ่มก่อนเลื่อนมายังสมุดบันทึกปกหนังสีดำที่อยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้า
“ในที่สุดก็เจอจนได้สินะ….คราวนี้นายต้องมีความสุข…… เอเลน”  ร่างบอบบางของเด็กสาวเดินออกจากห้องอย่างเงียบเชียบเพราะเกรงว่าคนที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงฝันจะตื่น  เธอรู้ดีว่าตอนนี้เอเลนกำลังเจอกับอะไร  เพราะนั่นมันอาจจะเรียกได้ว่าเป็นพรหมลิขิตของเด็กหนุ่ม  และเธอจะต้องรักษาคำสัญญาที่มีให้ต่อเขาในอดีตกาลให้ได้มิคาสะเดินลงมาชั้นล่างก็พบมารดาของเอเลนกำลังเตรียมตัวส่งสามีของตนไปทำงาน
“มิคาสะ เอเลนยังไม่ตื่นอีกเหรอจ๊ะ  เด็กคนนี้นี่ไม่ไหวเลยจริงๆ”  แต่ไหนแต่ไรเอเลนต้องคอยพึ่งพามิคาสะทุกเรื่อง  ทุกครั้งที่ไปโรงเรียนตั้งแต่เด็กก็ได้มิคาสะเนี่ยล่ะที่ลากจากตัวดีออกจากเตียงเพื่อไปโรงเรียนได้ทุกวัน  ขนาดโตอยู่มหาลัยแล้วนิสัยตรงนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน  ทั้งที่เอเลนก็เป็นเด็กหัวดีแต่ติดตรงที่ชอบพึ่งพาคนอื่นมากเกินไปเนี่ยแหละ
“พอดีเอเลนเขาปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ  หนูเลยว่าควรให้เขาพักดีกว่า”
“งั้นพ่อควรขึ้นไปดูเขาหน่อยดีกว่า” ชายผู้มีอาชีพเป็นถึงแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลเตรียมจะขึ้นไปยังห้องของลูกชายด้วยความเป็นห่วงแต่โดนเด็กสาวขวางไว้เสียก่อน
“หนูว่าเอเลนเขาคงอยากพักผ่อนน่ะค่ะ  ได้นอนอีกสักระยะอาการก็ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ  อีกอย่างวันนี้เป็นคาบบรรยาย  ช่วงเย็นหนูค่อยเอาเล็คเชอร์มาให้เขาได้ค่ะ” มิคาสะรีบปรามชายตรงหน้าด้วยเกรงว่าจะขึ้นไปขัดความฝันของเด็กหนุ่ม
“ถ้างั้นก็ปล่อยให้นอนไปละกัน  เรื่องเรียนก็ฝากด้วยนะมิคาสะ” จากคำบอกของเด็กสาวดูเหมือนว่าลูกชายของตนจะไม่ได้มีอะไรน่าห่วง กริชาเลยออกจากบ้านไปทำงานตามปกติของตนเช่นเดียวกับมิคาสะที่ไปมหาลัยเพื่อเข้าเรียนแทนในส่วนของคนที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติด้วย



“อะไรนะ!!  วันนี้เอเลนไม่มา ตั๋วหนังที่ได้มาวันนี้ก็เป็นหมันน่ะสิ” จากคำบอกเล่าของมิคาสะดูเหมือนเอเลนจะไม่สบายเลยทำให้ไม่มาเรียนในวันนี้หลังจากที่ไปดักรออยู่ตรงลานจอดรถแล้วก็ต้องพบว่าวันนี้มีมิคาสะขับรถมาเรียนคนเดียวไม่เห็นเด็กหนุ่มอีกคนที่จะมาพร้อมกันเสมอๆ แล้วไอแผนขั้นที่หนึ่งที่อาร์มินกับมาร์โกแนะนำให้พวกเขาไปดูหนังด้วยกันสองต่อสองล่ะ  แบบนี้ก็ไม่ได้ใช้น่ะสิ  เสียดายตั๋วหนังที่อาร์มินอุส่าห์ไปถ่อซื้อมาให้หลังจากวางแผนเสร็จ
“เอาน่ะครับ โอกาสหน้ายังมีแหละครับแจน”  อาร์มินเข้ามาตบบ่าร่างสูงเพื่อเป็นการปลอบใจแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะหดหู่ยิ่งกว่าเดิม  ทำไมพอตั้งใจจะจีบแค่แผนแรกก็ล้มไม่เป็นท่าซะแล้ว
“แล้วจะทำยังไงกับตั๋วนี้ดีล่ะ  มันต้องใช้วันนี้เท่านั้นด้วย”  นอกจากจะแผนล้มไม่เป็นท่าแล้วนี่เขายังจะต้องมาเสียตังค์ฟรีกับหนังที่ไม่มีคนไปดูด้วยเหรอเนี่ย
“งั้นเอางี้เราก็ไปดูเรื่องนี้กันทั้งหมดเลย ส่วนตั๋วอีกใบที่เหลืออยู่ก็ให้มิคาสะไปละกันนะ” ชายหนุ่มผมทองผู้มีร่างกายกำยำที่สุดเสนอ
“หมายความว่ายังไงว่าเราไปกันทั้งหมด  นี่พวกนายมีตั๋วกันด้วยหรือไง?” คำถามของแจนทำให้ไรเนอร์เบลทรูธ  แอนนี่  มาร์โก  ชาช่า และโคนี่ยื่นตั๋วหนังเรื่องเดียวกัน รอบเดียว และที่นั่งติดกันออกมาให้ดู ทำให้ร่างสูงเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมาทันที
“เฮ้ย!!! ไหนแกบอกว่ามันเหลือแค่สองใบสุดท้ายหมายความว่าไงวะอาร์มิน!!!!” นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองไปยังเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มอย่างตั้งข้อสงสัย  ไหนอาร์มินมันบอกว่าให้เขาไปดูหนังกับเอเลนสองต่อสองเพื่อสร้างบรรยากาศและความทรงจำต่อให้หนังเรื่องที่ดูจะเป็นหนังบู๊เรื่อง อภินิหารไททันปะทะก็อตซิล่าเหินเวหา ตอนศึกชิงเจ้ายุทธภพ ก็เถอะนะ แล้วไอแบบนี้มันหมายความว่ายังไง…..
“ทุกคนครับได้เวลาเข้าเรียนแล้วเราควรแยกย้ายกันได้แล้วนะ  พวกเราควรรีบไปก่อนที่มิคาสะจะสงสัยดีกว่าครับ” เด็กหนุ่มนัยน์ตาฟ้ารีบฉุดลากเพื่อนๆของตนวิ่งไปยังห้องเรียน  โดยมีคุณชายแจนวิ่งตะโกนตามมาเป็นระยะ  จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่าเรื่องสนุกแบบนี้ถ้าพลาดก็น่าเสียดายแย่…..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เสียงสังสรรค์ฮาเฮดังครื้นเครงภายในห้องโถงป้อมปราการเก่าที่ถูกทำความสะอาดจนเหมือนใหม่  ค่ำคืนนี้จะมีการเลี้ยงฉลองต้อนรับทหารใหม่ที่เข้าร่วมหน่วยสำรวจ  พร้อมทั้งเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทหารเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจในวันพรุ่งนี้
“เอเลนช่วยอยู่นิ่งๆสักครู่สิคะไม่อย่างนั้นก็ทำผมไม่ได้กันพอดี”  สาวน้อยเพียงหนึ่งเดียวที่มีความเป็นผู้หญิงมากที่สุดในทหารฝึกรุ่น 104  ปรามคนตรงหน้าที่ไม่ยอมอยู่เฉยให้เธอจับแต่งตัวให้เสร็จเสียที ทั้งที่เวลาก็เริ่มใกล้เข้ามาแล้วกว่าที่เธอจะจับเจ้าคนดื้อด้านแต่งตัวและรวบผมครึ่งหนึ่งขึ้นไปได้นั้นก็กินเวลาอยู่มากทีเดียว
“ทำไมพวกนายไม่ให้คริสต้าขึ้นไปแสดงล่ะ ออกจะเหมาะสมกว่าด้วยซ้ำ” ใบหน้ามนขึ้นสีด้วยความอาย  ก็จะไม่ให้เขาอายได้ยังไงล่ะก็ชุดที่เขาใส่อยู่เป็นชุดที่มองยังไงก็ไม่น่าใช่ชุดผู้ชายเลยสักนิด  ไม่ว่าจะเป็นเสื้อตัวเล็กคล้องคอที่มีเครื่องประดับแพรวพราวที่ปิดบังแค่ช่วงหน้าอก เผยให้เห็นหน้าท้องที่แบนราบของเขาที่ดูไม่ค่อยจะมีกล้ามเนื้อให้สมกับเป็นทหารเสียเท่าไร  กางเกงผ้าแพรสีแดงรัดข้อเท้าที่ถึงแม้จะขายาวแต่ก็ผ่าสูงขึ้นมาถึงช่วงขาบน  ไหนจะผ้าคลุมผมสีแดงที่แสนจะเกะกะและวิกผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าลงมานั้นอีก  ทั้งที่ชุดแบบนี้ควรให้ผู้หญิงใส่มากกว่าแต่ทำไมต้องเป็นเขาล่ะมันไม่ได้น่าดูเลยสักนิดนะหรือจะเป็นเขาคนเดียวที่คิดว่าผู้ชายมาแต่งแบบนี้แล้วมันพิลึก
“ชั้นไม่อนุญาตให้คริสต้าแต่งชุดพรรค์นั้นหรอก   นายใส่ก็ดีแล้ว” เสียงดุของหญิงผู้มีใบหน้าตกกระตอบ  เรื่องอะไรที่ต้องให้ไอพวกขี้หลีพวกนี้มาจ้องมองนางฟ้าของเธอด้วยล่ะ  ร่างกายของคริสต้ามีแค่เธอดูเพียงคนเดียวก็พอแล้ว
“งั้นก็น่าจะให้อาร์มิน มิคาสะ  หรือชาช่าใส่สิ” ในกลุ่มก็มีผู้หญิงคนอื่นอีกเยอะแยะ อีกอย่างถ้าไม่อยากได้ผู้หญิงอาร์มินที่เป็นเด็กผู้ชายแต่มีใบหน้าและท่าทางที่เหมือนกับผู้หญิงที่สุดก็น่าจะเหมาะมากกว่าตัวเขา
“อาร์มินต้องดูแลเรื่องการแสดงและจัดแจงหน้าที่แต่ละคนไม่ว่างขึ้นไปแสดงหรอก ถ้าให้มิคาสะแสดงฉันเกรงว่าพวกหัวหน้าจะคิดว่าเราส่งนักฆ่าขึ้นไปบนเวทีรึเปล่าน่ะสิ  ส่วนชาช่าสำหรับงานเลี้ยงแบบนี้ก็มัวแต่วิ่งวุ่นอยู่กับของกินมากกว่า  เพราะงั้นเอเลนนายเหมาะที่สุดแล้ว”  ชายผู้มีร่างกายกำยำที่สุดในกลุ่มเข้ามาตบบ่าร่างโปร่งเป็นนัยว่าให้ทำใจยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นของเจ้าตัวเสียเถอะ
พวกนายไม่ได้มาแต่งเองเลยพูดได้น่ะสิ  จำไว้เลยนะไอเจ้าพวกบ้า เอเลนที่ไร้ซึ่งหนทางหนีได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตัวเองด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ
“เอเลน   สวยจัง”  เด็กสาวเพื่อนตั้งแต่เด็กอดชื่นชมไม่ได้  ถ้าไม่ติดที่ว่าเพื่อเป็นการเลือกชุดให้ร่างโปร่งใส่แลกกับการที่ยอมให้เอเลนขึ้นไปแสดงเธอคงไม่อยากให้ใครมาเห็นร่างโปร่งในสภาพนี้หรอก
“เป็นคำชมที่ชั้นไม่ดีใจหรอกนะ มิคาสะ”  ตอนนี้เขาอยากจะหนีไปให้ไททันข้างนอกกินให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจริงๆ  นี่เขาต้องออกไปปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในสภาพนี้จริงๆสินะ  อายจนแทบจะมุดแผ่นดินหนีอยู่แล้ว  โดยเฉพาะต่อหน้าหัวหน้ารีไวด้วยแล้วไม่อยากให้มาเห็นเขาในสภาพนี้เลย
พลั่ก!!!
ระหว่างที่ร่างโปร่งกำลังเดินไปมาด้วยความกระวนกระวายและใบหน้าแดงด้วยความอายอยู่นั้น ประตูสีไม้โอ๊คของห้องแต่งตัวชั่วคราวก็เปิดออกกระแทกเต็มหน้าของเขาพอดี
“ขอโทษ!!  ไม่เห็นว่ามีคนอยู่ตรงนี้”  แจนรีบเข้าไปประคองร่างโปร่งที่ก้มหน้าเอามือจับที่หน้าผากของตนเอง  นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆเงยมองคนต้นเหตุ  น้ำตาคลอจากความเจ็บของสันประตูที่กระแทกแสกเข้ากลางหน้า  ร่างสูงจ้องมองคนบาดเจ็บด้วยความเขิน  ในหน่วยสำรวจมีคนที่สวยขนาดนี้อยู่ด้วย  การที่ตัดสินใจเข้าหน่วยแบบนี้ก็มีเรื่องดีๆเหมือนกันแฮะ
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม  ว่าแต่เธอชื่ออะไร?  ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” โหมดจีบสาวของร่างสูงเริ่มทำงานทันที
คนบาดเจ็บเกิดอาการคิ้วกระตุกจ้องหน้ากลับไปอย่างหาเรื่อง “แจนนอกจากนายจะโง่แล้ว  ยังตาถั่วอีกด้วยสินะ”
คำตอบจากสาวน้อยตรงหน้าทำให้แจนครุ่นคิด  เขาเคยไปเจอสาวสวยขนาดนี้ที่ไหนกัน  ถ้าเคยเจอกันเขาก็ไม่น่าจะมีทางลืมคนงามตรงหน้านี่ไปได้หรอกนะ  แต่เราคงเคยเจอกันจริงๆเพราะร่างบางนี้ก็รู้จักชื่อเขาด้วย
“เออ ขอโทษนะเราเคยเจอกันที่ไหนงั้นเหรอ?  คนสวยอย่างเธอฉันไม่น่าจะลืม  ยกโทษให้กับผู้ชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ด้วยนะสาวน้อย” โหมดจีบสาวของร่างสูงนัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงดำเนินต่อไป  พร้อมทั้งเข้าไปประคองมือทั้งสองของร่างบางขึ้นมากุมไว้
สมาชิกทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้แต่กลั้นขำ  อาร์มินและเบลทรูธช่วยกันจับมิคาสะและปิดปากไว้ไม่ให้เข้าไปขัดขวาง  เพราะกำลังสนุกกับละครสดตรงหน้าที่เกิดขึ้น  เว้นแต่เจ้าตัวอีกคนที่ดูท่าจะเริ่มขนลุกขนพองกับคนตรงหน้า
“กแก  ถ้าจะโง่ก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยสิวะ ไอม้านี่!!!!  ร่างบางสลัดมือออกจากคนตรงหน้า  พร้อมเตะส่งหนุ่มขี้หลีอย่างไม่ใยดี
เสียงหัวเราะระเบิดขึ้นจากบรรดาสมาชิกภายในห้อง  ยิ่งทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้สับสน  นี่เขาทำผิดขั้นตอนไปสินะ  มันควรเริ่มจากเขาแนะนำตัวเองอีกรอบและถามชื่ออีกฝ่าย  โหมดหลีหญิงยังคงดำเนินต่อไปในหัวของเด็กหนุ่มผู้ไม่ประสาเอาเสียเลย  ด้วยความเห็นใจและเวทนาทำให้อาร์มินเข้ามาช่วยประคองคนที่ถูกเตะกลิ้งไปอยู่อีกฝากของกำแพง
“แจนครับ  นั่นเอเลนไงครับ” หวังว่าร่างสูงคงจะรู้ตัวเสียทีว่าสาวน้อยที่ตัวเองพยายามตามจีบนั่นเป็นใคร
“เธอชื่อเอเลนงั้นเหรอ  ชื่อเพราะจังเลยนะ”  ถึงแม้ชื่อจะเหมือนกับไอบ้าที่เป็นคู่กัดของเขาก็เถอะ  แต่พอมาอยู่กับสาวน้อยคนนี้แล้วช่างเป็นชื่อที่ฟังดูไพเราะเสียจริง  อาร์มินได้แต่ถอนหายใจกับความโง่หรือจะเรียกว่าความหลงผิดของคนตรงนี้ดี
คำพูดของแจนยิ่งส่งผลให้อวัยวะเบื้องล่างสุดของร่างโปร่งเริ่มมีปฎิกริยา  ถ้ามันจะโง่ขนาดนี้เขาจะช่วยให้ตาสว่างขึ้นเอง  ก่อนที่ร่างโปร่งจะได้เข้าไปถึงเป้าหมายผู้เคราะห์ร้ายพลันเหมือนมีสายลมที่รวดเร็วผ่านร่างเขาไปยังเป้าหมายของเขาเสียก่อน
มิคาสะคว้าจับเข้าที่ศรีษะของร่างสูงฟาดลงติดกับผนังอย่างแรง  ทำให้อาร์มินที่อยู่ข้างกันนั้นถึงกับหน้าถอดสี  เบลทรูธคงไม่สามารถต้านแรงมิคาสะจนได้สินะ
“ถ้าแกยังใช้คำพูดทุเรศแบบนั้นกับเอเลนของชั้นอีกล่ะก็  แม่จะอัดไม่เลี้ยงเลย”  เอเลนของมิคาสะ  ร่างบอบบางใบหน้าหวานนั้น  อย่าบอกนะว่า
“น……..นาย  คือ เอเลน  เยเกอร์?”  ร่างสูงเริ่มมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก  หวังว่าเขาคงจะเข้าใจผิดไปเอง
“ก็เออสิวะ  แกคิดว่าเอเลนไหนล่ะ!!!  คำตอบของใบหน้ามนเหมือนมีฟ้าผ่าเข้ากลางกบาลของชายผู้มีหน้าตาที่จัดได้ว่าหล่อเหลา  แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เหลือเค้าของความมีชีวิตอยู่เท่าไรแล้ว
“ทุกคนครับใกล้จะได้เวลาแล้วเรารีบไปเตรียมตัวรอที่ห้องโถงกันดีกว่า”  สมาชิกทุกคนในห้องเคลื่อนย้ายออกไปเตรียมตัวตามตำแหน่งต่างๆของตนที่ได้รับมอบหมาย  เหลือเพียงก็แต่หนุ่มหล่อผู้โชคร้ายที่ตอนนี้ได้แต่นั่งนิ่งหน้าแดงเถือกทำอะไรไม่ถูกอยู่ภายในห้อง

TBC.

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม 2557 เวลา 18:23

    จะแสดงอะไรละนั่น =A=

    ...ว่าแต่มิคาสะ นี่เธอรู้เรื่องทั้งหมดเลยหรอ
    หรือว่าจะมีความทรงจำทั้งหมด !? *ตะลึง*

    สุดท้ายหัวหน้าโดนประการเพราะไม่ยอมฆ่าเอเลนสินะ TwT

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มิคาสะเก็บงำเรื่องทั้งหมดไว้ค่ะ
      และไม่คิดจะบอกเพราะว่าตอนนี้ก็เห็นว่าเอเลนมีความสุขดี
      แต่โชคชะตาทำให้สุดท้ายเอเลนก็ล่วงรู้จนได้

      ลบ
  2. สงสารแจนตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน 5555555555555555555 ขรรมในความบื้อมากมาย ว่าแต่เอเลนมาแสดงงี้หัวหน้าจะว่าไงน้อออ ><

    ตอบลบ