Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last
Memory
Chapter 4
อากาศปลอดโปร่งในตอนเช้าที่แสนสบายทั้งที่ถ้าเป็นปกติแล้วอากาศแบบนี้ใครหลายๆคนคงอยากที่จะหากิจกรรมสบายๆทำเช่นอ่านหนังสือ หรือออกไปเดินเล่น ยกเว้นแต่ทีมสำรวจเพราะบรรยากาศแบบนี้หัวหน้าทีมผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นชายผู้รักความสะอาดก็ได้จัดแจงงานทำความสะอาดตามจุดต่างๆให้กับคนในหน่วยด้วยเหตุผลที่ว่า
เป็นวันที่เหมาะแก่การทำความสะอาดที่สุด
ร่างโปร่งที่ได้รับมอบหมายให้ซักเครื่องนอนของทุกคนภายในหน่วยกำลังง่วนอยู่กับการตากผ้าบนดาดฟ้าของป้อมปาการของหน่วยสำรวจ
“เอเลน เสร็จจากตรงนั้นมาทานข้าวได้แล้วนะจ๊ะ”
เสียงเรียกจากหญิงสาวหนึ่งเดียวในทีมสำรวจของหัวหน้ารีไวตะโกนขึ้นมาจากสวนกลางป้อมปราการ
“รับทราบครับคุณเพ็ตโทร่า”
เอเลนหอบผ้าปูที่นอนผีนใหญ่ที่กำลังตากเดินไปยังมุมของดาดฟ้าเพื่อขานรับกับเสียงของหญิงสาวที่ตะโกนขึ้นมา
ในระหว่างที่ร่างโปร่งกำลังจะกลับไปเพื่อทำหน้าที่ของตนต่อ
สายลมก็พลันพัดหอบเอาผ้าปูที่ถือไว้นั้นปลิวลอยออกไป
เป็นผลให้เอเลนวิ่งไปคว้าตามสัญชาตญาณโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าขาของเขาก้าวข้ามจุดสิ้นสุดของป้อมแล้ว
“ว๊ายยยเอเลน!!!!!!!!!” เสียงร้องของเพ็ตโทร่าทำให้คนอื่นที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ร่างบางที่ร่วงหล่นหลับตาแน่นเตรียมพร้อมรับแรงกระแทกที่กำลังจะเกิด
ต่อให้เขาจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้แต่ใช่ว่าเขาจะไม่เจ็บสักหน่อยนะ อยู่ๆก็เหมือนมีแขนกำยำเข้ามาคว้าเอวของเขาไว้พลันเหวี่ยงเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่
หลังของเอเลนกระแทกกับพนังของห้องอย่างจัง
ร่างโปร่งอดคิดไม่ได้ว่าระหว่างที่เขาตกลงไปบนพื้นด้านล่างกับถูกช่วยไว้แล้วเหวี่ยงเข้ามากระแทกพนังอิฐนี่อะไรมันจะเจ็บกว่ากัน แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ปลอดภัยดี
ถึงแม้จะจุกจนแทบจะลุกไม่ขึ้นก็เถอะ
“ทำบ้าอะไรของแกวะ
ไอเด็กเวร”นี่ถ้าเขาไม่ได้กำลังใช้เครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติทำความสะอาดหน้าต่างด้านนอกฝั่งตรงข้ามที่ไอเด็กนี่ตกลงมา
ไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมเก็บซากไอเด็กบ้าไปให้ฮันซี่รักษาหรือทดลองรึเปล่า
“ข…ขอโทษครับผมประมาทไปหน่อย” เขาทำให้คนอื่นวุ่นวายอีกแล้ว
ร่างโปร่งรีบก้มหัวสำนึกผิดกับผู้บังคับบัญชาของตนทันที
“ถ้าแกมัวแต่ประมาทก็ไม่พ้นจะเป็นเหยื่อของไอพวกข้างนอกหรอกนะ” นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองร่างโปร่ง เห็นแล้วอดที่จะหงุดหงิดไม่ได้
“แกรีบเอาผ้านั่นไปจัดการซักใหม่ หลังมื้อเที่ยงมาหาชั้นที่ห้องด้วย” ร่างที่ไม่สูงนะแต่แข็งแกร่งเดินออกไป
ร่างโปร่งรับรู้ได้ว่าผู้บังคับบัญชาของตนคงกำลังหงุดหงิดตนเองอยู่ไม่น้อย
เพราะความประมาททำให้คนเราตายมานักต่อนักแล้วซึ่งตัวเขาก็รู้เรื่องนั้นดี
ถ้าไปเจอหัวหน้าแล้วเขาคงต้องยอมโดนเตะเข้าสักทีสองทีล่ะนะ
หลังมื้อเที่ยงผ่านพ้นไปก็ทำให้ร่างโปร่งดูเหมือนจะใจชื่นขึ้นบ้าง
เพราะระหว่างบนโต๊ะอาหารดูเหมือนหัวหน้าเริ่มจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เพราะคนคนนั้นไม่เคยแสดงออกทางสีหน้าเลยยากที่จะปักใจได้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ ร่างโปร่งเดินขึ้นบันไดจนไปถึงห้องทำงานส่วนตัวของหัวหน้าทหารของตน มือบางเคาะประตูเป็นการขออนุญาติต่อเจ้าของห้อง
“ผมเอเลน เยเกอร์
ครับ” เอเลนแนะนำตนเองตามหลักการ
สักพักเสียงอนุญาตจากเจ้าของห้องก็ดังออกมา ทำให้ร่างโปร่งค่อยๆแง้มประตูเข้าไป
“เออ หัวหน้ามีอะไรให้ผมทำเหรอครับ?” ใบหน้ามนถามถึงหน้าที่ที่ควรได้รับของตนทันทีที่เข้ามายืนในห้องของชายผู้แข็งแกร่งที่สุด
“นายเอาเอกสารตรงนั้น และกองหนังสือตรงนั้นตามชั้นมา”
หลังจากสั่งการเสร็จสรรพ
ชายผู้ไม่สูงมากนักก็เดินนำหน้าร่างโปร่งไปอย่างเร็ว
ส่งผลให้เด็กหนุ่มรีบรวบรวมเอกสารบนโต๊ะแล้วเดินตามออกไปอย่างรวดเร็วด้วยเกรงว่าจะคลาดสายตา
ทั้งสองเดินจนมาถึงสวนที่อยู่หลังป้อมปราการ
ใบหน้าคมมองสำรวจรอบๆบริเวณและเดินไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ตอนนี้กิ่งก้านแผ่ขยายเป็นร่มเงาให้หลบร้อนแสงแดดช่วงบ่ายได้เป็นอย่างดี รีไวนั่งไขว้ขาในท่าสบายๆใต้ร่มไม้ใหญ่ มือหนาตบลงที่ว่างข้างๆตน
เป็นการชวนให้อีกฝ่ายที่ตามมานั่งลงข้างๆด้วยกัน
“ทำงานอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมมันน่าเบื่อ นานๆทีเอาออกมาเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ไม่เลว” รีไวหยิบเอกสารที่ให้ร่างบางตรงหน้าหอบหิ้วมา
นัยน์ตาสีขี้เถ้าค่อยๆกวาดตามองรายละเอียดต่างๆของเนื้อหา
“หัวหน้าครับ ให้ผมช่วยอะไรได้บ้างไหมครับ?” คนที่โดนลากให้ตามมาด้วยรีบเอ่ยถาม
“แกแยกเอกสารที่เป็นเรื่องด่วนออกมาก็พอ” นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองเอกสารกองใหญ่ที่ให้ร่างโปร่งหอบมา
เอกสารพวกนี้มีทั้งรายงานต่างๆไปจนถึงหนังสือขอเบิกของและงบประมาณในหน่วย ซึ่งในแต่ละวันก็มีเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อนทั้งเรื่องที่เร่งบ้างไม่เร่งบ้าง
แต่มันยังไม่น่าหงุดหงิดเท่าเรื่องที่ไม่เร่งแต่ปล่อยไว้นานจนบางทีกว่าเอกสารจะเขียนมาถึงมือเขาเวลาก็กระชั้นชิดเข้ามามากแล้ว
และนั่นส่งผลให้ในแต่ละวันเขามีงานที่ยุ่งจนแทบล้นมือเลยทีเดียว นอกจากจะต้องดูแลคนในหน่วย
โดยเฉพาะไอเด็กเหลือขอตรงนี้ ยังจะต้องมาตามเรื่องเอกสารบ้าๆพวกนี้อีกด้วย
“ดอกอัลมอนด์ ไม่ได้เห็นมานานแล้วนะเนี่ย”
เสียงจากร่างบางทำให้ใบหน้าคมละออกจากเอกสารที่อยู่ในมือมองตามนัยน์ตามรกต
“สำหรับผมแล้ว หัวหน้าเหมือนกับดอกอัลมอนด์เลยล่ะครับ” นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ยิ้มระรื่นอย่างสงสัย
ไอเด็กนี่หมายความว่ายังไงจะบอกว่าเขาตัวเล็กแบบไอดอกไม้กลีบเล็กๆนั่นน่ะเหรอ แบบนี้คงต้องลงโทษซะหน่อยแล้วข้อหาไม่รู้จักเด็ก
รู้จักผู้ใหญ่
“เพราะคุณเป็นตัวแทนของความหวังของมนุษยชาติ ผมที่เคยได้แต่เผ้ามองคุณไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถมาอยู่ข้างๆคุณแบบนี้ได้ และคำสัญญาของคุณถ้าวันใดที่ผมหมดความเป็นมนุษย์ไปแล้วคุณจะเป็นคนที่ลงมือฆ่าผมเอง ถ้าวันนั้นมาถึงผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับ” ร่างโปร่งยืดตัวตรงทำท่าเคารพต่อผู้บังคับบัญชาของตน
ถ้าต้องตายด้วยมือคุณแล้วล่ะก็ผมจะไม่มีวันเสียใจเลย
ใบหน้าคมจับจ้องการกระทำของเด็กหนุ่มตรงหน้า
ถึงแม้จะยังเด็กแต่ก็มีความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นที่แรงกล้า ความเชื่อมั่นในตัวของหัวหน้าอย่างเขา แต่อะไรบางอย่างในใจของเขากลับหวั่นไหว ถ้าสักวันเขาต้องฆ่าเอเลนจริงๆ
เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะสามารถทำได้อย่างไม่ลังเลหรือไม่
“หัวหน้าครับ?”
ใบหน้ามนเอ่ยเรียกคนตรงหน้าที่ตอนนี้เหมือนว่าหัวคิ้วจะผูกติดกันยิ่งกว่าปกติ หรือว่าคำพูดของเขาทำให้คนคนนี้หงุดหงิดอย่างนั้นเหรอ? เขาแค่รู้สึกว่าคนนี้คือความเชื่อมั่นและที่ยึดเหนี่ยวที่มั่นคงสำหรับตัวเขาที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าแท้จริงแล้วเป็นตัวอันตรายต่อมนุษยชาติหรือว่าเป็นความหวังของมนุษย์กันแน่
“แกเองก็คงจะเหมือนกับดอกเอลเดอร์” ใบหน้ามนแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างหัวหน้าทหารรีไวจะรู้ความหมายของดอกไม้กับเขาด้วย
“หัวหน้าตั้งใจจะปลอบผมเหรอครับ แหะๆ”
นัยน์ตาสีมรกตส่งยิ้มที่ดูเหงาหงอยให้กับหัวหน้ารีไว
“เพราะแกเป็นคนกระตือรือร้น และเป็นไอเด็กบ้าต่างหากล่ะ”
ใบหน้าเฉยชาอยู่ตลอดเวลาหันกลับไปให้ความสนใจกับเอกสารที่ต้องจัดการตรงหน้า โดยไม่หันกลับมาดูเลยว่าทำใครอีกคนนั้นยิ้มจนหุบไม่อยู่แล้ว
.
.
.
.
หญิงสาวผู้มีเรือนผมสีดำเงางามเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงของเจ้าของห้องผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม เปลือกตาที่ปิดสนิทและลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกได้ชัดว่าเจ้าตัวกำลังจมสู่ห้วงนิทราจนไม่รับรู้ถึงผู้บุกรุกเข้ามาเลย
มือเรียวลูบไล้แผ่วเบาบนเรือนผมของเด็กหนุ่มก่อนเลื่อนมายังสมุดบันทึกปกหนังสีดำที่อยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้า
“ในที่สุดก็เจอจนได้สินะ….คราวนี้นายต้องมีความสุข…… เอเลน” ร่างบอบบางของเด็กสาวเดินออกจากห้องอย่างเงียบเชียบเพราะเกรงว่าคนที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงฝันจะตื่น เธอรู้ดีว่าตอนนี้เอเลนกำลังเจอกับอะไร เพราะนั่นมันอาจจะเรียกได้ว่าเป็นพรหมลิขิตของเด็กหนุ่ม และเธอจะต้องรักษาคำสัญญาที่มีให้ต่อเขาในอดีตกาลให้ได้มิคาสะเดินลงมาชั้นล่างก็พบมารดาของเอเลนกำลังเตรียมตัวส่งสามีของตนไปทำงาน
“มิคาสะ
เอเลนยังไม่ตื่นอีกเหรอจ๊ะ
เด็กคนนี้นี่ไม่ไหวเลยจริงๆ” แต่ไหนแต่ไรเอเลนต้องคอยพึ่งพามิคาสะทุกเรื่อง
ทุกครั้งที่ไปโรงเรียนตั้งแต่เด็กก็ได้มิคาสะเนี่ยล่ะที่ลากจากตัวดีออกจากเตียงเพื่อไปโรงเรียนได้ทุกวัน
ขนาดโตอยู่มหาลัยแล้วนิสัยตรงนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน
ทั้งที่เอเลนก็เป็นเด็กหัวดีแต่ติดตรงที่ชอบพึ่งพาคนอื่นมากเกินไปเนี่ยแหละ
“พอดีเอเลนเขาปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ หนูเลยว่าควรให้เขาพักดีกว่า”
“งั้นพ่อควรขึ้นไปดูเขาหน่อยดีกว่า”
ชายผู้มีอาชีพเป็นถึงแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลเตรียมจะขึ้นไปยังห้องของลูกชายด้วยความเป็นห่วงแต่โดนเด็กสาวขวางไว้เสียก่อน
“หนูว่าเอเลนเขาคงอยากพักผ่อนน่ะค่ะ ได้นอนอีกสักระยะอาการก็ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ อีกอย่างวันนี้เป็นคาบบรรยาย ช่วงเย็นหนูค่อยเอาเล็คเชอร์มาให้เขาได้ค่ะ”
มิคาสะรีบปรามชายตรงหน้าด้วยเกรงว่าจะขึ้นไปขัดความฝันของเด็กหนุ่ม
“ถ้างั้นก็ปล่อยให้นอนไปละกัน เรื่องเรียนก็ฝากด้วยนะมิคาสะ” จากคำบอกของเด็กสาวดูเหมือนว่าลูกชายของตนจะไม่ได้มีอะไรน่าห่วง
กริชาเลยออกจากบ้านไปทำงานตามปกติของตนเช่นเดียวกับมิคาสะที่ไปมหาลัยเพื่อเข้าเรียนแทนในส่วนของคนที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติด้วย
“อะไรนะ!! วันนี้เอเลนไม่มา
ตั๋วหนังที่ได้มาวันนี้ก็เป็นหมันน่ะสิ”
จากคำบอกเล่าของมิคาสะดูเหมือนเอเลนจะไม่สบายเลยทำให้ไม่มาเรียนในวันนี้หลังจากที่ไปดักรออยู่ตรงลานจอดรถแล้วก็ต้องพบว่าวันนี้มีมิคาสะขับรถมาเรียนคนเดียวไม่เห็นเด็กหนุ่มอีกคนที่จะมาพร้อมกันเสมอๆ
แล้วไอแผนขั้นที่หนึ่งที่อาร์มินกับมาร์โกแนะนำให้พวกเขาไปดูหนังด้วยกันสองต่อสองล่ะ แบบนี้ก็ไม่ได้ใช้น่ะสิ
เสียดายตั๋วหนังที่อาร์มินอุส่าห์ไปถ่อซื้อมาให้หลังจากวางแผนเสร็จ
“เอาน่ะครับ
โอกาสหน้ายังมีแหละครับแจน”
อาร์มินเข้ามาตบบ่าร่างสูงเพื่อเป็นการปลอบใจแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะหดหู่ยิ่งกว่าเดิม ทำไมพอตั้งใจจะจีบแค่แผนแรกก็ล้มไม่เป็นท่าซะแล้ว
“แล้วจะทำยังไงกับตั๋วนี้ดีล่ะ มันต้องใช้วันนี้เท่านั้นด้วย”
นอกจากจะแผนล้มไม่เป็นท่าแล้วนี่เขายังจะต้องมาเสียตังค์ฟรีกับหนังที่ไม่มีคนไปดูด้วยเหรอเนี่ย
“งั้นเอางี้เราก็ไปดูเรื่องนี้กันทั้งหมดเลย
ส่วนตั๋วอีกใบที่เหลืออยู่ก็ให้มิคาสะไปละกันนะ”
ชายหนุ่มผมทองผู้มีร่างกายกำยำที่สุดเสนอ
“หมายความว่ายังไงว่าเราไปกันทั้งหมด นี่พวกนายมีตั๋วกันด้วยหรือไง?”
คำถามของแจนทำให้ไรเนอร์เบลทรูธ
แอนนี่ มาร์โก ชาช่า และโคนี่ยื่นตั๋วหนังเรื่องเดียวกัน
รอบเดียว และที่นั่งติดกันออกมาให้ดู ทำให้ร่างสูงเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมาทันที
“เฮ้ย!!! ไหนแกบอกว่ามันเหลือแค่สองใบสุดท้ายหมายความว่าไงวะอาร์มิน!!!!” นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองไปยังเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มอย่างตั้งข้อสงสัย
ไหนอาร์มินมันบอกว่าให้เขาไปดูหนังกับเอเลนสองต่อสองเพื่อสร้างบรรยากาศและความทรงจำต่อให้หนังเรื่องที่ดูจะเป็นหนังบู๊เรื่อง
‘อภินิหารไททันปะทะก็อตซิล่าเหินเวหา ตอนศึกชิงเจ้ายุทธภพ’ ก็เถอะนะ แล้วไอแบบนี้มันหมายความว่ายังไง…..
“ทุกคนครับได้เวลาเข้าเรียนแล้วเราควรแยกย้ายกันได้แล้วนะ พวกเราควรรีบไปก่อนที่มิคาสะจะสงสัยดีกว่าครับ”
เด็กหนุ่มนัยน์ตาฟ้ารีบฉุดลากเพื่อนๆของตนวิ่งไปยังห้องเรียน โดยมีคุณชายแจนวิ่งตะโกนตามมาเป็นระยะ จะให้บอกได้ยังไงล่ะว่าเรื่องสนุกแบบนี้ถ้าพลาดก็น่าเสียดายแย่…..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เสียงสังสรรค์ฮาเฮดังครื้นเครงภายในห้องโถงป้อมปราการเก่าที่ถูกทำความสะอาดจนเหมือนใหม่ ค่ำคืนนี้จะมีการเลี้ยงฉลองต้อนรับทหารใหม่ที่เข้าร่วมหน่วยสำรวจ พร้อมทั้งเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทหารเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจในวันพรุ่งนี้
“เอเลนช่วยอยู่นิ่งๆสักครู่สิคะไม่อย่างนั้นก็ทำผมไม่ได้กันพอดี”
สาวน้อยเพียงหนึ่งเดียวที่มีความเป็นผู้หญิงมากที่สุดในทหารฝึกรุ่น 104 ปรามคนตรงหน้าที่ไม่ยอมอยู่เฉยให้เธอจับแต่งตัวให้เสร็จเสียที
ทั้งที่เวลาก็เริ่มใกล้เข้ามาแล้วกว่าที่เธอจะจับเจ้าคนดื้อด้านแต่งตัวและรวบผมครึ่งหนึ่งขึ้นไปได้นั้นก็กินเวลาอยู่มากทีเดียว
“ทำไมพวกนายไม่ให้คริสต้าขึ้นไปแสดงล่ะ
ออกจะเหมาะสมกว่าด้วยซ้ำ” ใบหน้ามนขึ้นสีด้วยความอาย ก็จะไม่ให้เขาอายได้ยังไงล่ะก็ชุดที่เขาใส่อยู่เป็นชุดที่มองยังไงก็ไม่น่าใช่ชุดผู้ชายเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อตัวเล็กคล้องคอที่มีเครื่องประดับแพรวพราวที่ปิดบังแค่ช่วงหน้าอก
เผยให้เห็นหน้าท้องที่แบนราบของเขาที่ดูไม่ค่อยจะมีกล้ามเนื้อให้สมกับเป็นทหารเสียเท่าไร กางเกงผ้าแพรสีแดงรัดข้อเท้าที่ถึงแม้จะขายาวแต่ก็ผ่าสูงขึ้นมาถึงช่วงขาบน ไหนจะผ้าคลุมผมสีแดงที่แสนจะเกะกะและวิกผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่าลงมานั้นอีก
ทั้งที่ชุดแบบนี้ควรให้ผู้หญิงใส่มากกว่าแต่ทำไมต้องเป็นเขาล่ะมันไม่ได้น่าดูเลยสักนิดนะหรือจะเป็นเขาคนเดียวที่คิดว่าผู้ชายมาแต่งแบบนี้แล้วมันพิลึก
“ชั้นไม่อนุญาตให้คริสต้าแต่งชุดพรรค์นั้นหรอก นายใส่ก็ดีแล้ว”
เสียงดุของหญิงผู้มีใบหน้าตกกระตอบ
เรื่องอะไรที่ต้องให้ไอพวกขี้หลีพวกนี้มาจ้องมองนางฟ้าของเธอด้วยล่ะ
ร่างกายของคริสต้ามีแค่เธอดูเพียงคนเดียวก็พอแล้ว
“งั้นก็น่าจะให้อาร์มิน
มิคาสะ หรือชาช่าใส่สิ”
ในกลุ่มก็มีผู้หญิงคนอื่นอีกเยอะแยะ อีกอย่างถ้าไม่อยากได้ผู้หญิงอาร์มินที่เป็นเด็กผู้ชายแต่มีใบหน้าและท่าทางที่เหมือนกับผู้หญิงที่สุดก็น่าจะเหมาะมากกว่าตัวเขา
“อาร์มินต้องดูแลเรื่องการแสดงและจัดแจงหน้าที่แต่ละคนไม่ว่างขึ้นไปแสดงหรอก
ถ้าให้มิคาสะแสดงฉันเกรงว่าพวกหัวหน้าจะคิดว่าเราส่งนักฆ่าขึ้นไปบนเวทีรึเปล่าน่ะสิ ส่วนชาช่าสำหรับงานเลี้ยงแบบนี้ก็มัวแต่วิ่งวุ่นอยู่กับของกินมากกว่า เพราะงั้นเอเลนนายเหมาะที่สุดแล้ว”
ชายผู้มีร่างกายกำยำที่สุดในกลุ่มเข้ามาตบบ่าร่างโปร่งเป็นนัยว่าให้ทำใจยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นของเจ้าตัวเสียเถอะ
พวกนายไม่ได้มาแต่งเองเลยพูดได้น่ะสิ จำไว้เลยนะไอเจ้าพวกบ้า
เอเลนที่ไร้ซึ่งหนทางหนีได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมของตัวเองด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ
“เอเลน สวยจัง”
เด็กสาวเพื่อนตั้งแต่เด็กอดชื่นชมไม่ได้
ถ้าไม่ติดที่ว่าเพื่อเป็นการเลือกชุดให้ร่างโปร่งใส่แลกกับการที่ยอมให้เอเลนขึ้นไปแสดงเธอคงไม่อยากให้ใครมาเห็นร่างโปร่งในสภาพนี้หรอก
“เป็นคำชมที่ชั้นไม่ดีใจหรอกนะ
มิคาสะ”
ตอนนี้เขาอยากจะหนีไปให้ไททันข้างนอกกินให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจริงๆ
นี่เขาต้องออกไปปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในสภาพนี้จริงๆสินะ อายจนแทบจะมุดแผ่นดินหนีอยู่แล้ว โดยเฉพาะต่อหน้าหัวหน้ารีไวด้วยแล้วไม่อยากให้มาเห็นเขาในสภาพนี้เลย
พลั่ก!!!
ระหว่างที่ร่างโปร่งกำลังเดินไปมาด้วยความกระวนกระวายและใบหน้าแดงด้วยความอายอยู่นั้น
ประตูสีไม้โอ๊คของห้องแต่งตัวชั่วคราวก็เปิดออกกระแทกเต็มหน้าของเขาพอดี
“ขอโทษ!! ไม่เห็นว่ามีคนอยู่ตรงนี้” แจนรีบเข้าไปประคองร่างโปร่งที่ก้มหน้าเอามือจับที่หน้าผากของตนเอง นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆเงยมองคนต้นเหตุ น้ำตาคลอจากความเจ็บของสันประตูที่กระแทกแสกเข้ากลางหน้า ร่างสูงจ้องมองคนบาดเจ็บด้วยความเขิน ในหน่วยสำรวจมีคนที่สวยขนาดนี้อยู่ด้วย
การที่ตัดสินใจเข้าหน่วยแบบนี้ก็มีเรื่องดีๆเหมือนกันแฮะ
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม ว่าแต่เธอชื่ออะไร? ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” โหมดจีบสาวของร่างสูงเริ่มทำงานทันที
คนบาดเจ็บเกิดอาการคิ้วกระตุกจ้องหน้ากลับไปอย่างหาเรื่อง
“แจนนอกจากนายจะโง่แล้ว
ยังตาถั่วอีกด้วยสินะ”
คำตอบจากสาวน้อยตรงหน้าทำให้แจนครุ่นคิด เขาเคยไปเจอสาวสวยขนาดนี้ที่ไหนกัน
ถ้าเคยเจอกันเขาก็ไม่น่าจะมีทางลืมคนงามตรงหน้านี่ไปได้หรอกนะ แต่เราคงเคยเจอกันจริงๆเพราะร่างบางนี้ก็รู้จักชื่อเขาด้วย
“เออ ขอโทษนะเราเคยเจอกันที่ไหนงั้นเหรอ? คนสวยอย่างเธอฉันไม่น่าจะลืม
ยกโทษให้กับผู้ชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ด้วยนะสาวน้อย”
โหมดจีบสาวของร่างสูงนัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงดำเนินต่อไป พร้อมทั้งเข้าไปประคองมือทั้งสองของร่างบางขึ้นมากุมไว้
สมาชิกทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้แต่กลั้นขำ อาร์มินและเบลทรูธช่วยกันจับมิคาสะและปิดปากไว้ไม่ให้เข้าไปขัดขวาง เพราะกำลังสนุกกับละครสดตรงหน้าที่เกิดขึ้น
เว้นแต่เจ้าตัวอีกคนที่ดูท่าจะเริ่มขนลุกขนพองกับคนตรงหน้า
“ก…แก
ถ้าจะโง่ก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยสิวะ ไอม้านี่!!!!” ร่างบางสลัดมือออกจากคนตรงหน้า พร้อมเตะส่งหนุ่มขี้หลีอย่างไม่ใยดี
เสียงหัวเราะระเบิดขึ้นจากบรรดาสมาชิกภายในห้อง ยิ่งทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้สับสน นี่เขาทำผิดขั้นตอนไปสินะ
มันควรเริ่มจากเขาแนะนำตัวเองอีกรอบและถามชื่ออีกฝ่าย โหมดหลีหญิงยังคงดำเนินต่อไปในหัวของเด็กหนุ่มผู้ไม่ประสาเอาเสียเลย
ด้วยความเห็นใจและเวทนาทำให้อาร์มินเข้ามาช่วยประคองคนที่ถูกเตะกลิ้งไปอยู่อีกฝากของกำแพง
“แจนครับ นั่นเอเลนไงครับ” หวังว่าร่างสูงคงจะรู้ตัวเสียทีว่าสาวน้อยที่ตัวเองพยายามตามจีบนั่นเป็นใคร
“เธอชื่อเอเลนงั้นเหรอ ชื่อเพราะจังเลยนะ” ถึงแม้ชื่อจะเหมือนกับไอบ้าที่เป็นคู่กัดของเขาก็เถอะ
แต่พอมาอยู่กับสาวน้อยคนนี้แล้วช่างเป็นชื่อที่ฟังดูไพเราะเสียจริง
อาร์มินได้แต่ถอนหายใจกับความโง่หรือจะเรียกว่าความหลงผิดของคนตรงนี้ดี
คำพูดของแจนยิ่งส่งผลให้อวัยวะเบื้องล่างสุดของร่างโปร่งเริ่มมีปฎิกริยา ถ้ามันจะโง่ขนาดนี้เขาจะช่วยให้ตาสว่างขึ้นเอง
ก่อนที่ร่างโปร่งจะได้เข้าไปถึงเป้าหมายผู้เคราะห์ร้ายพลันเหมือนมีสายลมที่รวดเร็วผ่านร่างเขาไปยังเป้าหมายของเขาเสียก่อน
มิคาสะคว้าจับเข้าที่ศรีษะของร่างสูงฟาดลงติดกับผนังอย่างแรง ทำให้อาร์มินที่อยู่ข้างกันนั้นถึงกับหน้าถอดสี เบลทรูธคงไม่สามารถต้านแรงมิคาสะจนได้สินะ
“ถ้าแกยังใช้คำพูดทุเรศแบบนั้นกับเอเลนของชั้นอีกล่ะก็ แม่จะอัดไม่เลี้ยงเลย” เอเลนของมิคาสะ ร่างบอบบางใบหน้าหวานนั้น อย่าบอกนะว่า
“น……..นาย คือ เอเลน เยเกอร์?”
ร่างสูงเริ่มมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หวังว่าเขาคงจะเข้าใจผิดไปเอง
“ก็เออสิวะ แกคิดว่าเอเลนไหนล่ะ!!!” คำตอบของใบหน้ามนเหมือนมีฟ้าผ่าเข้ากลางกบาลของชายผู้มีหน้าตาที่จัดได้ว่าหล่อเหลา
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เหลือเค้าของความมีชีวิตอยู่เท่าไรแล้ว
“ทุกคนครับใกล้จะได้เวลาแล้วเรารีบไปเตรียมตัวรอที่ห้องโถงกันดีกว่า” สมาชิกทุกคนในห้องเคลื่อนย้ายออกไปเตรียมตัวตามตำแหน่งต่างๆของตนที่ได้รับมอบหมาย
เหลือเพียงก็แต่หนุ่มหล่อผู้โชคร้ายที่ตอนนี้ได้แต่นั่งนิ่งหน้าแดงเถือกทำอะไรไม่ถูกอยู่ภายในห้อง
TBC.
จะแสดงอะไรละนั่น =A=
ตอบลบ...ว่าแต่มิคาสะ นี่เธอรู้เรื่องทั้งหมดเลยหรอ
หรือว่าจะมีความทรงจำทั้งหมด !? *ตะลึง*
สุดท้ายหัวหน้าโดนประการเพราะไม่ยอมฆ่าเอเลนสินะ TwT
มิคาสะเก็บงำเรื่องทั้งหมดไว้ค่ะ
ลบและไม่คิดจะบอกเพราะว่าตอนนี้ก็เห็นว่าเอเลนมีความสุขดี
แต่โชคชะตาทำให้สุดท้ายเอเลนก็ล่วงรู้จนได้
สงสารแจนตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน 5555555555555555555 ขรรมในความบื้อมากมาย ว่าแต่เอเลนมาแสดงงี้หัวหน้าจะว่าไงน้อออ ><
ตอบลบ