วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory Chapter 5



Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory
Chapter 5

นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่เฉยเมยอยู่ตลอดเวลาสาดส่องไปทั่วบริเวณห้องโถงที่จัดงานเลี้ยง  เพื่อมองหาคนในความรับผิดชอบพิเศษของตน  ไปอยู่ไหนกันนะไอเด็กเวรนั่น  ทำไมเวลาจะไปไหนหรือทำอะไรไม่มารายงานเขา แบบนี้ควรได้รับการสั่งสอนเสียใหม่มันจะได้ใจเกินไปแล้วไอเด็กเวร!!
“กำลังหาอะไรอยู่น่ะรีไว  นายไม่มาสนุกกับปาร์ตี้หน่อยล่ะ?”  หญิงสาวร่างโปร่งผมสีน้ำตาลสวมแว่นตาพูดพลางเข้าไปกอดคอคนที่สูงน้อยกว่า  ที่ดูเหมือนตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยงมาคนคนนี้ก็เดินไปทั่วงานเหมือนกับกำลังหาอะไรบางอย่างไม่ได้จะสนใจบรรยากาศที่สนุกสนานของค่ำคืนนี้เสียเลย
“หาไอเด็กเวรนั่นน่ะสิ  ไม่รู้หายหัวไปไหน”  คนสูงน้อยกว่าแสดงท่าทีหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด  จึงไม่แปลกเลยที่ตั้งแต่งานเลี้ยงเริ่มใครต่อใครก็ไม่กล้าเข้ามาพูดคุยหรือทักทายเลยสักคนคงเพราะสัมผัสได้ถึงรังสีไม่เป็นมิตรที่แผ่ออกมา  ยกเว้นเพื่อนที่รู้จักกันมานานอย่างฮันซี่  โซเอะ  ที่มองว่าอารมณ์ที่คาดเดาได้ยากของคนคนนี้เป็นเรื่องที่น่าสนุกอยู่เสมอ
“นี่นายหาเอเลนอยู่งั้นสิ  ชั้นว่าเขาคงไปรวมกลุ่มกับเพื่อนเพื่อเตรียมการแสดงในคืนนี้มากกว่า พูดถึงการแสดงของเอเลนแล้วตื่นเต้นจัง ถ้าเอเลนแสดงอะไรที่เกี่ยวกับไททันล่ะก็ฉันต้องรีบไปหาสมุดบันทึกมาเพิ่มซะแล้วฮี่ฮี่” ไม่รู้ว่าหญิงสาวผู้คลั่งไททันคนนี้จินตนาการอะไร  แต่ใบหน้าที่ขึ้นสีและท่าทางแบบนั้นไม่ได้ชวนให้น่าเข้าใกล้หรืออยากรู้ความคิดของเธอเลยสักนิด
ไอเด็กเหลือขอนั่นไปเตรียมงานสำหรับคืนนี้งั้นสิ  แต่ก็ควรรายงานเขาที่เป็นคนรับผิดชอบเสียบ้าง ความหงุดหงิดของชายร่างเล็กแต่แข็งแกร่งเริ่มเบาบางลง  ทำไมต้องหงุดหงิดขนาดนี้เพียงแค่ไม่เห็นไอเด็กนั่นอยู่ในสายตาและไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่  อาจเป็นเพราะการดูแลเด็กนั่นมันเป็นหน้าที่  พอไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ที่ไหนเลยชวนให้รู้สึกหงุดหงิดสินะ
“เออใช่ เอลวินมาแล้วนะ  ให้มาตามนายไปที่โต๊ะได้แล้ว”หญิงสาวร่างโปร่งเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่ผู้ซื่งเป็นหัวหน้าของหน่วยฝากวานมา
“งั้นเหรอ” ชายหนุ่มเดินกลับไปยังที่นั่งของตนเองซึ่งอยู่ด้านหน้าสุดของลานการแสดงที่ตอนนี้ ออลโอ และ กุนเธอร์กำลังพยามเล่นกลเอากระต่ายออกมาจากหมวก  แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นคณะตลกไปแล้วเสียมากกว่าเมื่อกระต่ายตัวนั้นกระโดดไปมารอบๆลานและไม่ยอมให้จับง่ายๆเสียด้วย จากมายากลเลยกลายเป็นการตะลุมบอนจับกระต่ายขนาดย่อมแทน

“นายควรจะรู้จักผ่อนคลายบ้างนะรีไว”  ชายหนุ่มผมทองผู้มีตำแหน่งสูงที่สุดแห่งหน่วยสำรวจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทหารเอกของตนเดินกลับมาที่โต๊ะและนั่งลงด้วยสีหน้านิ่งเฉยเหมือนเคย  ถึงแม้จะเป็นเรื่องปกติกับการแสดงสีหน้าของชายผู้แข็งแกร่งคนนี้  แต่นานๆทีก็เขาก็อยากเห็นสีหน้าและท่าทางสบายๆของเจ้าตัวบ้าง และมันก็อาจทำให้ใครหลายๆคนเข้าใกล้คนนี้ง่ายขึ้นด้วย  มีแค่คนไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าภายใต้หน้าตาที่เย็นชาและไร้อารมณ์นั้นแท้จริงแล้วเป็นคนที่ใส่ใจคนรอบข้างมากขนาดไหน
“ชั้นก็ผ่อนคลายอยู่นะเอลวิน”  ก็เป็นท่าทางปกติของเขาทุกครั้ง  คนรอบตัวน่าจะชินกันได้แล้ว  การที่มาคอยบอกให้เขาแสดงสีหน้าและอารมณ์เสียบ้างเนี่ยไม่เบื่อกันมั่งเลยหรือไง  โดยเฉพาะเอลวินกับฮันซี่ที่รู้จักกันมานาน
“นั่นน่ะสินะ  ขนาดเรื่องแบบนั้น……ทุกครั้งนายก็ยังคงเฉยชาอยู่เสมอ” นัยน์ตาสีฟ้าที่สงบนิ่งจ้องไปยังคนที่ตัวเล็กกว่าอย่างมีนัยแฝง  เรื่องที่รู้กันเพียงแค่เขากับเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้
“น่ารำคาญน่าเอลวิน” มือหยาบจากการรบมานับครั้งไม่ถ้วนคว้าคอเสื้อของผู้มียศสูงกว่า  นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองด้วยความรำคาญกับท่าทีและคำพูดของชายตรงหน้า  เอลวิน เป็นคนที่สามารถเชื่อใจและไว้วางใจในการตัดสินใจสิ่งต่างๆได้ดี  แต่สำหรับคนที่ค่อนข้างรักสันโดษอย่างเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าคนสูงใหญ่ตรงนี้บางครั้งก็น่ารำคาญไม่น้อย
“ขอโทษนายด้วยละกันรีไว”  เอลวินจัดแจงปกเสื้อของตัวเองให้เข้าที่ พร้อมส่งยิ้มบางให้คนที่ตัวเล็กกว่า  ไม่ว่าจะผ่านไปนานขนาดไหนก็ไม่เปลี่ยนเลยนะ  ฉันล่ะอยากเห็นคนที่ทำให้นายเปลี่ยนแปลงและเปิดใจได้จริงๆเลย……รีไว
ฉับพลันแสงในห้องโถงที่กำลังครื้นเครงอยู่นั้นก็พลันดับลง  ด้วยความตกใจของเหล่าผู้ร่วมงานต่างเริ่มมีเสียงเอะอะโวยวาย  ด้วยเกรงกลัวว่าคืนนี้จะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น  ก่อนที่ความอลหม่านจะบังเกิด  แสงสว่างจากไฟดวงหนึ่งที่ดูเหมือนจงใจจัดฉากได้ส่องแสงไปยังจุดกลางของลานแสดงพร้อมกลิ่นหอมของกลีบดอกไม้ที่ร่วงโปรยปรายราวกับหยาดฝนที่ตกลงมา  สายตาทุกคู่ล้วนมองจับจ้องไปยังปลายแสงและฉากที่ถูกจัดวางมาอย่างดี ผู้ร่วมงานต่างต้องตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็นอย่างไม่เชื่อสายตาของตนเอง  ร่างโปร่งในชุดผ้าแพรสีแดงที่เคลื่อนไหวตีลังกาลงมาพร้อมกับดอกไม้ที่ร่วงโปรยปรายจากเพดานสูงด้วยเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติช่างดูดุดันและน่าไขว่คว้า  ผ้าแพรสีแดงที่ปิดบังใบหน้าทำให้ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นใคร  แต่ช่างขับนัยน์ตาสีเขียวมรกตให้ดูสวยงามเด่นชัดและเย้ายวนสะกดผู้ร่วมงานทุกคนจนเกือบลืมหายใจ  แม้กระทั่งชายผู้ที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดของมนุษยชาติและขึ้นชื่อในเรื่องความเฉยชาก็ยังถูกสิ่งเย้ายวนที่เห็นสะกดให้มองอย่างไม่อาจที่จะละสายตา  เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนถูกดึงดูด  เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเกือบลืมหายใจ  เป็นครั้งแรกที่รู้สึกตื่นเต้นกับภาพที่เห็น ซึ่งไม่ได้มาจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงหรือว่าความรู้สึกยามต่อสู้   และเป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าภายในอกนั้นสั่นไหว  โดยเฉพาะกับนัยน์ตาสีมรกตที่รู้สึกคุ้นเคย
อ๊ากกกก!!  อยากจะวิ่งไปให้ไททันกินตอนนี้เลยจริงๆสาบานได้  ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะที่ต้องมาแสดงอะไรบ้าๆแบบนี้  แถมอาร์มินนายจะจัดฉากการเปิดตัวให้มันอลังการงานสร้างขนาดนี้ทำม๊ายยยย!!!!ดีนะที่คว้าผ้าแพรที่เหลือมาปิดบังหน้าได้  ก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่มีใครจำเขาได้สักคน  เรื่องที่น่าอายแบบนี้ขออย่าให้มีใครจำได้เลยว่าเขาคือใคร  ร่างโปร่งได้แต่สวดอ้อนวอนภาวนาในใจกับสิ่งที่เจ้าตัวต้องทำ  เขาหมายมั่นแล้วว่าจบงานนี้เมื่อไรคงต้องขอคิดบัญชีรายคนกับบรรดาเพื่อนๆทั้งหมดของเขาเสียหน่อย
ร่างบางเมื่อลงมาถึงลานการแสดงก็ถอดเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติของตนออก  เสียงเพลงบรรเลงดังขึ้นเพื่อบอกให้รู้ว่าการแสดงกำลังดำเนินอยู่  มือเรียวคว้าดาบโค้งร่ายรำตามแบบอย่างในหนังสือที่อาร์มินได้ไปค้นเจอมา  ซึ่งกล่าวว่าเป็นการแสดงของชาวตะวันออกที่หาดูยากและหายสาบสูญไปเสียแล้ว  ร่างโปร่งตวัดดาบตามท่วงทำนองของจังหวะเพลง สักพักก็มีดาบอีกเล่มโยนเข้ามาสู่ลาน  ร่างบางหมุนตัวแล้วคว้ารับดาบอีกเล่มที่ถูกโยนเข้ามาตามจังหวะได้อย่างแม่นยำสวยงาม  มือเรียวจับดาบทั้งสองวาดลวดลายไปตามท่วงทำนองของเพลง  หน้าท้องที่เผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อที่มีอยู่บ้างเล็กน้อยเคลื่อนไหวไปตามจังหวะ  สะโพกมนโยกย้ายซ้ายขวาเข้ากับท่วงทำนอง  ช่างเป็นการแสดงที่เย้ายวนแต่ก็ดูมีพลังจากการใช้ท่าศิลปะการต่อสู้ร่วมด้วย
“ว้าว  กลุ่มทหารใหม่นี่ไม่เบาเลยแฮะ ไม่คิดว่าจะมีคนที่มีเสน่ห์ขนาดนี้เข้าร่วมหน่วยของเรา  นายว่าคนที่แสดงอยู่เป็นใครน่ะมิเกะ?”  ฮันซี่ทึ่งกับการแสดงของเด็กใหม่ในหน่วยอย่างมาก  ไม่คิดว่าเวลาเพียงไม่กี่วันทุกคนจะร่วมมือกันจนการแสดงออกมาดีได้ขนาดนี้  ช่างเป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงที่น่าจับตามองเสียจริง
“จากกลิ่น เป็นเอเลนไม่ผิดแน่”  คำตอบจากชายผู้ขึ้นชื่อเรื่องความพิเศษในการแยกแยะกลิ่นต่างๆได้ดีทำให้ผู้ร่วมโต๊ะต่างตกใจกับชื่อของคนที่กำลังแสดง
“เอเลน  เด็กคนนั้นน่ะเหรอ”  เอลวินถึงกับตกตะลึงเช่นกัน  ไม่คิดว่าเด็กอายุ 15 จะมีเสน่ห์ที่ดึงดูดและน่าหลงใหลขนาดนี้  นัยน์ตาสีฟ้าเย็นเหลือบมองไปยังคนตัวเล็กกว่าที่นั่งอยู่ข้างตน  ถึงสีหน้าจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากแต่ก็รับรู้ได้ว่าคนคนนี้ก็มีปฏิกิริยาและสนใจ บุคคลที่กำลังแสดงอยู่ไม่น้อยทีเดียว  ถึงขนาดที่ทำให้คนเย็นชาอยู่เสมออย่างรีไวสนใจได้เจ้าเด็กนี่น่าสนใจทีเดียว
                การแสดงดำเนินมาจนถึงช่วงสุดท้ายมือเรียวโยนแอปเปิ้ลขึ้นไปกลางอากาศ  ใบมีดคมตวัดไปมาด้วยความเร็วผ่านลูกแอปเปิ้ลลูกนั้นก่อนตกลงในจานที่ถือรองรับไว้  แอปเปิ้ลแยกตัวออกจากกันเป็นชิ้นๆจัดเรียงสวยงามอยู่ในจาน แสดงถึงความคมของดาบและความสามารถของการใช้ดาบของผู้แสดงได้เป็นอย่างดี
                เสียงปรบมือและเสียงชื่นชมดังกึกก้องไปทั่วห้องโถง  ทุกคนต่างพึงพอใจกับการแสดงเป็นอย่างมาก  ถึงแม้คนแสดงจะหน้าขึ้นสีด้วยความอายแต่ก็อดที่จะรู้สึกดีด้วยไม่ได้  ร่างโปร่งนำจานแอปเปิ้ลไปวางที่โต๊ะรวมของบรรดาหัวหน้าซึ่งอยู่ด้านหน้าติดกับลานแสดง นัยน์ตาสีมรกตเผลอสบตากับนัยน์ตาสีขี้เถ้าที่แสนเย็นชายิ่งส่งผลให้หน้าของเขาร้อนผ่าวยิ่งขึ้นใบหน้ามนรีบโค้งศีรษะนอบน้อมกับทุกคนที่อยู่ในโต๊ะ  ก่อนจะค่อยๆหันหลังและรีบเดินจากไป  อายชะมัด!!ขออย่าให้รู้เลยว่าเขาเป็นใคร!!
                ร่างบางรีบเดินหมายจะรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของตน  แต่ข้อมือบางถูกคว้าไว้ได้เสียก่อน
                “คนสวย  จะรีบไปหนายยย  มานั่งข้างๆพี่ชายก่อนนน”  ทหารคนหนึ่งที่เมามายจากการดื่มสุราสังสรรค์คว้าข้อมือและโอบเอวของเอเลนไว้
                เหม็นเหล้าชะมัด!!  ร่างโปร่งพยายามสลัดคนเมาที่เข้ามาให้ออกไปตนเอง  เมาขนาดนี้ทำไมแรงยังเยอะอีกวะ!!
                “อยู่นิ่งๆแล้วมารินเหล้าให้พี่ตรงนี้ดีกว่านะจ๊ะ” ยิ่งสะบัดให้หลุดออก  แต่คนเมาก็ยิ่งจับข้อมือของร่างบางแน่นขึ้น 
ไอขี้เมาทนไม่ไหวแล้วนะโว๊ย!!
ผั๊วะ!!!!
ก่อนที่เอเลนจะถีบคนเมาออกไป  ก็ได้มีฝ่าเท้าฟาดลงที่หัวของชายคนนั้น  จนถึงกับหล่นลงไปกองกับพื้น
“ใครวะ!!!หัวหน้า!!!  คนเมาที่ตอนนี้เริ่มสร่างจากลูกเตะที่ที่ฟาดลงมาหน้าที่ตอนแรกขึ้นสีจากความเมาเริ่มซีดเมื่อเห็นว่าคนกระทำคือผู้บังคับบัญชาของตน
                “เออ  ชั้นเอง” ฝ่าเท้าหนักหน่วงและรวดเร็วของรีไวถูกส่งไปให้ชายที่กำลังนอนกลิ้งอยู่กับพื้นชุดใหญ่ จนหนุ่มผู้โชคร้ายฟันหลุดกระเด็น เลือดไหลกลบปาก และจุกเกินกว่าจะพูดออก  ก่อนจะจบลงด้วยการเหยียบกระแทกที่หน้าซ้ำอย่างแรงเพื่อสั่งสอน “ชั้นจำไม่ได้ว่าเคยอนุญาตให้พวกแกบังคับใครมานั่งรินเหล้าให้”
                มือหยาบคว้าร่างบางที่กำลังตกใจแล้วลากออกจากห้องโถงที่จัดงานไป
                “เอาซะเละเลย  ท่าทางต้องให้หมอนี่พักฟื้นสักสองสามวัน  ไม่คิดเลยว่ารีไวจะเล่นแรงขนาดนี้”  ฮันซี่เข้ามาดูอาการของชายผู้โชคร้าย และสั่งให้ทหารคนอื่นลากเจ้าคนซวยไปทำแผล
                “นั่นน่ะสินะ  อันตรายจริงๆเลย” เอลวิน คลี่ยิ้มบางก่อนจะค่อยๆยกไวน์ขึ้นดื่ม  อันตรายสำหรับคนที่เข้าไปแตะต้องของสำคัญของคนอื่นอย่างไม่ระวัง  อันตรายสำหรับความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นและดูเหมือนจะยังไม่รู้ตัวทั้งสองฝ่าย
                ร่างบางถูกดึงขึ้นไปตามบันไดเรื่อยๆ จนไปถึงดาดฟ้าของป้อมปราการ  มือกร้านนั่นจึงยอมปล่อยมือของเขา ขาก็ไม่ได้ยาวแต่ทำไมหัวหน้าเดินเร็วนักนะ  เขาหอบหายใจอยู่สักพักจึงสังเกตุเห็นว่าคนที่ลากตนเองมากำลังนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่  ร่างโปร่งค่อยๆเดินไปนั่งข้างๆกับชายหนุ่มผู้แข็งแกร่ง
                บนดาดฟ้าแม้ไม่มีแสงไฟจากตะเกียง  แต่แสงจากพระจันทร์และดวงดาวในค่ำคืนนี้ก็สว่างพอที่จะมองเห็นหน้าตาที่เฉยชาของคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน
                “ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมไว้”  ถึงจะแอบเห็นใจคนดวงซวยคนนั้นนิดหน่อยก็เถอะ  สภาพที่เห็นครั้งสุดท้ายดูไม่จืดเอาเสียเลย
                “แต่นั่นก็เพราะการแต่งตัวของนายด้วยล่ะนะ   เอเลน”  นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองมายังใบหน้ามนที่นั่งอยู่ข้างๆ  เพราะแต่งตัวแบบนี้ไอพวกนั่นมันถึงได้เข้ามาหาง่ายๆ  น่าหงุดหงิดชะมัด
                การแต่งตัว!?   !!!!! ลืมไปเลยว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ในชุดที่น่าอายมากๆ  ทั้งที่อุส่าห์เอาผ้าคลุมหน้าปิดบังไว้แต่หัวหน้ายังรู้อีกว่าเป็นเขา  ทั้งที่คนที่ไม่อยากให้เห็นและรู้ที่สุดก็คือหัวหน้าแท้ๆ  ใบหน้ามนเกิดอาการแดง  สองมือกอดรัดรอบตัวหมายจะปิดบังเรือนร่างและชุดที่น่าอายได้บ้าง
                “ขอโทษนะครับ  ผู้ชายมาแต่งแบบนี้คงจะแปลกสินะครับ แหะๆ”  เอเลนพยายามหัวเรากลบเกลื่อนความอายที่กำลังปะทุขึ้น
                “ก็….ไม่เลว”  คำตอบจากคนตรงหน้ายิ่งทำให้เอเลนหน้าขึ้นสี  เหมือนกับว่าอุณหภูมิในตัวเขาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ  นี่เขาไม่สบายรึเปล่า!?
                “ต….ต้องแปลกสิครับ  ชุดแบบนี้เหมาะกับสาวๆมากกว่า  ไม่รู้ว่าคนเมื่อกี้เขาคิดอะไรอยู่  จะว่าไปแจนก็อีกคนหาว่าผมเป็นสาวน้อยบ้างล่ะ  เอามือมากุมและหลีบ้างล่ะ  ไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นอะไรกันนักหนา”  คิดแล้วก็หงุดหงิด  กลับไปถึงห้องเมื่อไรต้องจัดการกับเจ้าพวกนั้นให้หมดเลย
                นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองร่างโปร่งที่กำลังเล่าเรื่องของตน  ทำไมอยู่ๆก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานะพอได้ยินว่ามีใครเอามือมากุมข้อมือบางนั้นไว้  และหยอกเย้าเจ้าเด็กนี่
                “ชั้นจะบอกให้ว่าพวกนั้นเป็นอะไรกัน”
                “เอ๋?”
                มือหยาบคว้ามือของเอเลนขึ้นมาใบหน้าคมเคลื่อนเข้าหาร่างบาง  ริมฝีกปากจูบลงที่ข้อมือบางแล้วค่อยๆเคลื่อนจรดลงบนผ้าคลุม ณ. ตำแหน่งของริมฝีปากของใบหน้ามน  นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองลึกไปยังนัยน์ตาสีมรกตที่กำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แม้จะแผ่วเบาแต่ก็รู้สึกได้ว่าริมฝีปากของเขาทั่งคู่กำลังสัมผัสกัน  ริมฝีปากคมค่อยๆเคลื่อนออกจากอีกฝ่าย นัยน์ตาสีขี้เถ้ากลับไปให้ความสนใจกับวิวท้องฟ้ายามค่ำคืน  ไม่คิดที่จะรุกล่ำ  แค่หงุดหงิดและอยากจะสั่งสอนก็เท่านั้น  แล้วทำไมบางอย่างภายในอกมันวูบไหวจนน่ารำคาญแบบนี้กัน
                แต่กับอีกคนที่ได้แต่ก้มหน้าเก็บอาการไม่ถูก  หัวใจเต้นโครมครามเหมือนจะหลุดออกมาจากอก  …..เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น!!!  เรากับหัวหน้าจูบกันงั้นเหรอ!!!!!  นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองคนที่อยู่ข้างกาย  ทั้งที่คนกระทำยังคงมีสีหน้าที่นิ่งเฉยและปล่อยให้คนถูกกระทำเกิดอาการทำตัวไม่ถูก  นี่เขาต้องไม่สบายไปแล้วแน่ๆตอนนี้รู้สึกยังกับว่าร่างกายกำลังจะหลอมละลายอย่างนั้นแหละ
                “เราควรไปกันได้แล้ว  เพื่อนนายน่าจะตามหาตัวนายอยู่”  นี่พวกเขาก็แอบหนีมาได้สักพัก  เอลวินคงจัดการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เรียบร้อยแล้
“ค…..ครับ”  ร่างโปร่งตอบอย่างตะกุกตะกัก  ตอนนี้ยังไม่อาจสามารถมองหน้าคนตรงหน้านี้ได้เลย  ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้าแปลกๆอยู่รึเปล่า


                “พวกเราตามหานายตั้งนาน เอลน”  เสียงของโคนี่ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังตามหาอยู่กลับมาที่ห้องโถงพร้อมกับคนที่ลากเจ้าตัวออกไป
                “ขอโทษด้วยนะทุกคน”
                เมื่อทุกคนในกลุ่มเห็นเอเลน  ก็เดินเข้ามาหาร่างโปร่ง  ไรเนอร์อดที่จะคว้าคอคนตัวเล็กกว่าไปยีหัวด้วยความเอ็นดูไม่ได้  ข้อหาทำให้พวกเขาวุ่นวายต้องตามหาเจ้าตัวกันยกใหญ่
                “เอเลนไม่เป็นไรใช่ไหม ชั้นจะไปจัดการไอหมอนั่นที่บังอาจเข้ามาแต๊ะอั๋งนาย”  คำพูดของมิคาสะทำให้เอเลนรีบคว้าตัวเธอเอาไว้เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินไปยังห้องที่น่าจะเป็นห้องพยาบาลของชายคนนั้น
                “ขอโทษนะครับไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้  เลยทำให้เอเลนต้องเดือดร้อนเลย”เด็กชายผมทองผู้เป็นต้นคิดเรื่องการแสดงรู้สึกผิดที่ทำให้ร่างโปร่งต้องเจอเหตุการณ์แบบนั้น
                “ช่างมันเถอะอาร์มิน  แต่การแสดงที่นายเตรียมไว้ก็สุดยอดเลย”  ถึงจะอาย แต่ก็รู้ว่าพวกนายทุ่มเทจริงๆ
                “ไม่คิดว่าอย่างแกจะทำได้ดี  แต่ก็ออกมาดูดีมากจริงๆนั่นแหละ”  ถึงแม้แจนจะเห็นตอนซ้อมอยู่หลายครั้งแต่ไม่คิดว่าวันจริงจะทำให้ถูกสะกดได้ถึงแบบนี้  และไม่คิดเลยว่าชุดที่ร่างบางใส่จะขับให้คนตรงหน้าดูดีขนาดที่ตัวเขาเองยังต้องตกตะลึงและเผลอทำอะไรบ้าๆลงไป
                “ไรวะแจน  นี่แกจะชมหรือหาเรื่องเนี่ย?”  นัยน์ตาสีมรกตเข้าไปคว้าคอเสื้อคู่กัดของตน
                “เฮ้ย!!  นี่ชั้นชมแกนะเว๊ยเอเลน  เดี๋ยวเสื้อก็ขาดหรอก!!!  ยิ่งใบหน้ามนนั่นเคลื่อนมาใกล้ยิ่งทำให้หน้าของคนที่สูงกว่าขึ้นสี  ทั้งที่คิดว่าสงบใจได้แล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเมื่อนัยน์ตาสีมรกตนั้นจ้องมา
                เหตุการณ์และการหยอกล้อกันของกลุ่มเพื่อนอยู่ในสายตาของนัยน์ตาสีขี้เถ้าทั้งสิ้น  ทั้งที่เมื่อกี้ความหงุดหงิดเริ่มเบาบางลงไปบ้างแล้ว  และทำไมตอนนี้มันถึงได้ปะทุขึ้นมามากกว่าเก่า  น่าหงุดหงิด  และน่ารำคาญ  ต้องทำอะไรสักอย่างระบายความหงุดหงิดนี้  มือแข็งแกร่งคว้าเข้าที่คอเสื้อของคนที่อยู่ข้างๆ  ซึ่งกำลังแจกแจงให้ทุกคนเคลียสถานที่หลังจากจบงานเลี้ยง
                “มาด้วยกันหน่อยซิ เอลวิน”  นัยน์ตาสีขี้เถ้าบ่งบอกชัดเจนว่าคนตัวเล็กตรงหน้านี่กำลังหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด  ถ้าปล่อยไปก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะไปอาละวาดหรือซัดใครจนปางตายเอารึเปล่า
                “ได้อยู่แล้วรีไว”  ร่างสูงใหญ่รีบจัดแจงฝากฝังส่วนที่เหลือและหน้าที่ให้กับทหารผู้รู้ใจอีกคน  แล้วเดินตามชายผู้สูงน้อยกว่าออกไป
                ร่างโปร่งที่กำลังเตรียมตัวจะกลับไปเปลี่ยนชุดและมาช่วยทำความสะอาดห้องโถงเห็นหลังของหัวหน้าเดินออกไปจากห้อง  ก็นึกได้ว่าเขาควรจะขอบคุณเรื่องวันนี้อีกครั้งก่อนที่เจ้าตัวจะไปพักผ่อน  ร่างบางก้าวเท้าตามบันไดขึ้นไปยังห้องของหัวหน้าที่อยู่ชั้นบน  หวังว่าหัวหน้าคงจะไม่หาว่าเขามารบกวนหรอกนะ  ขอขอบคุณที่ช่วยอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้งดีกว่า  เท้าที่กำลังเลี้ยวผ่านมุมกำแพงต้องหยุดชะงัก  ร่างโปร่งรีบหันกลับซ่อนตัวอยู่อีกฝากของพนังอิฐ  ภาพที่เห็นทำให้ร่างกายชา  ภายในอกถูกบีบรัดจนแน่น
                หัวหน้ารีไวและหัวหน้าเอลวินกำลังจูบกัน  ไม่ใช่จูบอย่างที่เขาได้รับ  แต่เป็นจูบของผู้ใหญ่ จูบที่ลึกซึ้ง หนักหน่วง
และเร่าร้อน
                “หงุดหงิดอะไรของนายน่ะรีไว?” ปกติแล้วคนตัวเล็กตรงหน้าจะนิ่งและเฉยทุกครั้ง  แต่วันนี้กลับดูร้อนแรงเหมือนกับอยากจะระบายความพลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นในตัว
                “อย่าถามมากน่าเอลวิน” คนร่างเล็กกว่าดันชายหนุ่มผู้มีร่างสูงใหญ่กว่าตนเข้าไปในห้อง  เสียงล็อคของกลอนประตูบอกได้เป็นอย่างดีว่าทั้งคู่กำลังต้องการเวลาส่วนตัว
                ร่างโปร่งทรุดลงตัวกับพื้น  เขารู้สึกตัวชา และไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าที่จะลุกขึ้นและเดินหนีไปจากตรงนี้  ในอกบีบรัดจนหายใจไม่ออก  ความจุกเสียดแน่นขึ้นมาจนถึงคอหอยจนไม่อาจเปล่งเสียงใดใดออกมา………..
….. ทรมาณ……….
                สัมผัสนั่นเป็นแค่การสั่งสอนที่ต้องการบอกให้รู้สินะครับว่าคนอื่นคิดยังไง  นั้นไม่ใช่จูบ  เพราะจูบจะต้องลึกล่ำและดื่มด่ำเหมือนกับที่เขาเห็นเมื่อกี้นี้  คุณแค่ต้องการสอนให้ไอโง่อย่างผมรู้เท่านั้นสินะครับหัวหน้า
ให้รู้ถึงความโง่และความเป็นเด็กของตัวเอง  โง่ที่คิดว่าสัมผัสที่อบอุ่นและแผ่วเบานั่นคือจูบที่ทำให้รู้สึกดีและตื่นเต้นโง่ที่ไม่อาจเข้าถึงโลกของผู้ใหญ่ได้แบบคุณ…..



หลังมื้อเที่ยงทุกคนต่างแยกย้ายทำกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายของตนเอง  ช่วงบ่ายวันนี้เอเลนได้รับหน้าที่ให้ทำความสะอาดสวนของป้อม  มิคาสะ  อาร์มิน และคนอื่นๆได้รับมอบหมายให้ไปตรวจตราพื้นที่เพื่อเตรียมการวางแผนสำหรับการสำรวจที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า  ทั้งที่ตัวเขาเองก็อยากที่จะออกไปด้วยเช่นกันแต่ต้องอยู่ทำความสะอาดสวนเพราะต้องอยู่ในความดูแลของหัวหน้าทหารรีไวตลอดเวลาตามข้อตกลงที่ได้แจ้งไว้อย่างชัดเจนในศาล
ถ้าได้ออกไปพร้อมพวกอาร์มินและมิคาสะก็คงจะดี  เขาจะได้รู้สึกสงบใจได้บ้าง  การที่ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าต้องอยู่ภายใต้การดูแลของหัวหน้ารีไวเป็นสิ่งที่ทำให้อึดอัดไม่ใช่น้อย  ทั้งที่คนนั้นคือคนที่ใฝ่ฝันและเป็นวีรบุรุษของเขามาตลอดแต่ตอนนี้กลับไม่อยากเจอมากที่สุด  วันนี้ทั้งวันเลยทำให้เขาหลบหน้าหัวหน้าตลอดช่วงเช้าจนกระทั่งมื้อเที่ยงที่ผ่านมาซึ่งดูเหมือนหัวหน้าก็เริ่มรู้แล้วว่าเขากำลังถูกหลบหน้าอยู่  เลยดูเหมือนว่าหัวหน้าจะเริ่มหงุดหงิดอีกแล้วแต่ก็ไม่ได้พูดหรือว่าอะไรเขาเลย  คงจะเป็นเพราะเขาไม่ได้มีค่าอะไรให้ใส่ใจถึงขนาดต้องเป็นห่วงสินะ  ทุกครั้งที่คอยเรียกหาหรือถามไถ่คงเป็นเพราะทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายและเกรงว่าตัวเขาจะไปทำอันตรายกับใครอื่นหากคลาดสายตาไปสินะ  เบ้าตาเริ่มร้อนผ่าวหยาดน้ำคลออยู่ในตาสีมรกต  มือบางยกมือปาดน้ำตาที่กำลังจะร่วงรินลงมา  สุดท้ายเขาก็เป็นได้แค่ไอเด็กเหลือขอคนหนึ่งเท่านั้น
“เฮ้ยเอเลนทำไรอยู่วะ?”  เสียงของแจนทำให้ใบหน้ามนรีบปาดเช็ดน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นของตนและมองไปยังร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาหา
“แกไม่ได้ออกไปกับพวกมิคาสะเหรอแจน?”  ร่างโปร่งรู้สึกใจชื่นขึ้นที่ยังคงเห็นว่ายังคงมีคนอื่นเหลืออยู่ที่ป้อมปราการ  แม้จะเป็นคู่กัดเขาก็ตามที แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาไม่ต้องคิดถึงเรื่องของหัวหน้าได้สักระยะ
“พอดีเครื่องเคลื่อนย้ายสามมิติของฉันมีปัญหาน่ะ เลยต้องกลับมาเปลี่ยน  ว่าแต่….นายร้องไห้เหรอ?” นัยน์ตาสีเปลือกไม้ตกใจเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าขอบตาแดงช้ำและสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ชั้นเปล่าร้องไห้สักหน่อย!!” ใบหน้ามนหลบนัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่มองมา  นี่เขาแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือไง
ร่างสูงเดินเข้าไปจับไหล่ร่างโปร่งด้วยความเป็นห่วง ปกติคนตรงหน้านี้จะต้องถกเถียงกับเขาด้วยการจ้องมองตาตรงๆไม่เคยหลบสายตาเขาแบบนี้มากก่อน  ถึงแม้พวกเขาจะเป็นคู่ที่คอยกัดและทะเลาะกันอยู่เสมอ  แต่ก็ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาตลอดระยะเวลาของการเป็นทหารฝึกหัด มันทำให้เขาอดที่จะเป็นห่วงคนตรงหน้านี่ไม่ได้
“ชั้นไม่เข้าใจหรอกนะว่านายเจอกับอะไรมา  กดดันขนาดไหน  หรือสิ่งที่นายแบกรับไว้มันเป็นยังไง  ถ้าบางครั้งมันลำบากนักแกจะพักบ้างก็ได้  แกจะแสดงความอ่อนแอออกมาบ้างก็ไม่มีใครว่าอะไรแกหรอก  ถึงชั้นจะถามว่าฝากความหวังไว้ที่แกได้รึเปล่า  เชื่อในตัวแกได้ไหม  ชั้นก็เชื่อ ไม่สิ!! ชั้นอยากจะเชื่อมั่นในตัวนายนะเอเลน”
คำพูดที่บอกว่าเชื่อมั่นในตัวเขาทำให้ร่างโปร่งตกใจไม่น้อยโดยเฉพาะเมื่อมาจากคนที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นคนที่พูดที่สุดด้วยแล้วยิ่งทำให้เขาแปลกใจ  แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นทีเดียว  ยังคงมีคนเชื่อมั่นในตัวเขาแล้วพร้อมที่จะก้าวเดินต่อไปพร้อมกับเขาอยู่อีกมาก  เขาต้องรีบทำตัวให้เข้มแข็ง  และแข็งแกร่งจะได้ไม่ทำให้ใครเป็นห่วง
“ขอบใจนะ  แจน”  ใบหน้ามนยิ้มบางและซบลงกับไหล่ของร่างสูงกว่าที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ
“เออ” ร่างสูงตอบรับเสียงเบาใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเมื่ออีกคนซบลงตรงที่ไหล่ของตน  แต่กระนั้นมือใหญ่ก็ลูบไล้ผมสีน้ำตาลของอีกคนหวังจะช่วยปลอบประโลมอีกฝ่ายได้บ้าง

“โฮ่ย!! เอเลนถ้าแกทำความสะอาดสวนเสร็จแล้วมาหาชั้นที่ห้องด้วย”  เสียงอันคุ้นเคยตะโกนสั่งลงมาจากหน้าต่างชั้นบน  ซึ่งมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสวนอยู่ตลอดเวลา  และมันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดทั้งที่คิดว่าได้ระบายความหงุดหงิดออกไปบ้างแล้ว  แต่มันก็ยังคงอยู่ยิ่งเห็นร่างโปร่งกับอีกคนที่สูงกว่าอยู่ด้วยกันความหงุดหงิดที่ไม่รู้สาเหตุยิ่งก่อตัวขึ้นในใจของชายผู้ขึ้นชื่อเรื่องเย็นชาเป็นอย่างมาก
“ครับ  ผมจะไปเดี๋ยวนี้  ร่างโปร่งรีบตอบรับคนเบื้องบน  ถึงแม้จะไม่อยากพบมากที่สุดแต่จะให้หลบไปตลอดก็คงไม่ได้  ถึงแม้ในอกยังคงเจ็บปวดเมื่อได้ยินเสียงหรือเห็นชายคนนั้น  แต่เมื่อถูกสั่งก็มีแต่จะต้องทำตาม
“ส่วนนาย กิลชูไตน์  นายต้องไปช่วยทางเอลวินสำรวจพื้นที่ไม่ใช่เหรอไงแล้วทำไมยังอยู่ที่นี้อีก?”  นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหล่มองไปยังร่างสูงอย่างไม่สบอารมณ์  ยิ่งเห็นก็ยิ่งน่ารำคาญ
“ครับผมจะตามไปแล้วครับ!!  แจนรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรส่งมาจากผู้บังคับบัญชา จึงรีบที่จะกลับไปทำหน้าที่ของตน  จากเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อวานคนคนนั้นแม้จะตัวเล็กแต่ก็ฝ่าเท้าหนักไม่ใช่เล่น  ควรรีบอยู่ให้ห่างมากที่สุดดีกว่า

เอเลนเดินขึ้นมาจนถึงห้องทำงานของหัวหน้าของตน  มือบางเคาะตามมารยาทเป็นการแจ้งให้คนข้างในรู้ว่าตนเองได้มาถึงแล้ว  เมื่อได้รับอนุญาตร่างโปร่งจึงเข้าไปข้างใน
“มีอะไรหรือครับหัวหน้า”  แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถมองหน้าของคนนี้ได้ตรงๆ
“แกนั้นแหละมีอะไรเอเลน  ทำไมถึงหลบหน้าชั้นตลอดทั้งวัน”  ชายร่างเล็กกว่าแต่แข็งแกร่งวางเอกสารที่ต้องตรวจตราลงบนกองเอกสารที่เหลือ  ใบหน้าคมจับจ้องอย่างคาดคั้น
“อ….เออ  ….ผม….  ใบหน้ามนได้แต่ก้มหน้า  ไม่อาจตอบคำถามชายตรงหน้าได้  จะให้เขาบอกว่าอะไรล่ะในเมื่อตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าทำไมถึงไม่กล้าที่จะสบตาหรือมองหน้าคนคนนี้  แล้วทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บปวดเมื่ออยู่ใกล้กับคนนี้
“ชั้นถามทำไมไม่ตอบ”  เสียงทุ้มเริ่มกดดันมากขึ้น แสดงให้รับรู้ได้ว่าชายคนนี้กำลังหงุดหงิดอยู่มากทีเดียว
“ผม….ไม่ทราบครับ” เอเลนได้แต่ก้มหน้าแล้วตอบอย่างแผ่วเบา  ส่งผลให้ใบหน้าคมยิ่งทวีความหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
“ทำไมนายไม่รู้ ในเมื่อเป็นตัวของแกเอง  แล้วแกทำไมไม่มองหน้าชั้นตรงๆ ห๊ะ ไอเด็กเหลือขอ!! คำพูดที่ตอกย้ำของคนตรงหน้าทำให้บางอย่างในใจของเด็กหนุ่มสั่นครืน
“ใช่ครับ  ผมมันก็เป็นได้แค่เด็กเหลือขอ  ก็แค่เด็กที่โดนผู้ใหญ่อย่างคุณเอาไว้แกล้งเล่นเท่านั้น!!”เจ็บใจ ทำไมคนคนนี้ถึงได้ว่าเราเป็นเด็กตลอดเวลา  ผมไม่ได้อยากเกิดมาอายุน้อยกว่าคุณ  หรือว่าอยากเกิดมาเป็นแค่เด็กเหลือขอในสายตาคุณเท่านั้น
“นี่ชั้นกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่นะไอเด็กเวร นายจะเอายังไง?”ชายหนุ่มอายุมากกว่าพยายามข่มอารมณ์โมโหที่กำลังปะทุขึ้นจากการต่อปากต่อคำของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ผมจะเอายังไงงั้นเหรอ  ผมมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้ตามใจตัวเองด้วยอย่างนั้นเหรอครับ ในเมื่อผมมันก็แค่เป็น  ไอเด็กบ้าคนหนึ่งและเป็นแค่ปีศาจในสายตาคนอื่นเท่านั้น!!!  ใบหน้ามนตอบกลับ  เป็นครั้งแรกของวันนี้ที่เขาได้สบตากับนัยน์ตาสีขี้เถ้านั่น ซึ่งกำลังฉายแววความโมโหอย่างเด่นชัด  เขาควรจะออกไปจากที่นี้สินะเผื่อคนคนนี้จะหายหงุดหงิดเสียบ้างที่ไม่มีไอเด็กบ้าแบบเขาอยู่ให้รกหูรกตา
“ผมขอโทษครับหัวหน้า  ผมขออนุญาตออกไปตรวจตรากับคนอื่นพร้อมแจนนะครับ”ร่างโปร่งหันหลังกลับเตรียมจะออกไปจากห้องของผู้บังคับบัญชา  ไหล่บางถูกคว้าแล้วโยนลงบนโซฟาสีแดงขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในห้องทำงาน
“นายทำชั้นหงุดหงิด  ไอเด็กเหลือขอ” มือหยาบรวบข้อมือบางกดไว้เหนือศีรษะของร่างโปร่งกับโซฟาไอเด็กนี่ทำให้เขาหงุดหงิดทั้งที่พยายามข่มความโมโหและจะคุยด้วยดีดีแล้ว  แต่เจ้าเด็กนี่ก็ยังคงดื้อด้านสร้างความรำคาญให้เขาไม่หยุดหย่อน  โดยเฉพาะยิ่งได้ยินว่าไอเด็กนี่จะออกไปสำรวจกับไอเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนนั้นด้วยแล้วยิ่งทำให้ความอดทนของเขาถึงขีดสุด
“ห…..หัวหน้า  ผมเจ็บ”  แม้คนนี้จะตัวเล็กกว่าตัวเขาแต่แรงนั้นกลับมีมากเกินกว่าที่จะคาดเดา  ข้อมือที่ถูกรวบไว้ถูกบีบรัดแน่นจนเจ็บ  นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ  นี่เขาคงจะโดนอัดซ้อมเหมือนกระสอบทรายเพราะไปทำให้หัวหน้าโมโหอย่างนั้นสินะ
ขณะที่ใบหน้ามนกำลังไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น  ริมฝีปากของอีกฝ่ายก็แนบเข้ามารุกล่ำ  แนบชิด และรุนแรง เหมือนกับที่เขาได้เห็นคนนี้ทำกับหัวหน้าเอลวิน  ลิ้นร้อนจาบจ้วงเข้ามาในโพรงปากสีระเรื่อตวัดและเก็บเกี่ยวความวาบหวามที่อยู่ภายในนั้น
“ห……..หัว  หน้า  แฮ่ก….แฮ่ก  เมื่อริมฝีปากพ้นจากพันธนาการของผู้รุกราน  ร่างโปร่งรีบหอบสูดอากาศหายใจเข้าทันที  ลมหายใจยังไม่คงที่ดีเสื้อที่สวดใส่ก็ถูกถกขึ้นอย่างรวดเร็ว มือหยาบบีบเค้นยังยอดอกที่อ่อนไหว  ลิ้นร้อนหยอกเย้าโลมเลียและขบกัดกับยอดอกที่เริ่มชูชันของร่างบางตรงหน้า
“อ๊ะ!!  หัวหน้าจะทำอะไร!!!  ร่างบางพยายามขัดขืนการกระทำของคนตรงหน้า แต่ไม่เป็นผล อารมณ์เสียวซ่านแล่นไปทั่วร่าง ทำให้ร่างโปร่งสั่นน้อยๆด้วยความวาบหวามที่อีกคนกำลังปรนเปรอ
ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่มผู้อายุมากกว่า  มือหยาบปลดกางเกงของร่างบางเผยให้เห็นส่วนกลางที่ตั้งขึ้นจากอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของเจ้าตัว  มือหนาสัมผัสที่ส่วนกลางและรูดขึ้นลง  ปรนเปรออีกคนที่อยู่ภายใต้ร่างของตนเอง  เขากำลังหงุดหงิดเพราะไอเด็กบ้านี้และความหงุดหงิดนี่มันควรต้องได้รับการระบายออก
ด้วยความเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่ประสาเลยทำให้ร่างโปร่งไปถึงจุดอย่างรวดเร็ว  น้ำสีขาวขุ่นไหลทะลักออกมาจนเต็มมือของอีกฝ่าย  ใบหน้ามนมองเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นด้วยความสับสน  หยาดน้ำตาที่พยายามอดกลั้นไว้บัดนี้ได้ทลายลงมาแล้ว  ชายคนนี้ต้องการอะไร  ทำไมถึงได้ทำเรื่องแบบนี้กับตัวเขา?
ก่อนที่ริมฝีปากบางจะได้ถามอะไรความเจ็บปวดจากช่วงล่างก็แล่นริ้วเข้าสู่ร่างโปร่ง  รีไวปาดน้ำสีขาวขุ่นที่ไหลทะลักออกมาของเจ้าตัวแทนสารหล่อลื่น  นิ้วหยาบจากการกรำศึกมานานรุกเข้าไปทางช่องทางด้านล่างที่คับแน่นจากหนึ่งนิ้ว เพิ่มเป็นสอง และสาม
ความเจ็บจากช่องล่างยิ่งทำให้ร่างบางเกร็งตัวกับสิ่งแปลกปลอมที่รุกล่ำเข้ามา  หยาดน้ำตาหลั่งไหลจากความเจ็บแสบที่เกิดขึ้น
“เอเลน นายอย่าเกร็งล่ะ” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูของคนที่อยู่ใต้ร่างตนเอง
“ย….อย่าหัวหน้า  ผมเจ็บ”  คำขอของร่างบางไม่เป็นผล ความรู้สึกจุกแน่นเข้าแทรกอย่างรวดเร็วด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่าที่พยายามยัดเยียดและรุกล้ำเข้ามาทางช่องแคบด้านล่าง
“โอ๊ย!!  ..หัวหน้าได้โปรด  เอาออกไป  ฮ่า…..ฮ่า..ไม่ไหว  อ๊ะ!!”ความเจ็บและคับแน่นยิ่งทำให้ร่างโปร่งเกร็งและพยายามหนีจากสิ่งแปลกปลอมที่รุกล่ำเข้ามา  แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะโดนคนที่แข็งแกร่งกว่ากดทับและพยายามยัดเยียดเข้ามาในช่องทางที่คับแคบ
“ชริ!! คับชะมัด”  ชายอายุมากกว่าสบถออกมา ถึงกระนั้นก็ยังคงพยายามฝืนใส่ของตนเองเข้าไปยังช่องทางแคบจนหยาดเลือดไหลลงมาจากการกระทำที่ฝ่าฝืน  ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงไม่หยุดจนใส่เข้าไปในช่องทางแคบทั้งหมด
“จ….เจ็บ  ..อาได้โปรดเถอะครับ…..หัวหน้า…..” เสียงสั่นเครือแผ่วเบาพยายามอ้อนวอนการกระทำที่โหดร้ายโดยหวังว่าคนคนนี้จะเห็นใจเชาบ้าง  มือกร้านคว้าข้อมือบางทั้งสองให้โอบไหล่หนาแข็งแกร่งของตนไว้
“ผ่อนคลายหน่อยเอเลน”
สะโพกมนถูกกระแทกหนักหน่วงเร่งเร้าจากชายหนุ่มอายุมากกว่า  ความเจ็บเริ่มคลายลงถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่านและวาบหวามที่คนตรงหน้ามอบให้  กว่าที่คนโหดร้ายจะยอมปล่อยให้ร่างกายที่บอบช้ำได้พักจากความเจ็บแปลบและความเหนื่อยล้าที่เกิดก็เป็นเวลาพลบค่ำเสียแล้ว
มือหยาบเกลี่ยเส้นผมที่ชื้นเหงื่อของร่างโปร่งที่ตอนนี้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอย่างแผ่วเบา  มีเพียงเสื้อนอกของเขาที่คลุมปิดบังบางส่วนไว้เท่านั้น  รอบสีกุหลายและรอยฟันที่อยู่บนร่างกายของร่างบางตอกย้ำให้เห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง  ทั้งที่เขาแค่ต้องการสั่งสอนไอเด็กเหลือขอนี้เท่านั้น  ไม่คิดเลยว่าจะเกินเลยไปได้ถึงขั้นนี้  เพราะความหงุดหงิดที่ถาโถมเข้าใส่และเมื่อได้สัมผัสร่างตรงหน้าก็ไม่อาจที่จะหยุดได้เลย  ความรู้สึกผิดก่อเกิดขึ้นในใจของชายผู้เฉยชาอยู่เสมอ  ถ้าเอเลนตื่นมาคงยังไม่อยากเห็นหน้าคนที่ทำร้ายเขาขนาดนี้  ชายหนุ่มตัดสินใจออกจากห้องทำงานของตนลงมายังชั้นล่าง โดยหวังว่าเมื่ออีกคนตื่นขึ้นมาจะได้สงบใจลงเสียบ้าง
“เออ หัวหน้าคะว่างรึเปล่าคะ  ฉันมีเรื่องอยากปรึกษาน่ะค่ะ”  ทหารหญิงหนึ่งเดียวในหน่วยรีไวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนที่เธอกำลังตามหาอยู่กำลังเดินลงบันไดมา
“อืมได้สิ” รีไวเดินตามเพ็ตโตร่าไปยังอีกมุมหนึ่งของกำแพง


“ฉันชอบหัวหน้าค่ะ”  นัยน์ตาสีน้ำตาลมองสบตาสีขี้เถ้าอย่างเถรตรงแสดงถึงความตั้งใจที่เธอต้องการบอกออกไป
“อืมฉันรู้”  นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองกลับไปยังดวงตาที่สบมาอย่างเถรตรงเช่นกัน  เขารู้ความหมายของสายตาและการกระทำของหญิงสาวตรงหน้าที่มีให้เขามากกว่าความชื่นชมและรับผิดชอบเสมอมา  แต่เขาก็นิ่งเฉยกับความรู้สึกที่เจ้าตัวมีให้  นั่นเป็นเพราะว่าเขาเห็นเธอเป็นเพียงทหารคนหนึ่งเท่านั้น  แต่ที่ใจดีและทำดีกับเธอเป็นพิเศษเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม  ผู้หญิงที่ควรได้รับการปกป้องดูแล  ไม่สมควรจะมาจับดาบอยู่ในสนามรบยกเว้นยัยสี่ตาโรคจิตที่ดูไม่สมเป็นผู้หญิงไว้สักคน  ผู้หญิงที่ควรมีใครสักคนที่คอยปกป้องซึ่งคนนั่นไม่ใช่ตัวเขาที่ไม่อาจตอบรับความรู้สึกของเธอได้
จากการที่อยู่ร่วมกันมานานเพ็ตโตร่าเข้าใจถึงสายตาที่นิ่งเฉยและการไม่โต้ตอบของคนตรงหน้าดี  รู้ดีว่านี่คือการปฏิเสธถึงแม้ไม่มีคำพูดใดใดออกมาก็ตาม เธอไม่ได้หวังที่หัวหน้าจะตอบรับรักของเธอ  แต่หวังแค่อยากให้เขาได้รับรู้เท่านั้นเพราะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น  เลยอยากซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตนเอง
“ขอฉันกอดคุณได้ไหมคะหัวหน้า?”  ขอกอดคุณเพื่อฉันจะได้จบความรู้สึกนี้ของตนเองและจะเดินเคียงข้างคุณให้สมกับเป็นลูกน้องที่คุณไว้วางใจจากนี้  และตลอดไป
“อืม” ใบหน้าเฉยชาตอบรับแผ่วเบา  เพราะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม  จนบางครั้งก็อดที่จะใจดีด้วยไม่ได้
ร่างอรชรค่อยๆก้าวเข้าไปหาผู้บังคับบัญชาของตน  สองแขนโอบกอดร่างกายกำยำที่คอยเฝ้าห่วงใยเธอเสมอๆ ใบหน้าหวานซบลงกับแผ่นอกกว้าง นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เธอจะมอบความรู้สึกนี้ให้กับชายผู้แข็งแกร่งที่น่านับถือคนนี้
ร่างโปร่งที่ตื่นขึ้นมาไม่เจอหัวหน้าของตนอยู่ภายในห้อง  ด้วยความกังวลและอึดอัดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองจึงทำให้เขารีบแต่งตัวออกจากห้องทำงานของหัวหน้ามา  แล้วได้มาเจอกับเหตุการณ์ตรงหน้าที่กำลังเกิดขึ้น
อีกแล้ว….เจ็บปวดอีกแล้ว  ภายในอกเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจไม่ออก  ทั้งที่คาดหวังไว้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้จะทำให้เขามีความสำคัญและอยู่ในสายตาของชายหนุ่มขึ้นมาบ้าง  แต่การที่เขาโดนทิ้งไว้ในห้องเพียงลำพังก็เป็นการบอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่าตัวเขานั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลย  เป็นแค่ที่ระบายความหงุดหงิดของคนคนนี้เท่านั้น  และตัวเขาเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงจึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องหรือได้รับความอ่อนโยนและความอบอุ่นจากคุณเลยสินะครับ  ผลสุดท้ายเขาก็ยังคงเป็นแค่เด็กเหลือขอที่โง่เง่า  ที่เพิ่งมารู้สึกตัวว่าได้ตกหลุมรักคนที่ไม่อาจไขว่คว้า หรือเอื้อมถึงได้เสียแล้ว
หลังจากวันนั้นทุกคืนหัวหน้าจะลงมาที่ห้องใต้ดินเพื่อปลดปล่อยกับร่างกายของเขา  ความเจ็บปวดและทรมาณยังคงดำเนินต่อไป  ทั้งที่เจ็บปวดแต่ก็ยังคงตอบรับทุกการกระทำของชายผู้แข็งแกร่ง  ทั้งที่ทรมาณแต่มิอาจขัดขืนและหักห้ามใจไม่ให้รักคนโหดร้ายตรงหน้านี้ได้เลย……..
ผมรักคุณหัวหน้า  คำที่ไม่สามารถเอ่ยออกไปได้จะถูกเก็บไว้ไม่ให้ใครได้ล่วงรู้  แม้จะเป็นได้เพียงแค่ที่ระบายความใคร่ของคุณ  แต่คุณก็ยังต้องการผมใช่รึเปล่าครับ  หัวหน้า….
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างบอกว่านี่เป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้ว  มือบางปาดน้ำตาที่คลออยู่ที่เบ้าตาของตนเอง
“เป็นไงบ้างเอเลน?”  ด้วยความเป็นห่วงหลังจากเรียนเสร็จแล้วมิคาสะรีบกลับมาเฝ้าดูเพื่อนตั้งแต่เด็กของเธอทันที
“มิคาสะ  เธอรู้มาตลอดใช่ไหมเรื่องเกี่ยวกับไททัน  เรื่องเกี่ยวกับหน่วยสำรวจ  มันไม่ใช่แค่ตำนานใช่ไหม?”  นัยน์ตาสีมรกตจ้องไปยังใบหน้าสวยของเพื่อนของตนอย่างหาคำตอบ
“ใช่  ชั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้จำเรื่องราวทั้งหมดในตอนนั้นได้  อาจเป็นเพราะชั้นได้สัญญากับตัวเองไว้ว่าอยากให้เธอมีความสุข เอเลน” มือเรียวจับมือของเอเลนอย่างให้กำลังใจ
คำตอบของมิคาสะยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าเรื่องที่เขาฝันเห็นทั้งหมดเป็นเรื่องจริง  เขาและ เอเลน  เยเกอร์ ในบันทึกเป็นคนคนเดียวกัน  รวมทั้งคนอื่นๆที่อยู่ในบันทึกทุกคนล้วนมีอยู่จริง  เว้นแต่ชายผู้ซึ่งตราตรึงในความทรงจำของเขามาที่สุดผู้มีนัยน์ตาและใบหน้าที่เฉยชา
“นาย มีความสุขรึเปล่าเอเลน?”  เธอไม่รู้ว่าการที่ให้เจ้าตัวได้รู้ถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วจะเป็นผลดีกับเจ้าตัวรึเปล่า  แต่การที่บันทึกของเอเลนเมื่อหลายพันปีย้อนกลับมาสู่ในมือผู้ที่เป็นเจ้าของอีกครั้ง บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตาลิขิตก็ได้
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันมิคาสะ”  ใบหน้ามนมองบันทึกปกหนังสีดำที่อยู่ในมือ  เขาไม่รู้ว่าถ้าดูตอนต่อไปของบันทึกนี้จะเป็นยังไง  รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ตัวเขาช่างเจ็บปวดและทรมาณกับการกระทำของชายหนุ่มที่อยู่ในบันทึก จนทำให้กลัวที่จะถลำลึกลงไปมากกว่าที่เป็นอยู่  มันเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้วเขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องรับรู้อะไรจากมันอีก  มันคือเรื่องที่จบไปแล้วไม่จำเป็นต้องเอามาใส่ใจในเมื่อมันทำให้ตัวเขาเจ็บปวดเขาก็ควรที่จะหยุดค้นหาสิ่งที่ไม่มีตัวตนอยู่จริงในปัจจุบันเสียที  มือบางเปิดลิ้นชักชั้นล่างสุดของตู้ที่เขาไว้ใช้เก็บของแล้วเก็บบันทึกความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของเขาลงไป

ลาก่อนความรู้สึกเจ็บปวดในอดีต
ลาก่อนผู้ที่ไม่มีอยู่จริงในโลกปัจจุบัน
ลาก่อนครับ……หัวหน้ารีไว


TBC.

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม 2557 เวลา 20:22

    ตอนนี้โกยเอเลนให้ไปแจนแรงๆ เลย
    หัวหน้าบากะ ไปจูบกับเอลวินทำไม บากะ T^T
    จูบกับใครไม่จูบนะ ฮึ๊ยยย
    ตรงฉากนี้ ใช้เวลาทำใจนานพอสมควร (เป็น ชม. ก่อนจะมานั่งอ่านต่อ -.-)

    นับว่าเอเลน (ในโลกปัจจุบัน) เก่งมากค่ะในฐานะคนๆนึง
    รู้ตัวดีว่ามันคืออดีตทีผ่านไปแล้ว ไม่สามารถทำอะไรได้
    แล้วยอมตัดใจ สุดยอดมาก

    ความรู้สึกรักใช้ว่าจะสลัดทิ้งกันได้ง่ายๆ
    ยิ่งนานมาหลายร้อย หลายพันปีแล้วด้วย

    ขอให้มีความสุขนะเอเลน....
    เราเองก็หวังอยากให้เธอมีความสุขเหมือนมิคาสะเหมือนกัน..:D

    #พูดซะอย่างกับมันจะจบแล้วซะงั้น

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความสัมพันธ์ของรีไวกับเอลวินไม่มีอะไรผูกมัดค่ะ
      เเค่ง่ายกับการหาที่ระบายเท่านั้น เพราะรีไวไม่ได้อยากผูกมัดหรือยึดติดความสัมพันธ์กับใครค่ะ เเต่ก็เเพ้เด็กล่ะนะ>\\\<

      ลบ
    2. รีไวล์กับเอลวินใครเมะใครเคะ

      ลบ
  2. โหหหหก เรื่องเยอะหลายเลเยอร์มากมาย แต่ขอหน่อยเถอะ คุณพระคุณเจ้าช่วยกล้วยแขกทอด! รีไวเอลวิน?! เอลวินรีไว?! ช็อคซีนีม่ามากมาย 55555555 สงสารเอเลนน้อยกลอยใจ เสร็จตาแก่จนได้ทั้งที่ใจชอกช้ำ ㅠㅠ

    ตอบลบ