Fic.
[AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย
Chapter 3: One Among The Night
“เอเลน อยู่หรือเปล่า?”
เสียงหวายเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาในสตูดิโอที่ทำงานประจำของเด็กหนุ่มร่างโปร่งที่เธอคุ้นเคยดี
“มิคาสะทางนี้เลย” ร่างโปร่งโบกมือให้กับหญิงสาวเพื่อให้เห็นตำแหน่งของตนที่กำลังวุ่นอยู่กับการตกแต่งภาพเพื่อนำไปให้ลูกค้าสำหรับใช้งานในแคมเปญใหม่ที่ได้รับมอบหมาย
“ดูกำลังยุ่งเลยนะเอเลน” ใบหน้าสวยคมยิ้มให้กับเด็กหนุ่ม มิคาสะเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ละแวกเดียวกันกับบ้านของคุณฮันเนสเช่นเดียวกับแจน
ทั้งสามรู้จักและสนิทสนมกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะมิคาสะที่เอ็นดูเอเลนเป็นพิเศษ
เธอรู้สึกเอเลนเปรียบเสมือนน้องชายของเธอและมันทำให้เธอรักและห่วงเด็กชายตัวน้อยที่ซุกซนและคอยวิ่งไล่ตามเธอกับแจนเสมอ
แม้ว่าปัจจุบันเด็กชายตัวน้อยนั้นจะเติบโตเป็นเด็กหนุ่มผู้สดใสตรงหน้าแต่เธอก็ยังคอยเป็นห่วงและเอ็นดูเด็กหนุ่มไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“งานแคมเปญเสื้อผ้าของแบรนด์ครั้งก่อนได้ผลตอบรับดีเกินคาด
ตอนนี้เลยมีพวกบริษัทโฆษณาติดต่อเข้ามาจำนวนมากน่ะ
คุณฮันเนสเองก็งานล้นจนหัวหมุนเลย ส่วนฉันเองก็อยู่ในสตูดิโอนี่มา สามวันแล้วล่ะ”
เด็กหนุ่มยิ้มระรื่นให้กับบุคคลที่เปรียบดั่งพี่สาวของตน
แม้งานช่วงที่ผ่านมาจะยุ่งวุ่นวายจนทำให้เขาไม่ได้กลับไปยังที่พักของตัวเอง
และสภาพของสตูดิโอที่ตอนนี้เป็นทั้งห้องอาหารและห้องนอนของเขากลายๆ
แต่เขาก็รู้สึกสนุกกับงานที่ได้รับมอบหมาย อีกทั่งยังรู้สึกว่าตนทำประโยชน์ให้กับผู้มีพระคุณอย่างคุณฮันเนสได้อีกด้วย
เลยทำให้เขารักแลพผูกพันกับงานถ่ายภาพมากยิ่งขึ้น
มิคาสะมองดูเด็กหนุ่มร่างโปร่งที่ตั้งใจทำงานอย่างขะมักเขม้น
ใบหน้าสวยแอบยิ้มตามการกระทำของเด็กหนุ่ม ถึงแม้จะบอกว่าเจ้าตัวนอนที่สตูดิโอนี้มาสามวันแล้วแต่สภาพไม่ได้ดูอิดโรยจนน่าเป็นห่วงอีกทั้งอาหารก็ดูเหมือนจะมีบรรดาสต๊าฟคนอื่นๆและคุณฮันเนสคงจัดแจงไว้ให้อย่างดีด้วยความเอ็นดูเด็กหนุ่ม
เลยทำให้เจ้าตัวยังคงกระปรี้กระเปร่าและตั้งใจทำงานได้อย่างสดใส
“นายไม่น่าออกมาจากบ้านคุณฮันเนสเลยนะ ทั้งฉันและแจนอดเป็นห่วงไม่ได้”
ถ้าเอเลนยังอยู่ใกล้กับพวกเขา เธอและแจนยังคงสามารถแวะเวียนไปมาหาสู่ได้สะดวก
“จะให้ฉันอยู่แบบนั้นไปตลอดก็ไม่ได้หรอก
แค่นี้คุณฮันเนสก็มีพระคุณกับฉันมากพอแล้ว” ไม่รู้ว่าเมื่อไรบุญคุณนี้จะทดแทนหมด
บุญคุณที่ชายหนุ่มวัยกลางคนหยิบยื่นให้กับเด็กข้างถนนอย่างเขา
ทั้งเลี้ยงดูและสอนวิชาความรู้จนสามารถมาประกอบอาชีพได้
อีกทั้งตัวเขาตอนนี้ที่โดนคนคนนั้นจับตามองอยู่การแยกออกมาอยู่อย่างนี้นับว่าส่งผลดีต่อคุณฮันเนสแล้ว
ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะโผล่มาอีกเมื่อไร แถมไม่รู้ด้วยว่าที่จริงแล้วต้องการอะไรกันแน่?
แค่รูปถ่ายใบเดียวไม่คิดเลยว่าจะทำให้ชีวิตต้องปั่นป่วนแล้วคอยระแวงแบบนี้
มือเรียวของหญิงสาวจับที่แก้มของเอเลน
นัยนตาสีเขียวมรกตมองมือขาวนวลที่สัมผัสลงมาอย่างแปลกใจ แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไรมือเรียวนั่นก็จับแก้มเขายืดออกจนเอเลนร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย!” เด็กหนุ่มจับแก้มของตนเองที่โดนหยิก
นัยนตาสีมรกตหันค้อนเด็กสาวตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง
“คุณฮันเนสเขาไม่ได้คิดเรื่องบุญคุณอะไรหรอกนะ
ว่าแต่นายควรเรียกฉันกับแจนว่าพี่ไม่ใช่หรือไง?”
มิคาสะถอนหายใจกับความคิดของเด็กหนุ่มตรงหน้า ทั้งที่เมื่อก่อนเป็นเด็กซุกซนและเอาแต่ใจแท้ๆ
เมื่อไรกันนะที่เด็กน้อยคนนั้นเติบโตขึ้นมาขนาดนี้
แต่ที่ไม่โตไปตามอายุเลยคงจะเป็นปากของเจ้าตัวกับความเลือดร้อยล่ะมั่ง
“คุณพี่มิคาสะคร๊าบบบบ เรียกแบบนี้มันไม่ชินนี่นา
อีกอย่างเรียกเธอกับแจนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วจะให้เปลี่ยนตอนนี้คงไม่ทันแล้วล่ะนะ”
ร่างโปร่งทำแก้มป่องแอบน้อยใจคนตรงหน้า
การกระทำที่น่าเอ็นดูนั้นทำให้มิคาสะหลุดขำน้อยๆออกมา
ที่จริงเธอไม่ได้จริงจังกับการเรียกของเด็กหนุ่มเท่าไรแม้ว่าเธอกับแจนจะอายุมากกว่าเอเลนถึง 3 ปี
ก็ตามแต่ด้วยที่เรียกกันมาตั้งแต่เด็กเลยทำให้ทั้งเธอและแจนชินกับการเรียกช่อห้วนๆของอีกฝ่าย
ที่เธอพูดขึ้นมาก็แค่อยากแหย่คนตรงหน้าเล่นเท่านั้นซึ่งเจ้าตัวก็คงรู้ดีเช่นกันถึงได้ทำแก้มป่องแอบงอนแบบนั้นออกมาก่อนจะยิ้มแยกเขี้ยวเห็นฟันขาวให้เธอแล้วหันไปให้ความสนใจกับโปรแกรมตกแต่งภาพที่ทำค้างไว้หน้าจอคอมพิวเตอร์
“จริงสิ แจนฝากนี่มาให้น่ะ” หญิงสาวยื่นซฮงเอกสารสีน้ำตาลให้เด็กหนุ่ม
เอเลนมองเอกสารที่ยื่นมาให้พร้อมเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต้งกิ้ว
มิคาสะ”
มิคาสะมองอีกคนที่กำลังรื้อเอกสารข้อมูลที่ให้เธอและแจนที่ทำงานอยู่ในสายข่าวไปหามาให้
“ไม่ยักรู้ว่าเธอสนใจเกี่ยวกับหนุ่มเตี้ยคนนั้นขนาดนี้
มันเกี่ยวข้องกับงานเหรอเอเลน?”
หรือหนุ่มนักธุรกิจจะเปิดตัวแคมเปญใหม่เลยต้องการให้เอเลนไปเป็นช่างภาพ?
แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหาข้อมูลอะไรเลยนี่นา
แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้ามนเมื่อสักครู่ยิ่งทำให้เธอสังหรณ์ว่าจะไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของงานช่างภาพเสียแล้ว
“อ๋อ เออ…พอดีคราวก่อนเห็นที่งานเปิดตัวน่ะ
แถมแจนบอกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่น่าสนใจทีเดียวเลยอยากหาข้อมูลไว้”
ที่จริงเพราะว่าอีกฝ่ายที่รู้ข้อมูลของเราแต่ฝ่ายเดียวมันไม่ยุติธรรมต่างหากล่ะ
ทั้งที่ไม่เคยบอกชื่อมาก่อน
แต่จากครั้งที่แล้วที่เจอกันและผู้ชายอันตรายคนนั้นรู้ชื่อของเขา
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าที่จริงแล้วคนคนนั้นรู้จักเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้วกันแน่
“งั้นเหรอ” แม้ไม่อยากจะเชื่อที่เจ้าตัวพูดมากนัก แต่ก็ไม่อาจคาดคั้นคนหัวรั้นตรงหน้าได้เช่นกัน
มิคาสะจึงได้แต่พยักหน้ารับในสิ่งที่เจ้าตัวพูดออกมา
“จะว่าไปคุณฮันเนสเขาก็กำลังจะมีข่าวดีแล้ว
เมื่อไรเธอกับแจนจะมีข่าวดีบ้างล่ะ?” นัยน์ตาสีมรกตเหล่มองหญิงสาวด้วยสายตาประกายกรุ้มกริ่ม
ใบหน้าที่หยอกเย้านั้นทำให้มิคาสะจับคนตรงหน้าดึงแก้มอีกรอบด้วยความหมั่นไส้และสั่งสอนข้อหาลามปามผู้ใหญ่
“โอ๊ยๆ มือหนักชะมัดเลย!!”
เอเลนจับแก้มทั้งสองข้างของตน
นัยน์ตาสีมรกตคลอเบ้าน้ำตาด้วยความเจ็บจากแก้มที่ถูกดึง
ผู้หญิงอะไรถึงจะสวยแต่แข็งแกร่งและแรงเยอะชะมัดเลย!!
“มิคาสะ ฉันมารับแล้ว” ชายหนุ่มร่างโปร่งเดินเข้ามาในสตูดิโอ
นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองเด็กหนุ่มที่กำลังถูระบายความเจ็บจากแก้มที่โดนดึง
“นี่นายแหย่มิคาสะเล่นอีกแล้วสินะเอเลน หาเรื่องตลอดเลย ฮ่าฮ่า”
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเจ้าตัวดีคงโดนหญิงสาวทำโทษเป็นแน่แท้
“ไม่ต้องมาหัวเราะซ้ำเติมเลยเจ้าหน้าม้า
ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมมิคาสะถึงยอมคบคนแบบนายได้น๊า
ถึงจะหน้าตาดีแต่ปากแกนี่ต้องปรับปรุงเยอะเลยว่ะ” เอเลนมองค้อนชายหนุ่มตรงหน้า
ถึงปากเด็กหนุ่มจะพูดไปอย่างนั่นแต่เขารู้ดีว่าแจนให้ความสำคัญกับมิคาสะมากทีเดียว
มากถึงขนาดยอมเอาชีวิตเข้าแลกได้โดยไม่ต้องเอ่ยถาม
เลยไม่แปลกใจว่าทำไมมิคาสะที่ทั้งสวย เก่งและแกร่ง
ถึงได้ยอมตกลงปลงใจกับชายหนุ่มคนนี้
“แกก็ปากไม่ได้ดีกว่าฉันหรอกนะไอบ้า”
มือหนาขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว
“พอเลย พวกนายกลับกันไปเลยนะ อีกคนก็ดึงจนหน้ายืดหมดแล้วส่วนอีกคนก็ทำเอาจนผมยุ่งหมดแล้วเนี่ย!” เอเลนจัดผมของตนที่ถูกทำให้เสียทรงอย่างเซ็งๆ
อีกคนก็ทำให้เขาเจ็บตัวส่วนอีกคนก็มาทำให้เขาหมดหล่อซะงั้น
“โดนไล่แล้วงั้นรีบกลับดีกว่าก่อนที่หมาน้อยของเราจะกระโดดกัดเอา
ฮ่าฮ่า นายก็รีบกลับซะล่ะข้างนอกฝนใกล้ตกแล้วด้วย”
แจนและมิคาสะบอกลาร่างโปร่งที่ยังคงทำงานอยู่ในสตูดิโอ
ชายหนุ่มร่างสูงเดินจูงมือหญิงคนรักเดินออกไปจากห้องทำงาน ภาพที่เด็กหนุ่มเห็นจนคุ้นตา
ความเอาใจใส่ที่แจนมีให้กับมิคาสะเสมอมาไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไรก็ยังคงเหมือนเดิม
เสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยนแปลง โดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่าแอบทำให้บรรดาคนโสดทั้งในสตูดิโอและที่สำนักงานข่าวอิจฉาตาร้อนขนาดไหน
ขนาดร่างโปร่งเองก็ยังรู้สึกอิจฉากับความสัมพันธ์ของทั้งคู่เช่นกัน
เจ้าพวกนั้นแอบหวานกันไม่เคยเกรงใจคนโสดบ้างเลย!!! …….แต่ถึงกระนั่นทุกอย่างก็ดูลงตัวอย่างเป็นธรรมชาติ
จนอดที่จะยิ้มอย่างมีความสุขให้กับคนทั้งสองไม่ได้
เอเลนเคลียร์งานที่ทำค้างอยู่บนหน้าจอ
นิ้วเรียวกดเซฟงานที่ทำจนเรียบร้อยก่อนปิดโปรแกรมตกแต่งภาพบนหน้าจอลงไป ร่างโปร่งยืดบิดไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยล้าที่นั่งทำงานมายาวนาน
นัยน์ตาสีมรกตมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่ที่ผนังซึ่งเข็มสั้นชี้ที่เลขเจ็ดและเข็มยาวกำลังเคลื่อนมาที่เลขสาม
วันนี้เราก็กลับบ้านมั่งดีกว่าไหนๆวานก็เสร็จไปเยอะแล้วเหลือแค่เก็บรายละเอียดนิดๆหน่อย
มือบางคว้ากระเป๋าคู่ใจของตนก่อนจะปิดไฟในห้องสตูดิโอที่ทำงาน กล่าวลาเหล่าสต๊าฟเพื่อนร่วมงานที่คุ้นเคยกันดีก่อนออกจากร้านเพื่อตรงกลับเข้าที่พักที่ไม่ได้กลับมาสักระยะของตน
ครืน
ครืนน
นัยน์ตาสีมรกตมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มยิ่งขึ้นเพราะเมฆฝนกำลังตั้งเค้าและเตรียมท่าจะตก
เอเลนจึงตัดสินใจเร่งฝีเท้ามากยิ่งขึ้นจนกลายเป็นวิ่งเพื่อหวังจะให้กลับถึงที่พักของตนก่อนที่หยาดฝนจะโปรยลงมา
เมื่อกี้แจนก็บอกแล้วแท้ๆว่าฝนกำลังจะตก น่าจะขอยืมร่มจากสตูดิโอมา!
เมื่อมาถึงทางแยกร่างโปร่งที่กำลังก้าวขาไปยังเส้นทางลัดต้องหยุดชะงัก
เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่นานและใบหน้าของบุคคลอันตรายผ่านเข้ามาในโสตความจำอย่างอัตโนมัติ
ทันทีที่สมองสั่งการเอเลนจึงเลือกอีกเส้นทางที่ถึงแม้จะอ้อมแต่ก็ดูเหมือนน่าไว้วางใจกับเจ้าตัวมากกว่าในนาทีนี้
เรื่องอะไรจะยอมกลับทางเดิมและไปเสี่ยงโดนจับแบบนั้นอีกล่ะ ไม่รู้ว่าถ้าโดนจับไปคราวนี้จะเจออะไรบ้างแค่คิดก็เสียวสันหลังวูบแล้ว!!
ซ่า…..ซ่า…..ซ่า
สายฝนเทกระหน่ำลงมา พื้นถนนเปียกแฉะไปด้วยหยาดน้ำ
ร่างโปร่งรีบเร่งฝีเท้าของตนฝ่าสายน้ำที่โหมกระหน่ำ แขนบางกอดกระชับกระเป๋าของตนไว้แน่นด้วยเกรงว่าเอกสารและของต่างๆข้างในจะเปียกเพราะสายน้ำที่กระหน่ำลงมา
เมื่อกลับถึงห้องพักของตนเอเลนรีบวิ่งหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้กับเก้าอี้ข้างโต๊ะทำงานเช็ดผมที่เปียกอย่างลวกๆ
แล้วหยิบผ้าขี้ริ้วจากห้องครัวเช็ดรอยน้ำที่เจิ่งนองจากการที่ตนเองวิ่งเข้ามา
เมื่อจัดน้ำบนพื้นเรียบร้อยแล้วร่างโปร่งจึงจัดการตรวจกระเป๋าของตนเองทันที
ดีนะที่ไม่ได้พกกล้องไป ไม่อยากจะคิดเรื่องค่าซ่อมเลย! นัยน์ตาสีมรกตมองซองสีน้ำตาลที่วันนี้มิคาสะเอามาให้
ใบหน้ามนยิ้มเจ้าเล่ห์ตรวจดูข้อมูลเอกสารข้างในที่วานขอให้เพื่อนทั้งสองของตนไปค้นมา
แต่แล้วใบหน้ามนก็ต้องเกิดอาการเซ็งขึ้นมาเพราะเหล่าข้อมูลเอกสารที่ได้มานั่นมีแต่ประวัติต่างๆที่ดูเหมือนจะมีแค่เพียงเปลือกนอกของโลกเบื้องหน้าเท่านั้น …หมอนั่นรัดกุมชะมัดยาก
ไม่หลุดอะไรออกมาง่ายๆเลยแฮะ
ขนาดที่ทั้งแจนและมิคาสะถือได้ว่าเป็นนักข่าวฝีมือดีที่หาตัวจับได้ยากแล้วเชียว
ยังคงไม่สามารถหาข้อมูลเบื้องลึกของคนอันตรายคนนั้นได้เลยสักนิด…. ดูเหมือนการจะตลบหลังหมอนั่นที่คิดว่าอยากทำให้คนสูงน้อยคนนั้นหัวปั่นสักหน่อยแต่ดูเหมือนว่าการหนีให้ไกลและห่างที่สุดดูจะเป็นการดีกว่า
เพราะแบบนี้ดูท่าจะไม่ใช่บุคคลอันตรายธรรมดาทั่วไปเสียแล้ว
.
.
.
.
.
.
“แค่ก แค่ก
ขอโทษด้วยนะครับคุณฮันเนส
ถ้าพรุ่งนี้ผมดีขึ้นแล้วจะรีบกลับไปจัดการงานส่วนที่เหลือให้ครับ”
เสียงแหบพร่าพยายามเค้นสนทนากับอีกคนที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์
“ไม่เป็นไรเอเลนนายก็พักผ่อนซะล่ะ คงเพราะโหมงานกับตากฝนเมื่อวานแล้วนายคงไม่ยอมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่กลับถึงห้องสินะ ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะเจ้าเด็กดื้อคนนี้”
ชายหนุ่มวัยกลางคนอดจะต่อว่าเด็กหนุ่มที่เปรียบเสมือนลูกชายของตนเองไม่ได้
ไม่ว่าเมื่อไรเจ้าเด็กนี้ก็ชอบทำอะไรเกินตัวและไม่ค่อยดูแลตัวเองเลยทำให้เขาเป็นห่วงอยู่เสมอ
“แหะๆ” เอเลนได้แต่หัวเราแห้งๆให้กับความรู้ทันของอีกฝ่าย
“ขอโทษด้วยนะครับ” ได้แต่สำนึกผิดที่ทำให้อีกคนต้องคอยเป็นห่วงอยู่เสมอ
“เอาเถอะ ถ้ายังไงแกก็กินยาแล้วรีบนอนซะล่ะ
ถ้าวันนี้งานเรียบร้อยแล้วฉันจะแวะเข้าไปดูอาการสักหน่อย แค่นี้ก่อนนะต้องรีบไปดูช่างไฟที่กำลังจัดแสงน่ะ
แล้วเจอกัน” ปลายสายกดวางทันทีโดยไม่ให้โอกาสอีกคนได้โต้ตอบ
ไม่คิดเลยว่าแค่สายฝนเมื่อวานจะทำให้เขาเป็นไข้นอนซมจนไม่สามารถลุกไปทำงานได้ไหวขนาดนี้
มือแกร่งยกขึ้นกุมหน้าผากของตัวเองไอร้อนจากร่างกายที่ปะทุขึ้นมาทำให้รู้สึกแย่ไม่ใช่น้อย
อา…ปวดหัวชะมัด รีบกินยาแล้วนอนต่อดีกว่า ร่างโปร่งบางค้นยาลดไข้ที่เก็บไว้มาทาน
สองขาพยายามประคับประคองร่างกายที่อิดโรยจากพิษไข้ของตนไปให้ถึงเตียงนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อทิ้งร่างลงบนฟูกหนาได้หนังตาทั้งคู่ก็หนักอึ้งจนเคลิ้มหลับไป
ซ่า ซ่า……..
สายฝนที่ตกลงมาตั้งแต่เมื่อคืนวานยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื้องและดูเหมือนจะไม่หยุดลงเสียง่ายๆ
ก๊อก ก๊อก
หืม?
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตู สงสัยคุณฮันเนสจะมาแล้วมั่ง
เอเลนพยายามลุกขึ้นเพื่อไปเปิดประตูให้กับแขกผู้มาเยือน
เปรี้ยง!
แต่ก่อนที่ร่างโปร่งจะถึงประตูนั้นพลันมีเสียงดังจนทำให้ร่างบางต้องสะดุ้งเสียก่อน ……ฟ้าผ่างั้นเหรอ?... ถึงเสียงจะไม่ดังมากแต่ก็ใกล้มากทีเดียว
ก่อนที่มือบางจะคว้าจับเข้าที่กลอนประตู
บานประตูขาวที่คุ้นชินก็พลันเปิดเองเสียก่อน
นัยน์ตาสีมรกตตกตะลึงเขายังไม่ทันจับกลอนประตูแต่ประตูกลับเปิดออกเอง
เมื่อมองที่กลอนและลูกบิดก็พบว่ามันถูกทำงายพังเสียแล้ว และทุกอย่างก็ถูกเฉลยเมื่อแขกผู้ที่มาเยือนนั้นไม่ใช่คนที่เขากำลังรอ
แต่เป็นคนที่เขากำลังพยายามหนีอยู่ต่างหาก
“น……นี่ นาย
เอ๊ย แก…… เออ คุณ
เอ๊ย!! ท่าน !!!!”
ริมฝีปากบางสั่นระริกกับภาพชายหนุ่มตรงหน้า
คนอันตรายที่ไม่ได้อยากเจอ
“โฮ่ ดูเหมือนการสั่งสอนครั้งที่แล้วก็ยังพอทำให้นายได้จดจำอะไรบ้างสินะ”
รีไวล์มองอีกคนอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“จะอะไรก็ช่างเถอะ ว่าแต่คุณทำอะไรกับประตูของผมเนี่ย!!!”
เสียงแหบพร่าตะโกนร้องเมื่อมองดูประตูสีขาวของตนที่ลูกบิดและตัวล็อคเหลือเป็นซากเค้าโครงว่าเคยมีพวกมันประดับไว้อยู่
“หืม… ฉันเคาะแล้วนะก็นายไม่มาเปิดเอง”
ชายหนุ่มตอบคำถามอย่างไม่สนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
“ผมเดินจากเตียงมาถึงตรงนี้ไม่ถึง3นาทีด้วยซ้ำ”
มาม่ายังไม่ทันสุกเลย คนอะไรใจร้อนขนาดนี้แล้วเงินเดือนเดือนนี้เขาต้องเจียดมาซ่อมประตูอย่างนั้นเหรอ?
เดี๋ยวสิมันยังไม่ใช่ประเด็นหลัก “ว่าแต่คุณรู้จักที่นี้ได้ยังไง?”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองอีกฝ่าย
“ข้อมูลของนายฉันสืบหาได้ง่ายๆอยู่แล้ว”
“แบบนี้มันลุกลามสิทธิส่วนบุคคลกันนะครับ” ใบหน้ามนจ้องอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง
ตกลงหมอนี้จะเอายังไงกับเขากันแน่?
“คุณต้องการอะไร?”
ชายหนุ่มค่อยๆเดินเข้าหาร่างโปร่งจนเอเลนต้องเดินถอยหลังชิดติดกับพนังห้องของตน
มือแกร่งยันค้ำผนัง ใบหน้าคมมองอีกฝ่ายอย่างสนใจ “ถ้าบอกว่าต้องการนายล่ะ เอเลน?”
ใบหน้ามนขึ้นสีจากคำพูดหยอกเย้าของอีกฝ่าย
หัวใจเต้นโครมครามยิ่งขึ้นเมื่อสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าของคนตรงหน้า
นี่ต้องเป็นเพราะพิษไข้แน่ๆ!!!!
“คุณอย่าล้อเล่นอะไรแบบนี้ ผมไม่ขำหรอกนะ” ร่างโปร่งพยายามเบียงตัวหลบอีกฝ่ายออกมา
แต่ข้อมือบางถูกจับกดยึดไว้กับพนัง ทำไมหมอนี้ชอบทำอะไรแบบนี้เรื่อย!!
“ฉันว่าฉันก็ไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะ”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองใบหน้ามนอย่างแน่วแน่
จนร่างโปร่งที่ถูกตรึงแทบจะหยุดหายใจที่โดนสายตาคมนั้นจ้องลงมาเหมือนกำลังกดดันตนเอง
“ค…คุณ” ทั้งที่อยากเถียงออกไป
แต่คำพูดกับถูกกลืนหาย ร่างกายและเปลือกตาเริ่มหนักขึ้นจากพิษไข้
ขาทั้งสองที่เริ่มหมดแรงร่างโปร่งจึงได้ทิ้งตัวเองลงกับบ่าแกร่งของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว
แขนแกร่งรับร่างที่หมดแรงและร่วงลงในอ้อมกอดอย่างแปลกใจ
รีไวล์มองหน้าคนในอ้อมกอดที่กำลังหอบหายใจถี่และอุณหภูมิที่สูงขึ้น
มือแกร่งยกขึ้นแตะหน้าผากของอีกฝ่ายแล้วต้องขมวดคิ้ว
เจ้าเด็กบ้านี้ไข้ขึ้นจนเป็นลมระหว่างที่กำลังคุยกับเขาอยู่
แขนแกร่งอุ้มคนป่วยขึ้นแล้วเดินเข้าไปทางที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องนอน
รีไวล์ค่อยๆวางร่างโปร่งลงบนฟูกอย่างเบามือ เหงื่อออกเยอะชะมัดคงต้องจับเช็ดตัว
ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมนอกของตนเองพาดไว้กับเก้าอี้ใกล้หัวเตียง
ใบหน้าคมพยายามมองหากาละมังและผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก
เมื่อเดินเข้าไปในห้องน้ำก็พบกับสิ่งของที่ต้องการ รีไวล์รองน้ำในกาละมังพร้อมทั้งถือวิสาสะค้นหาชุดใหม่ในตู้เสื้อผ้าของเจ้าของห้องเองโดยไม่รอรับคำขออนุญาตหรือถามก่อนสักนิด
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วชายหนุ่มจึงปลดกระดุมเสื้อของคนป่วยที่นอนอย่างไม่รู้สึกตัว
ผ้าชุบน้ำผืนนุ่มค่อยๆถูซับเหงื่อและอุณหภูมิความร้อนของคนป่วย
มือแกร่งเช็ดลูบไล้ใบหน้ามนอย่างแผ่วเบาไล้มายังคอระหง
แผ่นอกขาวเนียนที่กำลังไหวกระเพื่อมจากลมหายใจที่หอบถี่เพราะพิษไข้
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองร่างกายที่เย้ายวนตรงหน้าอย่างพยายามข่มอารมณ์
ถ้าไอเด็กนี้ไม่ได้สลบเพราะพิษไข้อยู่ล่ะก็บอกได้เลยว่าเขาคงจับเด็กหนุ่มมัดไว้กับเตียงแล้วทำอะไรต่อมิอะไรไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ใบหน้าคมได้แต่ถอนหายใจกับคนป่วยที่หลับตาพริ้มอย่างไม่รู้สึกถึงความอันตรายในความบริสุทธิ์ของตนเองที่อยู่ตรงหน้า
“อ……อื้อ”
เสียงแหบพร่าครางออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวกายที่อีกคนกำลังเช็ดตัวให้
ไอเด็กนี้มันจงใจยั่วเขาใช่ไหม? ถึงรีไวล์จะเป็นคนใจร้อนและเอาแต่ใจ
แต่การข่มเหงคนป่วยที่กำลังไม่ได้สติและอ่อนแอแบบนี้ไม่ใช่นิสัยของเขา
ชายหนุ่มจึงได้แต่จัดการเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายอย่างเรียบร้อย
ทั้งที่ตั้งใจว่าจะแวะมาเล่นกับไอเด็กนี้เสียหน่อยแต่กลับต้องมาดูแลเจ้าเด็กเหลือขอนี้แทนเสียอย่างนั้น
ใบหน้าคมถอนหายใจกับเด็กหนุ่มที่กำลังหลับสบายเมื่อพิษไข้ที่รุมเร้าเริ่มจางลงไปบ้างจากการเช็ดตัวของชายหนุ่มผู้บุกรุก
มือแกร่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดออกไปยังเบอร์ที่คุ้นเคย
“อืมนี้ฉันเอง มีของอยากให้ซื้อมาให้หน่อยแล้วก็เอามาส่งที่….. ตามนี้นะ”
เมื่อสั่งการเสร็จเรียบร้อยรีไวล์ก็เก็บโทรศัพท์ของตนในกระเป๋าเสื้อตามเดิม
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองพิจารณาห้องของเด็กหนุ่มที่เขาถือวิสาสะเข้ามา
ใบหน้าคมต้องกระตุกคิ้วอย่างเสียอารมณ์เพราะห้องนี้มันรกตามแบบฉบับเด็กหนุ่มที่อยู่คนเดียวอาศัยครบทุกประการ
ไม่ว่าจะเป็นจานชามที่กองทิ้งไว้ เสื้อผ้าที่กองรวมกันไม่รู้ว่าอันไหนซักแล้วหรือยังไม่ได้ซัก
กระดาษงานที่วางอยู่เกลื่อนกลาดจะมีก็แต่กล้องและห้องทำงานของเจ้าตัวที่ดูเรียบร้อยขึ้นมาผิดจากห้องอื่นๆ
ด้วยนิสัยรักความสะอาดเป็นทุนเดิมและต้องรอของที่ให้คนปลายสายไปหามาให้ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะจัดการเจ้าห้องโสโครกนี้ให้สะอาดเรียบร้อย
ชายหนุ่มเริ่มจัดการรื้อขนอุปกรณ์ทำความสะอาดในห้องของเด็กหนุ่มออกมา ร่างกายกำยำและมือแกร่งขยับไปมาอย่างคล่องแคล่ว
รีไวล์จัดการทำความสะอาดห้องและสิ่งของต่างๆของเด็กหนุ่มทั้งหมดให้จัดวางเป็นระเบียบเรียบร้อย
อ่างล้างจานที่เคยรกตอนนี้ถูกล้างและขัดจนเงางาม
กองเสื้อผ้าถูกแยกออกจากกันและถูกพับเข้าตู้เสื้อผ้าอย่างเรียบร้อย
พื้นถูกกวาดและถูจนใสสะท้อนเห็นเงาแวววาว รึไวล์จัดการทุกอย่างได้อย่างสะอาดหมดจด
เป็นระเบียบเสียจนถ้ามีป้ายโล่เกียรติคุณความสะอาดและความเนี๊ยบคงจะต้องเป็นของชายหนุ่มอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจนเป็นที่พอใจเสียงของหญิงสาวที่เขาให้ไปหาของก็ดังขึ้น
“หัวหน้าคะฉันเอายาแก้หวัดและลดไข้ตามที่สั่งมาให้แล้วค่ะ
แล้วก็ช่างซ่อมประตูกำลังมาค่ะ”
หญิงสาวผมสีน้ำตาลเดินเข้ามาในห้องที่หัวหน้าเธอนัดแนะไว้
นัยน์ตาสีน้ำตาลแปลกใจกับภาพที่เห็น
ถึงแม้การที่หัวหน้าจะทำความสะอาดไม่ใช่เรื่องแปลก แต่มันแปลกตรงที่หัวหน้าทำความสะอาดห้องของคนอื่นน่ะสิ
“มาแล้วเหรอเพทร่า ขอบใจมาก”
มือแกร่งหยิบห่อสีน้ำตาลที่คนตรงหน้ายื่นให้
“เออหัวหน้าคะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
เพทร่าอดจะเป็นห่วงกับการกระทำของหัวหน้าตนเองไม่ได้ ทำไมอยู่ๆถึงลุกขึ้นมาทำตัวเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนให้กับเด็กหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกัน
หรือคนที่ไม่สบายจะเป็นหัวหน้าของเธอเอง
นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองอีกคนอย่างสงสัย
เมื่อหญิงสาวเห็นดังนั้นจึงไม่ได้ถามอะไรและขอตัวลากลับไปทำงานของตนตามเดิม
ดูเหมือนหัวหน้ายังไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่นั่นผิดแปลกไปจากทุกที
ดูเหมือนเด็กหนุ่มที่ชื่อเอเลนคนนี้หัวหน้าจะให้ความสนใจมากกว่าที่คาดคิด
รีไวล์ถือถุงยาและน้ำดื่มเดินกลับเข้ามายังห้องนอนที่ตอนนี้เขาเองก็จัดการเก็บกวาดเรียบร้อยจนเหมือนใหม่
“โฮ่ยเอเลน ลุกขึ้นมากินยา”
“อ…อืม” เด็กหนุ่มครางตอบรับกับเสียงที่เรียกชื่อของตน
แต่เปลือกตาบางนั่นกลับไม่มีทีท่าว่าจะลืมขึ้นมาโดยง่าย
ใบหน้าคมถอนหายใจกับการกระทำของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มจึงค่อยๆดันเม็ดยาเข้าริมฝีปากสีระเรื่อ
เมื่อเห็นว่าเม็ดยาถูกดันเข้าไปแล้วเจ้าตัวจึงยกแก้วน้ำขึ้นอมน้ำไว้ในปากของตนเอง
มือแกร่งประคองท้ายทอยคนนอนขึ้นมา ริมฝีปากหนาทาบทับลงบนริมฝีปากบาง
น้ำใสสะอาดค่อยๆไหลผ่านจากอีกคนไปยังอีกคน
คนป่วยที่ไร้สติรับของเหลวที่ไหลผ่านมาแล้วค่อยๆกลืนเข้าคอตามสัญชาตญาณ
เมื่อเห็นว่าคนป่วยกลืนยาลงไปแล้วรีไวล์จึงวางร่างโปร่งลงให้นอนตามเดิม
หึ….ไอเด็กเหลือขอแกจะต้องตอบแทนที่ฉันมาดูแลแกแบบนี้อย่างแน่นอนเตรียมใจไว้ได้เลย
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วชายหนุ่มจึงคว้าเสื้อคลุมนอกของตนมาสวมใส่ตามเดิม
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง
ด้วยความสงสัยรีไวล์จึงหยิบเอกสารนั้นขึ้นมาอ่าน
โฮ่
เจ้าเด็กนี้แอบสืบประวัติเข้างั้นสิ………ไม่เลว
ใบหน้าคมยิ้มอย่างพึงพอใจ
มือแกร่งล้วงหยิบนามบัตรและบัตร์เชิญสุดพิเศษให้กับอีกคนบนซองเอกสารสีน้ำตาลที่มีข้อมูลและประวัติของเขาอยู่
ไหนขอลองดูหน่อยสิว่าถ้าหย่อนเบ็ดเอาไว้จะมีปลาน่ารักมาติดเบ็ดรึเปล่า…..
.
.
.
.
.
แสงอาทิตย์ยามเช้ากระทบกับเปลือกตาบาง แพขนตาหนาค่อยๆลืมขึ้นช้า
พิษไข้เริ่มจางลงไปมากแล้วตอนนี้ร่างโปร่งรู้สึกตัวเบาสบายจนเกือบจะเป็นปกติ
นัยน์ตาสีมรกตลืมขึ้นมองห้องของตนเองแล้วต้องขยี้ตาซ้ำๆไปมาอย่างไม่เชื่อสายตาของตนเอง
เพราะว่าห้องนอนที่รกตามแบบเด็กหนุ่มที่อยู่ตัวคนเดียวตอนนี้กลับเรียบร้อยระยิบระยับจนเด็กหนุ่มลุกพรวดจากเตียงขึ้นมานั่งมองตาค้าง
!!!!!!!!!!!
ใครทำจะบอกว่าคุณฮันเนสก็ไม่มีทาง
เพราะรายนั้นเป็นต้นแบบห้องรกรุงรังของเขาเลย
มิคาสะและแจนก็ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรได้สะอาดเนี๊ยบขนาดนี้
ร่างโปร่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งสำรวจห้องของตนเอง
ใครกันที่ทำแบบนี้อย่าบอกว่ามีซานตาครอสลงมาโปรดเขาก่อนคริสมาสงั้นเหรอ?
ก่อนที่เราจะหลับไป ใบหน้ามนพยายามครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แล้วนัยน์ตาสีมรกตต้องเบิกกว้าง ใช่แล้ว!!!ผู้ชายคนนั้นมาที่นี้
ไอคนอันตรายคนนั้น
ร่างโปร่งรีบเดินไปยังประตูห้องที่ถูกพังเข้ามาโดยชายหนุ่มที่เขาไม่อยากเจอที่สุด
เมื่อมาถึงนัยน์ตาสีมรกตต้องเบิกกว้างอีกครั้งเพราะประตูสีขาวของเขาตอนนี้กลับถูกเปลี่ยนเป็นประตูสีดำแถมระบบล็อกยังแน่นหนากว่าประตูโกโรโกโสบานเก่าของเขาเป็นอย่างมาก
แสดงว่าหมอนั่นมาที่นี้จริงๆสินะ!!
ประตูสีดำที่ถูกเปลี่ยนตรงหน้าเป็นเครื่องยืนยันเป็นอย่างดีของการมาเยือนของแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ
เปลี่ยนประตูให้เขาแบบนี้ตอนนี้ก็แสดงว่าหมอนั่นก็มีกุญแจห้องของเขาน่ะสิ!!!! ร่างโปร่งถึงกับหน้าซีดเมื่อคิดว่าคนอันตรายคนนั้นนอกจากจะรู้ที่อยู่ของเขาแล้วแต่ตอนนี้ยังมีกุญแจห้องของเขาด้วย
ไม่สิก่อนหน้านี้หมอนั่นไม่มีกุญแจยังพังประตูเข้ามาได้เลย
แต่สภาพห้องที่สะอาดและเป็นระเบียบจนน่าตกใจแบบนี้….คงเป็นฝีมือของหมอนั่นสินะ
อดรู้สึกชื่นชมและขอบใจนิดๆไม่ได้แฮะ ไม่คิดว่าคนแบบนั้นจะทำอะไรอย่างนี้เป็นกับเขาด้วย
ใบหน้ามนมองสภาพห้องที่ถูกทำความสะอาดและจัดจนเหมือนใหม่ด้วยความชื่นชม
ว่าแต่…….ตอนนี้คนอันตรายคนนั้นรู้ที่อยู่ทั้งยังมีกุญแจห้องของเรา…..แค่คิดก็หนาวไปถึงขั้วหัวใจแล้ว!!! ดูเหมือนเราจะต้องหาที่อยู่ใหม่แล้วสินะ…..
ถึงแม้จะมาทำความสะอาดห้องให้ขนาดนี้ก็เถอะแต่การกระทำที่ผ่านมาทำแค่นี้มันยังชดใช้ได้ไม่ถึงครึ่งหรอกนะเฟ้ย!!!
จะหนีไปจนนายหาไม่เจอเลยคอยดู…..รีไวล์
ค่ำคืนหนึ่งผ่านไปพร้อมกับเหตุการณ์ที่หลากลาย
ความรู้สึกเริ่มเพิ่มขึ้นทีละนิดโดยที่ต่างยังไม่รู้สึกตัว
เกมไล่ล่ายังคงดำเนินต่อไป เส้นชัยข้างหน้าและสิ่งที่รออยู่ยังคงไม่อาจคาดเดา
TBC.
นี่คือความโชคดีบนความโชคร้ายสินะ?
ตอบลบหรือจะเรียก่าความโชคร้ายบนความโชคดีกันละ?
เพราะเป็นพิษไข้ ก็เลยไม่ถูกจับกด
แถมยังทำความสะอาดห้องให้อีกต่างหาก
หัวหน้าค่ะ ไปเปลี่ยนอาชีพเป็นพนักงานทำความสะอาดเถอะค่ะ
รับรองว่าได้กำไลอื้อซ่าแน่นอน!
เอเลน มัวแต่สนใจประตูบ้าน ไม่สนใจร่างกายตัวเองเลย
ไม่รู้ตัวเลยสินะว่าถูกจับแก้ผ้า เห็นอะไรหมดแล้ว :D
น้องเลนมัวเเต่ตะลึงจนลืมห่วงตัวเองค่ะ อยากได้เเบบรีไวมาเป็นพ่อบ้านเหมือนกันนะ(ค่าตัวอาจต้องถึงขั้นตัดอวัยวะขาย)
ลบ