Fic.
[AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย
Chapter 2: My Sweet Victim
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูบานหนาดังขึ้นเพื่อเป็นการขออนุญาตเจ้าของห้อง
ร่างเพรียวเดินเข้ามายังโต๊ะสำนักงานสีดำขนาดใหญ่กลางห้อง
“นี่ของที่นายให้ไปหารีไว” มือเรียวยื่นบัตรเชิญงานเปิดตัวสินค้าแบรนดังให้กับอีกฝ่าย
“โฮ่ ทำดีมากฮันซี่” มือแกร่งหยิบบัตรเชิญขึ้นมามองรายละเอียดผ่าน
บัตรงานเปิดตัวของเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่จะมีขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า
“ว่าแต่ปกติงานแบบนี้นายไม่เคยสนใจเลยนี่นา
คราวนี้มีอะไรถึงทำให้นายอยากไปกันล่ะ?” หญิงสาวมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย โดยปกติงานเปิดตัวแบรนด์ต่างๆมักส่งมาเชิญเจ้าตัวอยู่บ่อยครั้ง
แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะสนใจไปถ้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางธุรกิจที่มากพอ
แต่งานเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าถึงแม้จะเป็นแบรนด์ดังก็ตามแต่ดูแล้วไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจที่คนตรงหน้าจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลยสักนิด
แต่ถึงขนาดโทรมาสั่งให้เธอหาบัตรเข้าร่วมงานแสดงว่าจะต้องมีสิ่งที่น่าสนใจมากทีเดียว
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองคนตรงหน้า
ใบหน้าเย็นชายกยิ้มมุมปากที่ฮันซี่เห็นแล้วรู้สึกเสียวสันหลังอย่างแปลกๆ
นี่แสดงว่ามีสิ่งที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวสินะท่าทางแบบนี้คงไม่ใช่แค่สนใจธรรมดาแล้วแน่ๆ
“มีของที่คิดว่าอยากลองน่ะ”
ของที่อยากลอง?
อยากลองเสื้อผ้าใหม่ๆของแบรนด์นี้งั้นเหรอแต่สไตล์สีสันมันสดใสไม่ใช่แบบที่คนตรงหน้านี้ชอบใส่สักนิด
หรืออยากลองเปิดธุรกิจด้านแฟชั่นเพิ่มเติม?
ก็ไม่น่าใช่ดูแล้วคนอย่างหมอนี่คงไม่มานั่งทำอะไรสร้างสรรค์โลกแบบนั้น
แล้วตกลงที่อยากลองมันคืออะไรกันแน่?
หญิงสาวได้แต่มองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าที่จริงแล้วกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
.
.
.
.
.
.
.
.
ณ. ห้องจัดงานใหญ่ภายในโรงแรม งานแถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าใหม่กำลังเริ่มขึ้น
หนุ่มสาวและแขกผู้มีเกียรติมากมายต่างแต่งกายมาในชุดสูทและชุดราตรีหรูหราสมกับเป็นงานเปิดตัวแบรนด์ดังที่ใครๆต่างจับตามอง
เฮ้อ…. เอเลนถอนหายใจกับบรรยากาศในงาน
ถ้าไม่ใช่ว่าคุณฮันเนสขอร้องให้มาเขาก็ไม่มีทางมางานแบบนี้เด็ดขาด
ต่อให้เขาจะเป็นคนถ่ายภาพนางแบบที่ตอนนี้กำลังนั่งให้สัมภาษณ์พวกนั้นอยู่ก็ตาม
แต่กับงานที่หรูหราและเป็นทางการแบบนี้บอกตามตรงว่าไม่เคยชินซะที
ถึงแม้จะต้องคอยตามคุณฮันเนสมางานแบบนี้อยู่บ่อยครั้งแต่หลายครั้งที่เขาปฎิเสธ
“เฮ้ย! ถอนหายใจมากๆแก่เร็วนะเว้ย”
มือหนาของอีกคนตบไหล่ร่างบางที่กำลังทำหน้าเบื่อโลก
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองคนที่เข้ามาทักแล้วต้องถอนหายใจอีกครั้ง คนที่เข้ามาทักคือเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะเป็นเด็กข้างบ้านคุณฮันเนส
“นายมาเขียนข่าวเหรอวะแจน?”
“พอดีคนเขาขาดเลยขอให้มาช่วยน่ะ” ร่างสูงเกาหัวอย่างอารมณ์เสีย
เพราะการเขียนข่าวแฟชั่นสำหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจเลย
“ว่าแต่เสียดายว่ะที่รูปครั้งที่แล้วที่แกขายให้ฉันไม่ได้ตีพิมพ์ออกไป
ดูเหมือนมันจะมีลับลมคมในกว่าที่คิดเยอะเลยว่ะ
ไม่ก็คนที่อยู่เบื้องหลังต้องเป็นพวกระดับใหญ่พอตัวเลย”
ใบหน้ามนถึงกับถอดสีเมื่อนึกถึงรูปถ่ายที่เป็นต้นเหตุให้เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่อยากจำ
เพราะไอรูปถ่ายที่บังเอิญไปถ่ายได้ตอนนั้นแท้ๆเชียว
ดีแค่ไหนที่ยังรอดชีวิตกลับมาได้ไม่โดนฆ่าถ่วงทะเลซะก่อน แค่คิดก็ขนลุกแล้วหวังว่าคงไม่ต้องเจอกับคนหน้าตายอย่างนั้นอีกหรอกนะ
“โอ๊ะ ทางนั้นดูจอแจจังเลยนะ สงสัยคนใหญ่คนโตมาล่ะมั่ง”
เด็กหนุ่มผมสีอ่อนมองไปยังกลุ่มคนในชุดสูทที่กำลังรุมล้อมบางอย่างด้วยความสนอกสนใจ
ใครมากันนะ? มองไม่เห็นเลยโดนบังซะมิด
นัยน์ตาสีมรกตมองไปยังกลุ่มคนที่คนข้างตัวกำลังให้ความสนใจอย่างเหม่อลอย
การพบกับคนใหญ่คนโตหรือผู้มีอิทธิพลไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอยู่แล้วเลยไม่รู้ว่าจะสนใจไปทำไม….. แต่แล้วนัยน์ตาสีมรกตก็ต้องเบิกกว้างมือที่ถือแก้วแชมเปญพลางเกร็งแน่น
เมื่อชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเขยิบถอยห่างออกมาเลยทำให้เห็นคนที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่ต่างรายล้อมและให้ความสนใจ ชายหนุ่มที่เขาจำได้ดี
ใบหน้าเย็นชาที่ไม่สนใจสิ่งใด ส่วนสูงที่ไม่ได้มาตราฐาน
นี่มันแค่บังเอิญ หรือว่าหมอนั่นคิดจะตามล่าเขาจริงๆงั้นเหรอ!?
“เฮ้ย นั่นคุณรีไวล์นี่หว่า แปลกจังปกติเขาไม่เคยออกงานอะไรแบบนี้
ไม่น่าล่ะใครๆต่างถึงรายล้อมขนาดนั้น” แจนมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความชื่นชม
ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอตัวจริงแบบนี้
“เขามีอิทธิพลมากเลยเหรอวะ?” เอเลนกระซิบถามคนข้างๆ
อย่างน้อยถ้ารู้ว่าหมอนั่นเป็นใครจะได้หาทางรับมือได้บ้าง
“จะเรียกว่ายังไงดีล่ะ ต้องบอกว่าประเทศนี้ขับเคลื่อนไม่ได้ถ้าไม่มีเขาเลยก็ว่าได้มั่ง
เพราะว่าไหนจะธุรกิจที่มีมากมายไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำมัน เหมืองแร่
หรือแม้กระทั่งอุตสาหกรรมเรือและการขนส่ง
ถ้าพูดถึงเรื่องอิทธิพลต้องบอกว่ามีมากกว่านักการเมืองบางคนเสียอีก”
คำพูดของแจนยิ่งทำให้ใบหน้ามนหน้าซีดยิ่งขึ้น นี่เขาไม่ได้แกว่งเท้าหาเสี้ยนธรรมดาแต่ดูเหมือนจะเหวี่ยงขาไปโดนกับระเบิดไม่รู้ตัวเสียแล้ว
“แต่ก็นะเบื้องหลังของนายคนนี้น่าสนไม่น้อยทีเดียว
แม้ฉากหน้าจะเป็นที่นับหน้าถือตาของคนมากมายแต่การจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแน่นอน”
นัยน์ตาสีมรกตมองคนข้างตัวที่กำลังยิ้มอย่างให้ความสนใจคนตรงหน้า
เบื้องหลังมันมีแน่นอนแล้วมันเกือบทำให้ฉันเอาชีวิตไปทิ้งแล้วนะเว้ย!!! แถมไอหมอนั่นเท้าหนักชะมัดทำเอาแทบลุกไม่ขึ้นไปวันหนึ่งเต็มๆ เอเลนได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
ใบหน้ามนต้องรู้สึกชาเมื่อนัยน์ตาสีมรกตบังเอิญสบเข้ากับนัยน์ตาสีขี้เถ้าที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน
ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเลยทำให้ร่างบางหันหลังและรีบเดินออกจากตรงนั้นมา
ถึงแม้แจนจะเรียกหรือถามแต่เจ้าตัวที่กำลังพยายามหลีกหนีคนอันตรายก็ได้แต่เดินหนีอย่างไม่สนใจเสียงเรียกนั่นจนออกมาถึงระเบียงด้านนอกของสถานที่จัดงานซึ่งลับสายตาผู้คน
มือบางเกาะระเบียงอย่างหมดแรง
หวังว่าไอหมอนั่นคงจะยังไม่เห็นเขาหรอกนะ แค่คิดก็ขนลุกซู่แล้ว!!!
มือบางยกแก้วแชมเปญที่ถือมาด้วยขึ้นจรดปากเพื่อจะดื่ม แต่กลับถูกใครสักคนคว้าไปเสียอย่างนั้น
ใบหน้ามนหันมองตามแก้วที่ถูกฉวยไปแล้วเกือบต้องหยุดหายใจเมื่อพบว่าคนอันตรายที่พยายามหนีมาเมื่อสักครู่กลับมายืนอยู่ข้างๆเขาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด
เวรแล้วไง!!! นึกว่าจะหลบพ้นแล้วเสียอีก
แถมตรงนี้ลับตาคนอีกต่างหาก
ทำไมช่วงนี้ถึงเจอแต่เรื่องชวนชีวิตสั้นนักนะวะเอเลนเอ๋ย!!!
“นายยังไม่บรรลุนิติภาวะควรดื่มน้ำผลไม้มากกว่านะเอเลน”
เสียงทุ้มเย็นชาเอ่ยขึ้นพร้อมยกแก้วแชมเปญที่ริบมาจากเด็กหนุ่มไปดื่มแทน
“ว….ว่าแต่นายเถอะทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะ
ไม่รีบกลับเข้าไปในงานจะไม่เป็นไรเหรอมีคนอยากรู้จักนายเยอะแยะเลยนะ”
แน่นอนว่าคนที่อยากรู้จักไม่ใช่ฉันแน่นอน
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเด็กหนุ่ม
หน้าตาที่กำลังตื่นตระหนกของหมอนี่ชวนให้น่าแกล้งไม่น้อย
แต่เรื่องมารยาทควรต้องอบรมกันมากทีเดียว ร่างเล็กแต่กำยำค่อยๆก้าวเข้าไปหาร่างบาง
ทำให้อีกคนต้องก้าวถอยหลังจนแผ่นหลังชิดติดกับกำแพงไร้ซึ่งทางหนี
“ไม่เคยมีใครบอกนายรึไงว่าเรียกคนที่อายุมากกว่าว่านายน่ะมันเสียมารยาทมากๆรู้ไหม?”
“กับคนที่ไม่น่าเคารพแบบแกน่ะเรียกว่านายก็มากพอแล้ว”
ใบหน้ามนมองกลับอีกคนด้วยสายตาท้าทาย
อย่างน้อยตอนนี้ก็อยู่ในที่สาธารณะและมีคนมากมายถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาก็คงเรียกคนมาช่วยได้ทัน
มือแกร่งลูบไล้ใบหน้ามนแผ่วเบา สายตาคมจ้องกลับไปอย่างท้าทายเช่นกัน
หึดูสิว่าจะดื้อด้านไปได้ขนาดไหน
รีไวล์บีบกรามของเด็กหนุ่มแน่นจนเอเลนถึงกับเบ้หน้าด้วยความเจ็บ
มือเรียวพยายามงัดมือหนาที่บีบอยู่ออก
แต่กลับโดนมือแข็งแกร่งอีกข้างรวบไว้เหนือศีรษะอย่างง่ายดายด้วยมือข้างเดียว
ไอหมอนี่ทำไมแรงเยอะนักนะ!!
“โฮ่
ฉันเองก็ไม่รังเกียจที่จะอบรมสั่งสอนเยาวชนให้มีสามัญสำนึกหรอกนะ”
มือแกร่งเพิ่มแรงบีบกรามของอีกฝ่าย “เอาล่ะ
ไหนลองเรียกใหม่สิ…ไอหนู”
นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์
กรามที่โดนบีบแน่นทำให้เจ้าตัวต้องกัดฟันเพื่อหวังจะลดความเจ็บปวดลงได้บ้าง
เมื่อใบหน้าคมเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะยังคงดื้อด้านอยู่จึงได้เพิ่มแรงบีบที่มือเข้าไปจนนัยน์ตาสีมรกตเริ่มมีน้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับ
“ว่าไงล่ะเอเลน?”
เจ็บใจ… ใบหน้ามนหลับตาแน่น ไม่อยากยอมแพ้
แต่ก็ไม่อาจต้านทานคนแข็งแกร่งตรงหน้าได้เลย
“ค…….คุณรีไวล์”
ชื่อที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้รีไวล์ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
ถึงกระนั้นแทนที่มือแกร่งที่พันธนาการเด็กหนุ่มจะคลายลง
แต่กลับเป็นว่าแรงบีบนั้นกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนฟันที่พยายามกัดนั้นหลุดออก
ริมฝีปากเผยอออกด้วยแรงบีบที่รุนแรง แล้วถูกริมฝีปากคมของอีกคนครอบครองอย่างจาบจ้วง
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างตกใจกับการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ลิ้นร้อนกระหวัดไปมาอย่างวาบหวาม
รุกเร้ากอบโกยความหวานของริมฝีปากบางตรงหน้าอย่างละโมบ
ลิ้นบางของเด็กหนุ่มพยายามดันลิ้นร้อนที่จาบจ้วงเข้ามา
แต่นั่นกลับยิ่งกระตุ้นให้ลิ้นร้อนกระหวัดเกี่ยวอย่างวาบหวาม
กึก!!
รสฝาดของเลือดปนกับรสหวานของจูบที่จาบจ้วงเร่าร้อน
ริมฝีปากคมถอนออกจากเด็กหนุ่ม มือแกร่งที่ใช้บีบคางมนลูบขึ้นแตะริมฝีปากของตนเอง
ความเจ็บแสบที่โดนกัดอย่างแรงบนริมฝีปากและรสเลือดที่ไหลผ่านทำให้รู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าพยศมากขนาดไหน
“แฮ่ก…. แฮ่ก…..” เอเลนหอบเอาอากาศเข้าปอด
แขนบางทั้งสองยังคงถูกพันธนาการด้วยมือข้างเดียวของชายหนุ่ม
นัยน์ตาสีมรกตจ้องเขม็งคนตรงหน้าอย่างเดือดดาล ไอหมอนี่เล่นตลกอะไร!?
“กล้าดีนี่ไอหนู” หึ… ไม่เลว
ยิ่งทำให้น่าสนใจเข้าไปใหญ่….
ก่อนที่ร่างโปร่งที่ถูกพันธนาการจะได้โต้ตอบอะไร
ริมฝีปากคมก็ทาบทับลงมาอีกครั้ง
“โอ๊ย!!” รสฝาดของเลือดและความเจ็บแสบที่เกิดขึ้นทำให้เอเลนหน้านิ่วด้วยความขุ่นเคือง
เขาโดนกัดคืน
“รสเลือดนายไม่เลว”
ชายหนุ่มเลียเลือดที่ไหลออกมาจากริมฝีปากของคนช่างพยศ
“ก….แก”
“อบรมแค่นี้นายยังไม่จำสินะ งั้นคงต้องสั่งสอนมากกว่านี้” มือแกร่งลูบไล้ไปยังสะโพกมนของเด็กหนุ่ม
เอเลนหน้าขึ้นสีด้วยความอายและตกใจ “แก จะทำอะไร!!!”
“อบรมเด็กดื้อยังไงล่ะ” มือแกร่งลูบไล้มายังจุดอ่อนไหวกลางลำตัว
เมื่อสิ่งที่อยู่กลางลำตัวเริ่มแข็งสู้มือ รีไวล์จึงรูดซิปกางเกงของเด็กหนุ่มออก
“ดูเหมือนนายเองก็จะรู้ดีนะว่าฉันจะทำอะไร”
เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหูของเด็กหนุ่มอย่างหยอกเย้า
ใบหน้ามนกัดฟันแน่นหวังข่มอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านที่โดนอีกคนรุมเร้า“อ…….ย……อย่า”
“โฮ่ นายแน่ใจเหรอ?” มือแกร่งลูบไล้จุดที่น่าอายของเด็กหนุ่มไปมา
ร่างบางสั่นระริกด้วยอาย โกรธ และ ความเสียวซ่านไปพร้อมๆกัน
ขาแกร่งของชายหนุ่มแทรกกลางยังขาของร่างโปร่ง
ขาเรียวที่ยันพื้นเริ่มอ่อนระทวยจนร่างของเด็กหนุ่มทรุดลงบนขาแกร่งของอีกคนที่แทรกเข้ามา
“อ……ฮ้า…..ฮ้า”
เด็กหนุ่มพยายามควบคุมการหายใจหวังจะเรียกสติตัวเองได้บ้าง แต่เป็นว่ายิ่งพยายามมากเท่าไรกลับยิ่งครางเสียงหวานออกมามากเท่านั้นและทำให้คนตรงหน้าพอใจกับปฏิกิริยาเหล่านั้นมากทีเดียว
“นายจะปล่อยออกมาก็ได้นะเอเลน” คำพูดที่น่าอายถูกกระซิบข้างหู
ทั้งอาย ทั้งโกรธคนตรงหน้า
แต่ร่างกายที่โดนกระทำกลับไม่ยอมฟังคำสั่งของตนเอง มือเรียวที่ถูกกดทับจิกลงบนเนื้อหวังระบายความเสียวซ่านและอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน
“อ…อ…..อื้อ”
มือแกร่งลูบไล้ปรนเปรอให้เด็กหนุ่ม เร่งจังหวะเร็วและถี่ขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งน้ำรักของเด็กหนุ่มนั้นพวยพุ่งออกมา “แฮ่ก แฮ่ก”
ริมฝีปากคมทาบทับลงบนริมฝีปากบางที่กำลังสั่นระริกด้วยความเหนื่อยหอบ
ลิ้นหนากอบโกยความหอมหวานจากโพรงปากจนพอใจก่อนที่จะละออก
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองเด็กหนุ่มที่พยายามหอบหายใจอย่างพึงพอใจ
“ก….แก ต้องการอะไรกัน!?” ทำไมต้องทำเรื่องแบบนี้กับเขา
เรื่องที่น่าอายที่โดนมือแกร่งของคนตรงหน้าปลดปล่อย
“หืม? ดูเหมือนต้องอบรมกันอีกสินะ?”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเจ้าเล่ห์
ร่างโปร่งหน้าขึ้นสีทันที
ไม่รู้ว่าเพราะความอายหรือความโกรธที่มากกว่ากัน
“คุณทำอย่างนี้ทำไมกัน?”
ริมฝีปากบางพยายามกัดฟันพูดสุภาพกับคนที่ไม่อยากสุภาพด้วยมากที่สุดตรงหน้า
“ดีมากเด็กดี” แทนที่จะได้รับคำตอบกลับเป็นคำชมและมือแกร่งที่ลูบลงมายังเส้นผมของตนแทน
ใบหน้ามนมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ มีแต่คำถามมากมายผุดขึ้นมาในสมอง
ตกลงไอหมอนี่จะเอายังไงกับเขา? จะฆ่าเขาให้ตายโดยการจับถ่วงทะเลต่อจากนี้?
หรือจะทำให้เขาต้องอับอายจนตาย?
“คุณยังไม่ตอบคำถามผมเลย?”
มือแกร่งเชยคางมนขึ้นมามอง ใบหน้าคมยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“แค่อยากจะสั่งสอนและตอกย้ำให้นายรู้ยังไงล่ะว่า โลกของนายอยู่ในกำมือของฉันไอหนู”
“ผมไม่ใช่ของของคุณ!”
“โฮ่ แววตาดีนี่ไอหนู” รีไวล์สบตาสีเขียวมรกตอย่างพึงพอใจ….เด็กนี้น่าสนใจและ….น่าสนุก “ถ้านายอยากจะหนีก็จงวิ่งให้สุดแรงซะล่ะ
เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็จะไล่จับนายกลับมาทุกครั้ง” อย่างน้อยก็จนกว่าจะเบื่อล่ะนะ
ใบหน้ามนถอดสีกับคำพูดของชายหนุ่มตรงหน้า
ไอหมอนี่จะคอยจับตาดูเขาอย่างนั้นเหรอ?
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ขอสาบานเลยว่าไอรูปถ่ายนั่นเขาจะไม่มีวันถ่ายมันอีกอย่างแน่นอน
“ชริ!! อย่าคิดนะว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่นายต้องการ”
“หึ มันก็ไม่แน่หรอกนะเจ้าหนู” ใบหน้าคมมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างสนใจ
แววตาที่เฉยชามีประกายของนักล่าที่กำลังจ้องมองเหยื่อ
สิงโตน่ะมันชอบที่จะเล่นไล่ล่าเหยื่อจนเหยื่อหมดแรงและยอมที่จะเป็นอาหาร หรือถ้าเหยื่อนั่นน่าเบื่อเกินไปไม่มีค่าแก่การให้เล่นก็จะฆ่าทิ้งและกินทันที
สำหรับเหยื่อตรงหน้านี่ได้ถูกตัดสินใจแล้วว่ามีค่ามากพอที่จะหยอกเล่นก่อนที่จะเชือดกินอย่างใจเย็น
ขอดูหน่อยสิว่าเหยื่อที่แสนหวานนี้จะหนีไปได้เสียขนาดไหนเชียว
หรือท้ายสุดแล้วเจ้าเหยื่อนี้จะหมดแรงเสียก่อนกันแน่……
TBC.
ห..หัวหน้าค่ะ นี่มันที่สาธารณะนะ
ตอบลบไม่อายฟ้าอายดินเลยสิให้ตาย ถ้ามีใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง *ดีดดิ้น* #นี่แกเป็นเอเลนรึไง
มาถึงก็ทำผิดกฎหมายเยาว์ชนกันเลยทีเดียว
ไหนว่าจะอบรมเด็กไงค่ะ หัวหน้า นี่มันผิดกฎหมายชัดๆ :D
เนียนนะค่ะหัวหน้า~
สกิลเเหกคุกเรื่องนี้รีไวมีมากค่ะ เพราะงั้นเฮียเลยมองข้ามไปฮาๆ
ลบหัวหน้าคะ.
ตอบลบ.
.
.
.
.
.
.
ระวังคุกนะ..........
//นี่มันที่สาธารณนะคะลุ๊ง!!! //โดนเตะฟันหลุด
กรี้ดดดดด นี้มันระเบียงนะคร้าา หัวหน้า ไม่ใช่ในห้อง ถถถ
ตอบลบกรี้ดดดดด นี้มันระเบียงนะคร้าา หัวหน้า ไม่ใช่ในห้อง ถถถ
ตอบลบ