วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Fic. [AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย Chapter 4: Beguile



Fic. [AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย
Chapter 4: Beguile


 ก๊อก  ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นฉุดให้เอเลนที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัวรีบวางมือจากมีดที่กำลังหั่นแครอทแล้ววิ่งหน้าตั้งเพื่อไปเปิดประตูอย่างเร่งด่วน ด้วยเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนคืนที่ผ่านมา

ผลั๊วะ!
“ไอบ้าเปิดออกมาซะแรง! เฮ้ย! เอเลนทำไมแกหอบงั้นวะ?” แจนมองร่างบางที่หอบอยุ่ตรงหน้าประตูอย่างแปลกใจ
“แฮ่ก แฮ่ก  แกเองเหรอแจน” ร่างบางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช้คนอันตรายที่เขาไม่อยากเจอ
“ก็ฉันเองน่ะสิ แกนึกว่าใคร?” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก” เอเลนปิดประตูห้องลงเมื่อผู้มาเยือนถือวิสาสะเข้ามานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกเรียบร้อยด้วยความคุ้นเคย
“ว่าแต่แกเปลี่ยนบานประตูใหม่ซะเป็นแบบอัตโนมัติเลยนะขโมยมันเยอะงั้นเหรอวะ?”
ขโมยยังไม่น่ากลัวเท่าคนที่เปลี่ยนประตูบานนี้ให้เลย
“เฮ้ยแกจ้างแม่บ้านที่ไหนมาทำความสะอาดวะเนี่ย!!! ยังก่ะห้องใหม่แนะนำหน่อยดิ” แจนมองสภาพห้องที่แปลกตาไปอย่างตกตะลึง เฟอร์นิเจอร์และห้องที่ถูกทำความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยจนเหมือนใหม่อย่างน่าแปลกใจราวกับเรียกบริษัททำความสะอาดชั้นนำมา
“ฉันว่าแกคงไม่อยากเจอหรอ” เมื่อนึกถึงคนอันตรายที่กลับทำงานบ้านได้สะอาดจนเรียกว่าขั้นเทพก็พาลให้รู้สึกขนลุก หายใจไม่ทั่วท้องทุกที
“หืม? เป็นพวกขี้โวยวายขนาดนั้นเลยเหรอ”
ถ้าเรียกว่าพวกฉวยโอกาสน่าจะถูกกว่า เอเลนได้แต่ยิ้มเฝื่อนเมื่อนึกถึงสิ่งต่างๆที่คนอันตรายทำไว้กับตน
“ว่าแต่แกมาทำไร?” ก่อนที่จะดูผิดสังเกตเอเลนเลยพยายามตัดบทเสียก่อน
ร่างสูงเปิดโทรทัศน์อย่างถือวิสาสะก่อนเอนตัวลงนอนบนโซฟาสีครีมกลางห้องอย่างสบายอารมณ์
“มิคาสะเป็นห่วงนายที่ไม่สบายเลยฝากฉันมาดูแลแทนระหว่างที่เธอไปหาข่าวเมืองข้างๆน่ะ”
เอเลนมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ ตรงไหนที่บอกว่ามาดูแลอาการของตน เพราะตอนนี้ดูยังไงก็เหมือนคนบุกรุกกำลังนอนดูโทรทัศน์อย่างสบายอารมณ์โดยไม่สนใจถามไถ่อาการเขาเลยสักนิด
“นี่แกกำลังทำมื้อเย็นอยู่สินะ ถ้ายังไงก็ขอฝากท้องที่นี้เลยละกัน” นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองเด็กหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้น สวมกางเกงสามส่วนแล้วคาดทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีเขียวเข้ม ก็เดาได้ว่าเจ้าตัวคงกำลังเตรียมอาหารอย่างแน่นอน
“ครับ ครับ” เอเลนกลับหายเข้าไปในครัวอย่างไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนบุกรุกที่กำลังกลิ้งเล่นบนโซฟาเสียเท่าไร แต่ร่างบางก็ได้คาดโทษไว้แล้วว่าเขาคงจะรายงานมิคาสะให้จัดการเจ้าคนไร้มารยาททีหลังอีกที
ข้าวแกงกระหรี่สองจานถูกวางลงบนโต๊ะ แจนที่ได้กลิ่นอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วเสิร์ฟเรียบร้อยเดินเข้ามานั่งเก้าอี้เตรียมรับประทานอาหารโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องเอ่ยเรียกด้วยซ้ำ ด้วยความที่รู้จักกันมานานและคุ้นเคยกันดีทำให้เอเลนชินกับการกระทำของคนตรงหน้าเลยได้แต่ถอนหายใจแล้วมองแกงกะหรี่ในมือที่อยากเอาละเลงลงบนหัวสีอ่อนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้
“เอเลนนี่ซองอะไรน่ะ?” แจนคว้าซองสีน้ำตาลที่อยู่บนโต๊ะอาหารขึ้นผลิกไปมาอย่างสนใจ
“กำลังจะทิ้งน่ะ ก็แค่ขยะ” ใบหน้ามนตอบอย่างไม่ใส่ใจพลางตักข้าวแกงกะหรี่หอมหรุ่นเข้าปาก ไอการ์ดแปลกๆที่อยู่ดีๆก็โผล่มาวางไว้บนเอกสารข้อมูลที่เขาให้คนตรงหน้าไปหา ไม่บอกก็รู้ว่าใครบางคนที่เขาอยากหนีต้องเป็นคนทิ้งไว้อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยความอยากรู้ตามประสาอาชีพนักข่าว ร่างสูงแกะซองสีน้ำตาลออกเพื่อดูสิ่งที่อยู่ข้างใน การ์ดแพลตตินั่มที่มีสัญลักษณ์ปีกสีดำและขาวไขว้กัน บนการ์ดมีชื่อคลับสีทองประดับอย่างหรูหรา  แจนหยิบการ์ดขึ้นมาพลิกไปมาอย่างตกตะลึง
“เฮ้ย!!!นี่ขยะที่ไหนวะ แกมีบัตรVIPของคลับเสรีภาพได้ไงเอเลน!!
ใบหน้ามนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย อีแค่การ์ดใบเดียวทำไมต้องตกใจขนาดนั้น?
“ทำหน้าแบบนั้นนายคงไม่รู้อะไรล่ะสิ คลับเสรีภาพเป็นคลับชั้นสูงถ้าไม่ใช่คนใหญ่คนโตหรือดาราที่มีชื่อเสียงไม่มีทางเข้าไปสัมผัสได้ง่ายๆนะเว๊ย” แจนอธิบายถึงคุณสมบัติของการ์ดในมืออย่างภาคภูมิใจ
“ก็แค่แหล่งโสมมไฮโซไม่ใช่เหรอไงวะ!” ถึงมันจะหรูหราขนาดไหนแต่เบื้องหลังคงไม่พ้นเรื่องเลวๆอย่างแน่นอน ยิ่งคนหน้าตายร่างเตี้ยทิ้งไว้ให้แบบนี้จะต้องไม่เป็นเรื่องดีกับตัวเขาแน่นอน
ร่างสูงฉุดข้อมือบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่กำลั่งทานอาหาร เอเลนที่กำลังอมช้อนสีเงินในปากโวยวายการกระทำที่ขัดการทานมื้อเย็นของตน
“แกทำอะไรของแกแจน!!
ใบหน้าหล่อของร่างสูงกว่าหันมายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมบัตรสีเงินในมือ
“ก็ต้องไปที่นี้อยู่แล้ว”
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“เฮ้ยเดี๋ยวเซ่ ฉันยังกินข้าวเย็นอยู่เลยนะ!!” เด็กหนุ่มมองข้าวแกงกะฟรี่ในจานของตนที่เพิ่งทานไปได้ไม่กี่คำอย่างอาวรณ์
“เราไปหาของหรูๆกินกันเถอะน๊า” ร่างสูงยังคงฉุดยื้อร่างบางที่ออกแรงรั้งไม่ให้ตามไป
“ฉันไม่มีตังค์นะเว๊ยของแพงขนาดนั้น!!” เอเลนพยายามหาข้ออ้างเพื่อบ่ายเบี่ยง เรื่องอะไรที่เขาจะต้องวิ่งไปหาเรื่องเดือดร้อนถึงที่
“ฉันเลี้ยงเองน๊า” แจนรีบยื่ยข้อเสนอ
“ฉันยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลยนะเว๊ย!!” แค่คิดถึงเจ้าของบัตรที่ทิ้งไว้ก็แทบจะอยากเอาบัตรไปเผาทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด
“แกก็เปลี่ยนซะสิวะ!!"
เอเลนอยากจะบอกผู้ซึ่งเป็นเพื่อนแต่เด็กควบตำแหน่งพี่ชายข้างบ้านที่บังคับตนจริงๆเลยว่ากำลังจะเอาชิ้นเนื้อไปประเคนให้ปากเสือ
“ฉันจะฟ้องมิคาสะนะเว๊ยว่านายหนีเที่ยว!!” ชื่อที่เอ่ยขึ้นเหมือนยันต์แปะแสกลงกลางหน้าผาก มือหนาที่กำลังฉุดร่างบางถึงกับชะงักลงทันที เอเลนถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่ดีใจได้ไม่นานนัก เมื่ออีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปยังปลายทางหาหญิงสาว
“มิคาสะเหรอ ฉันเอง เออเอเลนมันสบายดีหายแล้ว และก็ฉันจะไปคลับเสรีภาพซะหน่อยนะว่าจะไปหาข่าว คงเอาเอเลนไปด้วยฉันดูแลได้ไม่ต้องห่วง……แล้วเจอกัน”
บทสนทนาที่จบไปทำให้ใบหน้ามนถึงกับซีดราวกับไข้จะกลับมาเล่นงานอีกครั้ง
“อนุญาตเรียบร้อย ไม่มีปัญหาแล้วสินะเอเลน”
เอเลนได้แต่ยิ้มเจื่อนตอบกลับรอยยิ้มยียวนที่ส่งมาให้  แจนฉันอยากบอกนายเหลือเกินว่าการกระทำของนายมันกำลังทำให้ความบริสุทธิ์ของฉันสั่นคลอน แต่ก็ได้แค่คิดถึงจะบอกไปร่างสูงคงไม่เชื่ออยุ่ดีว่าชายหนุ่มอันตรายในแวดวงสังคมชั้นสูงอย่างรีไวต้องการไล่ล่าเขาไปทำไม

คลับขนาดใหญ่กลางใจเมืองความหรูหราและรับเฉพาะสมาชิกจึงทำให้บรรยากาศภายในแตกต่างจากคลับอื่นที่เด็กหนุ่มเคยได้เห็น เหล่าพนักงานรวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยต่างแต่ตัวด้วยชุดสูทสีดำเรียบร้อย ความมันวาวของเนื้อผ้าที่สะท้อนแสงไฟภายในเห็นได้ชัดเจนว่าคุณภาพของเนื้อผ้าต้องชั้นดี เหล่าหญิงสาวพนักงานต้อนรับต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีแนบเนื้อหรูหรา ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางยิ่งขับให้เหล่าผีเสื้อราตรีดูงดงามยิ่งขึ้น
เด็กหนุ่มในชุดสูทสีกรมท่าสำหรับออกงานนั่งตัวเกร็งด้วยความไม่คุ้นชินกับบรรยากาศราตรีผิดกับอีกคนที่อยู่ในชุดสูทสีเทากำลังตื่นตาตื่นใจพร้อมทั้งเก็บรายละเอียดรอบๆตัว ด้วยที่เป็นคลับชั้นสูงบรรยากาศและที่นั่งค่อนข้างห่างเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับแขกผู้มาใช้บริการรวมทั้งบรรยากาศที่ค่อนข้างสลัวจึงยากที่จะมองว่าคนที่นั่งอยู่ห่างออกไปเป็นใคร ถึงกระนั้นด้วยสายเลือดนักข่าวที่มีในตัวก็ทำให้แจนพยายามสังเกตุอริยาบทเพื่อเสาะหาข้อมูลที่ตนอาจได้ทำข่าวใหญ่
“ถ้าฉันจำไม่ผิดตรงนั้นเป็นนักแสดงชายที่กำลังดังตอนนี้ นายว่าที่หมอนั่นสูบอยู่เป็นบุหรี่ธรรมดา” นัยน์ตาสีเปลือกไม้วาวโรจน์ด้วยความตื่นเต้น “หรือฝิ่น?”
“นี่คลับชั้นสูงนะจะมีของแบบนั้นเหรอวะ?”
“แกไม่รู้อะไร ยิ่งคลับที่รับเฉพาะสมาชิกแบบนี้และพวกชั้นสูงนี่ล่ะตัวดีของความโสมมเลย”
นั่นน่ะสินะยิ่งคนที่ชื่อรีไวไม่รู้ว่าเบื้องหลังแล้วทำอะไรบ้าง แต่ยังไงก็ไม่ขอเจออีกเด็ดขาด เอเลนได้แต่ถอนหายใจพลางภาวนาขอให้วันนี้คนที่เขาไม่อยากพบเจอจะมายังคลับแห่งนี้
“ถ้าฉันจำไม่ผิดคลับเสรีภาพคนที่เป็นเจ้าของจะเป็นคุณรีไวนะ”
พรวดดดด!!
ชื่อที่ร่างสูงเอ่ยขึ้นมาทำให้เอเลนถึงกับสำลักเครื่องดื่มสีอำพันที่ดื่ม
“เอเลนแกไม่เคยกินเหล้าไม่ต้องฝืนก็ได้นะเว้ย น้ำเปล่าก็มีถ้าแกเมามีหวังมิคาสะเอาฉันตาย” แจนรีบเข้ามาช่วยลูบหลังร่างโปร่งที่กำลังสำลักจนตัวโยน
“เมื่อกี้นายว่าใครเป็นเจ้าของนะ?” นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองคนร่างสูง เมื่อกี้หวังว่าเขาคงจะแค่ฟังผิดไป
“คุณรีไวที่เราเคยเจอตอนงานเปิดตัวครั้งที่แล้วไง”  ชัดเลย คำตอบที่เน้นย้ำแล้วไม่ต้องหวังว่าจะเป็นเพียงแค่คนที่ชื่อเหมือนกันทำให้เอเลนขนลุกวาบไปทั่วทั้งตัว ก็คิดอยุ่แล้วว่าทิ้งบัตรไว้จะต้องมีอะไรแอบแฝงแต่ถึงขนาดเป็นเจ้าของด้วยเหมือนจะเกินคาดไปเสียหน่อย ถึงตอนนี้แอร์ในร้านจะเย็นฉ่ำเพียงใดแต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกว่าโซฟาที่นั่งช่างร้อนราวกับเหล็กลนไฟจนไม่อาจนั่งอยู่เฉยๆได้
“มือบางคว้ามือแกร่งทันที แจนมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย “กลับกัน ที่นี้ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“เฮ้ยไรวะเพิ่งมาเอง  เอเลนแกรอนี้แป๊บนะ” แจนสะบัดมือออกจากร่างบางแล้วรีบเดินตามเป้าหมายที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักเมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกับหญิงสาวในชุดราตรีอีกคน
“เฮ้ยแจน!” เอเลนได้แต่มองหลังคนที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ร่างบางทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกครั้งอย่างอ่อนแรง ทำไมเลือดนักข่าวไอบ้านั้นต้องมาปะทุเอาตอนนี้ด้วยฟร่ะ ถ้าไอหมอนั่นมันมาเจอเขามันต้องคิดว่าเขาจงใจมาหามันแน่ๆน่ะสิ ไอม้าบ้าเอ๊ย!!
“ขอโทษนะครับ” เสียงเรียกทำให้เอเลนหันมอง ชายหนุ่มบริกรในชุดสูทท่าทางสุภาพโค้งทักทายเด็กหนุ่มพลางยิ้มอย่างสุภาพ
“เออมีอะไรรึเปล่าครับ?”
“คือสุภาพบุรุษที่มาด้วยกันให้กระผมมาตามตัวท่านครับ เชิญทางนี้” บริกรหนุ่มผายมือนำทางให้เด็กหนุ่มเดินตามตนไปยังที่หมาย
เอเลนลุกขึ้นเดินตามอย่างหงุดหงิด ไอบ้านั่นแทนที่จะออกมาหาเขาแล้วกลับกันได้สักทีกลับใช้ให้คนมาเรียกเขาไปหา ถ้าเจอตัวต้องรีบลากออกไปจากที่นี้แล้วสะสางเรื่องวันนี้กันเสียบ้าง
บริกรหนุ่มเดินนำทางมายังห้องด้านในของคลับ เด็กหนุ่มเดินตามอย่างแปลกใจจนยืนหยุดอยุ่หน้าประตูสีไม้โอ๊คเข้ม  เจ้าแจนมันเดินมาทำอะไรในที่แบบนี้วะ? ยังไม่ทันได้คิดคำตอบบริกรหนุ่มเคาะขออนุญาตและเปิดประตูให้เด็กหนุ่มเดินเข้าไป พร้อมปิดประตูลงก่อนเดินจากไป
ห้องส่วนตัวภายในคลับใหญ่โซฟากำมะหยี่สีแดงยาว2ตัววางเด่นกลางห้อง เบื้องหน้าโซฟาคือหน้าต่างสีดำขนาดใหญ่ ความมืดภายในห้องทำให้เห็นไม่ชัดนักว่าคนที่นั่งหันหลังเป็นใคร แต่คำบอกเล่าจากบริกรทำให้เด็กหนุ่มเดาว่าเป็นเพื่อนของตนไม่ผิดแน่
เด็กหนุ่มสาวเท้าเดินเข้าไปหาคนที่นั่งหันหลังอยู่บนโซฟา
“แจนแกมาทำอะไร….!!!” ใบหน้ามนถึงกับซีด ร่างกายชาวาบจนไม่อาจขยับได้ ลมหายใจแทบจะหยุดนิ่งเมื่อพบว่าผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่ใช่คนที่เขาตามหา แต่เป็นคนที่เขาไม่อยากเจอสักนิด
มือแกร่งยกขึ้นดื่มสีอำพันขึ้นดื่ม นัยน์ตาสีขี้เถ้าเฉยชาจ้องมองร่างบางที่ตกตะลึงตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี
“ว่าไงเอเลน”
“กเออ  คุณรีไว” บทสั่งสอนที่ได้รับทำให้เอเลนยังจดจำได้ดี แม้จะยากที่ต้องพูดสุภาพกับคนตรงหน้าก็ตาม
“นั่งลงก่อนสิ” ชายหนุ่มพยักหน้าเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลง
“แต่ผมกำลังรีบ” รีบหนีไปจากที่นี้ เอเลนที่โดนใบหน้าเฉยชาจับจ้องได้แต่ประท้วงร้องอยู่ในใจอย่างไม่อาจทำสิ่งใดได้
“อยากให้ฉันสอนมารยาทอีกหรือไง?” คำขู่จากคนตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มรีบเดินไปนั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงข้ามทันที
“ดูเหมือนนายจะหายดีแล้วนี่ ค่าบริการตอนนั้นฉันจะขอเรียกเก็บอย่างแน่นอนไม่ต้องห่วง”
“แต่ผมไม่ได้ขอให้คุณทำให้เสียหน่อย อีกอย่างคุณเป็นคนทำประตูผมพังก่อนนะครับ” ใบหน้ามนขมวดมุ่นไม่พอใจกับการที่คนตรงหน้าเรียกร้อง เพราะผู้ที่เสียหายยังไงก็เป็นเขาอยู่ดี
“โฮ่ แต่ฉันก็เปลี่ยนประตูใหม่ให้นายแล้วนี่ ฉันอุตส่าใจดีไม่คิดค่าประตูของนายนะไอหนู”
“ถ้าคุณอยากให้ผมชดใช้ผมก็จะจ่ายให้ ถ้ายังไงบอกเลขที่บัญชีธนาคารของคุณมาก็ได้ครับแล้วผมจะรีบหาทางจัดการให้” เรื่องทุกอย่างจะได้จบสักที
“ฉันว่าฉันเคยบอกนายแล้วนะ  ว่าสิ่งที่ฉันต้องการคืออะไร”
ร่างบางสั่นวาบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าที่มองลงมาเหมือนราวกับนักล่าที่กำลังมองเหยื่อ
“ผมบอกแล้วผมไม่ใช่ของคุณ” เอเลนลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากห้อง แต่เสียงทุ้มเอ่ยเรียกทำให้ต้องหันกลับมา
“นายกลับไปโดยทิ้งเพื่อนนายไว้ไม่ได้จริงไหม?”
มือแกร่งกดรีโมทในมือ หน้าต่างสีดำในคราแรกเปลี่ยนเป็นหน้าจอฉายภาพขนาดใหญ่ นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างเมื่อพบว่าหน้าจอกำลังฉายภาพเพื่อนของตนที่โดนรายล้อมไปด้วยชายการดชุดสูท
“แจน!! คุณจะทำอะไร?” นัยน์ตาสีมรกตวาวโรจน์ด้วยความขุ่นเคืองสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าเย็นชา
รีไวยิ้มบางอย่างพอใจกับท่าทางของเหยื่อที่กำลังจนมุม
“ที่นี้เป็นคลับชั้นสูงแบบส่วนตัว และความลับมากมายของเหล่าคนชั้นสูงก็ถูกเก็บไว้เป็นความลับอย่างดี เพราะงั้นนักข่าวถือว่าเป็นหนูสกปรกในที่แห่งนี้”
เด็กหนุ่มเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องกับแรงกดดันตรงหน้า
“คุณจะทำอะไรหมอนั่น?”
 “คงต้องสั่งสอน เว้นแต่ว่า” นัยน์ตาคมหรี่มองหยั่งเชิงเด็กหนุ่มตรงหน้า “นายจะมาทำงานกับฉัน”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้ร่างโปร่งถึงกับตกใจ แค่ตอนนี้เขาก็แทบอยากหนีไปให้ไกลจากคนอันตรายจะแย่อยู่แล้ว ถ้าต้องมาทำงานร่วมกันก็ไม่ต่างอะไรกับอ้อยเข้าปากช้าง
“ถ้านายอยากสั่งสอนหมอนั่นก็ตามใจนาย” โดนสั่งสอนเสียบ้างจะได้สาสมกับที่พาเขามาเสี่ยงอันตรายแบบนี้ แล้วตัวเขาค่อยไปหาทางอธิบายให้มิคาสะฟังทีไรคงไม่เป็นไร เด็กหนุ่มเตรียมหันหลังกลับไปที่ประตู
“สตูดิโอฮันเนสแม้เป็นสตูดิโอเล็กๆแต่น่าสนใจไม่น้อย”
มือที่กำลังคว้าลูกบิดประตูต้องหยุดชะงัก
“นายคิดจะทำอะไร ถ้านายคิดทำร้ายคุณฮันเนสฉันไม่ยอมแน่!!” ชายหนุ่มผู้มีพระคุณที่ยากจะทดแทน ถ้าทำให้คนคนนั้นต้องเดือดร้อนด้วยแล้วเขาคงไม่อาจให้อภัยตนเองได้
รีไวยิ้มอย่างผู้มีชัยเหนือกว่า
“ก็แค่คิดว่าสตูดิโอนั่นถ้าเทคโอเวอร์แล้วสร้างโรงแรมแทนคงจะดีไม่น้อย เพราะทำเลน่าสนไม่เลว”
มือบางคว้าคอเสื้อของชายหนุ่มนัยน์ตาสีมรกตวาวโรจน์อย่างแค้นเคือง
“ฉันไม่ยอมให้แกทำอย่างนั้นเด็ดขาด”
มือแกร่งจับข้อมือบางแล้วบิด ร่างบางถูกแรงบิดจากข้อมือหมุนตัวลงกับโซฟาตามด้วยขาแกร่งที่กดทับลงมากลางหลังไม่ให้ขยับ ใบหน้ามนกัดฟันกรอดจนขึ้นสันกรามอย่างเจ็บแค้น ทั้งที่เตี้ยก็เตี้ยแต่ทำไมแรงถึงเยอะนักนะ!!
ใบหน้าคมเลื่อนต่ำลงมากระซิบข้างหูของเด็กหนุ่มที่โดนกดอยู่ใต้ร่าง
“การตัดสินใจของฉันขึ้นอยู่กับคำตอบของนายเอเลน”
เอเลนขมวดคิ้วมุ่น นัยน์ตาสีมรกตหลับตาลงอย่างใช้ความคิด เสียงหวานพยายามเอ่ยรอดผ่านลำคอ
“กก็ได้  ฉันจะทำ”
“หืมนายว่าอะไรนะ?” มือแกร่งบิดข้อมือเด็กหนุ่มมากขึ้นเมื่อคำตอบนั้นฟังไม่รื่นหูนัก
เอเลนยู่หน้าด้วยความเจ็บปวดจากข้อมือที่ถูกบิด
“ผมตกลงทำงานกับคุณครับคุณรีไว”
คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้รีไวยกยิ้มอย่างพอใจ
“ดีมากเด็กดี”
ชายหนุ่มผลิกร่างบางให้หันหน้าเข้าหาตน ริมฝีปากคมทาบทับลงริมฝีปากของเด็กหนุ่ม ลิ้นอุ่นร้อนไล่หยอกล้อกับลิ้นบางในโพรงปาก ก่อนไล่ตามแนวไรฟันแล้วจึงถอดถอนออก
เอเลนพยายามสูดหายใจเข้าปอดเมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกไป แล้วต้องสะดุ้งด้วยความเจ็บเมื่อชายหนุ่มกัดลงบนไหปลาร้าของตนจนเกิดรอยฟันและเลือดที่ซึมออกมา
“ถือซะว่าเป็นมัดจำก็แล้วกันไอหนู” มือแกร่งยกขึ้นปาดเลือดของอีกฝ่ายที่เปรอะริมฝีปากของตน



“เฮ้ยพวกแกฉันเป็นแขกนะเว๊ย!!  แจนเอะอะโวยวายเมื่อโดนหนุ่มในชุดสูทหิ้วตนเองออกมาทิ้งหลังร้าน ร่างสูงได้แต่โวยวายและสบถอย่างไม่สบอารมณ์ ทั้งที่กำลังจะได้ข่าวไปเขียนแต่โดนการดจับได้แล้วโยนออกมาเสียก่อน นับว่าเป็นหารเสียหน้าในฐานะนักข่าวอย่างมากทีเดียว
“แจนกลับกันได้แล้ว” เด็กหนุ่มที่ยืนรออยู่มุมกำแพงโยนสัมภาระให้อีกฝ่าย
“เอเลนทำไมนายมาอยู่ตรงนี้วะ?” คิ้วบางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ นี่ไอการ์ดนั้นมันหิ้วทั้งเขาและร่างโปร่งออกมาเลยงั้นเหรอ ไหนบอกว่าเป็นคลับชั้นสูงแต่ทำไมไล่ลูกค้าแบบนี้วะ!
ร่างบางเดินตรงเข้ามาหาคนตรงหน้า หมัดขวาตรงชกเข้าที่หน้าของอีกฝ่ายจนร่างสูงล้มลงไป
“เอเลนแกชกฉันทำไมวะ!!” แจนที่ล้มลงไปถึงกันมึนงง โวยวายการกระทำของคนตรงหน้า
“แค่นี้ยังถือว่าน้อยไปกันที่ฉันต้องเจอไอหน้าม้า” นัยน์ตาสีมรกตก้มมองคนตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไอเจ้าบ้านี้ดึงดันพาตัวเขามาเรื่องทั้งหมดคงไม่เป็นแบบนี้ ต่อให้อัดมันจนกระดูกหักสักท่อนสองท่อนยังไม่อาจสาสมกับที่เขาจะได้เจอเลยสักนิด
“แกพูดอะไรของแกไม่เห็นจะเข้าใจเลย” แจนมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ถึงกระนั้นก็ไม่มีคำตอบจากร่างบาง เอเลนหันหลังกลับเดินออกมาทำให้ร่างสูงต้องรีบเดิมตาม

ใบหน้ามนก้มมองคีย์การ์ดคอนโดหรูในมือของตน แค่คิดว่าต่อไปนี้จะต้องเจอคนอันตรายแบบนั้นทุกวันก็รู้สึกชีวิตเหมือนจะสั้นลงทุกขณะ ทั้งที่พยายามหนีแต่ทำไมเหมือนกับว่ายิ่งหนีก็ยิ่งวิ่งเข้าหา แล้วต่อไปนี้ชะตาชีวิตและความปลอดภัยของเขาจะเป็นอย่างไรกันเนี่ย!!

TBC.

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ20 มีนาคม 2557 เวลา 16:52

    แจน นะแจน *สายหัวอย่างปลงๆ*
    หาเรื่องซวยแล้วไง เจอแล้วยังไม่สำนึกอีกนะเอ็งนะ =A=

    แอบสะใจตอนเอเลนต่อยหน้าแจน ถถถถถ
    โดนซะมั่งจะได้รู้สำนึก นึกว่าแจนจะได้โดนอัดสักหน่อยเชียว
    แหม๋...เสียดาย... 55

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ8 ตุลาคม 2561 เวลา 22:56

    แจนเอ้ยยยยย

    ตอบลบ