Fic.
[AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย
Chapter 4: Beguile
ก๊อก
ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นฉุดให้เอเลนที่กำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัวรีบวางมือจากมีดที่กำลังหั่นแครอทแล้ววิ่งหน้าตั้งเพื่อไปเปิดประตูอย่างเร่งด่วน
ด้วยเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนคืนที่ผ่านมา
ผลั๊วะ!
“ไอบ้าเปิดออกมาซะแรง! เฮ้ย! เอเลนทำไมแกหอบงั้นวะ?” แจนมองร่างบางที่หอบอยุ่ตรงหน้าประตูอย่างแปลกใจ
“แฮ่ก แฮ่ก แกเองเหรอแจน”
ร่างบางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช้คนอันตรายที่เขาไม่อยากเจอ
“ก็ฉันเองน่ะสิ แกนึกว่าใคร?” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก” เอเลนปิดประตูห้องลงเมื่อผู้มาเยือนถือวิสาสะเข้ามานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกเรียบร้อยด้วยความคุ้นเคย
“ว่าแต่แกเปลี่ยนบานประตูใหม่ซะเป็นแบบอัตโนมัติเลยนะขโมยมันเยอะงั้นเหรอวะ?”
ขโมยยังไม่น่ากลัวเท่าคนที่เปลี่ยนประตูบานนี้ให้เลย
“เฮ้ยแกจ้างแม่บ้านที่ไหนมาทำความสะอาดวะเนี่ย!!! ยังก่ะห้องใหม่แนะนำหน่อยดิ”
แจนมองสภาพห้องที่แปลกตาไปอย่างตกตะลึง
เฟอร์นิเจอร์และห้องที่ถูกทำความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยจนเหมือนใหม่อย่างน่าแปลกใจราวกับเรียกบริษัททำความสะอาดชั้นนำมา
“ฉันว่าแกคงไม่อยากเจอหรอ” เมื่อนึกถึงคนอันตรายที่กลับทำงานบ้านได้สะอาดจนเรียกว่าขั้นเทพก็พาลให้รู้สึกขนลุก
หายใจไม่ทั่วท้องทุกที
“หืม? เป็นพวกขี้โวยวายขนาดนั้นเลยเหรอ”
ถ้าเรียกว่าพวกฉวยโอกาสน่าจะถูกกว่า
เอเลนได้แต่ยิ้มเฝื่อนเมื่อนึกถึงสิ่งต่างๆที่คนอันตรายทำไว้กับตน
“ว่าแต่แกมาทำไร?” ก่อนที่จะดูผิดสังเกตเอเลนเลยพยายามตัดบทเสียก่อน
ร่างสูงเปิดโทรทัศน์อย่างถือวิสาสะก่อนเอนตัวลงนอนบนโซฟาสีครีมกลางห้องอย่างสบายอารมณ์
“มิคาสะเป็นห่วงนายที่ไม่สบายเลยฝากฉันมาดูแลแทนระหว่างที่เธอไปหาข่าวเมืองข้างๆน่ะ”
เอเลนมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้
ตรงไหนที่บอกว่ามาดูแลอาการของตน เพราะตอนนี้ดูยังไงก็เหมือนคนบุกรุกกำลังนอนดูโทรทัศน์อย่างสบายอารมณ์โดยไม่สนใจถามไถ่อาการเขาเลยสักนิด
“นี่แกกำลังทำมื้อเย็นอยู่สินะ ถ้ายังไงก็ขอฝากท้องที่นี้เลยละกัน”
นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองเด็กหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้น
สวมกางเกงสามส่วนแล้วคาดทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีเขียวเข้ม
ก็เดาได้ว่าเจ้าตัวคงกำลังเตรียมอาหารอย่างแน่นอน
“ครับ ครับ”
เอเลนกลับหายเข้าไปในครัวอย่างไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคนบุกรุกที่กำลังกลิ้งเล่นบนโซฟาเสียเท่าไร
แต่ร่างบางก็ได้คาดโทษไว้แล้วว่าเขาคงจะรายงานมิคาสะให้จัดการเจ้าคนไร้มารยาททีหลังอีกที
ข้าวแกงกระหรี่สองจานถูกวางลงบนโต๊ะ
แจนที่ได้กลิ่นอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วเสิร์ฟเรียบร้อยเดินเข้ามานั่งเก้าอี้เตรียมรับประทานอาหารโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องเอ่ยเรียกด้วยซ้ำ
ด้วยความที่รู้จักกันมานานและคุ้นเคยกันดีทำให้เอเลนชินกับการกระทำของคนตรงหน้าเลยได้แต่ถอนหายใจแล้วมองแกงกะหรี่ในมือที่อยากเอาละเลงลงบนหัวสีอ่อนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้
“เอเลนนี่ซองอะไรน่ะ?”
แจนคว้าซองสีน้ำตาลที่อยู่บนโต๊ะอาหารขึ้นผลิกไปมาอย่างสนใจ
“กำลังจะทิ้งน่ะ ก็แค่ขยะ” ใบหน้ามนตอบอย่างไม่ใส่ใจพลางตักข้าวแกงกะหรี่หอมหรุ่นเข้าปาก
ไอการ์ดแปลกๆที่อยู่ดีๆก็โผล่มาวางไว้บนเอกสารข้อมูลที่เขาให้คนตรงหน้าไปหา
ไม่บอกก็รู้ว่าใครบางคนที่เขาอยากหนีต้องเป็นคนทิ้งไว้อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยความอยากรู้ตามประสาอาชีพนักข่าว ร่างสูงแกะซองสีน้ำตาลออกเพื่อดูสิ่งที่อยู่ข้างใน
การ์ดแพลตตินั่มที่มีสัญลักษณ์ปีกสีดำและขาวไขว้กัน
บนการ์ดมีชื่อคลับสีทองประดับอย่างหรูหรา
แจนหยิบการ์ดขึ้นมาพลิกไปมาอย่างตกตะลึง
“เฮ้ย!!!นี่ขยะที่ไหนวะ แกมีบัตรVIPของคลับเสรีภาพได้ไงเอเลน!!”
ใบหน้ามนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
อีแค่การ์ดใบเดียวทำไมต้องตกใจขนาดนั้น?
“ทำหน้าแบบนั้นนายคงไม่รู้อะไรล่ะสิ
คลับเสรีภาพเป็นคลับชั้นสูงถ้าไม่ใช่คนใหญ่คนโตหรือดาราที่มีชื่อเสียงไม่มีทางเข้าไปสัมผัสได้ง่ายๆนะเว๊ย”
แจนอธิบายถึงคุณสมบัติของการ์ดในมืออย่างภาคภูมิใจ
“ก็แค่แหล่งโสมมไฮโซไม่ใช่เหรอไงวะ!” ถึงมันจะหรูหราขนาดไหนแต่เบื้องหลังคงไม่พ้นเรื่องเลวๆอย่างแน่นอน
ยิ่งคนหน้าตายร่างเตี้ยทิ้งไว้ให้แบบนี้จะต้องไม่เป็นเรื่องดีกับตัวเขาแน่นอน
ร่างสูงฉุดข้อมือบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่กำลั่งทานอาหาร
เอเลนที่กำลังอมช้อนสีเงินในปากโวยวายการกระทำที่ขัดการทานมื้อเย็นของตน
“แกทำอะไรของแกแจน!!”
ใบหน้าหล่อของร่างสูงกว่าหันมายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมบัตรสีเงินในมือ
“ก็ต้องไปที่นี้อยู่แล้ว”
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“เฮ้ยเดี๋ยวเซ่ ฉันยังกินข้าวเย็นอยู่เลยนะ!!” เด็กหนุ่มมองข้าวแกงกะฟรี่ในจานของตนที่เพิ่งทานไปได้ไม่กี่คำอย่างอาวรณ์
“เราไปหาของหรูๆกินกันเถอะน๊า”
ร่างสูงยังคงฉุดยื้อร่างบางที่ออกแรงรั้งไม่ให้ตามไป
“ฉันไม่มีตังค์นะเว๊ยของแพงขนาดนั้น!!” เอเลนพยายามหาข้ออ้างเพื่อบ่ายเบี่ยง
เรื่องอะไรที่เขาจะต้องวิ่งไปหาเรื่องเดือดร้อนถึงที่
“ฉันเลี้ยงเองน๊า” แจนรีบยื่ยข้อเสนอ
“ฉันยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลยนะเว๊ย!!”
แค่คิดถึงเจ้าของบัตรที่ทิ้งไว้ก็แทบจะอยากเอาบัตรไปเผาทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด
“แกก็เปลี่ยนซะสิวะ!!"
เอเลนอยากจะบอกผู้ซึ่งเป็นเพื่อนแต่เด็กควบตำแหน่งพี่ชายข้างบ้านที่บังคับตนจริงๆเลยว่ากำลังจะเอาชิ้นเนื้อไปประเคนให้ปากเสือ
“ฉันจะฟ้องมิคาสะนะเว๊ยว่านายหนีเที่ยว!!” ชื่อที่เอ่ยขึ้นเหมือนยันต์แปะแสกลงกลางหน้าผาก
มือหนาที่กำลังฉุดร่างบางถึงกับชะงักลงทันที
เอเลนถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่ดีใจได้ไม่นานนัก
เมื่ออีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปยังปลายทางหาหญิงสาว
“มิคาสะเหรอ ฉันเอง เออเอเลนมันสบายดีหายแล้ว
และก็ฉันจะไปคลับเสรีภาพซะหน่อยนะว่าจะไปหาข่าว
คงเอาเอเลนไปด้วยฉันดูแลได้ไม่ต้องห่วง……แล้วเจอกัน”
บทสนทนาที่จบไปทำให้ใบหน้ามนถึงกับซีดราวกับไข้จะกลับมาเล่นงานอีกครั้ง
“อนุญาตเรียบร้อย ไม่มีปัญหาแล้วสินะเอเลน”
เอเลนได้แต่ยิ้มเจื่อนตอบกลับรอยยิ้มยียวนที่ส่งมาให้ แจนฉันอยากบอกนายเหลือเกินว่าการกระทำของนายมันกำลังทำให้ความบริสุทธิ์ของฉันสั่นคลอน
แต่ก็ได้แค่คิดถึงจะบอกไปร่างสูงคงไม่เชื่ออยุ่ดีว่าชายหนุ่มอันตรายในแวดวงสังคมชั้นสูงอย่างรีไวต้องการไล่ล่าเขาไปทำไม…
คลับขนาดใหญ่กลางใจเมืองความหรูหราและรับเฉพาะสมาชิกจึงทำให้บรรยากาศภายในแตกต่างจากคลับอื่นที่เด็กหนุ่มเคยได้เห็น
เหล่าพนักงานรวมถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยต่างแต่ตัวด้วยชุดสูทสีดำเรียบร้อย
ความมันวาวของเนื้อผ้าที่สะท้อนแสงไฟภายในเห็นได้ชัดเจนว่าคุณภาพของเนื้อผ้าต้องชั้นดี
เหล่าหญิงสาวพนักงานต้อนรับต่างแต่งกายด้วยชุดราตรีแนบเนื้อหรูหรา
ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางยิ่งขับให้เหล่าผีเสื้อราตรีดูงดงามยิ่งขึ้น
เด็กหนุ่มในชุดสูทสีกรมท่าสำหรับออกงานนั่งตัวเกร็งด้วยความไม่คุ้นชินกับบรรยากาศราตรีผิดกับอีกคนที่อยู่ในชุดสูทสีเทากำลังตื่นตาตื่นใจพร้อมทั้งเก็บรายละเอียดรอบๆตัว
ด้วยที่เป็นคลับชั้นสูงบรรยากาศและที่นั่งค่อนข้างห่างเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับแขกผู้มาใช้บริการรวมทั้งบรรยากาศที่ค่อนข้างสลัวจึงยากที่จะมองว่าคนที่นั่งอยู่ห่างออกไปเป็นใคร
ถึงกระนั้นด้วยสายเลือดนักข่าวที่มีในตัวก็ทำให้แจนพยายามสังเกตุอริยาบทเพื่อเสาะหาข้อมูลที่ตนอาจได้ทำข่าวใหญ่
“ถ้าฉันจำไม่ผิดตรงนั้นเป็นนักแสดงชายที่กำลังดังตอนนี้
นายว่าที่หมอนั่นสูบอยู่เป็นบุหรี่ธรรมดา”
นัยน์ตาสีเปลือกไม้วาวโรจน์ด้วยความตื่นเต้น “หรือฝิ่น?”
“นี่คลับชั้นสูงนะจะมีของแบบนั้นเหรอวะ?”
“แกไม่รู้อะไร
ยิ่งคลับที่รับเฉพาะสมาชิกแบบนี้และพวกชั้นสูงนี่ล่ะตัวดีของความโสมมเลย”
นั่นน่ะสินะยิ่งคนที่ชื่อรีไวไม่รู้ว่าเบื้องหลังแล้วทำอะไรบ้าง
แต่ยังไงก็ไม่ขอเจออีกเด็ดขาด เอเลนได้แต่ถอนหายใจพลางภาวนาขอให้วันนี้คนที่เขาไม่อยากพบเจอจะมายังคลับแห่งนี้
“ถ้าฉันจำไม่ผิดคลับเสรีภาพคนที่เป็นเจ้าของจะเป็นคุณรีไวนะ”
พรวดดดด!!
ชื่อที่ร่างสูงเอ่ยขึ้นมาทำให้เอเลนถึงกับสำลักเครื่องดื่มสีอำพันที่ดื่ม
“เอเลนแกไม่เคยกินเหล้าไม่ต้องฝืนก็ได้นะเว้ย
น้ำเปล่าก็มีถ้าแกเมามีหวังมิคาสะเอาฉันตาย”
แจนรีบเข้ามาช่วยลูบหลังร่างโปร่งที่กำลังสำลักจนตัวโยน
“เมื่อกี้นายว่าใครเป็นเจ้าของนะ?” นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองคนร่างสูง
เมื่อกี้หวังว่าเขาคงจะแค่ฟังผิดไป
“คุณรีไวที่เราเคยเจอตอนงานเปิดตัวครั้งที่แล้วไง” ชัดเลย
คำตอบที่เน้นย้ำแล้วไม่ต้องหวังว่าจะเป็นเพียงแค่คนที่ชื่อเหมือนกันทำให้เอเลนขนลุกวาบไปทั่วทั้งตัว
ก็คิดอยุ่แล้วว่าทิ้งบัตรไว้จะต้องมีอะไรแอบแฝงแต่ถึงขนาดเป็นเจ้าของด้วยเหมือนจะเกินคาดไปเสียหน่อย
ถึงตอนนี้แอร์ในร้านจะเย็นฉ่ำเพียงใดแต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกว่าโซฟาที่นั่งช่างร้อนราวกับเหล็กลนไฟจนไม่อาจนั่งอยู่เฉยๆได้
“มือบางคว้ามือแกร่งทันที แจนมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย “กลับกัน
ที่นี้ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“เฮ้ยไรวะเพิ่งมาเอง
เอเลนแกรอนี้แป๊บนะ”
แจนสะบัดมือออกจากร่างบางแล้วรีบเดินตามเป้าหมายที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักเมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกับหญิงสาวในชุดราตรีอีกคน
“เฮ้ยแจน!” เอเลนได้แต่มองหลังคนที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ร่างบางทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกครั้งอย่างอ่อนแรง
ทำไมเลือดนักข่าวไอบ้านั้นต้องมาปะทุเอาตอนนี้ด้วยฟร่ะ
ถ้าไอหมอนั่นมันมาเจอเขามันต้องคิดว่าเขาจงใจมาหามันแน่ๆน่ะสิ ไอม้าบ้าเอ๊ย!!
“ขอโทษนะครับ” เสียงเรียกทำให้เอเลนหันมอง
ชายหนุ่มบริกรในชุดสูทท่าทางสุภาพโค้งทักทายเด็กหนุ่มพลางยิ้มอย่างสุภาพ
“เออมีอะไรรึเปล่าครับ?”
“คือสุภาพบุรุษที่มาด้วยกันให้กระผมมาตามตัวท่านครับ เชิญทางนี้”
บริกรหนุ่มผายมือนำทางให้เด็กหนุ่มเดินตามตนไปยังที่หมาย
เอเลนลุกขึ้นเดินตามอย่างหงุดหงิด
ไอบ้านั่นแทนที่จะออกมาหาเขาแล้วกลับกันได้สักทีกลับใช้ให้คนมาเรียกเขาไปหา
ถ้าเจอตัวต้องรีบลากออกไปจากที่นี้แล้วสะสางเรื่องวันนี้กันเสียบ้าง
บริกรหนุ่มเดินนำทางมายังห้องด้านในของคลับ
เด็กหนุ่มเดินตามอย่างแปลกใจจนยืนหยุดอยุ่หน้าประตูสีไม้โอ๊คเข้ม เจ้าแจนมันเดินมาทำอะไรในที่แบบนี้วะ?
ยังไม่ทันได้คิดคำตอบบริกรหนุ่มเคาะขออนุญาตและเปิดประตูให้เด็กหนุ่มเดินเข้าไป พร้อมปิดประตูลงก่อนเดินจากไป
ห้องส่วนตัวภายในคลับใหญ่โซฟากำมะหยี่สีแดงยาว2ตัววางเด่นกลางห้อง
เบื้องหน้าโซฟาคือหน้าต่างสีดำขนาดใหญ่
ความมืดภายในห้องทำให้เห็นไม่ชัดนักว่าคนที่นั่งหันหลังเป็นใคร
แต่คำบอกเล่าจากบริกรทำให้เด็กหนุ่มเดาว่าเป็นเพื่อนของตนไม่ผิดแน่
เด็กหนุ่มสาวเท้าเดินเข้าไปหาคนที่นั่งหันหลังอยู่บนโซฟา
“แจนแกมาทำอะไร….!!!”
ใบหน้ามนถึงกับซีด ร่างกายชาวาบจนไม่อาจขยับได้
ลมหายใจแทบจะหยุดนิ่งเมื่อพบว่าผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่ใช่คนที่เขาตามหา
แต่เป็นคนที่เขาไม่อยากเจอสักนิด
มือแกร่งยกขึ้นดื่มสีอำพันขึ้นดื่ม
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเฉยชาจ้องมองร่างบางที่ตกตะลึงตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี
“ว่าไงเอเลน”
“ก…เออ
คุณรีไว” บทสั่งสอนที่ได้รับทำให้เอเลนยังจดจำได้ดี
แม้จะยากที่ต้องพูดสุภาพกับคนตรงหน้าก็ตาม
“นั่งลงก่อนสิ” ชายหนุ่มพยักหน้าเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลง
“แต่ผมกำลังรีบ” รีบหนีไปจากที่นี้
เอเลนที่โดนใบหน้าเฉยชาจับจ้องได้แต่ประท้วงร้องอยู่ในใจอย่างไม่อาจทำสิ่งใดได้
“อยากให้ฉันสอนมารยาทอีกหรือไง?”
คำขู่จากคนตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มรีบเดินไปนั่งลงยังโซฟาฝั่งตรงข้ามทันที
“ดูเหมือนนายจะหายดีแล้วนี่
ค่าบริการตอนนั้นฉันจะขอเรียกเก็บอย่างแน่นอนไม่ต้องห่วง”
“แต่ผมไม่ได้ขอให้คุณทำให้เสียหน่อย อีกอย่างคุณเป็นคนทำประตูผมพังก่อนนะครับ”
ใบหน้ามนขมวดมุ่นไม่พอใจกับการที่คนตรงหน้าเรียกร้อง เพราะผู้ที่เสียหายยังไงก็เป็นเขาอยู่ดี
“โฮ่ แต่ฉันก็เปลี่ยนประตูใหม่ให้นายแล้วนี่
ฉันอุตส่าใจดีไม่คิดค่าประตูของนายนะไอหนู”
“ถ้าคุณอยากให้ผมชดใช้ผมก็จะจ่ายให้ ถ้ายังไงบอกเลขที่บัญชีธนาคารของคุณมาก็ได้ครับแล้วผมจะรีบหาทางจัดการให้”
เรื่องทุกอย่างจะได้จบสักที
“ฉันว่าฉันเคยบอกนายแล้วนะ
ว่าสิ่งที่ฉันต้องการคืออะไร”
ร่างบางสั่นวาบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าที่มองลงมาเหมือนราวกับนักล่าที่กำลังมองเหยื่อ
“ผมบอกแล้วผมไม่ใช่ของคุณ” เอเลนลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากห้อง
แต่เสียงทุ้มเอ่ยเรียกทำให้ต้องหันกลับมา
“นายกลับไปโดยทิ้งเพื่อนนายไว้ไม่ได้จริงไหม?”
มือแกร่งกดรีโมทในมือ
หน้าต่างสีดำในคราแรกเปลี่ยนเป็นหน้าจอฉายภาพขนาดใหญ่
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างเมื่อพบว่าหน้าจอกำลังฉายภาพเพื่อนของตนที่โดนรายล้อมไปด้วยชายการดชุดสูท
“แจน!! คุณจะทำอะไร?”
นัยน์ตาสีมรกตวาวโรจน์ด้วยความขุ่นเคืองสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าเย็นชา
รีไวยิ้มบางอย่างพอใจกับท่าทางของเหยื่อที่กำลังจนมุม
“ที่นี้เป็นคลับชั้นสูงแบบส่วนตัว และความลับมากมายของเหล่าคนชั้นสูงก็ถูกเก็บไว้เป็นความลับอย่างดี
เพราะงั้นนักข่าวถือว่าเป็นหนูสกปรกในที่แห่งนี้”
เด็กหนุ่มเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องกับแรงกดดันตรงหน้า
“คุณจะทำอะไรหมอนั่น?”
“คงต้องสั่งสอน เว้นแต่ว่า”
นัยน์ตาคมหรี่มองหยั่งเชิงเด็กหนุ่มตรงหน้า “นายจะมาทำงานกับฉัน”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้ร่างโปร่งถึงกับตกใจ
แค่ตอนนี้เขาก็แทบอยากหนีไปให้ไกลจากคนอันตรายจะแย่อยู่แล้ว
ถ้าต้องมาทำงานร่วมกันก็ไม่ต่างอะไรกับอ้อยเข้าปากช้าง
“ถ้านายอยากสั่งสอนหมอนั่นก็ตามใจนาย”
โดนสั่งสอนเสียบ้างจะได้สาสมกับที่พาเขามาเสี่ยงอันตรายแบบนี้ แล้วตัวเขาค่อยไปหาทางอธิบายให้มิคาสะฟังทีไรคงไม่เป็นไร
เด็กหนุ่มเตรียมหันหลังกลับไปที่ประตู
“สตูดิโอฮันเนสแม้เป็นสตูดิโอเล็กๆแต่น่าสนใจไม่น้อย”
มือที่กำลังคว้าลูกบิดประตูต้องหยุดชะงัก
“นายคิดจะทำอะไร ถ้านายคิดทำร้ายคุณฮันเนสฉันไม่ยอมแน่!!” ชายหนุ่มผู้มีพระคุณที่ยากจะทดแทน ถ้าทำให้คนคนนั้นต้องเดือดร้อนด้วยแล้วเขาคงไม่อาจให้อภัยตนเองได้
รีไวยิ้มอย่างผู้มีชัยเหนือกว่า
“ก็แค่คิดว่าสตูดิโอนั่นถ้าเทคโอเวอร์แล้วสร้างโรงแรมแทนคงจะดีไม่น้อย
เพราะทำเลน่าสนไม่เลว”
มือบางคว้าคอเสื้อของชายหนุ่มนัยน์ตาสีมรกตวาวโรจน์อย่างแค้นเคือง
“ฉันไม่ยอมให้แกทำอย่างนั้นเด็ดขาด”
มือแกร่งจับข้อมือบางแล้วบิด
ร่างบางถูกแรงบิดจากข้อมือหมุนตัวลงกับโซฟาตามด้วยขาแกร่งที่กดทับลงมากลางหลังไม่ให้ขยับ
ใบหน้ามนกัดฟันกรอดจนขึ้นสันกรามอย่างเจ็บแค้น
ทั้งที่เตี้ยก็เตี้ยแต่ทำไมแรงถึงเยอะนักนะ!!
ใบหน้าคมเลื่อนต่ำลงมากระซิบข้างหูของเด็กหนุ่มที่โดนกดอยู่ใต้ร่าง
“การตัดสินใจของฉันขึ้นอยู่กับคำตอบของนายเอเลน”
เอเลนขมวดคิ้วมุ่น นัยน์ตาสีมรกตหลับตาลงอย่างใช้ความคิด
เสียงหวานพยายามเอ่ยรอดผ่านลำคอ
“ก…ก็ได้
ฉันจะทำ”
“หืมนายว่าอะไรนะ?” มือแกร่งบิดข้อมือเด็กหนุ่มมากขึ้นเมื่อคำตอบนั้นฟังไม่รื่นหูนัก
เอเลนยู่หน้าด้วยความเจ็บปวดจากข้อมือที่ถูกบิด
“ผมตกลงทำงานกับคุณครับคุณรีไว”
คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้รีไวยกยิ้มอย่างพอใจ
“ดีมากเด็กดี”
ชายหนุ่มผลิกร่างบางให้หันหน้าเข้าหาตน ริมฝีปากคมทาบทับลงริมฝีปากของเด็กหนุ่ม
ลิ้นอุ่นร้อนไล่หยอกล้อกับลิ้นบางในโพรงปาก ก่อนไล่ตามแนวไรฟันแล้วจึงถอดถอนออก
เอเลนพยายามสูดหายใจเข้าปอดเมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกไป
แล้วต้องสะดุ้งด้วยความเจ็บเมื่อชายหนุ่มกัดลงบนไหปลาร้าของตนจนเกิดรอยฟันและเลือดที่ซึมออกมา
“ถือซะว่าเป็นมัดจำก็แล้วกันไอหนู”
มือแกร่งยกขึ้นปาดเลือดของอีกฝ่ายที่เปรอะริมฝีปากของตน
“เฮ้ยพวกแกฉันเป็นแขกนะเว๊ย!!”
แจนเอะอะโวยวายเมื่อโดนหนุ่มในชุดสูทหิ้วตนเองออกมาทิ้งหลังร้าน
ร่างสูงได้แต่โวยวายและสบถอย่างไม่สบอารมณ์
ทั้งที่กำลังจะได้ข่าวไปเขียนแต่โดนการดจับได้แล้วโยนออกมาเสียก่อน
นับว่าเป็นหารเสียหน้าในฐานะนักข่าวอย่างมากทีเดียว
“แจนกลับกันได้แล้ว”
เด็กหนุ่มที่ยืนรออยู่มุมกำแพงโยนสัมภาระให้อีกฝ่าย
“เอเลนทำไมนายมาอยู่ตรงนี้วะ?” คิ้วบางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
นี่ไอการ์ดนั้นมันหิ้วทั้งเขาและร่างโปร่งออกมาเลยงั้นเหรอ ไหนบอกว่าเป็นคลับชั้นสูงแต่ทำไมไล่ลูกค้าแบบนี้วะ!
ร่างบางเดินตรงเข้ามาหาคนตรงหน้า
หมัดขวาตรงชกเข้าที่หน้าของอีกฝ่ายจนร่างสูงล้มลงไป
“เอเลนแกชกฉันทำไมวะ!!”
แจนที่ล้มลงไปถึงกันมึนงง โวยวายการกระทำของคนตรงหน้า
“แค่นี้ยังถือว่าน้อยไปกันที่ฉันต้องเจอไอหน้าม้า” นัยน์ตาสีมรกตก้มมองคนตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไอเจ้าบ้านี้ดึงดันพาตัวเขามาเรื่องทั้งหมดคงไม่เป็นแบบนี้
ต่อให้อัดมันจนกระดูกหักสักท่อนสองท่อนยังไม่อาจสาสมกับที่เขาจะได้เจอเลยสักนิด
“แกพูดอะไรของแกไม่เห็นจะเข้าใจเลย” แจนมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
ถึงกระนั้นก็ไม่มีคำตอบจากร่างบาง
เอเลนหันหลังกลับเดินออกมาทำให้ร่างสูงต้องรีบเดิมตาม
ใบหน้ามนก้มมองคีย์การ์ดคอนโดหรูในมือของตน
แค่คิดว่าต่อไปนี้จะต้องเจอคนอันตรายแบบนั้นทุกวันก็รู้สึกชีวิตเหมือนจะสั้นลงทุกขณะ
ทั้งที่พยายามหนีแต่ทำไมเหมือนกับว่ายิ่งหนีก็ยิ่งวิ่งเข้าหา
แล้วต่อไปนี้ชะตาชีวิตและความปลอดภัยของเขาจะเป็นอย่างไรกันเนี่ย!!
TBC.
แจน นะแจน *สายหัวอย่างปลงๆ*
ตอบลบหาเรื่องซวยแล้วไง เจอแล้วยังไม่สำนึกอีกนะเอ็งนะ =A=
แอบสะใจตอนเอเลนต่อยหน้าแจน ถถถถถ
โดนซะมั่งจะได้รู้สำนึก นึกว่าแจนจะได้โดนอัดสักหน่อยเชียว
แหม๋...เสียดาย... 55
เเจนเป็นกามเทพ(?)ค่ะ 55555
ลบแจนเอ้ยยยยย
ตอบลบ