Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last
Memory
Chapter 12
จัตุรัสกลางเมืองสถานที่ซึ่งเป็นแหล่งย่านธุรกิจของเมือง
อาคารและสำนักงานมากมายต่างตั้งอยู่ที่นี้รวมถึงสถานที่ราชการก็รวมอยู่ที่นี้เช่นเดียวกัน
ตราสัญลักษณ์ปีกสีขาวและดำไขว้กันประดับอยู่บนอาคารสีขาวขนาดใหญ่เพื่อแสดงถึงกองปราบปรามของเมืองซึ่งเป็นหน่วยงานราชการที่ตั้งอยู่ท่ามกลางย่านธุรกิจเช่นเดียวกัน
“เอาล่ะสำหรับการประชุมในครั้งนี้ก็สรุปกันตามที่ตกลงละกันนะ
ถ้ายังไงช่วยเขียนรายงานคดีให้ฉันด้วยละกันนะรีไวล์” ร่างสูงใหญ่ของผู้บังคับบัญชาหน่วยปราบปรามลุกขึ้นจัดเก็บเอกสารที่วางกองมากมายอยู่บนโต๊ะ
เพื่อเป็นสัญญาณว่าการประชุมช่วงเช้าที่ยาวนานได้ข้อสรุปและจบลงแล้ว
ผู้เข้าประชุมคนอื่นๆเก็บเอกสารและของของตนเองเพื่อออกจากห้องประชุม
“ได้เอลวิน
เดี๋ยวฉันแนบข้อมูลเพิ่มเติมของยัยฮันซี่เข้าไปให้ด้วยละกัน”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองเอกสารในมือคร่าวๆ
และรวบรวมเอกสารและข้อมูลทั้งหมดเพื่อทำรายงานส่งผู้บังคับบัญชาตามที่ได้รับมอบหมาย
นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังในห้องประชุม
เข็มสั้นที่ชี้เลข12
บ่งบอกว่าเป็นเวลาพักเที่ยงแล้ว
“ว่าแต่เที่ยงนี้นายจะไปทานอาหารที่ไหนน่ะ?”
เอลวินเดินมาหาชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าแต่แข็งแกร่งที่สุดของหน่วยปราบปราม
“คงโรงอาหารของหน่วย”
หลังจากรวบรวมเอกสารเรียบร้อยทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องประชุม
“ไปร้านของเพทร่าด้วยกันไหมล่ะ?
ร้านนั้นก็มีอาหารมื้อหนักนะแถมมีเมนูใหม่น่าลองด้วย”
เมนูใหม่น่าลองที่ว่าที่ให้เฉพาะกับชายหนุ่มสุดแกร่งเท่านั้น
ชายหนุ่มอดจะรู้สึกขำไม่ได้เมื่อได้ยินมาจากฮันซี่ว่าที่ร้านของเพทร่าวันนี้น่าจะมีเรื่องสนุกถ้ารีไวล์ไป
“ปกติฉันชอบไปช่วงบ่ายที่ไม่มีคนมากกว่า”
รีไวล์กลับมาถึงห้องประจำของตนเองซึ่งเป็นห้องเล็กส่วนตัวที่อยู่ในห้องใหญ่ของหน่วยงาน
ห้องของหัวหน้าหน่วยที่แสนสะอาดเรียบร้อยและเป็นระเบียบยิ่งกว่าห้องอื่นๆของหน่วยปราบปราม
เพราะความรักสะอาดของเจ้าของห้องเลยทำให้ห้องนี้ไรฝุ่นไม่กล้าเข้ามาย่างกราย มือแกร่งวางจัดเก็บเอกสารบนโต๊ะและแยกไว้อย่างเป็นระเบียบตามนิสัยรักความสะอาดและเรียบร้อยของเจ้าตัว
ถ้านายไปตอนบ่ายและฉันมีงาน
ฉันก็ไม่เห็นเรื่องสนุกที่ฮันซี่บอกไว้น่ะสิ!!
ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กกว่าอย่างใช้ความคิด จะล่อหมอนี่ไปยังไงดีนะ?
นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือ
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายบนใบหน้าสุภาพบุรุษของผู้บังคับบัญชา
“จริงสิ
ไหนๆก็ปิดคดีนี้ลงได้แล้วเพราะทุกคนทำงานกันอย่างหนัก
ฉันว่านานๆทีเลี้ยงตอบแทนพวกนายกับลูกน้องหน่อยก็ดูจะเป็นการกระทำที่หัวหน้าสมควรทำล่ะนะ”
ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าพลางเดินออกไปหน้าห้องทำงานและตะโกนนัดหมายทุกคนที่กำลังจะเดินออกไปพักกลางวันกัน
เมื่อออลโอ กุนเธอร์ เอริ๋ด ได้ยินเสียงของผู้บังคับบัญชาบอกว่าจะเลี้ยงต่างก็ส่งเสียงเฮลั่นแล้วรีบวิ่งมารายล้อมหน้าห้องของหัวหน้าหน่วยสุดแกร่งทันที
นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองบรรดากลุ่มคนตรงหน้าโดยเฉพาะชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เจ้าของแผนการที่หันหน้ามายิ้มระรื่นให้เขาโดยที่ไม่ได้สำนึกสักนิดว่าที่จะคิดเลี้ยงฉลองนี่ได้ปรึกษาเขาที่เป็นมือขวาแล้วรึยัง?ช่วยไม่ได้
ถึงตอนกลางวันคนที่ร้านเพทราจะแน่นจนน่ารำคาญแต่แบบนี้เขาก็คงที่จะปฏิเสธไม่ได้
“ฉันไม่หารนะเว้ยบอกไว้ก่อน
เพราะนายไม่ปรึกษาฉัน” มือแกร่งหยิบเสื้อโค๊ทขึ้นมาสวมแล้วเดินนำหน้าออกไป
เอลวินเดินตามพลางกลั้นหัวเราะ
ถ้าสิ่งที่ได้ยินจากฮันซี่มาเป็นความจริงกับการเสียเงินแค่นี้มันคุ้มกว่าการไปนั่งดูละครจากนักแสดงชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว
“สปาเก็ตตี้คาร์โบนาร่าได้แล้วครับ”
เด็กหนุ่มวางจานอาหารที่ได้รับออเดอร์ลงบนโต๊ะพลางยิ้มอย่างสุภาพให้กับบรรดาเหล่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
รอยยิ้มพิมพ์ใจที่เด็กหนุ่มมอบให้นั้นยิ่งทำให้บรรยากาศในร้านของเพทราวันนี้อบอวลไปด้วยความรื่นรมนย์และหอมหวานยิ่งกว่าขนมภายในร้านของเธอซะอีก
ป็อก!!!
เสียงดินสอที่กำลังจดรายการอาหารในมือของเด็กหนุ่มร่างสูงอีกคนหักคามือซึ่งเป็นแท่งที่ 5 ของวันนี้ตั้งแต่ที่ทั้งเขาและเอเลนเข้ามาทำงานในร้านตั้งแต่ 9 โมงเช้า
เฮ้ย!! เอเลนแกยิ้มมากไปแล้วนะเฟ้ยยย!!!!
แล้วไอตาลุงโต๊ะนั้นมันจะมองตาเยิ้มทำไมวะ แถมพี่สาวตรงนั้นสั่งอาหารไม่หยุดสักที!!!
แจนที่กำลังรับออเดอร์อยู่มองอีกคนที่กำลังวิ่งวุ่นเสริ์ฟอาหารให้โต๊ะต่างๆภายในร้าน
ถึงพี่เพทราจะบอกว่าช่วงพักกลางวันของพนักงานจะยุ่งก็เถอะแต่นี่เหมือนกับว่าจะคนเยอะผิดปกติ
แถมทุกคนก็เอาแต่เรียกใช้ร่างบางถึงขนาดที่ว่าตอนที่เขาเข้าไปรับออเดอร์แทนเพราะอีกคนกำลังวุ่นวายกับอีกโต๊ะอยู่นั้นหญิงสาวที่เขารับออเดอร์ถึงขนาดเอ่ยปากยอมนั่งรอเพื่อให้เอเลนเข้าไปบริการแทน
“พี่เพทราออเดอร์จากโต๊ะ
3
ครับ” แจนวางกระดาษออเดอร์ที่เคานท์เตอร์หน้าห้องครัวแล้วยกอาหารที่เสร็จเรียบร้อยแล้วไปเสริ์ฟตามโต๊ะ
ตอนนี้ในห้องครัวเพทรากำลังยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมทั้งอาหารและเครื่องดื่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ใบรายการอาหารมากมายที่วางเรียงกันเพื่อทำตามลำดับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
เตาอบที่กำลังอุ่นร้อนขนมปังเพื่อเตรียมเสริ์ฟ
เครื่องปั่นที่กำลังปั่นสมูทตี้โยเกริ์ตที่ลูกค้าสักโต๊ะสั่ง
หม้อที่กำลังต้มซุปข้าวโพดร้อนหอมกรุ่น
และกะทะที่แทบไม่ว่างจากการลงอาหารชนิดต่างๆตั้งแต่ช่วงเวลาพักกลางวันของพนักงานมาถึง
ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มทั้งสองคนจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้ขนาดนี้ เอเลนที่มีรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าน่ารักและสุภาพเรียกลูกค้าได้มากก็จริง
แต่เด็กหนุ่มที่ทำหน้าเซ็งแม้ไม่ได้สุภาพเท่าแต่ท่าทางที่ตั้งใจและพยายามแนะนำรายการอาหารให้ลูกค้ารวมทั้งใบหน้าที่หล่อเหลานั้นก็ทำให้มีเสน่ห์ดึงดูดไม่แพ้กันทีเดียว
ช่วงเช้าที่เปิดร้านเหล่าพนักงานที่เดินผ่านต่างมองเข้ามาอย่างให้ความสนใจกับบริกรหนุ่มหน้าใหม่
ไม่คิดเลยว่าพอช่วงกลางวันที่เป็นเวลาพักของเหล่าพนักงานจะทำให้มีลูกค้ามาใช้บริการมากกว่าปกติถึง
3 เท่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่อยากคิดเลยว่าพอตอนเย็นที่ไม่มีการจำกัดของเวลาแค่ช่วงพักแล้วจะมีคนเข้ามาใช้บริการขนาดไหน
กริ๊ง
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นเพื่อบอกว่ามีลูกค้ารายใหม่เข้ามาใช้บริการเพิ่มเติม
“ว้าวๆๆๆๆ
วันนี้ที่นี้มีอะไรแจกงั้นเหรอถึงได้คนเยอะขนาดนี้”
หญิงสาวร่างโปร่งเดินที่เคานท์เตอร์วางรายการอาหารซึ่งติดกับห้องครัว
“คุณฮันซี่ ขอโทษนะคะตอนนี้ยุ่งมากเลยถ้ายังไงต้องรอนานหน่อยนะคะ”
เพทราตะโกนออกมาจากในครัวเมื่อมองว่าแขกที่เข้ามาใหม่เป็นคนที่คุ้นเคยกัน
“ไม่เป็นไรหรอก
ขายดีขนาดนี้เพราะบริกรจากเด็กในสังกัดฉันสินะแบบนี้ต้องขอเป็นนายหน้าเรียกค่าตัวซะแล้วสิ
ฮ่าฮ่า” หญิงสาวมองเด็กหนุ่มทั้งสองที่ต่างวิ่งวุ่นไปมาภายในร้าน
ท่าทางและสายตาของแขกที่เข้ามาใช้บริการวันนี้ต่างแพรวพราวกับการมองบริกรเด็กหนุ่มสองคนทำหน้าที่ด้วยความเอ็นดู
และหลงใหลไปพร้อมๆกัน
เสียงกริ่งประตูดังขึ้นอีกครั้งเพื่อบอกว่ามีแขกรายใหม่เข้ามาอีกแล้ว
“เหมือนเราจะมาช้าไปสินะ”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมสีอ่อนมองไปรอบๆร้านที่ตอนนี้ไม่เหลือที่นั่งอยู่เลย
“เฮ้เอลวิน! นายก็มาทานกลางวันที่นี้เหรอ โอ๊ะดูเหมือนจะมากันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะ”
ฮันซี่โบกมือทักทายแขกใหม่ผู้มาเยือน
“มาพอดีเลยออลโอนายมาช่วยชั้นเดี๋ยวนี้เลยนะยุ่งจะตายอยู่แล้ว!! พวกนายด้วยเอริ์ด กุนเธอร์”
เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาใหม่เป็นใครเพทรารีบลากทั้ง 3 คนเข้าไปในครัวที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายของเธอทันที
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองเด็กหนุ่มร่างบางที่กำลังวิ่งวุ่นไปมาแต่ละโต๊ะจนไม่ทันสังเกตุเห็นว่ามีแขกกลุ่มใหม่เข้ามาภายในร้าน
ใบหน้ามนที่กำลังก้มๆเงยๆกับการจดรายการอาหารที่ยังไม่ชำนาญจนลูกค้าต้องเปิดเมนูและชี้ให้ดูด้วยความเอ็นดูเด็กหนุ่ม
ใบหน้าที่เหร่อหราและเปลี่ยนอารมณ์สีหน้าทุกครั้งที่พูดคุยกับลูกค้าทั้งอารมณ์ตกใจ
ทั้งรอยยิ้มที่สดใสเป็นมิตร ต่างดึงดูดให้เขาจ้องมองไม่วางตา
เอลวินที่มองผู้ใต้บังคับของตนสลับกับเด็กหนุ่มที่เจ้าตัวกำลังไล่ตามองอย่างไม่รู้ตัวได้แต่กลั้นขำกับปฎิกิริยาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของเพื่อนร่วมงานที่คบหากันมานาน
คิดถูกจริงๆที่หลอกให้รีไวล์มานี้ เมนูพิเศษที่อยากแนะนำก็คือเด็กหนุ่มบริกรซึ่งกำลังวิ่งวุ่นในร้านที่ฮันซี่โทรมาบอกว่าเขาจะต้องมาดูให้เห็นกับตาให้ได้
ดูท่าทางสิ่งมหัศจรรย์ของโลกจะได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อมนุษย์สุดแกร่งแสนเย็นชาให้ความสนใจกับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักคนนั้น
“ฉันคิดอะไรดีๆออกแล้ว”
ฮันซี่เดินเข้ามากอดคอเพื่อนทั้งสองที่ส่วนสูงต่างกันมาก “พวกนายก็ไปช่วยเด็กพวกนั้นเสริ์ฟหน่อยเป็นไง
ร้านกำลังยุ่งขนาดนี้เสริ์ฟแค่สองคนไม่ไหวหรอกน่า”
“หาทำไมฉันต้อง…เฮ้ย!!! แกจะลากชั้นไปไหนยัยสี่ตา!”
ใบหน้าคมที่กำลังเถียงกลับไปต้องหยุดชะงักเมื่อฮันซี่ลากทั้งสองคนไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อหลังร้าน
สักพักชายหนุ่มทั้งสองและหญิงสาวร่างโปร่งก็ออกมาพร้อมกับผ้ากันเปื้อนผูกไว้ที่เอว
เสื้อโค๊ทของกองปราบปราม
และเสื้อคลุมที่ต่างสวมใส่ถูกแขวนเก็บไว้ในล็อกเกอร์หลังร้าน
“ดีเลยค่ะหัวหน้าคุณเอานี้ไปเสริ์ฟที่โต๊ะ
8
นะคะ แล้วก็ขอร้องอย่าทำร้ายลูกค้าของฉันนะคะ” เพทรายื่นถาดอาหารที่เรียบร้อยแล้วให้คนตรงหน้า
การจะให้หัวหน้ารีไวล์ที่มีใบหน้าเย็นชายิ้มให้ลูกค้าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ขอแค่หัวหน้าจะไม่ไล่เตะลูกค้าของเธอก็ดีมากแล้ว
รีไวล์รับถาดอาหารมาถือไว้อย่างช่วยไม่ได้
ชริ!!ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นไอเด็กนั่นวิ่งจนหัวหมุนบอกได้เลยว่าเขาไม่มีทางที่จะยอมมาทำไองานบริการคนอื่นแบบนี้หรอกนะ
อาหารถูกเสริ์ฟที่โต๊ะด้วยใบหน้านิ่งเฉยของพนักงานจำเป็นโดยหารู้ไม่ว่าหญิงสาวที่เขาได้ไปเสริ์ฟอาหารให้นั่นทำอะไรไม่ถูกเพราะกำลังตื่นเต้นจนแทบจะหลอมละลายเมื่อสบตากับนัยน์ตาคมนั้นแม้เพียงวูบเดียว
และใบหน้าหล่อเหลาที่ได้มองใกล้ๆ
ถึงแม้รีไวล์จะเป็นคนเย็นชาไม่ค่อยสุงสิงกับใครแต่เพราะบุคลิคและใบหน้าหล่อคมนั้นทำให้มีสาวๆหลายคนปลื้มและมองดูอยู่ไกลๆ
ถือว่าเป็นคนที่ดังและเป็นที่นิยมสูงมากของบรรดาพนักงานสาวในละแวกนี้เลยทีเดียว
เมื่อชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งและทรมาณใจสาวๆเดินจากไปเพื่อรับออเดอร์ใหม่ที่เคาท์เตอร์บรรดาหญิงสาวที่โต๊ะ 8 แทบจะสลบตายคาโต๊ะจากการได้เห็นชายหนุ่มระยะประชิดอย่างที่ไม่เคยคาดฝัน
เอเลนที่เข้ามาเพื่อเตรียมรับถาดอาหารใหม่ไปเสริ์ฟ
มือเรียวของเด็กหนุ่มคว้าถาดเดียวกันกับมือแกร่งของอีกคน ใบหน้ามนจึงเงยมองอีกคนที่เข้ามาคว้าถาดอาหารถาดเดียวกัน
“ค…คุณรีไวล์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?!” เด็กหนุ่มทั้งตกใจและดีใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
ปฎิกิริยาที่เกิดขึ้นนั้นทำให้รีไวล์แอบยิ้มอยู่ในใจกับท่าทางที่เลิ่กลั่กน่ารักของคนตรงหน้า
“สักพักน่ะ โดนเจ้าพวกนั้นให้ช่วย”
นัยน์ตาสีมรกตจึงได้มองเข้าไปที่ห้องครัวที่ตอนแรกมีแค่หญิงสาวทำอยู่เพียงลำพังแต่ตอนนี้กลับมีผู้ช่วยเพิ่มขึ้นมาอีกสามคน
และเมื่อมองไปยังรอบๆร้านก็เห็นว่ามีพนักงานจำเป็นเพิ่มมากขึ้น
ถึงว่าว่าทำไมรู้สึกจะวิ่งวนน้อยลง เพราะทุกคนโดนให้มาช่วยอย่างนี้นี่เอง เอเลนหัวเราะกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้น
คิดถึงจัง…..บรรยากาศแบบนี้ ความรู้สึกที่คุ้นเคย ณ.
สถานที่แห่งใหม่
แม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแต่ความสัมพันธ์ที่เหมือนกับว่าสิ้นสุดไปแล้วนั้นกำลังย้อนกลับมา….ช่างเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นและน่าโหยหา….
“โฮ่ย!! ถ้านายมัวแต่มองภารกิจก็ไม่เสร็จหรอกนะ”
รีไวล์พูดพลางยกถาดอาหารให้กับร่างบางที่กำลังยิ้มระรื่น
ต่อให้ใบหน้านั่นกำลังมีความสุขและน่ารักแต่ตอนนี้เป็นเวลางานและการทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยถือเป็นความรับผิดชอบเบื้องต้นที่ควรทำ
เอเลนยิ้มรับถาดอาหารที่คนตรงหน้ายื่นให้
“รับทราบครับหัวหน้า!”
“ฉันไม่ใช่หัวหน้านายสักหน่อย”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองเด็กหนุ่ม
แต่พอถูกเด็กหนุ่มเรียกว่าหัวหน้ากลับไม่รู้สึกติดขัดใจ
ในทางกลับกันกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
ใบหน้ามนมีแววหม่นวูบหนึ่งและกลับมายิ้มร่าเริงอีกครั้ง
“ก็ตอนนี้คุณเหมือนหัวหน้าบริกรเลยนี่ครับ ผมเลยอยากเรียกคุณว่าหัวหน้า”
“ตามใจ….. รีบไปซะไอหนู” เด็กหนุ่มยิ้มรับและรีบทำงานตามที่ได้รับมอบหมายของตน
ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณจะจำอะไรไม่ได้
แต่การที่ได้เรียกคุณว่าหัวหน้าเฉกเช่นในอดีตก็ทำให้ผมมีความสุขและรู้สึกใกล้ชิดกับคุณเพิ่มขึ้นอีกนิดแล้วล่ะครับ
หัวหน้ารีไวล์…
เมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลาเข้าสู่ช่วงบ่าย
เหล่าพนักงานต้องกลับขึ้นไปทำหน้าที่ของตนอย่างช่วยไม่ได้
ท่าทางอิดออดและสายตาเว้าวอนที่ไม่อยากลุกออกจากร้านกาแฟของเพทร่าถูกมอบส่งมาให้กับบรรดาเหล่าบริกรวันนี้อย่างไม่ขาดสาย
ถึงกระนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนกระทั่งลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้านไปทำหน้าที่ของตน
ร่างโปร่งที่ยิ้มมาตลอดช่วงเช้าจนเหงือกเกือบแห้งถอนหายใจอย่างโล่งอก
สองมือบางดึงและนวดหน้าตัวเองเพื่อไล่ความเหนื่อยล้าที่ต้องวิ่งวุ่นตลอดช่วงกลางวัน
“ทุกคนขอบคุณมากเลยนะ
ฉันเตรียมอาหารไว้ให้แล้วล่ะมาทานกันเถอะค่ะ” อาหารคาว
หวานต่างๆมากมายถูกยกมาเสริ์ฟไม่ว่าจะเป็นสปาเก็ตตี้ ไก่ทอด ซุปข้าวโพด สลัดผัก
ขนมปังปิ้ง วาฟเฟิล ฮันนี่โทส หลากหลายเมนูวางลงบนโต๊ะที่ถูกเลื่อนต่อกัน
เมื่ออาหารอย่างสุดท้ายถูกวางลงบนโต๊ะเหล่าสมาชิกของร้านต่างเตรียมหาที่นั่งเพื่อรับประทาน
หญิงสาวทั้งสองที่กำลังลุ้นเด็กหนุ่มว่าจะนั่งตำแหน่งใดไม่รอช้ารีบส่งสัญญาณให้แก่กันเพื่อเป้าหมายในการปูทางที่จะเขยิบความสัมพันธ์ของเอเลนกับหัวหน้ารีไวล์
“เอเลนจ๊ะช่วยไปเอากาแฟที่ครัวมาให้หัวหน้าหน่อยสิจ๊ะ”
เมื่อได้ยินหญิงสาวเจ้าของร้านสั่งดังนั้นร่างโปร่งจึงเข้าไปในครัวเพื่อยกชุดกาแฟสำหรับชายหนุ่ม
“เอเลนเดี๋ยวชั้นไป…” ยังไม่ทันพูดจบแจนถูกมือเรียวของฮันซี่คว้าไหล่ไว้เสียก่อน
“แจนครูเพิ่งลองอ่านรายงานของเธออีกรอบมีบางส่วนที่ไม่ค่อยเข้าใจช่วยมาอธิบายให้ครูฟังหน่อยสิเผื่อจะช่วยเพิ่มคะแนนของเธอให้ได้นะ”
ฮันซี่ลากเด็กหนุ่มร่างสูงให้มานั่งลงกับที่ว่างข้างๆเธอ
“เอ๊ะ?
เดี๋ยวไม่ใช่ว่าอาจารย์ตัดเกรดไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ?” เพราะนี่อีกแค่อาทิตย์เดียวเขาก็จะเปิดเรียนแล้วแถมวิชาของอาจารย์ฮันซ่มักเป็นวิชาแรกๆที่คะแนนออกก่อนวิชาของอาจารย์ท่านอื่นๆ
“ตัดไปแล้วก็แก้ได้น๊า
ชั้นซะอย่าง หรือนายไม่อยากได้คะแนนจากวิชาชั้นเพิ่มงั้นเหรอไงพ่อหนุ่ม?”
มือเรียวขยับแว่นมองเด็กหนุ่มร่างสูงอย่างคาดโทษ และนั่นทำให้แจนรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างบอกไม่ถูก
“ม….ไม่ครับ ผ….ผมยินดีจะอธิบายเพิ่มเติม……” ถ้าเขาไม่ได้คิดไปเองทำไมวันนี้รู้สึกอาจารย์จะน่ากลัวแบบแปลกๆไปรึเปล่า?
เอเลนเดินออกมาจากห้องครัวและรินกาแฟดำให้กับชายหนุ่มสุดแกร่งรวมทั้งคนอื่นๆที่อยู่รอบโต๊ะ
เมื่อเครื่องดื่มสีดำหอมกรุ่นถูกรินจนครบทุกครั้งนัยน์ตาสีมรกตจึงมองหาที่นั่งของตนเอง
ตอนแรกว่าจะนั่งกับแจนแต่ดูเหมือนข้างๆแจนโดนขนาบด้วยคุณฮันซี่และคุณเอลวินเสียแล้ว
เมื่อมองไปเรื่อยๆจึงพบว่าเหลือแค่ที่นั่งข้างๆหัวหน้ารีไวล์ที่เหลืออยู่เท่านั้น
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้คิดอะไรเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“โฮ่ย! รีบมานั่งได้แล้วไอหนู”
มือแกร่งตบลงที่นั่งว่างข้างตัวเรียกอีกคนที่กำลังลุกลี้ลุกลนให้เข้ามาประจำที่เพื่อจะได้เริ่มมื้ออาหารที่วันนี้สายไปมากแล้ว
เอเลนรีบเดินมานั่งข้างๆกับชายหนุ่มถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้
แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นและทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้านัยน์ตาสีขี้เถ้าคู่นี้
ใบหน้ามนยิ้มให้อีกฝ่ายรอยยิ้มที่แตกต่างจากการที่เขายิ้มให้กับลูกค้าในมากของบริการ
เพราะรอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มที่มีความสุขที่ส่งมาจากเบื้องลึกของจิตใจที่จะมอบให้กับชายหนุ่มตรงหน้านี้เพียงคนเดียวเท่านั้น
มือแกร่งของรีไวล์ยื่นไปลูบศรีษะของเด็กหนุ่มด้วยความเคยชิน
จะเรียกว่าตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้วก็ว่าได้ที่รู้สึกคุ้นเคยกับการลูบไล้ผมสีน้ำตาลนี้ไปมาอย่างเอ็นดู
นั่นอาจเป็นเพราะชื่อของเด็กหนุ่มคนนี้รวมทั้งผมสีน้ำตาลช่างเหมือนกับเจ้าสุนัขปอมเปอเรเนียนเอเลนที่เขาเคยเลี้ยงไว้ล่ะมั่ง
การกระทำของทั้งคู่ต่างเป็นจุดสายตาของคนทั้งโต๊ะ
ออลโอ กุนเธอร์ เอริ์ด ต่างมองหัวหน้าของตนอย่างตกตะลึงพลางรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างประหลาด
มุมของหัวหน้าที่ไม่เคยเห็น!!!
ใครก็ได้บอกพวกเขาทีว่าพวกเขากำลังฝันกลางวันใช่รึเปล่า?
เพทร่าและฮันซี่ที่มองคนทั้งคู่อย่างเอ็นดูโดยเฉพาะฮันซี่ที่เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และสนุกสนานออกมาราวกับว่ากำลังวางแผนการอะไรบางอย่าง
เอลวินที่กลั้นขำกับท่าทางของผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองที่ไม่เคยเห็น
นี้มันเรียกว่ายิ่งกว่าคุ้มอีกนะการเห็นรีไวล์เอาใจใส่คนอื่นและเอ็นดูแบบโจ่งแจ้งขนาดนี้ถึงจะรู้ว่าที่จริงแล้วเจ้าตัวจะเป็นพวกใส่ใจคนอื่นอยู่แล้วก็ตามแต่ก็ไม่เคยแสดงออกมาตรงๆให้ได้เห็นเลยสักครั้ง
แต่กับเด็กหนุ่มที่ชื่อเอเลนดูท่าทางจะทำให้คนนิ่งเฉยอย่างรีไวล์หวั่นไหวมากทีเดียว
แจนที่มองภาพตรงหน้าแล้วได้แต่กัดฟันกรอดไปมาด้วยความหมั่นไส้
เพทราที่เห็นปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มร่างสูงได้แต่ขอโทษอยู่ในใจ
ขอโทษนะจ๊ะแจนก็เธอมีเวลาอยู่กับเอเลนมากกว่ายังไงเวลาแบบนี้ก็ต้องให้หัวหน้าเขาได้ทำอะไรบ้างสิ….
“คุณเพทราครับผมรบกวนขอเกลือหน่อยได้ไหมครับ?”
เด็กหนุ่มยื่นมือไปทางหญิงสาวเพื่อจะขอกระปุกขวดเกลือมาเติมรสชาติอาหารของตน
เพทรามองเด็กหนุ่มตรงหน้าพลางอมลมในแก้มอย่างงอนเด็กหนุ่ม
“ฉันบอกแล้วไงว่าให้เรียกพี่เพทราน่ะ ถ้าเรียกคุณอีกฉันไม่ให้กระปุกเกลือเธอหรอกนะเอเลน”
เด็กหนุ่มเกาแก้มตนเองอย่างลำบากใจ
จะให้เปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกเขาก็รู้สึกเขินๆอยู่นะ
แต่เมื่อหญิงสาวตรงหน้าอยากให้เขาเรียกแบบนั้นเขาก็คงต้องพยายามดู “พ……เออ พี่เพทราครับ ขอกระปุกเกลือให้ผมได้ไหมครับ?”
ความน่ารักจากการเรียกของเด็กหนุ่มทำให้เพทรายิ้มกว้างและรู้สึกกระดี๊กระด๊ากับความน่าเอ็นดูของคนตรงหน้า
“เอ๋ๆ
ฉันก็อยากให้เอเลนเรียกงั้นบ้างน่ะ ไหนเรียกว่าพี่ฮันซี่สิ”
ฮันซี่โบกไม้โบกมือขอมีส่วนร่วมในการโดนหนุ่มน้อยน่ารักเรียกว่าพี่บ้าง
“แต่คุณฮันซี่เป็นอาจารย์มันจะไม่เหมาะนะครับ”
เด็กหนุ่มทำสีหน้าลำบากใจเมื่อโดนอีกคนร้องขอ
“ไม่ยุติธรรมนี่นา
ชั้นก็อยากให้เธอเรียกว่าพี่บ้าง เรียกหน่อยนะ นะ นะ นะ”
หญิงสาวไม่ยอมแพ้พยายามอ้อนเด็กหนุ่ม
จนเอเลนที่ไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่ทำตามคำขอร้องนั่น
“อ่า….พี่ฮันซี่ครับ” เมื่อคำขอเป็นจริงฮันซี่ถึงกับตบไหล่เด็กหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความดีใจจนแจนเผลอร้องอุทานออกมา
ก็ฝ่ามือของหญิงสาวใช่ว่าจะเบาที่ไหน
“เอเลนนายเรียกพวกเราว่าพี่ด้วยสิ
ฉันก็อยากให้เรียกแบบนั้นนะ” ออลโอ กุนเธอร์
และเอริ์ดที่เห็นความไร้เดียวสาและน่าเอ็นดูนั่นก็อยากถูกเอเลนเรียกว่าพี่เช่นเดียวกัน
“ครับ ครับ พี่ออลโอ
พี่กุนเธอร์ พี่เอริ์ด”
เมื่อชื่อของทั้งสามถูกเรียกว่าพี่แทนคำว่าคุณทำเอาทั้งสามคนก้มหน้าลงไปทุบโต๊ะกับความน่ารักเด็กหนุ่มตรงหน้า มันจะน่ารักเกินไปแล้วโว๊ย!!! เข้าใจเลยว่าทำไมหัวหน้าถึงได้เอ็นดูนักนะ
“เออ
ถ้าฉันขอให้เรียกแบบนั้นด้วยจะได้รึเปล่า?”
ชายหนุ่มที่อายุมากที่สุดของโต๊ะเอ่ยขอบ้าง
การที่จะมีเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักมาเรียกตัวเองว่าพี่แบบไร้เดียงสาใช่ว่าจะหาโอกาสกันได้ง่ายๆ
“เอ๋?
คุณเอลวินก็เอากับเขาด้วยเหรอครับ?” ทำไมทุกคนถึงอยากให้เขาเรียกว่าพี่กันจังนะ?
“แหม
ก็ถึงจะอายุขนาดนี้แล้วแต่ถ้าโดนเด็กแบบเธอเรียกว่าพี่มันก็รู้สึกดีล่ะนะ”
“เออ…….งั้น พี่เอลวิน”
น……น่ารัก
เอลวินถึงกับเก็บอาการแทบไม่อยู่จนต้องหันหลังกระแอมไอเพื่อกลบเกลื่อน
“ไหนๆก็เรียกพี่ครบทุกคนแล้ว
ถ้าขาดอีกคนมันก็กระไรอยู่น๊า” ฮันซี่หันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับชายหนุ่มคนสุดท้ายที่เหลืออยู่บนโต๊ะ
“อ……..เอ๋!!!!!!!!!!” ใบหน้ามนขึ้นสีแดงทันที
เพราะคนสุดท้ายที่เหลืออยู่คือคนที่ทำให้จิตใจหวั่นไหว เต้นไม่เป็นจังหวะน่ะสิ
“เออ……คุณรีไวล์คงไม่ชอบให้เรียกแบบนั้นหรอกมั่งครับ”
นัยน์ตาสีมรกตเหล่มองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ถ้านายอยากเรียกฉันก็ไม่ห้ามหรอกนะ”
คำพูดของรีไวล์ทำเอาบรรดาลูกน้องและเหล่าเพื่อนร่วมงานทุกคนต่างกลั้นขำและตกใจไปตามๆกัน
คนอย่างหัวหน้ารีไวล์สุดแกร่งของกองปราบปรามก็หวังอยากให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเรียกว่าพี่!! จากที่ดูยังไงสองคนนี้ก็อายุต่างกันเกิน 10 ปีแน่ๆ
เมื่อฟังดังนั้นใบหน้าที่ขึ้นสีอยู่แล้วพลันแดงกว่าเก่า
ใบหน้ามนมองซ้ายมองขวาไปมาอย่างใช้ความคิดท่าทีที่เลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูกดูน่ารักไม่น้อยทีเดียว
มือแกร่งยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มนัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเด็กหนุ่มผ่านแก้วกาแฟที่จรดลงบนริมฝีปากคม
เอเลนก้มหน้ามองมือตัวเองที่กำลังขยำผ้ากันเปื้อนเพื่อหวังระบายความตื่นเต้นและเขินอายได้บ้าง
ใบหน้ามนค่อยๆช้อนขึ้นมองคนตรงหน้าที่ตนเองจะต้องเรียก
ริมฝีปากบางสันระริกก่อนจะค่อยๆเอ่ยออกมา
“พ…….เออ ค……… อ่า…………พ…..พี่ ……….พี่รีไวล์ครับ”
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก
แค่ก!!!” รีไวล์ที่โดนท่าทางที่น่ารักของเด็กหนุ่มเรียกตัวเองว่าพี่ถึงกับสำลักกาแฟที่กำลังดื่มเข้าไปทันที ไอเด็กนี้มันน่ารักโว๊ย!!
ร่างบางที่เห็นชายหนุ่มสำลักรีบเข้ามาช่วยลูบหลังให้ด้วยความเป็นห่วง
ปฎิกิริยาที่เกิดทำเอาทุกคนต่างเหมือนได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ถ้าเดาไม่ผิดหัวหน้ารีไวล์คนนั้นกำลังเขินใช่ไหม?
จะมีก็แต่เด็กหนุ่มร่างสูงที่ได้แต่กำช้อนส้อมในมือแน่นพร้อมทั้งส่งสายตาอาฆาตไปให้กับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
ไอเตี้ยนั่นมันจะได้ใจเกินไปแล้วนะเว้ย!!
“คุณรีไวล์ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?!” ใบหน้ามนมองคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง บอกแล้วว่าเรียกว่าพี่
คุณรีไวล์จะต้องรู้สึกแปลกๆไม่ชอบแน่ๆ
เมื่ออาการเริ่มกลับมาเป็นปกติชายหนุ่ม
ได้แต่โบกมือเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร
ไม่คิดว่าพอถูกเด็กหนุ่มเรียกว่าพี่มันจะทำให้เขารู้สึกวูบไหวแปลกๆในอกด้านซ้ายได้ขนาดนี้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอเลนก็ตัดสินใจแล้วว่าคงเรียกแค่
เพทรา ออลโอ กุนเธอร์ และเอริ์ดเท่านั้นว่าพี่ ส่วนฮันซี่ เอลวิน และรีไวล์ ยังไงก็คงต้องเรียกคุณเพราะด้วยวุฒิภาวะน่าจะเหมาะสมกว่า
อาหารกลางวันมื้อแรกที่ได้ทานพร้อมกับทุกคนอีกครั้งจบลงด้วยความสนุกสนานและความรู้สึกดีๆมากมาย
แต่อาจจะสร้างความขุนเคืองงและบาดใจให้กับเด็กหนุ่มอีกคนไปมากทีเดียว เมื่ออาหารทั้งหมดถูกจัดการก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง
แจนและเอเลนอาสาเก็บกวาดและล้างจานทั้งหมดที่อยู่ในครัว
เพื่อที่จะได้ให้หญิงสาวไปซื้อของเพิ่มเติมเพื่อรอรับศึกที่คาดว่าจะมีอีกครั้งในช่วงเย็น
“นี่เอเลนนายชอบคุณรีไวล์งั้นเหรอ?”
ขณะที่กำลังเก็บล้างจานอาหารด้วยกันแค่สองคนอยู่นั้น แจนก็เอ่ยถามเพื่อนสนิทของตนทันที
ใบหน้ามนขึ้นสีกับคำถามที่ถูกถามออกมาจากเพื่อนสนิท
แต่คำถามที่ถามมานั้นทำให้เอเลนได้หวนคิดอะไรบางอย่าง
ในอดีตเขารักและผูกพันธ์กับหัวหน้ารีไวล์ รักถึงขั้นที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อให้คนคนนั้นมีความสุข
แต่ในปัจจุบันตัวเขาที่มาเกิดใหม่และบังเอิญได้รับรู้เรื่องราวในอดีตผ่านบันทึกนั่น
เมื่อได้เจอกับคนคนนั้นอีกครั้งแท้จริงแล้วเป็นความรู้สึกของตัวเขาเอง
หรือเป็นความรู้สึกที่โดนชักนำในอดีตกันแน่?
ถ้าอย่างนั้นแล้วแท้จริงแล้วตอนนี้เขารู้สึกแบบไหนกัน?.......
“แหะๆ
จะเรียกว่าชอบดีรึเปล่าแต่มันเป็นความชื่นชม…..และโหยหามานานมากกว่า”
โหยหาที่อยากเจออีกครั้ง
“หืม?
งั้นนายก็ไม่ได้ชอบแต่ชื่นชมงั้นเหรอ?” แจนเริ่มกลับมามีความหวังอีกครั้ง
ตกลงว่านายแค่ชื่นชมใช่ไหมเอเลน?
ใบหน้ามนได้แต่หันมายิ้มให้กับแจน
ตอนนี้เขาก็ยังคงชื่นชมหัวหน้าไม่ผิดอย่างแน่นอน แล้วความรู้สึกชอบและรักนี้เป็นของตัวเขาเองหรือว่าของเอเลน
เยเกอร์ ในอดีตกันแน่? ที่เขาพยายามค้นหาและอยากเจอหัวหน้าอีกครั้งเพื่อจะสานต่อเรื่องราวในอดีตที่จบไปอย่างนั้นเหรอ?
มันเป็นความตั้งใจของเขาจริงๆรึเปล่า? หรือเขากำลังโดนเอเลนในอดีตชักนำ? คำถามมากมายจู่โจมเข้ามา
สับสนจัง……..
ตัวเราในอดีตกับตัวเราในปัจจุบันจำเป็นที่ต้องชอบคนคนเดียวกันด้วยงั้นเหรอ?
ถ้าเราไม่เคยรับรู้เรื่องในอดีตเลยเราจะหลงรักคนคนนั้นอีกครั้งรึเปล่า?
“แจน…….ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…..” เด็กหนุ่มร่างสูงมองอีกคนที่ใบหน้าหม่นลงอย่างใช้ความคิด
ดูเหมือนเอเลนเองก็ยังไม่เข้าใจว่าที่จริงแล้วรู้สึกยังไงกับหมอนั่น
แจนจึงได้แต่เงียบไม่ถามอะไรต่อ มือหนาชกลงที่ไหล่ร่างบางเบาๆหวังให้กำลังใจ
ไม่รู้ว่าผลสุดท้ายแล้วนายจะเลือกใครแต่ฉันก็จะขอลองทำให้ดีที่สุดตามวิธีของฉันก็แล้วกัน……เอเลน
พอตอนเย็นร้านของเพทร่าก็ยังคงมีลูกค้าอย่างแน่นขนัดตามที่คาดการณ์ไว้
ทำให้บริกรจำเป็นและพ่อครัวจำเป็นยังคงต้องมาช่วยงานที่ร้านช่วงเย็นอีกครั้ง
จวบจนกระทั่งร้านจะต้องปิดดึกกว่าทุกวันเพราะกว่าที่ลูกค้ากลุ่มสุดท้ายที่ค่อนข้างเป็นพวกช่างตื้อจะยอมลาจากไปก็เกือบทำให้รีไวล์เกือบจับคนกลุ่มนั้นเข้าไปกินข้าวแดงในคุกเล่นสักวัน
“วันนี้เหนื่อยหน่อยนะทุกคนในที่สุดก็จบสักที
ขอขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ”
เพทรากล่าวขอบคุณทุกคนที่วันนี้มาช่วยเธออย่างเต็มที่ในการรับมือลูกค้าที่มีมากเกินคาด
“ไม่เป็นไรจ้า
ฉันเองก็สนุกมากเหมือนกันแต่เธอต้องหาคนมาช่วยเพิ่มแล้วล่ะเพราะทางนี้จะมาช่วยทุกวันก็ไม่ได้ด้วยสิ”
เพราะแต่ละคนต่างมีหน้าที่ประจำของตนเองจะให้มาช่วยที่ร้านของหญิงสาวทุกวันก็ดูจะเป็นไปไม่ได้
“จากที่คาดการณ์คิดว่าคงวุ่นวายแบบนี้ราวๆสองอาทิตย์นั้นแหละ
หลังจากนั้นก็คงเข้าสู้สภาวะปกติ” เอลวินลองประเมิณสถาณการณ์ของร้านเพทรา
เนื่องจากตอนนี้เหล่าพนักงานหญิง ชาย
มากมายต่างต้องตาต้องใจเด็กหนุ่มทั้งสองเป็นอย่างมากเลยทำให้ที่ร้านมีคนมาใช้บริการมากขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
แต่ถ้าพวกนั้นมาและเห็นว่าไม่มีอะไรคืบหน้าก็คงยอมถอดใจกันกลับไปเอง
อาจจะมีพวกช่างตื้อที่น่ารำคาญอยู่บ้างแต่เท่าที่ดูคงไม่มากจนต้องเป็นห่วงเท่าไร
“ถ้ายังไงผมจะลองถามพวกเพื่อนๆดูนะครับ
คิดว่าคงยินดีมาช่วยกันเลยล่ะ” เอเลนที่เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดเสนอแนะขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นจะช่วยได้มากเลย
ถ้ายังไงฝากด้วยนะจ๊ะ” อย่างน้อยแค่ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
“ไว้ใจได้เลยครับ”
“ว่าแต่พวกเธอกลับกันยังไงเหรอ?”
เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วด้วยความเป็นอาจารย์ของเด็กทั้งสองทำให้เธออดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“แจนจะขับรถแวะส่งผมที่บ้านก่อนกลับน่ะครับ”
เด็กหนุ่มร่างสูงอีกคนเดินสะพายเป้สัมภาระของตนออกมาเตรียมที่จะพาเพื่อนสนิทของตนไปส่งบ้าน
“จริงสิ
ฉันลืมซื้อของนี่นาถ้ายังไงแจนพาพี่ไปซื้อของหน่อยสิจ๊ะ”
เพทราหันไปทำสายตาเว้าวอนเด็กหนุ่มร่างสูง
“อ่ะ…ได้ครับพี่เพทรา” ถึงแม้จะงงว่าทำไมหญิงสาวต้องให้เขาไปช่วยซื้อของ แต่ด้วยความที่เห็นว่าเป็นเจ้าของร้านแจนเลยไม่ถามอะไรออกไป
“จริงด้วยสิร้านที่จะไปผ่านบ้านของ
เอริ์ด และกุนเธอร์พอดี เราก็กลับพร้อมกันเลยละกันนะ”
หญิงสาวหันไปบอกบรรดาเพื่อนของตนเองพลางส่งสายตาบอกเป็นนัยน์บังคับให้ทุกคนไปด้วยกัน
จนไม่มีใครสามารถปฎิเสธได้
“อ้าวถ้าอย่างนั้นรถของแจนก็เต็มแล้วน่ะสิ
งี้เอเลนจะกลับยังไงล่ะ?” ฮันซ่พลางยิ้มเจ้าเล่ห์เหล่มองเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีเขียวมรกต
เพทราพยายามชักนำขนาดนี้เธอก็ต้องช่วยเสริมโรงอยู่แล้ว
“เอางี้รีไวล์นายช่วยไปส่งลูกศิษย์ฉันหน่อยละกัน
ฝากด้วยนะ” หญิงสาวผลักเด็กหนุ่มร่างบางไปให้ชายหนุ่มอีกคนรับผิดชอบ
“เอ๋ ด..เดี๋ยวเซ่!!!” แจนที่กำลังจะเรียกร้องสิทธิของตนเองถูกบรรดาคนที่จะต้องขับรถไปส่งวันนี้ต่างปิดปากและลากออกไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
“เอ้าๆ
รีบไปกันเถอะแจนเดี๋ยวร้านปิดเพทราไม่มีของมาขายเอานะ” กุนเธอร์ช่วยลากเด็กหนุ่มตรงไปที่รถอย่างไม่รอช้า
เฮ้ย!!! เดี๋ยวสิ!
นี้เขาไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมทำไมรู้สึกว่าทุกคนกำลังวางแผนแยกเขากับเอเลนยังไงอย่างงั้น?!!!!!
“ต้องรีบแล้วล่ะสิ
ถ้ายังไงฝากเอเลน กับหัวหน้าปิดร้านให้ด้วยนะคะ
หัวหน้าเอลวินก็ไปส่งคุณฮันซี่ด้วยนะผู้หญิงคนเดียวกลับเองอันตรายค่ะ”
เพทราจัดแจงเพื่อให้แน่ใจว่าหัวหน้าของเธอจะไปส่งเด็กหนุ่มแค่สองต่อสองเท่านั้น
“เอาล่ะเอลวินเราก็รีบไปกันเถอะ
ดีเลยชั้นเพิ่งทำสำนวนคดีเสร็จไปอยากให้นายช่วยดูพอดี”
ฮันซี่รีบลากอีกคนออกไปจากร้านอย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งเอลวินเองก็ยินดีที่จะเดินตามหญิงสาวไปอย่างเต็มใจ
การช่วยเปิดโอกาสให้ก็เป็นหน้าที่ของเพื่อนที่ดีควรกระทำสินะ หึหึ
ใบหน้ามนมองเหล่ากลุ่มคนที่ออกไปอย่าง
งงๆ คือสรุปแล้วว่าเขาจะต้องกลับกันคุณรีไวล์สินะ?
“โฮ่ย
นายรีบปิดร้านแล้วตามมาได้แล้วไอหนู” รีไวล์เดินนำหน้าเด็กหนุ่มออกไปทำให้เอเลนต้องรีบปิดไฟแล้วไขกุญแจปิดร้านเพื่อตามชายหนุ่มให้ทัน
รถเฟอร์รารี่สีดำแล่นออกจากจัตุรัสกลางเมืองมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของครอบครัวเยเกอร์
ใบหน้ามนได้แต่เหม่อมองทิวทัศน์รอบทางอย่างเงียบเชียบ
เพราะยังคงสับสนกับความรู้สึกของตนเองจนไม่อาจมองหน้าอีกฝ่ายได้ตรงๆอย่างที่เคยทำ
สีหน้าที่หม่นลงของเด็กหนุ่มทำให้รีไวล์รู้สึกสงสัย
ทั้งที่ปกติเจ้าตัวจะยิ้มร่าเริงและสดใสอยู่ตลอดเวลาแต่ตอนนี้กลับเงียบและทำหน้าหม่นหมอง
เพราะอะไร?
“นายมีอะไรไม่สบายใจหรือไง?”
คำถามจากชายหนุ่มทำให้เอเลนหันหน้ามามองที่คนขับอย่างแปลกใจ
นี่เขาเป็นคนแสดงออกดูง่ายขนาดนั้นเลยสินะ….
สิ่งที่อยู่ในใจ………ถ้าลองเอ่ยถามไปจะได้คำตอบแบบไหน?
“คุณรีไวล์ เคยรู้สึกยึดติดกับอะไรในอดีตจนไม่เป็นตัวเองรึเปล่าครับ?”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเด็กหนุ่มด้านข้างก่อนจะกลับไปให้ความสนใจกับท้องถนนอีกครั้ง
“แล้วอดีตนั้นมันคือตัวนายหรือเปล่า?”
ถูกตอบกลับด้วยคำถาม ใบหน้ามนครุ่นคิดอีกครั้งก่อนตอบกลับไป
“มันก็เป็นตัวผมเอง
แต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนกับว่าโดนอดีตชักจูงจนไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วความรู้สึกตอนนี้เป็นของตัวเองจริงรึเปล่า?”
“หืม?
นายก็มีคำตอบอยู่ในคำถามของนายเมื่อกี้แล้วนี่”
เอเลนแปลกใจกับคำพูดของอีกฝ่าย
“เอ๊ะ?”
“อดีตนั้นก็คือตัวนายเอง
ปัจจุบันก็คือตัวนายเองไม่ใช่ใครอื่น
ถ้านายจะโดนตัวของตัวเองในอดีตชักจูงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะอดีตเหล่านั้นหล่อหลอมนายที่เป็นปัจจุบัน”
…….. นั่นน่ะสินะ…….
ไม่ว่าจะเป็นเอเลนในอดีตหรือตัวเขาเองในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะอย่างไหนมันก็ล้วนเป็นตัวเขาทั้งหมด แต่ถึงจะอย่างนั้น….แล้วความรู้สึกของเขาตอนนี้…เขาสมควรที่จะชอบคนคนนี้รึเปล่า?
“แต่ถ้านายยังรู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง
นายก็ลองเริ่มต้นใหม่กับปัจจุบันดูสิไอหนู”
“เริ่มต้นใหม่กับปัจจุบัน?
ยังไงเหรอครับ?” เอเลนถามอย่างสงสัย
“เรื่องแค่นี้แกก็คิดเองไม่ได้รึไง?! ……….”
ใบหน้ามนยังคงมองอีกคนอย่างสงสัย
จนทำให้ชายหนุ่มอายุมากกว่าถอนหายใจ จะเรียกว่าซื่อหรือบื้อดีนะไอเด็กเวรนี่
“เอาเป็นว่าตอนนี้แกอยากทำอะไรก็ถามตัวเองดูละกัน”
อยากทำอะไรงั้นเหรอ?
เอเลนพยายามครุ่นคิดทบทวนกับตัวเอง
สิ่งที่ตอนนี้เขาอยากทำคือการอยากที่จะใกล้ชิดกับคุณรีไวล์มากขึ้น อยากรู้จักคนคนนี้มากยิ่งๆขึ้น
อยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของคุณรีไวล์…
ความรู้สึกในอกพลางวูบไหวเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกี่ยวกับคนคนนี้
มือแกร่งยกลูบศรีษะคนอายุน้อยกว่า
เอเลนจึงหันมามองเสี้ยวหน้าของอีกคนที่ยังคงจับจ้องไปยังถนนตรงหน้า
“ไม่มีใครรู้ผลลัพธ์ที่จะเกิด
เพราะงั้นแกแค่เลือกทำสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดก็พอ”
ใบหน้ามนที่หม่นหมองเริ่มยิ้มอีกครั้งแม้สายตายังจับจ้องอยู่ที่ถนน
แต่รีไวล์ก็แอบเห็นว่าเด็กหนุ่มเริ่มกลับมายิ้มได้อีกครั้ง
ตั้งแต่วันนี้ไปผมจะจดบันทึกไว้ทุกวันว่าผมรู้สึกยังไง
และผมประทับใจอะไรคุณบ้าง เพื่อเป็นการยืนยันว่าความรู้สึกเหล่านี้เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของผมโดยไม่ได้ถูกอดีตชักนำ
เพราะผมอยากรักคุณที่เป็นคุณในปัจจุบันนี้เฉกเช่นเดียวกับที่ตัวผมในอดีตรักและหลงใหลคุณ……….
TBC.
หลังจากอ่านไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ยิ่งมีอะไรมาเม้นน้อยลงเรื่อยๆ
ตอบลบ(ไม่ใช่ว่าเพราะขี้เกียจหรอกนะ *หัวเราะ*)
เพราะเป็นคนที่อินกับอะไรง่ายๆ หรือเปล่าไม่รู้
เลยรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะอ่อนไหวแล้วเข้าใจในเนื้อหาที่อ่านมากกว่าคนอื่น
ความรู้สึกมากมายมันท้วมท้นออกมาจนไม่รู้จะกลั่นกรองเป็นคำพูดยังไงเลยจริงๆ ค่ะ
เป็นเรื่องที่ให้ข้อคิดได้ดีมากจริงๆ...
น่าจะเอาไปทำเป็นนิทานสอนใจให้เด็กอ่าน เพื่อให้โตมาเป็นเด็กที่มีอนาคตสดใสกับความรักสีม่วงที่ลอยล่องอยู่รอมรอบ (?) #โดนจับข้อหากบฎ
เเต่ขยันเม้นมากค่ะ จนคนเขียนเเทบจะไปกระโดดกอด
ลบย่อหน้าสุดท้านอ่านเเล้วเงิบมากค่ะ5555 เด็กๆจะได้มีอนาคตสีม่วงสดใสสินะคะ><
อ่านแล้วน่ารักมากมาย มันอุ่นๆลอยๆอบอวลอธิบายไม่ถูกงะ คืออ่านแล้วสบายใจ ยังคงสงสารแจนนะ แต่แจนต้องเข้าใจนะ 55555555 ไม่ว่าจะทีมแจน หรือทีมรีไว เพื่อนๆต่างช่วยด้วยความอยากรู้อยากเห็นทั้งนั้น พูดง่ายๆคือเสือกอะ #โดนถีบ 5555555
ตอบลบอ่านตอนนี้ไปหัวเราะไปเลยค่ะ ชอบมากทุกคนต่างก็สมรู้ร่วมคิดกันอย่างมิได้นัดหมาย
ตอบลบ