Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last
Memory
Chapter 9
ณ. ห้องโถง
ป้อมปราการลับของหน่วยสำรวจการประชุมและจัดเตรียมกองกำลังกำลังดำเนินเข้าสู่สภาวะตึงเครียด
คบเพลิงถูกจุดให้แสงสว่างให้ผู้นำการปฎิวัติก้าวขึ้นบนเวทีเพื่อกล่าวปราศรัย
บุรุษหนุ่มผู้องอาจนัยน์ตาสีฟ้าดุจน้ำทะเลนิ่งสงบ
ผมสีบรอน์ที่จัดทรงอย่างเป็นทางการอยู่เสมอก้าวขึ้นเวที นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองเหล่าทหารกล้าที่เข้าร่วมแผนการ
“ข้อมูลที่ทำให้เรามารวมตัวกันที่นี้ทุกคนคงจะรู้กันอยู่ดีแล้ว
เพราะงั้นฉันคงไม่มีอะไรต้องอธิบายอีก ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าฆ่าขอแค่ควบคุมตัวไว้วันนี้เรื่องทุกอย่างจะสิ้นสุดลง!”เอลวินออกคำสั่งสุดท้ายให้กับทหารทุกหน่วยที่ร่วมอุดมการณ์ก่อนจะดำเนินตามแผน
ทหารหน่วยสำรวจร่วมกับกองสารวัตรทหารโดยมีไนล์เป็นแกนนำและกองทัพหลวงบางส่วนที่เห็นด้วยกับข้อมูลและผลสรุปรวมทั้งพยานที่รวบรวมได้จากหน่วยสำรวจเตรียมบุกเข้าปราสาทซึ่งเป็นที่อยู่ของชนชั้นสูงและเก็บความลับต่างๆไว้มากมาย
แม้มนุษย์จะคิดมาตลอดว่าศัตรูของตนเองนั้นคือไททันแต่แท้จริงแล้วกลับเป็นมนุษย์ด้วยกันเองต่างหากที่อยู่เบื้องหลัง
และนี้เป็นเหตุให้ถึงคราที่มนุษย์กลับมาห้ำหั่นกันเอง
วอล์ชิน่าสถานที่สำหรับขุนนางและสำหรับชนชั้นสูงที่ซึ่งเก็บงำความลับต่างๆไว้มากมาย
การวางแผนและเกมที่ดำเนินกันอย่างลับๆโดยมีชาวเมืองที่อยู่ถัดไปจากกำแพงซึ่งเป็นที่มุดหัวของตัวเองเป็นเดิมพัน
ทหารแต่ละหน่วยแยกกันเป็นกลุ่มล้อมรอบปราสาทเพื่อรอเวลาที่สัญญาณจะบอกให้เริ่มลงมือ
“จากตรงนี้ผมคาดส่าถ้าเราเข้าประตูนั้นไปเราจะเจอห้องใต้ดินที่เบลทรูธและไรเนอร์บอกไว้ครับ”อาร์มินอธิบายให้คนในกลุ่มอื่นๆฟัง
เมื่อสัญญาณถูกยิงขึ้นกลุ่มของเขาจะต้องบุกเข้าไปยังห้องใต้ดินที่มีการคุ้มกันแน่นหนากับกลุ่มของฮันซี่
และจากคำให้การณ์ของคนผู้ซึ่งกลายร่างเป็นไททันได้ในทหารฝึกรุ่น 104 ที่คาดคั้นมาได้ก็ทำให้รู้ว่าห้องใต้ดินในปราสาทของพวกชนชั้นสูงมีความลับเรื่องไททันเก็บซ่อนไว้มากมาย
“หึ โลกนี้ตลกสิ้นดี”
เอเลนรู้สึกเจ็บใจและอดแค้นเคืองบุคคลทั้งสองที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของตนเองไม่ได้
ทั้งที่เคยร่วมผ่านเหตุการณ์ต่างๆด้วยกันมามากมาย
ทั้งที่คิดว่าเป็นเพื่อนแต่แล้วกลับกลายเป็นศัตรูที่ทำให้เขาต้องสูญเสียคนอันเป็นที่รักไป
รวมทั้งเป็นต้นเหตุที่คร่าชีวิตคนไปมากมาย
แค่คิดก็อดคลื่นไส้ไม่ได้ที่เคยเห็นคนเหล่านั้นเป็นเพื่อนที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา
เด็กสาวเพื่อนสมัยเด็กบีบไหล่ร่างโปร่งตรงหน้าเพื่อเป็นการเรียกสติเมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจ่มจ่ออยู่กับความแค้นของเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“พวกนั้นเขาแค่เลือกให้สิ่งที่ตนคิดว่าถูกต้อง
เพราะเราไม่รู้ว่าตอนจบจะเป็นยังไง
ตอนนี้ก็เช่นเดียวกันพวกเราจะเป็นยังไงต่อไปก็ไม่อาจคาดเดาได้” แจนจับดาบขึ้นมาเตรียมพร้อม
ใบหน้าคมก้มลงจูบดาบในมือตนเพื่อเป็นการขอพรเทพีแห่งชัยชนะ
สัญญาณควันสีแดงถูกยิงขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้เริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้ฉมวกของเครื่องสามมิติถูกยิงขึ้นบนกำแพงให้ทหารที่แฝงตัวอยู่ได้ลอบเข้าไปทางหน้าต่างของปราสาท
เสียงวิ่งของเหล่าทหารองครักษ์ต่างวิ่งชุลมุนไล่ล่าผู้บุกรุก
เช่นเดียวกับเสียงกรีดร้องและเสียงโวยวายของเหล่าบุรุษและสตรีชั้นสูงที่อลหม่านหนีการมาเยือนของเหล่าแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ
มิคาสะลอบไปสกัดจุดของทหารสองนายที่เฝ้าประตูทางเข้าห้องใต้ดินอย่างรวดเร็ว
เธอลอบตีลงที่ท้ายทอยจากด้านหลังโดยเลี่ยงจุดตายและให้สลบแทนฮันซี่รีบวิ่งเข้ามาค้นกุญแจจากทหารที่สลบไป
เธอเปิดห้องใต้ดินและรีบวิ่งลงบันไดไปพร้อมกับคนอื่นๆที่วิ่งตามลงมา
เมื่อประตูชั้นสุดท้ายถูกเปิดออก
นัยน์ตาทุกคู่ต่างตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
ห้องใต้ดินที่มีลูกกรงขนาดใหญ่รายล้อมในนั้นมีไททันมากกว่าห้าสิบหรืออาจถึงร้อยตัวอยู่ในนั้น
แต่จำนวนไททันที่มากมายยังไม่น่าตกใจเมื่อมองไปเห็นอีกกรงหนึ่งที่ขังรวมมนุษย์ด้วยกันเองไว้
ไม่ว่าจะเป็นเด็กชาย เด็กหญิง หนุ่มสาว หรือแม้กระทั่งคนชรา
ทุกคนต่างถูกล่ามโซ่ราวกับสัตว์ในสวนสัตว์ถัดจากกรงขังมนุษย์ก็มีเตียงขนาดใหญ่ที่บนเตียงมีโซ่และสายหนังล่ามให้ยึดอยู่กับเตียง
ชายหนุ่มและหญิงสาวในชุดเครื่องแบบทหารยูนิคอร์นรักษาพระองค์ต่างตกใจกับการบุกรุกของผู้มาเยือน
เด็กผู้หญิงที่โดนล่ามยึดติดกับเตียงกำลังกรีดร้องขอความช่วยเหลือเมื่อถูกชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบยูนิคอร์นฉีดสารบางอย่างเข้าสู่ร่างกาย
ใบหน้าที่ปกติจะร่าเริงและคอยหาเรื่องปวดหัวให้คนในหน่วยกัดฟันกรอดจนขึ้นสันกราม
แววตาโมโหเดือดดาลรอดแผ่นแว่นตาสี่เหลี่ยมหนาที่เธอสวมใส่อยู่เสมอ ถึงแม้เธอเองก็เป็นนักวิจัยและคลั่งไคล้ไททันเช่นกันแต่เธอก็ไม่เคยคิดจับมนุษย์เป็นๆมาทดลองโดยเฉพาะเมื่อมนุษย์คนนั้นหวาดกลัวและไม่เต็มใจก็ไม่สมควรที่จะบังคับเขาเพื่อสนองตัณหาความอยากรู้ของตัวเอง
สองมือจับดาบแน่นจนขึ้นเส้นและวิ่งเข้าฟันคร่าบุคคลที่เธอเห็นแล้วว่าไม่ใช่มนุษย์และควรมีชีวิตอยู่ต่อไป
เลือดสีแดงฉานพุ่งขึ้นจากคอของชายหนุ่มเปรอะเปื้อนชโลมไปทั่วร่าง
ร่างโปร่งของหญิงสาวเดินไปปลดโซ่ตรวนที่พันธนาการเด็กน้อย
เด็กผู้หญิงตัวน้อยโอบกอดเธอทั้งน้ำตาแม้ตอนนี้สภาพของเธอจะชโลมไปด้วยเลือดที่เพิ่งคร่าชีวิตผู้อื่นมา
แต่สำหรับเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้แล้วเธอคือผู้นำอิสรภาพและความหวังกลับคืนมาให้กับโลกของเด็กหญิง
สองมือลูบปลอบประโลมร่างที่สั่นไหวของเด็กหญิง
รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งไปให้อย่างเป็นมิตร
“ไม่เป็นไรแล้วนะ
วันนี้ทุกอย่างจะจบลง”
นัยน์ตาเฉียบคมของหัวหน้าหมู่ฮันซี่สาดส่องไปให้กับเหล่าหนุ่มสาวในชุดเครื่องแบบทหารรักษาพระองค์
หญิงสาวหนึ่งในนั้นตกใจจนเดินถอยหลังไปโดนคันโยกเปิดกรงไททัน
ทำให้ไททันจำนวนหนึ่งหลุดออกมาและวิ่งเข้าหามนุษย์ที่อยู่ภายในห้องใต้ดิน
แจน อาร์มิน มิคาสะ
เอเลน และทหารในหน่วยสำรวจต่างใช้เครื่องสามมิติยิงขึ้นกำแพงและฟันคอเหล่าไททันที่หลุดออกมา
โชคยังดีที่ชาวบ้านคนอื่นๆนั้นอยู่ในกรงเลยทำให้ลูกกรงพอช่วยขวางเหล่าไททันที่บุกเข้าไปเพื่อคว้ามนุษย์มากินได้บ้าง
แต่ถึงกระนั้นจำนวนก็ยังมีมากเกินกว่าที่จะรับมือไหว
“จำนวนมันมากเกินไป!! เอเลนนายต้องแปลงเป็นไททัน!!”
เสียงของอาร์มินตะโกนบอกจากอีกฝั่งของกำแพง
นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองรอบๆเพื่อประเมิณสถาณการณ์
ตอนนี้ไททันหลุดออกมาจากกรงประมาณยี่สิบ ไม่สิราวๆสามสิบตัว ส่วนใหญ่เป็นไททันขนาด6-12เมตร ถ้าเราเป็นไททันน่าจะจัดการได้เร็วกว่า ฟันคมกัดลงที่ข้อมือจนเลือดกระเซ็น
เปรี้ยง!!
ลำแสงและสายฟ้าฟาดลงมายังร่างโปร่ง
ไอน้ำและหมอกควันหนาคละคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณ
เมื่อหมอกจางลงก็ปรากฏให้เห็นเอเลนในร่างไททัน ไททันเอเลนบุกเข้าบดขยี้และฉีกชิ้นเนื้อของไททันตัวอื่นๆที่อยู่ล้อมรอบสร้างความอลหม่านให้กับเหล่าไททันในห้องใต้ดินที่พยายามรุมเข้าหาร่างไททันเอเลน
ทำให้ฮันซี่สามารถพาชาวหนีออกจากกรงขังและหลบไปยังที่ปลอดภัยได้ก่อนจะกลับเข้าไปยังห้องใต้ดินอีกครั้ง
ปลายดาบสีเงินยาวกดลงบนเนื้อหนังปรากฏเลือดสีแดงซึมจากลำคอที่โดนคมของดาบกดลงเล็กน้อย
สีหน้าหวาดผวาของชายผู้เคยอยู่จุดสูงสุดในกำแพงที่คอยแต่เฝ้าดูและเดินหมากเพื่อเล่นสนุกกับชีวิตผู้คนมากมายการเดิมพันและพนันชีวิตต่อชีวิตที่ในที่สุดแล้วกระดานหมากก็โดนพลิกคว่ำจากบุคคลที่เคยคิดว่าเป็นตัวม้าในกระดานและพร้อมจะเขี่ยทิ้งเมื่อถึงเวลา
นัยน์ตาสีฟ้าสงบดุจน้ำนิ่งยากที่จะคาดเดาว่ากำลังคิดอะไร
ความสงบนิ่งที่ลึกล้ำและการตัดสินใจที่เด็ดขาดทั้งที่คิดมาตลอดว่าจะสามารถอ่านทันเกมและเดินหมากต่อไปได้ตามดั่งใจและสิ่งที่คาดไว้
แต่เมื่อทุกอย่างกลับผลิกพันสิ่งที่รออยู่ตรงหน้านั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเบี้ยตัวอื่นๆในกระดาน
ถึงแม้จะเป็นคิงแต่ก็สามารถโดนตัวขุนผลักให้ออกจากกระดานได้เช่นกันและเกมที่เคยคิดว่าคาดการณ์ได้ล่วงหน้าบัดนี้ทุกอย่างได้แปรพันไปหมดเสียแล้ว
“หึ นายทำให้ชั้นไม่ผิดหวังจริงๆเอลวิน”
ผู้อาวุโสและมีอำนาจมากที่สุดในกำแพงมองนิ่งจับจ้องใบหน้าเฉยชาของผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยสำรวจ
ไม่เคยคิดเลยว่าแผนการทั้งหมดจะโดนดูออกและถูกเปิดโปง โดยคนตรงหน้าที่ปิดเงียบและค่อยๆคืบคลานเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว“นายยอมละทิ้งเพื่อก้าวเดินต่อโดยที่ไม่สนใจคนข้างหลังจริงๆสินะ”
ชายอาวุโสยังคงนั่งอยู่บนบัลลังค์ของตน
สีหน้าในทีแรกที่หวาดผวาต่อการบุกจู่โจมเข้ามาของผู้บุกรุกเริ่มสงบลง
ริมฝีปากที่มีรอยเหี่ยวย่นตามอายุคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ “ช่างเหมือนกับชั้น….. การจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ต้องมีแววตาอย่างนี้ล่ะ” สายตาจับจ้องยังนัยน์ตาสีฟ้าที่ตอนนี้ไม่ฉายแววอารมณ์ใดใดออกมา
ใบหน้านิ่งมองชายตรงหน้าด้วยความสมเพช
เขาและชายคนนี้ต่างกัน “ขอโทษด้วยครับท่าน ท่านยกยอกระผมเกินไป
กระผมคิดว่าเราสองคนต่างกันเพราะการสูญเสียที่มากมายของกระผมนั้นไม่เคยไร้ค่า ทุกก้าวและคมดาบที่เปื้อนเลือดเหล่านั้นผลักดันให้กระผมมาอยู่ที่ตรงนี้
แต่ตัวท่านกลับมองทุกคนเป็นเบี้ยเพื่อฆ่าเวลาเพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามของท่านนั้นมันก็เป็นได้แค่ความเห็นแก่ตัวของพวกท่านเท่านั้นเอง
การกระทำแบบนั้นผมคงไม่อาจเป็นอย่างท่านได้” รอยยิ้มเย็นถูกส่งไปให้ชายชรา
ถึงแม้ตอนนี้จะพยายามทำหน้านิ่งแต่ก็อดที่จะหวาดหวั่นชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้
“หึ
ชั้นจะคอยดูเพราะนายจะไม่มีวันที่จะเจอจุดสิ้นสุดเมื่อก้าวมาถึงจุดนี้
นายมีแต่จะต้องเดินต่อไป และ….จะต้องเสียสละคนอีกมากมายเป็นตัวหมากให้กับนายโดยเฉพาะคนรอบๆตัว…พ่อหนุ่ม” เหมือนกับตัวเขาเองที่ต้องสละไปมากมายเช่นเดียวกัน
“ทุกอย่างจะต้องจบครับท่าน
และผมคิดว่าท่านคงไม่สามารถเฝ้ามองผมได้”เอลวินยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้นายทหารที่ตามมาจับกุมผู้กระทำความผิดไว้เพื่อลงโทษต่อหน้าสาธารณชน
“เรื่องมันไม่จบแค่นี้หรอกนะเอลวิน
นายเองก็น่าจะรู้ดี” ชายผู้ซึ่งเคยมีอำนาจมากที่สุดโดนคล้องกุญแจมือและคุมตัวออกไปเพื่อเตรียมรอรับโทษทัณฑ์
“โฮ่ยเอลวินทางนี้เรียบร้อยแล้วชั้นไปดูพวกที่อยู่ห้องใต้ดินก่อนนะ”
รีไวล์ไม่รอฟังคำอนุญาตของผู้บังคับบัญชาร่างเล็กแต่แข็งแกร่งรีบรุดไปยังห้องใต้ดินของปราสาทด้วยเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อคนอื่นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหนุ่มในสังกัดที่เขาต้องดูแลเป็นพิเศษ
ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงที่ดังสนั่นจากการแปลงร่างของมนุษย์เป็นไททันด้วยแล้วยิ่งทำให้เขากังวลใจไม่น้อย
เพราะห้องใต้ดินเป็นที่ซึ่งเก็บซ่อนความลับไว้มากมายและอาจจะเป็นที่ที่อันตรายมากถึงขนาดที่ทำให้เจ้าเด็กนั่นต้องกลายร่างเป็นไททัน
เอเลนในร่างไททันนต่อสู้กับไททันตัวอื่นที่เข้ามาล้อม
ร่างกายไททันของเอเลนบาดเจ็บอย่างหนัก
แขนซ้ายและขาซ้ายโดนรุมทึ้งจนไม่อจใช้งานได้และต้องรอเวลาฟื้นฟู
ถึงกระนั้นตัวเขาและคนอื่นๆก็สามารถจัดการไททันไปได้จำนวนมากจนเหลือเพียงแค่สามตัวเท่านั้น
ร่างอรชรแต่แข็งแกร่งสปินตัวจากเพดานจัดการไททันหนึ่งในสามที่เหลืออยู่
นัยน์ตาสีราตรีเฝ้าคอยสังเกตุร่างไททันของคนที่สำคัญที่สุดเป็นระยะ
ตอนนี้เหลือไททันอีกสองตัวแต่ว่าดาบของเธอเองก็ไม่เหลือแล้วและแก๊สก็ใกล้จะหมดเต็มที
เช่นเดียวกับทหารคนอื่นๆที่ตอนนี้ได้แต่หยุดนิ่งเพื่อรอประเมิณสถาณการณ์
และหวังว่าไททันอีกสองตัวที่เหลือเอเลนจะสามารถกำจัดได้
“มิคาสะใบมีดของชั้นพอเหลืออยู่เธอเอาใช้ซะ
ชั้นกับอาร์มินจะพาคนอื่นๆที่บาดเจ็บหลบไปก่อน”
แจนใช้เครื่องสามมิติเคลื่อนที่มายังกำแพงฝั่งที่เด็กสาวอยู่
เด็กหนุ่มผมสีอ่อนจัดการสลับเปลี่ยนใบมีดให้เด็กสาวเสร็จแล้วจึงลงไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
ซึ่งบางคนก็ขาหรือแขนขาดเลยทำให้เขาต้องแบกผู้บาดเจ็บออกไปยังที่ปลอดภัยพร้อมอาร์มินและทหารคนอื่น
นัยน์ตาสีราตรีคอยสาดส่องเพื่อตรวจเช็คความปลอดภัยให้แจนและคนอื่นสามารถหลบหนีออกไปที่ประตูซึ่งเป็นทางออกทางเดียวได้
ใบมีดคมเฉือนฟันชิ้นเนื้อท้ายทอยของไททันที่กระโดดเข้ามาขวางหน้าแจนตรงประตูทางขึ้นจากห้องใต้ดิน
ร่างของยักษ์ขนาดมหึมาล้มลงไอน้ำร้อนลอยคละคลุ้ง
“รีบไปเร็ว!
ตอนนี้เหลือไททันแค่หนึ่งตัวและมันกำลังสนใจเอเลนอยู่”
เด็กสาวออกคำสั่งให้ทุกคนหลบออกไป
แจน อาร์มินและคนอื่นๆสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย
ฮันซี่รีบวิ่งเข้ามาดูอาการคนบาดเจ็บแต่ละคน
พร้อมทั้งสั่งให้หน่วยปฐมพยาบาลดูแลคนเจ็บ
“เอเลนและมิคาสะล่ะอยู่ไหน?”
ฮันซี่รีบถามถึงอีกสองคนที่ยังไม่ออกมา
“มิคาสะกับเอเลนยังอยู่ข้างในครับ
ตอนนี้ยังเหลือไททันอีกหนึ่งตัวที่หลุดออกมา” อาร์มินตอบหัวหน้าหมู่ของตน
เมื่อได้ยินว่ามิคาสะยังอยู่ข้างในด้วยอีกคนก็พอทำให้เบาใจได้ว่าทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่
ร่างโปร่งของหญิงสาวกำลังจะวิ่งเตรียมกลับเข้าไปช่วยคนที่เหลือ แต่มีร่างที่เล็กกว่าวิ่งผ่านเธอเข้าไปก่อน
ฝีเท้าที่กำลังก้าวจึงหยุดชะงักริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างโล่งอก
เพราะตอนนี้ถึงเธอจะไม่เข้าไปดูให้เห็นกับตาแต่ก็รู้ได้ว่าทั้งสองคนจะต้องปลอดภัยแน่นอน
ฮันซี่จึงกลับไปดูแลคนเจ็บและจัดเก็บข้อมูลจำเป็นที่ค้นเจอแทน
ไททันอีกตัวที่เหลือบุกเข้าจู่โจมไททันเอเลน
เอเลนหน้าล้มไปกับพื้นเนื่องจากขาที่ยังไม่ฟื้นฟูทำให้ไม่สามารถต้านแรงกระโดดที่พุ่งเข้าชนได้
มิคาสะหมุนตัวฟันหลังคอไททันที่กำลังคร่อมเอเลนอยู่ แต่เธอฟันเบาเกินไป
คมดาบไม่ถึงจุดตายของไททันทำให้ไททันตัวนั้นยังคงมีชีวิตอยู่
ปากกว้างอ้าออกฟันคมหมายจะกัดลงที่ท้ายทอยซ฿งเป็นจุดตายของไททันรวมทั้งเป็นจุดอันตรายของคนที่อยู่ภายในเช่นกัน
“เอเลน!!” นัยน์ตาสีราตรีเบิกกว้าง
เพราะความผิดพลาดของเธอทำให้ร่างโปร่งอยู่ในอันตราย
สายลมรวดเร็วและรุนแรงผ่านเชือดเฉือนย้ำลงที่คอซึ่งเป็นจุดตายของไททัน
ไอน้ำลอยคละคลุ้งจากการสลายตัวของก้อนเนื้อขนาดมหึมา ร่างเล็กแต่แข็งแกร่งเคลื่อนที่ไปยืนบนหัวของไททันตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่
คมดาบตวัดลงที่ท้ายทอยพอประมาณเพื่อช่วยเหลือคนที่ถูกร่างใหญ่โตห่อหุ้มไว้ภายใน
มือแกร่งดึงร่างคนไร้สติออกมาจากชิ้นเนื้อที่เริ่มระเหิด
นัยน์ตาสีมรกตปรือขึ้นมองคนที่ช่วยชีวิต รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้ามน
“ทุกอย่างจบแล้วใช่ไหมครับ?”
ใบหน้ามนซุกลงกับแผ่นอกกำยำที่คุ้นเคย
“อืม
นายทำได้ดีมากเอเลน”
มือแกร่งช้อนร่างโปร่งขึ้นและกระโดดลงมาหาเด็กสาวที่อยู่เบื้องล่าง
มิคาสะรีบเข้ามาดูอาการเด็กหนุ่มในอ้อมแขนของอีกคน
เมื่อเห็นว่าคนสำคัญของเธอยังคงปลอดภัยและร่างกายกำลังฟื้นฟูตัวเองนั้นก็ทำให้เอถอนหายใจอย่างโล่งแก
“ที่นี้น่ารังเกียจชะมัด”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองไปรอบๆ
กรงขนาดใหญ่หลายกรงที่ยังคงมีไททันอยู่ในนั้นทุกตัวพยายามทำลายกรงและไขว่คว้ามนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้า
“เราออกไปจากที่นี้กันก่อนส่วนที่เหลือค่อยมาเก็บกวาดให้สะอาดอีกครั้ง”
รีไวล์ส่งร่างโปร่งในอ้อนแขนให้ฮันซี่ดูอาการ
ร่างเล็กแต่แข็งแกร่งกลับไปรายงานสถาณการณ์กับเอลวินเพื่อส่งทหารลงไปจัดการกับไททันที่เหลือในห้องใต้ดิน
วันนี้ทุกอย่างกำลังจะจบลงมนุษยชาติได้รับชัยชนะที่แท้จริงและต้นเหตุของความหวาดหลัวมานานนับหลายร้อยปีได้ถูกเปิดโปงและกำจัดในคืนนี้
ยามเช้ามาเยือนอีกครั้ง
วันนี้มนุษย์ได้รับการประกาศอิสรภาพที่แท้จริง
ชายผู้ซึ่งเคยอยู่บนจุดสูงสุดของกำแพงถูกประณามและประหารต่อหน้าสาธารณะชน
ความลับของไททันและการจับมนุษย์ไปทดลองถูกตีแผ่ตามหนังสือพิมพ์และแจกจ่ายไปทั่วเมือง
เสียงเฉลิมฉลองและประกาศก้องดังไปทั่วทั้งกำแพง จากผลงานและการตอบรับของชาวเมืองทำให้
เอลวิน สมิธ
ได้รับแรงสนับสนุนและถูกเลือกให้เป็นผู้นำเปรียบดั่งแสงสว่างที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่แด่มวลมนุษยชาติ
นัยน์ตาสีเขียวอ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้าอยู่บนเตียงวนไปมาหลายสิบรอบ
วันที่เขาและทุกคนรอคอยมาตลอดในที่สุดก็เป็นจริงเสียที ใบหน้ามนแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
เนื่องจากทุกคนต้องไปประชุมเพื่อเตรียมภารกิจจัดเตรียมการย้ายถิ่นฐานและขยายอาณาเขตออกไปนอกกำแพง
เพื่อยืนยันการได้รับอิสรภาพของมนุษยชาติวันนี้เลยทำให้ร่างโปร่งที่ร่างกายยังอ่อนล้าจากการกลายร่างเป็นไททันต้องนอนพักฟื้นอยู่ในห้องเพียงคนเดียว
ทั้งที่เขาเองก็อยากไปร่วมวางแผนและออกไปนอกกำแพงกับทุกคนแต่ก็ต้องอดใจไว้
อย่างแรกเลยต้องไปทะเล
อยากลองไปสัมผัสหาดทรายและความเค็มของน้ำทะเลที่อาร์มินเคยเอาภาพจากในหนังสือให้ดู
ไปทั้งทีต้องเตรียมของกินไปด้วยสินะเรื่องนั้นชาช่าคงจัดการได้ โคนี่จะต้องตื้นเต้นและแปลกใจกับความเค็มของน้ำทะเลแน่ๆ
มิคาสะกับอาร์มินจะต้องคอยห้ามเรากับแจนที่อาจทะเลาะกันกลางทะเลจนเกิดอุบัติเหตุ
แล้วก็หัวหน้ารีไวจะต้องถีบเราลงไปในน้ำเค็มแน่ๆเลย
ร่างโปร่งนึกถึงสถานที่และสิ่งต่างๆที่เขาอยากทำเมื่อหายดีแล้ว นัยน์ตาสีเขียวจินตนาการถึงความสนุกที่จะได้ทำหลังจากนี้
ก็อกๆ
“ขอโทษนะชั้นมารบกวนเธอรึเปล่าเอเลน?”
หญิงสาวร่างโปร่งเคาะประตูขออนุญาติก่อนเปิดประตูเข้ามาหาเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนเตียง
“ไม่ครับคุณฮันซี่
ดีเลยผมกำลังเบื่อพอดี” ใบหน้ามนคลี่ยิ้มให้กับแขกผู้มาเยือน
อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีคุณฮันซี่มาอยู่เป็นเพื่อนฆ่าเวลาได้บ้าง
หญิงสาวเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง
“เธออ่านหนังสือพิมพ์ของวันนี้อยู่สินะ ในเมืองกำลังเฉลิมฉลองกันใหญ่เลยล่ะ
เอลวินตอนนี้งานยุ่งกว่าเดิมอีกนะเพราะตำแหน่งที่สูงขึ้นด้วย”
“นั้นน่ะสิครับ ผมอยากรีบหายเร็วๆจังอยากไปแสดงความยินดีกับหัวหน้าเอลวินและร่วมฉลองกับทุกคนจัง”
ใบหน้ามนยิ้มกว้าง
ฮันซี่ก้มหน้าลงไม่อาจที่จะมองรอยยิ้มของเด็กหนุ่มได้ตรงๆ
เพราะสิ่งที่เธอต้องมาคุยกับเจ้าตัววันนี้สุดท้ายแล้วเธออาจจะเป็นคนที่พรากรอยยิ้มสดใสนี้ไปรวมถึงหัวใจของใครอีกหลายคนโดยเฉพาะเมื่อหนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทที่ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมาหลายครั้ง
ความรู้สึกผิดเข้าถาโถมใบหน้าที่สดใสเริ่มตึงเครียด
“คุณฮันซี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
เอเลนมองหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
ฮันซี่เงยหน้าสบตากับเด็กหนุ่มก่อนจะเบนสายตาไปอีกทาง
“เอเลนตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะจบลงเธอมีอะไรที่อยากทำรึเปล่า?”
หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเบา ไม่กล้าสบตากับแววตาใสซื่อที่จ้องตรงมา
ใบหน้ามนมองหญิงสาวด้วยความแปลกใจ
ทำไมถึงบอกว่าทุกอย่างกำลังจะจบลงไม่ใช่ว่าทุกอย่างจบแล้วอย่างนั้นเหรอ
นัยน์ตาสีมรกตมองที่ข้อมือของตนผ้าพันแผลสีขาวที่ปิดรอยกัดจากการที่เขาแปลงเป็นไททันยังคงอยู่
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างเขาเข้าใจแล้วว่าเรื่องทุกอย่างยังคงไม่จบตราบใดที่คนที่แปลงเป็นไททันยังอยู่
ซึ่งนั่นรวมถึงตัวเขาและคนที่ถูกทดลองอื่นๆด้วยเช่นกัน
“ชั้นมีเวลา 1 เดือนในการค้นหายาแก้การกลายร่างไททันของพวกเธอ ยาที่เจอในห้องใต้ดินชั้นกำลังวิจัยและทดลอง
แต่ชั้นไม่อาจบอกได้ว่ามันจะได้ผลรึเปล่า” นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววหม่นหมอง
ใบหน้าลำบากใจที่แสดงให้เห็นทำให้ใบหน้ามนได้แต่นิ่งเงียบ
มือเรียวเลื่อนไปจับมือที่เกร็งของอีกคน
ฮันซี่เงยหน้ามองเด็กหนุ่มตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่เข้ามาในห้องนี้แล้วได้สบตากับเด็กหนุ่มตรงๆ
“ผมอยากไปทะเลกับทุกคนจังครับ”
ใบหน้ามนยิ้มบางให้กับหญิงสาว มือเรียวที่กุมมือเธออยู่นั้นคล้ายกับจะปลอบประโลมว่าไม่เป็นไร
เขาเข้าใจดีว่าการตัดสินใจในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากและลำบากใจมากแค่ไหนของบรรดาหัวหน้า
แต่ถ้าไม่กล้าที่จะเสียสละอะไรเลยก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและก้าวไปข้างหน้าได้
จากเหตุการณ์ทั้งหลายที่ผ่านมาทำให้เขาเข้าใจและไม่อาจโกรธหรือเคืองกับการตัดสินใจเพื่อก้าวเดินต่อไปนี้ได้
“ได้สิเอเลน
เราไปทะเลกันไปกันทุกคนเลยนะ” สองมือของหญิงสาวกุมมือเรียวของคนที่นั่งอยู่บนเตียง
นัยน์ตาสีน้ำตาลไม่อาจกลั้นม่านน้ำตาที่หลั่งไหลออกมา ทั้งที่ทุกคนไม่ได้มีความผิดแต่กลับต้องมาเจอเรื่องที่โหดร้าย
ทั้งที่ทุกอย่างควรจะจบและเด็กคนนี้ควรมีความสุขกว่าใครเพราะความพยายามและความตั้งใจของเจ้าตัวที่มากกว่าใครทำให้มาถึงจุดจุดนี้ได้
เอเลนยิ้มบางให้กับหญิงสาว
นัยน์ตาสีมรกตเบนไปมองที่หน้าต่างท้องฟ้าของวันนี้ก็ยังคงเหมือนกับที่ผ่านมา
และทุกอย่างยังคงต้องดำเนินต่อไป
“คุณฮันซี่ครับ…. คนคนนั้นยังไม่รู้ใช่ไหมครับ?” ใบหน้ามนเอ่ยถามถึงบุคคลที่เขาลำบากใจที่จะให้รู้ที่สุด
“เรื่องนี้รีไวยังไม่รู้เรื่อง
เขารู้แค่ว่าตอนนี้คนที่กลายเป็นไททันได้ทั้งหมดจะต้องถูกจับตาดูภายในกำแพงสักระยะจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”
หญิงสาวตอบกลับ สีหน้าแสดงถึงความกังวลและความลำบากใจที่ไม่อาจบอกเรื่องนี้กับเพื่อนรักของตนได้
“อย่างนั้นเหรอครับ….. คุณฮันซี่ผมขอร้องจนกว่าจะถึงวันนั้นอย่าบอกอะไรกับหัวหน้ารีไวนะครับ”
มือเรียวกุมมือหญิงสาวขึ้นมา
ตาสีเขียวที่มองเธออย่างสดใสยามเดินเข้าห้องตอนนี้ถูกม่านน้ำตาปิดบังจนมองไม่เห็นประกายตาที่สดใสอยู่เลย
หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับอย่างเงียบเชียบ
คำสัญญาระหว่างเขาทั้งสองคนจะเป็นความลับไม่ให้ชายหนุ่มที่คอยเฝ้าดูและให้ความสำคัญกับเด็กหนุ่มคนนี้ต้องรู้และเจ็บปวด
ชั้นจะพยายามภายใน1เดือนนี้ทุกอย่างจะต้องสิ้นสุด หญิงสาวปฎิญาณกับตนเองในใจพร้อมน้ำตาที่หลั่งรินของคนทั้งคู่
หัวหน้าหนุ่มผ็แข็งแกร่งของมวลมนุษยชาติเข้ามาในห้องพักของเอเลน
ซึ่งตอนนี้ก็เปรียบเสมือนห้องพักของเขาด้วยเช่นกัน
ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมพาดไว้บนเก้าอี้ก่อนจะบิดไล่ความเมื่อยตามร่างกาย
“วันนี้ก็งานหนักเหมือนเดิมเลยนะครับหัวหน้า”
เด็กหนุ่มลงจากเตียงเดินเข้ามากอดและซบลงกับแผ่นหลังแกร่งที่คุ้นเคย
มือหยาบยกขึ้นลูกศีรษะเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู
“อืม นายต้องรีบรักษาตัวเองนะไอหนู เมื่อทุกคนยอมรับ นายจะได้ออกไปโลกภายนอกอย่างวีรบุรุษยังไงล่ะ”
ใบหน้ามนกดลงกับแผ่นหลังกำยำ
วีรบุรุษไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเพราะสิ่งที่ต้องการคือการได้อยู่กับคนในอ้อมกอดนี้
ถ้าวันนั้นมาถึงเขาจะยังคงได้กอดร่างอบอุ่นนี้อยู่รึเปล่า?
หรือเขาจะทำให้คนคนนี้ต้องเจ็บปวดอีกครั้งกันแน่นะ? ริมฝีปากบางได้แต่เค้นยิ้มให้ตัวเอง
โลกนี้ยังคงโหดร้ายไม่เปลี่ยน
“เป็นไรไปเอเลน
วันนี้นายดูเงียบๆนะ” ใบหน้าคมหันมามองคนอายุน้อยกว่าที่กำลังกอดตัวเอง
ใบหน้ามนสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้า
มือแกร่งลูบไล้ใบหน้าหวานอย่างเอ็นดู คิ้วคมขมวดขึ้นเมื่อเห็นว่าเบ้าตาของเด็กหนุ่มมีรอยแดงจางๆ
“นายร้องไห้เหรอเอเลน?”
“พอดีฝุ่นเข้าตาน่ะครับ”
มือบางยกขึ้นมาขยี้ตาตนเองเพื่อกลบเกลื่อน
“เฮ้
ยิ่งขยี้ก็ยิ่งแดงน่ะสิ ไหนขอชั้นดูหน่อย”
มือแกร่งจับข้อมือบางที่พยายามขยี้ตาตัวเองและยิ่งทำให้รอยแดงนั้นเด่นชัดขึ้นไปอีก
“ดูเหมือนจะออกแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้นายก็ทำความสะอาดห้องซะด้วยล่ะฝุ่นจะได้ไม่เข้าตานายอีก”
“วันนี้คุณฮันซี่บอกว่าอาทิตย์หน้าพวกเราจะได้ไปทะเลกันล่ะครับ
อาร์มิน มิคาสะ แจน คุณฮันซี่ หัวหน้าเอลวิน ผมและก็หัวหน้า ดีจังเลยนะครับ”
ใบหน้ามนยิ้มร่าให้กับอีกคน “จะเป็นยังไงน๊า
ผืนน้ำสีฟ้าที่กว้างใหญ่พอๆกับท้องฟ้า”
รีไวล์ยิ้มบางอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นความสดใสร่าเริงของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“นายก็ต้องรีบรักษาตัวล่ะ นายจะได้สนุกกับเพื่อนๆของนายได้เต็มที่”
เอเลนพยักหน้ารับให้กับร่างเล็กแต่แข็งแกร่งเบื้องหน้า
ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป
แต่ตอนนี้ขอเก็บเกี่ยวความสุขตรงหน้าที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุดก็พอแล้ว
สีฟ้าของท้องฟ้าและของผืนน้ำที่กว้างใหญ่บรรจบกันที่ปลายสายตา
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างตื่นเต้นกับทะเลสีครามที่เพิ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรก
ร่างโปร่งถอดรองเท้าบู๊ทของตน
เสื้อคลุมสีน้ำตาลตราหน่วยสำรวจถูกถอดโยนไว้เบื้องหลัง
สองขาเรียววิ่งลงไปในน้ำสีครามที่กว้างใหญ่ อาร์มิน มิคาสะ และแจน
วิ่งตามลงมาติดๆกับร่างโปร่งที่วิ่งนำ
“อาร์มินมันเค็มอย่างที่นายบอกเลย”
ใบหน้ามนทำหน้าเหยเกเมื่อลองเลียมือของตนเองที่เปียกน้ำทะเลดู
“เฮ้ยเอเลนแกทำอะไร สกปรกว่ะ”
แจนหยอกล้อร่างโปร่งที่เลียชิมน้ำทะเลจากมือ
นัยน์ตาสีเขียวมองร่างสูงอย่างเจ้าเล่ห์
แล้วขาเรียวก็เตะเข้าที่ข้อพับของคนตัวสูงกว่าทำให้แจนล้มลงไปในน้ำทะเลเต็มตัว
“แค่ก แค่ก
เค็มชะมัดเลยเว้ย” ร่างสูงที่โดนทำร้ายรีบลุกขึ้นยืน ความเค็มของน้ำทะเลยังคงอวลอยู่ในปาก
มือแกร่งสาดน้ำใส่คนที่เตะตนเองจนล้มหัวคว้ำลงไปในน้ำ
“ฮ่า
ฮ่า” เสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณ
เมื่อการกลั่นแกล้งของคนทั้งคู่ทำให้ทั้งอาร์มินและมิคาสะต่างช่วยกันเข้ามารุมร่างสูงที่น่าสงสาร
นัยน์ตาสีฟ้าสงบนิ่งของชายหนุ่มจ้องมองภาพของเหล่าคนอายุน้อยกว่าเล่นกันอย่างสนุกสนาน
เห็นแล้วก็อดเจ็บแปลบขึ้นในใจไม่ได้
เพราะอีกไม่นานรอยยิ้มที่เห็นอยู่นี้อาจต้องมลายหายไปด้วยคำสั่งของเขาเอง
แต่เพราะว่าทุกอย่างจะต้องสิ้นสุดลงถึงแม้ต้องทำให้หลายๆคนเจ็บปวดโดยเฉพาะกับคนที่เชื่อใจและไว้ใจมาตลอดคงยากแก่การที่จะขอให้อภัย
นี่สินะความหนักอึ้งที่แบกอยู่ที่ของคนที่ยืนอยุ่บนจุดสูงสุดจะต้องแบกรับ
“เฮ้
เอลวินเมื่อไรเจ้าพวกนั้นถึงจะออกไปข้างนอกได้โดยที่ไม่ต้องมีคนจับตาดูเสียที”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเอ่ยถามชายตรงหน้าที่ตอนนี้เป็นผู้นำที่อยู่จุดสูงสุด เขารู้ดีว่าการที่เหล่าคนที่แปลงร่างเป็นไททันได้ตอนนี้ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
เพราะความหวาดกลัวของชาวบ้านที่มีต่อไททันยังคงมีมาก
การที่จะให้คนเหล่านั้นยอมรับจำเป็นต้องใช้เวลามากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอเลน
เยเกอร์ เด็กหนุ่มที่ใครใครต่างก็รู้ดีว่าสามารถกลายร่างเป็นไททันได้ จึงทำให้เขาไม่อาจไปไหนมาไหนอย่างอิสระได้ยิ่งกว่าคนอื่นๆ
มีอยู่ครั้งที่เขาเคยพาเด็กหนุ่มออกไปตลาดในเมืองทั้งที่ใส่ผ้าคลุมปิดบังไว้แต่เจ้าเด็กนั่นยังเจอชาวเมืองที่จำหน้าตาได้เป็นอย่างดีต่างส่งแววตาหวาดกลัวและรังเกียจมาให้
พร้อมทั้งคำซุบซิบนินทาที่เขาคิดว่ายังไงเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องได้ยินแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีหนึ่งในฝูงชนปาหินเข้าใส่เด็กหนุ่มจนทำให้เขาหมดหมดความอดทนจะเข้าไปอัดคนที่ปาหินให้เละ
แต่เจ้าเด็กบ้านั้นกลับจับมือเขาไว้ไม่ให้ไปทำร้ายใคร ทั้งยังคงยิ้มและหัวเราะอย่างร่าเริงออกมาได้
แต่เขารู้ดีว่าเจ้าเด็กนั่นพยายามซ่อนความเจ็บปวดและผิดหวังไว้
และมันยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องคนสำคัญของตนเองได้
“อีกไม่นานหรอกรีไวล์
ทุกอย่างใกล้จบแล้วล่ะ” เอลวินยิ้มให้คนตัวเล็กกว่า เพราะคำขอร้องของเอเลนทำให้ไม่มีใครสามารถเล่าความจริงให้รีไวล์ฟัง
ได้แต่รอเวลาจนถึงจุดสิ้นสุดผลสรุปสุดท้ายที่ไม่อาจล่วงรู้
“ถ้านายว่าอย่างนั้นชั้นก็เบาใจ
ชั้นอยากพาไอเด็กนั่นไปดูโลกกว้างอย่างที่มันเคยพร่ำบอกว่าอยากเห็นมาตลอด”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองภาพเด็กหนุ่มคนสำคัญที่กำลังหยอกล้อและเล่นอย่างสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อน
เมื่อครั้งยังต้องอยู่ภายในกำแพงเอเลนมักพูดถึงโลกภายนอกให้เขาและคนอื่นๆฟังเสมอด้วยความตื่นเต้น
จนวันนี้ความฝันของเด็กหนุ่มนั่นก็เป็นจริงแล้วเขาจึงอยากให้เด็กหนุ่มได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆที่เจ้าตัวปรารถนามาตลอด
เอลวินและฮันซี่ต่างเบนหลบสายตาไม่กล้ามองหน้าเพื่อนรักของตนเองตรงๆ
ในใจได้แต่ปวดหนึบกับสิ่งที่กำลังดำเนินไป
ทั้งคู่ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีโดยที่ไม่มีใครต้องเจ็บปวดและเสียสละอีก
ร่างเปลือยเปล่าสองร่างนอนกอดก่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่
ใบหน้ามนซุกเข้ากับแผ่นอกหนาของคนที่กำลังกอดตน ริมฝีปากสีระเรื่อจุมพิตลงบนริมฝีปากคมของอีกคน
ลิ้นร้อนกระหวัดไล่วนในโพรงปากเก็บเกี่ยวความหวานอย่างไม่รู้จักพอก่อนจะค่อยๆผละออก
มือเรียวลูบไล้ใบหน้าคมอย่างแผ่วเบา
รอยยิ้มบางยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับชายหนุ่มผู้แข็งแกร่ง
“หัวหน้าคุณไม่คิดจะบอกรักผมบ้างเหรอครับ?”
นัยน์ตาสีมรกตมองอย่างออดอ้อนหวังได้ยินคำบอกรักจากคนสำคัญตรงหน้า
“ชั้นเคยบอกแล้วไงว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด
นายยังอยากได้ยินมันอีกเหรอ?” คิ้วคมขมวดเล็กน้อยจ้องมองหน้าอีกฝ่าย
“แหะ
แหะ ผมทราบครับ… แต่ก็อดที่จะอยากได้ฟังไม่ได้อยู่ดี”
เอเลนยิ้มแห้งให้กับอีกคนที่อยู่บนเตียง
มือแกร่งลูบศีรษะเจ้าตัวยุ่งที่อยู่ในอ้อมกอด
ริมฝีปากคมจูบที่ขมับอย่างอ่อนโยน
“เมื่อนายได้เป็นอิสระแล้วชั้นจะบอกมันกับนายเอเลน”
อ้อมกอดแกร่งกระชับร่างบางให้ชิดกับแผ่นอกของตนมากขึ้น
นัยน์ตาสีมรกตน้ำตาคลอด้วยความอบอุ่นและความสุขที่คนข้างกายมอบให้
สองแขนโอบกอดร่างกำยำให้แนบชิดยิ่งขึ้น
“พรุ่งนี้หัวหน้าต้องไปตรวจเช็คความเรียบร้อยของคนที่อยู่ภายนอกกำแพงสินะครับ”
เนื่องจากตอนนี้มีประชาชนจำนวนมากเริ่มย้ายออกไปอยู่นอกกำแพงตามแผนการการขยายอาณาเขตที่ตั้งไว้
ทำให้รีไวจะต้องไปคอยตรวจความเรียบร้อยและความปลอดภัยของคนภายนอก
รวมทั้งช่วยให้คนภายนอกรู้สึกมั่นใจกับการอาศัยภายนอกกำแพง
เลยทำให้บ่อยครั้งที่เขาจะต้องใช้เวลาทั้งวันอยู่ข้างนอกนั่น
ทั้งที่เขาเองอยากพาคนในอ้อมกอดไปด้วยมากที่สุด แต่ก็ไม่สามารถพาออกไปได้เพราะกำแพงที่เคยปกป้องมนุษยชาติจากไททันบัดนี้กลับกลายเป็นที่คุมขังมนุษย์ที่แปลงกายเป็นไททันได้
ซึ่งนั้นรวมถึงคนในอ้อมกอดของเขาเช่นกัน แขนแกร่งกอดร่างโปร่งแน่นขึ้นกว่าเดิม
ทั้งที่อยากให้เด็กหนุ่มได้ไปเห็นสิ่งที่ตนเองฝันมาตลอดนอกจากทะเลที่ได้ไปเพียงครั้งเดียว
จนเวลาล่วงเลยมาเกือบเดือนความคืบหน้าที่จะให้เด็กหนุ่มออกไปข้างนอกอย่างอิสระก็ดูยังไม่มีวี่แวว
และตัวเขาเองก็วุ่นกับภารกิจนอกกำแพงจนไม่มีเวลาตามเรื่องกับเอลวิน
ใบหน้าคมแนบลงกับศีรษะของคนในอ้อมกอด คิ้วขมขมวดมุ่นกับความคิดของตน
“คราวหน้านายอาจจะได้ออกไปด้วยก็ได้”
ริมฝีปากคมยิ้มบางให้กับเด็กหนุ่มในอ้อมแขนหวังจะให้เด็กหนุ่มเบาใจ
“คราวหน้าถ้าผมได้ออกไปด้วยคงจะดีนะครับ”
เอเลนยิ้มตอบกลับอย่างมีความหวัง
แต่เขารู้ดีว่าคราวหน้าสำหรับเขาอาจจะไม่มีอีกแล้ว แค่ได้ไปทะเลพร้อมกับทุกคน
ได้เห็นโลกกว้างที่คอยเฝ้ามองมาตลอดเพียงแค่ชั่ววูบเดียวนั้นก็ทำให้เขามีความสุขมากแล้ว
และความสุขที่มีคนคนนี้คอยอยู่เคียงข้างจนกระทั่งตอนนี้ก็มากพอแล้วสำหรับปีศาจอย่างเขา
“หัวหน้าครับผมรักคุณนะครับ”
ริมฝีปางบางจูบลงบนแก้มของอีกฝ่าย
แขนแกร่งกอดกระชับคนตรงหน้าและมอบจูบที่เร่าร้อนตอบกลับ
“นายนี่ชอบยั่วจริงๆเลยนะเอเลน”
ใบหน้ามนยิ้มบางสองแขนโอบรอบไหล่หนาที่พลิกขึ้นมาคร่อมตนเอง
“ก็หัวหน้าไม่ยอมบอกผมสักที ผมเลยต้องเป็นฝ่ายพูดเองยังไงล่ะครับ” ผมอยากบอกให้รู้ว่าผมรักคุณและอยากให้คุณจดจำผมไว้แม้ว่าผมจะไม่อยู่ตรงนี้อีกแล้วก็ตาม
ริมฝีปากคมเลื่อนมากระซิบข้างหูของคนใต้ร่าง
“รอก่อนนะชั้นจะบอกนายแน่เมื่อเวลานั้นมาถึง”
ใบหน้าคมเลื่อนมอบจุมพิตให้กับคนข้างใต้อย่างแผ่วเบาก่อนจะฝากฝังรอยรักไว้ทั่วตัวของอีกฝ่าย
ค่ำคืนนี้ดำเนินต่อไปโดยที่ร่างโปร่งได้แต่ภาวนาขอให้รุ่งสางไม่มาเยือน
แต่ความจริงของโลกยังคงดำเนินต่อไป
แสงแดดสาดส่องให้ความสว่างไสวไปทั่วอาณาบริเวณ
หัวหน้ารีไวจัดแจงตนเองเรียบร้อยและออกไปทำภารกิจของตนที่นอกกำแพง เมื่อชายหนุ่มคนสำคัญได้ออกไปแล้ว
ร่างโปร่งที่เหลืออยู่จึงได้จัดแจงตัวเองและออกไปยังปราสาทที่นัดหมายไว้
หญิงสาวผมสีน้ำตาลรวบผมมองสบตานัยน์ตาสีมรกตอย่างหมดหวัง
รอยคล้ำและขอบตาที่แดงของเธอบ่งบอกว่าเธออดหลับอดนอนและพยายามค้นคว้าหายาแก้อย่างสุดความสามารถ
เอเลนได้แต่ยิ้มและจับมืออีกฝ่ายขึ้นมา
ใบหน้ามนส่ายหน้าน้อยๆเพื่อบอกหญิงสาวว่าไม่เป็นไร
“ขอโทษนะเอเลน
ถ้าชั้นมีความสามารถมากกว่านี้” ฮันซี่สะอื้นร่ำไห้ให้คนตรงหน้า
เจ็บใจและสมเพชตัวเองที่ไร้ความสามารถที่ไม่อาจแก้ไขอะไรได้
“ไม่ครับคุณฮันซี่
ขอขอบคุณในความพยายามของคุณครับ” เอเลนคลี่ยิ้มอบอุ่นให้กับหญิงสาว
เขารู้ว่าคนคนนี้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเหลือเขาจนวินาทีสุดท้าย
และต้องเจ็บปวดอย่างมากกับการตัดสินใจที่ต้องทำลงไป
อาร์มินเดินเข้ามากอดเพื่อนตั้งแต่เด็กของตนเอง
“จะดีจริงๆเหรอครับเอเลน” ตาสีฟ้าสดใสขุ่นมัวจากน้ำตาที่ไหลลงมา
“ดีแล้วล่ะอาร์มิน
ทุกอย่างจะต้องจบ ฝากมิคาสะด้วยนะถ้าเธอรู้เมื่อไรชั้นกลัวเธอจะฆ่าตัวตายตาม”
เขารู้ดีว่าเด็กสาวให้ความสำคัญกับตนเองขนาดไหนจึงขอร้องอาร์มินและแจนให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับทำให้วันนี้เด็กสาวต้องออกไปทำภารกิจนอกกำแพงเช่นเดียวกับหัวหน้ารีไว
จนเมื่อเขาจากโลกนี้ไปแล้วก็หวังฝากฝังทั้งสองคนช่วยเยียวยาจิตใจที่แตกสลายของเด็กสาว
“นายไม่ต้องห่วงเอเลน
ชั้นกับอาร์มินจะดูแลเธอแทนนาย… โลกนี้มันน่ารังเกียจสิ้นดี!!” นัยน์ตาสีอ่อนขึ้นขอบแดงพยายามกลั้นน้ำตาแห่งความเสียใจไว้ภายใน ทั้งทีนายพยายามมากกว่าใครแต่กลับต้องมาสังเวยตัวเองเพื่อตอกย้ำความสำเร็จของตน
มันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
“แจนนายเองก็เป็นเพื่อนที่ดีและพึ่งพาได้เสมอ
แม้นายจะปากเสียแต่นายเป็นคนดีทีเดียว” มือบางบีบไหล่ร่างสูงอย่างให้กำลังใจ
แจนเข้าสวมกอดคนตรงหน้าแน่น ฟันกัดกรอดจนขึ้นสันกรามด้วยความเจ็บใจต่อโชคชะตะที่เด็กหนุ่มต้องเจอ
“เอเลนผมเคยอ่านเรื่องการกลับชาติมาเกิด
ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้มาเจอกัน ขอให้เราได้เป็นเพื่อนกันอีกครั้งนะครับ” อาร์มินพยายามส่งยิ้มให้กับเพื่อนของตน
แม้จากยากเย็นและเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่ได้เอาเสียเลยแต่ก็ยังคงอยากยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายให้กับเพื่อนคนสำคัญ
“ถ้าชาติหน้ามีจริงทั้งชั้น
นาย และทุกๆคนจะต้องได้เจอกันอีกแน่นอน
และเราจะต้องได้มาเป็นเพื่อนกันอีกครั้งแน่ๆชั้นมั่นใจ” สองมือเรียวโอบกอดเพื่อนรักทั้งสองตรงหน้า
“พวกเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ”
เหล่าเด็กหนุ่มได้แต่พยักหน้ารับคำมั่นสัญญาที่ต่างให้ไว้แก่กันและกัน
“อาร์มินชั้นให้สิ่งนี้กับนายละกัน
เพราะนายเป็นคนชอบอ่าน เรื่องราวของชั้นจะได้ถูกจดจำไปอีกนานยังไงล่ะ”
บันทึกปกหนังสีดำถูกยื่นให้เด็กหนุ่มตาสีฟ้า
บันทึกของตัวเขาที่เขียนเรื่องราวและผลการทดลองที่เกี่ยวกับตัวเขาเอง และรวมถึงเรื่องของหน่วยสำรวจและไททัน
อาร์มินรับหนังสือมากอดไว้แน่นกับอก
เขาจะเก็บรักษาทุกเรื่องราวและเล่าขานถึงความกล้าหาญและความเสียสละของเด็กหนุ่มที่ชื่อ
เอเลน เยเกอร์ ให้คงอยู่ไม่ให้ถูกลืมเลือนอย่างแน่นอน
“ส่วนนายแจนนายตัวพอๆกับชั้น
ชั้นให้กุญแจนี้กับนายละกัน
ถึงนายจะปากไม่ดีแต่นายเป็นที่พึ่งได้เสมอขอฝากที่เหลือด้วยนะ” แจนรับรับกุญแจที่ร่างโปร่งสวมใส่ติดตัวไว้เสมอมา
มือขวากำแน่นวางไว้ที่อก มือซ้ายไขว่ไปข้างหลัง ทำความเคารพต่อร่างบางที่เสียสละและเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง
เอเลนเดินไปหาชายหนุ่มผู้มีตำแหน่งสูงสุด
มือบางยื่นซองจดหมายสีขาวให้กับคนตรงหน้า
“หัวหน้าเอลวินครับผมขอฝากสิ่งนี้ให้กับหัวหน้ารีไว
เมื่อเขากลับมาช่วยมอบสิ่งนี้ให้เขาด้วยนะครับ”
ร่างสูงใหญ่รับซองจดหมายของคนตรงหน้า
นัยน์ตาสีฟ้าสั่นไหวกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่ถึงกระนั้นทุกอย่างยังคงต้องดำเนินต่อไป “ชั้นจะมอบมันให้กับรีไวแน่นอน
เธอไม่ต้องห่วงนะเอเลน”
“ขอบคุณครับ
คุณเป็นคนที่เชื่อใจได้เสมอครับหัวหน้าเอลวิน
ผมขอฝากดูแลคนคนนั้นด้วยนะครับเมื่อผมไม่อยู่แล้ว
ถึงแม้เขาจะขี้หงุดหงิดแต่เขาก็เป็นคนที่อบอุ่นยิ่งกว่าใคร
เวลาที่ฝนตกเขาชอบที่จะดื่มกาแฟร้อนๆและต้องขมกว่าทุกวันด้วยนะครับ”
นัยน์ตาสีมรกตเริ่มคลอเบ้าด้วยม่านน้ำตา
“หัวหน้าแม้จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งแต่ก็เป็นคนขี้หนาว
พอใกล้ช่วงฤดูหนาวจะต้องเตรียมผ้าห่มและเสื้อผ้าหนาๆไว้ให้เขามากๆนะครับ”
ไหล่บางสั่นไหวทั้งที่อยากโอบกอดร่างอบอุ่นนั้นอีกครั้งแต่ก็มิอาจทำได้อีกต่อไป
“ถึงแม้ความสัมพันธ์ของคุณกับหัวหน้ารีไวหลังจากนี้จะเกินเลยไปก็ไม่เป็นไรครับ
ขอแค่ทำให้คนคนนั้นมีความสุขแทนผม และช่วยทุเลาความเจ็บปวดจากผมด้วยนะครับ”
แขนบางยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอาบสองแก้ม
นัยน์ตาสีฟ้าก้มมองซองจดหมายสีขาวในมือ
คิ้วหนาขมวดจนเป็นปมกับความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นในจิตใจ
“ไม่ต้องห่วงเอเลนชั้นจะคอยดูแลรีไว แต่ชั้นจะไม่มาแทนที่เธอ…. ชั้นขอสัญญา” แทนกันไม่ได้หรอกกับความสำคัญที่ทั่งคู่ต่างมอบซึ่งกันและกัน
เอลวินทำความเคารพให้กับร่างโปร่งตรงหน้า
ความเจ็บปวดที่ต้องแบกรับการถูกตีหน้าหรือความเกลียดชังเคียดแค้นที่อาจเกิดขึ้นเขาก็จะขอรับเอาไว้บนสองไหล่นี้
เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่คนรอบข้างต้องเจอแล้วเรื่องนี้เขาเองก็ต้องแบกรับมันไปให้ได้เช่นกัน
“ขอบคุณครับ”
เอเลนทำท่าเคารพตอบกลับอีกฝ่าย ใบหน้ามนยังคงมีม่านน้ำตาหลั่งริน
ถึงแม้ตัวเขาจะต้องจากไปแต่ก็หวังให้คนคนนั้นมีชีวิตอยู่ต่อและมีความสุข
ถึงแม้ความสุขที่ว่านั้นแท้จริงแล้วเขาอยากเป็นคนมอบให้เองก็ตาม น่าเสียดายที่ในที่สุดผมก็ไม่ได้ยินคำว่ารักจากคุณนะครับหัวหน้ารีไวล์
“เอเลน…ทุกอย่างพร้อมแล้ว” ฮันซี่เรียกร่างโปร่งให้ไปรวมกับอีกห้องหนึ่งซึ่ง
แอนนี่ ไรเนอร์ เบลทรูธ และยูมิลรออยู่ก่อนแล้ว
“ตาแดงเป็นเด็กขี้แยเลยนะนายน่ะ”
ยูมิลเอ่ยขึ้นเมื่อร่างโปร่งเข้ามาถึงห้อง
“ฮ่า ฮ่า
ยูมิลเองก็ไม่ต่างกันหรอก แล้วคริสต้าล่ะ?”
เอเลนเอ่ยถามถึงเด็กสาวที่เปรียบดั่งของล่ำค่าสำหรับยูมิล
“ถ้าเธอตื่นขึ้นมาอีกทีคงต้องฝากพวกเพื่อนนายช่วยดูแลด้วยล่ะนะ”
หญิงสาวใบหน้าตกกระก้มมองพื้น
เธอรู้ว่าคริสต้าคงไม่อาจทำใจกับสิ่งที่เกิดได้จึงขอยานอนหลับจากฮันซี่เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินการไปได้เรียบร้อยจนกว่าเจ้าตัวจะตื่น
“ชาช่า โคนี่ อาร์มิน
และแจน จะต้องดูแลคริสต้าได้แน่นอน” ร่างโปร่งตอบ ใบหน้าตกกระของยูมิลได้แต่เค้นยิ้มออกมาอย่างยากเย็น
“ขอโทษนะ
ผมอยากบอกเอเลนมาตลอด แต่ตอนนี้คงสายไปแล้ว” เบลทรูธหนุ่มที่สูงที่สุดในห้องก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตากับคนที่เคยไว้ใจและเรียกเขาว่าเพื่อน
“ไม่หรอก
นายแค่เลือกสิ่งที่ถูกต้องสำหรับตัวนายก็เท่านั้น
ถึงชั้นจะคิดว่าสิ่งที่นายทำมันผิดและไม่อาจยกโทษให้นายได้ก็ตาม
แต่ความเป็นเพื่อนที่นายมีให้มันก็มีค่ามากทีเดียว รวมทั้งแอนนี่ และไรเนอร์ด้วย”
“นายแข็งแกร่งจริงๆนะเอเลน”
ไรเนอร์อดที่จะชื่นชมคนตรงหน้าไม่ได้
คำพูดของร่างโปร่งทำให้ทั้งสามคนแปลกใจความรู้สึกผิดต่อคนตรงหน้าเกาะกุมหัวใจจนทำให้รู้สึกปวดหนึบ
“นายเองก็เป็นเพื่อนที่ดี
ถ้ามีโอกาสชั้นก็อยากเป็นเพื่อนกันนายอีกครั้ง” แอนนี่กล่าวกับร่างโปร่ง
ถ้าสามารถเลือกได้อีกครั้งก็ขอที่จะไม่ทรยศหักหลังเพื่อนของตนเองอีก
“อาร์มินบอกว่าโลกนี้มีเรื่องของการกลับชาติมาเกิดใหม่
ถ้าพวกเราได้เจอกันอีกก็ขอให้พวกเราได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและกัน
ไม่ต้องเลือกหรือทำให้ใครต้องเจ็บปวด”
มือเรียวกำยื่นไปข้างหน้า
อดีตทหารฝึกรุ่น 104 ต่างกำมือและชกเข้าที่มือของร่างโปร่งอย่างเบาๆเปรียบดั่งคำสาบานที่ให้แก่กัน
ถ้าชาติหน้ามีจริงพวกเขาจะขอเป็นเพื่อนที่ไม่ทรยศหักหลัง
ขอเป็นเพื่อนที่ร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันกันและกันให้ก้าวเดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่มีใครต้องเสียสละหรือเจ็บปวด
“ถึงเวลาแล้วล่ะ
นี่คือคันตาเรลล่าดอกไม้พิษในตำนานที่กล่าวกันว่าจะทำให้ผู้ที่กินเข้าไปได้เห็นสิ่งที่อยากเห็นก่อนตาย
พวกเธอจะค่อยๆหลับและฝันไปเท่านั้น
ชั้นได้นำมันผสมกับอาหารและน้ำให้กับมนุษย์ที่ถูกทดลองคนอื่นๆแล้ว
และนี้คือส่วนของพวกเธอ” ฮันซี่ยกแก้วเครื่องดื่มผสมพิษที่เตรียมไว้ยื่นให้กับทุกคนภายในห้อง
“ขอบคุณนะครับ
แล้วก็ขอฝากที่เหลือด้วยนะครับคุณฮันซี่ ผมหวังว่าเราจะได้เจอกันอีก”
ใบหน้ามนคลี่ยิ้มให้กับหญิงสาว
“จะเอเลน
หวังว่าเราจะได้เจอกันใหม่” ฮันซี่พยายามฝืนยิ้มส่งตอบให้กับคนตรงหน้า เพราะทุกอย่างจะต้องดำเนินต่อ
ถ้าไม่รู้จักที่จะเสียสละและละทิ้งความเป็นมนุษย์ไปแล้วล่ะก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ข้อนี้ตัวเธอเองรู้ดี
เพื่อให้ทุกอย่างสิ้นสุดลงแม้จะต้องเจ็บปวดและทำร้ายใครแต่เธอก็ต้องแบกรับสิ่งเหล่านั้นเอาไว้เช่นกัน
นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองน้ำสีแดงดุจเลือดในมือ
ทั้งที่หัวหน้าเคยสัญญาว่าจะเป็นคนฆ่าตนเอง แต่คำสัญญานั้นไม่อาจเป็นจริงได้
เพราะรู้ดีว่าคนที่แข็งแกร่งนั้นถนุถนอมตนเพียงใดยามอยู่ในอ้อมกอด
สองมือแกร่งที่กรำศึกมาเนิ่นนานไม่อาจหันคมดาบเข้าหาตัวเขาได้อีกต่อไป
เพราะงั้นดีแล้วล่ะที่เขาจะจบทุกอย่างด้วยมือของตน
คนที่แสนสำคัญจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดที่ต้องทำร้ายตัวเขาเอง
ริมฝีปากจรดยังเครื่องดื่มรสหวานที่อยู่ในมือ
น้ำหวานเคลือบพิษร้ายไหลลงสู่ลำคอ ร่างกายเริ่มชาจากปลายเท้าไล่ขึ้นมายังช่วงบน
เปลือกตาค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ
คันตาเรล่าพิษร้ายในตำนานที่จะมอบฝันหวานให้ก่อนตาย
ความทรงจำสุดท้ายที่เห็นคือใบหน้าคมที่มีรอยยิ้มบาง
นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่จ้องมองตรงมาอย่างอ่อนโยน มือแกร่งยื่นมาตรงหน้า
มือเรียวไขว่คว้ามือที่ยื่นมาในภาพลวงตาก่อนจะล้มลงไป
เจ้าดอกไม้สีฟ้าเล็กๆนั่นคงไปถึงคุณใช่ไหมครับ
อย่าลืมผมนะครับหัวหน้า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรได้โปรดจดจำผมไว้ในหัวใจของคุณ….
และได้โปรดจดจำไว้เสมอว่าผมรักคุณนะครับหัวหน้ารีไว……
.
.
.
.
.
“เอเลน
คุณแม่คาร่าให้มาเรียกลงไปทานข้าวเย็นได้แล้ว” หญิงสาวเพื่อนตั้งแต่เด็กเปิดประตูเข้ามาในห้องของเด็กหนุ่มด้วยความเคยชิน
นัยน์ตาสีราตรีมองร่างโปร่งที่กำลังนั่งดูอัลบั้มรูปสมัยเรียนไฮสคูลอยู่กลางห้อง
เด็กสาวเดินลงไปนั่งข้างๆกับเจ้าของห้องดวงตามองตามภาพในอัลบั้มที่ถูกผลิกไปมา
“ดูรูปเก่าๆอยู่เหรอเอเลน”
“อืม” รูปแห่งความทรงจำต่างๆที่เขาและเพื่อนๆรวมทั้งครอบครัวถ่ายเก็บไว้มากมาย
ภาพสมัยที่เด็กหนุ่มยังคงเป็นเด็กชายตัวน้อยที่มีมารดาและบิดาอุ้มเจ้าเด็กตัวน้อยยิ้มแย้มอย่างสดใส
เมื่อเข้าโรงเรียนอนุบาลภาพที่คุณแม่สาวสวยไปส่งเด็กชายตัวดีที่ร้องไห้งอแงเพราะไม่ยอมจากกับคุณแม่จนทำให้บรรดาครูที่โรงเรียนอนุบาลต่างลำบากใจ
พอเข้าชั้นประถมภาพถ่ายหน้าโรงเรียนในวันปฐมนิเทศที่เขา มิคาสะ
และอาร์มินต่างถ่ายรูปร่วมกัน เด็กชายแสนซนยิ้มเห็นฟันขาวโอบคอเพื่อนทั้งสองไว้
ในมืออาร์มินถือหนังสืออ่านนอกเวลาเล่มใหญ่และมิคาสะแม้จะทำหน้าเฉยชาตอนถ่ายรูปแต่ก็เห็นสายตาขอความดีใจที่ฉายแววออกมา
พอเข้ามัธยมต้นรูปสมัยงานกีฬาสีที่แข่งกับทีมสีฟ้าและตัวเขาซึ่งอยู่ทีมสีแดงกำลังแข่งกินขนมปังที่ผูกติดกับคาน
นัยน์ตาสีเขียวที่มุ่งมั่นกระโดดงับขนมปังตรงหน้า มืออีกข้างก็ดันเจ้าเพื่อนคู่กัด
แจน กิลชูไตน์ ที่อยู่ทีมสีฟ้าไม่ให้เข้ามาหาขนมปังได้
จากคู่กัดที่ทะเลาะและต่อยตีกันก็เริ่มขยับเข้าหาจนกลายเป็นคู่หูและเพื่อนสนิทถึงแม้ยังคงชอบทะเลาะกันอยู่เสมอแต่นั้นกลับทำให้ทั้งเขาและแจนเข้าใจและสนิทกันมากขึ้น
พอเข้าสู่ช่วงไฮสคูล ภาพการเปิดร้านน้ำชาสไตล์คุณหนูของงานโรงเรียนที่มีทุกคนรวมอยู่
การแต่งกายที่ทุกคนต้องใส่สลับเพศที่แท้จริงของตนเอง มิคาสะ ยูมิล
ที่แต่งเป็นพ่อบ้านทำให้หลังจากวันนั้นมีเด็กสาวมากมายต่างเข้ามาส่งจดหมายรักให้กับทั้งคู่
ไรเนอร์ เบลทรูธ มาร์โก และโคนี่
ที่แต่งเมดสาวออกมาได้อย่างที่ทุกคนต่างตกตะลึงจนสร้างสีสันที่แปลกแหวกแนวของร้านน้ำชา
แม้ไรเนอร์พยายามทำทรงผมทวินเทลให้ดูน่ารักขึ้นแต่ทุกคนก็ยังคงเห็นแล้วรับไม่ได้อยู่ดี
แจน แอนนี่และชาช่าที่ไหวตัวทันหนีไปอยู่เบื้องหลังเตรียมอาหารเลยอยู่ในชุดของเชฟแทนและทำให้ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
ตัวเขาและอาร์มินที่ต้องแต่งเมดหลังจากวันนั้นก็เจอชะตากรรมไม่ต่างจากพวกมิคาสะเพียงแต่ว่าคนที่เข้ามากลับไม่ใช่สาวน้อยแต่เป็นหนุ่มๆทั้งหลาย
ทำเอาหลังงานโรงเรียนมิคาสะเกือบได้ไล่ฆ่าผู้ชายทั้งโรงเรียนจนเกือบตกเป็นข่าวหน้าหนึ่ง
สีหน้าทุกคนในรูปถ่ายต่างเจือไปด้วยรอยยิ้มที่ฉายแววความสุขและสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆที่ได้ทำร่วมกัน
ไม่ว่าจะเป็นงานวัฒนธรรม งานกีฬาสี
พิธีจบการศึกษาที่ทุกคนต่างร้องไห้ออกมาเพราะนึกว่าจะต้องแยกจากกันแต่สุดท้ายพวกเราก็ยังคงอยู่ด้วยกันในวันปฐมนิเทศ
ณ.
สถานที่แห่งใหม่ในรั้วมหาลัยเดียวกัน
ใบหน้ามนดูภาพถ่ายที่เก็บเรื่องราวแห่งความสุข
สนุกสนาน ทุกข์ เศร้า และทุกเหตุการณ์ต่างๆที่ได้ร่วมฝ่าฝันผ่านพ้นกันมาจนปัจจุบันอย่างคิดถึง
“ในที่สุดพวกเราก็ได้เจอกัน”
ใบหน้ามนยิ้มอย่างเป็นสุขมองภาพถ่ายที่เก็บเรื่องราวต่างๆไว้มากมาย
คำสัญญาในอดีตที่ต่างให้ไว้ต่อกัน
ในที่สุดก็ได้เป็นจริง พวกเขาไม่ต้องเลือกหรือต้องทำร้ายเพื่อน คนรอบข้าง หรือใครให้เจ็บปวด
ไม่ต้องทรยศหักหลังเพื่อนที่สำคัญของตัวเอง
พวกเรายังคงอยู่ด้วยกันเคียงบ่าเคียงไหล่และช่วยกันผลักดันทุกย่างก้าวไปพร้อมๆกัน
หญิงสาวยิ้มให้กับร่างบางตรงหน้า
รอยยิ้มที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น
รอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขและอิ่มเอมกับเรื่องราวต่างๆในความทรงจำของโลกใบใหม่
โลกที่ไม่มีไททัน
ถึงแม้โลกจะยังคงโหดร้ายแต่ชะตากรรมอันน่าเศร้านั้นก็ได้จบสิ้นลงไปแล้ว
“เอเลน
นายมีความสุขรึเปล่า?” คำถามที่ติดปากของหญิงสาวถูกเอ่ยออกมา
“มีความสุขสิ”
เมื่อได้รับรู้เรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาทั้งหมดแล้วเขาสามารถตอบได้จากหัวใจว่ามีความสุข
“แล้วเธอล่ะมิคาสะตอนนี้มีความสุขรึเปล่า?”
ใบหน้าสวยแปลกใจเมื่อถูกถามกลับ
นัยน์ตาสีราตรีก้มมองอย่างครุ่นคิด “ชั้น… มีความสุขนะเอเลน เพราะมีเธอรวมทั้งทุกคน
โลกที่ไม่ต้องหวาดกลัวว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ชั้นมีความสุขมาก”
ใบหน้าสวยพิงลงบนไหล่ของเด็กหนุ่ม
เอเลนเอนศีรษะทับลงกับศีรษะของเด็กสาวที่พิงลงมา
“ดีแล้วล่ะ ขอโทษนะที่ตอนนั้นไม่ได้บอกเธอแต่ชั้นเชื่อว่าแจนและอาร์มินจะต้องดูแลเธอได้เป็นอย่างดี”
“หลังจากตอนนั้นชั้นแทบคลั่งเลยรู้ไหม
หลายต่อหลายครั้งที่พยายามฆ่าตัวตายตามเธอไป แต่ได้แจนและอาร์มินคอยอยู่เคียงข้าง
เธอรู้ไหมไอเจ้าหน้าม้านั่นมันกล้าตบหน้าชั้นด้วยนะ”
เด็กสาวยิ้มบางเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นานแสนนานที่ฝังลึกในความทรงจำ
“ชั้นได้แต่สาปแช่งผู้คนมากมายและโลกใบนี้ที่พรากเธอไป…
หลังจากอาร์มินเล่าเรื่องการกลับชาติมาเกิดให้ฟังชั้นก็สาบานกับตัวเองว่าจะต้องมาเจอเธอให้ได้และคราวนี้เธอจะต้องมีความสุข
คำสาบานนั้นคงทำให้ชั้นจำเหตุการณ์ต่างๆได้ตอนเจอเธอครั้งแรกสมัยอนุบาลชั้นดีใจมาก
และได้บอกกับตัวเองไว้ว่คราวนี้แหละความสุขจะต้องเป็นของเธอเอเลน”
“ชั้นเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมเธอถึงได้ยึดติดกับชั้นจัง”
เด็กหนุ่มหัวเราะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆตั้งแต่เจอเด็กสาวในวัยเยาว์ที่พยายามทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อเขา
แม้หลายเรื่องดูจะบ้าระห่ำเกินผู้หญิงอยู่มากทีเดียว
“แล้วหลังจากนั้นคนคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?” คนที่เขาทำให้ต้องเจ็บปวดเจียนตายไม่ต่างกัน
ใบหน้าสวยส่ายหน้าไปมา
นัยน์ตาสีราตรีจ้องมองใบหน้ามนที่อยู่เบื้องหน้า
“ชั้นเองก็ไม่รู้รายละเอียดเพราะหลังจากรู้ว่าเธอยอมกินยาฆ่าตัวตายเพื่อให้ทุกอย่างจบลง
ชั้นก็คลุ้มคลั่งอยู่นานเกือบเดือนจนเมื่อได้สติก็ได้ข่าวว่าหัวหน้ารีไวเป็นผู้ทรยศและโดนประหาร
ข้อมูลในตำนานที่ค้นเจอก็มีแต่บทสรุปที่ไม่ได้แจกแจงรายละเอียดใดใดไว้”
“อย่างนั้นเหรอ”
ในอกร่างโปร่งรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อได้ยินว่าอดีตหัวหน้าของตนเป็นผู้ทรยศ
และมันจะต้องเกี่ยวกับตัวเขาแน่นอน
ทั้งที่หวังให้คนคนนั้นมีชีวิตอยู่ต่อที่ยืนยาวและพบกับความสุขแต่ผลสุดท้ายคนที่เขารักและให้ความสำคัญกลับถูกตีหน้าเป็นคนทรยศ
มันยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“เอเลน
ไม่เป็นไรหรอกนะสักวันเขาจะต้องมาหาเธออย่างแน่นอน เหมือนที่ชั้น อาร์มิน แจน
คุณฮันซี่ และคนอื่นๆต่างก็ได้มาพบเจอกันกับเธอยังไงล่ะ”
มือบางจับใบหน้าเด็กหนุ่มที่กำลังขมวดคิ้วจนเป็นปม
“ชั้นก็เชื่ออย่างนั้นมิคาสะ….ขอบใจนะ…” ใบหน้ามนอิงบนไหล่ของเด็กสาว
นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองไปยังภาพท้องฟ้ายามเย็นที่ลอดผ่านหน้าต่าง
เวลายังคงหมุนเวียนไปเช่นเดิม
และโลกก็ยังคงหมุนไปเหมือนที่แล้วมา แต่ตอนนี้ตัวเขาเองที่เปลี่ยนไป
จากการดำเนินชีวิตที่ไหลผ่านตามกระแสเวลาเช่นเดิมตอนนี้กลับเป็นการเฝ้าคอยเพื่อพบเจอใครอีกคนที่มีความหมายและแสนสำคัญ
ความรู้สึกที่ข้ามผ่านช่วงเวลานานแสนนาน ความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ในใจและเก็บซ่อนไว้ภายใต้ความทรงจำที่เนิ่นนานได้ทลายออกมาผ่านบันทึกปกหนังสีดำที่ได้หวนคืนกลับสู่ผู้ที่เป็นเจ้าของที่แท้จริง
คราวนี้ผมจะไขว่คว้าความสุขและจะมอบความสุขให้กับคุณเอง
ผมจะไม่ทำให้คุณต้องเจ็บปวดอีกแล้ว รีบมาหาผมเถิดครับหัวหน้ารีไว….
TBC.
เป็นเรื่องที่เขียนเรื่องราวของ 'ความจริง' ได้เจ็บปวดมาก
ตอบลบถึงรู้ว่าบทสรุปจะต้องตาย แต่ก็มีการบรรยายรายละเอียด
ความเป็นไปของความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ดีากค่ะ
*ซับน้ำตาแปบ* โฮ...
เอเลน...ไปพูดแบบนั้นกับหัวหน้าเอลวิลได้ไง....บากะ....
จริงจนเจ็บปวด รับไม่ได้เรื่องของรีไวล์กับเอลวินนี่แหละ ปวดตับเฟ้ย
เพราะตัวเองไม่อาจดูเเลเเละอยู่เคียงข้างได้อีกต่อไปเายอยากฝากสิ่งสำคัญของตนให้กับคนที่คิดว่าพึ่งพาได้ เขียนตอนนี้ไปหมองไปเองเช่นกันค่ะ
ลบขอบคุณมากนะคะอ่านเม้นเเล้วเเบบปลื้มจนบอกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ\\\\\
ขอโทษด้วยนะคะที่เปนนักอ่านเงามาตลอดของเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ เพิ่งเริ่มอ่านมังงะไททันและดูเมะจบไป25ตอน จากนั้นก็รุได้ว่ารักคู่รีเอแน่ๆเลยตามหาฟิคอ่าน อ่านไปห้าหกฟิคจากผลงานของไรท์ท่านอื่นๆ แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฟิครีเอเรื่องแรกที่อ่าน แต่เปนฟิครีเอเรื่องแรกที่ทำให้เราร้องไห้ได้มากขนาดนี้ หน่วงมากคะ เจ็บจนไม่รุจะพูดยังไง คือน้ำตานองไหลเปนทางซึมไปถึงหมอนเลยคะ
ตอบลบขอบคุณที่เม้นนะคะ ดีใจมากๆเลยค่ะทำให้เราได้รู้ว่ามีนักอ่านติดตามผลงานของเราอยู่ ขอบคุณจริงๆค่ะ บทนี้ตอนเขียนเองก็หน่วงเช่นกันค่ะ และแอบกังวลว่าจะสามารถทำให้นักอ่านเข้าถึงอารมณ์ที่เราจะสื่อได้ไหม พออ่านเม้นแล้วโล่งอกและปลื้มมากๆค่ะ ขอบคุณจริงๆนะคะ
ลบหน่วงมากอะ คนแต่งแต่งเก่งมากเลยค่ะ ขอชื่นชมจากใจ ทั้งวางบทได้สมจริงและเจ็บปวด ทั้งคาแรกเตอร์ของตัวละครแต่ละตัวที่ดึงออกมาได้ดีมากจริงๆ เช่น รายละเอียดอย่างที่บอกว่าคริสต้ากินยานอนหลับเพราะทำใจไม่ได้ คือรู้สึกว่าใช่เลย ว่าเป็นคริสต้าจริงๆ เก่งมากๆเลยค่ะ ดีใจที่มีฟิคดีๆแบบนี้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ตอบลบมาขอบคุณตอนนี้จะสายไปไหมคะ? แหะๆ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ดีใจมากๆเลยค่ะเขิลลลลลลล
ลบเราหลงเข้ามาานไในานนี้เองอะ...ใช้คำค้นอะไรไม่รู้จนเจอบล็อกนี้...คือดีงามมาก อยากให้เอเลนคู่กับแจนจริงๆๆ
ตอบลบขอบคุณที่หลงเข้ามานะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่าา
ลบไรท์เเต่งดีมากๆค่ะ อินมากจริงๆ เเต่งดีทุกเรื่องเลยเป็นกลจ.ให้นะคะ เราติดตามไรท์มาตลอดเเต่ไม่มีโอกาสได้เม้นหลายปีเเล้วอ่าา ไม่รู้ว่าไรท์จะเห็นมั้ย เเต่เลอฟๆไรท์นะคะ
ตอบลบ