Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last
Memory
Chapter 16
รถยนต์สีดำแล่นออกจากคอนโด
นัยน์ตาสีมรกตเหล่มองสารถีข้างกายที่กำลังจับจ้องไปที่ถนน
นึกถึงเรื่องเมื่อเช้าแล้วยังคงแปลกใจทั้งยังตื่นเต้นไม่หาย
รุ่งเช้าที่ต่างออกไปจากเดิมทั้งสถานที่และคนที่เห็นคนแรกเมื่อลืมตาตื่น ใบหน้ามนขึ้นริ้วสีระเรื่อเมื่อนึกถึงภาพชายหนุ่มที่เข้าครัวทำอาหารเช้าเมื่อเช้า
แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าคนคนนี้รักสะอาดและเจ้าระเบียบขนาดไหนเมื่อชาติก่อน
อีกทั้งในปัจจุบันนิสัยรักความสะอาดก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเห็นได้จากคอนโดที่ดูสะอาดเรียบร้อยราวกับห้องใหม่
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะทำอาหารได้ แถมอร่อยจนรู้สึกอายฝีมือในการทำข้าวห่อไข่ของตัวเองเมื่อคืน
เมื่อพบว่ามื้อเช้าจากคุณรีไวเป็นอาหารชุดแบบครบเซ็ต มีทั้งหมูชุบเกล็ดขนมปังทอด
ไข่ดาว ซุปใส จนอดทึ่งไม่ได้ว่าเจ้าตัวตื่นมาทำอาหารตั้งแต่กี่โมงกัน
ทั้งที่คิดว่าตัวเองก็ตื่นเช้าพอควรเพื่อที่จะขึ้นมาเตรียมมื้อเช้าให้ แต่กลับโดนตัดหน้าเสียได้
“คุณรีไวทำอาหารเป็นก็ไม่บอก
ผมอายกับข้าวห่อไข่เมื่อวานเลย” อีกทั้งยังเสนอหน้าขอเป็นคนทำอาหารให้อีก
รู้สึกขายหน้ายังไงก็ไม่รู้
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างก่อนหันกลับไปให้ความสนใจกับถนนตรงหน้า
พลางยกยิ้มอย่างนึกขำกับท่าทางที่เหมือนจะแอบงอนของคนด้านข้าง
“นายก็ไม่ได้ทำแย่นี่”
“แต่คุณรีไวก็ทำเก่งกว่าอยู่ดี”
ใบหน้ามนผองลมในปาก
ทำไมคนคนนี้ถึงทำอะไรได้ทุกอย่างเลยนะ ชักหมั่นไส้แล้วสิ
“ไม่เกี่ยวหรอกนะว่าใครทำเก่งกว่า
แต่มันขึ้นอยู่กับว่านายทำให้ใครต่างหาก”
จากแก้มป่องๆตอนนี้กลายเป็นอ้าปากเหวอกับคำพูดของคนอายุมากกว่าด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ
“ค….คุณรีไว แอบเสี่ยวนะครับ”
“ฉันแค่พูดตามที่คิดก็เท่านั้น”
เอเลนหันหน้ามองกระจกรถด้านข้างดูวิวร้านค้าที่ผ่านสายตาไปเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายของตน
ตั้งแต่ที่ได้พูดคุยและปรับความเข้าใจกัน
ราวกับว่าตอนนี้ตัวเขาและคุณรีไวเหมือนใกล้กันมากขึ้นอีกก้าวหนึ่ง
พอนึกถึงเรื่องจูบของเมื่อคืนยิ่งทำให้อกเต้นระรัว ตกลงว่าตอนนี้เขากับคุณรีไวจะเรียกว่าคบกันแล้วรึเปล่านะ?
ก่อนที่จะเอ่ยถามรถเฟอร์รารี่สีดำก็แล่นจอดที่หน้าร้านของเพทร่าพอดีพร้อมทั้งร่างสูงของแจนที่วิ่งเข้ามาทุบกระจกรถจนทำให้เอเลนที่นั่งอยู่ถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ
เมื่อประตูถูกปลดล็อคเด็กหนุ่มร่างสูงไม่รอช้าที่เปิดประตูรถเข้ามาหาเพื่อนของตนทันที
“เอเล๊นนนนนน!!! เมื่อคืนแกเป็นยังไงบ้าง!!?” แจนจับไหล่บางเขย่าไปมา
เอเลนดันคนตรงหน้าพร้อมจับไหล่คนสติแตกให้อยู่นิ่งๆ
“เฮ้ย
แจนใจเย็นๆ แกทำฉันเวียนหัวนะเว้ย”
“ตาลุงนี้ไม่ได้ทำอะไรแกใช่ไหมเอเลน?”
ถามพลางชี้ไปที่คนอายุมากกว่าอย่างเสียมารยาท
เอเลนต้องดันมือของแจนลงพร้อมลากคนขี้โวยวายให้ออกมาเมื่อเห็นว่าคนอายุมากกว่าเริ่มมองมาด้วยความไม่สบอารมณ์
“เป็นบ้าอะไรของแกวะแจน”
ว่าพลางลงจากรถก่อนจะหันไปขอบคุณชายหนุ่ม “ขอโทษนะครับคุณรีไว
และก็ขอบคุณเรื่องเมื่อคืนกับที่มาส่งผมด้วยนะครับ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำขอบคุณจากอีกคน
“ไม่เป็นไร ตอนกลางวันฝากนายด้วยละกัน”
“ได้เลยครับ”
ยิ้มกว้างตอบรับ ก่อนที่จะปิดประตูให้รถแล่นออกไป
ทันทีที่กำลังจะเดินเข้าร้านเจ้าคนขี้โวยวายก็เข้ามากระโดดกอดคอเขา
จนทำให้ต้องหันไปมองว่าเจ้าตัวต้องการอะไรกัน
“เอเลนแกไม่โดนไอเตี้ยนั่นทำอะไรใช่ไหม?”
“ทำอะไรนี่หมายถึงอะไรของนาย?
อีกอย่างเมื่อวานคุณรีไวเขาให้ที่หลบฝนฉันต่างหาก”
“ไม่มีอะไรใช่ไหมแบบ
A
B C D E F ไรแบบนี้น่ะ”
มือหนาจับลงที่ไหล่ของอีกคนพร้อมจ้องเขม็งมองด้วยความกระวนกระวายใจ
เอเลนมองคนตรงหน้าพลางขมวดคิ้ว
“แล้วไอ
A
B C ของนายมันคืออะไร?”
“ก…ก็ แบบ
ว่า ……” โอ๊ย!!
ทำไมหมอนี้มันถึงบื้อแบบนี้วะ!!
“หืม?”
“โว๊ย
ก็แบบแกโดนลุงนั้นลวน”
พลั่ก!!
กระเป๋าถือสีดำถูกเหวี่ยงเข้าที่หัวสีอ่อนของเด็กหนุ่มร่างสูงอย่างแรง
“นายทำอะไรเอเลนน่ะแจน”
นัยน์ตาสีราตรีจ้องมาอย่างเอาเรื่อง พร้อมมือที่กระตุกสายสะพายกระเป๋า
“เจ็บนะเว๊ยมิคาสะ!”
แจนหันไปโวยให้กับเจ้าของกระเป๋าที่ฟาดหัวตนเอง
“อรุณสวัสดิ์มิคาสะ
เมื่อวานขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง” เอเลนกล่าวทักทายเด็กสาวที่เดินทางมาถึงร้านพอดี
“ไม่เป็นไรเอเลน
แล้วเมื่อวานเป็นยังไงบ้างล่ะ?” เด็กสาวถามพลางเปิดประตูเดินนำเข้าไปในร้าน
โดยมีเด็กหนุ่มทั้งสองเดินตามเข้ามาติดๆ
“ก็……แหะๆ” มือเรียกยกขึ้นเกาผมสีน้ำตาลของตนเองพร้อมใบหน้าที่ขึ้นริ้วบาง
“แบบนี้แสดงว่าคงดีสินะ ดีแล้วล่ะ”
มิคาสะยิ้มบางกับท่าทีที่มีความสุขของร่างโปร่งตรงหน้า
“อืม
ขอบใจเธอมากนะมิคาสะ”
แจนที่ฟังบทสนทนาของทั้งสอง
ทั้งยังรอยยิ้มของร่างโปร่งบางที่ดูขวยเขิน เด็กหนุ่มถึงขั้นหน้าถอดสี
อย่าบอกนะว่าภายในเวลาแค่คืนเดียวจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เขยิบไปไกลแล้ว!! แล้วตัวเขาที่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมล่ะ!!
แบบนี้เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤตแล้วสินะ!!!!
เด็กหนุ่มร่างสูงรีบเดินออกไปยังห้องครัวซึ่งอาร์มินกำลังช่วยเพทร่าเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหารและขนมอยู่
ใบหน้าของแจนพิงลงบนบ่าของเด็กหนุ่มร่างเล็กที่กำลังกวนส่วนผสมแป้งในมือ
นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันมามองท่าทางของคนร่างสูงกว่าอย่างสงสัย
“อาร์มิน……ทำไงดี?”
อาร์มินมองท่าทางเหมือนวิญญาณกำลังหลุดลอยของเพื่อนตัวเองพลางถอนหายใจ
สภาพแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นเรื่องของเอเลนแน่นอน
“พี่เพทร่าผมขอตัวสักครู่นะครับ”
“ได้จ่ะ
ตรงนี้ก็ใกล้เสร็จแล้วไม่ต้องห่วงนะ” เพทร่าพยักหน้าอนุญาตให้กับเด็กหนุ่มทั้งสอง
อาร์มินจูงมือแจนออกไปยังห้องพักพนักงาน
มือขาวบางวางลงบนผมสีน้ำตาลอ่อนลูบไล้ไปมาอย่างปลอบประโลม
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ก้มมองพื้นอย่างครุ่นคิด
ตอนนี้ตัวเขาควรเดินไปข้างหน้าหรือว่าถอยหลังดี? ท่าทางของเอเลนที่ได้เห็นก็บ่งบอกได้แล้วว่าร่างโปร่งนั้นสนใจชายหนุ่มมากขนาดไหน
แล้วตัวเขาที่คอยแต่แอบมองอีกฝ่ายควรทำอย่างไร ควรเชียร์ในฐานะเพื่อน
หรือเปิดตัวในฐานะคู่แข็งกัน?
“อาร์มินนายว่าฉันมันบ้าไหม?”
ทั้งที่อยู่ด้วยกันมาตั้งนานแต่เพิ่งรู้สึกตัวว่าชอบอีกฝ่าย
แต่พอรุ้ตัวแล้วกลับกำลังจะโดนใครก็ไม่รู้มาแย่งไป แบบนี้ไม่บ้าก็คงโง่สินะ
ใบหน้าหวานมองเพื่อนสนิทพลางนึกเห็นใจ
จะว่าบ้าก็บ้าอยู่หรอกนะอยู่ด้วยกันมาตั้งนานเพิ่งมารู้ความรู้สึกของตนเอง แต่ถึงจะอย่างนั้นก็น่าชื่นชมในความจริงใจและความพยายามที่กระทำออกมา
แม้อีกคนจะมองเห็นเป็นเพียงในฐานะเพื่อนก็ตาม
“ไม่หรอกครับ
เรื่องแบบนี้ไม่มีใครผิดหรือถูก ผมว่าแจนค่อยๆลองคิดดูว่าอยากทำยังไงต่อไปดีกว่า”
เรื่องของความรู้สึกเป็นเรื่องที่เจ้าตัวควรตัดสินใจเอง
แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงก็หวังให้คนทั้งคู่ยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม
“นั่นน่ะสินะ”
เพราะบอกไม่ได้ว่าผิดหรือถูก เลยได้แต่ลำบากใจอยู่แบบนี้
ร่างสูงล้มตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรงพลางถอนหายใจ
“ผมขอตัวกลับไปช่วยงานที่ร้านนะครับ
ระหว่างนี้แจนลองคิดดูไปก่อนละกัน”
เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กบางที่เดินออกไป
นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหม่อมมองเพดานสีขาวกลางห้องพลางถอนหายใจอีกครั้ง
นั่นน่ะสินะเรื่องแบบนี้ต้องตัดสินใจเอง
จะว่าไปไอคู่มือที่อ่านมาก็มีบอกให้พูดไปตรงๆด้วยนี่นะ
แล้วไอสถาณการณ์ไหนที่ควรพูดออกไปกันล่ะ?
แกร๊ก
“มีอะไรเหรออาร์มิน?”
ยังไม่ทันที่จะหันไปมองอีกคนที่เดินเข้ามา
สัมผัสเย็นและเปียกของบางอย่างก็กระทบเข้าที่แก้ม
นัยน์ตาสีเปลือกไม้หันมองวัตถุที่กระทบแก้มตนเองแล้วก็พบว่ามันคือชานมไข่มุก
“หือ?”
แจนมองแก้วชานมไข่มุกอย่างแปลกใจก่อนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของที่ถือยื่นมาให้
มือเรียวเขย่าแก้วในมือเพื่อเป็นนัยให้อีกคนรับไป
ใบหน้ามนมองร่างสูงตรงหน้าด้วยอาการทำตัวไม่ถูก
“เออ
คือ…..”
แจนรับชานมไข่มุกมาถือไว้ในมือพลางส่งสายตามองคนให้อย่างสงสัย
“จะติดสินบนอะไรหรือไงเอเลน?”
นิสัยที่ชอบยียวนคนตรงหน้าเลยทำให้เผลอพูดกวนไปตามความเคยชิน
“เปล่าสักหน่อย ก็แค่….” ใบหน้ามนหันไปมาทำตัวไม่ถูก
เพราะเป็นคู่กัดกันมานานเรื่องแบบนี้เลยไม่ถนัดที่จะทำกับคนตรงหน้าเลยสักนิด
“ก็แค่?”
แจนทวนคำอย่างสงสัย
“โธ่เว๊ย…….. เรื่องเมื่อวานฉันขอโทษ” เอเลนพูดพลางก้มหัวอย่างสำนึกผิด
แจนมองชานมไข่มุกในมือพลางนึกขำ
ใบหน้าหล่อของเด็กหนุ่มขึ้นสีระเรื่อ
นี่เจ้าตัวถึงขนาดออกไปซื้อชานมไข่มุกมาให้เขาทั้งยังก้มหัวสำนึกผิดเรื่องเมื่อวาน
เจ้าคนอวดดีคนนั้นถึงขั้นทำแบบนี้ให้มันน่าถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกนักเชียว
“นายอุตส่าห์ทำถึงขนาดนี้ ไอฉันก็ไม่ได้ใจร้ายจะแกล้งคนบ้าหรอกนะ”
พูดพลางเจาะชานมในมือขึ้นดูพร้อมทั้งเคี้ยวไข่มุกในแก้วไปด้วย
“ให้มันน้อยๆหน่อยนะเว๊ย”
นัยน์ตาสีมรกตมองค้อนอีกคน เพราะแบบนี้นี่ล่ะถึงได้ไม่อยากขอโทษเจ้าย้านี่
แต่ยังไงเรื่องเมื่อวานตัวเขาก็เป็นคนผิดเองจริงๆนั้นแหละ
“ฮ่า
ฮ่า ฮ่า” แจนหัวเราะกับท่าทางอวดดีไม่ยอมแพ้ของคนตรงหน้า ทั้งที่เมื่อกี้ยังก้มหัวขอโทษเขาอยู่เลย
แต่เอเลนยังไงก็คงเป็นเอเลนอยู่ดี
“แล้วก็….. ขอบใจนะเว๊ยที่นายเป็นห่วงฉัน”
แม้ยากที่จะเอ่ยแต่การกระทำของแจนนั้นก็ทำเพราะเป็นห่วง
ถึงจะเป็นคนที่คอยยียวนและกัดกันอยู่บ่อยครั้ง
แต่ต้องยอมรับว่าร่างสูงตรงหน้าเป็นเพื่อนที่จริงใจและคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ
แม้กระทั่งตอนที่เขาเกือบเอาชีวิตไปทิ้งทะเลถ้าไม่ได้คนตรงหน้านี้ช่วยไว้ก็คงไม่ได้มายืนอยู่ที่นี้
“เออ”
เพราะความจริงใจและตรงไปตรงมาที่ขัดกับคนปากหนักและชอบวางท่าอย่างเขา
เลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้โดนคนอวดดีแบบนี้ดึงดูด
“ไม่มีอะไรแล้วฉันกลับไปทำงานที่ร้านล่ะ”
ร่างโปร่งหันหนีด้วยความเขินกับการกระทำที่ไม่คุ้นชินของตัวเองกับเด็กหนุ่มอีกคน
มือหนาคว้าจับข้อมือบางของคนที่กำลังพยายามหันหลังเดินหนี
แรงดึงของข้อมือทำให้เอเลนหันมามองอีกคนพลางเลิกคิ้วถาม
ไม่รู้ว่าสถาณการณ์ที่เหมาะสมและเป็นใจคืออะไร
ทั้งไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ดีหรือไม่ ถึงกระนั่น….
“เอเลน”
“อะไร?”
“………ฉันชอบแกว่ะ”
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองใบหน้ามนที่กำลังเลิกคิ้วสงสัยอย่างจริงจัง
อกซ้ายสั่นไหวเต้นรัวลุ้นคำตอบของคนตรงหน้า
“มาทำซึ้งไรตอนนี้วะแจน?”
ใบหน้ามนมองอีกคนพลางนึกขำ
เขาแค่ขอโทษกับขอบคุณมันซึ้งถึงขนาดให้คนอย่างแจนเอ่ยปากว่าชอบเลยงั้นเหรอ
หมอนี่ก็มีมุมน่ารักดีเหมือนกันนะ
“เออ ฉันก็ชอบแก”
มือเรียวขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลอ่อนของเพื่อนสนิท “โอ๊ย!
จั๊กจี้ว่ะ ที่แกมาพูดอะไรแบบนี้”
มือหนาจับมือที่กำลังขยี้เล่นผมของตนอยู่ออกพลางจับกุมไว้แน่น
ใบหน้าของเด็กหนุ่มฉายแววจริงจังจนเอเลนเริ่มรู้สึกประหม่า
“ฉันไม่ได้บอกชอบนายเแบบเพื่อนนะ”
ใบหน้ามนตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
ตาสีเปลือกไม้ที่มองมาทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้พูดเล่น
อกซ้ายรู้สึกแกว่งไหวกับการกระทำที่ไม่คาดคิดของเพื่อนสนิท
“ด….เดี๋ยวสิ คือ……มัน……
มันปุบปับไปนะแจน”
“ไม่เลยสักนิด”
ถ้าเทียบกับไอเตี้ยนั่นเขามาก่อนด้วยซ้ำไป
“ค… คือ เออ…..”
เพราะไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน จึงไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
มือหนาวางลงบนผมสีน้ำตาลของร่างโปร่ง
“แกยังไม่ต้องตอบอะไรก็ได้
แต่ฉันอยากให้แกลองคิดดู” แจนเดินออกจากห้องโดยทิ้งอีกคนไว้
ในที่สุดเขาก็ได้บอกออกไป
ทั้งรู้สึกโล่งอกและตื่นเต้น ไม่คิดว่าจะสามารถบอกออกไปได้
ร่างสูงยืนพิงกำแพงอยุ่หน้าห้อง มือหนายกขึ้นเกาหัวสีอ่อนของตัวเองไปมา
ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ หัวใจยังคงสั่นระรัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วคำตอบจะเป็นอย่างไร
แต่เขาก็ได้ทำในสิ่งที่อยากทำมานาน คือการบอกให้อีกคนรับรู้ความรู้สึกของตนเอง
ที่เหลือก็แค่การตัดสินใจของเด็กหนุ่มร่างโปร่งเพียงเท่านั้น……
“นายคิดอะไรอยู่งั้นเหรอเอเลน?”
ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอาหารที่อยู่ในจานของอีกคนยังไม่ลดลงเท่าที่ควร
ทั้งที่เริ่มทานพร้อมกัน
“เปล่าครับ
แค่เกร็งเพราะไม่เคยเข้ามาในสถาณที่ราชการแบบนี้มากกว่า แหะๆ”
พยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าสงสัย
หลังจากที่ชายหนุ่มโทรไปสั่งอาหารที่ร้านเพทราและให้เขาเอามาส่งให้โดยไม่ลืมที่จะถามถึงรายการเมนูอาหารของเขาด้วยอีกคน
ตอนนี้ตัวเขาถึงได้มานั่งทานข้าวกลางวันในห้องออฟฟิศส่วนตัวของชายหนุ่ม
โดยมีแรงสนับสนุนจากบรรดาเหล่าผู้ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพทร่าที่รีบจัดเตรียมอาหารแล้วรีบเร่งให้เขารีบมาส่ง
หรือคุณเอลวินที่โทรบอกยามตั้งแต่หน้าบริษัทให้เขาเข้ามาอย่างง่ายดาย
แม้กระทั่งบรรดาคนอื่นๆในหน่วยงานที่ต่างพร้อมใจกันหายตัวไปจากออฟฟิศตอนกลางวัน
จนเหลือแค่เขากับคุณรีไวสองคนเท่านั้น
“งั้นเหรอ
ว่าแต่นายเปิดเทอมเมื่อไรเจ้าหนู?”
จากที่เห็นยัยสี่ตานั่นเริ่มหอบตำราวิชาการที่นอกเหนือจากคดีมาอ่านแล้วสรุป
คาดว่าคงใกล้ถึงเวลาที่มหาลัยจะเปิดเทอมแล้ว
“รู้สึกว่าจะเป็นวันพฤหัสนี้แล้ว
แต่ผมมีคลาสเรียนวันศุกร์น่ะครับ” เกือบลืมไปเลยว่าตนเองใกล้เปิดเทอมแล้ว
โชคดีที่งานร้านของพี่เพทร่าเริ่มเบาบางลงบ้าง
เหล่าพนักงานออฟฟิศที่เห่อกันมาช่วงแรกเหมือนจะเริ่มจางลง
แต่ถึงกระนั่นก็ยังคงมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอยู่มากทีเดียวบางทีอาจจะต้องปรึกษากับอาร์มินในการจัดเวลามาช่วยที่ร้าน
“ถ้างั้นตั้งแต่วันศุกร์นายก็ต้องกลับไปเรียนสินะ”
รีไววางช้อนลงบนจานก่อนที่จะยกน้ำขึ้นดื่ม
“น่าเสียดายนะครับ
คุณเลยต้องกลับไปทานข้าวคนเดียวเลย แต่ว่าผมไม่ได้เรียนทุกวันนะ อย่างวันเสาร์
อาทิตย์ หรือวันไหนที่มีเรียนคลาสเช้าผมก็ยังมาทานข้าวกับคุณได้นะครับ”
พูดพลางส่งยิ้มระรื่นให้กับอีกฝ่าย
ทั้งที่เริ่มเขยิบเข้าหากันมากขึ้นแล้วแต่เวลากลับเริ่มไม่อำนวยก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้
“นายไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอกไอหนู
ถ้านายไม่ว่าง”
“ไม่ครับผมอยากทานข้าวพร้อมกันกับคุณนะ!”
ท่าทีกระตือรือร้นและสายตาที่มุ่งมั่นของเด็กหนุ่มทำให้รีไวยกยิ้มขึ้นมาอย่างนึกขัน
“ ฉันจะบอกว่า
ถ้านายไม่ว่าง เจอกันตอนนายเลิกงานก็ได้ ถ้านายอยากเจอนะ”
“ได้จริงๆเหรอครับ!!” คำชวนของชายหนุ่มทำให้เอเลนรู้สึกหัวใจพองโต
แบบนี้ก็เท่ากับว่าอีกคนก็อยากที่จะอยู่กับเขาใช่รึเปล่า?
“แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าฉันว่างด้วยรึเปล่าล่ะนะ”
ช่วงนี้คดีเร่งด่วนที่รุมเข้ามาทำให้บางครั้งเขาต้องทำงานล่วงเวลาบ่อยๆ
“อย่างนั้นเหรอครับ”
ท่าทางที่เหมือนหมาหงอยเวลาเจ้านายสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้ยิ่งทำให้รีไวรู้สึกขำกับท่าทีของเด็กหนุ่มตรงหน้า
เจ้าเด็กนี่ทำให้เขาไม่เบื่อเลยจริงๆ
ไม่ว่าจะสีหน้าหรือท่าทางล้วนแต่ดึงดูดให้สนใจแล้วดูว่าเจ้าตัวจะทำยังไงต่อไป
“จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต้องรู้จักรอรู้ไหมเจ้าหนู”
หยอกเล่นกับท่าทางที่ดูเหมือนกำลังน้อยใจของคนตรงหน้า
สีหน้าและการกระทำที่ไม่ปิดบังยิ่งทำให้รู้สึกสนใจแล้วอยากลองเห็นสีหน้าแบบต่างๆของเจ้าเด็กนี่ดู
ใบหน้ามนพองลมในแก้มอย่างนึกงอนกับคำพูดของคนอายุมากกว่า
ถึงจะอย่างนั้นก็ยังพอมีเวลาที่ได้มาเจอกันบ้าง
แม้จะไม่มากนักแต่ก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายก็เจียดเวลาแบ่งมาให้ตนเองบ้าง
แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกแล้ว
“เออ
คุณรีไวตอนนี้ผมกับคุณเราอยู่ในฐานะไหนกันเหรอครับ?” ทั้งที่เมื่อวานก็จูบกันไปแล้วถึงแม้จะจูบเพื่อพิสูจน์ถึงความชัดเจนในตัวตนของอีกฝ่าย
แต่คนตรงหน้าก็รู้แล้วว่าตอนนี้เขาคิดยังไง แต่จะบอกว่าคบกันอยู่ก็ไม่ได้เช่นกัน
เพราะอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรที่ชัดเจน
ใบหน้าคมหันมองสบกับนัยน์ตาสีมรกตของเด็กหนุ่ม
“กรณีแบบนี้ เรียกว่าศึกษากันไปก่อนดีไหม?”
“ศึกษากันงั้นเหรอครับ?”
เอเลนเอียงคอมองอีกคนอย่างสงสัย
“นายกับฉันยังไม่รู้จักกันดีพอ
เรียกว่าศึกษากันมันก็สมควรแล้ว”
“ถ้างั้น
อาจารย์รีไวครับทำยังไงคุณถึงจะชอบผมครับ?”
ยกมือถามราวกับเป็นนักเรียนในห้องเรียนพลางส่งยิ้มระรื่นลุ้นฟังคำตอบของคนตรงหน้า
“ขอถามกลับนะนักศึกษาเอเลน
ทำไมนายถึงชอบฉัน?”
ใบหน้ามนครุ่นคิดถึงคำตอบของคำถามที่โดนถามกลับมา
ถ้าไม่นับเรื่องในอดีตแล้วสิ่งที่ทำให้เขาชอบคนคนนี้……..
“ไม่รู้เหมือนกันครับ”
คำตอบจากร่างโปร่งบางทำให้คนอายุมากกว่าคิ้วกระตุก
ก่อนที่จะไล่เจ้าตัวดีออกไปเสียงของเด็กหนุ่มก็เอ่ยตอบต่อไป
“เออ คือ… พออยู่กับคุณแล้วรู้สึกว่าราวกับไม่เป็นตัวของตัวเอง
ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้คุณในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงบ
กว่าจะรู้ตัวอีกทีสายตาก็ไล่ตามคุณไปแล้ว เออ……แบบนี้เขาเรียกว่าชอบใช่ไหมครับ?”
ใบหน้ามนเงยมองสบหน้าคนอายุมากกว่าด้วยท่าทีประหม่า ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ
แม้กระทั่งตอนนี้หัวใจก็ยังรู้สึกตื่นเต้นที่ได้อยู่ใกล้คนคนนี้
ใบหน้าคมยกยิ้มอย่างพอใจในคำตอบของเด็กหนุ่ม
“ถ้างั้นวันหนึ่งฉันเกิดชอบนายขึ้นมามันอาจจะไม่มีเหตุผลก็ได้เช่นกัน”
เริ่มจากความรู้สึกสนใจและโหยหาอย่างประหลาด
รู้สึกถูกชะตาเพียงแค่ได้สบกับนัยน์ตาสีมรกตคู่นั้น ค่อยๆถูกดึงดูดเข้าหา
พอรู้สึกตัวก็กลายเป็นว่ามีเจ้าลูกหมาตัวโตมาคอยวนเวียนอยู่ข้างๆ
แล้วถ้าวันหนึ่งความรู้สึกเหล่านั้นจะถลำลึกลงไปคงเป็นเหตุผลในตัวของมันที่อธิบายได้เพียงแค่ว่า
เขาอาจชอบเจ้าลูกหมาตัวโตนี้แล้วก็เป็นได้
การจัดการตารางานของอาร์มิน
และความช่วยเหลือจากคริสต้าและแอนนี่ที่รับปากจะมาช่วยช่วงกลางวันในบางวันที่ทั้ง4คนต่างติดเรียนไม่อาจมาทำงานที่ร้านได้
จากความช่วยเหลือของสองสาวที่เรียนต่างคณะเลยทำให้ร้านเพทร่าช่วงกลางวันยังคงมีพนักงานมาช่วยเหลือ
หลังจากที่เปิดเทอมวันแรกผ่านพ้นไปด้วยดี
วันเสาร์ที่คลาสเรียนส่วนใหญ่จะหยุดกันเหล่าเพื่อนสนิทรุ่น 104 จึงนัดรวมตัวที่ร้านของเพทร่าที่บรรดาเพื่อนๆของตนทำงานพิเศษอยู่
ณ มุมในสุดติดกระจกของร้านเหล่าบรรดานักศึกษาหนุ่มสาวกลุ่มใหญ่ต่างมองท่าทีที่แปลกไปของเด็กหนุ่มทั้งสองคนอย่างสงสัย
“แอนนี่เธอว่าไอสองคนนั้นมันมีอะไรแปลกๆรึเปล่า?”
ไรเนอร์กระซิบพลางชี้ไปทางเอเลนและแจนที่ต่างฝ่ายต่างรับออร์เดอร์ลูกค้ากันอยู่
“แจนมันคงลีลาไม่ดีพอมัดใจเอเลนล่ะมั่ง”
แอนนี่พูดพลางยกมิลค์เชคสตอร์เบอร์รี่ของตนขึ้นดื่ม
“ฉันว่ามันไม่น่าไปถึงขั้นนั้นนะ”
ยูมิลที่กำลังตักขนมในจานป้อนให้คริสต้าทักขึ้น
“จะว่าไปตอนในมหาลัยทั้งสองคนก็ไม่พูดกันนะครับ
ทั้งที่ปกติจะต้องหาเรื่องกัดกันตลอด” ชายหนุ่มสูงที่สุดในกลุ่ม เบลทรูธ
เห็นด้วยถึงความผิดปกติของคนทั้งคู่
“แบบนั้นก็แย่น่ะสิคะ
ทั้งสองคนมีอะไรเข้าใจผิดกันรึเปล่าคะ?” ชาช่าเอ่ยถามพลางกัดแซนวิชคำโตเข้าปาก
“ปล่อยไว้มันจะยิ่งอึกอัดเอารึเปล่านะ”
คนหัวโล้นในกลุ่มมองเด็กหนุ่มหัวข้อสนทนาสนทนาทั้งสองพลางตีสีหน้าวิเคราะห์ “เฮ้!อาร์มินมานี่หน่อย”
เด็กหนุ่มร่างเล็กเดินถือเมนูในมือมาที่โต๊ะของเหล่าบรรดาเพื่อนๆของตน
พลางยื่นเมนูให้กับคนที่เรียกมา
“จะรับอะไรเพิ่มเหรอครับโคนี่?”
“เปล่าๆ
ฉันจะถามว่าไอสองคนนั้นมันเป็นอะไร ถึงได้ดูเกร็งๆกันแบบนั้น” โคนี่ยื่นเมนูส่งคืนให้กับอาร์มินแต่ถูกชาช่าดึงไปเปิดดูเสียก่อน
นัยน์ตาสีน้ำทะเลหันมองเอเลนและแจนไปมาก่อนจะหันกลัวมาที่โต๊ะกลุ่มเพื่อนซี่งรอลุ้นคำตอบจากหัวกะทิของกลุ่ม
“ถ้าให้ผมเดา
ผมว่าแจนคงสารภาพรักกับเอเลนไปแล้วล่ะครับ”
ตั้งแต่วันที่เขาบอกให้แจนคิดว่าควรทำยังไงต่อไป
และหลังจากที่ทั้งคู่ออกมาจากห้องพักปฏิกิริยาที่แปลกออกไปคงเดาได้อย่างเดียวว่าความรู้สึกที่เก็บไว้มานานคงเปิดเผยแล้ว
“แบบนี้ก็ดีสิครับ
เอเลนจะได้รู้ตัวสักทีว่าแจนคิดยังไง” ชายหนุ่มตกกระ มาร์โก้
รู้สึกยินดีกับการที่เพื่อนของตนจะได้รู้สักทีว่าคิดยังไงต่อกัน
“แล้วคุณรีไวที่เคยเล่าล่ะคะ
แบบนี้เอเลนจะไม่ลำบากใจแย่เหรอคะ?” คริสต้านางฟ้าของกลุ่มเอ่ยถามขึ้น
จากที่อาร์มินเล่าให้ฟังดูเหมือนเอเลนจะสนใจชายหนุ่มที่ชื่อรีไวอยู่ไม่น้อย
แล้วแบบนี้ไม่เท่ากับว่าจะเป็นรักสามเศร้างั้นเหรอ?
“แต่แจนมันเป็นเพื่อนพวกเราน่ะ
เราก็ต้องเชียร์เพื่อนถึงจะถูกสิ”
ไรเนอร์พูดชักชวนให้ทุกคนสนับสนุนเพื่อนของตนที่แอบหลงรักอีกคนมานาน
อาร์มินหยิบเมนูคืนจากชาช่าที่เปิดดูไปมาแต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสั่ง
อีกทั้งอาหารยังคงเต็มโต๊ะอยู่มาก
“แต่ครั้งนี้ผมไม่ขอเชียร์แจนนะครับ”
“อ้าว!” ทั้งกลุ่มพากันมองไปที่เด็กหนุ่มผมทองหน้าหวานอย่างสงสัย
ทั้งที่แต่แรกเริ่มดูเหมือนเจ้าตัวจะเป็นแกนนำในแผนการเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
แต่ตอนนี้กลับจะถอนตัวไปเสียเฉยๆ
“นั่นก็เพราะว่า
ถ้าแจนอกหักจากเอเลนผมจะเป็นคนที่คอยปลอบแทนยังไงล่ะครับ” พูดพร้อมกับยิ้มกว้างให้เหล่าบรรดาเพื่อนๆทุกคนที่นั่งอยู่
ก่อนจะหันหลังกลับไปทำหน้าที่ของตน
!!!!!!!!!
“เอ๋!!!!!!?”
TBC.
ตูว่าละอาร์มิน ออร่าแปลกๆ มันออกมาตั้งแต่ตอนที่แล้วแล้วละ
ตอบลบไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้
พูดถึงตอนที่แล้วพอมาอ่านช่วงแรกของตอนนี้ก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่แล้วมีฉากที่แจนดีดดิ้นอยู่ด้วย ถถถถถถ
ทั้งๆที่เป็นฉากหนึ่งที่ชอบมากแท้ๆ แต่กลับ โดนความหวานตอนช่วงท้ายกลบซะมิดเลย 555
เอเลนนี่น่ารักจริงๆ น้า... อยากได้มาเลี้ยง...เอ๊ย มาดูแลจัง
เอเลนน่ารักน่าเเกล้งจริงจังค่ะฮาๆ อาร์มินเเอบเเฝงความดาร์คไว้ค่ะรอวันเผยออกมา
ลบโว้ยยยยยยยยยอามินรุกโว้ยยยยยยยย//กรี๊ดลั่นบ้าน
ตอบลบแต่จะรุกฆาตเมื่อไรต้องลุ้นในตอนพิเศษค่ะ >w<
ลบอหหห ออกตัวแรงกว่าเอเลนก็อามินนี่แหละ ป๊าดดดดด 55555555
ตอบลบ