Attack On
Titan Fan fic.: Lessons
of love
Pairing: (LevixEren)
Rate: R18
Story By: Trendy
Blood
………………………………………………………………………………………………..
Prologue:
โบสถ์สีขาวตั้งเด่นตระหง่านท่ามกลางพื้นที่ที่รายล้อมรอบด้วยสีเขียวของทุ่งหญ้าบนเนิน
หมู่บ้านเล็กๆในชนบทที่ห่างจากตัวเมืองใหญ่ออกไม่มากนักเป็นที่ที่เขาคุ้นเคยเพราะอาศัยอยู่มาตั้งแต่จำความได้
จนเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นตัวเขาได้ย้ายไปศึกษาและร่ำเรียนต่อยังต่างแดน
และเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เขาก็ยังทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ
และด้วยความสามารถและความทุ่มเทในการทำงานทำให้หน้าที่การงานเติบโตอย่างรวดเร็ว
และด้วยเหตุนี้แม้จะมีคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สาวซึ่งเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวยังคงอาศัยอยู่ที่ชนบทแห่งนี้
แต่ตัวเขาที่แต่ละวันมีตารางงานเข้ามาจนล้นหลามก็แทบไม่ได้กลับมาเยี่ยมเยียนครอบครัวที่เหลืออยู่สักเท่าไรนัก
จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่กลับมาเยี่ยมพี่สาวผู้มีผมสีดำดั่งรัตติกาลเช่นเดียวกับตนก็ตอนพี่สาวของเขาแต่งงาน
และอีกครั้งก็ตอนที่คลอดลูกสาวหรือจะเรียกว่าหลานสาวของเขาก็ว่าได้
ส่วนครั้งนี้
ทั้งที่งานที่มีมากมายให้รับผิดชอบยังคงไม่เข้าที่ได้
แต่เพราะคำขอร้องแกมบังคับของพี่สาวเพียงคนเดียวเลยทำให้ต้องจัดการเคลียเอกสารทั้งหมดอย่างหามรุ่งหามค่ำ
เพื่อขอวันหยุดที่เขาแทบไม่เคยได้ใช้ตั้งแต่เริ่มทำงานมา ทั้งที่คิดว่าคงโดนประธานบริษัทตำหนิกับการขอหยุดยาวอย่างกะทันหัน
แต่ประธานบริษัทหนุ่มคนนั้นกลับเพียงยิ้มและหัวเราะ แถมยังเพิ่มวันหยุดให้กับคนอย่างเขาเสียอย่างนั้น
จากที่คาดว่าจะมาทำธุระตามที่พี่สาวของตนร้องขอเพียงแค่3วัน
เขากลับได้วันหยุดมาถึง 2 สัปดาห์
นัยน์ตาสีหมอกก้มมองนาฬิกาบอกเวลาที่ข้อมือของตนซึ่งเป็นเวลาใกล้ห้าโมงเย็นแล้ว
ทั้งที่คาดว่าพอลงจากเครื่องบินที่นั่งมาหลายชั่วโมงแล้วเขาจะพักโรงแรมที่ใกล้กับสนามบินและเช่ารถเพื่อขับมา
แต่พี่สาวจอมจุ้นให้เขายกเลิกโรงแรมและมาพักด้วยกัน
ด้วยเหตุที่ว่าครอบครัวจะได้สนิทสนมกับมากขึ้น
แต่บอกตามตรงนอกจากพี่สาวที่เป็นสายเลือดเดียวกันโดยตรงแล้วกับคนที่ขึ้นชื่อว่าพี่เขยเขาก็ไม่ได้ที่จะเคยคุยด้วยเท่าไร
ถึงกระนั่นเขาก็รับรู้ได้ว่าพี่เขยของเขาเป็นคนที่อบอุ่นและอ่อนโยนที่ขนาดที่คนอย่างพี่สาวของเขาสามารถที่จะฝากฝังชีวิตไว้ได้
ประตูโบสถ์เปิดออกพร้อมหญิงสาวร่างอรชรผมดำมันเงาเดินออกมา
ใบหน้าหวานใจดีมองซ้ายมองขวาราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง หญิงสาวหันมาสบกับนัยน์ตาสีหมอกของชายหนุ่มที่มองมาอย่างเฉยชา
ใบหน้าหวานถอนหายใจอย่างรู้สึกหน่าย ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่เธอคุ้นเคย
“ถ้ามาแล้วทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะรีไว?”
รีไวมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าถมึงทึง
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีทั้งเขาและพี่สาวคนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยสักนิดล่ะนะ
“พี่นั้นล่ะกำลังหาใครอยู่งั้นเหรอ?”
ด้วยท่าทางที่ดูกังวลและสีหน้าที่วิตกนั่นดูยังไงก็คงไม่ใช่ออกมาตามหาเขาที่นัดไว้อย่างแน่นอน
“เอเลนน่ะสิหายไปไหนก็ไม่รู้ นายเห็นบ้างไหม?
เด็กผู้ชายอายุห้าขวบสูงประมาณนี้ ผมสีน้ำตาล ตาสีเขียว” หญิงสาวทำมือไปมาอธิบายรูปร่างลักษณะของเด็กที่กำลังตามหา
“ถ้าไงฉันจะลองไปช่วยดูรอบๆละกัน”
“ช่วยหน่อยนะรีไว”
ใบหน้าคมของชายหนุ่มหันกลับไปมองโบสถ์สีขาวที่ตั้งเด่นอีกครั้ง
ชุดสีดำที่เศร้าหมองกับเพลงมิซซาที่กำลังขับร้องในโบสถ์ยามเย็นช่างดูเงียบเหงาและว้าเหว่
ก็เข้าใจอยู่หรอกนะสำหรับเด็กเล็กขนาดนี้ที่ต้องมางานที่น่าหดหู่แบบนี้คงไม่ชอบสักเท่าไร
ยิ่งถ้างานนั้นเกี่ยวพันถึงตนเองด้วยแล้วล่ะก็ ไม่น่าแปลกที่จะไม่อยากยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
รีไวเดินค้นหาทั่วทั้งบริเวณโบสถ์ตามพุ่มไม้หรือแม้กระทั่งต้นไม้ในบริเวณใกล้ๆก็ยังไม่เห็นวี่แววของเด็กที่พี่สาวตนพูดถึง
เสียงเพลงสวดและเสียงเปียโนที่ลอยดังมาจากโบสถ์ทำให้รู้ว่าพิธีสวดกำลังเริ่มขึ้น
นัยน์ตาสีหมอกมองไปยังลริเวณรอบๆอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจ
เหลืออีกเพียงที่เดียวที่เขายังไม่ได้ไป.........สุสาน......
เสียงเพลงสวดที่เบาลงเพราะระยะทางของโบสถ์ซึ่งกำลังเริ่มพิธีกับสุสานที่ฝังศพนั้นห่างกันอยู่มาก
ประตูรั้วสีดำค่อยๆเปิดออก แผ่นหินที่สลักชื่อจารึกและคำไว้อาลัยต่างตั้งเรียงรายในสุสานที่ห่างไกลออกมาจากตัวโบสถ์
รีไวสาดส่องสายตาเพื่อตามหาเป้าหมาย ความมืดที่เริ่มคืบคลานทำให้สุสานยิ่งวังเวง
แสงไฟจากโคมไฟในสวนยังพอทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆที่อยู่ภายในสุสานขนาดใหญ่ได้บ้าง
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเห็นวัตถุสีดำที่กำลังเคลื่อนไหวไปมา
ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปใกล้วัตถุที่น่าสงสัยมากขึ้น เมื่อเดินใกล้เข้าไปภาพสีดำเริ่มเห็นแจ่มชัด
แผ่นหลังของเด็กคนหนึ่งที่กำลังนั่งกอดเข่ามองแผ่นป้ายต่างๆอย่างไม่สนใจสิ่งที่อยู่รอบตัว
แม้แต่ตัวเขาที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่เบื้องหลังเจ้าเด็กตรงหน้าก็ราวกับไม่รับรู้ถึงการมาของเขา
“นายน่ะเอเลนใช่ไหม?” เพราะถ้าผิดคนเขาจะได้เลิกเสียเวลากับเจ้าเด็กที่นั่งอย่างไม่สนใจโลกตรงนี้
เพราะเสียงเรียกเด็กน้อยจึงหันมามอง
แสงไฟภายในสุสานที่ส่องกระทบบนใบหน้าของเด็กชายทำให้เขาแน่ใจว่าคงเป็นคนที่เขากำลังตามหา
นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่มองมาอย่างแปลกใจกับผมสีน้ำตาลที่ปลิวไปตามลมที่กำลังพัดผ่านในสุสาน
จากลักษณะท่าทางคาดว่าเด็กคนนี้คงอายุประมาณ 5 ปี
เด็กชายเพียงหันมามองเขาก่อนที่จะหันกลับไปอย่างไม่สนใจกับคำถาม
“นี่นายน่ะเวลาผู้ใหญ่ถามต้องตอบสิไอหนู”
รีไวเดินมาขนาบข้างก่อนจะดึงเสื้อของเด็กที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้น
“ปล่อยผมนะ!!” เด็กน้อยพยายามดิ้นไปมาเมื่อโดนดึงขึ้นจนขาลอยจากพื้น
“ก็พูดได้นี่ไอหนู
ตกลงนายชื่อเอเลนใช่ไหม?” นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองเค้นความจริงจากร่างเล็กที่กำลังดิ้นมา
“แม่ผมบอกว่าไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า
โดยเฉพาะคนที่ดูไม่ดีแบบลุง” มือเล็กพยายามแกะมือหนาที่ดึงหิ้วเขาออก
ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้รู้จักชื่อเขา
แต่คนที่ดูน่ากลัวแบบนี้คงไม่ใช่คนดีเท่าไหร่
“แม่นายน่าจะสอนนายด้วยนะว่าควรพูดจากับผู้ใหญ่ดีๆ
อีกอย่างฉันเพิ่งยี่สิบห้ายังไม่ใช่ลุงสักหน่อย”
รีไวจัดการหมุนคอเสื้อให้เด็กชายตัวน้อยหันหน้าเข้าหาตัวเอง
ใบหน้ากลมบูดบึ้งเมื่อสบมองกับนัยน์ตาสีหมอกที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตร
ใบหน้ากลมของเด็กชายงองุ้ม
ร่างเล็กที่พยายามดิ้นไปมานิ่งลงไปเสียดื้อๆจนชายหนุ่มแปลกใจ
“ไม่มีอีกแล้วล่ะ”
เสียงใสค่อยๆเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“คุณแม่กลับมาไม่ได้อีกแล้ว”
รีไวจ้องมองหน้ากลมที่หมองลงตรงหน้า
นัยน์ตาสีมรกตกลมโตฉายแววหวั่นไหวเด่นชัด ถึงกระนั่นกลับไม่มีน้ำตาไหลออกมา
จากคำพูดและท่าทางของเด็กตรงหน้ารวมถึงงานที่ถูกจัดขึ้นที่โบสถ์ก็สรุปได้แล้วว่าเจ้าหนูนี่คงเป็น
เอเลน ไม่ผิดแน่
“แล้วนายมาทำอะไรที่นี้คนอื่นเขาตามหานายอยู่นะไอหนู”
ใบหน้ากลมมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะก้มลงมองที่พื้นแทน
“ผมจะรอคุณแม่ จะตามไปอยู่กับคุณแม่
ถ...... ถ้า.... ถ้ารอที่นี้.......”
รีไวมองหน้าเด็กชายตัวยุ่งพลางถอนหายใจ
ดูเหมือนเจ้าเด็กคนนี้จะคิดอะไรพิเรนทร์อย่างการจะลงไปนอนในหลุมตอนเขากำลังจะฝังศพในวันพรุ่งนี้สินะ
“แต่นายกำลังทำให้ใครอีกหลายคนเป็นห่วงนะเอเลน”
รีไวมองร่างเล็กที่ไหล่บอบบางสั่นไหว
สองมือค่อยๆประคองเด็กชายตัวน้อยพาดลงกับบ่า มือหนาลูบผมสีน้ำตาลไปมา
“แม้จะไม่ได้อยู่ข้างๆแต่แม่ก็จะอยู่กับนายไปตลอดจริงไหมไอหนู?”
เอเลนเอียงคอมองชายแปลกหน้าอย่างไม่เข้าใจ รีไวจับตัวเด็กชายอุ้มให้นั่งลงบนแขนก่อนนิ้วชี้จะจิ้มลงบนอกของเด็กชายตัวน้อย
“ตรงนี้ไงไอหนู แม้จะไม่ได้เจอแต่เขาจะอยู่กับนายตลอดเวลาและตลอดไป”
สองมือเล็กแตะลงบนที่อกข้างซ้ายของตนเอง ใบหน้ากลมมนพยักน้อยราวกับเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อ
นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่กำลังพาเขาเดินออกจากสุสาน
ดูเหมือนคนหน้าตาน่ากลัวคนนี้จะไม่ใช่คนเลวอย่างที่คิด
เศษใบไม้และกิ่งไม้ที่ติดตามผมสีดำนั่น อย่าบอกนะว่าคนคนนี้ออกมาตามหาเขาน่ะ? ว่าแต่ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน?
เสียงดนตรีและเพลงสวดเงียบลง
แขกเหรื่อที่มาร่วมไว้อาลัยต่างเริ่มทยอยกลับจนหมด แสงไฟในโบสถ์เริ่มมืดลง
แสงไฟจากรถยนต์คันสีขาวจอดรออยู่หน้าโบสถ์ พร้อมทั้งเหล่าคนที่เขาคุ้นตาดี จะเว้นก็แต่เด็กสาวตัวน้อยที่กำลังวิ่งมาทางเขา
“เอเลนไปไหนมาคุณแม่เป็นห่วงมากเลยนะ” เสียงใสกังวานของเด็กหญิงตัวน้อยตะโกนขึ้น
ร่างเล็กในชุดกระโปรงผ้าสีดำวิ่งเข้ามาหา
รีไวจึงอุ้มเอเลนลงวางกับพื้นก่อนจะเดินไปสมทบกับพี่สาวและพี่เขยของตนที่รออยู่
“ขอบใจมากนะรีไว โล่งอกที่หาเจอว่าแต่เด็กคนนั้นไปอยู่ที่ไหนมา?”
“สุสาน”
คำตอบที่ได้ยินทำให้หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างนิ่งงัน
ร่างอรชรค่อยๆเดินเข้าไปหาเด็กทั้งสองคนที่เด็กหญิงลูกสาวของเธอกำลังเข้าไปตะกองกอดเด็กชายร่างเล็กอย่างห่วงแหน
มือเรียววางลงบนผมสีน้ำตาลพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“เอเลนกลับบ้านกันเถอะนะจ๊ะ”
“ฮะ”
เอเลนเพียงพยักหน้าตอบรับ ใบหน้ากลมมนยังคงไร้ซึ่งสีหน้าและอารมณ์แสดงออก
แต่เด็กชายตัวน้อยก็เดินขึ้นรถไปอย่างว่าง่ายพร้อมเด็กหญิงผมสีดำยาวที่เดินตามมาติดๆ
หลังจากที่รถยนต์เริ่มแล่นออกไป
เด็กหญิงตัวน้อยก็จ้องเขม็งมองใบหน้าคมของชายหนุ่มแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จัก
“อุ๊ย แม่ลืมไปว่ามิคาสะตั้งแต่คลอดที่โรงพยาบาลตอนนั้นก็ไม่เคยเจอรีไวอีกเลยนี่นา”
หญิงสาวหัวเราะกับท่าทางจ้องเขม็งมองคนแปลกหน้าของลูกสาวตน
กับท่าทางเฉยชาที่ไม่สนใจของน้องชายของตน
“รีไว คุณน้ารีไวที่คุณแม่ชอบพูดถึงบ่อยๆเหรอคะ?” เด็กสาวหันมาเลิ่กคิ้วถามมารดาของตน
“ใช่แล้วล่ะ คุณน้ารีไวน้องชายของแม่ น้าชายของมิคาสะไงล่ะจ๊ะ”
“งั้นเหรอคะ
แต่หน้าตาเหมือนคนนิสัยไม่ดีแบบนี้เป็นคุณน้ารีไวจริงๆงั้นเหรอ?” เด็กสาวหรี่ตามองอย่างสงสัย
“นี่ยัยเด็กแก่แดด ทั้งเธอและหมอนั่นต้องไปตัดแว่นซะแล้วล่ะนะ”
มือหนาวางทับลงบนผมสีดำยาวของเด็กสาวตัวน้อยก่อนจะบีบอย่างแรง
มิคาสะเองก็ไม่ยอมแพ้แขนสองข้างจึงทั้งดึงและหยิกมือของคนที่ชื่อว่าเป็นน้าชายของตน
“ไม่มีทางยังไงตาลุงนี้ต้องไม่ใช่คนดี คุณแม่กำลังถูกหลอกแน่ๆค่ะ!!”
นัยน์ตาสีราตรีกลมโตจ้องเขม็งอย่างหาเรื่องกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าที่เหลือบมองลงมาอย่างนึกรำคาญ
การเจอกันกับหลานสาวที่ไม่ได้เจอมานานตัวเขาก็ไม่ได้คิดจะสร้างสัมพันธ์หรือสายใยด้วยเท่าไรหรอกนะ
แต่ไอท่าทางไม่เคารพผู้ใหญ่และแววตากวนประสาทนี้ชวนให้อยากจับยัยเด็กหัวดื้อตรงหน้าถ่วงลงแม่น้ำเสียจริง
ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกสาวสุดที่รักของพี่สาวแล้วล่ะก็เขาคงทำอย่างที่คิดไปแล้ว
เอเลนมองเด็กสาวเพื่อนของตนต่อล้อต่อเถียงกับผู้มีศักดิ์เป็นอาตรงหน้าก่อนจะเบนสายตาไปมองยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่กำลังมืดลงเรื่อยๆ
เสียงบาทหลวงที่สวดส่งวิญญาณถึงตอนสุดท้ายสงบลงพร้อมการไว้อาลัยแด่ผู้ที่จากไป
ดอกไม้สีขาวถูกโยนลงบนหลุมสองหลุมขนาดใหญ่สองหลุมที่มีโลงศพสีดำซึ่งมีร่างไร้วิญญาณของผู้ที่จากไปนอนหลับไหล
มือเล็กโยนดอกไม้สีขาวแห่งความอาลัยลงในหลุมเป็นครั้งสุดท้ายแล้วดินที่อยู่รายรอบก็ถูกเทกลบลงไป
วันนี้เด็กน้อยก็ยังคงนิ่งเงียบ สีหน้าและแววตายังคงไร้ซึ่งอารมณ์
ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาหรือเสียงสะอื้นไห้จนน่าแปลกใจ ทั้งที่เด็กในวัยนี้น่าจะแสดงอารมณ์ออกมามากกว่าผู้ใหญ่ที่คอยชอบปั้นหน้า
แต่เอเลนกลับมีแต่ความเงียบงันราวกับไร้ซึ่งความรู้สึกนึกคิด
“เอเลนนี่เข้มแข็งจังเลยนะ”
“ช่างเป็นอุบัติเหตุที่น่าเศร้า”
“ทั้งพ่อและแม่ของเด็กคนนั้นไม่รอดทั้งคู่เลยสินะ”
“ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสาร”
“เห็นว่าตระกูลอัคเคอร์แมนจะรับไปเลี้ยงต่อเพราะคุณคราร่าที่เสียชีวิตไปเป็นเพื่อนสนิท”
เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบเกี่ยวกับเด็กหนุ่มตัวน้อยดังอยู่รายรอบ
แม้จะไม่ได้อยากฟังแต่ตัวเขาที่อย๔ใกลกับพี่สาวซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนาและเด็กชายตัวน้อยที่เป็นหัวข้อสนทนาหลัก
การที่เรื่องพวกนี้จะเข้าหูบ้างอย่างน่ารำคาญก็มีแต่ต้องทนฟังต่อไปเท่านั้น
และบทสนทนาทั้งหลายนั่นใช่ว่าควรให้เอเลนมารับรู้ เขาที่คอยอยู่ช่วยพี่สาวต้อนรับแขกยังรู้สึกรำคาญใจแล้วประสาอะไรกับเอเลน
“นี่ยัยเด็กแก่แดดเธอกับเอเลนไปนั่งรอในรถไปอยู่ตรงนี้ก็เกะกะเปล่าๆ”
“ฉันไม่รับฟังคนไม่ดีพูดหรอกนะคะ” มิคาสะเขม่งตามองอย่างไม่สบอารมณ์
“เห็นแม่ของเธอบอกว่าถ้ากลับบ้านเร็วจะทำขนมให้พวกเธอเสียด้วย แต่ถ้าไม่ยอมไปนั่งรอในรถดีๆแบบนี้คงต้องอดแล้วล่ะมั่ง......น่าเสียดายนะ”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองท่าทีของเด็กสาวตัวน้อยที่เปลี่ยนไป
มือเล็กจับมือของเด็กชายอีกคนลากกลับยังรถยนต์ที่จอดรอ
แม้จะอิดออดแต่มิคาสะก็พาเอเลนเข้าไปนั่งรออยู่ในรถอย่างเงียบๆ
“ดูเหมือนนายจะรับมือกับพวกเด็กๆได้ดีกว่าที่ฉันคิดซะอีกนะ”
“เด็กก็เป็นเด็กล่ะนะ ว่าแต่พี่เลี้ยงยัยนั่นมายังไงกัน?”
“เหรอฉันว่ามิคาสะออกจะเหมือนนายอยู่นะรีไว”
คำพูดจากปากพี่สาวทำให้รีไวคิ้วกระตุก
นี่เขากับยัยเด็กแก่แดดนั่นเหมือนกันตรงไหน?
“ว่าแต่หมอนั่นความสัมพันธ์กับพ่อไม่ดีงั้นเหรอ?” ตอนที่เจอที่สุสานเด็กชายเอาแต่พูดถึงแม่ของตนไม่ได้กล่าวถึงพ่อเลยสักนิด
ตัวเขาจึงเข้าใจว่าอุบัติเหตุนี้จึงมีเพียงฝ่ายหญิงที่สิ้นไป แต่พอเข้าร่วมงานถึงรู้ว่าเป็นอุบัติเหตุรถยนต์ประสานงากันอย่างรุนแรงโดยที่ไม่มีฝ่ายใดรอดชีวิต
“ฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะ
แต่ภายนอกก็ดูเป็นครอบครัวที่รักใครอบอุ่นดีนั่นล่ะ ...............ถ้าวันนั้นคราร่าไม่มาฝากเอเลนไว้เด็กนั่นคงไม่ได้อยู่ที่นี้สินะ.......แต่ถ้าเป็นอย่างนั่นมันจะดีกับเด็กคนนั้นรึเปล่ารีไว?”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองหน้าพี่สาวของตนที่มองมาอย่างนิ่งงัน คำถามที่ราวกับถามมาลอยๆแต่กลับอยากได้ฟังคำตอบที่ชัดเจน.....
“ไม่หรอก........”
รีไวหันไปโค้งขอบคุณแขกผู้มาร่วมงานก่อนจะหันกลับไปมองพี่สาวของตนอีกครั้ง
“เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ฉันก็บอกไม่ได้หรอกนะว่าการที่หมอนั่นเหลือตัวคนเดียวแบบนี้จะดีรึเปล่า แต่อย่างน้อยหมอนั่นก็ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมล่ะ.......”
ใบหน้าหวานของหญิงสาวยกยิ้มบาง แม้จะไม่ได้คำตอบ
แต่อย่างน้อยชีวิตเล็กๆของเพื่อนรักของเธอก็ยังคงอยู่ แบบนี้เรียกว่า
ยังโชคดีได้รึเปล่านะ........
“นี่รีไว....”
ชายหนุ่มเลิ่กคิ้วขึ้นสบตากับพี่สาวของตนเองเป็นเชิงถาม
“นายน่ะไม่คิดจะรับเอเลนไปเลี้ยงหน่อยงั้นเหรอ?”
...........................................................................................................................................ไหสดๆแหละ =w= //เผ่น!!
เจิมเรื่องใหม่เจ้าค่ะ
ตอบลบพี่เลี้ยงเด็กกับคุณหัวหน้าดูแปลกๆ
หน้าอย่างเฮียเลี้ยงเด็กเป็นด้วย (โดนบู๊ทเสยปาก)
รอตอนต่อไปเจ้า
นั่นสิคะ เฮียอาจเลี้ยงได้ดีกว่าที่คิด เลี้ยงแบบให้โตมาเป็นไปตามใจตัวเอง(เลี้ยงยังไง?) ฮาๆ >w<
ลบถ้าเฮียรับเลี้ยงตอนนี้ จะได้รับแม่บ้าน(และแม่ของลูก?)ที่เพียบพร้อม 1 ea และหนึ่งเดียวเชียวนะครับ หาแบบนี้ที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว!! //ชายในเครื่องแบบมาจากไหน!
ตอบลบมองเหล่าเพื่อน(พี่)สาวที่สร้างไหแข่งกันใหญ่ ก็รออ่านอยู่ดีครับ ฮาาา
เดี๋ยวนะ แม่บ้านนี่เข้าใจ แม่ของลูก!!!!!!!!! อันนั้นต้องไปในฟิคสดแล้วล่ะค่ะฮาๆๆๆๆๆ เอาน่าเดี๋ยวเด็กก็โตค่ะ(มั่ง)
ลบคุณอารีไว จะเลี้ยงเด็กไหวไหมนะ (ตบะเฮียจะแตกก่อนไหม) แม้ตอนนี้เด็กจะยังเงียบๆอยู่ แต่ถ้าเฮียรับไปดูแลตอนนี้ อีกสักพักเฮียก็จะหัวทิ่มลงหลุม(รัก)แน่นอนค่ะ หึหึ // คุก คุก คุก <<< ก็แค่เสียงไอเท่านั้นนะคะ
ตอบลบรอตอนต่อไปค่า ^^
คุณอาจะทนดาเมจไหวไหม คาดว่าคุณอาต้องหาทนายมือดีไว้ปรึกษาเร็วๆนี้ค่ะ หุหุหุ //เสียงไซเรนดังระงมมาจากไหน
ลบเหมือนผมได้ยินว่า ..นายไม่คิดจะรับเอเลนไปเลี้ยงต้อยหน่อยเหรอ?
ตอบลบนี่น่าจะที่ถูกมากกว่านะ//หลบตีน
เป็นการเลี้ยงต้อยอย่างถูกกฎหมายค่ะ55555//หลบสายตาชายในเครื่องเเบบเเปบ
ลบ