Attack On
Titan Fan fic.: Lessons
of love
Pairing: (LevixEren)
Story By: Trendy
Blood
………………………………………………………………………………………………..
Lesson 1:
แม้งานศพจะผ่านพ้นไปหลายวันแล้วแต่รีไวยังคงอาศัยอยู่ในบ้านของพี่สาวตามคำขอร้อง
และเช่นเดียวกันกับเอเลนที่แม้จะผ่านมาหลายวันแล้วแต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นเด็กชายตัวน้อยคนนี้ร้องไห้
อย่าว่าแต่ร้องไห้เลยที่จริงอารมณ์อื่นนอกจากรอยยิ้มที่ทำเพื่อให้คนรอบข้างสบายใจเจ้าตัวก็ไม่เคยเผยให้เห็น
จะมีก็แต่ยัยหลานสาวตัวดีของเขาล่ะมั่งที่จะไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกตินี้
นายน่ะไม่คิดจะรับเอเลนไปเลี้ยงหน่อยงั้นเหรอ?
คำถามของพี่สาวที่ถามออกมาหลายวันก่อนยังคงวิ่งวนอยู่ในหัว
แน่นอนว่าพอถูกถามอย่างนั้นเขาต้องปฏิเสธอยู่แล้ว ทำไมเขาจะต้องมารับผิดชอบดูแลเจ้าเด็กบ้าที่ไม่ได้รู้จักหรือเกี่ยวข้องกันสักนิด
อีกอย่างให้คนอย่างเขาไปเลี้ยงเด็กดูท่าคงจะไม่เหมาะเท่าไร
แต่ทั้งที่ปฏิเสธไปแล้วพี่สาวตัวดีกลับบอกให้เขาลองกลับมาคิดดูให้ดีๆระหว่างที่ได้หยุดงานเลยโดนขอร้องแกมบังคับให้ดูแลเด็กๆพวกนี้
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพี่สาวตัวดีของเขาคงหวังจะให้เขาใจอ่อนและและดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจ้าหนูไร้อารมณ์นั่น
ว่าก็ว่าเถอะต่อให้ใช้เวลามากกว่านี้เป็นเดือน
เขาก็ไม่คิดที่จะรับทำเรื่องน่าปวดหัวและวุ่นวายแบบนี้หรอกนะ
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ที่สนามหญ้าเบื้องล่างดูเหมือนมิคาสะจะชวนเอเลนออกไปวิ่งเล่น
ซึ่งเจ้าเด็กชายตัวน้อยก็วิ่งตามเด็กสาวไปอย่างว่าง่าย
ใบหน้ากลมมนยังคงมีรอยยิ้มบางส่งให้กับเด็กสาวอยู่เสมอ
รีไวถอนหายใจพลางเกาผมสีดำของตน
ที่จริงให้เอเลนอยู่ที่นี้ก็ดีกว่าไปอยู่กับเขาอยู่แล้ว เพราะมิคาสะก็รุ่นเดียวกันอีกอย่างพี่สาวเขาก็มีมิคาสะการจะรับเอเลนมาเลี้ยงดูอีกคนก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน
ทำไมถึงคิดจะผลักภาระมาให้เขากันแน่นะไม่เข้าใจความคิดของพี่สาวของตนเลยจริงๆ
“รีไว รีไว”
เสียงเรียกของคนที่กำลังเฝ้าบ่นอยู่ในใจดังขึ้น
รีไวจึงก้มมองจากหน้าต่างหาต้นเสียง เสียงของยัยพี่สาวตัวดีกำลังร้องเรียกพร้อมโบกมืออยู่หน้ารถยนต์สีขาวพร้อมกับพี่เขยที่กำลังเตรียมขนของขึ้นรถ
“รีไวฉันจะต้องเข้าเมืองไปทำธุระฝากดูเด็กๆด้วยนะ”
ชายหนุ่มได้แต่มองพี่สาวพร้อมทั้งโบกมือให้เป็นการบอกว่ารับรู้
ดูเหมือนอีกเหตุผลที่พี่สาวเขาอยากให้เขามาอยู่ด้วยระหว่างหยุดยาวก็เพราะว่าจะได้ฝากฝังเจ้าตัวยุ่งพวกนั่นได้ง่ายๆสินะ
ตัวเขาที่ไม่ได้มีโปรแกรมหรืออะไรวางไว้เป็นพิเศษก็เลยต้องช่วยดูแลอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นตรงที่กลางศีรษะบอกว่าเป็นเวลากลางวัน
ร่างเล็กสองร่างก็วิ่งกลับเข้ามาในบ้านด้วยเนื้อตัวมอมแมมที่ทำเอาคนรักความสะอาดอย่างเขาถึงกับนิ่วหน้า
“พวกนายน่ะก่อนทานข้าวไปล้างมือซะ ถ้าเป็นไปได้อาบน้ำก่อนยิ่งดี”
ว่าพลางจัดสปาเก็ตตี้ลงในจานเล็กสองใบพร้อมหั่นขนมปังที่อบร้อนไว้ลงในจานแบ่ง
เอเลนจูงมือมิคาสะไปล้างคราบดินออกอย่างว่าง่าย ก่อนจะมานั่งที่ประจำในโต๊ะอาหาร
การที่เด็กๆพูดจาว่าง่ายและเชื่อฟังก็น่ารักดีอยู่หรอกนะ
แต่เขากลับคิดว่าดูน่าอึดอัดเสียมากกว่าเวลาที่เห็นเอเลนทำตามที่ใครต่อใครบอกอย่างไม่มีข้อสงสัย
รีไวมองเหล่าเด็กทั้งสองที่ทานอาหารในจาน สำหรับมิคาสะนอกจากท่าทางเหม็นเบื่อหน้าเขาแล้วก็ไม่มีอะไรต้องห่วง
ผิดกับเอเลนที่เขี่ยอาหารไปมาและกว่าจะตักกินแต่ละคำช่างให้ความรู้สึกที่ดูกล้ำกลืน
“นายไม่ชอบสปาเก็ตตี้งั้นเหรอเอเลน?”
เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอาหารในจานแทบไม่พร่องลงไปสักนิด
“เออ...เปล่าครับ”
“งั้น ฉันทำไม่ถูกปากนาย?”
“ไม่ครับ เพียงแต่ผมไม่หิวเท่าไร”
ใบหน้ากลมมนมองอาหารในจานตนเองอย่างรู้สึกสำนึกผิด
จะว่าไปตั้งแต่กลับมาจากงานศพหลายครั้งที่เขาเห็นเจ้าหนูนี่แทบจะไม่แตะต้องอาหาร
และอาหารของเข้าเด็กนี้ก็เหลือค่อนข้างมากในแต่ละมื้อ
“แบบนี้ไม่ดีหรอกนะเอเลน
ฉันเข้าใจว่านายยังรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เป็นแบบนี้ร่างกายจะแย่เอานะเจ้าหนู”
มือใหญ่วางทาบทับลงบนผมสีน้ำตาล ถึงจะไม่ได้อยากรับเลี้ยงหรือผูกพันกับเจ้าเด็กนี้
แต่แบบนี้จะให้เขาปล่อยไปคงไม่ได้เช่นกัน
“นั่นสิเอเลนนายต้องกินอะไรบ้างนะ” มิคาสะจับขนมปังที่อยู่ในจานยัดใส่ปากเด็กหนุ่ม
ก้อนขนมปังที่ถูกยัดเข้าปากเล็กอย่างไม่รู้ตัวทำให้เอเลนถึงกับจุกในลำคอ
โป๊ก!
กำปั้นของรีไวเขกลงบนหัวของหลานสาว
ความเจ็บที่ได้รับมิคาสะจึงปล่อยมือจากขนมปังที่พยายามยัดเข้าปากของเอเลนไปจับลงบนหัวที่โดนเขกของตัวเอง
“ยัยเด็กบ้าเดี๋ยวเพื่อนเธอก็ได้สำลักขนมปังตายพอดี” รีไวเข้าไปช่วยลูบหลังแล้วยื่นน้ำให้กับเอเลนที่กำลังสำลักขนมปัง
“ข....ขอโทษ ฉันแค่เป็นห่วงเอเลน” มิคาสะก้มหน้าสำนึกผิด
ยิ่งเธอเห็นเอเลนไอจนหน้าแดงเธอยิ่งรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม
มือหนาวางลงบนผมสีดำยาวของเด็กสาว
“ไม่เป็นไร เอเลนเองก็ไม่ได้โกรธเธอจริงไหม?”
ใบหน้ากลมมนยิ้มพลางส่ายหัว
แม้หน้าจะแดงจากอาการสำลักขนมปังแต่เอเลนยังคงยิ้มให้กับเด็กสาว
“ลุงนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ”
มิคาสะยิ้มให้กับผู้มีศักดิ์เป็นอาของเธอ
รีไวขยี้ลงบนผมสีดำของหลานสาว ดูเหมือนมิคาสะจะยอมเปิดใจให้เขาขึ้นบ้างนิดหน่อย
แต่ความอวดดีของหลานสาวคนนี้ต่อเขาก็ยังไม่ลดลงเลยสินะ.....
ช่วงบ่ายเอเลนและมิคาสะยังคงออกไปวิ่งเล่นกัน
พอตกเย็นสภาพของทั้งสองที่กลับมาทำให้รีไวต้องจับทั้งสองไปอาบน้ำก่อนทานอาหารเย็น
นอกจากคราบดินแห้งกรังแล้วยังมีทั้งคราบโคลนจากในแม่น้ำที่เลอะเทอะไปทั่วทั้งตัว
รีไวจัดการจับหลานสาวตัวดีถอดชุดที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วในโรงนาออกก่อนจะจับหลานสาวตัวดีลงในอ่างน้ำอุ่นแล้วจัดการเทแชมพูสระผมรวมทั้งสบู่จัดการลิงทโมนตัวแรก
เพียงเวลาไม่นานรีไวก็จัดการรอยคราบเปื้อนบนตัวของมิคาสะออกอย่างหมดจด
ชายหนุ่มราดน้ำอุ่นลงบนตัวของเด็กสาวอีกครั้งก่อนจะจัดการโยนผ้าเช็ดตัวให้
มิคาสะจัดการเอาผ้พันตัวเองก่อนจะวิ่งออกไปเพื่อใส่ชุดนอน
“เอาเจ้าหนูถอดเสื้อซะ” หลังจากจัดการมิคาสะเรียบร้อยรีไวจึงมาสนใจกับเอเลนที่เจ้าตัวยังคงใส่ชุดเปรอะเปื้อนตัวเดิม
“อ...เออ ผมอาบเองก็ได้ฮะ”
“เลอะมาขนาดนี้นายอาบเองไม่สะอาดหรอกนะ”
ถ้าสภาพไม่ได้ยังกับเป็นมนุษย์โคลนแบบนี้เขาคงไม่เสียเวลามาจัดการเจ้าตัวยุ่งทั้งสองแบบนี้หรอก
“ไม่เป็นไรผมอาบเองได้จริงๆฮะ”
เมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตรงหน้าดื้อดึงไม่ยอมให้เขาอาบน้ำให้โดยง่าย รีไวจึงจัดการหิ้วตัวเอเลนขึ้นก่อนจะจัดการปลดเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนของเด็กชายออกอย่างรวดเร็ว
แล้วจับโยนลงอ่างน้ำอุ่นที่รองน้ำไว้ใหม่จนเต็ม
“ทีนี้จะได้จัดการซะที”
รีไวจัดการแชมพูสระผมลงบนผมสีน้ำตาล และสบู่ลงในอ่าง
“ให้ผมอาบเองเถอะฮะ!” ร่างเล็กดิ้นไปมาในอ่างอาบน้ำ
ทั้งผลักและดันมือหนาของชายหนุ่มที่พยายามจับเขาถูตัว
“มาถึงขั้นนี้แล้วจะอายอะไรเล่าไอหนู”
รีไวจัดการรวบแขนเล็กที่พยายามปัดป่ายขึ้นก่อนจะชโลมสบู่ลงบนตัว
แขนทั้งสองถูกยกขึ้นนัยน์ตาสีขี้เถ้าถึงได้เห็นรอยเล็กๆที่ใต้แขนของเอเลน
รอยแผลไหม้ดำเล็กๆและเมื่อสังเกตดีๆก็จะเห็นร่องรอยแผลเป็นรูเล็กๆตามตามแขน
ราวกับรอยของเข็มฉีดยา
“ไม่เห็นจะมีอะไรสักหน่อยไม่ใช่เหรอไงเอเลน”
สีหน้าของชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉยมือหนาชโลมแชมพูอีกครั้ง
คราวนี้ดูเหมือนเอเลนจะเริ่มหยุดต่อต้านการกระทำของเขา รีไวจึงจัดการอาบน้ำให้เอเลนโดยง่าย
ผ้าเช็ดตัวผืนนุ่มถูกห่อลงบนร่างกายเล็กบอบบางก่อนเขาจะอุ้มเจ้าเด็กน้อยไปจัดการแต่งตัว
มือหนาสัมผัสลงบนที่ผมนุ่มสีน้ำตาลไปมาขณะกำลังเดินออกจากห้องน้ำ
“ไม่เป็นไรแล้วนะเอเลน”
ใบหน้ากลมมนซุกกับซอกคอของชายหนุ่ม มือเล็กกำเสื้อเชิ้ตสีดำจนยับ เพราะเป็นเด็กเลยไม่เข้าใจว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร
แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ก็คือ
............รู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้กับคนคนนี้..............
หลังจากส่งเด็กๆเข้านอนก็เป็นเวลาที่พี่สาวและพี่เขยของเขากลับมาพอดี ถุงใส่เสบียงอาหารและเครื่องใช้จำเป็นมากมายถูกขนลงจากรถ
ด้วยที่ว่าบ้านของพี่สาวอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองเพราะเป็นบ้านที่ทำฟาร์มเล็กๆในแถบชนบท
เมื่อได้เข้าไปทำธุระในเมืองจึงซื้อของใช้ที่จำเป็นกลับมาด้วยเป็นจำนวนมาก
รีไวเข้ามาช่วยขนสัมภาระต่างๆเข้าไปเก็บไว้ในบ้านจนกระทั่งถุงใบใหญ่ใบสุดท้ายถูกเก็บลงบนชั้นวางของในครัว
ใบหน้านิ่งเฉยถึงได้ตัดสินใจถามออกไป
“นี่พี่รู้รึเปล่าเรื่องเอเลน?”
หญิงสาวผมดำยาวหันมามองน้องชายอย่างไม่เข้าใจในคำถาม
“วันนี้ฉันจับหมอนั่นอาบน้ำ เด็กคนนั้นมีรอยถูกทำร้ายตามร่างกาย
ดูเหมือนจะเลือกจุดที่ไม่เป็นที่สังเกตเห็นด้วยน่ะนะ”
ใบหน้าเฉยชาขยายความ
ดูเหมือนเรื่องรอยแผลพวกนั้นพี่สาวเขาจะไม่ทันได้สังเกตเห็น
หรือจะเรียกให้ถูกเด็กคนนั้นคงจงใจปิดบังไว้ด้วยเช่นกัน
“งั้นเหรอ” นัยน์ตากลมโตผลุบลงต่ำ
ทั้งที่เธอคิดว่าเธอรู้จักและสนิทกับครอบครัวเยเกอร์ที่เสียไปดี
แต่ดูเหมือนที่จริงแล้วเธออาจไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ
“หมอนั่นไม่พูดถึงพ่อเลยสินะ”
ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยเรื่องของครอบครัวและอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้เอเลนสูญเสียพ่อและแม่ไปในคราเดียวกัน
แต่เด็กคนนั้นกลับสนใจในตัวของผู้เป็นแม่มากกว่า
ราวกับอยากลบตัวตนของผู้เป็นพ่อออกไป
“คริชา คนนั้นเขาเป็นหมอประจำหมู่บ้าน
เป็นที่เชื่อและเคารพของคนในหมู่บ้านอยู่มากเลยล่ะ
และดูเขาเองก็รักและห่วงครอบครัวมากเช่นกัน ตอนที่คราร่าเอาเอเลนมาฝากไว้ที่นี้เพราะต้องเดินทางไปกับคริชาอยู่หลายวัน
ก็ดูเหมือนหมอคริชาเองจะไม่อยากให้เอเลนมาอยู่ทางนี้สักเท่าไร
ตอนแรกฉันเข้าใจเพียงแค่ว่าคงเป็นความหวงและห่วงในตัวลูกชาย.......ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้”
“ภัยเงียบที่มองไม่เห็นสินะ”
เริ่มเข้าใจบ้างแล้วว่าทำไมหมอนั่นถึงได้มีสีหน้าที่นิ่งเฉยและเงียบขนาดนั้น
ทำไมหมอนั่นถึงได้รู้จักที่จะยิ้มเพื่อทำให้คนอื่นสบายใจ ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะผ่านอะไรมาเยอะมากมายทั้งที่เป็นเด็กอายุเพียงแค่ห้าขวบเท่านั้น......
“คนตายไปแล้วรื้อฟื้นไปก็เท่านั้น เอเลนเองก็ดูไม่อยากที่จะพูดถึงมันด้วย”
รีไวปิดตู้เก็บของที่เปิดค้างไว้ก่อนจะหันหลังออกจากห้อง
“นี่รีไวนายยังมีเวลาอีกสักพักลองคิดเรื่องเอเลนดูให้ดีๆนะ
รายได้อย่างนายเลี้ยงเด็กสักคนสองคนสบายอยู่แล้ว”
ขาที่กำลังก้าวพ้นห้องครัวชะงักลง
ใบหน้าเฉยชาหันมองสบกับใบหน้าหวานของพี่สาว
“ฉันไม่คิดจะเห็นใจหรือสงสารหมอนั่นหรอกนะ”
รีไวเดินออกจากห้องครัวกลับเข้าไปยังห้องของตนที่อยู่ชั้นสอง
นัยน์ตากลมโตจ้องมองแผ่นหลังแกร่งของน้องชายที่เดินจากไปพลางยกยิ้มบาง.....
ถึงจะอย่างนั้นแต่ก็เอาใจใส่อยู่ไม่ใช่รึไงกัน.....รีไว..............
เพราะคำพูดบ้าๆของพี่สาวทั้งที่ไม่ได้คิดจะเก็บเอามาใส่ใจ
แต่กลับกวนใจจนเขารู้สึกนอนไม่หลับ รีไวจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องนอนเพื่อลงไปยังห้องครัวอีกครั้ง
การดื่มอะไรอุ่นๆหรือน้ำสักแก้วคงทำให้เขาหลับสบายขึ้น
เมื่อลงมาถึงชั้นล่างนัยน์ตาสีขี้เถ้าต้องแปลกใจกับแสงไฟในห้องครัวที่ยังคงเปิดสว่าง
บางทีคงมีคนที่นอนไม่หลับเหมือนเขาอีกคน
ใบหน้าเฉยชาจ้องมองกลุ่มก้อนผ้าห่มผืนหนาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะทานอาหาร
มือกลมเล็กขีดเขียนลงบนแผ่นกระดาษอย่างไม่สนใจการมาของเขา ร่างแข็งแกร่งจึงเดินเข้าใกล้ก่อนจะวางมือลงบนผมสีน้ำตาลที่โผล่ออกมาจากกลุ่มก้อนผ้านวมผืนหนา
“นอนไม่หลับหรือไงเจ้าหนู?”
นัยน์ตาสีมรกตกลมโตจ้องมองหน้าชายหนุ่มก่อนก้มลงเก็บอุปกรณ์วาดภาพและกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ข...ขอโทษฮะผมจะรีบไปนอน”
“ไม่ต้องหรอก ฉันเองก็นอนไม่หลับเหมือนกันจะอยู่เป็นเพื่อนนายก็แล้วกัน”
ใบหน้ากลมมนจ้องหน้าชายหนุ่มเหมือนมีคำถาม
แต่เมื่อเขาอนุญาตให้อยู่ได้ เด็กชายตัวน้อยจึงเริ่มขีดเขียนภาพลงบนกระดาษอีกครั้ง
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองใบหน้ากลมที่จับจ้องตั้งใจวาดภาพ เพราะเป็นเด็กเขาเลยไม่ทันสังเกตว่าใต้ตาของหมอนี้ช้ำจากการอดนอนพอดู
สีหน้าที่ควรดูอิ่มเอิบสมวัยถ้าสังเกตดีๆกลับดูซีดเซียวและหมอง คงเพราะอดนอน .................เจ้าหนูนี่ไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มมากี่วันกันแล้วนะ?
รีไวมองภาพเขียนบนกระดาษของเอเลน
ภาพที่เด็กชายตั้งใจวาดด้วยสีเทียนเป็นภาพของบ้านและมีภาพของผู้หญิงกับภาพเด็กอยู่ในนั้น
ถ้าให้เดาคงเป็นเอเลนและแม่ของเขา
สีเทียนสีดำถูกหยิบขึ้นมาก่อนมือเล็กๆจะวาดวนเป็นวงกลมขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลังที่ครอบคลุมมายังตัวเขา
วงกลมสีแดงค่อยๆขยายกว้างขึ้นเช่นเดียวกับแรงกดสีเทียนที่มีมากราวกับต้องการระบายสิ่งที่อัดอั้นออกมา
บางทีสีดำนี้อาจหมายถึงพ่อของหมอนี้ก็ได้..............
รีไวหยิบกระดาษอีกแผ่นขึ้นมาก่อนจะหยิบสีเทียนสีฟ้าขีดเขียนลงไป
“นายรู้จักนี้ไหมเอเลน?”
นัยน์ตาสีเขียวกลมโตจ้องมองรอยขีดเป็นคลื่นสีฟ้าอย่างสงสัย
“งั้นเติมพวกนี้ลงไปนายอาจรู้จักจัก”
สีเทียนสีต่างๆถูกขีดเขียนลงไป ทั้งสีแดง สีน้ำตาล สีเขียว ค่อยๆรวมกันเป็นภาพของสัตว์น้ำในทะเล
“เออนี่ปลาหมึกรึเปล่าฮะ?” เอเลนจิ้มลงไปบนภาพวงกลมสีแดงที่มีเหมือนวงรียื่นออกมาอยู่รอบๆ
“เก่งมากเจ้าหนู พวกนี่คือสัตว์ที่อยู่ในทะเลไงล่ะ”
รีไวยกภาพที่วาดเหมือนจะเสร็จแล้วให้เด็กหนุ่มขึ้นดู
ภาพเส้นสีต่างๆที่ดูตีนกันยุ่งเหยิงจนบางภาพมองไม่ออกว่าต้องการสื่อถึงอะไร หรือจะเรียกให้ถูกนอกจากภาพปลาที่เหมือนสามเหลี่ยมต่อกันกับปลาดาวแล้ว
ภาพอื่นๆคงต้องใช้จินตนาการในการแยกแยะมากพอดู ถึงอย่างนั้นเอเลนกลับรู้สึกชอบภาพที่ชายหนุ่มวาด
“ทะเล?” เสียงใสทวนคำอีกครั้ง
“ใช่แล้วล่ะทะเล
เป็นที่ที่มีน้ำสีฟ้ากว้างใหญ่และรายล้อมไปด้วยทรายยังไงล่ะ
ถ้ามีโอกาสไว้ฉันจะพาไปดีไหมไอหนู?”
มือหนาลูบบนผมสีน้ำตาลของเจ้าหนูตัวน้อย นัยน์ตาสีมรกตส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับเมื่อได้ยินว่าสักวันเขาจะได้ไปสัมผัสสิ่งที่เรียกว่าทะเล
“อื้อ เอเลนจะได้ไปทะเลกับคุณอารีไวสินะฮะ”
“ถ้าฉันว่างและนายอยากไป”
“อยากไปสิฮะ เอเลนอยากไปทะเลกับคุณอาฮะ”
มือเล็กดึงแขนเสื้อของชายหนุ่ม
นัยน์ตาสีมรกตกลมโตฉายแววมุ่งมั่นกับความรู้สึกที่อยากไปเห็นทะเล
รีไวอุ้มตัวเด็กชายตัวน้อยขึ้นนั่งตัก
มือหนาลูบไล้ยังแก้มเนียนใสก่อนจะสัมผัสที่ผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มไปมา
“แต่นายควรนอนได้แล้วนะเจ้าหนู เด็กๆไม่นอนจะไม่โตรู้ไหม”
สองมือเล็กจับที่แขนเสื้อของรีไวแน่น
ใบหน้ากลมมนนิ่งเงียบก่อนพยักหน้ารับ
ดูเหมือนเจ้าเด็กนี่จะพยายามฝืนทำตัวดีน่าดู.....
“นี่เอเลนนายไม่จำเป็นต้องอดทนหรอกนะเจ้าหนู”
ใบหน้าเฉยชาก้มลงมองเด็กหนุ่ม
หน้าผากของชายหนุ่มจรดลงกับหน้าผากกลมมนของเด็กชายตัวน้อย
นัยน์ตาสีหมอกจับจ้องลงไปยังนัยน์ตาสีมรกต
“ต...แต่ว่า ถ้าเอเลนไม่อดทน เอเลนจะเป็นเด็กไม่ดี”
ชายหนุ่มถอนหายใจ
ดูเหมือนพ่อหรือแม่ของเจ้าเด็กนี่จะปลูกฝังความคิดไม่สมเป็นเด็กให้เจ้าหนูนี่สินะ
“แล้วนายเป็นเด็กไม่ดีงั้นเหรอไง?”
“ก...ก็ เด็กดีต้องยิ้มและเชื่อฟัง......คุณแม่บอกว่าชอบที่เอเลนยิ้ม
เอเลนเลยจะยิ้มให้คุณแม่ เพราะงั้นเอเลนจะไม่ร้องไห้ คุณแม่จะได้สบายใจ ฮึ่ก...”
คำพูดที่ราวกับกุญแจไขหัวใจดวงน้อย
ใบหน้ากลมมนที่ฝืนยิ้มเริ่มมีน้ำตาคลอในนัยน์ตาสีมรกต
รีไวจับเด็กชายตัวน้อยอุ้มพาดบ่า มือหนาลูบลงบนหลังบอบบางที่สั่นไหว
“นายเก่งมากเอเลน นายทำดีแล้วเพราะงั้นไม่เป็นไรหรอกนะ
แม่นายไม่ว่าอะไรหรอก......ฉันเองก็เหมือนกันรวมถึงคนอื่นๆด้วย”
สองมือเล็กกำเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มแน่น
ร่างเล็กที่พยายามกลืนก้อนสะอื้นสั่นไหว แต่คำปลอบโยนที่ได้รับทำให้ความอดทนที่มีมาพังทลาย
“ฮึก......ฮึก..............แง...แง........” ม่านน้ำตาที่กักเก็บและอดกลั้นไหลลงอาบไหล่
“เก่งมาก เด็กดี” มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังของร่างเล็กไปมา
ในที่สุดเจ้าหนูนี่ก็ร้องไห้ออกมาเสียที.......ดีแล้ว..................
“ฮึ่ก ฮือ ฮือ.........”
“นี่ฉันจะบอกอะไรให้นะเจ้าหนู”
ผมสีดำเงาถูไถลงบนผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มของเด็กชายตัวน้อย
“เรื่องความอดทนน่ะให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ ส่วนเด็กอย่างนายน่ะแสดงอารมณ์และความต้องการออกมาเถอะนะ”
“ฮึ่ก ฮือ ด... ได้เหรอ....แบบ...นั้น ฮึ่ก.....เอเลน...ก็เป็นเด็กไม่ดีน่ะสิ”
ใบหน้ากลมมนที่เปื้อนคราบน้ำตาพยายามกลืนก้อนสะอื่น
“เพราะเป็นสิ่งที่มีแต่เด็กอย่างนายทำได้ เพราะงั้นดีแล้วล่ะเอเลน”
ใบหน้าเฉยชายกยิ้มบาง
เพราะเป็นเด็กเลยแสดงอารมณ์และสีหน้าที่ต้องการออกมาได้
สำหรับผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ เพราะอย่างนั้นนะเอเลน เด็กควรจะแสดงอารมณ์ออกมาแทนผู้ใหญ่ที่ทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้นะเจ้าหนู..........
เพราะเสียงร้องไห้ของเอเลนจึงทำให้เหล่ากลุ่มคนที่อยู่ในห้องนอนถัดไปตื่น
แต่เหตุการณ์ที่แอบมองทำให้หญิงสาวยิ้มบาง มือเรียวจึงจัดการปิดปากและดึงลูกสาวตัวดีให้กลับเข้าห้องไปอย่างเงียบๆกับสามีของตน
.....................ก็ใช่ว่าจะไม่มีหวังสินะ.........................................
เพราะความรู้สึกที่อดทนและอดกลั้นไว้มานานเจ้าหนูจึงหลับไปบนไหล่ของเขา
แต่อย่างน้อยก็ดูเหมือนว่าในที่สุดเจ้าเด็กนี้ก็นอนหลับได้เสียที
ถึงแม้ว่าผลสุดท้ายแล้วเขาต้องอุ้มเจ้าตัวยุ่งขึ้นมานอนกับเขาในห้องชั้นสองด้วยก็ตาม
ในเช้าวันถัดมาเจ้าตัวดีก็ยังคงนอนหลับอุตุอย่างไม่รู้เรื่อง
ตัวเขาที่ตื่นก่อนจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วห่มผ้านวมผืนหนาให้กับร่างเล็กบอบบางก่อนจะลงไปช่วยพี่สาวเตรียมอาหารเช้าเช่นเคย
เมื่อถึงเวลามื้อเช้าทุกคนก็มารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร
สีหน้าและแววตาของเอเลนดูเป็นประกายและสดชื่นกว่าทุกวันคงเพราะได้นอนเต็มอิ่มเสียที
อาหารเช้าวันนี้เป็นแพนเค้กเหมือนปกติ
แต่สิ่งที่แปลกไปจากเดิมคือทุกครั้งแพนเค้กในมื้อเช้าของบ้านอัคเคอร์แมนจะเป็นวงกลมซ้อนกัน
แต่วันนี้ของเอเลนและมิคาสะเป็นรูปหน้าหมีกับกระต่าย ก่อนจะถูกตกแต่งด้วยผลสตรอเบอร์รี่และราดด้วยน้ำผึ้ง
“ถ้านายทานไม่หมดคุณหมีกับคุณกระต่ายจะเสียใจรู้ไหมเจ้าหนู”
“อื้อ ผมจะทานให้หมดเลยฮะ” ใบหน้ากลมหวานยิ้มระรื่นอย่างตื่นเต้น
เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอเจ้าเด็กนี้เลยล่ะมั่งที่เขาได้เห็นรอยยิ้มที่เจ้าตัวไม่ได้เสแสร้งเพื่อให้คนอื่นสบายใจ
เอเลนทำได้ตามที่พูด แพนเค้กรูปร่างน่ารักถูกทานจนเกลี้ยง
ดูเหมือนว่าข้อเสนอแนะของรีไวที่ให้ลองหาพวกแม่พิมพ์ต่างๆมาจัดวางอาหารเป็นรูปสัตว์
หรือรูปน่ารักต่างๆจะได้ผล ดูเหมือนเอเลนจะตื่นเต้นและรอคอยอาหารในแต่ละมื้ออย่างใจจดใจจ่อและทานได้หมดจนหายห่วง
ผิดกับช่วงแรกๆที่เจ้าตัวแทบจะไม่แตะต้องอาหารเท่าไรเลย ทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นเริ่มเปิดใจและสบายใจขึ้น
และตั้งแต่คืนนั้นเอเลนก็ราวกับจะติดใจรีไวเอามากทีเดียว เพราะไม่ว่ารีไวจะไปไหนหรือทำอะไรเด็กชายตัวน้อยมักจะเดินตามหรือคอยจ้องมองอยุ๋ห่างๆ
แรกๆรีไวก็เหมือนจะรำคาญจึงมีหลายครั้งที่ชายหนุ่มจ้องเขม็งจนทำให้เอเลนได้แต่ถอยห่างออกไปมองไกลๆ
ถึงอย่างนั้นเจ้าหนูตัวน้อยก็ยังไม่ยอมไปไหนยังคงวนเวียนอยู๋ใกล้ๆ
ช่วงหลังรีไวจึงจัดการให้เจ้าหนูมาคอยช่วยงานแทน
เพราะอย่างน้อยการช่วยนิดๆหน่อยๆก็ทำให้งานเร็วขึ้นและดูเหมือนเจ้าตัวยุ่งเองก็ไม่อิดออดและยินดีที่จะช่วยงานข้างๆเขา
จะมีก็แต่มิคาสะที่เหมือนโดนแย่งเอเลนไปที่จะชอบเข้ามาก่อกวนเขาอยู่บ่อยๆ
ถึงอย่างนั่นยัยเด็กแก่แดดนั่นก็ช่วยงานได้ดีกว่าที่คิด
ป็อก ป็อก
เสียงผ่าฝืนดังต่อเนื่องเป็นจังหวะ ชายหนุ่มร่างกายกำยำ
และกล้ามเนื้อที่สมชายชาตรีหวดขวานลงบนท่อนไม้เพื่อผ่าออกสำหรับเป็นฝืนใช้ในเตาพิงและทำอาหาร
ทั้งที่ปัจจุบันมีไฟฟ้าไว้ใช้และแก๊สสำหรับอำนวยความสะดวก
แต่พี่สาวตัวดีของเขากลับบอกว่าอาหารที่ทำจากการเผาไหม้ของฝืนอร่อยและกลิ่นหอมกว่า
ตัวเขาจึงถูกใช้งานให้มาจัดการผ่าฝืนอยู่หลังบ้าน
“สักวันผมจะเหมือนคุณอาไหมฮะ?” เสียงหวานเอ่ยถามนัยน์ตามรกตทอเป็นประกายเมื่อเห็นร่างกายกำยะสมชายชาตรีของชายหนุ่มตรงหน้า
รีไวหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พาดคอขึ้นซับเหงื่อก่อนจะหรี่ตามองเด็กชายตัวน้อยที่ช่วยเก็บรวบรวมฝืนที่ผ่าเสร็จแล้ว
“ถ้านายกินเยอะๆและนอนเร็วๆล่ะก็นะ”
ฝืนท่อนใหม่ถูกวางลงบนฐานไม้ขนาดใหญ่ก่อนแขนแข็งแกร่งจะหวดขวานจามลงมา
“ผมจะทานเยอะๆและรีบนอน โตขึ้นผมจะแข็งแกร่งอย่างคุณอาให้ได้เลย” ใบหน้ากลมมนยิ้มกว้าง
นัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างมีความหวัง
“กว่าฉันจะได้มาเจอนายอีกที นายอาจจะโตเป็นหนุ่มแล้วก็ได้นะเจ้าหนู”
“อ....เอ๊ะ คุณอาต้องไปแล้วงั้นเหรอฮะ” นัยน์ตาสีมรกตกลมโตสั่นระริก
“อีกไม่กี่วันฉันก็ต้องกลับไปทำงาน
กว่าจะได้มาที่นี้อีกก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรล่ะนะเจ้าหนู”
“งั้นเหรอฮะ”
ใบหน้ากลมมนก้มลงต่ำ
รีไวมองเจ้าหนูตัวน้อยพลางถอนหายใจก่อนจะจัดการผ่าฝืนที่เหลือต่อ แต่เดิมเขาก็ไม่คิดจะเห็นใจหรือใส่ใจเรื่องวุ่นวายแบบนี้อยู่แล้ว
แต่ดูเหมือนเขาจะเข้ามายุ่งมากเกินไปสินะ
กลางคืนรีไวลุงออกจากห้องเพื่อมาหาน้ำดื่มเช่นเคย
และเป็นอีกคืนที่เขาเห็นไฟในห้องครัวเปิดอยู่หลังจากที่ไม่ได้เห็นมานาน
ร่างแกร่งเดินเข้าห้องครัว
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองเจ้าหนูตัวน้อยที่กำลังขีดเขียนภาพลงบนกระดาษ
“วันนี้นายก็นอนไม่หลับอีกแล้วเหรอไง
ไหนว่าอยากโตขึ้นมาเหมือนฉันไงไอหนู” มือหนาวางทาบทับลงบนผมสีน้ำตาล
ใบหน้าเล็กเงยมองใบหน้าเฉยชาของชายหนุ่ม กระดาษวาดเขียนถูกยื่นส่งให้
รีไวรับภาพวาดของเจ้าหนูมาดูภาพของชายหนุ่มผมสีดำที่มีเด็กตัวน้อยผมสีน้ำตาลอยู่ข้างๆ
บางทีเจ้าหนูคงกำลังวาดเขากับเจ้าตัวอยู่
“ผมให้คุณอาฮะ” ใบหน้ากลมมนยกยิ้มบาง “ผมไม่รู้จะให้อะไรคุณอารีไวดี
แต่ว่าต่อให้คุ๊ณอาไปแล้วเอเลนก็จะคอยคิดถึงคุณอานะฮะ”
รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว
ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้เจ้าหนูนี่กลับมามีรอยยิ้มที่เสแสร้งเพื่อหวังให้คนอื่นสบายใจ
ทั้งที่เจ้าหนูนี่อุตส่าห์แสดงอารมณ์ออกมาได้แล้วแท้ๆ แต่เขากำลังทำให้หมอนี่กลับไปเป็นแบบเดิมอีกแล้วงั้นสิ...............
“เฮ้อ.............เอเลน”
ใบหน้ามนกลมเอียงคอมองชายหนุ่ม
“นายเกลียดฉันรึเปล่า?”
“ไม่ฮะ ผมไม่มีทางเกลียดคุณอาหรอกฮะ!!” เอเลนตอบกลับอย่างเต็มเสียงและมุ่งมั่น
ไม่ได้เกลียดสินะ แล้วแบบนี้จะให้เขาปล่อยไปก็คงไม่ได้เหมือนกัน.....
“ถ้างั้นนายอยากมาอยู่กับฉันรึเปล่าเอเลน?”
เสียงของเครื่องบินที่สนามบินดังอื้ออึง หญิงสาวมองเครื่องบินสีขาวที่กำลังร่อนขึ้นพร้อมโบกมือลา
มือเล็กๆของเด็กหญิงตัวน้อยกระตุกชายเสื้อตัวยาว เธอจึงก้มมองแล้วยิ้มให้
“ทำไมคุณแม่ถึงให้เอเลนไปกับคุณอารีไวล่ะคะ?” ใบหน้ามนของเด็กสาวตัวน้อยพองลมให้แก้มอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทของเธอจะต้องแยกจากเธอไปไกล
ร่างอรชรอุ้มลูกสาวของตนขึ้นมาก่อนจะจูบลงบนแก้มที่หองลมงอนๆนั่น
“แต่คุณอาเขาก็เป็นคนดีนี่ไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
“คุณอาเป็นคนดีก็จริงแต่ไม่เห็นต้องให้เอเลนไปอยู่กับเขาเลยนี่คะ”
มิคาสะยังคงบ่นอุบอิบ
ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มบาง ผมสีดำเงาถูไถลงบนแก้มพองของลูกสาวตัวน้อย
“คนคนนั้นน่ะแม้จะเฉยชา แต่ก็เอาใจใส่ และอีกอย่าง ที่จริงแล้วคนคนนั้นน่ะเป็นคนขี้เหงานะ”
สีหน้าของลูกสาวที่ตอบกลับมาราวกับไม่เชื่อในคำพูดของเธอทำให้เธอหัวเราะขำ
เพราะเป็นน้องชายทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะว่าภายใต้ความแข็งแกร่งนั่นและเย็นชานั่นแท้จริงแล้วซ่อนความเหงาเอาไว้ต่างหาก
เพราะแบบนั้นการที่เอเลนได้ไปอยู่กับคนขี้เหงาแบบนั้นจะต้องดีแล้วอย่างแน่นอน........
ใบหน้าเฉยชามองภาพก้อนเมฆที่เคลื่อนผ่านก่อนจะเหลือบลงมองเด็กชายตัวน้อยที่กำลังนอนหลับบนตักของตน
ไม่คิดว่าผลสุดท้ายแล้วจะยอมให้เจ้าตัวดีนี่มาอยู่ด้วย
แต่ในเมื่อตัดสินใจและเลือกไปแล้วก็มีแต่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำให้ดีที่สุดล่ะนะ.........บางทีการมีเจ้าตัวยุ่งเพิ่มเข้ามาแบบนี้อาจไม่เลวก็ได้....
รีไวล์น่ารักจัง เป็นผู้ชายที่อบอุ่น ><
ตอบลบคือ จริงๆไม่คิดว่าเฮย์โจจะแสดงออกขนาดนี้
อร๊ายยย
มาต่อเร็วๆนะคะไรท์
ปูเสื่อรอ
เอาจริงส่วนตัวก็มองว่ารีไวเป็นคนเอาใจใส่คนอื่นมากค่ะ เพียงเเต่บางทีทำตัวเข้าใจยากไปหน่อย
ลบดูเเล้วก็เป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากเลย//////
ในที่สุดคุณอารีไวก็ติดกับ(?)เด็กน้อยจนได้ คริคริ หนูน้อยเอเลนน่าร้าากกก ต้องโตมาเป็นแม่ศรีเรือน(?)ที่ดีของคุณอารีไวแน่นอน หึหึ อ้ากโชตะเอเลนน่ารักที่สุด // เฮือก กุญแจมือมาจากไหน โอ๊ยฟินคื่ะ รอตอนต่อไปนะค้าา ว่าคุณอาจะถึกทนดาเมจของหนูน้อยเอเลนไปได้นานแค่ไหน ก่อนจิไปเที่ยวห้องกรงด้วยความเต็มใจ(?) เพราะฟิกนี้ด้วยความโชตะ ท่าทางเอเลนคงไม่โตไปกว่านี้สักเท่าไหร่สินะคะ แต่ไม่ว่ายังไงเราก็จะสโตกเกอร์เกาะติดชีวิตของคุณอารีไว กับ หนูน้อยเอเลนต่อไปนะค้า รออ่านตอนต่อไปค่า
ตอบลบปล.แม้ Libido จะค่อยๆกระดึ๊บต่อไปรึมาเร็วจนน่าตกใจเราก็ยังคงรออ่านต่อไปค่า (อันที่จริงเราก็รอทุกเรื่องของบล็อกนั่นแหละค่ะ แหะๆ) ติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^
เรามาตามติดชีวิตเสี่ยงคุก เอ๊ยชีวิตอาหลานมุ้งมิ้งกันค่ะ55555
ลบเอเลนคงจะโตกว่านี้อีกหน่อยเเต่คงไม่เลยวัยพ้นคุกอยู่ดี~
Libido จะมาต่อเร็วๆนี้ค่ะ พยายามดึ๊บๆอยู่~
น่ารักมากค่ะ
ตอบลบทำไมรีไวล์ ดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นงี้ล่าา > <
มาต่อเร็วๆนะคะไรท์
รีไวออกจะเป็นคนเอาใจใส่นะคะโดยเฉพาะกับเด็ก //////////
ลบเฮย์โจ ผู้ชายที่ดูอบอุ่น ....... ฮอลลลลล ฟิน -////-
ตอบลบได้โปรดมาต่อเร็วน่ะค่ะ เป็นกำลังให้ไรท์ค่ะ!!? >0<
ตอนต่อคงอีกไม่นานค่ะ เรามาช่วนฮีลนู๋เลนกันเถอะค่ะ!!!
ลบฟินค่ะฟิน =////=
ตอบลบอ่านเเล้วเเทบจะจิกหมอนทิ้งค่ะ
รีไวล์ เป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากกอ่ะ ส่วนเอเลนก็โชตะมากมาย จนอยากจะเอาเอเลนมากอดด้วยสักคืนสองคน =////= //โดนเเทงหลังคอ(?)
รีบๆมาต่อเร็วๆนะคะไรท์ เป็นกำลังให้ไรท์ค่ะ สู้ๆ >0</
จะรีบต่อนะคะ รีไวเเม้จะเข้มงวดไปบ้างเเต่ก็อบอุ่นมากเลยล่ะค่ะ*///////*
ลบขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ >\\\\\<
สู้ค่ะ!!!