วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Attack on Titan Fan fic.: Lesson Of Love: Lesson 1


Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love

Pairing: (LevixEren)

Story By: Trendy Blood

………………………………………………………………………………………………..

Lesson 1:

 

แม้งานศพจะผ่านพ้นไปหลายวันแล้วแต่รีไวยังคงอาศัยอยู่ในบ้านของพี่สาวตามคำขอร้อง  และเช่นเดียวกันกับเอเลนที่แม้จะผ่านมาหลายวันแล้วแต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นเด็กชายตัวน้อยคนนี้ร้องไห้ อย่าว่าแต่ร้องไห้เลยที่จริงอารมณ์อื่นนอกจากรอยยิ้มที่ทำเพื่อให้คนรอบข้างสบายใจเจ้าตัวก็ไม่เคยเผยให้เห็น จะมีก็แต่ยัยหลานสาวตัวดีของเขาล่ะมั่งที่จะไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกตินี้

นายน่ะไม่คิดจะรับเอเลนไปเลี้ยงหน่อยงั้นเหรอ?

คำถามของพี่สาวที่ถามออกมาหลายวันก่อนยังคงวิ่งวนอยู่ในหัว แน่นอนว่าพอถูกถามอย่างนั้นเขาต้องปฏิเสธอยู่แล้ว ทำไมเขาจะต้องมารับผิดชอบดูแลเจ้าเด็กบ้าที่ไม่ได้รู้จักหรือเกี่ยวข้องกันสักนิด อีกอย่างให้คนอย่างเขาไปเลี้ยงเด็กดูท่าคงจะไม่เหมาะเท่าไร แต่ทั้งที่ปฏิเสธไปแล้วพี่สาวตัวดีกลับบอกให้เขาลองกลับมาคิดดูให้ดีๆระหว่างที่ได้หยุดงานเลยโดนขอร้องแกมบังคับให้ดูแลเด็กๆพวกนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพี่สาวตัวดีของเขาคงหวังจะให้เขาใจอ่อนและและดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจ้าหนูไร้อารมณ์นั่น

ว่าก็ว่าเถอะต่อให้ใช้เวลามากกว่านี้เป็นเดือน เขาก็ไม่คิดที่จะรับทำเรื่องน่าปวดหัวและวุ่นวายแบบนี้หรอกนะ

นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ที่สนามหญ้าเบื้องล่างดูเหมือนมิคาสะจะชวนเอเลนออกไปวิ่งเล่น ซึ่งเจ้าเด็กชายตัวน้อยก็วิ่งตามเด็กสาวไปอย่างว่าง่าย ใบหน้ากลมมนยังคงมีรอยยิ้มบางส่งให้กับเด็กสาวอยู่เสมอ

รีไวถอนหายใจพลางเกาผมสีดำของตน ที่จริงให้เอเลนอยู่ที่นี้ก็ดีกว่าไปอยู่กับเขาอยู่แล้ว เพราะมิคาสะก็รุ่นเดียวกันอีกอย่างพี่สาวเขาก็มีมิคาสะการจะรับเอเลนมาเลี้ยงดูอีกคนก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ทำไมถึงคิดจะผลักภาระมาให้เขากันแน่นะไม่เข้าใจความคิดของพี่สาวของตนเลยจริงๆ

“รีไว รีไว”

เสียงเรียกของคนที่กำลังเฝ้าบ่นอยู่ในใจดังขึ้น รีไวจึงก้มมองจากหน้าต่างหาต้นเสียง เสียงของยัยพี่สาวตัวดีกำลังร้องเรียกพร้อมโบกมืออยู่หน้ารถยนต์สีขาวพร้อมกับพี่เขยที่กำลังเตรียมขนของขึ้นรถ

“รีไวฉันจะต้องเข้าเมืองไปทำธุระฝากดูเด็กๆด้วยนะ”

ชายหนุ่มได้แต่มองพี่สาวพร้อมทั้งโบกมือให้เป็นการบอกว่ารับรู้ ดูเหมือนอีกเหตุผลที่พี่สาวเขาอยากให้เขามาอยู่ด้วยระหว่างหยุดยาวก็เพราะว่าจะได้ฝากฝังเจ้าตัวยุ่งพวกนั่นได้ง่ายๆสินะ ตัวเขาที่ไม่ได้มีโปรแกรมหรืออะไรวางไว้เป็นพิเศษก็เลยต้องช่วยดูแลอย่างช่วยไม่ได้

 

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นตรงที่กลางศีรษะบอกว่าเป็นเวลากลางวัน ร่างเล็กสองร่างก็วิ่งกลับเข้ามาในบ้านด้วยเนื้อตัวมอมแมมที่ทำเอาคนรักความสะอาดอย่างเขาถึงกับนิ่วหน้า

“พวกนายน่ะก่อนทานข้าวไปล้างมือซะ ถ้าเป็นไปได้อาบน้ำก่อนยิ่งดี” ว่าพลางจัดสปาเก็ตตี้ลงในจานเล็กสองใบพร้อมหั่นขนมปังที่อบร้อนไว้ลงในจานแบ่ง

เอเลนจูงมือมิคาสะไปล้างคราบดินออกอย่างว่าง่าย ก่อนจะมานั่งที่ประจำในโต๊ะอาหาร การที่เด็กๆพูดจาว่าง่ายและเชื่อฟังก็น่ารักดีอยู่หรอกนะ แต่เขากลับคิดว่าดูน่าอึดอัดเสียมากกว่าเวลาที่เห็นเอเลนทำตามที่ใครต่อใครบอกอย่างไม่มีข้อสงสัย

 

รีไวมองเหล่าเด็กทั้งสองที่ทานอาหารในจาน สำหรับมิคาสะนอกจากท่าทางเหม็นเบื่อหน้าเขาแล้วก็ไม่มีอะไรต้องห่วง ผิดกับเอเลนที่เขี่ยอาหารไปมาและกว่าจะตักกินแต่ละคำช่างให้ความรู้สึกที่ดูกล้ำกลืน

“นายไม่ชอบสปาเก็ตตี้งั้นเหรอเอเลน?” เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอาหารในจานแทบไม่พร่องลงไปสักนิด

“เออ...เปล่าครับ”

“งั้น ฉันทำไม่ถูกปากนาย?”

“ไม่ครับ เพียงแต่ผมไม่หิวเท่าไร” ใบหน้ากลมมนมองอาหารในจานตนเองอย่างรู้สึกสำนึกผิด

จะว่าไปตั้งแต่กลับมาจากงานศพหลายครั้งที่เขาเห็นเจ้าหนูนี่แทบจะไม่แตะต้องอาหาร และอาหารของเข้าเด็กนี้ก็เหลือค่อนข้างมากในแต่ละมื้อ

“แบบนี้ไม่ดีหรอกนะเอเลน ฉันเข้าใจว่านายยังรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เป็นแบบนี้ร่างกายจะแย่เอานะเจ้าหนู” มือใหญ่วางทาบทับลงบนผมสีน้ำตาล ถึงจะไม่ได้อยากรับเลี้ยงหรือผูกพันกับเจ้าเด็กนี้ แต่แบบนี้จะให้เขาปล่อยไปคงไม่ได้เช่นกัน

“นั่นสิเอเลนนายต้องกินอะไรบ้างนะ” มิคาสะจับขนมปังที่อยู่ในจานยัดใส่ปากเด็กหนุ่ม ก้อนขนมปังที่ถูกยัดเข้าปากเล็กอย่างไม่รู้ตัวทำให้เอเลนถึงกับจุกในลำคอ

โป๊ก!      

กำปั้นของรีไวเขกลงบนหัวของหลานสาว ความเจ็บที่ได้รับมิคาสะจึงปล่อยมือจากขนมปังที่พยายามยัดเข้าปากของเอเลนไปจับลงบนหัวที่โดนเขกของตัวเอง

“ยัยเด็กบ้าเดี๋ยวเพื่อนเธอก็ได้สำลักขนมปังตายพอดี” รีไวเข้าไปช่วยลูบหลังแล้วยื่นน้ำให้กับเอเลนที่กำลังสำลักขนมปัง

“ข....ขอโทษ ฉันแค่เป็นห่วงเอเลน” มิคาสะก้มหน้าสำนึกผิด ยิ่งเธอเห็นเอเลนไอจนหน้าแดงเธอยิ่งรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม

มือหนาวางลงบนผมสีดำยาวของเด็กสาว

“ไม่เป็นไร เอเลนเองก็ไม่ได้โกรธเธอจริงไหม?”

ใบหน้ากลมมนยิ้มพลางส่ายหัว แม้หน้าจะแดงจากอาการสำลักขนมปังแต่เอเลนยังคงยิ้มให้กับเด็กสาว

“ลุงนี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ” มิคาสะยิ้มให้กับผู้มีศักดิ์เป็นอาของเธอ

รีไวขยี้ลงบนผมสีดำของหลานสาว ดูเหมือนมิคาสะจะยอมเปิดใจให้เขาขึ้นบ้างนิดหน่อย แต่ความอวดดีของหลานสาวคนนี้ต่อเขาก็ยังไม่ลดลงเลยสินะ.....

 

ช่วงบ่ายเอเลนและมิคาสะยังคงออกไปวิ่งเล่นกัน พอตกเย็นสภาพของทั้งสองที่กลับมาทำให้รีไวต้องจับทั้งสองไปอาบน้ำก่อนทานอาหารเย็น นอกจากคราบดินแห้งกรังแล้วยังมีทั้งคราบโคลนจากในแม่น้ำที่เลอะเทอะไปทั่วทั้งตัว

รีไวจัดการจับหลานสาวตัวดีถอดชุดที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วในโรงนาออกก่อนจะจับหลานสาวตัวดีลงในอ่างน้ำอุ่นแล้วจัดการเทแชมพูสระผมรวมทั้งสบู่จัดการลิงทโมนตัวแรก เพียงเวลาไม่นานรีไวก็จัดการรอยคราบเปื้อนบนตัวของมิคาสะออกอย่างหมดจด ชายหนุ่มราดน้ำอุ่นลงบนตัวของเด็กสาวอีกครั้งก่อนจะจัดการโยนผ้าเช็ดตัวให้ มิคาสะจัดการเอาผ้พันตัวเองก่อนจะวิ่งออกไปเพื่อใส่ชุดนอน

“เอาเจ้าหนูถอดเสื้อซะ” หลังจากจัดการมิคาสะเรียบร้อยรีไวจึงมาสนใจกับเอเลนที่เจ้าตัวยังคงใส่ชุดเปรอะเปื้อนตัวเดิม

“อ...เออ ผมอาบเองก็ได้ฮะ”

“เลอะมาขนาดนี้นายอาบเองไม่สะอาดหรอกนะ” ถ้าสภาพไม่ได้ยังกับเป็นมนุษย์โคลนแบบนี้เขาคงไม่เสียเวลามาจัดการเจ้าตัวยุ่งทั้งสองแบบนี้หรอก

“ไม่เป็นไรผมอาบเองได้จริงๆฮะ”

เมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กตรงหน้าดื้อดึงไม่ยอมให้เขาอาบน้ำให้โดยง่าย รีไวจึงจัดการหิ้วตัวเอเลนขึ้นก่อนจะจัดการปลดเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนของเด็กชายออกอย่างรวดเร็ว แล้วจับโยนลงอ่างน้ำอุ่นที่รองน้ำไว้ใหม่จนเต็ม

“ทีนี้จะได้จัดการซะที”

รีไวจัดการแชมพูสระผมลงบนผมสีน้ำตาล และสบู่ลงในอ่าง

“ให้ผมอาบเองเถอะฮะ!” ร่างเล็กดิ้นไปมาในอ่างอาบน้ำ ทั้งผลักและดันมือหนาของชายหนุ่มที่พยายามจับเขาถูตัว

“มาถึงขั้นนี้แล้วจะอายอะไรเล่าไอหนู” รีไวจัดการรวบแขนเล็กที่พยายามปัดป่ายขึ้นก่อนจะชโลมสบู่ลงบนตัว

แขนทั้งสองถูกยกขึ้นนัยน์ตาสีขี้เถ้าถึงได้เห็นรอยเล็กๆที่ใต้แขนของเอเลน รอยแผลไหม้ดำเล็กๆและเมื่อสังเกตดีๆก็จะเห็นร่องรอยแผลเป็นรูเล็กๆตามตามแขน ราวกับรอยของเข็มฉีดยา

“ไม่เห็นจะมีอะไรสักหน่อยไม่ใช่เหรอไงเอเลน”

สีหน้าของชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉยมือหนาชโลมแชมพูอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนเอเลนจะเริ่มหยุดต่อต้านการกระทำของเขา รีไวจึงจัดการอาบน้ำให้เอเลนโดยง่าย ผ้าเช็ดตัวผืนนุ่มถูกห่อลงบนร่างกายเล็กบอบบางก่อนเขาจะอุ้มเจ้าเด็กน้อยไปจัดการแต่งตัว

มือหนาสัมผัสลงบนที่ผมนุ่มสีน้ำตาลไปมาขณะกำลังเดินออกจากห้องน้ำ

“ไม่เป็นไรแล้วนะเอเลน”

ใบหน้ากลมมนซุกกับซอกคอของชายหนุ่ม มือเล็กกำเสื้อเชิ้ตสีดำจนยับ เพราะเป็นเด็กเลยไม่เข้าใจว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ก็คือ

............รู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้กับคนคนนี้..............

 

 

 

หลังจากส่งเด็กๆเข้านอนก็เป็นเวลาที่พี่สาวและพี่เขยของเขากลับมาพอดี ถุงใส่เสบียงอาหารและเครื่องใช้จำเป็นมากมายถูกขนลงจากรถ ด้วยที่ว่าบ้านของพี่สาวอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองเพราะเป็นบ้านที่ทำฟาร์มเล็กๆในแถบชนบท เมื่อได้เข้าไปทำธุระในเมืองจึงซื้อของใช้ที่จำเป็นกลับมาด้วยเป็นจำนวนมาก

รีไวเข้ามาช่วยขนสัมภาระต่างๆเข้าไปเก็บไว้ในบ้านจนกระทั่งถุงใบใหญ่ใบสุดท้ายถูกเก็บลงบนชั้นวางของในครัว ใบหน้านิ่งเฉยถึงได้ตัดสินใจถามออกไป

“นี่พี่รู้รึเปล่าเรื่องเอเลน?”

หญิงสาวผมดำยาวหันมามองน้องชายอย่างไม่เข้าใจในคำถาม

“วันนี้ฉันจับหมอนั่นอาบน้ำ เด็กคนนั้นมีรอยถูกทำร้ายตามร่างกาย ดูเหมือนจะเลือกจุดที่ไม่เป็นที่สังเกตเห็นด้วยน่ะนะ”

ใบหน้าเฉยชาขยายความ ดูเหมือนเรื่องรอยแผลพวกนั้นพี่สาวเขาจะไม่ทันได้สังเกตเห็น หรือจะเรียกให้ถูกเด็กคนนั้นคงจงใจปิดบังไว้ด้วยเช่นกัน

“งั้นเหรอ” นัยน์ตากลมโตผลุบลงต่ำ ทั้งที่เธอคิดว่าเธอรู้จักและสนิทกับครอบครัวเยเกอร์ที่เสียไปดี แต่ดูเหมือนที่จริงแล้วเธออาจไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ

“หมอนั่นไม่พูดถึงพ่อเลยสินะ”

ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยเรื่องของครอบครัวและอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้เอเลนสูญเสียพ่อและแม่ไปในคราเดียวกัน แต่เด็กคนนั้นกลับสนใจในตัวของผู้เป็นแม่มากกว่า ราวกับอยากลบตัวตนของผู้เป็นพ่อออกไป

“คริชา คนนั้นเขาเป็นหมอประจำหมู่บ้าน เป็นที่เชื่อและเคารพของคนในหมู่บ้านอยู่มากเลยล่ะ และดูเขาเองก็รักและห่วงครอบครัวมากเช่นกัน ตอนที่คราร่าเอาเอเลนมาฝากไว้ที่นี้เพราะต้องเดินทางไปกับคริชาอยู่หลายวัน ก็ดูเหมือนหมอคริชาเองจะไม่อยากให้เอเลนมาอยู่ทางนี้สักเท่าไร ตอนแรกฉันเข้าใจเพียงแค่ว่าคงเป็นความหวงและห่วงในตัวลูกชาย.......ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้”

 

“ภัยเงียบที่มองไม่เห็นสินะ”

เริ่มเข้าใจบ้างแล้วว่าทำไมหมอนั่นถึงได้มีสีหน้าที่นิ่งเฉยและเงียบขนาดนั้น ทำไมหมอนั่นถึงได้รู้จักที่จะยิ้มเพื่อทำให้คนอื่นสบายใจ ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะผ่านอะไรมาเยอะมากมายทั้งที่เป็นเด็กอายุเพียงแค่ห้าขวบเท่านั้น......

“คนตายไปแล้วรื้อฟื้นไปก็เท่านั้น เอเลนเองก็ดูไม่อยากที่จะพูดถึงมันด้วย” รีไวปิดตู้เก็บของที่เปิดค้างไว้ก่อนจะหันหลังออกจากห้อง

“นี่รีไวนายยังมีเวลาอีกสักพักลองคิดเรื่องเอเลนดูให้ดีๆนะ รายได้อย่างนายเลี้ยงเด็กสักคนสองคนสบายอยู่แล้ว”

ขาที่กำลังก้าวพ้นห้องครัวชะงักลง ใบหน้าเฉยชาหันมองสบกับใบหน้าหวานของพี่สาว

“ฉันไม่คิดจะเห็นใจหรือสงสารหมอนั่นหรอกนะ” รีไวเดินออกจากห้องครัวกลับเข้าไปยังห้องของตนที่อยู่ชั้นสอง

นัยน์ตากลมโตจ้องมองแผ่นหลังแกร่งของน้องชายที่เดินจากไปพลางยกยิ้มบาง.....

ถึงจะอย่างนั้นแต่ก็เอาใจใส่อยู่ไม่ใช่รึไงกัน.....รีไว..............

 

เพราะคำพูดบ้าๆของพี่สาวทั้งที่ไม่ได้คิดจะเก็บเอามาใส่ใจ แต่กลับกวนใจจนเขารู้สึกนอนไม่หลับ รีไวจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องนอนเพื่อลงไปยังห้องครัวอีกครั้ง การดื่มอะไรอุ่นๆหรือน้ำสักแก้วคงทำให้เขาหลับสบายขึ้น

เมื่อลงมาถึงชั้นล่างนัยน์ตาสีขี้เถ้าต้องแปลกใจกับแสงไฟในห้องครัวที่ยังคงเปิดสว่าง บางทีคงมีคนที่นอนไม่หลับเหมือนเขาอีกคน

ใบหน้าเฉยชาจ้องมองกลุ่มก้อนผ้าห่มผืนหนาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะทานอาหาร มือกลมเล็กขีดเขียนลงบนแผ่นกระดาษอย่างไม่สนใจการมาของเขา ร่างแข็งแกร่งจึงเดินเข้าใกล้ก่อนจะวางมือลงบนผมสีน้ำตาลที่โผล่ออกมาจากกลุ่มก้อนผ้านวมผืนหนา

“นอนไม่หลับหรือไงเจ้าหนู?”

นัยน์ตาสีมรกตกลมโตจ้องมองหน้าชายหนุ่มก่อนก้มลงเก็บอุปกรณ์วาดภาพและกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ

“ข...ขอโทษฮะผมจะรีบไปนอน”

“ไม่ต้องหรอก ฉันเองก็นอนไม่หลับเหมือนกันจะอยู่เป็นเพื่อนนายก็แล้วกัน”

ใบหน้ากลมมนจ้องหน้าชายหนุ่มเหมือนมีคำถาม แต่เมื่อเขาอนุญาตให้อยู่ได้ เด็กชายตัวน้อยจึงเริ่มขีดเขียนภาพลงบนกระดาษอีกครั้ง

นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองใบหน้ากลมที่จับจ้องตั้งใจวาดภาพ เพราะเป็นเด็กเขาเลยไม่ทันสังเกตว่าใต้ตาของหมอนี้ช้ำจากการอดนอนพอดู สีหน้าที่ควรดูอิ่มเอิบสมวัยถ้าสังเกตดีๆกลับดูซีดเซียวและหมอง คงเพราะอดนอน .................เจ้าหนูนี่ไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มมากี่วันกันแล้วนะ?

รีไวมองภาพเขียนบนกระดาษของเอเลน ภาพที่เด็กชายตั้งใจวาดด้วยสีเทียนเป็นภาพของบ้านและมีภาพของผู้หญิงกับภาพเด็กอยู่ในนั้น ถ้าให้เดาคงเป็นเอเลนและแม่ของเขา สีเทียนสีดำถูกหยิบขึ้นมาก่อนมือเล็กๆจะวาดวนเป็นวงกลมขนาดใหญ่อยู่เบื้องหลังที่ครอบคลุมมายังตัวเขา

วงกลมสีแดงค่อยๆขยายกว้างขึ้นเช่นเดียวกับแรงกดสีเทียนที่มีมากราวกับต้องการระบายสิ่งที่อัดอั้นออกมา บางทีสีดำนี้อาจหมายถึงพ่อของหมอนี้ก็ได้..............

รีไวหยิบกระดาษอีกแผ่นขึ้นมาก่อนจะหยิบสีเทียนสีฟ้าขีดเขียนลงไป

“นายรู้จักนี้ไหมเอเลน?”

นัยน์ตาสีเขียวกลมโตจ้องมองรอยขีดเป็นคลื่นสีฟ้าอย่างสงสัย

“งั้นเติมพวกนี้ลงไปนายอาจรู้จักจัก”

สีเทียนสีต่างๆถูกขีดเขียนลงไป ทั้งสีแดง สีน้ำตาล สีเขียว ค่อยๆรวมกันเป็นภาพของสัตว์น้ำในทะเล

“เออนี่ปลาหมึกรึเปล่าฮะ?” เอเลนจิ้มลงไปบนภาพวงกลมสีแดงที่มีเหมือนวงรียื่นออกมาอยู่รอบๆ

“เก่งมากเจ้าหนู พวกนี่คือสัตว์ที่อยู่ในทะเลไงล่ะ”

รีไวยกภาพที่วาดเหมือนจะเสร็จแล้วให้เด็กหนุ่มขึ้นดู ภาพเส้นสีต่างๆที่ดูตีนกันยุ่งเหยิงจนบางภาพมองไม่ออกว่าต้องการสื่อถึงอะไร หรือจะเรียกให้ถูกนอกจากภาพปลาที่เหมือนสามเหลี่ยมต่อกันกับปลาดาวแล้ว ภาพอื่นๆคงต้องใช้จินตนาการในการแยกแยะมากพอดู ถึงอย่างนั้นเอเลนกลับรู้สึกชอบภาพที่ชายหนุ่มวาด

“ทะเล?” เสียงใสทวนคำอีกครั้ง

“ใช่แล้วล่ะทะเล เป็นที่ที่มีน้ำสีฟ้ากว้างใหญ่และรายล้อมไปด้วยทรายยังไงล่ะ ถ้ามีโอกาสไว้ฉันจะพาไปดีไหมไอหนู?”

มือหนาลูบบนผมสีน้ำตาลของเจ้าหนูตัวน้อย นัยน์ตาสีมรกตส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับเมื่อได้ยินว่าสักวันเขาจะได้ไปสัมผัสสิ่งที่เรียกว่าทะเล

“อื้อ เอเลนจะได้ไปทะเลกับคุณอารีไวสินะฮะ”

“ถ้าฉันว่างและนายอยากไป”

“อยากไปสิฮะ เอเลนอยากไปทะเลกับคุณอาฮะ”

มือเล็กดึงแขนเสื้อของชายหนุ่ม นัยน์ตาสีมรกตกลมโตฉายแววมุ่งมั่นกับความรู้สึกที่อยากไปเห็นทะเล

 

รีไวอุ้มตัวเด็กชายตัวน้อยขึ้นนั่งตัก มือหนาลูบไล้ยังแก้มเนียนใสก่อนจะสัมผัสที่ผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มไปมา

“แต่นายควรนอนได้แล้วนะเจ้าหนู เด็กๆไม่นอนจะไม่โตรู้ไหม”

สองมือเล็กจับที่แขนเสื้อของรีไวแน่น ใบหน้ากลมมนนิ่งเงียบก่อนพยักหน้ารับ ดูเหมือนเจ้าเด็กนี่จะพยายามฝืนทำตัวดีน่าดู.....

“นี่เอเลนนายไม่จำเป็นต้องอดทนหรอกนะเจ้าหนู”

ใบหน้าเฉยชาก้มลงมองเด็กหนุ่ม หน้าผากของชายหนุ่มจรดลงกับหน้าผากกลมมนของเด็กชายตัวน้อย นัยน์ตาสีหมอกจับจ้องลงไปยังนัยน์ตาสีมรกต

“ต...แต่ว่า ถ้าเอเลนไม่อดทน เอเลนจะเป็นเด็กไม่ดี”

ชายหนุ่มถอนหายใจ ดูเหมือนพ่อหรือแม่ของเจ้าเด็กนี่จะปลูกฝังความคิดไม่สมเป็นเด็กให้เจ้าหนูนี่สินะ

“แล้วนายเป็นเด็กไม่ดีงั้นเหรอไง?”

“ก...ก็ เด็กดีต้องยิ้มและเชื่อฟัง......คุณแม่บอกว่าชอบที่เอเลนยิ้ม เอเลนเลยจะยิ้มให้คุณแม่ เพราะงั้นเอเลนจะไม่ร้องไห้ คุณแม่จะได้สบายใจ ฮึ่ก...”

คำพูดที่ราวกับกุญแจไขหัวใจดวงน้อย ใบหน้ากลมมนที่ฝืนยิ้มเริ่มมีน้ำตาคลอในนัยน์ตาสีมรกต รีไวจับเด็กชายตัวน้อยอุ้มพาดบ่า มือหนาลูบลงบนหลังบอบบางที่สั่นไหว

“นายเก่งมากเอเลน นายทำดีแล้วเพราะงั้นไม่เป็นไรหรอกนะ แม่นายไม่ว่าอะไรหรอก......ฉันเองก็เหมือนกันรวมถึงคนอื่นๆด้วย”

สองมือเล็กกำเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มแน่น ร่างเล็กที่พยายามกลืนก้อนสะอื้นสั่นไหว แต่คำปลอบโยนที่ได้รับทำให้ความอดทนที่มีมาพังทลาย

“ฮึก......ฮึก..............แง...แง........” ม่านน้ำตาที่กักเก็บและอดกลั้นไหลลงอาบไหล่

“เก่งมาก เด็กดี” มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังของร่างเล็กไปมา

ในที่สุดเจ้าหนูนี่ก็ร้องไห้ออกมาเสียที.......ดีแล้ว..................

“ฮึ่ก ฮือ ฮือ.........”

“นี่ฉันจะบอกอะไรให้นะเจ้าหนู”

ผมสีดำเงาถูไถลงบนผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มของเด็กชายตัวน้อย

“เรื่องความอดทนน่ะให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ ส่วนเด็กอย่างนายน่ะแสดงอารมณ์และความต้องการออกมาเถอะนะ”

“ฮึ่ก ฮือ ด... ได้เหรอ....แบบ...นั้น ฮึ่ก.....เอเลน...ก็เป็นเด็กไม่ดีน่ะสิ” ใบหน้ากลมมนที่เปื้อนคราบน้ำตาพยายามกลืนก้อนสะอื่น

“เพราะเป็นสิ่งที่มีแต่เด็กอย่างนายทำได้ เพราะงั้นดีแล้วล่ะเอเลน” ใบหน้าเฉยชายกยิ้มบาง

เพราะเป็นเด็กเลยแสดงอารมณ์และสีหน้าที่ต้องการออกมาได้ สำหรับผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ เพราะอย่างนั้นนะเอเลน เด็กควรจะแสดงอารมณ์ออกมาแทนผู้ใหญ่ที่ทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้นะเจ้าหนู..........

 

เพราะเสียงร้องไห้ของเอเลนจึงทำให้เหล่ากลุ่มคนที่อยู่ในห้องนอนถัดไปตื่น แต่เหตุการณ์ที่แอบมองทำให้หญิงสาวยิ้มบาง มือเรียวจึงจัดการปิดปากและดึงลูกสาวตัวดีให้กลับเข้าห้องไปอย่างเงียบๆกับสามีของตน

.....................ก็ใช่ว่าจะไม่มีหวังสินะ.........................................

 

เพราะความรู้สึกที่อดทนและอดกลั้นไว้มานานเจ้าหนูจึงหลับไปบนไหล่ของเขา แต่อย่างน้อยก็ดูเหมือนว่าในที่สุดเจ้าเด็กนี้ก็นอนหลับได้เสียที ถึงแม้ว่าผลสุดท้ายแล้วเขาต้องอุ้มเจ้าตัวยุ่งขึ้นมานอนกับเขาในห้องชั้นสองด้วยก็ตาม

 

ในเช้าวันถัดมาเจ้าตัวดีก็ยังคงนอนหลับอุตุอย่างไม่รู้เรื่อง ตัวเขาที่ตื่นก่อนจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วห่มผ้านวมผืนหนาให้กับร่างเล็กบอบบางก่อนจะลงไปช่วยพี่สาวเตรียมอาหารเช้าเช่นเคย

เมื่อถึงเวลามื้อเช้าทุกคนก็มารวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร สีหน้าและแววตาของเอเลนดูเป็นประกายและสดชื่นกว่าทุกวันคงเพราะได้นอนเต็มอิ่มเสียที อาหารเช้าวันนี้เป็นแพนเค้กเหมือนปกติ แต่สิ่งที่แปลกไปจากเดิมคือทุกครั้งแพนเค้กในมื้อเช้าของบ้านอัคเคอร์แมนจะเป็นวงกลมซ้อนกัน แต่วันนี้ของเอเลนและมิคาสะเป็นรูปหน้าหมีกับกระต่าย ก่อนจะถูกตกแต่งด้วยผลสตรอเบอร์รี่และราดด้วยน้ำผึ้ง

“ถ้านายทานไม่หมดคุณหมีกับคุณกระต่ายจะเสียใจรู้ไหมเจ้าหนู”

“อื้อ ผมจะทานให้หมดเลยฮะ” ใบหน้ากลมหวานยิ้มระรื่นอย่างตื่นเต้น เป็นครั้งแรกตั้งแต่เจอเจ้าเด็กนี้เลยล่ะมั่งที่เขาได้เห็นรอยยิ้มที่เจ้าตัวไม่ได้เสแสร้งเพื่อให้คนอื่นสบายใจ

เอเลนทำได้ตามที่พูด แพนเค้กรูปร่างน่ารักถูกทานจนเกลี้ยง ดูเหมือนว่าข้อเสนอแนะของรีไวที่ให้ลองหาพวกแม่พิมพ์ต่างๆมาจัดวางอาหารเป็นรูปสัตว์ หรือรูปน่ารักต่างๆจะได้ผล ดูเหมือนเอเลนจะตื่นเต้นและรอคอยอาหารในแต่ละมื้ออย่างใจจดใจจ่อและทานได้หมดจนหายห่วง ผิดกับช่วงแรกๆที่เจ้าตัวแทบจะไม่แตะต้องอาหารเท่าไรเลย ทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นเริ่มเปิดใจและสบายใจขึ้น

 

และตั้งแต่คืนนั้นเอเลนก็ราวกับจะติดใจรีไวเอามากทีเดียว เพราะไม่ว่ารีไวจะไปไหนหรือทำอะไรเด็กชายตัวน้อยมักจะเดินตามหรือคอยจ้องมองอยุ๋ห่างๆ แรกๆรีไวก็เหมือนจะรำคาญจึงมีหลายครั้งที่ชายหนุ่มจ้องเขม็งจนทำให้เอเลนได้แต่ถอยห่างออกไปมองไกลๆ ถึงอย่างนั้นเจ้าหนูตัวน้อยก็ยังไม่ยอมไปไหนยังคงวนเวียนอยู๋ใกล้ๆ ช่วงหลังรีไวจึงจัดการให้เจ้าหนูมาคอยช่วยงานแทน เพราะอย่างน้อยการช่วยนิดๆหน่อยๆก็ทำให้งานเร็วขึ้นและดูเหมือนเจ้าตัวยุ่งเองก็ไม่อิดออดและยินดีที่จะช่วยงานข้างๆเขา จะมีก็แต่มิคาสะที่เหมือนโดนแย่งเอเลนไปที่จะชอบเข้ามาก่อกวนเขาอยู่บ่อยๆ ถึงอย่างนั่นยัยเด็กแก่แดดนั่นก็ช่วยงานได้ดีกว่าที่คิด

ป็อก ป็อก

เสียงผ่าฝืนดังต่อเนื่องเป็นจังหวะ ชายหนุ่มร่างกายกำยำ และกล้ามเนื้อที่สมชายชาตรีหวดขวานลงบนท่อนไม้เพื่อผ่าออกสำหรับเป็นฝืนใช้ในเตาพิงและทำอาหาร ทั้งที่ปัจจุบันมีไฟฟ้าไว้ใช้และแก๊สสำหรับอำนวยความสะดวก แต่พี่สาวตัวดีของเขากลับบอกว่าอาหารที่ทำจากการเผาไหม้ของฝืนอร่อยและกลิ่นหอมกว่า ตัวเขาจึงถูกใช้งานให้มาจัดการผ่าฝืนอยู่หลังบ้าน

 

“สักวันผมจะเหมือนคุณอาไหมฮะ?” เสียงหวานเอ่ยถามนัยน์ตามรกตทอเป็นประกายเมื่อเห็นร่างกายกำยะสมชายชาตรีของชายหนุ่มตรงหน้า

รีไวหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พาดคอขึ้นซับเหงื่อก่อนจะหรี่ตามองเด็กชายตัวน้อยที่ช่วยเก็บรวบรวมฝืนที่ผ่าเสร็จแล้ว

“ถ้านายกินเยอะๆและนอนเร็วๆล่ะก็นะ” ฝืนท่อนใหม่ถูกวางลงบนฐานไม้ขนาดใหญ่ก่อนแขนแข็งแกร่งจะหวดขวานจามลงมา

“ผมจะทานเยอะๆและรีบนอน โตขึ้นผมจะแข็งแกร่งอย่างคุณอาให้ได้เลย” ใบหน้ากลมมนยิ้มกว้าง นัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างมีความหวัง

“กว่าฉันจะได้มาเจอนายอีกที นายอาจจะโตเป็นหนุ่มแล้วก็ได้นะเจ้าหนู”

“อ....เอ๊ะ คุณอาต้องไปแล้วงั้นเหรอฮะ” นัยน์ตาสีมรกตกลมโตสั่นระริก

“อีกไม่กี่วันฉันก็ต้องกลับไปทำงาน กว่าจะได้มาที่นี้อีกก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรล่ะนะเจ้าหนู”

“งั้นเหรอฮะ”

ใบหน้ากลมมนก้มลงต่ำ รีไวมองเจ้าหนูตัวน้อยพลางถอนหายใจก่อนจะจัดการผ่าฝืนที่เหลือต่อ แต่เดิมเขาก็ไม่คิดจะเห็นใจหรือใส่ใจเรื่องวุ่นวายแบบนี้อยู่แล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะเข้ามายุ่งมากเกินไปสินะ

 

 

กลางคืนรีไวลุงออกจากห้องเพื่อมาหาน้ำดื่มเช่นเคย และเป็นอีกคืนที่เขาเห็นไฟในห้องครัวเปิดอยู่หลังจากที่ไม่ได้เห็นมานาน ร่างแกร่งเดินเข้าห้องครัว นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองเจ้าหนูตัวน้อยที่กำลังขีดเขียนภาพลงบนกระดาษ

“วันนี้นายก็นอนไม่หลับอีกแล้วเหรอไง ไหนว่าอยากโตขึ้นมาเหมือนฉันไงไอหนู” มือหนาวางทาบทับลงบนผมสีน้ำตาล

ใบหน้าเล็กเงยมองใบหน้าเฉยชาของชายหนุ่ม กระดาษวาดเขียนถูกยื่นส่งให้ รีไวรับภาพวาดของเจ้าหนูมาดูภาพของชายหนุ่มผมสีดำที่มีเด็กตัวน้อยผมสีน้ำตาลอยู่ข้างๆ บางทีเจ้าหนูคงกำลังวาดเขากับเจ้าตัวอยู่

“ผมให้คุณอาฮะ” ใบหน้ากลมมนยกยิ้มบาง “ผมไม่รู้จะให้อะไรคุณอารีไวดี แต่ว่าต่อให้คุ๊ณอาไปแล้วเอเลนก็จะคอยคิดถึงคุณอานะฮะ”

รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้เจ้าหนูนี่กลับมามีรอยยิ้มที่เสแสร้งเพื่อหวังให้คนอื่นสบายใจ ทั้งที่เจ้าหนูนี่อุตส่าห์แสดงอารมณ์ออกมาได้แล้วแท้ๆ แต่เขากำลังทำให้หมอนี่กลับไปเป็นแบบเดิมอีกแล้วงั้นสิ...............

“เฮ้อ.............เอเลน”

ใบหน้ามนกลมเอียงคอมองชายหนุ่ม

“นายเกลียดฉันรึเปล่า?”

“ไม่ฮะ ผมไม่มีทางเกลียดคุณอาหรอกฮะ!!” เอเลนตอบกลับอย่างเต็มเสียงและมุ่งมั่น

ไม่ได้เกลียดสินะ แล้วแบบนี้จะให้เขาปล่อยไปก็คงไม่ได้เหมือนกัน.....

“ถ้างั้นนายอยากมาอยู่กับฉันรึเปล่าเอเลน?”

 

 

เสียงของเครื่องบินที่สนามบินดังอื้ออึง หญิงสาวมองเครื่องบินสีขาวที่กำลังร่อนขึ้นพร้อมโบกมือลา มือเล็กๆของเด็กหญิงตัวน้อยกระตุกชายเสื้อตัวยาว เธอจึงก้มมองแล้วยิ้มให้

“ทำไมคุณแม่ถึงให้เอเลนไปกับคุณอารีไวล่ะคะ?” ใบหน้ามนของเด็กสาวตัวน้อยพองลมให้แก้มอย่างไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทของเธอจะต้องแยกจากเธอไปไกล

ร่างอรชรอุ้มลูกสาวของตนขึ้นมาก่อนจะจูบลงบนแก้มที่หองลมงอนๆนั่น

“แต่คุณอาเขาก็เป็นคนดีนี่ไม่ใช่เหรอจ๊ะ”

“คุณอาเป็นคนดีก็จริงแต่ไม่เห็นต้องให้เอเลนไปอยู่กับเขาเลยนี่คะ” มิคาสะยังคงบ่นอุบอิบ

ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มบาง ผมสีดำเงาถูไถลงบนแก้มพองของลูกสาวตัวน้อย

“คนคนนั้นน่ะแม้จะเฉยชา แต่ก็เอาใจใส่ และอีกอย่าง ที่จริงแล้วคนคนนั้นน่ะเป็นคนขี้เหงานะ”

สีหน้าของลูกสาวที่ตอบกลับมาราวกับไม่เชื่อในคำพูดของเธอทำให้เธอหัวเราะขำ เพราะเป็นน้องชายทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะว่าภายใต้ความแข็งแกร่งนั่นและเย็นชานั่นแท้จริงแล้วซ่อนความเหงาเอาไว้ต่างหาก เพราะแบบนั้นการที่เอเลนได้ไปอยู่กับคนขี้เหงาแบบนั้นจะต้องดีแล้วอย่างแน่นอน........

 

 

ใบหน้าเฉยชามองภาพก้อนเมฆที่เคลื่อนผ่านก่อนจะเหลือบลงมองเด็กชายตัวน้อยที่กำลังนอนหลับบนตักของตน ไม่คิดว่าผลสุดท้ายแล้วจะยอมให้เจ้าตัวดีนี่มาอยู่ด้วย แต่ในเมื่อตัดสินใจและเลือกไปแล้วก็มีแต่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำให้ดีที่สุดล่ะนะ.........บางทีการมีเจ้าตัวยุ่งเพิ่มเข้ามาแบบนี้อาจไม่เลวก็ได้....

 TBC.
........................................................................................................
Talk: แม้วันนี้โลกจะหมุนแต่ก็ไม่อาจสะกัดกั้นความโม่ยได้มากค่ะ
แซะตัวเองและโลกหมุนๆมานั่งปั่นจนเสร็จ อาจจะมึนๆงงๆไปบ้างขออภัยนะคะ//หลังจากนี้ขอไปนอนตายกินยาก่อนล่ะค่ะ
ปล. เรื่องไหนเมนต์เยอะเค้าจะรีบมาต่อ มันคือแบตเตอรรี่ในการเร่งเครื่องของเราค่ะ จุบุจุบุ

10 ความคิดเห็น:

  1. รีไวล์น่ารักจัง เป็นผู้ชายที่อบอุ่น ><
    คือ จริงๆไม่คิดว่าเฮย์โจจะแสดงออกขนาดนี้
    อร๊ายยย
    มาต่อเร็วๆนะคะไรท์
    ปูเสื่อรอ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เอาจริงส่วนตัวก็มองว่ารีไวเป็นคนเอาใจใส่คนอื่นมากค่ะ เพียงเเต่บางทีทำตัวเข้าใจยากไปหน่อย
      ดูเเล้วก็เป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากเลย//////

      ลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ2 ตุลาคม 2557 เวลา 04:45

    ในที่สุดคุณอารีไวก็ติดกับ(?)เด็กน้อยจนได้ คริคริ หนูน้อยเอเลนน่าร้าากกก ต้องโตมาเป็นแม่ศรีเรือน(?)ที่ดีของคุณอารีไวแน่นอน หึหึ อ้ากโชตะเอเลนน่ารักที่สุด // เฮือก กุญแจมือมาจากไหน โอ๊ยฟินคื่ะ รอตอนต่อไปนะค้าา ว่าคุณอาจะถึกทนดาเมจของหนูน้อยเอเลนไปได้นานแค่ไหน ก่อนจิไปเที่ยวห้องกรงด้วยความเต็มใจ(?) เพราะฟิกนี้ด้วยความโชตะ ท่าทางเอเลนคงไม่โตไปกว่านี้สักเท่าไหร่สินะคะ แต่ไม่ว่ายังไงเราก็จะสโตกเกอร์เกาะติดชีวิตของคุณอารีไว กับ หนูน้อยเอเลนต่อไปนะค้า รออ่านตอนต่อไปค่า

    ปล.แม้ Libido จะค่อยๆกระดึ๊บต่อไปรึมาเร็วจนน่าตกใจเราก็ยังคงรออ่านต่อไปค่า (อันที่จริงเราก็รอทุกเรื่องของบล็อกนั่นแหละค่ะ แหะๆ) ติดตามตอนต่อไปค่ะ ^^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เรามาตามติดชีวิตเสี่ยงคุก เอ๊ยชีวิตอาหลานมุ้งมิ้งกันค่ะ55555
      เอเลนคงจะโตกว่านี้อีกหน่อยเเต่คงไม่เลยวัยพ้นคุกอยู่ดี~
      Libido จะมาต่อเร็วๆนี้ค่ะ พยายามดึ๊บๆอยู่~

      ลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ5 ตุลาคม 2557 เวลา 03:08

    น่ารักมากค่ะ
    ทำไมรีไวล์ ดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่นงี้ล่าา > <
    มาต่อเร็วๆนะคะไรท์

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. รีไวออกจะเป็นคนเอาใจใส่นะคะโดยเฉพาะกับเด็ก //////////

      ลบ
  4. เฮย์โจ ผู้ชายที่ดูอบอุ่น ....... ฮอลลลลล ฟิน -////-
    ได้โปรดมาต่อเร็วน่ะค่ะ เป็นกำลังให้ไรท์ค่ะ!!? >0<

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตอนต่อคงอีกไม่นานค่ะ เรามาช่วนฮีลนู๋เลนกันเถอะค่ะ!!!

      ลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ8 ตุลาคม 2557 เวลา 17:55

    ฟินค่ะฟิน =////=
    อ่านเเล้วเเทบจะจิกหมอนทิ้งค่ะ
    รีไวล์ เป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากกอ่ะ ส่วนเอเลนก็โชตะมากมาย จนอยากจะเอาเอเลนมากอดด้วยสักคืนสองคน =////= //โดนเเทงหลังคอ(?)
    รีบๆมาต่อเร็วๆนะคะไรท์ เป็นกำลังให้ไรท์ค่ะ สู้ๆ >0</

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จะรีบต่อนะคะ รีไวเเม้จะเข้มงวดไปบ้างเเต่ก็อบอุ่นมากเลยล่ะค่ะ*///////*
      ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ >\\\\\<
      สู้ค่ะ!!!

      ลบ