Fic. [AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย
บล็อกนี้เป็นแหล่งรวมนิยายและฟิคชั่นของ Trendy Blood ซึ่งเน้นไปทาง Yaoi หรือ ชายรักชาย ใครไม่ชอบหรือไม่ต้องการรับรู้รบกวนปิดหน้านี้ไปนะคะ
วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557
Fic. [AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย
Chapter 12: Substantiate
กำแพงสีหม่นที่รายล้อมทุกด้านช่างให้ความรู้สีกเงียบเหงา แม้จะมีหน้าต่างภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆนี้แต่แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาไม่ได้ช่วยทำให้ห้องสี่เหลี่ยมที่แสนอับชื้นดูดีขึ้นแม้แต่น้อย ร่างเล็กของเด็กชายวัยประมาณ 5ขวบนอนขดอยู่กับผาห่มสีทึมเก่าที่มีรอยปะอยู่มากมาย เด็กชายตัวน้อยนอนขดอยู่มุมกำแพง อากาศที่อับชื้นและหนาวเย็นยิ่งทำให้ร่างเล็กๆขดเข้าหากันมากขึ้นเพื่อหวังจะให้ร่างกายอุ่นขึ้นบ้าง
นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆปรือขึ้นยามเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามา เงาสีดำสูงใหญ่ปรากฏเบื้องหน้าประตูที่ราวกับห้องขัง
“นายออกมาจากห้องซะ แล้วทำตัวดีๆด้วย” เสียงเย็นชาที่คุ้นชินเอ่ยขึ้น แม้ไม่อยากจะรับฟังแต่เพื่อให้อยู่รอดหลายครั้งต้องยอมทำตามคนเป็นผู้ใหญ่กว่าอย่างไม่อาจขัดขืน
แม้จะไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อต้านหรือแรงที่จะลุกขึ้นสู้ แต่ไม่ว่าอย่างไรสักวันเขาก็จะหนีไปจากที่แห่งนี้ให้ได้ ไปจากโลกคับแคยที่แสนโหดร้ายแห่งนี้
ร่างเล็กค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นก่อนจะเดินตามหลังเงาสีทมิฬออกไป จากห้องหม่นหมองสีเทาสู่ทางเดินที่มืดมิดสีดำสนิท เด็กชายตัวน้อยค่อยๆหันมองรอบกาย นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อพบว่าตอนนี้เหลือเพียงตนเองที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิดที่น่าสะพรึง สองขาเล็กค่อยๆวิ่งออกไป
วิ่งไปยังเส้นทางที่มองไม่เห็น วิ่งไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมาย ความมืดมิดที่รายล้อมราวกับค่อยๆบีบตัวเข้ามาทั้งอึดอัดและหายใจไม่ออก เด็กชายทรุดลง สองแขนเล็กและร่างกายน้อยๆราวกับถูกพันธนการจากกลุ่มหมอกที่ทำให้รู้สึกอึดอัด
เด็กน้อยพยายามดิ้นรนแต่ร่างกายที่ราวกับถูกพันธนาการไว้นั่นกลับไม่ไหวติง ฉับพลันเกิดแสงสว่างวาบทำลายความืดที่ปกคลุม แสงสว่างและความอบอุ่นราวกับถูกโอบอุ้มทำให้รู้สึกสบายใจ สองมือน้อยตะเกียดตะกายเข้าหาแสงสว่างที่แสนอบอุ่นนั้น
บางทีนี่อาจเป็นที่ที่เขากำลังตามหาอยู่ก็เป็นได้........
กริ๊ง กริ๊ง
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นทำให้ร่างโปร่งที่งัวเงียพยายามค่อยๆพลิกตัวเพื่อควานหานาฬิกาปลุกของตน แต่ความรู้สึกหนักอึ้งยังคงอยู่เช่นกับความรู้สึกอุ่นของบางอย่าง..........หรือว่านี่จะเป็นฝันต่อเนื่องกันแน่?
เปลือกตาบางค่อยๆปรือขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเอาไม่อาจขยับได้ ภาพท่อนแขนหนาที่กำลังพาดอยู่บนอกของตนทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง
“ค..... คุณรีไว!!!”
เอเลนพยายามดิ้นไปมาเมื่อรู้สึกตัวแล้วว่าห้องนอนของตนเองกำลังมีผู้บุกรุก มิหนำซ้ำยังเป็นคนอันตรายที่บุกเข้ามาประชิดถึงบนเตียงของเขาเสียด้วย
สองแขนพยายามดันแขนของชายหนุ่มที่ตวัดรัดรอบตัวของตนออก แต่ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไรแขนแข็งแรงนั่นกลับยิ่งรัดเขาเข้าหาตัวแน่นขึ้นกว่าเดิม แขนแข็งแรงและหนักที่พาดบนตัวเขานี่คงเป็นต้นเหตุของฝันร้ายของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“คุณรีไว ตื่นเลยนะ คุณเข้ามาในห้องผมได้ยังไง!?”
เสียงเอะอะโวยวายแต่เช้าตรู่ของเด็กหนุ่มทำให้คิ้วคมขมวดขึ้นเป็นปม ใบหน้าเฉยชาฉายแววรำคาญก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างหัวเสีย
เมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง เอเลนจึงได้สังเกตถึงแผ่นอกเปลือยเปล่าของคนที่คุกคามเข้ามาในห้องของตน ตาลุงบ้านี่นอนโดยไม่ใส่เสื้อผ้าเลยรึไงกัน!!! ใบหน้าหวานขึ้นสียามเมื่อมองร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตรงหน้า ถึงจะเป็นตาลุงลามกและคนอันตราย แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนคนนี้มีร่างกายที่น่าอิจฉา เมื่อมองเทียบกับร่างกายผอมแห้งของตนเองแล้วเด็กหนุ่มก็ได้แต่บ่นอุบอิบในลำคออย่างหมั่นไส้
“....นายส่งเสียงหนวกหูชะมัด” ว่าพลางอ้าปากหาวอย่างไม่ใส่ใจ
“คุณนั่นแหละครับเข้ามาให้ห้องผมได้ยังไง คุณนี่ไม่เคยรักษากฎเลยจริงๆ” ใบหน้าหวานขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ ตกลงว่าไอกฎของเขานี่ไม่มีผลอะไรเลยจริงๆสินะ
นัยน์ตาสีขี้เถ้าปรือมองหน้าเด็กหนุ่มก่อนจะสำรวจมองทั่วห้องอีกครั้งพลางเกาผมสีรัตติกาลของตนเอง
“ดูเหมือนฉันจะเข้าห้องผิดน่ะ เมื่อคืนไปดื่มกับยัยเพี้ยนมากไปหน่อย” พูดอย่างไม่ใส่ใจ ก็ถึงว่าเมื่อคืนที่เขากลับมาประตูห้องถึงได้ล็อคเอาไว้
“เดี๋ยวนะ คุณเข้าห้องผิดแล้วเข้ามาได้ยังไง?” อีกอย่างห้องนอนของคุณรีไวก็อยู่ถัดไปนี้เองนะ
เมื่อมองไปที่ประตูราวกับได้รับคำตอบของคำถามเมื่อสักครู่ กลอนประตูที่เคยมีอยู่ในสภาพสมบูรณ์ถูกหักทำลายเป็นซากกองอยู่ที่พื้น ใบหน้าหวานถึงกับไม่มีสีเลือด ขนาดเหล็กและกุญแจที่เขาล็อคไว้ยังถูกตาแก่ขี้เมาทำลายได้โดยง่าย แบบนี้ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ถึงความปลอดภัยเขาเลยสักนิดน่ะสิ!?
“ของสมัยนี้เปราะบางชะมัด แค่บิดนิดหน่อยก็พังซะแล้ว”
เอเลนเหลือบมองซากกลอนกุญแจและประตูสลับกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ผมว่าที่มีปัญหาไม่ใช่กลอนประตูหรอกนะครับ แต่น่าจะเป็นตัวคุณเองมากกว่า คนเรานี่ดูจากภายนอกไม่ได้จริงๆทั้งที่เตี้ยก็เตี้ย อาบุก็น่าจะไม่น้อยแล้วแต่ทำไมถึงแข็งแกร่งนักนะ!!
“ไว้ฉันจะหาคนมาเปลี่ยนให้ละกัน”
“มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วนี่ ในเมื่อคุณทำมันพัง” บางทีเขาอาจต้องใช้ประตูตู้นิรภัยแทนสำหรับห้องนอนของเขาที่อาจจะกันคนอันตรายคนนี้อยู่
“เพื่อเป็นการขอโทษฉันมีของมาฝากนายด้วยนะ เห็นขายอยู่ตรงหน้าร้านคิดว่าเหมาะกับนายดี และนายคงชอบ” รีไวยื่นถุงพลาสติกของฝากที่อยู่บ้างเตียงให้กับเด็กหนุ่มที่กำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เอเลนรับถุงของฝากมาไว้ในมือ คิ้วมนขมวดมุ่น ชื่อว่าของฝากจากคุณรีไวเขามั่นใจเลยว่าคงไม่ใช่ของน่าปลื้มสำหรับเขาเท่าไร เมื่อแกะห่อกระดาษที่อยู่ในถุงใบหน้าหวานแสดงอาการเบื่อหน่ายออกมาทันที
“นายไม่ชอบงั้นเหรอ? ฉันว่าสีดำเข้ากับนายดีนะหรือวันหลังนายอยากลองสีชมพูดูล่ะ?” ว่าพลางหยิบชุดเมดที่บอกว่าเป็นของฝากวางทาบทับกับเด็กหนุ่ม
นัยน์ตาสีมรกตมองคนอายุมากกว่าอย่างละเหี่ยใจ ตกลงว่าหมอนี่คิดว่าเขาชอบแต่งหญิง หรือเป็นรสนิยมประหลาดของตาแก่นี่กันแน่?
“ถ้าคุณชอบแบบนี้นักทำไมไม่หาสาวๆน่ารักสักคนมาใส่ล่ะครับ หรือไม่คุณก็ใส่ซะเอง” ว่าพลางหยิบที่คาดผมเมดใส่ลงบนผมสีดำของชายหนุ่ม
“ฉันนึกว่านายจะชอบซะอีก”
“ผมไม่ได้ชอบใส่ชุดผู้หญิงนะครับ และแต่ละครั้งผมไม่เคยเต็มใจที่จะใส่ด้วย” เอเลนค่อยๆจัดการใส่ปลอกข้อมือในชุดเข้ากับข้อมือของชายหนุ่ม
“ฉันว่านายใส่ขึ้นดีออกนะชุดพวกนี้”
“คุณนี่รสนิยมแย่ชะมัด ถ้าชอบก็ใส่เองสิครับ” ปลอกคอริบบิ้นลูกไม้ถูกสวมเข้าที่ลำคอหนาเบื้องหน้า ก่อนผ้ากันเปื้อนสีขาวจะถูกตวัดครอบลงบนร่างเปลือยเปล่ากำยำของชายหนุ่ม
“นายคิดว่าชายวัยกลางคนกับกล้ามเนื้อที่หนาแบบนี้ใส่ชุดพวกนี้จะดูดีรึไง แต่ถ้านายอยากเห็นฉันจะใจดีใส่ให้ดูก็ได้นะ”
“จากที่ผมเห็นตอนนี้ ผมว่ามันดูน่าหดหู่อยู่นะครับ” นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองชายวัยกลางคนที่ว่าที่อยู่ในผ้ากันเปื้อนลูกไม้สีขาว ปลอกคอและปลอกแขนริบบิ้นลูกไม้สีขาว ที่มาพร้อมที่คาดผมแม่บ้านตรงหน้า แม้จะเป็นคนจับชายหนุ่มตรงหน้าแต่งเอง แต่ก็รู้สึกว่าจะเจออะไรที่ไม่เจริญตาแต่เช้าซะอย่างนั้น
“งั้นเหรอ แต่ถ้าเป็นเมดแบบนี้ก็ต้องอย่างนี้สินะ” รีไวเขยิบเข้าหาเด็กหนุ่มมากขึ้น สองแขนแข็งแรงคร่อมร่างบางตรงหน้า ใบหน้าคมค่อยๆเขยิบเข้าหาใบหน้าหวานมากยิ่งขึ้น
“คุณหนูจะรับอะไรดีเช้านี้? จะเป็นอาหาร อาบน้ำก่อน หรือว่าฉันดีล่ะ?” ใบหน้าคมยกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์
สภาพของชายหนุ่มและประโยคที่ถามออกมาทำเอาเอเลนถึงกับขนลุกไปทั่วกระดูกสันหลัง
“ขอโทษนะครับ ผมไม่รับอะไรทั้งนั้น อย่างแรกเลยอาหารนี้ผมต้องเป็นคนเตรียมเองอยู่แล้ว อย่างที่สองผมจัดการเองได้ และอย่างที่สามนี่ผมไม่ต้องการสุดๆเลยครับ อีกอย่างคนอายุอย่างคุณมาเล่นอะไรแบบนี้น่าขนลุกชะมัด”
“งั้นเหรอ.....น่าเสียดายนะ” มือหนาดึงที่คาดผมบนศีรษะของตนเองออกก่อนจะสวมลงบนผมสีน้ำตาลตรงหน้า
ร่างแกร่งค่อยๆลุกออกจากเตียง โชคยังดีที่แม้ท่อนบนของชายหนุ่มจะเปลือยเปล่าแต่ท่อนล่างเจ้าตัวยังคงมีกางเกงในขาสั้นใส่ไว้ รีไวจัดการถอดผ้าคลุม รวมทั้งปลอกแบนและปลอกคอออก ก่อนจะโยนทั้งหมดไปให้กับเด็กหนุ่ม
“เช้านี้ฉันขอชาดำก็แล้วกัน และก็ขอโทษที่บุกเข้าห้องนายโดยไม่ได้รับอนุญาต”
เอเลนดึงผ้ากันเปื้อนที่คลุมบนหัวตัวเองออก ใบหน้ามนมองชายหนุ่มอย่างแปลกเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำขอโทษจากคนชอบแกล้งตรงหน้า
“ไม่เป็นไร ถ้าอาหารเสร็จแล้วผมจะไปเรียก”
“ฝากด้วยล่ะ” ว่าพลางโบกมือให้ก่อนเดินออกจากห้องของเด็กหนุ่ม
รีไวเดินมายังห้องนอนของตนเองที่อยู่ข้างๆ นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองบานประตูสีไม้ที่อยู่ถัดจากห้องของตน ริมฝีปากคมยกยิ้มบาง ดูเหมือนทั้งตัวเขาและเอเลนจะเริ่มรู้สึกคุ้นชินกันทีล่ะนิดอย่างไม่รู้ตัว
กระทะร้อนถูกตั้งลงบนเตา ก่อนที่เนย ไส้กรอก และไข่ จะถูกบรรจงปรุงแต่งมื้อเช้าสำหรับสองที่ ระหว่างรออาหารสุกใบหน้าหวานเหม่อมองผ่านหน้าต่างเพื่อดูท้องฟ้าสีครามที่พระอาทิตย์เริ่มสาดส่องไปทั่วเมือง
นี่เราไม่ได้ฝันถึงเรื่องตอนอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามานานขนาดไหนแล้วนะ? สถานที่ที่น่าหดหู่และเศร้าหมองจนไม่น่าจดจำ ตัวเขาที่เคยอยู่ในห้องที่รายล้อมไปด้วยกำแพงสีหม่นคับแคบนั่นไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้จะได้มามองท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ และโลกภายนอกที่ทั้งสวยงามและน่าตื่นเต้นขนาดนี้ ต้องขอขอบคุณในความบ้าบิ่นและความพยายามของตนเองที่หนีออกมาจากสถานที่อันโหดร้ายนั่นได้ล่ะนะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ก็คือการที่ได้มาเจอกับคุณฮันเนส ทั้งหมดนั่นถือว่าเขาเป็นเด็กที่โชคดีมากทีเดียว ใบหน้าหวานยิ้มบางยามเมื่อนึกถึงผู้มีพระคุณของตน เสียงของอาหารที่เริ่มได้ที่ทำให้เอเลนหลุดจากภวังค์แล้วกลับมาสนใจกับการทำอาหารตรงหน้าต่อ
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีเรื่องน่ารำคาญใจและปวดหัวแต่ก็ยังดีกว่าอยู่ในโลกสี่เหลี่ยมคับแคบนั่นล่ะนะ
เมื่ออาหารทั้งหมดถูกเรียงจัดใส่จานเรียบร้อย คนอันตรายผู้เป็นเจ้าของคอนโดก็ออกมาจากห้องตรงมายังที่นั่งประจำอย่างรู้เวลา
ทั้งที่ทั้งสองแทบจะไม่เคยคุยกันถ้าไม่มีธุระจำเป็น หรือเหตุการณ์ชวนให้เหนื่อยใจอย่างเมื่อเช้า แต่ทุกเช้าคนน่ารำคาญตรงหน้ามักจะทานข้าวเช้าพร้อมกับเขาเสมอ ตอนแรกเขาเข้าใจว่าเป็นเวลาปกติของคนอันตรายที่จะทานอาหารเช้าเวลานี้ แต่เมื่อสังเกตดูต่อให้คุณรีไวจะทำงานกลับมาดึกดื่นขนาดไหนหรือหลายครั้งที่กลับมาในช่วงเช้า ชายหนุ่มก็จะมานั่งทานมื้อเช้ากับเขาเป็นประจำ หรือบางครั้งมื้อเย็นถ้าเขาไม่ได้ไปทานข้าวกับพวกเพื่อนๆหรือคนในออฟฟิศ ชายหนุ่มก็จะเป็นคนที่เขาร่วมโต๊ะทานอาหารเย็นด้วยเสมอ อีกทั้งบางครั้งที่เขาเลิกงานดึกกลับมาซึ่งคนอันตรายได้ออกไปทำงานแล้ว แต่กลับมีอาหารเย็นสำหรับส่วนของเขาวางไว้บนโต๊ะ หรือเก็บไว้ในตู้เย็น
แรกๆก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าคนเฉยชาและชอบแกล้งจะรู้จักเอาใจใส่คนอื่นเป็นเหมือนกัน แต่พอนานวันเข้าเขาก็ไม่อยากยอมรับหรอกนะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแอบรู้สึกดีที่ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังรอเขากลับมาทานอาหารด้วย..........ความรู้สึกที่ไม่เคยได้สัมผัส แม้แต่ตอนนี้ที่อยู่กับคุณฮันเนสรายนั่นหลายครั้งที่บ้างานจนไม่มีเวลาทานข้าว เขาเลยต้องทำปิ่นโตไปส่งที่ทำงานให้บ่อยๆ พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วตัวเขาเองก็รู้สึกดีไม่น้อยทีเดียว
“วันนี้ผมมีถ่ายงานนอกสถานที่ครึ่งวัน ตอนเย็นคุณอยากทานอะไร? ผมจะได้ซื้อของเข้ามา”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าละออกจากหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่าน ก่อนหันไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังเก็บภาชนะที่ล้างแล้วเข้าที่
“เอาที่นายอยากกินก็แล้วกันเจ้าหนู”
“คุณนี่พึ่งไม่ได้เลยจริงๆนะ” ใบหน้าหวานมุ่ยหน้าก่อนจะครุ่นคิดถึงรายการอาหารมื้อเย็นของตน
“งั้นผมทำหมูผัดขิงก็แล้วกัน มีเนื้อหมูเหลืออยู่แค่ไปซื้อขิงเพิ่ม”
“ฉันจะรอแล้วกัน”
งานถ่ายภาพนอกสถานที่เป็นไปอย่างราบรื่น เอเลนจึงได้เลิกกองเร็วกว่าที่กำหนดไว้นิดหน่อย เด็กหนุ่มจัดการเก็บอุปกรณ์ของตนเองลงกระเป๋า ก่อนจะหันไปขอบคุณเหล่าทีมงานทุกคนแล้วขอตัวแยกออกมา
เอเลนเดินแวะเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตระหว่างทางกลับบ้าน เพื่อจัดการซื้อสินค้าที่จำเป็นในการทำมื้อเย็น ร่างโปร่งเข็นรถเข็นไล่ดูตามชั้นสินค้าต่างๆเพื่อหาสิ่งที่ต้องการ นัยน์ตาสีมรกตสะดุดกับสินค้าลดราคาที่เป็นชาคุณภาพยี่ห้อดี
ชายี่ห้อนี่ตาแก่นั่นชอบนี่นะ ซื้อไปด้วยละกัน..... เหมือนพึ่งรู้สึกตัวใบหน้ามนนิ่งงันกับความคิดและการกระทำของตน พลางมองมือที่ถือห่อชาสั่นระริก เดี๋ยวสิแล้วทำไมฉันต้องซื้อของชอบให้ตาลุงขี้แกล้งนั่นด้วยล่ะ!?
เด็กหนุ่มเก็บชาเข้าชั้นวางก่อนจะเดินจากไป นี่มันชักไม่ตลกแล้วนะ!! เพราะอยู่กับหมอนั่นทุกวันเลยรู้ความชอบของหมอนั่นก็ไม่แปลกหรอก แต่ไม่เห็นจะต้องใส่ใจซื้อของไปฝากตาลุงนั่นเลยสักนิด!!
ทั้งที่คิดอย่างนั้นแต่สองขาก็ยังพาลากรถเข็นกลับมาที่ยังชั้นวางห่อชายี่ห้อดัง ใบหน้ามนมุ่ยริมฝีปากสีระเรื่อบ่นอุบอิบในลำคอ ก่อนจะคว้าชาห่อเดิมลงในรถเข็นรวมกับของอื่นๆ
แค่เพราะเห็นว่ามันใกล้หมดแล้วล่ะนะ ถ้าชาที่ตาลุงนั่นชอบหมดขึ้นมาแล้วหมอนั่นอยากดื่มกลางดึกเขาอาจต้องซวยออกมาซื้อก็ได้ ซื้อไปเก็บไว้ตอนนี้เลยจะได้ไม่เป็นภาระที่หลังก็เท่านั้น อีกอย่างของทั้งหมดหมอนั่นก็จ่ายยู่แล้วไม่ถือว่าเป็นการซื้อไปฝากหรอก
หลังจากชำระสินค้าเรียบร้อย เอเลนจึงหิ้วถุงทั้งหมดเพื่อเตรียมเดินกลับไปยังคอนโดของคนอันตรายที่กำลังรอเขาไปเตรียมอาหารเย็น เด็กหนุ่มกำลังต่อล้อต่อเถียงกับตนเองอยู่ในใจกับการซื้อของไปให้กับชายหนุ่ม โดยไม่ทันสังเกตเลยว่ามีรถยนต์สีดำกำลังขับตามเขามาอย่างเงียบๆ
รถยนต์สีดำมันเงาค่อยๆขับตามหลังเด็กหนุ่มก่อนจะขับเทียบเข้ามาใกล้ขึ้น หน้าต่างถูกลดลงจนเผยให้เห็นเด็กหนุ่มผมทองที่นั่งอยู่ภายใน แต่ดูเหมือนคนที่กำลังกังวังวนอยู่ในความคิดของตนเองจะไม่สังเกตุเห็นเขาแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มในรถจึงเอ่ยทักออกไปอย่างเป็นมิตร
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับคุณเอเลน”
เสียงเรียกชื่อของตนทำให้เอเลนหันไปมองแล้วใบหน้ามนต้องผงะเมื่อเห็นเจ้าของเสียงเรียก
“ค... คุณอัลเรลโต้!”
ใบหน้าหวานยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะสั่งให้คนขับรถจอดเทียบข้างเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม
“ใจร้ายจังเลยนะครับ ผมเคยบอกว่าให้เรียกผมว่าอาร์มินก็ได้”
คิ้วมนขมวดมุ่นอย่างระแวงคนตรงหน้า คนอันตรายอีกคนที่เขาไม่อยากเข้าไปยี่งเกี่ยวด้วยเท่าไหร่
“คุณมีธุระอะไรงั้นเหรอครับ ถ้าเป็นเรื่องงานผมขอปฏิเสธที่จะรับงานกับคุณ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”
ทันทีที่จะก้าวขาเดินหนี ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สองคนในชุดดำลงจากรถมาดักรอที่เบื้องหน้าของเอเลน
“ผมมีธุระกับคุณน่ะครับเลยต้องขอรบกวนเวลาของคุณสักหน่อย”
ทันทีที่อาร์มินพยักหน้า ชายหนุ่มในชุดดำต่างหิ้วแขนของร่างโปร่งที่กำลังงงสิ่งที่เกิดขึ้นลากขึ้นรถ
“เฮ้ย!!ปล่อยนะเว๊ย!!!”
เอเลนพยายามดิ้นขัดขืน แต่ร่างโปร่งก็ถูกจับโยนเข้าไปในรถอย่างง่ายดายพร้อมกับรถสีดำที่พุ่งออกตัวไปอย่างรวดเร็ว
เพทร่าที่ได้รับหน้าที่แอบสะกดรอยตามเอเลนได้แต่ตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หญิงสาวรียยกโทรศัพท์ต่อหาหัวหน้าของเธอเพื่อแจ้งเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รอสายไม่นานปลายสายก็กดรับทันที
[หัวหน้าคะ เอเลนถูกจับตัวไปแล้วค่ะ!!!]
เสียงตะโกนดังแปดหลอดด้วยความตกใจใส่หูโทรศัพท์ทำเอารีไวต้องยื่นสมาร์ทโฟนออกห่างจากหูของตน ใบหน้าคมยกยิ้มอย่างนึกสนุก
“ไอหนูหัวเห็ดนั่นกล้าไม่เบานี่”
รีไวเดินจากห้องรับแขกไปยังห้องทำงานของตน คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปถูกเปิดขึ้น ชายหนุ่มคลิกเข้าโปรแกรมตามรอยที่ต้องการพลางใส่หูฟังเพื่อรออย่างใจเย็น
เลสบนข้อมือนายคงได้ทำหน้าที่สมกับราคาแพงที่ฉันเสียไปสักทีสินะ
สายเรียกข้าวของชื่อที่รู้จักดีทำให้รีไวต้องละออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มากดรับสายที่โทรเข้ามา
[มีอะไรยัยเพี้ยน]
[เพทร่าบอกว่าเด็กนายถูกจับไปแบบนี้นายจะทำยังไง?]
[ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น]
[สมเป็นนายจริงๆ ฉันคิดว่านายจะเป็นห่วงหมอนั่นมากกว่านี้เสียอีก เบื่อแล้วเหรอไง?]
คำถามจากเพื่อนสาวจอมเพี้ยนทำให้ชายหนุ่มมองจุดสัญญาณจากเลสข้อมือที่กำลังเคลื่อนที่อย่างครุ่นคิด นั่นสินะ.......เขาไม่เคยลงทุนหรือลงแรงทำอะไรแบบนี้มาก่อน ดูเหมือนเจ้าเด็กนั่นจะทำให้เขาสนใจกว่าที่คิดไว้.......... ไม่เลวเลยจริงๆ
[ที่ว่าไม่ทำอะไรเพราะฉันเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ฉันจะแชร์ข้อมูลจากเครื่องติดตามไปที่คอมพิวเตอร์ของเธอละกันฮันซี่]
[เอ๋!! นายทำฉันตกใจจริงๆนะรีไว นี่นายจริงจังงั้นเหรอไง?]
[ตราบเท่าที่ยังรู้สึกสนใจล่ะนะ]
[ถ้าตราบใดไม่เป็นปัญหาก็ช่างมันเถอะ.....นายเองก็รู้อยู่แล้ว]
[ฉันแชร์ข้อมูลไปแล้วยัยเพี้ยน เรามาดูกันว่าหมอนั่นจะสร้างปัญหาให้ฉันได้รึเปล่า]
สมาร์ทโฟนถูกตัดสาย ใบหน้าเฉยชากลับมาให้ความสนใจกับโปรแกรมที่กำลังฉายภาพแผนที่และจุดสีแดงที่ยังคงเคลื่อนที่เป็นการบอกว่า เจ้าของที่สวมใส่เลสยังไม่มีการแวะจอดที่ไหน หูฟังถูกเสียบเข้าหูอีกครั้งเพื่อดักฟังบทสนทนาที่กำลังจะเกิดขึ้น
ขอลองดูหน่อยสิว่านายจะเป็นตัวปัญหาสำหรับฉันรึเปล่าเอเลน......
รถยนต์ลีมูซีนสีดำยังคงแล่นไปเรื่อยๆ เอเลนมองหน้าเด็กหนุ่มผมบลอนที่ส่งยิ้มมาให้อย่างไม่สบอารมณ์ ดูเหมือนการชอบบังคับนี่จะเป็นจุดเด่นของพวกคนอันตรายแบบนี้สินะ น่ารำคาญชะมัด!!
“แล้วนี่จะเอายังไง” เป็นเอเลนที่เอ่ยถามออกไป อยู่ๆก็โดนลักพาตัวมาแบบนี้ไม่สนุกเลยสักนิด
“ผมแค่อยากเจรจากับคุณน่ะครับ หลังจากคุยกันเสร็จผมสัญญาว่าจะไปส่งคุณแน่นอน”
เอเลนเกาผมสีน้ำตาลตัวเองอย่างปวดหัว ดูเหมือนชีวิตเขาจะมีเรื่องน่ารำคาญเข้ามาอีกแล้ว ทั้งที่คิดว่าหมอนี่จะเงียบหายไปแล้วแท้ๆ ไม่คิดเลยว่าจู่ๆก็จะโผล่มาแบบนี้
“มีอะไรจะคุยก็คุยมา ฉันมีธุระต่อ”
“ธุระของคุณเอเลนนี่ดูเหมือนจะเป็นแม่บ้านให้คุณรีไวสินะครับ ดีจังเลยน๊า..... ผมชักอยากให้คุณมาเป็นแม่บ้านให้ผมบ้างแล้วสิ”
“ที่ฉันต้องทำแบบนี้มันมีเหตุจำเป็นต่างหาก แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับนายไม่ใช่รึไง ถ้าอยากกวนประสาทฉันล่ะก็ฉันไม่ว่างขนาดนั้นหรอกนะ”
นัยน์ตาสีน้ำทะเลจ้องมองเด็กหนุ่มเบื้องหน้า ใบหน้าหวานยังคงยิ้มอย่างเป็นมิตร
“นี่ผมกำลังคุยธุระอยู่จริงๆนะครับ คุณเอเลนไม่คิดจะมาทำงานกับผมงั้นเหรอ?”
ร่างโปร่งถอนหายใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆทั้งหมอนี่แล้วตาแก่นั่นทำไมถึงอยากให้เขาไปทำงานด้วยนักนะ ทั้งที่ตัวเขาไม่ได้มีประโยชน์หรือความสามารถอะไรต่องานหรือองค์กรของคนพวกนี้เลยสักนิด
“นายน่ะอยากให้ฉันไปทำงานกับนาย หรือที่จริงแล้วอยากใช้ฉันเป็นตัวล่อกันแน่?” นัยน์ตาสีมรกตจ้องกลับไปยังนัยน์ตาสีน้ำทะเลอย่างแข็งกร้าว
“สมแล้วที่คุณรีไวจะถูกใจคุณนะครับ แต่เท่าที่ผมรู้ว่าคนคนนั้นเหมือนจะชอบกลั่นแกล้งและบีบบังคับคุณไม่ใช่เหรอครับ คุณเองก็คงไม่ชอบคนแก่ขี้โมโหและเอาแต่ใจแบบนั่นเสียเท่าไร”
มือเรียวของอาร์มินผายออกก่อนจะยื่นไปข้างหน้าเอเลน
“ถ้าคุณร่วมมือกับผมคุณก็จะหนีจากคนน่ารังเกียจคนนั้นได้ และผมก็จะคอยช่วยเหลือและสนับสนุนคุณทุกอย่าง น่าสนใจดีไหมครับเอเลน?”
เอเลนมองมือที่ยืนออกมา มือเรียวของเด็กหนุ่มค่อยๆยกขึ้นเข้าหามือที่ยื่นมานั่น
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือของเอเลนผลักมือที่ยื่นมาของอาร์มินออกไป ใบหน้ามนหรี่ตามองเด็กหนุ่มผมทองอย่างหัวเสีย
“อย่ามาดูถูกกัน ฉันไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากนาย ถึงแม้ตาลุงนั่นจะน่ารังกียจแต่หมอนั่นไม่ใช่พวกลอบแทงข้างหลังใครแบบนาย” ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ เอเลนแอบชะงักความคิดตัวเองชั่วครู่ แต่เท่าที่รู้จักตาลุงโรคจิตคนนั่นมามีแต่เรื่องชอบบังคับ และชอบแกล้งเท่านั้น
“ดูเหมือนคุณจะไว้ใจคุณรีไวคนนั่นมากกว่าที่ผมคิดอีกนะครับ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณโมโห” อาร์มินก้มหัวขอโทษอย่างสุภาพ
“ฉันไม่ได้ไว้ใจหมอนั่น แต่หมอนั่นก็น่าเชื่อใจมากกว่านาย” เอเลนกอดอกพลางจ้องมองคนตรงหน้า
“ธุระนายจบแล้วใช่ไหม จอดรถซะฉันจะลง”
“ถ้ายังไงให้ผมไปส่งไหมครับคุณเอเลน เพื่อเป็นการขอโทษที่ทำกิริยาไม่สุภาพกับคุณ”
“ไม่จำเป็น หยุดรถซะ!” เอเลนส่งเสียงดุเพื่อบังคับให้อาร์มินสั่งหยุดรถ
ลีมูซีนสีดำจอดเทียบข้างทาง ทันทีที่รถจอดเอเลนรีบเปิดประตูก้าวลงทันที
“ถึงวันนี้จะล้มเหลวแต่ผมยังไม่ยอมตัดใจง่ายๆหรอกนะครับ”
“นายอยากทำอะไรกับตาลุงนั่นก็เรื่องของนายแต่อย่าเอาชั้นเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”
อาร์มินเพียงแค่เอียงคอส่งยิ้มให้กับร่างโปร่ง ก่อนที่ชายชุดดำจะปิดประตูรถลีมูซีนแล้วแล่นจากไป เอเลนมองตามหลังรถยนต์คันหรู ท่าทางเขาคงต้องหาเรื่องไปทำบุญสะเดาะห์เคราะห์ครั้งใหญ่ซะบ้างแล้ว ทั้งที่เขาเป็นแค่เด็กธรรมดาแต่ทำไมถึงต้องมาเจอกับเหล่าพวกคนอันตรายอยู่บ่อยครั้งนักนะ!
ทั้งหมดนี้ก็เพราะตาลุงโรคจิตนั่นสินะ ตาลุงบ้านั่นคอยดูเถอะชาที่ซื้อมานี้จะเอาไปโยนทิ้งให้หมดเลย!!
มือที่คว้าห่อชายี่ห้อดีที่กำลังจะลงถังขยะหยุดชะงัก เพราะชาแบรนด์นี้ต่อให้จะลดราคาแต่ก็ถือว่าเป็นราคาที่แพงมากสำหรับเด็กที่ใช้ชีวิตปอนๆอย่างเขามาตลอดอยู่ดี เอเลนจึงได้แต่โยนห่อชากลับลุงถุงเช่นเดิม
“ชริ เพราะของมันแพงหรอกนะ!”
ริมฝีปากบางบ่นอุบอิบอย่างเสียอารมณ์ ก่อนจะมองรอบๆตัวพลางรู้สึกเสียดายที่ไม่ยอมให้อาร์มินไปส่ง เพราะตอนนี้ที่ที่เขาอยู่กว่าจะกลับไปถึงคอนโดของคนขี้แกล้งนี่ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว ดูเหมือนว่ามื้อเย็นวันนี้จะช้ากว่าที่วางไว้เสียแล้ว......
อาร์มินมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่รถแล่นผ่าน ใบหน้าหวานยิ้มอย่างอ่อนโยนสะท้อนบนกระจกรถยนต์ที่ติดฟิล์มสีดำสนิท
....ดูเหมือนการเจรจาจะล้มเหลว แต่ช่างเถอะ เขายังมีวิธีอื่นที่จะใช้ต่อไป..... เอเลนความดื้อรั้นและตรงไปตรงมาของคุณช่างน่าสนใจจริงๆนะครับ.....
ประตูคอนโดเปิดออก พร้อมร่างของชายหนุ่มที่พิงผนังรอเขาซึ่งกลับมาช้ากว่าที่บอกไว้
“ทำไมกลับช้านักล่ะเจ้าหนู?”
คำถามที่คาดไว้แล้วว่าต้องเจอจากคนชอบแกล้งตรงหน้า เอเลนส่ายหัวอย่างรู้สึกปลงกับชะตาชีวิตของตน ถ้าบอกว่ามาสายต้นเหตุก็เพราะมาจากคนตรงหน้านี่ดูเหมือนเรื่องคงไม่จบง่ายๆเขาก็เลยบ่ายเบี่ยงไม่คิดจะตอบคำถามของชายหนุ่มอายุมากกว่า
“มีชาที่คุณชอบด้วยจะดื่มไหมครับ?”
“โฮ่ นายนี่จำของชอบของฉันได้ด้วยสินะ ไม่เลวนี่”
รีไวเดินตามเอเลนที่เดินนำเข้าไปในห้องครัว
“ถึงไม่อยากจำก็ต้องรู้อยู่แล้วนี่ครับ” เพราะถูกบังคับมาให้อยู่ด้วยกันแบบนี้ เรื่องที่ไม่คิดอยากจะรู้ก็ต้องรับรู้อยู่ดีไม่ใช่หรือไง
รีไวนั่งตรงที่ประจำบนโต๊ะรับประทานอาหารของตนเอง มือแกร่งเคาะโต๊ะไปมาอย่างสบายอารมณ์ยามเมื่อมองเด็กหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่กับการทำครัว
“ดูเหมือนวันนี้นายจะไปไกลมากพอดูนะ เหนื่อยรึเปล่า?”
ใบหน้าหวานหัวมาขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย ก่อนจะกลับไปจัดการเตรียมรินน้ำที่เดือดลงในถ้วยชาที่เตรียมไว้
“คุณนี่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นเป็นประจำงั้นเหรอครับ”
ชาร้อนถูกวางเสริ์ฟลงตรงหน้าของชายหนุ่ม ใบหน้าเฉยชายกยิ้มบางอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็น จนเอเลนรู้สึกแปลกใจ
“นี่เอเลนขอฉันสัมผัสนายได้ไหม? แค่มือก็ได้”
ท่าทางที่ราวกับออดอ้อนของคนเจ้าเล่ห์อย่างที่เขาไม่เคยเจอทำเอาเอเลนถึงกับรับมือไม่ถูก ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อพอๆกับอุณหภูมิของร่างกายที่สูงขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ หรือนี่เขากำลังจะเป็นไข้งั้นเหรอ!?
“อ.... อะไรกัน ปกติคุณไม่เคยขออนุญาตดีๆนี่ครับ ชอบหาเรื่องบังคับตลอด”
“งั้นเหรอ........ ฉันคิดว่าอยากทำดีๆกับนายมั่งน่ะ”
แปลก!! แปลกเกินไปแล้ว ทำไมคนอันตรายชอบแกล้งถึงอยากมาทำดีกับเขานะ แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือหัวใจของเขาที่อยู่ๆก็เต้นผิดจังหวะ ดูเหมือนทั้งเขาและคนตรงหน้าจะต้องไม่ปกติแน่ๆ
“แล้วฉันแตะนายได้รึเปล่าเอเลน?”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่ช้อนมองขึ้นมาราวกับออดอ้อนยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูก ใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อเริ่มสุกปลั่ง อุณหภูมิร่างกายยิ่งขึ้นสูงขึ้นทวีคืน หัวที่เต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรงราวกับจะทะลุออกมา อาการทั้งหมดนี้เขาควรจะทำยังไง? คืนนี้เขาคงต้องกินยาลดไข้กันไว้เสียแล้ว!!
“ถ.....ถ้าแค่มือก็จับไปเถอะครับ!!”
รีไวยกยิ้มขำกับท่าทางที่ไม่เคยเห็นของเด็กหนุ่มตรงหน้า ดูเหมือนการทำตัวดีๆกับเจ้าเด็กนี่ก็ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย อาการท่าทางที่แสดงออกมามันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ อกซ้ายสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยรู้สึก
มือหนาวางทาบทับลงบนมือบางของเด็กหนุ่ม ก่อนนิ้วเรียวยาวจะค่อยๆสอดประสานเข้าไปตามซอกนิ้วแล้วเคล้นคลึงเล่นอยากหยอกล้อ
ใบหน้าหวานมองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เช่นเดียวกับอาการของตัวเขาเองที่รู้สึกราวกับถูกไฟลน นิ้วที่สอดประสานเข้ามาราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างแปลกประหลาด
ทั้งที่เคยถูกแกล้ง และถูกทำเรื่องประหลาดๆมากกว่าการถูกจับมือมาหลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอธิบายไม่ถูก ไม่ได้รู้สึกรังเกียจมืออุ่นที่สอดประสานเข้ามา แต่กลับรู้สึกทำตัวไม่ถูกยามเมื่อมือนั่นสัมผัสเขาอย่างอ่อนโยน อีกทั้งนัยน์ตาสีขี้เถ้าที่จ้องมองราวกับจะทะลุเข้าไปถึงไหนต่อไหนทำเอาเขาต้องเบือนหน้าหลบสายตาที่จ้องตรงมา แต่แล้วใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะต้องส่งเสียงดังกว่าเดิมเมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นและชื้นแฉะที่หลังมือ เมื่อหันไปมองภาพที่เห็นยิ่งทำให้เขารู้สึกแทบจะกลั้นหายใจ
คนอันตรายขี้แกล้งกำลังก้มลงไปที่มือของเขา ความรู้สึกอุ่นและเปียกชื้นนั่นมาจากริมฝีปากที่กำลังทาบทับลงบนหลังมือเขาอย่างอ่อนโยน
ทั้งที่เคยถูกทำมากกว่าการถูกจูบที่หลังมือ แต่ตอนนี้เขารู้สึกเขินอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนอยากหนีออกไปจากที่ตรงนี้
“ผ.... ผมจะไปทำมื้อเย็น!!” สะบัดมือออกพร้อมทั้งรีบเดินจ้ำเข้าไปเปิดตู้เย็นที่อยู่ในครัว
นอกจากยาลดไข้แล้วก็ต้องทานยาแก้ปวดท้องด้วยสินะ เพราะตอนนี้เขารู้สึกท้องปั่นป่วนไปหมด อีกทั้งหัวใจที่เต้นโครมครามนี้บางทีเขาต้องไปหาหมอรักษาเสียแล้ว!!
รีไวมองหลังเด็กหนุ่มที่กำลังลุกลี้ลุกลนจัดเตรียมมื้อเย็นอยู่ในครัวพลางหัวเราะในลำคอ ดูว่าเขาจะไม่เบื่อเจ้าเด็กนี้เอาเสียง่ายๆเลยสินะ เพราะอะไรกันนะเขาถึงได้รู้สึกดีและสนุกทุกคนั้งที่ได้อยุ่ใกล้เจ้าหนูนี่? ......... บางทีคำตอบของคำถามนั่นอาจอยู่ตรงหน้าเขาแล้วก็ได้.....
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
แค่เปลี่ยนที่จูบนี่แหละค่ะดีแล้ว อ๊ายย เอเลนน่ารักอ่ะ รีไวก็มุ้งมิ้งสะแล้ว(ถึงจะเฉพาะแค่ตอนนี้ก็ตาม) ถ้าจะรู้สึกขนาดนี้ อีกไม่นาน เอเลนเสร็จรีไวแน่ เด็กเริ่มอ่อนลงหน่อยๆแล้ว ดังนั้น ตาลุงก็รุกต่อไปนะค้า หึหึ
ตอบลบเรื่องนี้อาร์มินออกแนวเจ้าเล่ห์ สินะคะ อืมๆ รู้สึกเหมาะกับอาร์มินแปลกๆแหะ เจ้าเล่ห์แบบนี้ ลุงก็ระวังเด็กโดนฉกไปนะคะ เหอๆ
สนุกมากค่ะไรท์รอตอนต่อไปนะคะ ชอบทุกเรื่องเลย ว่าแต่ขอทะเลทรายตอนต่อด้วยได้ไหมคะไรท์ (แอบทวง นิดๆ) // โดนไรท์ทั้งสองรุมกระทืบ โทษฐานทวงฟิก
ตาแก่กำลังพยายามล่อลวงเด็กอยู่ค่ะ คาดว่าอีกไม่นานเด็กกับตาแก่จะตกหลุมของกันและกัน *////////////*
ลบกรี๊ดดดดดดดดดดดดทะเลทรายอิชุ้นกำลังไปตบตีเจเดนให้อยู่นะคะ คาดว่าเร็วๆนี้ เดี๋ยวขอไปถือแส้เฆี่ยนตามก่อนค่ะ!!!!!!
เอเลนตกหลุมรักเรียบร้อยแล้วสินะ อิอิ ตอนนี้รีไวน่ารักจังค่ะ มีอ้อนเล็กๆด้วย ปกติมีแต่แกล้งเด็ก(ถึงเด็กจะน่าแกล้งก็เถอะ ) อยากอ่านตอนหน้าเร็วๆจังค่ะ ว่าเอเลนจะโดนแกล้งอะไรอีก
ตอบลบเรื่องนี้เขียนเพราะอยากแกล้งนู๋เลนนี่ล่ะค่ะฮาๆๆๆ ตอนหน้าคาดว่าอีกไม่นาน(มั่งคะ //นั่งเขี่ยพื้น)
ลบ