วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

Special Last Memory : Complex (Jean x Armin)

-Last Memory (Jean x Armin)
                จตุรัสใจกลางเมืองคือสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารสำนักงานและออฟฟิศต่างๆมากมาย เป็นแหล่งรวมองค์กรต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางการติดต่อและดำเนินธุรกิจหรือการงานๆต่างๆอย่างทั่วถึง ไม่เพียงแต่ด้านธุรกิจแต่หน่วยงานราชการของรัฐหลายแห่งก็ตั้งอยู่ในจตุรัสกลางเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในเขตพื้นที่

                ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาผมสีน้ำตาลสองสีในชุดสูทสีเข้มดูทะมัดแทมงพร้อมกระเป๋ารายงานเอกสารเดินตรงเข้ายังห้องหน่วยข้อมูลของอาคารสำนักงานหน่วยปราบปราม
                ชายหนุ่มผมสีทองรวบผมหน้าตาเป็นมิตรไว้หนวดเล็กน้อยส่งยิ้มทักทายเมื่อเห็นผู้มาเยือนอย่างคุ้นเคย
“มาตามข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่รับผิดชอบอยู่สินะแจน” ชายหนุ่มอายุมากกว่าเอ่ยทักพร้อมเก็บแฟ้มเอกสารที่เขาจัดเรียงในตู้
“รบกวนด้วยนะครับคุณเอริ์ด” แจนก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อทักทายและเป็นเชิงขออนุญาติเจ้าหน้าที่
                เอริ์ดเดินไปเปิดตู้เอกสารที่อยู่ถัดไปจากที่เขากำลังเก็บข้อมูลไม่ไกลนักก่อนจะยื่นแฟ้มข้อมูลคดีที่เตรียมพร้อมไว้ให้แล้วกับคนอายุน้อยกว่า ชายหนุ่มผมทองมองคนอายุน้อยกว่าที่อยู่ตรงหน้าพลางนึกขำ แม้เขาจะเห็นพัฒนาการเหล่าเด็กหนุ่มและเด็กสาวที่ได้รู้จักและสนิทชิดเชื้อกันด้วย เพราะกลุ่มเด็กเหล่านั้นเป็นนักเรียนของคุณฮันซี่ ผู้เป็นเปรียบได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษขององค์กร อีกทั้งหนึ่งในกลุ่มของเด็กพวกนั้นยังมาเป็นคนรักของหัวหน้าของเขา จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะรู้จักและสนิทคุ้นเคยกัน ในตอนที่บรรดาเด็กๆพวกนี้ยังเรียนกันอยู่หลายครั้งที่พวกเด็กๆจะมาช่วยงานในองค์กรบ้างเพราะเรียนทางด้านกฏหมาย อีกทั้งการฝึกงานก่อนจะจบการศึกษาก็ยังคงมาทำงานที่ฝ่ายข้อมูลขององค์กร แล้วไหนเด็กๆบางคนยังทำงานพิเศษที่ร้านของเพทร่า ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วหลายปีจนตอนนี้กลุ่มเด็กๆเหล่านั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่คับแน่นไปด้วยคุณภาพอย่างไม่ต้องสงสัย แต่การเห็นเด็กหนุ่มเติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่ใส่ชุดสูทได้อย่างองอาจ จะว่ายังไงดีล่ะ  มันทั้งรู้สึกภูมิใจและรู้สึกไม่คุ้นชินไปพร้อมกัน
“นายนี่ใส่ชุดสูทแล้วไม่เข้าเลยนะ” ยกยิ้มพลางหัวเราะในลำคอ
“ทำไงได้ล่ะครับ งานผู้ช่วยอัยการก็ต้องทำให้ดูน่าไว้ใจและภูมิฐาน ใครจะไปเหมือนพวกคุณล่ะครับที่เสื้อเชิ้ตยังไม่ติดกระดุม จะว่าไปเคยรีดบ้างรึเปล่าเนี่ยคุณเอริ์ด?” แจนหรี่ตามองอย่างยียวน
                แฟ้มเอกสารเคาะลงบนผมสองสีของชายหนุ่มอายุน้อยกว่าเพื่อลงโทษกับความปากดีของเจ้าตัว ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี แจน กิลชูไตน์ ก็ยังเป็นพวกปากเก่งเช่นเคย มาทำงานสายนี้เขาก็หวังว่าคงไม่โดนลูกกระสุนยัดปากไปเสียก่อน
“ไอเด็กหน้าม้านายมาเอาเอกสารงั้นเหรอ?” คำทักทายที่ไม่ต้องหันกลับไปดูคนทักก็รู้ได้ว่าเป็นใครทำให้แจนได้แต่คิ้วขมวดอย่างไม่สบอารมณ์  ให้ตายสิทั้งเจ้านายและลูกน้องหน่วยนี้นิสัยไม่ต่างกันเลย
“ก็ทำนองนั้น….” เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยจึงได้แต่บ่นอุบอิบอยู่ในลำคอ
“ว่าแต่คุณกำลังจะไปไหนล่ะครับนั่น?”
ชายหนุ่มร่างไม่สูงแต่เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งเหนือใครในหน่วยปราบปรามกระชับเสื้อคลุมโค้ทสีดำยาวของตนเองก่อนจะควานหากุญแจรถยนต์ในเสื้อคลุม ก่อนที่ใบหน้าคมจะถูกสวมทับด้วยแว่นกันแดดแบรนด์ดังสีชา
“ไปหาเอเลน”
                คำตอบที่ทำเอาเขารอฟังถึงขั้นเลิ่กคิ้วอย่างงุนงง ไปหาหมอนั่นทั้งที่ตอนนี้เพิ่งเป็นเวลาสิบโมงกว่า เรียกได้ว่าเพิ่งเข้างาน พนักงานบางคนยังไม่หายง่วงเลยแต่หัวหน้าหน่วยปราบปรามกลับกำลังจะออกไปหาแฟนหนุ่มอย่างสบายใจเนี่ยนะ
“ดูเหมือนหัวหน้าหน่วยนี่จะว่างจังนะครับถึงขนาดหนีงานไปหาแฟนได้” ต่อมปากดีของแจนทำงานด้วยความรู้สึกหมั่นไส้กับคนรักของเพื่อนสนิทของตน
                มือหนาของหัวหน้าหน่วยวางลงบนผมสองสีของชายหนุ่มในชุดสูทก่อนจะออกแรงบีบเบาๆ ถึงกระนั่นก็ทำให้แจนรู้สึกหวาดผวามากพอดู
“ไอเด็กเวร ฉันไปหาหมอนั่นเพราะเรื่องงาน ตอนนี้เอเลนรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยฮันซี่ในการชันสูติศพและพิสูจน์หลักฐานบางอย่าง”
                ที่จริงบอกว่าไปหาคุณฮันซี่น่าจะทำให้เขาเข้าใจจุดประสงค์มากกว่า แต่กลับบอกว่าไปหาแฟนตัวเองแบบนี้จะไม่ให้เขาเข้าใจผิดได้ไงกัน? หรือที่จริงแล้วไปหาเอเลนเป็นเรื่องหลัก แต่งานชันสูติเป็นเรื่องรองกันแน่? แจนได้แต่คิดสงสัยในวัตถุประสงค์แอบแฝงของชายหนุ่มสุดแกร่ง
“จริงด้วยเพทร่ารู้ว่าวันนี้นายจะแวะมาเอาเอกสารเลยฝากขนมให้นายกับอาร์มิน” เอริ์ดยื่นถุงกระดาษที่ใส่ห่อคุ๊กกี้หลากหลายสีสันให้กับแจน
“ขอบคุณมากครับ”
“ว่าแต่เมื่อไรนายกับอาร์มินจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน?”
                คำถามจากชายหนุ่มผมสีอ่อนทำเอาแจนรู้สึกชะงัก นัยน์ตาสีเปลือกไม้แสร้งหลบไปอีกทางก่อนจะพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“ผผมต้องรีบไปแล้วล่ะครับเดี๋ยวจะไปจัดการสรุปคดีไม่ทัน คุณรีไวเองก็รีบไปเถอะเดี๋ยวก็สายหรอก” ว่าพลางโบกมือลาก่อนจะเดินจ้ำเอ้าออกไป
                ชายหนุ่มทั้งสองที่เหลืออยู่ต่างเหลือบมองสบตากัน ก่อนจะมองไปยังประตูที่ปิดลง ทั้งที่เวลาผ่านมาก็นานมากแล้วแต่ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไม่คืบหน้าเอาเท่าไรเสียเลย
 
                หลังจากหนีออกมาได้สำเร็จ แจนได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก สองขายาค่อยๆก้าวขึ้นรถสีน้ำเงินคันโปรดของตน ชายหนุ่มจับพวงมาลัยแน่นก่อนจะวางศรีษะลงอย่างเหนื่อยใจ
                คำถามของชายหนุ่มที่กระแทกเข้ากลางใจทำให้เขาถึงกับถอนหายใจอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรคืบหน้า แต่เรียกได้ว่าแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หลังจากที่เขาอกหักจากเพื่อนสนิทแล้วถูกคนอายุมากกว่าที่จู่ๆก็โผล่มาแย่งไป ทั้งที่เขาทำใจกับเรื่องของเอเลนได้นานแล้ว อีกทั้งเรียกได้ว่าแทบจะลืมความรู้สึกที่เคยมีต่อเอเลนไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับตัวเขาอีกทั้งเอเลนด้วยแล้ว แต่สำหรับอาร์มินเหตุการณ์ที่ราวกับจะสารภาพรักเขาตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงปัจจุบันกลับไม่มีอะไรแตกต่าง อีกทั้งเจ้าตัวกลับไม่เคยพูดถึงความรู้สึกหรือความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้แม้แต่น้อย
                “เฮ้อ…..หรือตอนนั้นหมอนั่นแค่ล้อเล่นกัน”
                ถึงจะอย่างนั้นเมื่อเรียนจบทุกคนต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน ชาช่าและโคนี่บินไปศึกษาต่อทางด้านอาหารที่แดนไกล ไรเนอร์และเบลทรูธผันตัวเองไปเป็นอาสาสมัครร่วมกับองค์กรเพื่อเดินทางช่วยเหลือผู้คนตามที่ต่างๆ มาร์โก้ คริสต้าร์ และยูมิล ไปเปิดคลีนิคเล็กๆในชนบทห่างไกลเพื่อช่วยเหลือผู้คน แอนนี่ และ มิคาสะ เองก็ทำงานที่โรงพยาบาลของครอบครัวเยเกอร์ จะว่าไปแล้วแอนนี่และมิคาสะดูเหมือนความสัมพันธ์จะคืบหน้าและเป็นรูปร่างมากกว่าตัวเขากับอาร์มินตอนนี้เสียอีก เพราะหลังจากเข้าทำงานไม่นานทั้งสองคนก็ตัดสินใจย้ายออกมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดใกล้กับโรงพยาบาล
                สำหรับอาร์มินและเขาที่โชคดีสามารถสอบเป็นผู้ช่วยอัยการและถูกบรรจุที่เดียวกัน แต่ความสัมพันธ์กลับไม่มีอะไรที่เด่นชัดกว่าคนอื่นเลยสักนิด เรียกได้ว่าแทบไม่เปลี่ยนแปลงตัวเขาเองจึงไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า แท้จริงแล้วพวกเขาอยู่ในฐานะอะไรกันแน่?
               
                หลังจากรวบรวมเอกสารและสรุปความเบื้องต้นเรียบร้อยก็เป็นเวลาเลิกงานแล้ว นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองอีกคนที่อยู่ในชุดสูทเช่นเดียวกับตน นัยน์ตาสีฟ้าใสยังคงขมักเขม้นในการทำเอกสารตรงหน้าโดยไม่รู้เลยว่าล่วงเลยเวลาการทำงานมาได้สักพักใหญ่แล้ว
“นี่อาร์มินพอก่อนไหมฉันหิวแล้ว” ว่าพลางดึงแผ่นเอกสารตรงหน้าเด็กหนุ่มออก
                ใบหน้าหวานชำเลืองมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าเป็นตอนทุ่มกว่าๆ ก่อนจะลุกลี้ลุกรนเก็บเอกสารทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะ
“ขอโทษครับแจนผมไม่รู้ว่าช้าขนาดนี้แล้ว”
“ไม่เป็นไร ฉันเองก็ไม่ทันสังเกตเหมือนกัน” แจนช่วยจัดเรียงเอกสารบนโต๊ะของคนตัวเล็กกว่าเข้าแฟ้ม
“ว่าแต่เราจะไปทานอะไรกันดีครับ?” เวลาขนาดนี้แล้วกว่าพวกเขาจะออกจากสำนักงานก็ไม่รู้ว่ายังจะมีร้านอาหารที่ครัวยังเปิดบริการอยู่ไหม
“กินแถวนี้ละกัน”
                เมื่อเอกสารทุกอย่างถูกจัดเก็บเข้าที่แจนจึงถอดสูทแล้วพับพาดไว้กับแขนตนเองก่อนจะหยิบกระเป๋าทำงานของตนเพื่อเตรียมกลับบ้าน
“อาร์มินมานี่ซิ”
                เมื่อถูกเรียกคนตัวเล็กกว่าจึงเดินเข้าไปหา พลางเงยหน้ามองราวกับจะถามว่าเรียกเขาทำไม? แจนใช้มือขยี้ลงบนแก้มใสของอาร์มินเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวมีคราบหมึกสีดำเลอะลงบนแก้ม
“นายจะจดข้อมูลลงบนหน้าตัวเองด้วยเหรอไง” ว่าพลางหัวเราะในลำคอ
                เมื่อคราบหมึกดำที่เลอะหลุดออก สองมือของชายหนุ่มก็บรรจงถอดแว่นบนใบหน้าหวานของคนตรงหน้าออกเช่นกัน แจนพับขาแว่นทั้งสองเข้าที่ก่อนจะยัดใส่ลงกระเป๋าบนอกเสื้อเชิ้ตซึ่งเป็นที่ประจำที่อาร์มินเก็บแว่นองตนเองหลังจากใช้งาน
“ไปกันฉันหิวจะตายแล้ว”
“ครับ”
                ใบหน้าหล่อเหลาเหลือบมองคนตัวเล็กกว่าที่หอบหิ้วกระเป๋าเดินตามหลังออกมาพลางส่ยศรีษะไปมาเบาๆ
                ก็เพราะแบบนี้ไงล่ะ ไม่ว่าจะเมื่อไรสีหน้าของหมอนี่ไม่เคยเปลี่ยน แต่กลับเป็นเขาเสียอีกที่ต้องกลั้นหายใจกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่หน้าแทบจะชนกัน ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เริ่มสนใจอาร์มินแบบพิเศษ หลังจากที่เรียกได้ว่าอกหักแบบไม่ทันตั้งตัวหรือแบบยังไม่ทันได้ลงแข่งก็กลับถูกน็อคเอาท์ด้วยท่าทางและคำพูดชวนน่าสงสัยของอาร์มิน ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ทั้งที่ผ่านมานานมากแล้วกลับไม่มีความคืบหน้า จนเขาชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตกลงเขาและคนอื่นๆคิดเรื่องความสัมพันธ์นี้ไปเองรึเปล่า
 
“แจนครับนี่ร้านโปรดแจนไม่ใช่เหรอครับ ยังเปิดอยู่ด้วยเราทานร้านนี้กันนะครับ” อาร์มินชี้ร้านเนื้อย่างที่ยังคงครึกครื้นด้วผู้คนจำนวนมาก
                แจนรีบเดินนำเข้าไปหาที่นั่ง ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีเล็กน้อย ก็เพราะแบบนี้ไงเล่า แม้ว่าจะไม่เคยแสดงท่าทีหรืออะไรแต่กลับจำเรื่องราวรอบๆตัวเขาได้อย่างชัดเจนแม่นยำ แม้แต่บางเรื่องเขายังไม่เคยสังเกตมาก่อน แต่อาร์มินกลับรู้และจดจำได้เสมอ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาหวั่นไหวได้ไงกัน!!!
 
“เฮ้แจน!!
                เมื่อหันไปตามเสียงเรียก ชายหนุ่มสองคนที่เขาคุ้นเคยดีกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่ ไม่รอช้าทั้งเขาและอาร์มินจึงเดินเข้าไปหาคนที่นั่งกวักมือเรียกโดยอัตโนมัติ
“เพิ่งเลิกงานงั้นเหรอเอเลน?” ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะยังไม่มีอาหารมาวางรวมทั้งจานและอุปกรณ์อื่นๆยังคงสะอาดอยู่
“ประมาณนั้น พวกนายเองก็เพิ่งเลิกเหรอ ถ้าไงนั่งรวมกันไหม?” ว่าพลางย้ายที่เปลี่ยนไปนั่งข้างชายหนุ่มผมสีดำที่มาด้วยกันอีกคน
                แจนและอาร์มินเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะตามคำเชิญของเพื่อนสนิท นั่งรอไม่นานบริกรก็นำอาหารมาเสริ์ฟ พร้อมทั้งรับรายการอาหารใหม่จากอาร์มิน ซึ่งตัวเขาแทบไม่ต้องเป็นคนเอ่ยสั่งเองเลย เพราะอาร์มินมักจะสั่งให้เขาเสมอและรู้ว่าเขาชอบที่จะทานอะไรโดยไม่ต้องเอ่ยปากบอก
                การกินเนื้อย่างในบรรดาชายหนุ่มกับแอลกอฮอลมักเป็นของคู่กัน และยิ่งอยู่กับคนสนิทด้วยแล้วสองร่างของคู่กัดและเพื่อนสนิทก็ฟุ่บลงไปนอนกับโต๊ะอย่างหมดสภาพ
“เอเล๊นนนนน แก มานนอายยยหมาคออ่อนนนน  เอิ๊ก!!
“แกมานเป็นม้า กลับปายยยยกินหญ้าปายยยย”
                แม้จะเมาจนแทบยืนไม่อยู่แต่ต่อมคู่กัดของทั้งคู่ก็ยังคงทำงานได้เป็นอย่างดี จากปากที่ต่อล้อต่อเถียงกันไปมาเริ่มเป็นมือที่ปัดป่ายไปมา ศรีษะที่งุนงงอย่างไม่อาจทรงตัวทำให้โงนเงนไปมาจนหน้าของคนเมาทั้งคู่เริ่มเข้าใกล้กันมากขึ้น
หมับ!!
                ก่อนที่หน้าจะชนกันมือหนาของคนอายุมากที่สุดในกลุ่มก็คว้าขอเสื้อของเจ้าตัวดีของตนไว้
“นายเมาเกินไปแล้วเจ้าลูกหมานี่!!
“ผมม่ายช่ายยยยย…..หมาน๊า…..” คนเมาโวยวายพลางพองลมในแก้มอย่างนึกงอนเมื่อโดนหาว่าเป็นเจ้าสีขาขนฟู
                ดูเหมือนเจ้าตัวดีจะนึกรั้นและงอนขึ้นมา รีไวจึงจัดการอุ้มร่างโปร่งขึ้นพาดไหล่ เอเลนพยายามขัดขืนแต่ด้วยความเมาสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดจึงเริ่มเลือนลางลง ความง่วงเริ่มเข้าแทนที่
“ถ้างั้นพวกฉันขอตัวก่อน แล้วนายเอาไอเด็กหน้าม้านั่นไปส่งคนเดียวไหวรึเปล่า?” ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าอาร์มินกำลังหิ้วแขนเพื่อช่วยประคองคนเมาอีกคนออกจากร้าน
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมขับรถของแจนไป กลับบ้านกันดีๆนะครับวันนี้ขอบคุณมากครับ” โค้งลาก่อนจะพยายามหิ้วคนตัวใหญ่กว่าขึ้นรถสีน้ำเงินที่จอดรออยู่
                อาร์มินค่อยๆวางแจนลงบนเบาะข้างคนขับก่อนจะจัดการคาดสายเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย ใบหน้าหวานมองคนเมาไม่ได้สติพลางยกยิ้ม ดูว่าถ้าเขาพาแจนไปส่งบ้านของเจ้าตัวคงไม่พ้นต้องโดนแม่ของคุณชายแจนบ่นจนหูชาแน่ๆ คืนนี้เขาคงต้องลากคนเมาตรงหน้ากลับห้องพักของเขาแทนเสียแล้ว
                อาร์มินเลี้ยวรถจอดใต้อาคารของอพาร์ทเมนต์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ทำงานเท่าไร ร่างบางค่อยๆลากคนตัวสูงกว่าออกจากรถเพื่อนขึ้นลิฟต์เข้าห้องพักของตน
                เมื่อมาถึงห้องนอนอาร์มินจัดการโยนคนตัวใหญ่กว่าลงบนเตียง ร่างบางถอนหายใจก่อนจะจัดการปลดเสื้อของร่างสูงออกเพื่อให้สบายตัว ก่อนจะไปรองน้ำในอ่างน้ำใบเล็กเพื่อนำมาเช็ดตัวให้คนไม่ได้สติ
“อือ”
                แจนครางในลำคอเมื่อรู้สึกถึงความเย็นที่กดซับลงบนผิวเนื้อของตน เปลือกตาที่หนักอึ้งเริ่มรู้สึกเบาลง นัยน์ตาสีเปลือกไม้จึงค่อยๆลืมตาเพื่อมองสัมผัสเย็นที่ค่อยๆไล้ลงมา
“รู้สึกตัวแล้วเหรอครับแจน สักครู่นะครับผมจะหาชุดมาเปลี่ยนให้” ว่าพลางเตรียมเก็บผ้าผืนเล็กกับอ่างน้ำไปเก็บ
                ก่อนที่จะได้ลุกขึ้นข้อมือบางถูกคว้าไว้ นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลสบกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่มองมาอย่างนิ่งงัน
“จะเอาอะไรงั้นเหรอครับ?”
                ใบหน้าหล่อเหลายังคงจ้องมองใบหน้าหวานอย่างนิ่งงัน ความรู้สึกที่ราวกับถ้าปล่อยมือของหมอนี่ไปตอนนี้สิ่งที่คลุมเครือจะไม่มีวันกระจ่าง
                อาจเป็นด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอลที่ดื่มทำให้เขารู้สึกสงบนิ่งกว่าทุกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆสูดอากาศหายใจเข้าปอด ก่อนค่อยๆเอ่ยถามความคางคาในใจ
“นี่อาร์มิน นายคิดยังไงกับฉันกันแน่?”
                นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลยังคงนิ่งงัน ก่อนจะเสหลบไปอีกทาง
“เมาแล้วนะครับแจน ไว้เราค่อยคุยกันดีกว่าครับ”
                มือหนากระชับข้อมือของคนตัวเล็กกว่าไม่ยอมปล่อย จนอาร์มินต้องเงยขึ้นมาสบกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้อีกครั้ง
“ฉันมีสติดีอาร์มิน ฉันไม่เข้าใจว่าตอนนี้เราอยู่ในฐานะอะไรกันแน่?”
                แจนค่อยๆสูดหายใจอีกครั้ง ก่อนพ่นถึงสิ่งที่ตนเองคิดและค้างคาใจมาตลอด
“นายน่ะเข้ามาทำเหมือนกับล้อเล่นกับความรู้สึกของฉัน ทั้งที่หลายครั้งจะปล่อยไปก็ได้แต่นายก็กลับอยุ่เคียงข้าง เรื่องของฉันไม่ว่าเมื่อไรนายก็ใส่ใจเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังไม่เข้าใจ หรือที่จริงแล้วนายแค่เห็นใจไอบ้าอย่างฉันกันแน่?”
                นัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้าง ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินความรู้สึกจากคนที่ชอบพูดอะไรปากไม่ตรงกับใจอย่าง แจน กิลชูไตน์ มาก่อน
                ใบหน้าหวานหลุบลงต่ำ ริมฝีปากบางค่อยๆเอื้อนเอ่ยความรู้สึกของตนออกไป
“ผ….ผมเคยคิดนะครับ ว่าถ้าผมย้อมผมสีน้ำตาลแบบเอเลนจะดีไหม ถ้าผมเป็นคนร่าเริงแบบเอเลนก็คงจะดี ถ้าผมเป็นแบบเอเลนหรือเหมือนอย่างเอเลนบ้างสักนิดก็คงจะทำให้แจนหันมาสนใจผมได้บ้าง”
                นัยน์ตาสีน้ำทะเลที่สั่นไหวค่อยๆเงยสบกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้
“แต่ผมไม่สามารถเป็นอย่างเอเลนได้ ผมเลยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีจึงได้แต่พยายามในแบบของผม ผมไม่รู้ว่าจะเป็นการทำให้แจนลำบากใจรึเปล่า  แต่ถึงอย่างนั้น……ผมก็….
                แจนยันตัวขึ้นนั่งก่อนจะคว้าคนตัวเล็กกว่าเข้ามาในอ้อมกอด
“นายเป็นนายแบบนี้ก็ดีแล้ว ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอไง นายไม่จำเป็นต้องเป็นแบบเอเลนเลยสักนิด นายที่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว นายที่ใส่ใจเรื่องของฉันแค่นี้มันก็มากพอแล้วอาร์มิน”
                อาร์มินค่อยๆซบลงบนไหล่แกร่งของชายหนุ่ม
“เป็นผมอย่างนี้ดีแล้วจริงๆงั้นเหรอครับแจน?”
                แจนกระชับแขนของตนให้แน่นขึ้นเพื่อเป็นการตอกย้ำ
“นายอย่างนี้แหละดีที่สุดแล้ว ฉันชอบนายที่เป็นแบบนี้นะอาร์มิน”
                อาร์มินค่อยๆผละออกจากไหล่ของชายหนุ่ม ใบหน้าหวานเงยมองอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“เมื่อกี้ แจนว่าอะไรนะครับ?”
                มือหนาค่อยสัมผัสลงบนที่แก้มใสของร่างบางตรงหน้า
“เรื่องของเอเลนความรู้สึกนั้นมันหายไปนานแล้ว ฉันชอบนายนะอาร์มิน ชอบยิ่งกว่าใคร”
                ใบหน้าหวานค่อยคลี่ยิ้มจนแจนยิ้มบางตาม แต่ก่อนที่จะดีใจ อาร์มินกลับหยิบสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมา
“นายทำอะไรน่ะ?” แจนถามอย่างสงสัยพลางเหลือบมองแอพพลิเคชั่นของคนตรงหน้า
                อาร์มินกดโปรแกรมบันทึกเสียงพร้อมส่งเข้าไปในกลุ่มไลน์ที่ตั้งเป็นกลุ่มลับเฉพาะไว้ ด้วยลางสังหรณ์แปลกๆ แจนค่อยๆเอ่ยถามคนตรงหน้า
“อ….อาร์มิน  นี่มัน?”
                ใบหน้าหวานหันมายิ้มระรื่นให้กับชายหนุ่ม
“ในที่สุดแจนก็เป็นฝ่ายบอกรักผมก่อน แบบนี้คงมีแต่พวกชาช่ากับโคนี่ที่เสียพนันกันครั้งนี้”
“ห๊ะ!!! นี่นาย!!! พนันเรื่องนี้กันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ประมาณช่วงก่อนเรียนจบได้นิดหน่อยน่ะครับ”
                คำตอบที่ได้ฟังทำเอาแจนรู้สึกหัวหนักอึ้งราวกับอาการเมากระแทกกลับมาอีกครั้ง บางทีเขาก็เริ่มสงสัยแล้วว่าพวกเพื่อนๆที่อยู่รอบตัวเขานี่จริงใจกับเขาจริงรึเปล่า หรือเห็นเขาเป็นแค่เรื่องสนุกในกลุ่มกันแน่?
“เอาน่าครับแจน ทีนี้ผมก็มั่นใจได้เสียทีว่าแจนเองก็ชอบผมแล้วในที่สุด”
                ใบหน้าหวานยังคงยิ้มร่าให้กับชายหนุ่ม ก้วยความหมั่นเขี้ยวแจนจึงหยิกแก้มใสตรงหน้า
“ถ้าฉันไม่บอกชอบนายสักทีนายจะทำยังไง?”
                รอยยิ้มที่ใสซื่อเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์พร้อมสายตาที่เปลี่ยนแปลงไปจนชายหนุ่มรู้สึกสันหลังเย็นวาบ
“เดือนหน้าผมก็จะขอสอบอัยการ และคาดว่าคงผ่านได้ไม่ยาก จากนั้นผมก็จะพยายามหาทางขอแจนมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวผมยังไงล่ะครับ”
                แผนการที่ได้ฟังทำให้แจนเริ่มหน้ามืดขึ้นอีกรอบ อาร์มินที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะไม่น่าแปลกใจเลยถ้าจะสามารถขอสอบอัยการได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และอัตตราการสอบผ่านต้องเรียกได้ว่าราวกับเขียนใบสมัครรอเข้าเลยก็ว่าได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเจอกับนักวางแผนตัวฉกาจเข้าเสียแล้ว…….
แต่ช่างเถอะในเมื่อดูเหมือนจอมวางแผนนี่จะวางแผนเพื่อหาทางที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา การเดินตามแผนที่หมอนี่วางไว้ก็ไม่เลวร้ายสักเท่าไรหรอกนะ
แจนดึงตัวคนจอมวางแผนเข้าหาตัวก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสลงบนปากนุ่ม กลีบปากบางค่อยๆเผยอออกจากกันเพื่อให้ความหวานที่รอมานานสอดแทรกเข้ามา จูบแรกที่รอมานานช่างหอมหวานในลำคอและรู้สึกดีจนไม่อยากที่จะผละออก ทั้งสองแลกเปลี่ยนความหวานให้แก่กันผ่านเรียวลิ้นที่เริ่มเกี่ยวกระหวัดอย่างเร่าร้อน เป็นแจนที่ค่อยๆละออกจากกลีบปากนุ่มอย่างอ้อยอิ่ง เสียงหอบหายใจด้วยแรงอารมณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นดูเหมือนว่าอาร์มินเองก็จะไม่ต่างไปจากเขา
ริมฝีปากค่อยๆเขยิบแนบชิดเข้าใบหู ลมร้อนค่อยๆพ่นเข้าหูของคนตัวเล็กกว่าจนอาร์มินรู้สึกขนลุกชัน
“เพราะการพนันบ้าๆของพวกนายทำให้ฉันต้องรอมานานเตรียมใจไว้เลย”
                อาร์มินหัวเราะในลำคอก่อนที่สองแขนจะโอบกอดรอบข้างชายหนุ่มเบื้องหน้า
“ผมไม่เคนบอกให้รอสักหน่อยนี่ครับแจน”
                คำพูดที่ราวเชิญชวนยิ่งจุดประกายความรุ่มร้อนให้ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเขาจะคลี่คลายเสียที และกำลังขยับไปอย่างรวดเร็วเสียด้วย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
                ทันที่ที่ขับรถกลับมาถึงบ้านของตนรีไวจัดการอุ้มเจ้าตัวดีเข้าห้องอาบน้ำทันที น้ำอุ่นถูกรินใส่จนเต็มอ่างก่อนร่างเปลือยเปล่าของเอเลนจะค่อยๆถูกวางลงในอ่างน้ำอุ่น
“อืม….สบายจัง” เสียงใสเอ่ยอย่างผ่อนคลายยามเมื่อฟองสบู่ถูกฟอกลงบนลำตัวเนียนของตน
                นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆปรือขึ้นก่อนสองแขนเพรียวจะตวัดรัดรอบลำตัวแกร่งที่กำลังฟอกสบู่ให้ตน
“อยู่นิ่งๆสิเอเลน” รีไวค่อยๆแกะมือของร่างโปร่งออกแต่ดูเหมือนเจ้าตัวดีจะดื้อไม่ยอมคลายแขนออกไปง่ายๆ
“อาบน้ำด้วยกันนะครับ” นัยน์ตาสีมรกตช้อนมองคนอายุมากกว่าอย่างนึกอ้อน
                มือหนาขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากมน
“พรุ่งนี้นายเข้างานบ่ายสินะ” ใบหน้าคมยกยิ้มกับท่าทางออดอ้อนของร่างโปร่ง
                ใบหน้าหวานเลิ่กคิ้วขึ้นอย่างยียวนคนตรงหน้า
“คนต้องไปทำงานเช้าอย่างคุณจะไหวเหรอครับ?”
                รีไวค่อยๆแกะกระดุมเปลื้องเสื้อผ้าของตนเองออกจนเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อสมชายชาตรี แขนแกร่งวางทาบลงบนขอบอ่างน้ำคร่อมเจ้าตัวดีก่อนค่อยๆก้มหน้าลงไปกระซิบอย่างแผ่วเบา แต่ทำคนฟังถึงกับหน้าแดงทำตัวไม่ถูก
“ระวังตัวนายเองเถอะที่อาจต้องลาหยุดงานนะ  เจ้าหนู….
 
                พระจันทร์ฉายเด่นตรงกลางท้องฟ้าบ่งบอกถึงเวลาที่ดึกมากแล้วก่อนแต่ถึงกระนั้นค่ำคืนนี้สำหรับใครหลายๆคนอาจจะยังไม่จบลงโดยง่าย….


Fin.
...............................................................................................................................................................
Talk : เย่กว่าฟิลคู่แจนมินของอิชุ้นจะมาทำเอาดองนานเลยค่ะ (มัวแต่นึกออกและเวิ่นเว้อไปกับคู่หลัก)
ทีนี้ก็จะเหลือแต่ตอนพิเศษของคู่หลักอีก 2-3ตอนแล้วค่ะเย่ >w<  ตอนแรกสองตอนนี้เหมือนจะเป็นสาม =w="""""
จะมีตอนพิเศษของรีเอลงในเด็กดี อีกหนึ่งตอนค่ะ  ส่วนสองตอนที่เหลือ + เนื้อหาที่หายไปจะไปอยู่ในรวมเล่มนะคะ
จะพยายามปั่นให้เสร็จภายในเร็ววัน แต่เนื้อเรื่องของคู่หลักไม่นานก็น่าจะเสร็จค่ะเพราะเวิ่นบ่อย +พล็อตวางไว้แล้ว(มีแต่ความโม่ยมากมาย //ปิดหน้าเขิน)
ขอฝากบล็อกและเพจเช่นเคยค่ะ ที่หายจากเด็กดีไปบางทีไปอัพลงแต่ในบล็อกน่ะค่ะ ถ้ายังไงฝากติดตามและเข้ามาพูดคุยกันได้เรื่อยๆนะคะ  รักนักอ่านทุกท่านเช่นเคยค่ะ >3<
เพจ 
https://www.facebook.com/beru89club?ref=bookmarks

5 ความคิดเห็น:

  1. ฟินเจ้าค่าา อาร์มิน ร้ายนะเราหน่ะ
    คู่รีไวล์เอเลนนี่ก็ออกมาให้ฟิน และจากไป =..=
    รอตอนต่อไป~

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อาร์มินค่อยๆรอตะครุบเหยื่ออย่างใจเย็นค่ะ หรือต้องบอกว่ารอเหยื่อมาลงหลุมที่ขุดไว้ ฮาๆๆๆๆๆ >w<
      สำหรับตอนพิเศษต่อไปอาจไม่ได้ลงใบเวบค่ะอาจลงใยรวมเล่มอย่างเดียวตอนนี้ในหัวมี3ตอนกำลังดูว่าจะตัดดีไหมมันชักเยอะมาก=A=a

      ลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ20 กันยายน 2557 เวลา 02:58

    อาร์มิน ถ้าจะเจ้าเล่ห์ได้ขนาดนี้จับพ่อม้ากดเลยเถอะลูก โฮก ฟินกับคู่แจนมินแล้วยังมีคู่รีเอให้ฟินควบคู่ไปด้วยแบบนี้ ฟินสุดๆเลยค่ะไรท์

    ปล.รอฟินต่อในรวมเล่มอยู่นะค้าไรท์ >w<

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จริงๆแอบเชียร์มินแจนค่ะ หุหุ เพราะงั้นฉากกดกันของสองคนนี้ต้องรบกวนท่านๆจิ้นตามอัธยาศัยนะเครอะ >//////////<

      ลบ
  3. ตายอาร์มินหนูเจ้าเลห์มาก

    ตอบลบ