วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory Chapter 24 (Final)

Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory
Chapter 24 (Final)


            ละอองน้ำพราวลงบนกลีบดอกไม้บางสีฟ้า สายน้ำจากบัวรดน้ำค่อยๆเทหลั่งรินกระถางดอกไม้แต่ละกระถางอย่างทะนุถนอม มือหยาบแตะลงที่กลีบดอกไม้สีฟ้า หยดน้ำที่เกาะอยู่บนกลีบบางค่อยๆไหลร่วงรินลงบนพื้นกระเบื้องสีขาวสะอาด ใบหน้าคมยกยิ้มขึ้นอย่างนึกขันเมื่อนึกถึงความหมายของดอกฟอร์เก็ทมีน็อทที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำที่ผ่านมา
            ดอกไม้แห่งความทรงจำถึงบุคคลที่แสนสำคัญ จารึกและตราตรึงให้คะนึงหา จนในที่สุดก็ได้รับรู้ถึงความทรงจำที่แฝงผ่านเจ้าดอกไม้เล็กๆสีฟ้า ความรู้สึกลึกล้ำที่แม้แต่กาลเวลาก็มิอาจทำให้จางหาย
            rrrRRRRRR
            เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวดังขึ้น รีไวจึงต้องละออกจากกิจกรรมที่ทำอยู่ นัยน์ตาสีหมอกเห็นบุคคลที่โทรมาพลางขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะกดรับปลายสายอย่างจำใจ
            มีอะไรกุนเธอร์? กล่าวอย่างนึกรำคาญ เมื่อลูกน้องภายใต้การดูแลโทรมา
            ขอโทษที่โทรมารบกวนวันหยุดอันแสนจะมีค่าของหัวหน้าครับ แต่ตอนนี้เราต้องการความช่วยเหลือจากหัวหน้าจริงๆ ปลายสายเอ่ยอย่างร้อนรนพลางขอโทษเป็นพัลวันกับการโทรมารบกวนในวันหยุดอันแสนหาได้ยากยิ่งของชายหนุ่มสุดแกร่ง
            มีเรื่องด่วนอะไร? มือหนายกขึ้นเกาผมสีดำของตนเองพลางหยิบโค๊ทประจำกายออกมาอย่างรู้หน้าที่ว่าต้องไปจัดการงานนอกเวลาอย่างแน่นอน
            มีเหตุก่อการร้ายในเขต 6 ครับ เรายังไม่รู้จุดประสงค์ของกลุ่มคนร้ายแต่มีการจับชาวบ้านในละแวกเป็นตัวประกัน เสียงไซเรนและเสียงร้องตะโกนโหวกเหวกที่แทรกขึ้นมาในสายทำให้รีไวรู้ดีว่าตอนนี้สถานการณ์กำลังวุ่นวายอยู่มากทีเดียว
            จะไปก่อเหตุกันพรุ่งนี้ไม่ได้รึไงเจ้าพวกนั้น ถึงจะบ่นอย่างไม่สบอารมณ์แต่ปืนกระบอกคู่ใจก็ถูกหยิบมาเหน็บในสายสะพายพร้อมกับการใส่ถุงมือหนังเพื่อเตรียมออกไปทำภารกิจ
            เอ๊ะวันนี้มันมีอะไรงั้นเหรอครับหัวหน้า? ถามอย่างสงสัย แต่กลับได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจตอบกลับมาของหัวหน้าของตน
            ฉันจะไปถึงภายใน 10 นาที และทุกอย่างต้องเรียบร้อยภายใน 1 ชั่วโมง สั่งการทุกคนตามนี้ ชายหนุ่มกดวางสายโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยคำใด
            นัยน์ตาสีหมอกเหล่มองเวลาจากนาฬิกาที่แขวนไว้ที่ผนังห้องบอกเวลา 9.45 นาฬิกา หวังว่าจะกลับมาทันหมอนั่นนะ  รีไวกระชับเสื้อโค๊ะที่สวมอยู่ของตนก่อนจะคว้ากุญแจรถยนต์คู่ใจออกไป
            .
            .
            .
            .
            .
            .
            .
            .
            เสียงแสดงความยินดี เสียงเชียร์และเสียงบูมดังกระหึ่มไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยชีนา วันแห่งความยินดีและน่าจดจำของเหล่าบัณฑิตในชุดพิธีที่สวมครุยสีดำคลุมทับ เอเลน มิคาสะ แอนนี่ คริสต้า ยูมิล และมาร์ดก ต่างหอบช่อดอกไม้และของขวัญแสดงความยินดีมากมาย รวมทั้งการถ่ายรูปที่มีมาตลอดไม่หยุดหย่อนตั้งแต่ช่วงเช้า จนบางทีตอนนี้เขาก็เริ่มเข้าใจนิดหน่อยแล้วว่าการยิ้มจนเหงือกแห้งเป็นยังไง...
            แจน อาร์มิน โคนี่ ชาช่า เบลทรูธ และไรเนอร์ ที่เรียนจบไปก่อนหน้าเหล่าเพื่อนสนิทในกลุ่ม 104 ต่างก็มาร่วมแสดงความยินดีในพิธีจบการศึกษาของเพื่อนสนิทของตน
            “อย่างมิคาสะไม่ค่อยน่าแปลกใจ แต่ไม่คิดว่าอย่างเอเลนจะสามารถจบพร้อมกับพวกมาร์โก้ที่เรียนอยู่ก่อนได้” คำพูดของไรเนอร์ทำให้เอเลนหันไปมองอย่างนึกงอน
            “ฉันก็มีความพยายามในแบบฉบับของฉันล่ะเว๊ย” กว่าเขาจะพยายามผลักดันแล้วถีบตัวเองมาได้ขนาดนี้ ต้องเรียกว่าผ่านสมรภูมิรบที่ราวกับนรกมาเลยก็ไม่ปาน คิดแล้วก็อดนับถือตัวเองหน่อยๆไม่ได้แฮะ
            “แต่ถ้าจะให้พูดตามจริงผมว่าถ้าไม่ได้คุณฮันซี่ช่วยทั้งเอเลนและมิคาสะต่อให้เก่งขนาดไหนก็ยากที่จะจบพร้อมกับพวกแอนนี่ได้อยู่ดีนะครับ” อาร์มินเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทัน
            เอเลนยกมือขึ้นปิดปากคนฉลาดรู้ทันประจำกลุ่ม อาร์มินจึงได้แต่หัวเราะแห้งๆอย่างสำนึกผิด เช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มที่ได้แต่มองแล้วยิ้มเฝื่อนไม่ต่างกัน เพราะต่างรู้ดีว่าการที่อาจารย์ระดับอย่างอาจารย์ฮันซี่ใช้เส้นสายในการช่วยเหลือเด็กนักศึกษาของตนเป็นความผิดขนาดไหน แม้จะไม่รู้ว่าเบื้องหลังคุณฮันซี่ใช้วิธีไหนถึงทำให้ทั้งเขาและมิคาสะเก็บและผ่านหน่วยกิตต่างๆจนสามารถเรียนและจบไล่ทันเพื่อนๆที่เรียนก่อนหน้าถึง 2ปี ได้ก็ตาม ต้องเรียกว่าทั้งเขาและมิคาสะต่างมีแบ๊คอัพที่เหลือเชื่อเลยก็ว่าได้
            “ว่าแต่พวกนายเองหลังจากสอบผู้ฝึกหัดงานตอนนี้ก็เป็นทนายความแล้วนี่ แจนกับอาร์มินก็ทำงานที่สำนักงานกฎหมายเดียวกันด้วยสินะ” เอเลนยกยิ้มขึ้นมองทั้งสองที่ถูกเอ่ยถึงอย่างเจ้าเล่ห์
            “เรื่องของพวกฉันนายไม่ต้องยุ่งเลย ว่าแต่นายเหอะวันนี้หม.. เอ๊ย คุณรีไวไม่มาหรือไง?” ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ก็ยังคงไม่ชินกับการใช้คำพูดสุภาพเรียกคนอายุมากกว่าที่ถูกเอ่ยถึงอยู่ดี
            “คุณรีไวเขาไม่ชอบที่คนเยอะๆเอิกเกริก หลังจากนี้เขาบอกว่าจะฉลองกันสองคน” เอเลนยิ้มตอบด้วยใบหน้าระรื่นจนทำให้คนถามชักรู้สึกหมั่นไส้ แจนเลยบีบเข้าที่จมูกเชิดของใบหน้ามนอย่างหมั่นเขี้ยว
            “โอ๊ย! ทำไรของแกไอหน้าม้า!” เอเลนยื่นมือไปยืดแก้มของคนสูงกว่าอย่างไม่ยอมแพ้
            การทะเลาะกันของทั้งคู่ทำให้เพื่อนๆต่างหัวเราะขำขันกับความสัมพันธ์และท่าทางที่ไม่เคยเปลี่ยนไป และคงจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆอย่างแน่นอน
           
            “ขอโทษที่มาช้าไปหน่อย กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ” ร่างสองร่างที่คุ้นเคยวิ่งมาพร้อมยื่นช่อดอกไม้ช่อใหญ่แสดงความยินดีกับร่างโปร่ง
            เอเลนรับช่อดอกไม้พลางวิ่งเข้าไปสวมกอด
            “นึกว่าพ่อกับแม่จะไม่มาซะแล้ว” ใบหน้ามนลงไปซุกกับไหล่บางของมารดาพลางทำท่าทางออดอ้อน จนผู้เป็นพ่อและแม่ต่างหัวเราะขำขันกับท่าทางขี้อ้อนของบุตรชายของตน
            “ตอนแรกก็เกือบจะพลาดเหมือนกัน แต่ทุกอย่างก็เสร็จเร็วกว่าที่คิดน่ะเจ้าลูกชาย” มือแกร่งอบอุ่นขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลของบุตรชายของตน
            “ในที่สุดก็พยายามจนสำเร็จได้นะเรา แบบนี้พ่อของเราคงหายห่วงแล้วยอมรับคุณรีไวแล้วล่ะมั่ง” คราร่าพูดพลางกระแทกศอกเบาๆไปที่สามีของตน
            ใบหน้าสูงวัยแอบตีเคร่งขรึมเล็กน้อยจ้องมองไปยังนัยน์ตาสีมรกตของบุตรชาย มือหนาจับที่ไหล่บาง
            “ยังมีโอกาสให้เปลี่ยนใจนะเอเลน” คริชาตีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังจนเอเลนแอบรู้สึกขำขันกับท่าทางของบิดา
            “ไม่อยู่แล้ว” คิ้วมนยกขึ้นอย่างยียวนผู้เป็นบิดา
            ที่เขาเฝ้ารอและพยายามมาทั้งหมดก็เพื่อบุคคลเพียงคนเดียวมาตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจได้หรอกนะ
            คำยืนยันของลูกชายทำให้คริชาได้แต่ถอนหายใจ “ถ้าลูก เอ....เขาเรียกว่าอะไรนะ?” ใบหน้าสูงวัยขมวดคิ้วนึกคำที่อยู่ในหัว ก่อนจะดีดนิ้วอย่างนึกขึ้นได้
            “อ๋อ ใช่แล้ว ถ้าลูกเป็นฝ่ายรุกพ่อคงไม่รู้สึกเครียดจนโรคกระเพาะถามหาขนาดนี้” มือหนาวางลงบนบ่าของลูกชายพลางส่ายหน้าไปมาแล้วถอนหายใจ “แต่ดูยังไงก็คงไม่มีวันนั้น เราออกจะได้แม่มาเยอะขนาดนี้น่ะนะเอเลน”
            เพราะหน้าตาที่เหมือนมารดาเลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้หวงลูกชายของตนเอง ที่เสนอเงื่อนไขออกไปเมื่อ 4 ปีก่อน ก็เพราะหวังว่าลูกชายของตนไม่ก็อีกฝั่งจะยอมเลิกราไปเอง แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้เขาคงต้องยอมรับที่ลูกชายจะตกไปเป็นของผู้ชายคนอื่นอย่างช่วยไม่ได้แล้วสินะ
            คำสารภาพจากผู้เป็นบิดาทำให้เอเลนได้แต่หน้าขึ้นสี ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพ่อของตนจะคิดอะไรลึกซึ้งหรือจะเรียกว่าบ้าบอคอแตกได้ขนาดนี้มาก่อน ริมฝีปากสีระเรื่อได้แต่สั่นระริกก่อนจะตะโกนออกมาอย่างไม่เป็นภาษา แล้วก็ได้แต่เอามือปิดหน้าของตนเองซ่อนความอับอายเมื่อทุกคนต่างหัวเราะขำขันเห็นดีเห็นงามกับคำพูดของคริชา
            “แล้วตกลงนายกับคุณรีไวจะไปต่อกันที่ไหนงั้นเหรอ?” มิคาสะเข้ามาเอ่ยถามเมื่อมองเวลาที่เริ่มเย็นจากนาฬิกาบนข้อมือของตน
            “ยังไม่เห็นคุณรีไวติดต่อมาเลย เดี๋ยวฉันลองโทรไปถามดูละกัน” เอเลนกำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อต่อไปหาปลายสาย แต่ซองจดหมายสีขาวถูกยื่นมาด้านหน้าเสียก่อน ใบหน้ามนเอียงคอมองอย่างสงสัยจดหมายในมือจากผู้เป็นบิดา
            “เมื่อเช้าคุณรีไวเอามาฝากไว้ให้พ่อที่โรงพยาบาล พร้อมกับบอกว่าเงื่อนไขตลอดระยะเวลา 4 ปีเขาได้ทำมันแล้วถ้าพ่อยินดีและยอมรับก็ให้นำสิ่งนี้ให้กับลูก” คริชายิ้มบางให้กับลูกชาย
            เอเลนรับซองจดหมายในมือแกะซองเปิดออก กระดาษจดหมายสีขาวเขียนข้อความไว้เพียงแค่ [ที่คอนโด]
            “นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?” มิคาสะเอ่ยถามกับข้อความปริศนาบนกระดาษ
            “ไม่รู้สิคงต้องไปที่คอนโดคุณรีไวดูล่ะมั่ง” เอเลนเก็บกระดาษข้อความเข้าซองตามเดิม มือเรียวหอบของขวัญและช่อดอกไม้ที่ได้รับมาทั้งหมดให้กับผู้เป็นบิดา ก่อนจะถอดชุดครุยพิธีการฝากให้กับมิคาสะที่อยู่ข้างๆกัน แล้วเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ใส่ไว้ด้านในของตน
            ใบหน้ามนมองแหวนทองคำขาวที่ประดับมรกตในนิ้วนางข้างซ้ายของตนพลางยิ้มบาง
            “ผมไปหาคุณรีไวนะครับ คืนนี้ขอกลับดึกหน่อยนะครับคุณพ่อ” ร่างโปร่งวิ่งออกตัวไปทันทีโดยไม่ฟังคำตอบ ใบหน้ามนหันมาฉีกยิ้มกว้างให้กับเหล่าบุคคลสำคัญต่างๆของตน
            คำขอของเอเลนทำให้คริชาได้แต่มองแผ่นหลังลูกชายตาละห้อย คราร่าลูบศรีษะผู้เป็นสามีอย่างให้กำลังใจ
            เหล่าเพื่อนๆต่างมองร่างโปร่งที่วิ่งหายไปจนลับตา แม้จะไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมา แต่ทุกคนก็รู้สึกยินดีกับเอเลนไม่ต่างกัน

            คีย์การ์ดและกุญแจห้องถูกไขเปิดออกอย่างคุ้นชิน ตลอดระยะเวลา 4 ปี ตัวเขาเข้า ออก ที่ห้องคอนโดแห่งนี้ราวกับเป็นบ้านหลังที่สองก็ไม่ปาน
            “คุณรีไวครับ?” เอ่ยเสียงทักอย่างเคยชิน แต่เสียงที่คุ้นเคยไม่ได้ตอบกลับมาจึงทำให้รู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มเจ้าของห้องออกไปข้างนอก
            นัยน์ตาสีมรกตสะดุดกับซองจดหมายสีขาวที่ถูกแปะติดไว้ที่ผนังด้วยเทปใส บนหน้าซองจ่าชื่อถึงเจ้าตัวอยู่ เอเลนจึงดึงจดหมายมาเพื่อเปิดดู ภาพถ่ายที่เรียกได้ว่าเป็นรูปคู่ใบแรกถูกบรรจุอยู่ข้างใน ใบหน้าคมเฉยชาที่ไม่สบอารมณ์กับการถูกถ่ายรูปกับตัวเขาที่หน้ายิ้มระรื่นให้กับกล้อง รูปใบแรกที่เขาบังคับชายหนุ่มถ่ายในรถเฟอร์รารี่สีดำของเจ้าตัว เอเลนยิ้มบางกับความรู้สึกและความทรงจำที่ถ่ายทอดภาพรูปถ่าย เมื่อพลิกรูปถ่ายดูจึงเห็นว่ามีข้อความเขียนไว้เช่นกัน [ในห้องครัว]
            คนคนนั้นตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ? เอเลนหลุดขำกับการกระทำของคนที่ไม่อยู่ เอาล่ะ อยากรู้จังว่าคุณรีไวจะทำอะไรกันแน่?
            .
            .
            .
            .
            .
            .
            นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมมือซ้ายของตนอย่างหงุดหงิด คิ้มคมเริ่มขมวดจนเป็นปม ร่างเล้กแต่แข็งแกร่งเริ่มปล่อยรังสีทะมึนอย่างไม่สบอารมณ์กับเหตุการณ์ตรงหน้า
            “ฉันบอกว่าต้องเรียบร้อยใน 1 ชั่วโมงใช่ไหม?” รีไวคำรามเสียงต่ำอย่างไม่พอใจ เพราะเวลาที่คาดคะเนไว้ตอนนี้มันเลยมามากแล้ว
            “อ.....เออ คือ.... เรายังไม่รู้จุดประสงค์ของคนร้ายเลยครับ บางทีคนร้ายอาจเป็นพวกเมายาแล้วก่อเหตุ” เอริ์ดพยายามทำใจดีสู้เสืออธิบายเหตุการณ์
            นัยน์ตาคมดุที่จ้องตวัดมาทำให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาสะดุ้งจนต้องเบนหลบสายตาหนี เจ้าหน้าที่ที่พยายามพูดเกลี้ยกล่อมเหล่าคนก่อเหตุนานหลายชั่วโมงพยายามกลืนน้ำลายก่อนจะยกโทรโข่งเพื่อเกลี้ยกล่อมคนร้ายอีกครั้ง
            “อ...เออ พวกนายที่อยู่ในนั้นถ้าปล่อยตัวประกันตอนนี้จะเป็นการดีกับพวกนายมากกว่านะ” รวมถึงจะดีต่อพวกฉันด้วย เหล่าผู้ใต้บังคับและเจ้าหน้าที่ต่างลุ้นระทึกหวังให้เหล่าผู้ก่อการร้ายตอบกลับอะไรมาบ้าง แต่ทุกอย่างยังคงเงียบสงบจนเจ้าหน้าที่ต่างรู้สึกเย็นสันหลังวาบตามๆกันจากแรงกดดันที่ส่งมาจากชายร่างเล็กที่คอยดูสถาณการณ์อยู่เบื้องหลัง
            “เฮ้ยฉันไม่รอให้ไอโจรพวกนั้นแก่ตายไปกันเองหรอกนะ!” รีไวกระชับปืนใส่กระสุนของตนเองแน่นก่อนจะวิ่งกระโดดข้ามรถสายตรวจไปยังหลังร้านที่เป็นที่กบดานของเหล่าอาชญากร
            “หัวหน้ายังไม่มีคำสั่งนะครับ!” เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของรีไวต่างมองหัวหน้าของตนที่บุกไปด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก แต่กระนั้นด้วยความที่เป็นที่เชื่อใจและไว้วางใจ เอริ์ด กุนเธอร์ และออลโอ้ ได้แต่รีบตามเข้าไปสมทบหลังแกร่งที่วิ่งหายเข้าไปติดๆด้วยความรวดเร็ว เหลือเพียงเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นที่ต่างมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้จะต้องทำอย่างไร
            ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที เสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังขึ้นพร้อมทั้งเสียงกระสุนปืนดัง 2 นัดต่อกันก่อนทุกอย่างจะเงียบลง ทันทีที่เจ้าหน้าที่ข้างนอกกำลังประเมินสถานการณ์ประตูร้านค้าที่ปิดมานานหลายชั่วโมงก็เปิดออกพร้อมก้อนกลุ่มคน5คนที่ถูกใส่กุญแจมือรวมกลุ่มไว้ถูกถีบกลิ้งออกมาจากประตูทางเข้าร้าน
            ร่างเล็กแต่แข็งแกร่งก้าวเดินออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ นัยน์ตาคมตวัดหันไปทางเจ้าหน้าที่รายหนึ่งที่ถึงกับหน้าถอดสีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
            “เฮ้ย แกน่ะจัดการที่เหลือต่อซะ แล้วไว้ฉันจะส่งรายงานไปทีหลัง” พอพูดจบร่างเล็กแต่แข็งแกร่งรีบก้าวเท้าเตรียมหันหลังกลับทันที แต่เสียงที่คุ้นเคยทำให้เขาหยุดชะงัก
            “อ้าวเรียบร้อยแล้วเหรอฉันอุตส่าห์รีบบึ่งมาจากมหาลัย” ฮันซี่พร้อมรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจมาถึงที่เกิดเหตุ หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างเสียดายที่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่เธออุตส่าห์ถ่อมาถึงที่ดูเหมือนจะจบลงไปแล้ว

            สมองประมวลผลอย่างรวดเร็วรีไวกระชากคอเสื้อลงจากมอเตอร์ไซค์ก่อนจะคว้าหมวกกันน็อคของฮันซี่ขึ้นสวม พลางโยนกุญแจรถเฟอร์รารี่ของตนเองให้เจ้าหล่อนที่ยังคงมีสีหน้ามึนงง
            “แลกกัน รถฉันจอดอยู่บล็อกถัดไป” ยังไม่ทันที่ฮันซี่จะได้เอ่ยถามฮาร์เลย์เดวิดสันสีขาวก็พุ่งทะยานออกตัวไปอย่างรวดเร็ว ฮันซี่มองรถมอเตอร์ไซค์ของตนเองที่จากไปก่อนก้มมองกุญแจรถของชายหนุ่มในมือ นัยน์ตาสีเปลือกไม้หันไปมองเหล่าลูกน้องคนสนิทของรีไวเพื่อถาม แต่ทั้งหมดได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้ว่าวันนี้ไปกดสวิทซ์หรือไปทำอะไรให้ชายหนุ่มสุดแกร่งไม่สบอารมณ์กันแน่.....
            .
            .
            .
            .
            .
            .
            .
            .
            ซองจดหมายสีขาวถูกติดไว้ที่ตู้เย็น เมื่อเปิดออกก็พบกับรูปถ่ายของปีที่ 2 ในร้านของพี่เพทร่า เป็นรูปที่พี่เพทร่าแอบถ่ายตัวเขากับคุณรีไวที่กำลังนั่งทานขนมในร้าน มือของชายหนุ่มที่ยกขึ้นมาปาดครีมที่เลอะอยู่มุมปากให้พลางยกยิ้มบางและมีเหล่าเพื่อนๆของเขาที่ทำงานในร้านเป็นแบล็กกราวน์ด้านหลัง เมื่อพลิกรูปดูก็ยังคงมีข้อความให้ตามหา [ระเบียง]
            เมื่อเดินออกไปยังระเบียงก็พบกับซองจดหมายสีขาวถูกแปะไว้ที่กระถางด้านหน้าสุดของดอกฟอร์เกทมีน็อทที่ถูกปลูกอยู่เต็มระเบียง
            ภาพชายหนุ่มที่ขมวดคิ้วแล้วตัวเขาที่ที่ดึงแก้มคนหน้าขรึมให้ยกสูงเพื่อยิ้มโดยมีเหล่าคนในทีมหน่วยปราบปรามของชายหนุ่มเป็นแบล็กกราวน์อยู่เบื้องหลัง ภาพของปีที่ 3 ...... และเมื่อพลิกดูก็เจอข้อความเขียนไว้เช่นเดิม [ห้องนอน]
            เมื่อเปิดประตูห้องนอนของชายหนุ่มจดหมายสองซองสีขาวเขียนลำดับเลข 1 และ 2 วางอยู่บนเตียง อกข้างซ้ายเต้นระรัวและอบอุ่น เมื่อเปิดซองจดหมายฉบับที่หนึ่ง ในนั้นเป็นรูปของปีที่ 4 รูปที่ถ่ายโดยมารดาของเขา รูปตัวเขาที่นอนทับอยู่บนตัวชายหนุ่มหลับไปบนโซฟาในห้องรับแขกของที่บ้านเช่นเดียวกับคุณรีไวที่เผลอนอนหลับโดยประคองกอดเขาไว้ในอ้อมกอด เมื่อพลิกรูปถ่ายกกลับไม่พบข้อความ มือบางจึงเปิดซองจดหมายอีกฉบับที่เขียนไว้ว่าเป็นฉบับที่สอง เมื่อเปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างในจึงพบว่าเป็นกระดาษสีขาว เมื่อพลิกดูรายละเอียดนัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้างด้วยความแปลกใจ
           
            พลั๊วะ!!
            เสียงประตูห้องนอนถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งชายหนุ่มเจ้าของห้องที่หอบจนตัวโยนด้วยความเหนื่อยจากการเร่งรีบ พร้อมกระถางดอกไม้สีขาวที่บรรจุดอกฟอร์เกทมีน็อทและดอกเอลเดอร์ในมือ
            เอเลนหันไปมองชายหนุ่มที่เข้ามานัยน์ตาสีมรกตมองหน้าชายหนุ่มสลับกับเอกสารที่อยู่ในมืออย่างสงสัย
“คุณรีไวนี่คือ?” ริมฝีปากสีระเรื่อค่อยๆเอ่ยถาม พลางยกเอกสารซึ่งเป็นโฉนดที่ดินและบ้านที่อยู่ถัดไปไม่มากนักจากบ้านของพ่อแม่เขา อีกทั้งในโฉนดระบุชื่อเจ้าของเป็นชื่อของ เอเลน เยเกอร์
รีไวสูดหายใจลึกเพื่อบรรเทาความเหนื่อยหอบของตน นัยน์ตาสีขี้เถ้าสบจ้องกับนัยน์ตาสีมรกตอย่างแน่วแน่
“ถ้านายอยากเลี้ยงหมาถึงฉันจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ยกเว้นเอเลนที่เพทร่าเคยให้แต่ถ้านายต้องการฉันก็ยินดี” รีไวค่อยๆสาวเท้าเข้ามาหาร่างโปร่งบางตรงหน้า
“นายเป็นลูกคนเดียวและนายก็รักครอบครัวของนายมาก การที่ได้ไปอยู่ใกล้พวกเขาคงทำให้นายมีความสุขมากกว่า”
“ถึงนายจะทำงานบ้านได้ไม่เรียบร้อยเท่าฉันทำเอง แต่เรื่องอาหารนายพัฒนามาดีมากจนฉันไม่อยากไปทานที่ไหน” มือแกร่งจับมือบางขึ้นประคองกระถางสีขาวที่มีดอกเอลเดอร์และดอกฟอร์เกทมีน็อทไว้ด้วยกัน
“ที่จริงมันควรเป็นดอกกุหลาบ แต่ฉันว่าแบบนี้น่าจะดีกว่า” ริมฝีปากคมยิ้มบาง
เสียงจังหวะหัวใจของทั้งสองเต้นระรัวจนแยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของหัวใจใครกันแน่ แต่เสียงนั้นกลับเป็นจังหวะเต้นที่พร้อมเพรียงกัน มือบางสั่นเล็กน้อยเช่นเดียวกับมือแกร่งของอีกคนที่ประคองไว้ ต่างคนต่างรู้ว่าตอนนี้ทั้งสองกำลังตื่นเต้นไม่แพ้กัน
รีไวสูดหายใจลึกอีกครั้งเพื่อรวบรวมความกล้า แม้เขาจะเผชิญกับเรื่องอันตรายมามากมายแต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาจะต้องตั้งสติมากถึงเพียงนี้ มือแกร่งกระชับมือบางแน่น ริมฝีปากหยักค่อยๆเอ่ยถ้อยคำที่ราวกับบทกวีที่เสนาะหูอย่างหาไม่ได้อีกแล้ว
“แต่งงานกับฉันนะเอเลน”

ร่างโปร่งบางสั่น นัยน์ตาสีมรกตเออคลอด้วยหยาดน้ำใส ริมฝีปากสีระเรื่อค่อยๆขยับอย่างยากลำบากที่จะพยายามไม่ให้ยิ้มจนแก้มปริ
“ม....ไม่” ใบหน้าคมขมวดคิ้วก่อนจะประคองรับแรงถาโถมที่กระโดดเข้ามากอดตนไว้
“ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว!
สองแขนและสองขาของร่างโปร่งกระโดดเกาะร่างแกร่งตนหน้าอย่างแนบแน่นราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ถึงแม้ความสูงจะต่างกันแต่รีไวก็ประคองคนในอ้อมกอดได้อย่างไม่ยากเย็น รวมทั้งอีกมือที่ต้องถือประคองกระถางดอกไม้ไม่ให้ร่าวงหล่นลงไปแตก
ความชื้นที่หัวไหล่ทำให้ชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งรู้ว่าร่างโปร่งบางร้องไห้อีกแล้ว แต่การร้องไห้นั้นเป็นหยาดน้ำแห่งความสุขที่เออล้นออกมาจากจิตใจ
“เอเลนฉันมีอะไรอยากจะถามนาย” คำถามที่ติดค้างในใจมาตลอดแม้อยู่ในความฝัน
“นายเกลียดฉันรึเปล่าที่ตอนนั้นปกป้องนายไม่ได้?” ตัวฉันที่อ่อนแอไม่เคยแบ่งเบาให้นายได้
เอเลนกระชับอ้อมกอดในวงแขนแน่นขึ้นกว่าเดิม “แล้วคุณเกลียดผมรึเปล่าที่ทิ้งคุณไว้?”
“เกลียดสิ” คำตอบของคนอายุมากกว่าทำให้เอเลนถึงกับชะงัก ร่างโปร่งผละออกจากไหล่หนาที่ซบอยู่เพื่อสบตามองอีกคน มือแกร่งยกขึ้นปาดคราบน้ำตาที่เปรอะแก้มของเด็กหนุ่มออกพลางยกยิ้มบาง
“ฉันเกลียดที่นายปิดบังไม่บอกอะไร แต่ที่เกลียดที่สุดคือตัวฉันที่อ่อนแอที่ไม่อาจปกป้องนายได้จนนายต้องเลือกแบบนั้น”
มือเรียวยกขึ้นประคองมือแกร่งที่จับใบหน้าของตน ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ผมไม่เคยเกลียดคุณครับ”
ใบหน้ามนซุกลงบนมือแกร่ง มือเรียวบีบจับมือที่ประคองไว้แน่น
“ผมรักคุณ ไม่ว่าเมื่อไรก็รักคุณเสมอมา....”
ริมฝีปากบางยกยิ้มบนใบหน้าเฉยชาอย่างไม่อาจห้าม รีไววางกระถางต้นไม้ไว้บนเตียงก่อนที่จะคว้าเอวบางเข้ามาแนบกาย
“ฉันก็รักนาย จากนี้และตลอดไป”
ริมฝีปากสีระเรื่อทาบทับลงบนริมฝีปากคม ริมฝีปากทั้งคู่ต่างมอบความอบอุ่นและความหวานให้แก่กันอย่างเนิบนาบก่อนผละออก นัยน์ตาสีมรกตมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างหวานฉ่ำ
“มันไม่ใช่จุดจบของเรื่องราว แต่เป็นการเริ่มต้นของนายกับฉัน เข้าใจใช่ไหมเอเลน?” รีไวกระชับตัวร่างโปร่งในอ้อมแขน ใบหน้าคมซุกลงบนไหล่บาง
“ครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ เรื่องราวของผมก็เป็นคุณเท่านั้นแหละครับหัวหน้ารีไว”
สองมือต่างสอดประสานกันอย่างแนบแน่น อ้อมกอดอบอุ่นที่ต่างกอดกันราวกับจะจมหายเข้าไปในตัวอีกคน ความรู้สึกอิ่มเอมและมีความสุขต่างเอ่อล้นออกมามากมาย ไม่อาจมีคำพูดใดใดจะสื่อหรืออธิบายความรู้สึกที่อบอุ่นและแนบแน่นอยู่ในอก มีเพียงสัมผัสจากอ้อมกอดที่แนบแน่น หัวใจสองดวงที่หลอมรวมเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน สัมผัสอบอุ่นที่ต่างมอบให้แก่กันโดยไม่ต้องเอ่ยคำใด

ความรู้สึกที่ลึกล้ำและสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นจนน่าพิศวง การขับเคลื่อนของสายสัมพันธ์ที่ยาวนาน จากอดีตกาลนานนับหลายพันปีจวบจนถึงปัจจุบันและกำลังถักทอสานต่อไปยังอนาคตอย่างไม่รู้จบ ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้ง ไม่ว่าจะเมื่อใดความสัมพันธ์ที่ได้พบเจออย่างน่าแปลกประหลาดได้ขับเคลื่อนเหตุการณ์และเหล่าผู้คนมากมายให้ได้สร้างสายใยที่ผูกพันจนไม่อาจถอน

ทุกเรื่องราวยังคงไม่สิ้นสุด ทุกอย่างยังคงดำเนินถักทอเป็นเรื่องราวใหม่ต่างๆอีกมากมายให้น่าจดจำและแสนสำคัญยิ่ง

แม้ไม่อาจรู้ว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นเช่นไร แต่สิ่งหนึ่งที่เด่นชัดในทุกความรู้สึกและตราตรึงอย่างชัดเจนคือ


ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งทั้งเขาและคุณรีไวจะต้องได้มาพบเจอแล้วสร้างเรื่องราวใหม่ๆที่เกิดขึ้นอีกมากมายอย่างแน่นอน



Final.
.........................................................................................................................................
Talk: จบแล้ว......มันจบแล้วจริงๆค่ะ ขอขอบคุณทุกท่านกับการติดตามอันยาวนาน
ยาวนานจริงๆและแบบถึงจะมีเรื่องในหัวเป็นลำดับขั้น แต่เป็นการเขียนฟิคเรื่องแรกที่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนตามค่ะ TTwTT อยากบอกว่าไปหวีดร้องสครีมมากมายกับคุณเพื่อนที่เขียนฟิคเป็นประจำ(ไปรบกวนหลายอย่างมากขอขอบคุณ Chiva มากมายที่ทนนักเขียนหน้าใหม่เวิ่นเว้อได้)
ขอขอบคุณทุกๆท่าน ขอบคุณ รีไวล์และเอเลน และอาจารย์ Hajime Isayama มากค่ะที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะเขียนทลอ์คอะไรดีค่ะ คือมันตื้นตันมากมาย(เหมือนเอเลนโดนรีไวขอแต่งงาน)
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียนเลยมีความผูกพันธ์มากมายค่ะ (เกิดจากอารมณ์ติ่งล้วนๆจริง)
ในส่วนของเรื่องนี้ก็จะมี Special เพิ่มเติม อีก 3 ตอนอย่างที่บอกค่ะ
ในเรื่องของการรวมเล่มจะพยายามทำให้เสร็จภายในปีนี้นะคะ(จะลงงานไหนจะมาประกาศอีกทีค่ะ)
ติดตามความคืบหน้าของงานได้ที่เพจหรือบล็อกเลยค่ะ

เพจ https://www.facebook.com/beru89club?ref=bookmarks

และก็อย่างที่บอกค่ะเรื่องนี้ยังอยากมีช่วงที่อยากเขียนอยู่ซึ่งอาจเอามาลงให้อ่านกันเล่นๆค่ะ(แต่เมื่อไรไม่รู้จริงจัง ขออภัยล่วงหน้า)

สุดท้ายนี้ รักนักอ่านทุกท่านที่คอยให้กำลังใจเสมอมาค่ะ ขอขอบคุณจริงๆค่ะ
Trendy Blood

12 ความคิดเห็น:

  1. อา จบแล้ว เป็นตอนจบที่ซึ้งมากค่ะ น่ารักมากทั้งีรีไวแล้วก็เอเลนเลย สนุกมากค่ะ ชอบ จะตามงานอื่นๆ ต่อไปนะคะ โดยเฉพาะ ล่ารักฯ กับ ท่านชีครีไวนะคะ

    ป.ล.คุณแม่ครารา่คะ ขอรูปที่่เอเลนหลับบนตัวรีไวหน่อยสิคะ อยากได้มากค่ะ เอาไว้ชื่นชม หุหุ ^^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณที่ติดตามจนจบค่ะ งานอื่นๆจะพยายามรีดเค้นค่ะ งานอื่นดูเป็นงานสนองความโม่ยชอบกลมาก>\\\<
      คาดว่าคุณเเม่คราร่าน่าจะมีรูปดีๆเก็บไว้เพียบค่ะ เราคงต้องหาเวลาไปรื้อบ้าน เอ๊ยเยี่ยมคุณเเม่กันค่ะ////

      ลบ
  2. อื้อหื้ออออออออออออออออออ นี่เฮียแกเล่นขอแต่งงานพร้อมเรือนหอไว้เลยนี่นา...
    เตรียมการดีมากจริงๆ สมกะเปนหัวหน้าฝุดๆ
    ถึงจะมีติดขัดเล็กน้อยแต่เฮียก็เทพมาก 5นาทีโจรกระจายด้วยพลัง(คนแก่)คลั่งรัก อิๆ

    แล้วก็มาถึงเรื่องสำคัญอีกประการ...อิหนูเรียนจบแล้ว
    จบพร้อมๆกะเพื่อนๆด้วย
    ต้องขอกราบขอบพระคุณทั้งเพื่อนๆและคุณฮันซี่จริงๆที่ช่วยให้จบเร็วขนาดนี้...
    เพื่อที่...เพื่อที่....
    วันที่คุณพ่อคริชาจะเสียใจเล็กๆจะได้มาถึงเสียที โฮะๆ
    มาถึงขนาดนี้แล้วคุณพ่อปลงซะเถอะคะ พันๆปีที่แล้วเปนเคะเยี่ยงไร
    ปัจจุบันก็ยังเปนเยี่ยงนั้น แล้วไม่มีวันเปลี่ยนใจ
    ยังไงๆก็เปนคู่แก่เอสกะเด็กเอมเท่าน้านนนน รอมานานนนนในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
    คงจะมีใน Special รึป่าวคะ (ตาลุกโชนด้วยพลังหื่น)

    ถึงจะจบไปแล้วสำหรับฟิคเรื่องนี้ ผูกพันเหมือนกันคะ
    เปนฟิคเรื่องแรกเลยที่ได้อ่านหลังจากได้เริ่มตามไททันเมื่อเดือนมีนานี้เอง
    หลากอารมณ์มากคะ ฟิคเรื่องนี้ทั้งยิ้มแก้มแตก หัวเราะเล็กๆ โมโห หึงแทน ซึ้ง เขินอาย และที่อินสุดๆฉากโศกทั้งหลายนั่งอ่านน้ำตานองเปนทาง ฮือออออออ
    ใจหายเล็กๆที่จบไป แต่จะสิงสถิตแลสิงสู่แหล่งเสพฟิคฟินๆนี้ตลอดไปคะ
    ขอบคุณนะค่ะที่เข็นฟิคดีๆมาให้อ่านจนติดรีไวเอเลนเข้ากระแสเลือด อิๆ

    ตอบลบ
  3. ก๊ากกกก ขำโคตรเลยอ่ะ  “เฮ้ยฉันไม่รอให้ไอโจรพวกนั้นแก่ตายไปกันเองหรอกนะ!”
    ฮ่ะๆๆๆๆ ชอบม๊ากกกเล้ยประโยคนี้ของเฮห์โจววว
    ให้มันได้งี้สิก๊าาเฮียใครจะเป็นจะตายยังไงก็ชั่งแต่ต้องให้ความสำคัญกะนู๋เอเลนของเก๊า
    ก่อนคนอื่นน้าาาไม่งั้นไม่ยอมจริงๆด้วย!!!

    จบได้น่ารักน่ากอดมากกกเลยค่ะ trendyblood
    อ้า ว่าแต่อิล่ารักนี่ลืมมันไปแล้วเหรอค่ะท่านเรายังรอตืดตามอยู่นะค่ะ
    อิอิ แอบกดดันเล็กๆน้อยๆให้ไรเตอร์กระวนกระวายใจเล่นนน

    ยังรอติดตามอยู่นะค่ะถึงแม้ว่าช่วงนี้จะห่างหายไปบ้างก็ตาม//ฮิฮิพอดีมีภารกิจฉุกเฉินน่ะ///
    แต่ก็ะพยายามเข้ามาเยี่ยมชมเป็นระยะนะค่ะะะะะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. กรี๊ดดดดขอบคุณที่ติดตามจนจบค่ะ ขอสารภาพว่ายังไม่ได้ไปติดตามฟิคของคุณ isaya ต่อเลยค่ะ มัวแต่เวิ่นกับของตัวเอง เดี๋ยวจะไปติดตามต่อนะคะ >w<
      อัพล่ารักแล้วค่ะเป็นฟิคที่แอบโดนทวงกระหน่ำฮาๆๆๆ จะพยายามอัพเรื่อยๆ(ถ้าไม่ขี้เกียจ)ค่ะ

      ลบ
  4. อ่าาาา มาพยายามอีกรอบคะ ไม่เหมือนเดิมชัวส์ อารมณ์ถูกทิ้งไปนานแล้ว
    อย่าว่ากันเลยนะค่ะ ฮึกกกกก TT^TT

    ก่อนอื่นขอบคุณเจ้ฮันซี่แลเพื่อนฝูงที่ทั้งยัดทั้งใช้เส้นสายทั้งผลักดันให้เอเลนจบทันเพื่อนๆได้เร็วขนาดนี้ ทั่นเตี้ยคงต้องสำนึกบุญคุณไว้ให้มากนะ อิๆ
    ไหนจะคุณพ่อที่หวังลมๆแล้งๆอีก โถ่ววววว คุณพ่อคะลูกคุณพ่อนะเข้าขั้นไร้ความหวังเลยหล่ะคะ ไงๆก็ต้องเสร็จคนแก่อยู่วันค่ำ แถมไม่มีทางได้พลิกบทบาทแล้วหล่ะ คนเค้าเปนคู่กัน รอกันมานาน เปลี่ยนยากกกกส์คะ เค้าเรียกตำแหน่งฟ้าประธานคะ เปนภรรเมรียทั่นเตี้ยก็ดีไปอีกแบบนะคะพ่อเพลินดี!!(เอเลนกะเจ้าเตี้ยนั้นสิเพลินชั้นไม่เกี่ยวด้วย!! : คริชา) แต่ในที่สุดคุณพ่อก็ไฟเขียวจริงจังแล้วนี่เนอะ ต้องเอาใจพ่อตาแม่ยายเข้าไว้นะทั่นเตี้ย เกิดเค้ายึดลูกสาว?คืนแล้วจะแย่ แต่ก็ไม่น่าเปนห่วงแล้วนะเท่าที่ดูคุณพ่อวางใจได้ ถ้าเปนเรื่องของเอเลน...พลังรักเฮียแกมากล้นแท้ ตำรวจพวกนั้นใบ้กินไปตามๆกัน ห้านาทีเคลียร์สิ้นภารกิจ นับเปนวันซวยดวงกุดของโจรพวกนั้น มาปล้นวันไหนไม่ปล้นดั้นนนมาปล้นวันขอแต่งงานกะยอดดวงใจเฮียแกเข้า ส่วนวิธีขอแต่งของเฮียมันก็นะ...สำหรับคนแบบเฮียทำขนาดนี้มันไม่ธรรมดาเลยงะ มันหวานมากอะ มันเขิลลลลลลลลลม๊วกกกกกกกก อ๊ากกกกกกกกกกกกอยากเปนเอเลน!!! แถมเล่นมัดมือชกพร้อมเรือนหอเสร็จสรรพ แถมเอาใจใส่สุดๆเลือกใกล้บ้านพ่อตาแม่ยายด้วย เรียกง่ายๆว่าทุกอย่างทุกสิ่งทั้งหมดนี้เพื่อเอเลนจริงๆนึกถึงเอเลนเปนที่หนึ่งสุดๆอะ ลูกเขยแบบนี้คุณแม่ไม่ปลื้มก็แปลกหล่ะจริงไหมคุณแม่...ว่าแต่ขอรุปถ่ายพวกนั้นหน่อยจิ ขอยลบ้างได้ไหมอะคุณแม่...นะๆๆ

    สุดท้ายนี้ไม่ว่าเกิดไรขึ้นก็อินกะความรักมั่นคงของทั้งสองจริงๆกาลเวลาไม่อาจกั้น อาจมีทุกข์มีเศร้าหรือเจ็บปวดก็ต้องดำเนินต่อไปจนในที่สุดก็มาบรรจบกันอีกครั้ง ไม่ว่าจะเปนไงต่อไปก็จะเผชิญไปด้วยกัน ถ้าล้มก็เริ่มใหม่สร้างไปด้วยกัน ซึ้งอ่าาาาาสำหรับฟิคเรื่องแรกที่อ่านหลังจากตามไททันเรื่องนี้ผูกพันเลยคะ ทำให้ตอนแรกๆที่จิ้นคู่นี้เฉยๆกลายเปนทั้งตกหลุมรักทั้งมั่นคงและลงลึกในคู่นี้ไปเลย ขอบคุณนะค่ะที่ทำให้เรากลายเปนสาวกรีเอเต็มตัว 555 และก็ขอบคุณสำหรับฟิคซึ้งๆ เนื้อหากินใจ เล่นซะน้ำตาไหลพราก ทั้งหลากหลายอารมณ์เรื่องนี้จริงๆคะ จะตามซุ่มดูต่อไปเรื่อยๆนะค่ะ อิๆ

    ดั้นมาได้แค่นี้หล่ะคะขุดคุ้ยฟีลตอนนั้นมาได้เท่านี้จริงๆ ฮือออออออ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ1 กันยายน 2557 เวลา 21:10

    อ่านตั้งแต่ต้นจนจบภายในวันเดียว สนุกมาก อ่านแล้วอินมากค่ะ ขอสมัครตัวเป็นแฟนคลับรออ่านฟิครีเอตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ ขอบคุณที่แต่งผลงานดีๆมาให้อ่านค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อรั๊ยย่ะ!!! เขินค่ะ!!!/////////// ขอบคุณที่ติดตามนะคะ จะพยายามเขียนต่อไปค่ะ กำลังใจมา(งานจะพยายามเดิน~)

      ลบ
  6. จบแล้วอ่าาา สนุกมากกก แต่งเก่งมากค่ะ วางโครงเรื่องดี ภาษาอ่านรื่น ขอชื่นชมคนแต่งเลย และขอขอบคุณสำหรับฟิคดีๆแบบนี้นะคะ เสียดายเรามาเจอช้าไป ไม่รู้ยังแต่งอยู่รึเปล่า แต่ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ฮึบ!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านะคะปลื้มมากก คือเป็นฟิคเรื่องแรกเลย อาจมีติดขัดไปบ้าง ไม่คิดว่าจะได้รับเสียงตอบรับที่ดี เผลอแปบๆก็เขียนมาหลายปีแล้วค่ะ ขอขอบคุณอีกครั้งนะคะ

      ลบ
  7. อ่านฟิคเรื่องนี้ละเป็นอะไรที่ทำให้ใจบางมากกกกก
    พอหยุดอ่านก็หลอนน ในหัวมีแต่ทั้งสองคน จนต้องรีบแจ่นกลับมาอ่าน และก็ไม่คิดว่าจะเสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้ด้วยยย 😅😅😅😅 ฮื่ออ อ่านไปยิ้มไปจนเหมือนคนบ้าแล้วง่ะ ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆแบบนี้น่ะค้ะ รักมากเลยยย ☺☺☺☺

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณมากนะคะ รู้สึกการทำให้นักอ่านแอบวนเวียนได้แบบนี้เหมือนประสบความสำเร็จอีกขั้นเลยค่ะ ขอบคุณที่ชอบฟิคของเราค่ะ ขอบคุณที่หลงเข้ามานะคะ

      ลบ