Attack On Titan Fan fic.: Desert Desire
Pairing: (LevixEren), (Mikasa ver. C)
Rate: R18
Warning: เอเลนเรื่องนี้บิชชี่มากค่ะ ใครไม่ชอบสไตล์นี้อาจโดนทำร้ายนะคะ ><” แล้วก็มีสปอยเนื้อเรื่องหลักอยู่ถึงจะเป็นแนว AU ก็เถอะ
Chapter
5: Desert Charm
สิ้นเสียงรายงานรีไวก็กดวางสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อด้านในที่คลุมทับด้วยชุดมิชลาห์
ใบหน้าคมยกยิ้มให้กับน้องชายต่างมารดา
ดูเหมือนเขาจะดูถูกฝีมือหมอนั่นเกินไปอย่างที่คนตรงหน้ากล่าว
แต่เมื่อผลลัพธ์ไม่ได้เป็นดังคาดเดา เขากลับรู้สึกสนุกและพอใจมากกว่า
ช่างดูน่าท้าทายและมีค่าที่จะได้มาครอบครอง
“เมื่อวานหมอนั่นแอบเข้าไปในห้องทำงานของฉัน”
มิคาสะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามรายละเอียด
“นายก็รู้ใช่ไหมว่านักฆ่าที่ทำงานพลาดไม่มีที่ให้กลับและค่าของความผิดพลาดหมายถึงความตาย”
รีไวเขยิบเข้าไปใกล้หน้าต่างบานใหญ่ที่มิคาสะพิงพนังกำแพงด้านหนึ่ง
นัยน์ตาสีหมอกเหลือบมองนัยน์ตาสีราตรีอย่างแฝงความนัย
มิคาสะจึงได้ครุ่นคิดถึงประโยคที่พี่ชายต่างมารดาของตนเอ่ย
ติ้วคมขมวดเข้าหากันก่อนนัยน์ตาสีราตรีจะเบิกขึ้นเล็กน้อย
“หมอนั่นตั้งใจจะเปลี่ยนเป้าหมาย?”
“สมเป็นน้องชายของฉัน”
รีไวเหลือบมองเหล่าบอดี้การ์ดที่ต่างกำลังวิ่งวุ่นเพื่อตามเจ้าตัวยุ่งที่หนีรอดออกไปได้
“ถ้านายชมฉันด้วยคำอื่นฉันคงรู้สึกดีกว่านี้”
มิคาสะโยนมีดออกจากเสื้อคลุม
คมมีดเฉือนที่ข้อเท้าของบอดี้การ์ดรายหนึ่งที่มิคาสะสังเกตว่าบอดี้การ์ดคนนั้นแสร้งใช้สถานการณ์วุ่นวายในตอนนี้วิ่งวนไปมาระหว่างเขากับรีไวอยู่สักพัก
“บ้านนายชอบมีหนูสกปรกเข้ามาประจำเลยนะ”
ใบหน้าคมพยักหน้าให้กับเหล่าบอดี้การ์ดของตนนำชายที่แฝงตัวเข้ามาในคราบผู้รักษาการณ์เพื่อทำการจัดการในลำดับขั้นตอนต่อไป
“หมอนั่นกัดไม่เคยปล่อย
บ้านนายเองก็มีหนูโสโครกไม่ต่างกันหรอกเจ้าน้องชาย” รีไวเหลือบมองร่างที่ถูกหิ้วออกไปอย่างคุ้นชิน
ไม่ว่าจะกำจัดสักกี่ครั้งก็มักมีพวกน่ารำคาญเล็ดรอดมาเสมอ
หลายครั้งเขาจึงปล่อยให้พวกหนูสกปรกเหล่านั้นวิ่งเล่นจนพอใจแล้วกำจัดทีเดียว
“แต่คงน้อยกว่าของนายเยอะเลยล่ะรีไว”
ใบหน้าเฉยชาของชีคหนุ่มอายุน้อยกว่าค่อยๆหันไปสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าของพี่ชายต่างมารดาของตน
“ตอนนี้ที่หมอนั่นจะหาคือตราราชวงศ์กับพินัยกรรมของชีครุ่นก่อนสินะ
.........ใสซื่อเสียจนไม่น่ามาเป็นนักฆ่า”
“ส่วนหนึ่งคงเพราะอย่างน้อยคงหวังว่าจะได้อะไรกลับไปบ้างในเมื่องานล้มเหลว
และเพื่อหาจุดยืนให้ตนเองต่อไป ความคิดน่ารักดีไหมล่ะหมอนั่น?”
จากประสบการณ์ของทั้งตัวเขาและมิคาสะ ต่างรู้ดีว่าคนอย่างคาเน่
ไม่เคยคิดที่จะปล่อยเหล่าคนที่สาวมาถึงตนให้มีชีวิตรอด
และเอเลนซึ่งน่าจะได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากทางคาเน่ด้วยแล้ว ต่อให้เอเลนทำสำเร็จในการสังหารเขา
ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าคาเน่จะปล่อยให้เด็กหนุ่มมีชีวิตรอดต่อไป
“นายคาดไว้แล้วงั้นสิ
แล้วก็รู้อยู่แล้วสินะว่าหมอนั่นจะไปที่ไหน?”
นัยน์ตาสีราตรีเหลือบมองคนสูงน้อยกว่าอย่างนึกรำคาญใจกับความเจ้าเล่ห์และรู้ทันกันไปเสียทุกเรื่อง
และบ่อยครั้งที่เขาถูกดึงเข้ามาผันพันอย่างไม่รู้ตัว แต่เอาเถอะ....
เพราะยังไงต่อให้ไม่กินเส้นกันแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพี่ชายต่างมารดาของเขาก็เป็นคนที่เขาเชื่อใจและไว้วางใจได้มากกว่าคนรอบกายมากมายที่หาความจริงใจได้ยาก
นัยน์ตาสีหมอกฉายแววสนุก
ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย มือหนาวางลงบนบ่าแกร่งของน้องชายต่างมารดา
“ระวังห้องทำงานของนายไว้ด้วยล่ะ”
“หืม
ไม่ใช่ว่านายจงใจจะใช้เจ้าเด็กนั่นเป็นเหยื่อล่ออยู่แล้วหรือไง?”
มิคาสะยกยิ้มขึ้นอย่างรู้ทันอีกฝ่ายไม่ต่างกัน
นัยน์ตาสองสีที่ต่างมองสบกันอย่างรู้ทันความคิดของอีกฝ่าย
เพราะเหมือนกัน เหมือนกันมากจนแม้ไม่ต้องอธิบายสิ่งใด
ต่างก็เข้าใจถึงสถานการณ์และสิ่งต่างๆได้อย่างไม่ยากเย็น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิวที่สะดือซึ่งสั่งทำพิเศษหรืออิสระในการเดินไปตามที่ต่างๆในวังของเด็กหนุ่มตอนนี้เขาได้คำตอบอย่างชัดเจน
นอกจากจะเป็นเครื่องหมายตรีตราที่แสดงความเป็นเจ้าของในตัวเด็กหนุ่ม
ทั้งยังเป็นการหลอกล่อให้ปลาใหญ่มาติดเบ็ด จากนักฆ่าที่เป็นผู้ล่าเสมอมา
ตอนนี้กลับกลายเป็นเหยื่อล่อโดยไม่รู้ตัว ถึงเขาจะไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย
แต่หลังจากได้พบกับเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าเอเลนแล้วนั้น
มิคาสะคิดว่าการร่วมมือกับพี่ชายของตนเองในคราวนี้น่าสนใจไม่เลว
อย่างน้อยคงทำให้สุนัขที่ใสซื่อตัวหนึ่งไม่ต้องเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าก็ได้
รถลีมูซีนตราสัญลักษณ์รัฐโรเซ่ที่เป็นรูปสตรีผมยาวตรงหันข้างสวมมงกุฎเคลื่อนออกจากพระราชวังมาไม่ไกลนักก่อนจะจอดรับร่างโปร่งบางที่ดักรออยู่ใกล้กับต้นไม้ใหญ่
ประตูรถถูกเปิดออกแล้วปิดอย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วพริบตาเด็กหนุ่มร่างโปร่งบางในชุดอิสตรีงดงามก็เข้ามานั่งอยู่ข้างกายชีคหนุ่มเจ้าเมืองรัฐโรเซ่
“หลบสายตาเจ้าพวกนั้นได้
จะบอกว่าบอดี้การ์ดพวกนั้นเสียเงินจ้างมาดีหรือว่าเพราะฝีมือของเธอดีล่ะ?” มิคาสะนั่งพิงเบาะรถอย่างสบายอารมณ์
ใบหน้านิ่งเฉยมองสำรวจเด็กหนุ่มร่างบางตรงหน้าที่หนีรอดออกมาจากพระราชวังที่มีการ์ดอย่างแน่นขนัดได้โดยง่าย
แล้วแทบจะไม่สึกหรอราวกับเดินออกมายังไงอย่างนั้น
“ผมว่าท่านชีครีไวเสียเงินให้กับเจ้าพวกนั้นเปล่าๆแบบนี้เอาเงินไปทำทานยังจะได้ประโยชน์กว่า”
เอเลนสะบัดผ้าเล็กน้อยก่อนจะนำมาประดับใส่ไว้ที่เดิมแล้วติดด้วยเข็มกลัด
“เอาล่ะเรามาทำความรู้จักกันใหม่ดีกว่า
ฉัน มิคาสะ แอคเคอร์แมน” มิคาสะยื่นมือไปให้เด็กหนุ่มตรงหน้า
เอเลนมองมือที่ยื่นมานั้นสักครู่ก่อนจะจับทักตอบกลับ
“ผมเอเลน..” เด็กหนุ่มทิ้งช่วงไว้สักครู่ก่อนเอ่ยชื่อเต็มอีกครั้งอย่างจำใจ “
เอเลน..... เยเกอร์”
“เธอไม่ชอบนามสกุลของตัวเองงั้นเหรอเอเลน?”
ราวกับว่าเด็กหนุ่มไม่ต้องการที่จะเอ่ยนามสกุลให้ได้รับรู้
นัยน์ตาสีมรกตหลุบสายตาลงต่ำ
“มันทำให้ผมนึกถึงใครบางคนที่ไม่อยากนึกน่ะครับ”
เด็กหนุ่มตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะนิ่งเงียบ
มิคาสะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ทอประกายอยุ่ในนัยน์ตาสีมรกตของเด็กหนุ่ม
สายตาที่แสดงถึงความพยายามปิดบังซ่อนเร้นความเจ็บปวดที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ในเมื่อเจ้าตัวไม่อยากที่จะเอ่ยตัวเขาเองก็ไม่ชอบที่จะซักไซ้ในเรื่องที่ไม่จำเป็นเพราะไม่ใช่นิสัย
ชีคหนุ่มจึงเปลี่ยนเรื่องคุยกับคนตรงหน้าเพื่อหวังจะให้เด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้นบ้าง
ยังไงซะเขาเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะตอกย้ำหรือทำร้ายคนตรงหน้า
มือหนาวางทางทับกับมือบางที่บีบเกร็งกำผ้าของตัวเองแน่นบนหน้าตัก
สัมผัสของมือที่แตะลงมาทำให้เอเลนหันไปมองหน้าชีคหนุ่มอีกครั้ง
“เอเลนมีความหมายว่านักบุญ
ฉันว่ามันเหมาะกับเธอมากกว่า และอีกความหมาย มันหมายถึงผู้รับ
คนที่ตั้งชื่อนี้ให้เธอคงอยากให้เธอได้รับความรักจากคนรอบข้างมากๆแน่”
มือหนาปาดน้ำตาจากนัยน์ตาสีมรกตที่จ้องมองมาอย่างนิ่งเงียบ
แต่กลับมีหยาดน้ำใสหลั่งรินลงมา
มือบางกอบกุมมือหนาที่ปาดน้ำตาของตน
ใบหน้ามนซุกแนบลงบนฝ่ามือแกร่ง “ขอบคุณ”
หัวใจของชีคหนุ่มที่เฉยชากลับรู้สึกสั่นไหวอย่างประหลาด
เข้าใจแล้วว่าทำไมหมอนั่นถึงอยากตีตราจองเด็กหนุ่มคนนี้ขนาดนี้ ทั้งที่เจอเรื่องราวเลวร้ายและโสมมขนาดไหนแต่เด็กหนุ่มยังกลับคงไว้ซึ่งจิตใจที่บริสุทธิ์และใสซื่อ
ผิดกับเขาและรีไวที่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้างแม้จะดูสูงส่งแต่เบื้องล้างเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและความสกปรกต่างๆมากมาย
และมันหล่อหลอมไปจนถึงหัวใจที่แปดเปื้อนนี้ จนเฉยชาและตายด้านกับการกระทำที่ผ่านมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ช่างเหมือนกันแต่กลับแตกต่าง ราวกับเจอแสงสว่างเล็กๆในจิตใจเมื่อมองผ่านเอเลน
.
.
.
.
.
.
.
ในห้องทำงานส่วนตัว
รีไวยังคงวุ่นวายอยู่กับเอกสารข้อมูลมากมายที่อยู่บนโต๊ะ
เสื้อผ้าและของต่างๆที่ติดตัวเด็กหนุ่มนั้นถูกนำไปตรวจสอบทั้งหมด ใบหน้ายกขึ้นอย่างนึกขำ
เมื่อทุกอย่างเป็นดังตามที่คาดคิดว่าเด็กหนุ่มเองก็ไม่มีสิ่งใดที่จะยืนยันหรือสาวตัวไปถึงผู้ว่าจ้างได้แม้แต่น้อย
ที่ติดตัวมาในคืนปฏิบัติการมีเพียงอาวุธลับที่ซ่อนไว้และยาพิษ
อีกทั้งยังไม่พบเครื่องมือสื่อสารใดที่สาวไปยังต้นตอได้
สมเป็นมืออาชีพจริงๆ
จะเรียกว่าไม่ทำให้ผิดหวังหรือว่าทำให้ทุกอย่างยุ่งยากดีกันล่ะเจ้าหนู.......
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูขออนุญาตดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยจะเปิดประตูเข้ามา
“ได้อะไรมาบ้างเอลวิน?”
ถามพลางรับซองเอกสารที่ยื่นมาจากชายร่างสูงใหญ่ตรงหน้า
“เท่าที่สืบดูเอเลน
เยเกอร์ ปัจจุบันอายุ 16 ปี เป็นเด็กกำพร้าที่มีประวัติน่าสนใจอยู่มากครับ
มันอาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กกำพร้าคนหนึ่งจะผันตนเองเข้าองค์กรเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง
แต่ในกรณีของเอเลนนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกพอดู ราวกับจงใจ”
เอลวินตีหน้าเคร่งนึกถึงข้อมูลของเด็กหนุ่มที่ได้สืบมา
“งั้นเหรอ”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบอ่านมองเอกสารที่อยู่ในมือทั้งหมด “ไปอยู่สถานกำพร้าตอน 7
ขวบ จากนั้นก็มีคนมารับเลี้ยงคนที่รับเลี้ยงคงทำให้หมอนั่นเข้ามาสู่โลกมืดสินะ”
เมื่อพลิกอ่านประวัติไปเรื่อยๆใบหน้าคมถึงกับขมวดคิ้วมุ่น
“พ่อและแม่ของหมอนั่นยังมีชีวิตอยู่แล้วทำไมถึงไปเป็นเด็กกำพร้า?”
แล้วเมื่อยิ่งอ่านข้อมูลที่ได้รับมามากขึ้นยิ่งทำให้รีไวคิ้วกระตุก “มีคดีข่มขืนก่อนเข้าบ้านเด็กกำพร้าที่ไม่อาจระบุผู้ร้ายได้
หมอนั่นให้การว่าจำหน้าคนร้ายไม่ได้ ฉันว่ามันแปลกๆนะกับเด็กที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่สามารถพูดได้
4 ภาษา ตั้งแต่ 7 ขวบ”
“ในกรณีอย่างนี้ผมว่าเจ้าตัวคงไม่คิดที่จะเล่า
จากการคาดเดาบางที....เด็กคนนั้นอาจทำเพื่อปกป้องใครสักคน”
นัยน์ตาสีน้ำทะเลฉายแววเห็นใจเล็กน้อยก่อนกลับมาเป็นปกติ
“เจ้าหนูนั่นบ้าดีนะ”
เลือกที่จะเสียสละเพื่อปกป้องใครสักคนที่สำคัญมาก เป็นความรู้สึกที่ตัวเขาเองแทบจะลืมไปแล้ว
ความรู้สึกที่อยากปกป้องใครสักคน อยู่เพื่อใครสักคน หรือเสียสละเพื่อใครสักคน
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองตามที่เอลวินชี้ลงไปยังข้อมูลในเอกสาร
“ผู้รับอุปถัมภ์
ถ้าเป็นหมอนี่รู้สึกจะเป็นคู่หูทางการค้ารายใหญ่ของชีคแห่งรัฐมาเรียเลยล่ะนะ” ใบหน้าเฉยชายกยิ้มกับข้อมูลที่ได้รับ
“ดูเหมือนคราวนี้คงทำให้หมอนั่นได้แสดงสีหน้าขี้ไม่ออกแน่ๆ แต่ก่อนอื่นฉันอยากมีเวลาไปเดินเล่นที่โรเซ่สักหน่อย”
เอลวินเลิกคิ้วขึ้นมองชีคหนุ่มอย่างนึกขัน
“ดูเหมือนบางทีอาจต้องมีร่างกฎหมายใหม่เรื่องกฎคุ้มครองเยาวชนในประเทศของเราบ้างแล้วสินะครับ”
“อัญมณีกลางทะเลทรายใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆจริงไหม?”
รีไวท้าวคางมองเลขาหนุ่มคนสนิท
แม้จะมีสิ่งต่างๆรายล้อมอยู่มากมาย
แต่การที่จะเจอสิ่งที่ถูกใจเขาได้มากขนาดนี้นับเป็นเรื่องยาก จึงไม่แปลกที่อยากจะไขว่คว้าและนำมาครอบครอง
ถ้าให้เปรียบเปรย
เขาคงบอกได้ว่าเอเลนราวกับเพชรในตมที่ตัวเขาอยากเป็นผู้เจียระไนและครอบครอง
.
.
.
.
.
.
.
พระราชวังสีขาวเด่นเป็นสง่ารายล้อมไปด้วยน้ำพุและต้นไม้ร่มรื่นเขียวขจี
ความงดงามและโออ่าไม่ต่างจากราชฐานหลักของชีครีไวที่รัฐชินา ถึงแม้วังของมิคาสะจะมีขนาดที่เล็กกว่าแต่ความหรูหราไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
เมื่อกลับมาถึงวังของตนเองมิคาสะจัดแจงให้หญิงรับใช้จัดเตรียมห้องพักที่ดีที่สุดสำหรับแขกรวมทั้งจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้กับเด็กหนุ่ม
“ฉันมีอะไรจะถาม
เธออยากใส่ชุดอย่างที่เป็นอยู่หรือเป็นชุดผู้ชายปกติ?” มิคาสะเอ่ยถามเมื่อมองเครื่องแต่งกายของบุคคลที่พากลับมาด้วย
แม้ชุดของอิสตรีที่สวมอยู่จะดูกลมกลืนกับร่างบางตรงหน้า แต่ด้วยความที่โชว์เนื้อหนังมากเกินไปอาจทำให้เป็นที่สะดุดตาและจับตามองของเหล่าข้ารับใช้ที่อยู่ภายในวังแห่งนี้
แต่ถ้าเป็นความชอบของเด็กหนุ่มเองเขาก็จะได้จัดเตรียมเครื่องใช้ให้เหมาะสมตามที่เจ้าตัวต้องการ
“ขอแบบปกติธรรมดาดีกว่าครับ”
ดูจากใบหน้ามนที่เหมือนอมแก้มงอนนั่นทำให้เขาเดาได้ว่าการแต่งกายของเอเลนคงเป็นฝีมือของพี่ชายต่างมารดาของเขาไม่ผิดแน่
“ฉันจะจัดให้ตามที่เธอต้องการ
ถ้ามีอะไรอยากได้เพิ่มเติมเธอบอกกับชาช่าเลยก็ได้ ฉันจะให้ชาช่าคอยดูแลเธอ”
หญิงสาวในชุดคลุมกายประจำชาติก้มศรีษะทักทายอาคันตุกะของผู้เป็นนาย
ใบหน้าหวานขี้เล่นยิ้มระรื่นอย่างเป็นมิตรให้กับเด็กหนุ่มร่างโปร่ง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
นางกำนันชาช่า ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
“เอเลน
ครับ ขอฝากตัวด้วยนะชาช่า” เด็กหนุ่มยิ้มบางตอบรับ
“สำหรับชาช่าน่าจะอายุไม่ต่างจากเธอคงพอให้อยู่เป็นเพื่อนคุยได้
แต่ขอเตือนไว้อย่างว่าอย่าให้ชาช่าดูแลเรื่องอาหารเพราะอาจเหลือแต่จานมาถึงเธอได้”
“ไม่จริงสักหน่อยนะคะ
ท่านมิคาสะ!!” ชาช่าหน้าขึ้นสีเข้ารัวทุบแขนเจ้านายของตนแก้เขิน
เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เอเลนหลุดขำออกมา
ใบหน้ามนยกยิ้มขึ้นกับความสัมพันธ์ของเจ้านายและลูกน้องที่เขาไม่เคยเจอ
“ยิ้มได้สักทีนะเอเลน”
มือหนาวางทาบลงบนแก้มเนียนใสเบาๆ แม้ใบหน้าของชีคหนุ่มเจ้าของวังยังคงนิ่งเฉย
แต่ประกายตากลับฉายแววพอใจขึ้นมา
เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไรได้แต่เบนหลบสายตาสีราตรีที่จ้องมองมา
มือหนาจึงปัดปอยผมสีน้ำตาลที่ลงมาปรกใบหน้ามนออกก่อนจะลูบไล้อย่างแผ่วเบา
“เธอก็ไปพักผ่อนซะ
มื้อเย็นเราค่อยเจอกัน พรุ่งนี้หมอนั่นคงมาถึง”
“ใครมางั้นเหรอครับ?”
มิคาสะยิ้มบางเป็นคำตอบให้กับเด็กหนุ่มแทน
ร่างสูงกำยำขอตัวอย่างสุภาพก่อนที่จะละตัวออกมาจากร่างบางเพื่อให้เด็กหนุ่มได้ไปพักผ่อน
หลังมื้อเย็นมิคาสะเดินไปส่งเด็กหนุ่มที่ห้อง
เมื่อหันหลังเตรียมตัวเดินกลับมือบางกลับรั้งชายเสื้อคลุมของเขาไว้
ใบหน้านิ่งเฉยจึงหันไปมองเชิงถาม
“เออ
ผมไม่ค่อยชอบนอนคนเดียว” นัยน์ตาสีมรกตมีอาการประหม่าเล็กน้อย
ชายหนุ่มเจ้าของวังมองร่างโปร่งอย่างใช้ความคิดก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เตียงนอนขนาดใหญ่ของเด็กหนุ่ม
มือหนาลูบผมสีน้ำตาลเบาๆ แม้ว่าจะเป็นนักฆ่า
แต่เด็กก็ยังคงเป็นเด็กอยู่วันยันค่ำนั่นแหละนะ
“นอนซะ
ฉันจะอยู่ข้างๆเป็นเพื่อนเธอ” พูดพลางล้มตัวลงนอนที่ข้างกายของเด็กหนุ่ม
เอเลนล้มตัวลงนอนตาม
นัยน์ตาสีมรกตยังคงจ้องไปบังใบหน้าคมของอีกฝ่าย มือเรียวเอื้อมสัมผัสยังใบหน้าเฉยชาที่เริ่มปิดตาเตรียมเข้าสู่นิทรา
สัมผัสแผ่วเบาที่ทาบทับลงมาทำให้มิคาสะลืมตาขึ้นอีกครั้ง
นัยน์ตาสีราตรีจ้องกลับนัยน์ตาสีมรกตที่ยังไม่หลับอย่างสงสัย
“อยากได้อะไรงั้นเหรอเอเลน?”
“นอนทั้งอย่างนี้เลยจะดีเหรอครับ?”
คำถามของเด็กหนุ่มทำให้มิคาสะเข้าใจได้ไม่ยากรวมทั้งสายตาแปลกใจระคนสงสัยที่ส่งมานั้นแฝงคำถามไว้อย่างชัดเจน
มิคาสะเอื้อมมือไปเปิดคอเสื้อของเด็กหนุ่มที่ยังมีรอยตีตราสีกุหลาบอย่างเด่นชัด
พลางลูบไล้ไปบนรอยนั้นอย่างแผ่วเบา
“โดนหมอนั่นทำขนาดนี้นายยังมีแรงเหลืออีกหรือไง?”
“แต่การที่ใครสักคนทำดีด้วย
เราก็ควรตอบแทนไม่ใช่เหรอครับ?” เอเลนเอียงคอมองชีคหนุ่มอย่างแปลกใจ
“การตอบแทนไม่จำเป็นต้องใช้ร่างกายอย่างเดียวหรอกนะ
อย่างวันนี้นายยิ้มออกมาจากใจ นั่นก็เรียกว่าตอบแทนแล้ว”
“แค่นั่นจะดีเหรอครับ
ขนาดคุณรีไวยัง...” ริมฝีปากของมิคาสะเคลื่อนทับกับกลีบปากบางสีระเรื่ออย่างแผ่วเบาก่อนผละออก
“ก็ไม่ได้อยากพูดเองหรอกนะ
แต่หมอนั่นไม่ได้ทำไปเพราะคิดว่านายต้องตอบแทน
หรือเรื่องที่หมอนั่นอยากได้ตัวเธอก็เพราะเขาต้องการอย่างนั้นจริงๆ
พี่ชายบ้าๆนั่นแม้จะทำอะไรเกินเลยแต่ที่จริงแล้วเป็นคนที่อ่อนโยนทีเดียว”
ต่างรู้และเข้าใจ รวมทั้งผ่านสิ่งต่างๆมามากมายไม่ต่างกัน
ความอ่อนโยนที่เคยมีจึงถูกซุกซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากที่เย็นชาและภาระหน้าที่ที่แบกไว้บนบ่า
ผู้ที่อยู่บนจุดเดียวกันนั้นย่อมเข้าใจดี ตัวเขาเองแม้จะไม่ต้องรับภาระเท่ารีไว
หรือเจอเรื่องที่น่ารำคาญเท่าพี่ชายของตน แต่ความอ่อนโยนที่เคยรับรู้ได้ในวัยเยาว์
และแม้เจ้าตัวจะไม่เคยบอกแต่ตัวเขาก็รู้ดีว่าหลายต่อหลายครั้งที่พี่ชายต่างมารดาคอยช่วยเหลือและคุ้มครองเขาอยู่ห่างๆ
และมีหลายครั้งที่ผู้เป็นพี่ชายรับเคราะห์แทนเขา แม้จะไม่เคยพูดจาดีๆต่อกัน
แต่การกระทำและสายสัมพันธ์ของเขาทั้งสองแม้จะดูแปลกๆไปบ้าง
แต่นั่นก็คือความเป็นพี่น้องในแบบของพวกเขา
“น่าอิจฉานะครับ
บางทีความรู้สึกแบบนั้นชั่วชีวิตนี้ผมอาจไม่มีทางเข้าใจ.....” นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย
มิคาสะดึงตัวร่างโปร่งลงมานอนทับที่อกของตนก่อนจะตวัดผ้าห่มผืนหนาคลุมทับอีกครั้ง
“ถ้านายยอมเปิดใจ
สักวันนายจะเข้าใจมันเอเลน นายจะรู้ว่าโลกนี้แม้โหดร้ายแต่มันยังคงสวยงาม”
แขนแกร่งกระชับตัวร่างบางในอ้อมแขนมากขึ้น
เอเลนซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกหนาของชายหนุ่ม
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้คงดี............”
ริมฝีปากคมก้มลงจูบแผ่วเบาบนหน้ามนของร่างบางในอ้อมแขน
“ราตรีสวัสดิ์เอเลน”
“ราตรีสวัสดิ์ครับท่านมิคาสะ”
TBC.
.............................................................................................................................................
Talk: Trendy Blood
รู้สึกรูทของตัวเองจะเป็นช่วงดำเนินเรื่องมากค่ะ บทนี้มีแต่มิคาสะ แถม......พระเอ๊ก พระเอก
(หัวหน้าคะอิชุ้นโดนล่อลวงจริงๆค่ะ ไม่ได้มีเจตนาจะนอกใจเลยจริงๆนะคะ // ปิดตาชี้ไปที่ Jadenchase)
(หัวหน้าคะอิชุ้นโดนล่อลวงจริงๆค่ะ ไม่ได้มีเจตนาจะนอกใจเลยจริงๆนะคะ // ปิดตาชี้ไปที่ Jadenchase)
ตอน 4 ตอนที่ผ่านมามันเปลี่ยนจากทะเลทรายเป็นทะเลสาปเลือดกำเดาไปแล้วค่ะ รูทนี้เลยขอแบบสบายๆมั่งค่ะ เพราะดูแล้วอาจมีโหมพายุเลือดกระหน่ำอีกในรูทหน้า(จากที่ Jadenchase เปรยๆมา)
เอาเป็นว่ารูทอิชุ้นสิ้นสุดแล้ว เจอกันรูทหน้าเครอะ (จะพยายามไปเข็นเรื่องอื่นต่อ รู้สึกฟิคนี้มาเร็วมากมายแป๊บเดียว 5 ตอนละอ่ะฮาๆ)
รักนักอ่านทุกท่านค่ะ >3<
โดนโยนหินทับอ่ะครับ อั๊คคคคค หืออ สาระเน้นๆ ซีเรียสจนน้องรู้สึกโงนเงนเลยอ่ะ.... (ชีวิตติดเรทไม่เข้าใจความซีเรียส //โดนเน่จังกระทึบ)
ตอบลบก็เอเลนเทอวางซะเเบบ..........อืมหนักหน่วง
ลบน้องทำเพื่อดราม่า....จริงๆนะฮับ <3 >/////<
ลบdo you trust me?
......May be......
ลบมิคาสะนี่ให้อิมเมจพี่(สาว)ชายของเอเลนจังค่ะ แต่เราคิดว่าดีแล้วนะคะ ชีคมิคาสะท่านช่างเป็นสุภาพบุรุษที่อบอุ่นมากเลยค่ะ(ไม่กล้านอกใจหัวหน้าอ่ะค่ะ เด๋วโดนท่าเตะในตำนานอ่ะค่ะ -v-;) แต่ชีครีไวนี่ก็อบอุ่นจนร้อนเลยค่ะ ชอบที่สุด(อิชุ้ันหื่นไปไหมเนี่ย) สนุกมากค้า ชอบทั้ง 2 รูทเลยค่ะ แม้จะให้อารมย์ที่ต่างกัน แต่ก็ดูลงตัวดีจัง เอเลนน่าอิจฉาจังเลย แต่เราก็รักเอเลนเสมอน้า โดยเฉพาะเวลาโดนชีครีไวรังแกนี่เป็นอะไรที่ฟินที่สุดเลยค่ะ หึหึ -.,- b
ตอบลบป.ล.รอตอนต่อไปค่ะ สู้ๆนะคะไรท์ทั้ง 2 คนเลย
ป.ล.2 ยังคงรอล่ารักอันตรายอยู่นะคะ แล้วก็รอข่าวคืบหน้าของรวมเล่ม Last Memory ด้วยค่ะ(กดดันไรท์ไปไหมค่ะเนี่ย ถ้าทำให้ไรท์รำคาญเราขอโทษด้วยนะคะ π_π )
ไม่กดดันค่ะ รู้สึกดีที่มีคนทวง+ตามค่ะ(อิชุ้นเเอบมาโซฯ) Last Memory จะพยายามรวมเล่มให้เสร็จในปีนี้ค่ะ ส่วนล่ารักอันตราย คาดว่าจะมีต่อเร็ววันนี้ค่ะ~
ลบขอบคุณที่รอคอยนะคะ เขิลลลล
สำหรับรูทหน้าชีครีไวก็จะโผล่มาทวงสิทธิ(มั่ง~) เรื่องอยู่ในกำมือ Jadenchase เเล้วค่ะต้องลุ้นต่อไป~
ผมแอบรู้สึกผิดนะครับเนี่ย...ทะเลสาป
ลบประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับการโดนกดดันนะครับ แต่เป็นเนื้อหา เฮฮฮ
โบกธงสนับสนุนร่างกฎหมายใหม่เรื่องกฎคุ้มครองเยาวชน #โดนคัตเตอร์ปาดคอ
ตอบลบโธ่วววววววววววววววว เก๊าพูดเล่นนะทั่นชีค แต่ที่ป๋าวิกพูดมาก็น่าทำนะ อิๆ
ว่าแต่ว่า....ใครตัวล่อ ใครเป้าหมาย ใครอะไรยังไงอะ อยากรู้ววววววว
คือเข้าใจในความเหมือนอันแตกต่างของพี่น้องคู่นี้ แต่คือตัวเองคลิกเดียวเข้าใจกันเร็วจังเลยงะ คือแบบว่าเปนพี่น้องที่ถอดมาพิมพ์เดียวกันมากเหมือนกันเกินไปนะ ตามทันความคิดของกันและกัน ฉลาดเปนกรดอะพี่น้องคู่นี้ น้องเลนเอ๊ยยยยยจงภูมิใจทั้งซะมีบรรดาศักดิ์และซะมีที่พักใจหนูเปนบุคคลสุดยอดสมเปนผู้นำของประเทศจริงๆ ตอนนี้มิคาสะสมเปนมิคาสะมากคะ ยังกะลอกแบบในมังงะมาเลย เปนรักที่อ่อนโยนแบบถนอมเอเลนมาก ผิดกะทั่นชีครักนะยันนิดๆด้วยแต่แสดงออกแบบดิบเถื่อนโหมกระหน่ำสุดๆ สมเปนคู่เอสเอมแห่งทะเลทรายจริงๆรุสึกได้ถึงแรงพายุทะเลทรายที่รุนแรงได้เสมอๆเวลาเข้าฉากพระนาย ครึๆ ส่วนกะมิคาสะให้อารมณ์ที่แปลกแตกต่างเหมือนโอเอซิสน้อยๆที่ให้เอเลนได้พักผ่อนชั่วครั้งชั่วคราว(ก่อนออกไปคลุกคลีตีวงนุ่งลมห่มฟ้า?อยู่กะพายุทะเลทรายที่โอบล้อมและรัดรึงดูดกลืนไปทั่วกายเอเลน) แล้วจะเปนไงต่อไปนะไหนจะประวัติเอเลนอีก อย่าบอกนะที่บอกว่าจำหน้าคนร้ายไม่ได้นั้นทำเพื่อแม่??? ไอ้ปู้ชายร้ายกาจตัวนั้นมันใครนะ รึว่าอินเซสท์โอ้วววววว คิดไปไกลลลลล ชีวิตหนูน้อยเอเลนช่างอาภัพจริงๆ โชคดีอยู่อย่างของเอเลนที่เปนผู้รับก็เลยต้องเปนเคะให้รีไว #ห๊ะ!!! #ผิดคะ ผิดไม่เกี่ยวๆ เอาใหม่ๆ โชคดีอยู่อย่างที่ทั้งทั่นชีคและน้องชายทั่นเข้าใจในตัวเอเลน มองเห็นความบริสุทธิ์ที่น่าเก็บรักษาและถนอมไว้ของเอเลน หลงรักและพร้อมเข้าเยี่ยวยาและโอ้บอุ้มเอเลน นับว่าโชคดีจริงๆ(ถึงของทั่นชีคจะหนักไปทางเอสเอมหน่อยก็เถอะ) ไงๆก็ขอให้ทั่นชีคได้ดูแลและโอบอุ้ม รักและครอบครองเพชรน้ำงามในโคลนตมนี้ด้วยเถอะ ช่วยเจียระไนเพชรน้ำงามนี้ให้กลับมาสดใสดังเดิมให้ได้นะเฮีย
มิคาสะ...แน่ใจนะว่านายไม่ได้เป็นพระรองเกาหลีน่ะ?
ตอบลบอยู่ๆเนื้อหาก็มา แบบ อื้ม ..หนักๆแหะ
แต่มันก็ต้องแบบนี้แหละถึงจะสมกะเนื้อเรื้อง กร้ากกกกก
เอเลนเป็นแบบนี้แล้ว อยากให้ป๋าเอลวินร่วมด้วยจัง5555//โดนฟันหลังคอ
ป๋ารีไวเอเลนเอลวิน ไม่ก็รีไวเอเลนมิคาสะ...โอ้วววววว 3P สุขสันต์(?)
จะมีรูท 3 p รึเปล่าต้องลุ้รต่อไปค่ะ ตอนโยนกันไปโยนกันมา 555
ลบเฮ้ย!!
ตอบลบทำไมถึงมากกอยู่กะมิคาสะได้อ่ะ!!!!???
โถโถ...ทำไมเฮียถึงทำกะนู๋เอเลนแบบเน้!
//แต่มิคาสะแม๊นแมนอ่ะเป็นเฮห์โจวไม่ได้อยู่ใกล้ๆแล้วมีแต่จับกดตลอดตลอด///
แต่เก๊าก็ชอบนะเฟ้ย!!!
ฮะฮะ...พอมีฉากเบาๆขึ้นมาหน่อยก็เล่นเอาเก๊าปรับตัวไม่ทันอ่ะ
//อุตส่าห์เตรียมทิชชู่ไว้ตั้งหกม้วนกันเลยนะก๊าาา///
แต่เป็นหมันไปซะได้....ตอนหน้าขอเซอร์วิสแรงๆเลยนะค๊าาา
ขอเดินเนื้อเรื่องหน่อยค่ะ เเค่นี้ก็เป็นทะเลสาปเลือดเเล้ว><"""
ลบ