วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Chapter 6: Intelligence

 
Fic. [AU]: Attack On Titan: ล่ารักอันตราย (Part II)
Pairing: (Levi x Eren)
 
Chapter 6: Intelligence

          ขั้นบันไดหินที่ทอดยาวไปยังเบื้องล่าง เสียงหยดน้ำรั่วจากท่อระบายตกกระทบกับพื้นหินเป็นจังหวะ เมืองใต้ดินที่แม้แต่ตอนกลางวันก็ยังคงมืดมิด มีแสงสว่างจากเบื้องบนเล็ดรอดเข้ามาอย่างประปราย บรรยากาศอับชื้นและมัวหมองเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มไม่ได้สัมผัสมานาน แต่ยังคงคุ้นเคยเพราะเคยคลุกคลีกับสถานที่แบบนี้เป็นอย่างดี
          “ผ่านมาเป็นสิบปีก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะ ไอที่น่าหดหู่แบบนี้” เสียงของฮันซี่ที่เดินตามหลังมาเปรยขึ้นพลางเค้นหัวเราะ
            รีไวปรายตามองรอบๆทางเดิน เป็นเพียงแค่ความรู้สึกคุ้นชิน ที่เขาไม่ได้ถวิลหาแม้แต่น้อย แหล่งของเมืองใต้ดินที่อยู่ภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเก่าของเมือง แหล่งชุมนุมของเหล่าอาชญากรและบุคคลนอกรีต ถ้าถามว่าทำไมไม่มีเจ้าหน้าที่หรือองค์กรใดเข้ามาจัดการในเขตพื้นที่นี้ คำตอบก็คงเช่นเดียวกับที่ว่าทำไมตัวเขาถึงได้กลายเป็นบุคคลที่ขับเคลื่อนประเทศอยู่เบื้องหลัง แสงสว่างย่อมมีความมืดและคนที่อยู่ตรงกลางแบบเขาจะเรียกว่าเป็นสีเทาที่ขมุกขมัวก็คงไม่ผิด
            ปึก!
            “ขอโทษครับ” เด็กชายตัวเล็กท่าทางมอซอวิ่งสวนกับชายหนุ่มอย่างเร่งรีบจนชนเข้ากับไหล่ของรีไว เด็กชายหันมาค้อมศีรษะเพื่อขอโทษก่อนจะรีบวิ่งจากไป
            รีไวยึดไหล่ของเด็กชายเอาไว้ จนเด็กน้อยซอมซ่อหันมามองอย่างแปลกใจ
            “ฉันไม่ค่อยมีเวลานักไอหนู เอาโทรศัพท์ฉันคืนมา” นัยน์ตาสีขี้เถ้าฉายแววรำคาญจนคนถูกจ้องเหงื่อเย็นไหลซึมตอบเสียงตะกุกตะกัก
            “คุณพูดอะไรผมไม่เห็นรู้เรื่อง” เด็กน้อยตะโกนตอบกลับไปพลางสะบัดมือให้หลุดจากพันธนาการแต่ไม่เป็นผล
            “ถ้าเป็นกระเป๋าตังค์หมอนั่นคงไม่สนใจหรอก แต่โทรศัพท์นี่จะทำให้การทำงานพวกฉันลำบากถ้าไม่มีนะเด็กน้อย” เป็นฮันซี่ที่ล้วงเข้าไปที่เสื้อคลุมมอซอของเด็กชายแล้วเอาโทรศัพท์ของคนขี้รำคาญโยนคืน
            ขโมยตัวน้อยได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออก รีไวรับมือถือเก็บไว้ที่เดิมก่อนจะล้วงธนบัตรในเสื้อสูทโยนให้หัวขโมยก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่สนใจ ฮันซี่ที่มองอยู่ได้แต่ผิวปากการกระทำของเพื่อนสนิท
            “วันนี้หมอนั่นใจดีแฮะ ถือว่าโชคช่วยนะเจ้าหนู” ฮันซี่ขยี้หัวเด็กน้อยผ่านทางหมวกแก๊ปที่อีกฝ่ายสวมใส่
            “ไม่แน่ที่หมอนั่นใจดีเพราะนายมีผมสีน้ำตาลและตาสีเขียวเหมือนคนที่เรากำลังตามหา อีกอย่างเชื่อฉันเถอะว่านายหาอย่างอื่นทำดีกว่าที่มาเป็นนักล้วงแบบนี้ เพราะพวกฉันเองก็ผ่านอะไรแบบที่นายทำอยู่มาน่าดูเลยล่ะ” ฮันซ่เคาะลงบนหมวกของหัวขโมยก่อนจะวิ่งตามไล่หลังคนเดินนำหน้าที่ไม่มีทีท่าว่าจะคอยเธอ
            “รีไวและฮันซี่รีบย่ำเดินไปยังจุดหมายด้วยความคุ้นชิน ถือว่าโชคยังดีที่เขาไม่เจอคนรู้จักที่น่ารำคาญในวันนี้ เพราะถ้าคนพวกนั้นทำตัวขัดใจคนขี้หงุดหงิด วันนี้เธอคงต้องปวดหัวกับการอำพรางคดีมากมายน่าดู
            เมืองใต้ดินแหล่งอา๙ญกรไม่ใช่ที่จะเรียกว่าบ้านได้เต็มปาก แต่ก็เป็นที่อยู่อาศัยเก่าแก่ของรีไวก่อนที่จะมาอยู่บ้านเด็กกำพร้ากับฮันซี่และเอลวิน ฮันซ่และเอลวินนั้นมาจากครอบครัวแตกแยก และเกิดอุบัติเหตุกับครอบครัวจึงทำให้ไปอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า แต่รีไวเป็นเด็กที่มาจากแหล่งที่เรียกได้ว่าเลวร้าย ฮันซ่ยังจำได้ดีถึงแววตาที่ไร้ซึ่งสีสันและความสนใจในสิ่งต่างๆเมื่อครั้งแรกที่ได้เจอกับรีไว ดวงตาที่ไม่สนใจต่อสิ่งใดหรือแม้กระทั่งตนเอง และยิ่งทั้งสามถูกรับอุปการะไปอยู่ที่เดียวกัน เธอยิ่งเข้าใจดีว่าคนอย่างรีไวนั้นยากที่จะเชื่อหรือไว้ใจใคร ทำให้เธอนึกภาพไม่ออกเลยว่าคนแบบนี้จะรักใครสักคนได้
            ฮันซี่เหลือบมองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนที่เรียกได้ว่ารู้จักมานานและเธอเป็นหนึ่งในน้อยคนที่รีไวจะเชื่อใจ ใบหน้าที่นิ่งเรียบแต่แววตาที่แสดงออกถึงความร้อนรุ่มไปด้วยความกังวลนั้นฉายชัด อีกทั้งเมืองใต้ดินที่มีความทรงจำอันเลวร้ายจนทำให้รีไวไม่คิดอยากมาเท่าไร แล้วต้องไปลากตัวเธอออกมาจากที่นอนเพราะเอลวินไม่อนุญาตให้มาคนเดียว บางทีหลายเดือนมานี้อะไรรอบตัวของเพื่อนเธอดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ
            ประตูไม้ของร้านบาร์เปิดออก ถึงแม้จะเป็นช่วงบ่ายแต่สถานที่ที่แยกกลางวันกับกลางคืนไม่ออกอย่างนี้การที่ร้านเหล้าจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมงนับไม่ใช่เรื่องแปลก
            “รีไวและฮันซี่เดินเข้าไปนั่งที่บาร์โดยไม่สนใจสายตาที่มองมาด้วยคำถามมากมายจากคนรอบข้างในร้านที่เข้ามาใช้บริการ ทั้งคำพูดซุบซิบที่ลอยมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะตั้งแต่ความรู้สึกแปลกใจ ไปจนถึงคำติฉินนินทา
“ไม่เจอตั้งนาน ไม่คิดว่าจะได้เห็นนายมานั่งดื่มที่นี้อีก รีไว” ชายหนุ่มผมสีอ่อนรินชาดำใส่ถ้วยเสริ์ฟด้วยความคุ้นเคยโดยไม่ต้องรออีกฝ่ายสั่ง
            “เพราะนายยังอยู่ที่นี้ ฉันเลยยังต้องมาบ้างเป็นระยะฟาร์ลัน” รสชาติของชาที่เขาคุ้นเคยกับเจ้าของร้านและเรียกได้ว่าเป็นคนสนิทเพียงไม่กี่คนของรีไว
            ฟาร์ลันได้แต่ยิ้มบางพลางส่ายศีรษะไปมา
            “ถ้านายคิดจะมาชวนฉันออกจากที่นี้ไปอยู่องค์กรนายฉันก็ยังขอปฏิเสธเหมือนเดิม อย่างที่เคยบอกฉันรู้สึกว่าที่นี้เป็นที่ของฉัน เหมือนที่องค์กรนั้นเป็นที่ของนาย” ฟาร์ลันรินชาอีกแก้วที่เจือจางกว่าของรีไวให้กับฮันซี่
            หลายครั้งที่รีไวมาหาเขาที่ร้านก็เพราะชวนให้เขาไปอยู่องค์กรเดียวกัน แต่ช่วงหลังไม่เห็นชายหนุ่มมาจึงคิดว่าตัดใจไปแล้ว แต่ถึงยังไงเขาก็ยังคงที่จะยืนกรานปฏิเสธคำชวนและความหวังดีของชายหนุ่ม เพราะเขาคุ้นชินกับการใช้ชีวิตที่นี้มากกว่า
            รีไวส่ายศีรษะเพื่อปฏิเสธ ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
            “เรื่องชวนนายเข้าองค์ฉันตัดใจไปแล้ว ที่มาก็เพราะมีเรื่องอยากให้นายช่วย”
            ฟาร์ลันมองสีหน้าจริงจังของคนคุ้นเคย ก่อนจะชักชวนทั้งสองให้เข้าไปที่หลังร้านเพื่อพูดคุยรายละเอียด
            เมื่อเดินผ่านประตูหลังบาร์ก็จะเจอบันไดยาวลงไปยังเบื้องล่าง ฟาร์ลันใส่รหัสปลดล็อกประตูก่อนจะเชิญทั้งสองเข้าไปในห้อง ห้องไม้ที่ราวกับฐานทัพส่วนตัวของฟาร์ลันมีคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลางและชั้นหนังสือรวมถึงเครื่องมือสื่อสารต่างๆมากมายที่อยู่รอบๆห้อง
            สำหรับสถานที่ที่เป็นแหล่งมั่วสุมของเหล่าอาชญากร หรือเรียกได้ว่าโลกเบื้องหลังการที่จะหาข้อมูลข่าวสารเรื่องก่อการร้าย การลอบวางแผนต่างๆขององค์กรทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังจึงไม่ใช่เรื่องยาก ฟาร์ลันที่อยู่สถานที่แห่งนี้มานานย่อมมีข่าวต่างๆผ่านเข้าหูอย่างมากมาย และมีมากมายหลายกลุ่มที่ต้องการข่าวพวกนั้น เรียกได้ว่าจับผลัดจับผลู ผสานกับความสามารถในด้านการกรองข่าวก็ทำให้เขามีรายได้จากการขายข่าวต่างๆได้ไม่ยาก และด้วยความสามารถนี้ทำให้แหล่งข่าวของฟาร์ลันเป็นที่รู้จักกันดีว่าน่าเชื่อถือและแม่นยำกว่าหน่วยข่าวกรองขององค์กรสหภาคเสียอีก
            ฟาร์ลันเชิญให้ทั้งสองนั่งที่โซฟารับแขกก่อนจะเริ่มบทสนทนากันอย่างจริงจัง
            “ฉันอยากให้นายช่วยสืบเรื่องของเคนนี่” ไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยถาม รีไวก็บอกจุดมุ่งหมายทันที
            ชายหนุ่มผมสีอ่อนมองหน้าที่เรียบเฉยแต่แฝงด้วยความดุดันของอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ เรื่องของเคนนี่เป็นข่าวที่เขาส่งให้ทางรีไวเป็นระยะบ้างอยู่แล้วตามการร้องขอ ไม่จำเป็นที่เจ้าตัวจะต้องถ่อมาหาเขาถึงสถานที่แบบนี้ อีกทั้งด้วยความที่รู้จักกันมานานถึงแม้ใบหน้านั่นจะยังดูนิ่งเฉย แต่เขารับรู้ได้ว่าตอนนี้รีไวกำลังร้อนใจกับบางอย่างน่าดู
            “ข่าวของเคนนี่.... หรือ.....ที่จริงนายอยากให้ฉันช่วยตามหาใคร?” นัยน์ตาสีเทาฟ้าสบตากับอีกคนอย่างรู้ทัน ดูเหมือนข่าวลืมที่ว่ารีไวรับเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งมาอยู่ด้วยจะเป็นเรื่องจริง ทั้งที่ตอนแรกเขาคิดว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด
            “อย่างที่นายน่าจะพอรู้มาบ้างฟาร์ลัน พวกเราอยากให้นายช่วยตามหาเอเลน เพราะเด็กคนนี้หายตัวไปตอนที่เคนนี่กลับมา จากแหล่งข่าวของเรารู้มาว่าเคนนี่รู้เรื่องที่เอเลนอยู่กับรีไว ทางเราจึงคิดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน” ฮันซี่วางภาพของเอเลนที่ติดตัวมาให้กับชายหนุ่ม
            ฟาร์ลันเพ่งมองรูปของเด็กหนุ่ม ผมสีน้ำตาลและนัยน์ตาสีเขียวมรกตแบบนี้เขารู้สึกคุ้นเคย ราวกับเคยเจอมาก่อน ก่อนที่จะทันได้คิดอะไรเสียงกระแทกประตูอย่างถือวิสาสะก็ดังขึ้น
            พลั่ก!
            “ฟาร์ลัน ฟาร์ลัน ฉันเจอคนประหลาดด้วยล่ะวันนี้”
            “อิซาเบลฉันเคยบอกแล้วไงว่าหัดรู้จักเคาะประตูเสียบ้าง ถ้ายังทำแบบนี้ฉันจะเปลี่ยนรหัสของห้องนี้แล้วไม่ให้เธอเข้ามาอีกเลย” ฟาร์ลันมองผู้บุกรุกด้วยความปลง แต่คนบุกรุกเข้ามาหาได้สนใจกับคำตำหนิของเจ้าของห้อง
            “ขี้หงุดหงิดเดี๋ยวก็หัวล้านหรอ นี่ๆ ฟังนะ นายมีแขกงั้นเหรอ?” อิซาเบลเหมือนเพิ่งสังเกตว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของฟาร์ลัน เจ้าตัวจึงถือวิสาสะอีกครั้งลอบมองใบหน้าของแขกทั้งสอง
            “เฮ้ย! พี่ชายกับพี่สาวแปลกหน้าเมื่อกี้นี่” อิซาเบลชี้ไปที่ทั้งสองอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นลูกค้าของฟาร์ลัน
            “นายนักวิ่งราวเมื่อกี้ใช่ไหม...เจอกันอีกแล้วนะ  ว่าแต่เป็นผู้หญิงหรอกเหรอ” ฮันซี่โบกมือทักทาย
            “วิ่งราว!? หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆเลย” ฟาร์ลันดึงหมวกแก๊ปของอิซาเบลลง เจ้าตัวดีตะกายมือของฟาร์ลันก่อนจะดึงหมวกของตนออก รีไวและฮันซ่จึงได้เห็นผมยาวที่ถูกมัดไว้ทั้งสองข้างและใบหน้าหวานสมวัยของเด็กสาว
            “ฉันออกจะมั่นใจในฝีมือ แต่คนพวกนี้กลับจับฉันได้ทันทีเลย แถมให้เงินฉันมาอีก” อิซาเบลยื่นเงินให้ฟาร์ลันดูด้วยแววตาเป็นประกาย แต่ฟาร์ลันคว้าเงินนั้นออกจากมือของอิซาเบลที่มองฟาร์ลันอย่างงุนงง
            “ขอโทษด้วย คนของฉันสร้างความเดือดร้อนให้พวกนาย ทั้งยังเอาเงินของพวกนายมาอีก” ฟาร์ลันยื่นเงินคืนทั้งสองพร้อมก้มหัวขอโทษ
            “ไม่ต้องหรอก ถือซะว่าเป็นค่าแรงให้เจ้าเด็กนั่นก็ได้” รีไวมองสำรวจอิซาเบลจนเด็กสาวต้องเอามือขึ้นกอดอกราวกับปิดบังพร้อมทั้งบิดหนี
            “นี่นายคิดอะไรของนายเนี่ยตาลุงโรคจิต!” อิซาเบลตะโกนแว๊ดด้วยความไม่พอใจ แต่นั่นทำให้รีไวยกยิ้มขึ้นมุมปาก
            “ถ้าหาข่าวแล้วยังไร้เบาะแส ก็ต้องมีตัวล่อเพื่อให้เรื่องง่ายขึ้น”
            ฟาร์ลันมองสำรวจอิซาเบลสลับกับรูปของเอเลนที่มีอยู่มือ เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนมองรูปเอเลนถึงได้รู้สึกคุ้นตานัก
            “น่าจะใช้ได้อย่างที่นายว่า” ฟาร์ลันตบลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กสาวก่อนจะแนะนำให้รีไวและฮันซ่รู้จักอย่างเป็นทางการ
            “ยัยเด็กแก่แดดนี่เป็นผู้ช่วยของฉัน ถึงจะเห็นแบบนี้แต่เรื่องฝีมือไว้ใจได้” ฟาร์ลันพยักหน้าให้อิซาเบลเพื่อให้เด็กสาวแนะนำตัว
            อิซาเบลยกนิ้วโป้งจิ้มลงบนอกตัวเองอย่างมั่นใจก่อนจะแนะนำตัวด้วยเสียงดังฉะฉาน
            “ฉันอิซาเบล แม๊คโนเลีย ฝากตัวด้วยล่ะ” นัยน์ตาสีเขียวเข้มมองไปที่รีไวราวกับประเมินก่อนจะชี้ไปที่ทางชายหนุ่มจนฟาร์ลันต้องสะดุ้งโหยง
            “นายน่ะดูเหมือนฟาร์ลันจะให้ความเคารพมากเลย ถ้างั้นต่อจากนี้ฉันจะเรียกนายว่าลูกพี่ใหญ่ละกัน” ใบหน้าหวานของเด็กสาวยิ้มอย่างภูมิใจจนเห็นเขี้ยวขาว
           
 
 
 
 
           
            ในห้องทำงานบนตึกสูงขององค์กรเสรีภาพ อาร์มินยังคงง่วนกับการจัดตารางงานที่รับผิดชอบในฐานะผู้ถือหุ้นอีกส่วนหนึ่ง ในจอคอมพิวเตอร์ของเด็กหนุ่มนอกจากเอกสารรายงาน ดัชนีหุ้น ผลการวิจัยการตลาดแล้ว ยังมีหน้าต่างข้อมูลข่าวสารต่างๆเปิดขึ้นอีกมากมาย เด็กหนุ่มคัดกรองข่าวอย่างรวดเร็วรวมถึงข้อมูลของโรงพยาบาลในละแวกนี้ที่มีอยุ๋อย่างมากมาย แต่ความเร็วในการคัดกรองข้อมูลของอาร์มินเรียกได้ว่าอัจฉริยะ เพียงแค่ปรายตามองเจ้าตัวก็สามารถรู้ได้ว่าใช่ข้อมูลที่ตนต้องการหรือไม่
            แปลจังนะ ในรายชื่อคนเดินทางไม่เห็นมีชื่อของคุณเอเลนอยู่เลย ที่โรงพยาบาลก็ไม่มีชื่อของคุณเอเลนเหมือนกัน.... ..  เหมือนเมื่อเร็วๆนี้จะมีข่าวอุบัติเหตุรถชนแถวๆนี้ และเป็นวันเดียวกับที่คุณเอเลนหายตัวไป น่าสงสัย...
            อาร์มินเชครายชื่อผู้ที่เข้าโรงพยาบาลวันเดียวกับที่เกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง แต่ไม่พบชื่อของเอเลนอยู่เลย เด็กหนุ่มจึงเปลี่ยนจากชื่อของเอเลนเป็นหาข้อมูลของผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์วันนั้นแทน จากข้อมูลที่ได้วันนั้นมีผู้เข้าโรงพยาบาลในละแวกนี้ด้วยสาเหตุของอุบัติเหตุรถชน 3 ราย ตัดไปหนึ่งรายที่เป็นเพศหญิง อีกสองรายที่เป็นเพศชาย ในสองรายนี้มีหนึ่งคนที่อายุ17 อเล็กซ์ สมิท น่าแปลกที่ไม่มีรูปผู้ป่วยทั้งที่ทางโรงพยาบาลจะต้องถ่ายรูปผู้รับบริการไว้ทุกคน อีกทั้งนามสกุลสมิท ทำให้เขารู้สึกติดใจ เพราะนามสกุลเดียวกับเอลวิน ผู้เป็นเจ้าขององค์กรที่เขาร่วมทำงานด้วยอยู่นี้ จากเท่าที่เขาเคยสืบประวัติทั้ง รีไว ฮันซ่ และเอลวิน ทุกคนล้วนมาจากบ้านเด็กกำพร้าเดียวกัน แต่เดิมทั้งสามคนนั้นใช้นามสกุลเดียวกัน แต่เมื่อบรรลุนิติภาวะ และจัดการเรื่องผู้สืบทอดองค์กรเรียบร้อย ทั้งสามจึงแยกย้ายไปเปลี่ยนนามสกุลตามที่ตนเองต้องการ และช่วงนี้ คุณเอลวิน ถึงจะยังเข้างานตามปกติแต่คนช่างสังเกตอย่างอาร์มินรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มมาช้ากว่าทุกครั้ง และกลับเร็วในช่วงนี้ อีกทั้งยังคอยรับโทรศัพท์ส่วนตัวบ่อยๆ แม้นามสกุลสมิท จะเป็นนามสกุลที่หาได้ทั่วไปในประเทศนี้ หรือจะเรียกว่าทั่วโลกเลยก็ได้ แต่ถ้าโยงข้อสงสัยทั้งหมดเข้าด้วยกันบางที อเล็กซ์ สมิท อาจให้คำตอบตามที่เขาตามหา
            ใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มยกยิ้มอย่างสนุก ดูเหมือนว่าเขาควรจะหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนและกระชับความพันธ์กับเจ้าของกิจการบ้างคงจะดี...
 
           
            [อย่างนั้นเหรอ ถ้าใช้วิธีนั้นคงล่อเคนนี่ออกมาได้] เอลวินรับฟังรายงานผลปลายสายจากฮันซ่ ดูเหมือนว่าการเจรจาวางแผนกับฟาร์ลันจะเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสองกำลังแยกย้ายกลับที่พัก
            [ถ้าหมอนั่นตามหาเอเลนด้วยเหมือนกันคงจะติดกับตามที่เราวางไว้] ฮันซี่เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจยาว
            [ว่าแต่เอลวิน อเล็กซ์ ไม่สิ เรื่องของเอเลนนายจะทำไงต่อ ดูหมอนั่นจริงจังมาก ถ้าเขารู้ว่าเคนนี่ไม่ได้เอาตัวเอเลนไปแต่เป็นนายจะทำไง?] ฮันซี่ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ให้ตายสิไม่คิดเลยว่าเธอจะต้องมาช่วยปิดบังเรื่องแบบนี้กับรีไว
            [เรื่องนั้นไว้ฉันจะหาทางรับมือเอง ที่น่าเป็นห่วงคือความทรงจำของเอเลนที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไรมากกว่า]
            [ไม่ใช่ว่าตอนนี้นายกำลังสนุกกับการเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าหนูนั่นและปั่นหัวรีไวอยู่หรอกนะ นี่เอลวินเมื่อก่อนฉันคิดว่าคนอย่างรีไวคงไม่คิดที่จะสนใจใคร แต่พอมาเจอเจ้าหนูนั่นหมอนั่นก็เปลี่ยนไป ตอนนี้ฉันเริ่มคิดแล้วว่าบางทีนายเองอาจไม่ได้รู้สึกแค่สนุกกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้เพียงอย่างเดียว] น้ำเสียงที่ขี้เล่นของฮันซี่เปลี่ยนเป็นจริงจังคาดคั้น
            [เธอกังวลมากไปแล้วฮันซี่ ฉันก็แค่อยากจัดการเรื่องของเคนนี่ให้จบ แล้วฟื้นฟูความทรงจำของเอเลนให้เป็นปกติเสียก่อน] เอลวินยังคงยืนกรานเจตนารมณ์
            [......ฉันคงจะคิดมากไป.... วันนี้ฉันเหนื่อยแล้วไว้ค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลังแล้วกัน]
            เอลวินวางสมาร์ทโฟนของตนเองไว้บนโต๊ะ สิ่งที่ฮันซี่พูดเหมือนจะกระทบจิตใจเขาอยู่ไม่น้อย แต่เดิมเขาแค่ต้องการสอนให้รีไวรู้จักที่จะอดทน และเพียงต้องการจัดการเรื่องของเคนนี่ที่คาราคาซังอย่างยาวนานให้สิ้นสุดเพียงเท่านั้น
            ก๊อก ก๊อก
            “ขอโทษครับผมมารบกวนรึเปล่า?” เด็กหนุ่มแง้มประตูเข้าพลางรอคอยอีกคนตอบด้วยเกรงว่าจะเป็นการมารบกวน
            “เสร็จแล้วล่ะอเล็กซ์ เข้ามาสิ” เอลวินกวักเมือเรียกเด็กหนุ่มให้เข้ามาหา
            เอเลนเดินเข้าไปหาชายหนุ่มพลางวางชาและของว่างยามบ่ายให้ที่โต๊ะ
            “ไม่รู้ว่าคุณจะชอบไหม แต่ผมเห็นของในครัวมีแล้วเลยลองทำดูนะครับ” เด็กหนุ่มเกาแก้มของตัวเองด้วยความเขินระคนประหม่า
            เอลวินหยิบคุกกี้ในถาดขึ้นมาชิมก่อนจะพยักหน้าและยิ้มให้เด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน
            “นายทำขนมอร่อยนะอเล็กซ์ นายไม่น่าลำบากเลยทั้งที่ร่างกายยังไม่หายดี” เอลวินลูบลงบนผมสีน้ำตาลพลางมองขาและแขนที่ยังคงเข้าเฝือกของอีกฝ่าย
            “ผมอยากทำอะไรให้คุณเอลวินบ้างน่ะครับ เอาแต่นั่งๆนอนๆ และอ่านหนังสือเห็นคุณทำงานอยู่คนเดียวมันรู้สึกไม่ดีเลย” เด็กหนุ่มยิ้มบาง
            เอลวินลูบผมสีน้ำตาลน่าเอ็นดูของอีกฝ่ายก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มนิ่มของเด็กหนุ่ม
            “ขอบคุณ ฉันเคลียงานเสร็จแล้วจะไปเล่นด้วยนะอเล็กซ์”
            เอเลนพยักหน้าพลางยิ้มร่าให้กับเอลวินก่อนจะขอตัวกลับไปอ่านหนังสือที่ห้องหนังสือตามเดิม
            ชายหนุ่มมองชาร้อนที่ยังคงมีควันกรุ่นจากถ้วยก่อนยกขึ้นจิบ กลิ่นของชาและรสชาติทำให้เขาหัวเราะขำในลำคอ
            “รสชาติแบบที่รีไวชอบเลย”

TBC.
........................................................................................................................
Talk: ขอโทษที่หายไปนานค่ะ เพิ่งว่าง //โค้งสามที
อัพเดทข่าวค่ะ สงสัย Last รวมเล่มภายในปีนี้ไม่ทัน อาจต้องต้นปีนะคะ เพราะคาดว่าแก้ไข้อมูลเสร็จส่งพิมพ์คงเดือนนี้ แต่กว่าจะพิมพ์เสร็จคงปีหน้าค่ะ
แล้วจะมาอัพเดตเรื่อยๆ แม้ช่วงนี้จะ สโลว์แต่รักทุกคนเช่นเดิมนะคะ 

2 ความคิดเห็น:

  1. จะเล่นอะไรกับเอเลนคะป๋า!! สงสัยอะ555 ไม่ค่อยไว้ใจ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อาจจะไม่ได้เล่นกับเอเลนคนเดียวนะคะ หุหุ

      ลบ