วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Fic. [AU]: Attack On Titan: ล่ารักอันตราย (Part II) Chapter 7: Alex

Fic. [AU]: Attack On Titan: ล่ารักอันตราย (Part II)
Pairing: (Levi x Eren)
……………………………………………………………………………………..
Chapter 7: Alex
 
          “แบบนี้น่าจะใช้ได้แล้ว” ฮันซี่ปาดเหงื่อตนเองพลางจับอิซาเบลที่ตอนนี้เธอแปลงโฉมจากเด็กสาวให้กลายเป็นเด็กหนุ่ม
            “หน้าตาน่ารักชะมัด!” อิซาเบลมองตัวเองในกระจกพลางหันซ้าย ขวา สำรวจใบหน้าที่ตอนนี้โดนแปลงโฉม
            “อยู่ที่นี้ก็รักษาความสะอาดด้วย ถ้าฉันเห็นว่าห้องนี้เลอะแม้แต่น้อยพวกนายคงรู้ว่าต้องชดใช้ยังไง” นัยน์ตารีขวางมองอิซาเบลและฟาร์ลันอย่างคาดโทษไว้ล่วงหน้า
            ฟาร์ลันได้แต่หัวเราะแห้ง ให้ตายสิไม่ว่าเมื่อไรนิสัยแบบนี้ของคนอย่างรีไวไม่เคยเปลี่ยนเลย
            “ว่าแต่ข้อมูลที่ได้มา เด็กที่ชื่อเอเลนนั้นอาศัยอยู่กับนายไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงให้เรามาอยู่ห้องนี้แทนล่ะ?” ฟารืลันเดินสำรวจรอบห้องที่ต้องมาอยุ่ตามแผนการ แต่เท่าที่เขาได้ข้อมูลที่จริงเขาควรต้องไปอยู่คอนโดเดียวกับรีไว แต่เจ้าตัวกลับให้กุญแจอพาร์ทเมนต์ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโดแทน ถ้าให้เขาเดาอาจเป็นห้องของเอเลน เพราะตู้เก็บของในห้องเต็มไปด้วยกล้องต่างๆมากมาย แต่ที่น่าแปลกใจ ดูเหมือนห้องนี้จะไม่ค่อยถูกใช้งานเท่าไรเพราะของทุกอย่างยังคงดูใหม่อยู่มาก
            “ฉันไม่คิดจะให้คนแปลกหน้าเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของฉัน”
            คำตอบของรีไวทำเอาฮันซี่ต้องกลั้นหัวเราะ ไม่คิดให้คนแปลกหน้าเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว แต่กับเอเลนที่บังคับให้ไปอยู่ด้วยเรียกได้ว่าก็เป็นคนแปลกหน้าดีๆนี่เองเหมือนกัน ช่างเป็นคนเอาแต่ใจและเลือกที่รักมักที่ชังจริงๆให้ตายสิ
            “แล้วแต่ก็แล้วกันนายเป็นคนจ่ายเงินนิ” ฟาร์ลันนั่งลงบนโซฟาพลางทยอยจัดของที่ติดตัวมาเข้าที่
            “ตามแผนให้อิซาเบลปลอมเป็นเอเลน ส่วนรีไวก็จะต้องมาหาอิซาเบลที่ห้องนี้บ่อยๆเพื่อให้ทางนั้นปักใจว่าอิซาเบลคือเอเลนตัวจริง” ฟาร์ลันเริ่มอธิบายแผนการคร่าวๆ
            “นี่ฉันจะได้เห็นรีไวไปออกเดทกับสาวน้อยวัย 17 เหรอเนี่ย ดูอันตรายชะมัด” ฮันซี่หัวเราะลั่นพลางชี้หน้าคนที่ถูกพาดพิง
            “นี่ลูกพี่แล้วถ้าต้องไปเดทกับลูกพี่ฉันต้องทำไง ต้องอ้อนลูกพี่แบบนี้ไหม?” อิซาเบลยกมือขึ้นมาท้าวคางพลางมองชายหนุ่มด้วยสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์ จนรีไวต้องดันหน้านั้นให้หงายหลังออกไปจากรัศมีสายตา
            “อะไรเนี่ยลูกพี่เขินรึไง?!” อิซาเบลโวยวายพลางปัดมือชายหนุ่มออก
            “เปล่าเลย ฉันแค่ขนลุก” ตั้งแต่อยู่ด้วยกันบอกตามตรงเขานึกภาพเอเลนอ้อนเขาไม่ออกหรอกนะ พอเห็นคนที่หน้าตาคล้ายกันมาทำแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ
            “เรื่องไปเที่ยวไม่ต้องห่วง ส่วนมากฉันไม่ค่อยออกไปไหนกับหมอนั่นอยุ่แล้ว และอีกอย่างเจ้าหนู่นั่นชอบที่จะออกไปซื้อของคนเดียวเสียมากกว่า”
            “ถ้างั้นก็ง่ายเลย นายแค่มาที่นี้ทุกวันหลังเลิกงานก็พอแล้ว” ฟาร์ลันบันทึกสิ่งที่ต้องทำลงสมุดพก
            “ขอย้ำอีกครั้งนะยัยหนู อีกฝ่ายเป็นเคนนี่เพราะงั้นเธอควรระวังตัวเองให้ดี ถ้าพลาดขึ้นมาหรือหมอนั่นจับได้ว่าเธอเป็นตัวปลอม เตรียมบอกลาโลกนี้ได้เลย” นัยน์ตาสีขี้เถ้ากำชับอย่างจริงจัง
            “รู้แล้วน่าลูกพี่ เชื่อมือฉันเถอะน่า” อิซาเบลแลบลิ้นใส่ชายหนุ่ม ต่อให้เธอยังเด็กแต่เรื่องการเอาตัวรอดเธอมีประสบการณ์อย่างโชกโชน ของแบบนี้ไม่จำเป้นต้องให้คนอื่นมาบอกเธอหรอกน่า
            “ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วฉันขอตัวก่น” รีไวหันหลังเตรียมเปิดประตูกลับออกไป
            “เฮ้ รีไวแล้วนายจะไม่อยู่ที่นี้เพื่อให้เคนนี่ตายใจสักหน่อยเหรอ?” ฮันซี่ตะโกนถามพลางเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม
            “ไม่จำเป็น สายของฉันบอกมาว่าหมอนั่นตอนนี้กำลังจัดการงานอยู่ที่อีกซีกโลก และข่าวเรื่องที่ว่าเจอเอเลนแล้วก็เพิ่งจัดการปล่อยไปเมื่อเช้า ตอนนี้ถ้าพวกนายอยากพักก็พักซะ ฉันมีอย่างอื่นที่ต้องทำ” รีไวเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจเสียงของฮันซ่ที่ยังคงเรียกหวังรั้งเอาไว้ เมื่อประตูปิดลงหญิงสาวจึงได้แต่ถอนหายใจรับสภาพ
            “ตามที่รีไวบอกก็แล้วกัน เราพักเอาแรงไว้ก่อน...” ฮันซ่หันไปบอกทั้งสองคนที่ยังคงมองอยู่
            “ช่วงนี้ลูกพี่งานยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” อิซาเบลเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่ารีไวดูไม่สนใจกับการดำเนินการนี้เท่าไร
            ฮันซี่เกาแก้มของตนพลางส่ายศีรษะไปมา
            “งานขององค์กรน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่ทุกวันหมอนั่นจะขับรถไปตามหาเอเลนน่ะสิ”
 
 
 
            คฤหาสน์สีขาวสไตล์ยุโรปในเขตพื้นที่ที่อยู่อาศัยของคนรวย อาร์มินบีบแตรรถเพื่อส่งสัญญาณเรียกผู้ที่อยู่ด้านใน กล้องวงจรปิดหน้าประตูหมุนเข้าหาเด็กหนุ่ม ใบหน้าหวานยิ้มให้กล้องพลางโบกมือทักทาย
            “คุณเอลวิน ผมมีเอกสารด่วนให้คุณเซ็นต์น่ะครับ รบกวนเปิดประตูให้หน่อยครับ” อาร์มินบอกจุดหมายของการมาเยี่ยมเยียนผ่านไมค์ที่ติดอยู่ด้านหน้าประตู
            พ่อบ้านและหน่วยรักษาความปลอดภัยส่งสัญญาณภาพไปยังสมาร์ทโฟนส่วนตัวของผู้เป็นนายใหญ่ของบ้าน ทันทีที่เห็นคนมาเยี่ยมเยียนเอลวินได้แต่หัวเราะขำอย่างชอบใจ อาร์มิน อัลเลตโต้ เก่งไม่เบา เขาไม่เคยบอกใครเรื่องที่อยุ่อาศัย อีกอย่างคนอย่างอาร์มินคงไม่ใช้วิธีง่ายๆอย่างการถามเพื่อนร่วมงานเป็นแน่ เจ้าหนูนี่คงเจาะเข้าระบบข้อมูลแล้วหาที่อยู่ของเขาจนเจอ
            “คนรู้จักของฉันเองให้เข้ามาได้”
            หลังได้รับคำสั่งยืนยันจากเจ้าของบ้าน ประตูรั้วสีน้ำเงินเมทัลลิคจึงเปิดออกต้อนรับแขกผู้มาเยือนโดยมิได้นัดหมาย
            เอลวินจัดเก็บเอกสารในห้องหนังสือเตรียมเปลี่ยนที่ไปยังห้องรับแขกเพื่อต้อนรับอาร์มิน นัยน์ตีฟ้าน้ำทะเลเหลือบมองนาฬิกาบนพนังที่ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว โชคดีที่วันนี้เอเลนออกไปซื้อของแถวชาเมืองกับไมค์ ถ้าเขาคาดการณ์ไม่ผิดอีกราวๆสองชั่วโมงทั้งสองคนนั้นจะกลับมา เขาจึงมีเวลามากพอที่จะจัดการแขกไม่ได้รับเชิญให้เสร็จสิ้น
            อาร์มินจัดเตรียมเอกสารแสร้งให้ดูเหมือนว่าเขาจงใจมาเพราะมีเอกสารสำคัญที่ต้องตรวจดูจริงๆ
            “นายไม่น่าลำบากเลย ที่จริงโทรและส่งเมลมาหาฉันก็ได้” เอลวินยิ้มทักทายแขกก่อนจะนั่งลงที่โซฟาอีกด้านพร้อมทั้งสั่งเมดสาวให้จัดเตรียมชาและของว่างต้อนรับอีกฝ่าย
            “ไม่ลำบากหรอกครับ ดีเสียอีกที่ผมเจอจุดบกพร่องในองค์กร” รู้ดีว่าเอลวินรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องได้ที่อยู่มาโดยการลอบล้วงข้อมูลขององค์กรแน่นอน
            “นั่นน่ะสินะ คงต้องขอบใจนายแบบนี้ฉันจะได้ปรับปรุงระบบให้รัดกุมขึ้นอีก”
            “ให้ผมช่วยรับตรวจสอบและดูให้ก็ได้นะครับ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร”
            เอลวินหัวเราะในลำคอก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
            “คงต้องรบกวนนายแล้วอาร์มิน”
            อาร์มินยิ้มพร้อมค้อมศีรษะรับคำ ดูเหมือนเอลวินไม่คิดว่าเขาจะสนใจขโมยข้อมูลขององค์กรเลยตอบรับง่ายๆ หรือไม่ก็อาจเพราะมั่นใจว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นคนอย่างเอลวิน สมิธ จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
            เพื่อไม่เห้นเป็นที่น่าสงสัย หรือที่จริงควรบอกว่าแค่ทำตามที่ตนกล่าวอ้าง อาร์มินจึงยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลพร้อมแฟ้มเอกสารให้กับเอลวิน
            “ข้อมูลเรื่องการส่งออกสินค้า และเอกสารสัญญาอนุมัติการส่งออกของหน่วยงานรัฐบาล ถึงแม้ว่าวันกำหนดจะเป็นอีกสองอาทิตย์ แต่ผมเกรงว่าจะมีข้อผิดพลาดเลยเลื่อนจัดการข้อมูลให้เรียบร้อยก่อนน่ะครับ”
            เอลวินตรวจสอบเอกสารข้อมูลทั้งหมด ที่จริงเขาแค่จะดูผ่านตาก็ได้เพราะหลังจากได้อาร์มิน มาช่วยงานด้านเอกสารต่างๆเรียกได้ว่าละเอียดครบถ้วนและไร้ที่ติจนเขาแทบไม่ต้องตรวจซ้ำอีกรอบ เพียงแต่ในเมื่อวันนี้เจ้าตัวอุตส่าห์ใช้ข้อมูลนี้เพื่อเข้ามาตรวจสอบบ้านของเขา จะดูผ่านๆก็คงเป็นการเสียมารยาทไปหน่อย
            “จะว่าไปผมยังไม่เคยเจอคุณไมค์ ซาคาเรีย เลยนะครับ ทั้งที่เขาก็กลับมานานแล้ว”
            เอลวินสบตากับใบหน้าหวานที่ยังคงยิ้มให้อย่างสุภาพ ชายหนุ่มยกยิ้มตอบกลับให้อีกฝ่ายเช่นเดียวกัน
            “ฉันให้เขาจัดการงานพิเศษน่ะ เลยไม่ได้ให้เข้าบริษัท อีกอย่างไมค์เองก็เดินทางบ่อยๆถึงนายจะไม่ได้เจอก็คงไม่มีผลกระทบกับงาน”
            “ก็จริงอย่างที่คุณพูด เพียงแต่ผมแค่คิดว่าไหนๆก็เป็นคนบริษัทเดียวกันทั้งทีน่าจะทำความรู้จักไว้น่ะครับ”
            ดวงตาสีฟ้าของทั้งสองจ้องมองกันด้วยความรู้ทันอีกฝ่าย ถูกใจ แต่ไม่ถูกชะตา ก็เพราะเหมือนกันเกินไปจึงทำให้กินไม่เข้าคายไม่ออก
            เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดทำให้เอลวินหันไปมองก่อนจะรู้สึกหน้าเสียเล็กน้อยแล้วต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อเห็นว่ารถเบนซ์สีขาวที่ตนใช้ประจำขับกลับเข้ามาในตัวบ้านแล้ว ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันของเขาเอาเสียเลย
            “อเล็กซ์บอกว่าไม่อยากได้เสื้อผ้าใหม่เลยกลับเร็วน่ะ” ไมค์รายงานทันทีที่เปิดประตูเข้ามาภายในบ้าน
ไมค์มองหน้าเอลวินที่แม้จะยังทำหน้าเรียบเฉยแต่รอยยิ้มของเจ้าตัวกลับดูแปลกๆพิกล แต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มอีกคนจึงคาดเดาว่าอาจเป็นเพราะแขกผมสีทองที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“นายมีแขกงั้นเหรอ?”
อาร์มินลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งยิ้มทักทายให้กับชายหนุ่มร่างใหญ่ ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อทักทาย
“สวัสดีครับ คุณคงเป็น ไมค์ ซาคาเรีย ผมอาร์มิน อัลเลตโต้ ผู้ช่วยและหุ้นส่วนคนใหม่”
ไมค์ยื่นมือจับตอบกลับพร้อมทั้งพยักหน้ารับรู้
“ยินดีที่ได้รู้จักอาร์มิน ฉันได้ยินเรื่องของนายจากเอลวินมาบ้างแล้ว ดีใจที่ได้พบตัวจริง”
“ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติเช่นกัน” อาร์มินมองลอดหลังของคนตัวใหญ่กว่าพลางเห็นเงาของใครบางคนที่ค่อยๆขยับตามมาอย่างช้าๆ จนถึงหน้าประตู
“คุณไมค์ผมเดินจากโรงจอดรถกลับเข้ามาเองเลยนะ อีกไม่นานต้องได้เอาไอเจ้านี้ออกแล้วแน่ๆ” เอเลนเข้ามาเกาะแขนชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าพลางเล่าอย่างตื่นเต้น
“ขอโทษครับมีแขกงั้นเหรอ?” เมื่อเห็นว่ามีคนที่ไม่รู้จักอยู่อีกคนเด็กหนุ่มจึงหันมาค้อมศีรษะเพื่อทักทาย
อาร์มินยิ้มให้กับเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลก่อนจะแนะนำตนเองอีกครั้ง
“สวัสดีครับผมชื่ออาร์มิน เป็นลูกน้องของคุณเอลวินน่ะครับ ใส่เฝือกแบบนั้นคงจะลำบากน่าดูแต่ดูเหมือนคุณจะจัดการกับมัได้ดี”
เอเลนยื่นมืออีกข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกให้กับเด็กหนุ่มก่อนจะยิ้มตอบเช่นกัน
“สวัสดีครับ ผมอเล็กซ์ สมิธ เออ... คุณคงรู้อยู่แล้ว ว่าผมเป็นลูกบุญธรรม คุณเอลวิน”
อาร์มินเหลียวหลังไปมองคนที่ชื่อว่าเป็นพ่อบุญธรรมพลางยกคิ้วขึ้นราวกับจับผิด แต่เอลวินยังคงเพียงยกชาขึ้นดื่มและมีทีท่าสบายๆ
“แน่นอนครับอเล็กซ์ ผมรู้อยู่แล้ว” อาร์มินเล่นไปตามสถานการณ์
“ดีจัง คุณพอรู้อะไรเกี่ยวกับผมบ้างไหม? คือเพราะอุบัติเหตุทำให้ผมมีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำนิดหน่อย”
“อย่างนั้นเหรอครับ คงลำบากแย่ แต่ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ผมจะช่วยเต็มที่เลยนะครับ คุณอเล็กซ์”
ไมค์ และเอเลน ต่างเข้ามานั่งบนโซฟาเพื่อพูดคุยกับแขก โดยเฉพาะเอเลน ที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นกับการเจออาร์มิน
“ทั้งที่อาร์มินดูน่าจะอายุเท่าผมแต่เป็นผู้ช่วยคุณเอลวินแล้วงั้นเหรอครับ คุณนี่ต้องเก่งมากแน่ๆ” เอเลนตาเป็นประกาย ยิ่งเมื่อเห็นคนอายุไล่เลี่ยเขาแต่กลับสามารถทำงานในตำแหน่งสูงได้แบบนี้
“ไม่หรอกครับ ผมมีดีแค่ชอบเรียนหนังสือน่ะครับ แต่คุณอเล็กซ์น่ะมีสิ่งที่น่าสนใจกว่าผมเยอะเลย”
นัยน์ตาสีมรกตหมองลงเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ เพราะตอนนี้จำอะไรไม่ได้ เขาจึงไม่รู้ว่าควรทำยังไง อะไรคือพรสวรรค์ และสิ่งที่เขาทำได้กับ? และเพราะยังขยับตัวได้ไม่มากนักจึงทำให้เขาไม่สามารถออกไปไหนตามใจตัวเองได้ การที่เจออาร์มินในวันนี้อย่างน้อยทำให้เขารู้สึกว่ายังมีคนที่รู้จักเขาอยู่อีก นอกจาก เอลวิน ไมค์ และคนอื่นๆในคฤหาสน์หลังนี้
“จริงสิ พูดถึงเรื่องเรียน วัยอย่างเราคงต้องเรียนอยู่ ม.ปลายใช่ไหม แล้วถ้าผมไปโรงเรียนบางทีอาจทำให้นึกอะไรออกก็ได้” เอเลนตาเป็นประกายด้วยความหวังอีกครั้ง
นัยน์ตาสีมรกตทอประกายสบกับนัยน์ตาสีฟ้าของผู้ชื่อว่าเป็นพ่อบุญธรรม เป็นครั้งแรกที่เอลวินรู้สึกอยากหลบสายตาทอประกายของเด็กหนุ่มจึงได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ
“ขอโทษนะเอล็กซ์ แต่ปกติแล้วนายจะมีครูมาสอนพิเศษที่บ้านเพราะฉันต้องเดินทางบ่อยแล้วนายก็ไปกับฉันด้วย การที่จะเข้าโรงเรียนเลยไม่สะดวกเท่าไร” เอลวินพยายามประมวลผลหาคำตอบเพื่อมารองรับคำถามของเด็กหนุ่ม
“เอ๋ แล้วถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่ให้ผมอยู่โรงเรียนประจำ หรือว่าให้อยู่คนเดียวก็ได้นี่ครับ?” ใบหน้าหวานเอียงคอมองอย่างครุ่นคิด อายุประมาณเขาน่าจะชอบอยุ่คนเดียวโดยไม่มีผู้ปกครองมาจุ้นจ้านแล้วทำไมเขาถึงไม่ได้ไปโรงเรียนกันล่ะ?
“ก็เพราะว่านายชอบที่จะเดินทางไปกับฉัน อีกอย่างนายก็ติดฉันมากด้วยน่ะอเล็กซ์” เอลวินหลุบสายตาลงต่ำพลางตอบเด็กหนุ่มที่ยังคงเอียงคอถามอย่างสงสัย
“ถ้าอย่างนั้น เมื่อไรผมจะได้เรียนอีกล่ะครับ อยู่แบบนี้ผมเริ่มเบื่อ” เอเลนถอนหายใจพลางหยิบหมองอิงขึ้นมากอด ทำไมดูชีวิตเขามันลึกลับนักนะ ทั้งที่คิดว่าจะได้เจอใครต่อใครที่รู้จักเขาและช่วยเขาฟื้นความทรงจำแท้ๆ
“ดูเหมือนว่าช่วงคุณเอเลนเข้าโรงพยาบาล พวกอาจารย์เองก็ต่างมีงานด่วนเข้ามา ถ้าไม่รังเกียจระหว่างที่กำลังหาอาจารย์ให้ผมช่วยสอนคุณก่อนไหมครับ อีกอย่างเราอายุไล่เลี่ยกันน่าจะเข้ากันได้ดีกว่าด้วยจริงไหม?” อาร์มินยกมือยื่นข้อเสนอ
เอลวิน ที่คิดว่าจะปฏิเสธอย่างสุภาพ แต่เมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยความหวังนั้นแล้วของเอเลนเขาจึงได้แต่พยักหน้ารับ ให้ตายสิดูเหมือนเขาเริ่มจะแพ้ทางเจ้าลูกหมานี่แบบรีไวเสียแล้ว
“ถ้าเอเลนคิดว่าดี ฉันก็อนุญาต”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เอลวินพลางโผกอดเต็มแรง
“ขอบคุณมากครับ คุณเอลวิน”
อาร์มินมองภาพตรงหน้าพลางหัวเราะขำออกมา ให้ตายสิคนพวกนี้ทำเขาสนุกไม่รู้จักเบื่อเลยจริงๆ

TBC.
....................................................................................
Talk: รีบมาลงก่อนค่ะ จะมาแจ้งว่าขอหายตัวไปรีไรท์ Last Memory ให้เสร็จก่อนนะคะ เพื่อส่งโรงพิมพ์ให้ทุกท่านได้ไปครอบครองกันเสียทีค่ะ งืออออออ ขอบคุณที่รอคอยค่ะ
//รักทุกคนเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือต้องขยันและอดนอน.......

7 ความคิดเห็น:

  1. รอ...รอมานานมาๆ มากของมากของมาก รีบมาต่อเตอะไรท์ พรีททททททททททททททททททท

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ก็ว่าทำไมวันนี้ตื่นมาร้อนๆหนาวๆ ...จิพยายามมาต่อนะคะงือออ

      ลบ
    2. รีบๆมาต่อเน้อ เค้ารออยู่ เดะเล่นเกมส์ยันเดเระ ซิมูเลเตอร์ รอ หุหุ

      ลบ
  2. มาต่อไวๆนะค่ะ ท้งฟาโรหแล้วก็เรืองนี้ด้วยยย

    ตอบลบ
  3. มาต่อไวๆนะค่ะ ท้งฟาโรหแล้วก็เรืองนี้ด้วยยย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ต่อแล้วค่าา ตาแก่โม่ยนี่ขายดีมากมาย

      ลบ