วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ล่ารักอันตราย (Part II) Chapter 3: Risk


Fic. [AU]: Attack On Titan: ล่ารักอันตราย (Part II)

Pairing: (Levi x Eren)

……………………………………………………………………………………..

Chapter 3: Risk

 

            เอลวินอ่านกราฟแสดงดัชนีตลาดหุ้นก่อนจะคลิกขายหุ้นที่ดูไร้ประโยชน์สำหรับตนออกไป ความถี่ของกราฟและค่าผกผันที่คนไม่คุ้นเคยดูแล้วต้องปวดหัว แต่สำหรับนักเล่นหุ้นที่มากประสบการณ์เป็นอะไรที่ท้าทายเสมอ การคาดเดาแนวโน้มของตลาดและค่าผกผันเป็นสิ่งที่เอลวินคุ้นเคยและถนัด เขาสามารถคาดเดาอัตตราการขึ้นลงของหุ้นได้อย่างแม่นยำน้อยครั้งที่เขาจะคำนวณพลาด แต่ในความผิดพลาดนั้นกลับทำให้เขารู้สึกสนใจเสียยิ่งกว่าสิ่งที่เป็นไปตามที่เขาคาดเดา เช่นเดียวกับการอ่านคนและเลือกใช้คนรอบตัวในองค์กรที่แตกต่างกันออกไป ถึงอย่างนั้นชายผู้ชื่อว่า เอลวิน สมิธ แม้จะดูเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาแต่หลายครั้งที่ความคิดของเขาก็ยากที่จะเข้าใจ หลายคนมองว่าเขาคือชายผู้มีพรสวรรค์ และอีกหลายคนมองว่าเขาเป็นบุคคลที่อันตรายและน่ารังเกียจ

           

แกร๊ก

           

            เสียงประตูที่เปิดออกทำให้นัยน์ตาสีฟ้าละออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ชำเลืองมองผู้มาเยือน ก่อนจะกลับไปตั้งหน้าตั้งตาจัดการดูตลาดหลักทรัพย์ตรงหน้าอีกครั้ง ยังไงคนที่เข้ามาถึงห้องชั้นบนสุดของเหล่ากรรมการบริษัทที่มีการคุ้มกันมากมายขนาดนี้ ก็มีเพียงเหล่าคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี

            “วันนี้นายมาสายนะรีไว” แม้ถ้อยคำจะเหมือนตำหนิ แต่คนที่ถูกกล่าวถึงรู้ดีว่าชายหนุ่มผมทองต้องการหยอกเขาเล่นเท่านั้น

            “มัวแต่ทำความสะอาดน่ะ” รีไวจัดการถอดสูทสีเทาของตนพาดไว้กับพนักเก้าอี้ทำงาน แล้วจัดการเข้ารหัสเครื่องแลปท๊อปของตน

            น้ำเสียงที่เน้นย้ำว่า ทำความสะอาด ของรีไวอย่างจงใจเท่ากับบอกว่าไม่ใช่การทำความสะอาดคอนโดของชายหนุ่มแน่นอน อีกทั้งวันนี้ไม่มีรายงานที่เขาต้องจัดการส่งมือขวาคนสนิทไปจัดการเก็บกวาด การทำความสะอาดครั้งนี้ของเข้าตัวขึงเท่ากับว่าเป็นการทำความสะอาดแบบส่วนตัวที่ไม่ต้องคาดเดาเขาก็รู้ว่าหมายถึงใคร

            “ดูเหมือนนายจะถูกใจกับเอเลนเป็นพิเศษมากกว่าที่ฉันคิด” เอลวินจัดการทำการปิดคำสั่งการซื้อขายหุ้น ใบหน้าสุขุมมองมือขวาคนสนิทอย่างให้ความสนใจ

            “ถ้านายยังไม่แก่เกินกว่าที่ความจำจะเลอะเลือนนะเอลวิน ฉันเป็นพวกรักความสะอาดและไม่ชอบให้ของของฉันมีสิ่งแปลกปลอม หรือแม้กระทั่งกลิ่นแปลกๆโดยที่ฉันไม่อนุญาต”

            เอลวินเลิ่กคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ รีไวหยิบปากกาจากในลิ้นชักขึ้นมาเซ็นต์เอกสาร ก่อนจะเอาปากกาชี้ไปยังชายหนุ่มผมทองที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันนัก

            “กลิ่นยูโฟเรียโกลด์ของนายมันติดไปที่เอเลน เดาว่านายคงอาสามาส่งเจ้าหนู”

            เอลวินหัวเราะในลำคออย่างนึกขำ เพราะเป็นพวกรักความสะอาดจึงไวต่อกลิ่นต่างๆเป็นพิเศษ ทั้งที่เขาคิดว่ากลิ่นน้ำหอมของเขาไม่ได้ฉุนขนาดจะไปติดคนอื่นง่ายๆ และเขาอยู่กับเอเลนเพียงแค่ไม่กี่นาที ดูเหมือนคราวหลังเขาต้องระวังตัวเวลาบังเอิญไปเจอกับเอเลนข้างนอก ดูเหมือนว่าเจ้าของจะเอ็นดูและหวงของมากทีเดียว

 

rrrrRRRRRR

 

            เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเอลวินดังขึ้นขัดบทสนทนา ชายหนุ่มผมทองมองเบอร์ที่โทรเข้าเมื่อเห็นว่าเป็นคนรู้จักจึงกดรับตามปกติ

            “ว่าไงไมค์?”

เอลวินตอบรับโทรศัพท์เสียงใสกับคนคุ้นเคย รีไวจึงหันไปสนใจกับการทำงานบนหน้าจอแล็ปทอปของตนต่อ จากน้ำเสียงที่ทักทายอย่างสดใสเป็นกันเองของเอลวินเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด รีไวที่จับน้ำเสียงจริงจังของอีกฝ่ายได้จึงชำเลืองมองเพื่อนคนสนิทที่ตอนนี้สีหน้าดูเคร่งขรึมจริงจังอย่างเห็นได้ชัด แล้วต้องเลิ่กคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเอลวินที่จริงจังนั้นกำลังมองมาที่ตนเช่นกัน หลังจากที่ชายหนุ่มผมทองกดวางสายโทรศัพท์ นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลจ้องมองไปยังใบหน้าคมคายของอีกคนด้วยสีหน้าจริงจัง ชายหนุ่มร่างเล็กกว่าจึงละสายตาออกจากหน้าจอแล๊ปทอปเพื่อรอฟังอีกฝ่าย

 

“ดูเหมือนนายต้องไปทำความสะอาดของเก่าที่ค้างคามานาน”

รีไวทำหน้าครุ่นคิดสักครู่ก่อนนัยน์ตาสีหมอกจะวาวโรจน์ราวกับมีประกายไฟฟ้าในตาเมื่อนึกถึงใครบางคนที่อีกฝ่ายพูดถึง สีหน้าและท่าทางของรีไวทำให้เอลวินรู้ว่าเจ้าตัวเองคงรู้ดีว่าอีกฝ่ายที่เขาพูดถึงเป็นใคร เพื่อเป็นการยืนยันชายหนุ่มจึงเอ่ยชื่อบุคคลที่พวกเขารู้จักดีแม้ไม่ได้เจอมานานแล้วก็ตาม

 

“อย่างที่นายคิด..... เคนนี่ หมอนั่นกลับมาแล้ว”

 

นัยน์ตาสีหมอกแปรเปลี่ยนเป็นดุดันก่อนใบหน้าเฉยชาจะยกยิ้มอย่างน่าขนลุก เอลวินถอนหายใจพลางส่ายหน้าไปมาด้วยรู้ดีว่าเคนนี่และรีไวต่างเป็นคนประเภทเดียวกันแต่อุดมการณ์นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

“ไมค์บอกนายรึเปล่าว่าตอนนี้ไปเจ้าขยะชิ้นใหญ่นั่นอยู่ที่ไหน?”

“คิดแล้วว่านายต้องถาม”

เอลวินยิ้มขำก่อนจะจัดการคัดลอกข้อความในโปรแกรมสนทนาส่งให้อีกคนผ่านทางแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน

ที่อยู่ที่ไมค์ส่งมาคือรีสอร์ทบริเวณน้ำตกที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ถ้าขับรถไปคงใช้เวลาราวๆสามถึงสี่ชั่วโมง แต่สำหรับคนขับรถเร็วอย่างรีไวใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงครึ่งก็เพียงพอแล้ว

“ในเมื่องานในออฟฟิศนายดูแลเองกับฮันซี่ได้สบายอยู่แล้วฉันขอออกไปทำงานนอกสถานที่ดีกว่า”

รีไวสวมเสื้อสูทที่เขาพาดไว้ตามเดิมก่อนจะเลือกกุญแจรถที่มีเรียงอยู่มากมายที่ราวแขวนข้างประตู

“ฉันขอยืม แอสตอน มาร์ติน วัน เจ็ดสิบเจ็ด ของนายละกันนะเอลวิน ฉันไม่อยากเสียเวลากลับไปเอาบูกัตติที่คอนโด”

“เฮ้! นั่นมันผลิตเพียงแค่เจ็ดสิบเจ็ดคันในโลก นายเอาคันอื่นไปแทนได้ไหม?” เอลวินถึงกับเหงื่อตกเมื่อเห็นคนตัวเล็กกว่าเลือกกุญแจรถคันหายากของเขา กุญแจที่แขวนอยู่มีราวๆยี่สิบคันทำไมถึงต้องมาเลือกคันสะสมลูกรักของเขาด้วย!

รีไวเพียงแค่ยักไหล่ก่อนจะโยนกุญแจที่เลือกแล้วกลางอากาศพร้อมคว้าไว้ที่ทำเอาเจ้าของรถถึงกับรู้สึกยิ้มไม่ออก แต่คนโยนเพียงแค่ยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันหลังเตรียมเดินออกจากห้องอย่างที่ไม่คิดจะเปลี่ยนใจเลือกใหม่

“บูกาติก เซอร์รีน โรลอย มัสแตง ปอร์เช่ แมคคาเรน แลมโบกินี เฟอร์รารี่ ทั้งหมดของนายกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก็เป็นรุ่นลิมิเต็ทหายากทั้งนั้น เอามาตั้งโชว์เฉยๆไม่ใช้งานแบบนี้ก็เหมือนม้าศึกที่ไม่ได้ออกโรง ถือซะว่าฉันช่วยให้รถของนายได้ใช้สมกับประสิทธิภาพก็แล้วกันเอลวิน”

 

เอลวินมองตาละห้อยกับหลังของคนตัวเล็กที่โบกมือลาพร้อมทั้งแกว่งกุญแจรถในมือให้เขาช้ำใจเล่นก่อนจากไป ชายหนุ่มถึงกับกุมขมับกับความเอาแต่ใจของคนสนิทของตน ทั้งที่เขาอุตส่าห์ขับแต่เบนส์เอสคลาสเพราะหวงเหล่าลูกรักทั้งหลายแท้ๆ บางทีนี่คงเป็นการแก้เผ็ดของรีไวเรื่องเอเลนที่ทำให้เขารู้ซึ้งทีเดียว

           

 

รีไวสตาร์ทแอสตอน มาร์ติน ด้วยความรู้สึกย่ำใจที่เอาลูกรักของเอลวินมาใช้ ชายหนุ่มจัดการปรับกระจกรถให้อยู่ในระดับพอดีกับสายตา แอสตอน มาร์ติน วัน เจ็ดสิบเจ็ด สมเป็นรถยนต์ราคาแพงที่ชายหนุ่มผมทองจะหวงแหน คนขับรถที่เรียกได้ว่ามือฉมังอย่างรีไวเพียงแค่สตาร์ทเครื่องก็รู้ถึงความรุนแรงที่หนักแน่นของเครื่องยนต์เบนซินที่มีถึง 12 สูบ ความเร็ว 750 แรงม้า ชายหนุ่มผิวปากอย่างถูกใจกับรถยนต์ประสิทธิภาพสูง หน้าขอคำสั่งเครื่องยนต์แสดงแอพพลิเคชั่นต่างๆบนจอ แถบนาฬิกาที่ตอนนี้เป็นเวลาตีสองยี่สิบสาม ชายหนุ่มจึงหยิบสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาเพื่อส่งข้อความให้กับเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ก็ยังคงนอนสลบบนเตียงเพราะฝีมือของเขา เมื่อข้อความถูกส่งรีไวโยนโทรศัพท์ลงที่เบาะนั่งข้างคนขับก่อนจะจัดการเข้าเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งอุ่นเครื่อง เสียงเครื่องยนต์ราวกับเสียงคำรามของม้าคะนองศึกที่พร้อมลุยไปกับเขา แอสตอน มาร์ติน วัน เจ็ดสิบเจ็ดทะยานตัวออกจากโรงรถที่มีแต่รถรุ่นหายากของกรรมการบริษํทเอลวิน สมิธ

 

 

            กว่าที่ร่างกายที่ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักจะลุกขึ้นได้ก็เป็นเวลาเช้าของอีกวัน สรุปแล้วอาหารเย็นเมื่อวานเขาจึงไม่ต้องทำ อย่าว่าแต่อาหารเย็นเลยตัวเขาเองยังไม่มีแรงลุกออกมาหาอะไรลงท้อง ได้แต่นอนอยู่บนเตียงในห้องของคนอันตรายที่ชอบลากเข้ามาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เอเลนค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงและเหมือนเช่นทุกครั้งที่เขาเผลอหลับไป เมื่อตื่นมาร่างกายของเขาก็จะถูกเช็ดทำความสะอาดและเปลี่ยนชุดให้ใหม่อยู่เสมอ เรียกว่าสมกับเป็นคุณรีไวที่คงไม่อยากให้เขานอนในสภาพที่เลอะเทอะอยู่แบบนั้น แต่จะโทษใครได้เพราะคนที่ทำให้เขาเลอะมันก็ตาแก่โรคจิตเองนั้นแหละ

            หลังจากจัดการอาบน้ำชำระร่างกายและจัดการสิ่งแปลกปลอมที่ค้างคาอยู่ภายในออก เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยเอเลนจึงได้หยิบสมาร์ทโฟนของตนเพื่อตรวจสอบข้อมูลข่าวสารเช่นทุกครั้ง หน้าจอที่มีแอพพลิเคชั่นต่างๆแจ้งเตือนรวมถึงโปรแกรมสนทนาที่ต่างมีข้อความฝากทิ้งไว้ในช่วงที่เขาหลับถูกเปิดอ่านที่ละข้อความ จนจนกระทั่งมาถึงข้อความของคุณรีไวที่เขาตั้งรูปไอคอนเป็นรูปจิ้งจอกหน้าตาเจ้าเล่ห์

 

            [ฉันมีธุระต้องจัดการอาจกลับเย็นหรือเป็นพรุ่งนี้ เฝ้าบ้านให้ดีๆล่ะเจ้าหนู]

           

            เอเลนพิมพ์ข้อความตอบกลับโปรแกรมสนทนาเพราะรู้ดีว่าถ้าอ่านแล้วแต่ไม่ตอบอะไรไปตาแก่จอมน่ารำคาญนั่นคงหาข้ออ้างแกล้งเขาแน่ๆ

            [เข้าใจแล้วครับ ไม่ต้องรีบนะครับคุณจะพักร้อนต่อสักเดือนหรือสักปีก็ได้นะครับคุณรีไว]

            เมื่อรอสักพักแล้วยังไม่เห็นว่าข้อความของตนถูกเปิดอ่านเอเลนจึงเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ของตน เพราะส่วนใหญ่ชายหนุ่มตอบกลับข้อความค่อนข้างเร็ว ขาจึงเข้าใจดีว่าถ้าคุณรีไวไม่ตอบกลับข้อความเขาแสดงว่าชายหนุ่มคงกำลังติดเรื่องสำคัญหรือยุ่งเกินกว่าจะสนใจโทรศัพท์ในทันที

            ในที่สุดเขาก็ได้หาอะไรลงท้องเสียทีเด็กหนุ่มก็ต้องรีบจัดการสวมรองเท้าเพื่อไปทำงานให้ทันเวลาเก้าโมงเช่นทุกวัน ภาพเด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดและทับด้วยเสื้อคลุมแขนยาวสวมกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบเดินออกจากคอนโดสุดหรูเป็นภาพที่เหล่าเจ้าหน้าที่และผู้ที่อาศัยอยู่ในดอนโดแห่งนี้เห็นจนคุ้นตา เอเลนโค้งหัวทักทายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตูเหมือนเช่นทุกครั้ง ด้วยความที่ตอนนี้เขามาอยู่ที่นี้ได้หลายเดือนแล้วเอเลนจึงคุ้นชินและปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างไปจากเดิม ถึงแม้ช่วงแรกของการมาอยู่ที่นี้คนอื่นๆมักมองเขาด้วยแววตาที่สงสัยและอยากรู้อยากเห็น ยิ่งเมื่อรู้ว่าห้องพักที่เขาต้องเข้ามาอยู่นั้นใครเป็นเจ้าของ สายตาที่จับจ้องมองเขาล้วนแตกต่างไปอย่างเห็นได้ชัด จากทีแรกที่มองเขาราวกับสบประหม่า แต่พักหลังกลับเป็นสายตาที่มองมาอย่างระแวงและอยากรู้เรื่องต่างๆของเขาเสียมากกว่า เพราะอย่างนั้นเลยทำให้เขาไม่คิดจะผูกมิตรกับคนในอาคารเท่าไร รู้ดีว่าถ้าสนิทกับใครสักคนคนเหล่านั้นคงอยากที่จะรู้เรื่องของคนอันตรายที่เขาอยู่ร่วมด้วยเป็นแน่ เอเลนจึงเพียงทักทายเหล่าคนอื่นๆที่เขาพบเจอตามมารยาทเท่านั้นแต่ไม่ใคร่จะเสวนา และคงเพราะเป็นคุณรีไวอีกนั้นแหละเลยทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะมาคุยกับเขาก่อนเช่นกัน เรียกว่าอย่างน้อยก็ไม่ทำให้ชีวิตเขายุ่งยากไปกว่าเดิมจากที่คนคนนั้นทำชีวิตเขาเละเทะจนจับต้นชนปลายไม่ถูกจนถึงตอนนี้แล้วก็ตาม

            เมื่อคิดย้อนดูเขาเองก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับคนอันตรายแบบนั้น ซ้ำยังเป็นตาแก่ที่ทั้งเจ้าเล่ห์และโรคจิตอย่างรับมือยาก แต่ที่ไม่คาดคิดยิ่งกว่าคือตัวเขาเริ่มคุ้นชินกับตาแก่เอาแต่ใจคนนั้น และความสัมพันธ์ที่เกินเลยไปถึงไหนต่อไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนกับว่าวิญญาณจะหลุดออกจากร่างทุกที ให้ตายสินี่เราทำตัวเหมือนอีหนูที่มีป๋าเลี้ยงเข้าทุกวัน! พอคิดอย่างนั้นเด็กหนุ่มถึงกับเซเข้าข้างทางเกาะกำแพงเพื่อหวังเป็นที่พึ่ง

            เอเลนพยายามสูดหายใจลึกก่อนค่อยๆผ่อนลมหายใจเพื่อเรียกสติ ใจเย็นก่อนเอเลน นายแค่ทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกันต่างหาก เพราะต้องอยู่กับหมอนั่นเลยต้องดูแลเรื่องงานบ้านเพื่อและกับที่อยู่ก็เท่านั้นเอง

            [แล้วทำไมนายไม่คิดหนีไปจากฉันจริงๆล่ะ?]

            คำถามที่ถูกคนอันตรายถามดังก้องขึ้นมาในหัว ใบหน้าหวานรู้สึกร้อนผ่าวอย่างไม่อาจห้าม อกซ้ายเต้นรัวราบกับจะระเบิดออกมา

            ที่ไม่หนีเพราะรู้ว่านายต้องตามลากกลับมาอยู่แล้วไงล่ะ! เอเลนพยายามกระซิบบอกย้ำกับตัวเอง เขาไม่ได้อยากอยุ่ใกล้คนอันตรายสักหน่อยแต่เพียงแค่ถ้าเขาหนีไปจริงๆ คนคนนั้นก็ต้องตามเขากลับมาต่างหากมันก็เท่านั้นเอง

            เด็กหนุ่มพยายามเร่งฝีเท้าของตนเองราวกับเหมือนกำลังเดินหนีทั้งที่ไม่มีอะไรตามหลัง รู้ดีว่าที่กำลังหนีตอนนี้ไม่ใช่คนอันตรายหรือใครทั้งนั้น สิ่งที่ตอนนี้เขากำลังอยากหนีที่สุดอาจเป็นความรู้สึกของตนเอง

 

            “อันตราย!

 

          โครม!!

         

          เสียงของใครบางคนที่ตะโกนดังขึ้นจนเด็กหนุ่มสะดุ้งแต่เสียงนั้นกับถูกแทนที่ด้วยเสียงของรถยนต์ที่พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็วและชนกับบางสิ่งบางอย่าง

            ร่างในชุดเสื้อคลุมแขนยาวสวมกางเกงยีนส์ขายาวลอยกลางอากาศก่อนจะร่วงหล่นอย่างรุนแรงบนพื้นถนน ตัวเขาที่เดินมาถึงทางม้าลายเลยเดินลงจากทางเท้าหวังจะข้ามถนนตามเส้นทางเดิมทุกวัน เพราะมัวแต่คิดวนเวียนไปมา จึงทำให้เขาไม่ทันสังเกตสัญญาณไฟที่เปลี่ยนสีให้หยุดรอ

            ภาพที่เขาเห็นคือเหล่าผู้คนต่างรุมล้อม บางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกอย่างเร่งด่วน เอเลนรู้สึกหัวหนักอึ้งเกินกว่าที่จะพยายามประคองสติไว้ได้ สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นในสติที่เริ่มพร่าเลือนคือชายในชุดสูทสีดำสวมรองเท้าหนังที่วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างร้อนรน เพราะสติที่เริ่มพร่ามัวทำให้ไม่อาจเห็นใบหน้าของชายผู้ซึ่งก้มมองเขาพร้อมกับตะโกนบางอย่างที่เขาไม่ได้ยิน.......

 

 

 

 

 

 

            ร่างของเด็กหนุ่มถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เหล่าพยาบาลและทีมแพทย์ถูกเรียกตัวมาช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินพิเศษ หน้ากากออกซิเจนถูกสวมให้กับเด็กหนุ่มที่ไร้สติ เตียงผู้ป่วยสีขาวถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดด้วยความเร่งรีบ เหล่าทีมแพทย์พยายามฉุดยื้อชีวิตเด็กหนุ่มจากพญามัจจุราชที่คลืบคลานเข้ามา

            การผ่าตัดช่วยเหลือดำเนินการไปอย่างยาวนาน ทุกช่วงเวลาคือจังหวะชีวิตของผู้บาดเจ็บที่กำลังพยายามหายใจ

            เมื่อไฟห้องผ่าตัดดับลงเหล่าแพทย์ผู้ผ่าตัดได้แจ้งว่าเด็กหนุ่มพ้นขีดอันตรายแล้วเหลือเพียงให้พักฟื้นเท่านั้น และเพราะร่างกายหลายส่วนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ทั้งกระดูกขาขวาและแขนขวาที่หัก กระดูกซี่โครง รวมถึงส่วนศรีษะที่ได้รับการกระแทกและกระบอกตาที่โดนกระแทกอย่างรุนแรงจนปูดบวมทำให้ทีมแพทย์ตัดสินใจผ่าตัดกระบอกตาของเด็กหนุ่ม เรียกได้ว่าเป็นเคสการผ่าตัดใหญ่นานหลายชั่วโมง จึงทำให้เด็กหนุ่มต้องพันผ้าปิดตา ส่วนต่างๆของร่างกายถูกดามและเข้าเฝือกเพื่อพักฟื้น

            เอเลนถูกเข็นเข้าห้องพักผู้ป่วยพิเศษเพราะคนที่รับเป็นเจ้าของไข้ของเด็กหนุ่มสั่งไว้ รวมถึงพยาบาลพิเศษที่คอยดูแลเด็กหนุ่มตลอด 24 ชั่วโมงจนกว่าจะฟื้น

 

 

            มืด.....

            ทุกอย่างช่างมืดไปหมด ในความมืดราวกับมีหินห้อนขนาดมหีมาร่วงหล่นลงมาทับ

            ขยับไม่ได้....

            ร่างกายหนักอึ้งราวกับถูกพันธนาการ......

            ปากขยับไปมาอย่างไร้เสียง

            มีเพียงเสียงลมที่ลอดออกผ่านลำคออย่างไม่เป็นภาษา

           

            ท่ามกลางความมือที่ไม่สิ้นสุดปรากฏร่างของชายผู้มีผมรัตติกาล ชายผู้นั้นค่อยๆหันมาใบหน้าที่ราวกับถูกหมอกปิดบังทำให้มองเห็นไม่ถนัดแม้จะเพ่งมองเท่าไรก็กลับเห็นเพียงแต่เงาที่เลือนราง แล้วเมื่อเดินเข้าไปหา รอบข้างที่เป็นรัติกาลถูกย้อมไปด้วยสีแดงทั่วสารทิศ เมื่อหันมองที่ชายคนเดิมมือทั้งสองของชายผู้นั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดงราวกับโลหิต

 

          เฮือก!

         

          เอเลนสะดุ้งสุดแรงแต่ร่างกายที่ยังคงหนักอึ้ง แขนขวาและขาขวาที่ถูกดามไว้เลยทำให้เด็กหนุ่มเพียงแค่ยกศรีษะขึ้นจากหมอนใบใหญ่ได้เท่านั้น

            “นายรู้ตัวแล้วงั้นเหรอ?”

            มือใหญ่ของใครบางคนจับลงบนบ่าของเด็กหนุ่ม

            “จะให้ฉันเรียกหมอให้รึเปล่า? เจ็บตรงไหนไหม?”

            ความมืดและเลือดที่มากมายนั้นคงเป็นเพราะเขาฝันไป ตอนนี้เขารู้สึกถึงลมหายใจที่หอบแรงของตน ความเย็นของลมแอร์ที่กระทบผิวหนัง จากคำพูดที่ได้ยินทำให้เขาเดาได้ว่าบางทีที่นี่อาจเป็นโรงพยาบาล แต่มีสิ่งที่แปลกไป

            “ทำไมมันมืดไปหมด ผมมองอะไรไม่เห็น!! เด็กหนุ่มโวยวายทั้งที่ตอนนี้เขาลืมตาแต่ทุกอย่างรอบข้างยังคงมืดสนิท

            “ใจเย็นก่อนนายไม่ได้ตาบอดเพียงแต่ต้องพันผ้าไว้ก่อนเท่านั้นอีกไม่กี่วันก็เอาออกได้” มือปริศนาวางลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มพร้อมทั้งอธิบาย

            เมื่อรู้ว่าตนไม่ได้ตาบอดเอเลนจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แขนขาที่ขยับไม่ได้ดั่งใจนึกทำให้เขาหันมอง อีกฝ่ายคงสังเกตเห็นเขาที่พยายามขยับตัวจึงกดบ่าเขาลงกับเตียงพร้อมทั้งอธิบาย

            “นายโดนรถชน แขน ขา และซี่โครงหักหลายขุดทำให้ตอนนี้นายขยับตัวลำบากไปบ้างแต่อีกไม่นานก็หาย”

            “รถชน...?” เด็กหนุ่มทวนคำ “ผมเกิดอุบัติเหตุเหรอครับ?”

            “นายจำไม่ได้งั้นเหรอ?”

            เอเลนส่ายศีรษะไปมาเป็นคำตอบ พูดถึงเรื่องความจำแล้วชายที่ช่วยเหลือเขาคนนี้เป็นใครกัน?

            “คุณคือ...” ก่อนที่เจ้าตัวจะได้ถาม เด็กหนุ่มก็รู้ถึงสิ่งที่ผิดปกติมากกว่านั้น มือบางข้างที่เหลือยกขึ้นกุมศีรษะของตน

            “ไม่สิ ก่อนหน้านั้น.... ผมเป็นใครกัน?”

            เด็กหนุ่มได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆของอีกฝ่ายคาดว่าน่าจะเป็นชายที่กำลังลูบหัวเขาอยู่

            “นายชื่ออเล็กซ์”

            “อเล็กซ์” เด็กหนุ่มทวนคำอีกครั้ง “ขอโทษนะครับ แต่.... ผมรู้สึกแปลกๆ”

            “ไม่ต้องห่วง ฉันรู้จักนายดีสบายใจได้อีกไม่นานนายจะหายดีรวมทั้งความทรงจำของนายก็จะกลับคืนมา”

            มือใหญ่ที่วางบนผมสีน้ำตาลละออก เอเลนที่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นอเล็กซ์รู้สึกโหวงในใจ

“เดี๋ยวก่อน” อาจเพราะตาที่ถูกปิดไว้เลยทำให้เขารู้สึกกังวลเมื่อมองไม่เห็น เขาจึงเรียกชายปริศนาไว้เพราะเกรงว่าจะถูกทิ้งอยู่คนเดียว

            เพื่อให้รู้ว่าเขายังอยู่ข้างๆมือใหญ่ของใครบางคนจึงแตะลงบนมือของเด็กหนุ่มที่วางอยู่บนเตียง

            “คุณเป็นใครกัน?” คาดเดาจากน้ำเสียงเด็กหนุ่มคาดว่าชายคนนี้น่าจะอายุมากกว่าเขา ถ้าให้เดาคงประมาณวัยกลางคน

            “จะเรียกฉันว่าคุณลุงขายาวก็ได้” ชายปริศนาตอบพลางหัวเราะขำ ที่ทำให้คนฟังเอียงคออย่างแปลกใจ

            “ไว้นายมองเห็นแล้วค่อยรู้จักฉันตอนนั้นก็แล้วกันอเล็กซ์ แต่ไม่ต้องห่วงนายไม่ได้อยู่คนเดียวฉันจะคอยอยู่ข้างๆ”

            มือใหญ่ละออกจากมือของเด็กหนุ่ม เอเลนรู้สึกใจหายวูบสักพักก่อนจะรู้สึกถึงความนุ่มที่อยู่บนมือแทน

            “เพื่อให้นายพักผ่อนอย่างสบายใจและมั่นใจว่าฉันยังอยู่ข้างๆฉันจะเอาผ้าให้นายจับข้างนึงแล้วฉันจับอีกข้างแล้วกัน อย่างน้อยมันคงยาวพอที่ฉันจะเดินไปที่โต๊ะทำงานหรือชงกาแฟได้”

            แม้จะมองไม่เห็นแต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกอุ่นใจกับการกระทำของคนที่เรียกตัวเองว่าคุณลุงขายาว สมองที่ได้รับการกระทบกระเทือนจะคงปวดจนรู้สึกขมับเต้นตุบๆ เอเลนจึงพยายามข่มตาหลับลงอีกครั้งเพื่อหวังว่าอาการปวดหัวจะทุเลาลง อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้ว่าตัวเขาชื่ออเล็กซ์และเพราะเจออุบัติเหตุเลยต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาล อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้อยู่คนเดียวเพราะมีคนที่ช่วยยืนยันตัวตนของเขาอยู่ข้างๆ บางทีตื่นมาอีกครั้งเขาคงจำเรื่องราวต่างๆได้บ้างโดยเฉพาะเรื่องของชายปริศนาที่เรียกตนเองว่าคุณลุงขายาว
 
TBC.
.............................................................................................................................
Talk: ปรากฏการณ์ใหม่ของล่ารักฯ มันซีเรียสได้ด้วย.....  ดูกันต่อไปค่ะว่าชายปริศนานี่จะเป็นใคร รีไวเราได้เจอศึกใหญ่หนักหน่วงทั้งกายใจแหงมๆ (ภาคหนึ่งแกล้งเอเลนไว้มาก ภาคนี้เราเลยแกล้งเฮียแทน.....//โดนคนอ่านรุมสะกำ)
ขอโทษที่หายไปนานนะคะคือทั้งเดือนเพิ่งว่างค่ะเลยรีบมาปั่น น้องชาย น้องสาว รับปริญญาพร้อมกันทั้งคู่ อิชุ้นเลยต้องไปเป็นตากล้องค่ะ แล้วไหนจะต้องไปโดนใช้แรงงานเยี่ยงกรรมกร เพราะอยู่ๆพระมารดาก็อยากจัดบ้านใหม่เลยต้องรือสรรพเพเหรกที่มีของทิ้งเยอะมากมาย แล้วก็วุ่นกับการย้ายของรวมถึงย้ายที่อยู่ด้วยค่ะ  แล้วก็กำลังเตรียมสอบด้วย เป็นเดือนที่หัวหมุนมากๆ ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้อิชุ้นจะพยายามกลับมาทำหน้าที่เป็นนักเขียนที่อย่างน้อยอัพอาทิตย์ละครั้งให้ได้นะคะ TTATT อย่าเพิ่งทิ้งกันนะ
รักนักอ่านทุกคนค่ะ >3<

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ17 กันยายน 2558 เวลา 11:02

    เอาแล้วถึงเวลาเฮียเตี้ยโดนรังแกกลับบ้างแล้ว ถึงจะน่าสงสารแต่ท่าทางเฮียเตี้ยแกคงสู้ตายเพื่อให้ได้เมียคืนแน่ๆ
    ท่าทางว่าคนที่ช่วยเอเลนไว้นี่คงเป็น เคนนี่ แน่เลย รึอาจเป็นแผนแก้แค้นรีไวมาแต่ต้นกันนะ
    ลุ้นค่ะ ^^

    ตอบลบ