วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ล่ารักอันตราย (Part II) Chapter 4: Uncle Long Legs

Fic. [AU]: Attack On Titan: ล่ารักอันตราย (Part II)
Pairing: (Levi x Eren)
……………………………………………………………………………………..
Chapter 4: Uncle Long Legs
 
          แขนขวาที่ใช้งานยังไม่ถนัดอีกทั้งตาที่ถูกปิดไว้เลยทำให้ตอนนี้เด็กหนุ่มต้องนั่งอยู่บนเตียงโดยที่มีอีกคนซึ่งเรียกตนเองว่าคุณพ่อขายาวเป็นคนป้อนอาหารให้ เพราะความรู้สึกกระดากแล้วเคอะเขินที่อายุก็เลยพ้นวัยเด็กมาแล้วแต่ยังต้องมีคนมาป้อนอาหารให้แบบนี้ ทีแรกเขาจึงพยายามใช้มือซ้ายที่ไม่ถนัดจับช้อน การใช้มือข้างที่ไม่ถนัดนั้นไม่เป็นปัญหาเท่ากับการที่เขามองไม่เห็นอาหารหรือแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหน้า ท่าทีเก้ๆกังๆ จนมือเผลอไปชนแก้วน้ำล้มทำให้คนที่คอยเฝ้าเขานั้นนั่งดูเฉยๆไม่ได้ จึงจัดการป้อนอาหารเข้าปากเขาทีละคำแทน ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ความร้อนบนใบหน้าที่รู้สึกได้เป็นการบอกว่าเขาต้องกำลังหน้าขึ้นสีอยู่แน่ๆ เหมือนคนที่ป้อนข้าวให้เขาจะรู้ว่าเขารู้สึกแปลกๆกับการถูกปฏิบัติแบบนี้ คุณลุงขายาวของเขาจึงเพียงแต่ป้อนอาหารให้เขาอย่างเงียบๆแล้วลูบหัวเขาก็เท่านั้น
 
            “อิ่มแล้วเหรออเล็กซ์?” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นว่ามือของอีกคนแตะลงบนที่ไหล่ของเขา ราวกับเป็นสัญญาณบอกว่าพอแล้ว
            “พอแล้วครับคุณลุง”
            ชายหนุ่มยกแก้วน้ำจรดริมฝีปากเพื่อให้อีกคนดื่มก่อนจะใช้ผ้าเช็ดปากทำความสะอาดให้เด็กหนุ่ม หลังจากนำถาดอาหารไปวางไว้เรียบร้อยชายหนุ่มแตกลงที่ไหล่ของเอเลนเพื่อให้เด็กหนุ่มนอนพักผ่อน แต่เอเลนขีนตัวไว้
            “ผมนอนมาหลายวันแล้วขอเปลี่ยนท่าบ้างเถอะครับ”
            แม้จะยังขยับได้ไม่สะดวก แต่การที่นอนเป็นเวลานานแบบนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดกับร่างกายของตนไม่น้อย อย่างน้อยเปลี่ยนจากท่านอนมานั่งบ้างกล้ามเนื้อบางส่วนจะได้ขยับเสียบ้าง
            “อาการเป็นยังไงบ้างอเล็กซ์ นายจำอะไรได้บ้างไหม?”
            เด็กหนุ่มเพียงแค่ส่ายศีรษะไปมาแทนคำตอบ มือหนาของอีกฝ่ายจึงจับลงบนผมสีน้ำตาลก่อนจะขยี้เบาๆ
            “ไม่ต้องกังวลไปอีกไม่นานนายคงจำอะไรได้บ้าง ตอนนี้รักษาร่างกายให้แข็งแรงก่อนก็พอ”
            คำปลอบโยนของชายหนุ่มทำให้เอเลนรู้สึกใจชื้นขึ้นบ้าง แม้จะมองไม่เห็นแต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าคุณลุงขายาวที่ดูแลตนตอนนี้เป็นดั่งที่พึ่งของเขาในตอนนี้ อีกทั้งยังคอยดูแลสิ่งต่างๆรอบตัวเขา ทำให้เขานึกจินตนาการใบหน้าของคนที่เรียกตัวเองว่าคุณลุงขายาวไปต่างๆนานา แม้กระทั่งนึกหน้าเป็นคุณลุงที่มีหนวดเคราสีขาวคล้ายกับซานตาครอส ยิ่งจินตนาการเท่าไรเขาก็ยิ่งอยากเห็นใบหน้าของคุณลุงขายาวของเขาเร็วขึ้นเท่านั้น เมื่อไรผ้าปิดตานี้เขาถึงจะเอาออกได้เสียทีนะ อย่างน้อยถ้าเห็นใบหน้าของคุณลุงขายาวที่บอกว่ารู้จักเขา บางทีคงทำให้เขานึกอะไรออกบ้าง อย่างน้อยก็เรื่องครอบครัวของเขา....
            ครอบครัว จริงสิ นอกจากคุณลุงแล้วสองวันมานี้เขายังไม่เจอใครคนอื่นที่เข้ามาเยี่ยมเลย เขาที่เจออุบัติเหตุหนักขนาดนี้อย่างน้อยพ่อกับแม่ของเขาก็คงต้องห่วงเขามากแน่ๆ
            “คุณลุงครับแล้วพ่อกับแม่ของผมท่านเป็นคนยังไง?” ตัดสินใจถามออกไปเพื่อหวังว่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตัวเขาในการฟื้นความทรงจำ
            มีเพียงเสียงกระดาษที่ถูกพลิกไปมาที่เอเลนได้ยินอยู่สักพักก่อนคุณลุงขายาวของเขาจะตอบ
            “ไม่อยากให้นายกังวลแต่.... นายเป็นเด็กกำพร้าอเล็กซ์”
            “กำพร้า...เหรอครับ....” เอเลนทวนคำ เพราะเป็นเด็กกำพร้าถึงได้ไม่มีพ่อแม่มาเยี่ยมเขาสินะ แม้จะรู้สึกโหวงในใจกับคำตอบแต่สถานะเด็กกำพร้าไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ บางทีส่วนลึกของจิตใจคงรู้ดีอยู่แล้วถึงสถานะของตนเอง แต่.... ทั้งที่เป็นเด็กกำพร้าแต่ทำไมเขาถึงมีคุณลุงล่ะ?
            ใบหน้าหวานมองไปทางต้นเสียงที่คาดว่าอีกคนน่าจะกำลังนั่งอ่านหนังสืออยุ่ก่อนจะเอียงคอเป็นเชิงถาม
            “นายคงสงสัยเรื่องที่ในเมื่อนายเป็นเด็กกำพร้า ทำไมฉันถึงเป็นลุงของนายใช่ไหม?”
            เอเลนพยักหน้ารับคำถาม
            “จะว่าไงดี ถึงนายจะกำพร้าแต่นายก็มีพ่อบุญธรรม แล้วคนคนนั้นเขาให้ฉันคอยดูแลระหว่างที่ตอนนี้เขาต้องจัดการรับมือกับปัญหาต่างๆน่ะ บางทีถ้านายได้เจอพ่อบุญธรรมของนายนายคงรู้สึกดีขึ้น”
           
อกซ้ายรู้สึกอุ่นวาบเมื่อได้ยินว่าเขามีพ่อบุญธรรม มือซ้ายที่ยังคงใช้งานได้ดีแตะลงบนอกซ้ายของตน ความรู้สึกที่คุ้นชินและคุ้นเคยคงเป็นอย่างที่คุณลุงขายาวของเขาบอกไว้ ถ้าเจอคนที่เป็นพ่อบุญธรรมทุกอย่างคงจะเข้าใจได้ชัดเจนขึ้น
 
 
 
 
 
 
เหล่าบรรดาลูกน้องคนสนิทของหัวหน้ารีไวต่างมองประตูห้องออฟฟิศของเจ้านายของตนอย่างไม่กล้าแม้แต่จะแตะลูกบิดประตู เพราะการทำงานที่สะเพร่าเลยทำให้เอเลนเด็กหนุ่มที่อยู่ด้วยกัน และเหมือนจะเป็นที่โปรดปรานของหัวหน้าเธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ออลโอเพราะนายมัวแต่หลับนั้นแหละ!” เอริ์ดเขกเข้าที่หัวของคนรับผิดชอบจนออลโอกัดลิ้นของตัวเอง
“นายก็ด้วยกุนเธอร์ดันเอาเบียร์มาให้กรึ๊บระหว่างทำงาน” ออลโอเอาผ้าเช็ดเลือดที่มุมปาดก่อนจะชี้นิ้วไปยังอีกคนที่เป็นต้นเหตุ
“ฉันแค่ให้นายลองจิบเบียร์ยี่ห้อใหม่ แต่นายดักคึกให้ไปซื้อมาอีกหลายขวดจนเมาหลับเลยเวลาที่เจ้าหนูออกไปทำงานเองนี่หว่า!” กุนเธอร์เรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง
“ไม่ว่าจะยังไงพวกนายก็สะเพร่าทั้งหมดนั้นแหละ มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าตอนนี้จะทำยังไงดี?” เพทร่าหญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มรีบปรามเมื่อทุกคนต่างเขม่นแล้วโยนความผิดให้แก่กัน แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าชายฉกรรจ์ก็ยังคงกระทบกระทั่งกันไม่ยอดลาดราโดยง่าย
 
“ทำไมพวกนายไม่เข้าไปข้างในล่ะ?”
ราวกับระฆังห้ามศึก เมื่อเอลวินที่เดินมาถึงพยายามจะเข้าห้องทำงานแต่เจอกลุ่มลูกน้องของรีไวขวางประตูทางเข้าไว้
เหล่าลูกน้อยเมื่อเห็นหัวหน้าอีกคนของตนต่างตาเป็นประกายบ้างน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะวิ่งเข้าไปหาที่พึ่งพิงในยามนี้ของพวกเขา ชายหนุ่มผมทองได้แต่เหงื่อตกก่อนจะจัดการปลอบขวัญลูกน้อยที่เสียสติไปแล้วให้ใจเย็นลงเพื่อรอฟังรายละเอียดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
 
“สรุปก็คือตอนนี้พวกนายไม่มีใครเข้าหน้าหมอนั่นติดเลยสินะ” เอลวินคิ้วขมวดมุ่นเคร่งเครียดมองหน้าแต่ละคนที่พยักหน้ารับผิดกันรัวๆ
เอลวินถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่ประตู เพียงแค่มือใหญ่จับที่ลูกบิดก็แทบจะทำให้เหล่าบรรดาลูกน้องกลั้นหายใจ
“พวกนายเข้าตามหลังฉันมาแล้วกัน หมอนั่นคงไม่ฆ่าพวกนายหรอก.....หวังว่านะ” คำสุดท้ายราวกับเสียงกระซิบยิ่งทำให้เหล่าบรรดาลูกน้องต่างหน้าถอดสี ทุกคนจับเสื้อสูทด้านหลังของชายหนุ่มไว้แน่นจนกระทั่งประตูออฟฟิศถูกเปิดออก
 
อุปกรณ์สำนักงานทุกชิ้นภายในห้องยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ครบถ้วน จะมีที่ต่างออกไปก็เพียงคนที่ปกติจะทำงานอยู่ที่หน้าจอคอมอย่างเคร่งเครียดกำลังยืนหันหลังมองวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ของอาคารสำนักงาน
 
“มานานแล้วเหรอรีไว?” เอลวินเอ่ยทัก เพียงแค่เรียกชื่อเหล่าบรรดาลูกน้องกลุ่มรีไวต่างก็สะดุ้งจนชุดสูทของเขากระตุกเป็นระยะ
 
ชายหนุ่มผมรัตติกาลค่อยหันมายังต้นเสียง นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่มักจะติดรำคาญอยู่เป็นนิตย์ แต่ตอนนี้กลับฉายแววตาวาวโรจน์ดุดันที่เล่นเอาคนมองถึงกับต้องกลืนน้ำลาย โดยเฉพาะเหล่าบรรดาคนที่หลบอยู่ข้างหลังเอลวิน ที่พยายามทำตัวให้ลีบเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้
เอลวินได้แต่ยิ้มเจื่อนกับสีหน้าของคนสนิท ก่อนจะพยายามทำใจดีสู้เสือ
“ได้ยินจากพวกลูกน้องของนายแล้ว เอเลนหายตัวไปงั้นเหรอ?”
รีไวเดินละออกจากหน้าต่างบานใหญ่มานั่งที่โซฟารับแขกกลางห้อง มือหยาบล้วงหยิบบุหรี่ที่ไม่ได้สูบมานานขึ้นจุดก่อนจะเคาะขี้เถ้าลงบนถาดเขี่ยบุหรี่ที่อยู่กลางโต๊ะรับแขก
รีไวที่ไม่ได้สูบบุหรี่มาพักใหญ่อยู่ๆกลับมาสูบแบบนี้ เหล่าคนสนิทต่างรู้ดีว่าอารมณ์ของชายหนุ่มตอนนี้คงยิ่งกว่าพายุโซนร้อน หรือต้องบอกว่าเป็นภูเขาไฟที่สงบนิ่งมานานแล้วพร้อมจะปะทุอยู่รอมร่อก็ว่าได้
“หมอนั่นไม่ได้หายไป” ควันสีหม่นถูกพ่อออกจากปากชายหนุ่มก่อนจะขยี้ลงบนถาดที่รองรับไว้
เหล่าลูกน้องคนสนิทเมื่อได้ยินว่าเด็กหนุ่มไม่ได้หายไปต่างตกใจก่อนจะวิ่งมาเกาะพนักโซฟาฝั่งตรงข้ามที่ชายหนุ่มนั่ง พร้อมร้องด้วยความแปลกใจ
“แต่เอเลนไม่ได้กลับไปที่คอนโดนี่ครับ อีกอย่างไมได้ไปที่ออฟฟิศของฮันเนสด้วย” เอริ์ดพยายามไล่เรียงสิ่งที่เกิดขึ้น
“อีกทั้งโทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ เลสข้อมือที่หัวหน้าเคยให้ใส่ไว้ตามตัวตอนนี้ก็ไม่ได้ใส่แล้ว” กุนเธอร์พูดเสริม
“แล้วทำไมหัวหน้าถึงบอกว่าเอเลนไม่ได้หายไปล่ะคะ บางทีอาจโดนลักพาตัวอย่างคดีของอาร์มินคราวก่อนรึเปล่าคะ?” เพทร่าแสดงสีหน้าวิตกกังวล อย่างเห็นได้ชัด
รีไวคลายเนคไทที่คอของตนออก ขาแกร่งยกขึ้นไขว้ขาก่อนจะมองแต่ละคนที่รอฟังด้วยใจระทึก
“ฉันเชคเมลล่าสุดที่หมอนั่นส่งไปทางฮันเนสบอกว่ารับงานด่วนต้องเดินทาง แต่ไม่ได้ระบุว่าไปที่ไหน”
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าเอเลนจงใจหนีไป?” ออลโอ้ที่ยืนเงียบอยู่นานเริ่มพยายามหาข้อสรุป
ข้อสรุปของออลโอราวกับแทงใจของอีกฝ่าย นัยน์ตาคมจึงตวัดขึ้นสบใบหน้าลูกน้องของตนจนออลโอต้องเผลอสะดุ้งกัดลิ้นตัวเองอีกครั้ง
เอลวินที่อยู่ในห้องเดินมานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามรีไว ชายหนุ่มเกาคางอย่างครุ่นคิด
“ทำไมนายถึงมั่นใจว่าเอเลนหนีไปจากนายล่ะรีไว?”
“ชิ” รีไวสบถแทนคำตอบ นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองสบกับนัยน์ตาสีท้องฟ้าอย่างไม่สบอารมณ์
จะไม่ให้มั่นใจว่าหมอนั่นจงใจหนีไปจากเขาได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่เอเลนปรารถนาที่สุดคือหารที่เขาหายไปจากชีวิต แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กนั่นจะบ้าบิ่นถึงขนาดหนีไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่แม้กระทั่งบอกอะไรกับคนใกล้ตัว คงกลัวว่าเขาจะตามหาแล้วลากกลับมาสินะ ได้เลยเจ้าหนู อยากหนีก็หนีสักให้พอ ต่อให้จะเป็นวิมานที่เริดหรูหรือนรกขุมไหน ฉันจะลากนายกลับมาให้ได้คอยดู
 
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบอะไรได้แต่นิ่งเงียบราวกับกำลังตัดสินใจบางอย่างเอลวินจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเป็นฝ่ายพูดเสียเอง
“นายไม่คิดว่ามันแปลกรึไงรีไว?”
“แปลกยังไง ในเมื่อทุกอย่างก็เห็นชัดดีอยู่แล้ว” รีไวพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตนไม่ให้ปะทุออกมา บอกได้เลยว่าตอนนี้แม้แต่คนขี้เล่นอย่างฮันซี่เจอรีไวโหมดนี้คงต้องขอถอยห่าง
เอลวินตีสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะอธิบายสิ่งต่างๆให้คนใจร้อนได้ฟัง
“นายว่าไม่แปลกรึไงที่เอเลนมาหนีหายไปจากนายตอนที่เคนนี่มาที่นี้”
ชื่อที่ได้ยินเหมือนจะมีน้ำหนักมากพอที่เรียกสติอีกฝ่ายให้สนใจกับสิ่งที่เอลวินวิเคราะห์
“นายคิดว่าไอเจ้าขยะโสโครกนั่นอยู่เบื้องหลังงั้นเหรอ?”
มือใหญ่เกาใบหน้าของตนก่อนจะเรียบเรียงความคิดทั้งหมดออกมาเป็นคำพูดตามลำดับการคาดการณ์
“ตามที่นายรายงาน วันที่นายไปรีสอร์ทที่ได้รับข้อมูลจากไมค์ ปรากฏว่าหมอนั่นเหมือนจะรู้ตัวก่อนอยู่แล้ว นายเลยเจอเพียงกระดาษที่ทิ้งข้อความไว้”
“ใช่หมอนั่นทิ้งไว้แค่ว่า too late
“สมกับเป็นเคนนี่ รู้ทันแล้วกวนประสารทพวกเราได้ทุกเมื่อจริงๆ” เอลวินยกยิ้มเฝื่อน
รีไวได้แต่สบถในลำคอด้วยความหงุดหงิด ไม่ว่าจะกี่ครั้งองค์กรของเขาและเคนนี่ต่างห้ำหั่นกันมาตลอด บางครั้งหมอนั่นจะนำไปก้าวนึง หรือบางครั้งจะเป็นฝ่ายเขาที่นำหมอนั่นไปก้าวนึง ที่ต่างฝ่ายต่างรู้แกวกันดีนั้นไม่แปลก เพราะก่อนหน้านี้ทั้งเขาและเคนนี่ต่างเคยเป็นองค์กรเดียวกันมาก่อน
“ข้อต่อไป ต่อให้รีบร้อนขนาดไหนเอเลนก็น่าจะโทรบอกฮันเนส ไม่น่าที่จะส่งเมลไปจริงไหม?”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเบิกกว้างเมื่อเริ่มเข้าใจและมองเห็นสถาณการณ์ผิดแปลกตามที่เอลวินไล่เรียง
“จริงสิหมอนั่นไม่แม้แต่จะเก็บข้าวของไป” ทันทีที่กลับมาถึงเขาเห็นว่าเด็กหนุ่มยังไม่กลับมา โทรไปกี่ครั้งก็ไม่มีสัญญาณเขาจึงจัดการถือวิสาสะเข้าห้องของเอเลน และก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ แต่ความปกตินั้นต่างล่ะที่ผิดแปลก เพราะคนอย่างเอเลนที่เป็นเด็กไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ติดออกจะประหยัดจนงกในบางเรื่องด้วยซ้ำ ทั้งที่ต้องเดินทางไปต่างสถานที่กลับไม่เก็บเสื้อผ้าหรือของใช้ใดๆไป เพราะยังไงคนอย่างหมอนั่นไม่มีทางคิดว่าค่อยไปซื้อใหม่ตามทางข้างหน้าอย่างแน่นอน
ใบหน้าเฉยชายกยิ้มมุมปากอย่างรู้สึกสนุก แต่นัยน์ตากลับฉายแววอันตรายน่ากลัวจนเหล่าลูกน้องต่างพากันยืนเกาะกลุ่มกันไม่กล้าสบสายตาของหัวหน้าตน
“ดูเหมือนคราวนี้หมอนั่นจะเล่นได้เจ็บแสบ”
รีไวเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนก่อนจะจัดการเปิดแลปทอปทำงานตามปกติ การคาดเดาสถานการณ์ของเอลวินทำให้ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น ความขุ่นมัวทางอารมณ์ตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นความเดือดดาลที่อยากหาคนมาสะบั้นคอ และแน่นอนคนคนนั้นคงเป็นคนเก่าแก่ที่เขาคุ้นเคยอย่างดี.....
“เรื่องของหมอนั่นคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดสักทีเอลวิน”
ชายหนุ่มผมทองพยักหน้ารับ ก่อนจะจัดการเปิดแลปทอปทำงานตามปกติในเบื้องหน้าของนักธุรกิจ รวมถึงจัดการสืบเสาะข้อมูลข่าวสารใต้ดินในโลกเบื้องหลัง
 
 
 
 
 
 
 
 
วันนี้เอเลนหรืออเล็กซ์ดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะแพทย์ยันยันแล้วว่าวันนี้เขาจะได้เอาที่ปิดตาแล้วกลับมามองเห็นปกติได้เสียที เขาจะได้กลับมาเห็นโลกที่สว่างสดใสอีกครั้ง ได้ทำอะไรเองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งคนอื่นบ้าง แล้วที่สำคัญเขาจะได้เห็นคุณลุงขายาวและพ่อบุญธรรมของเขาเสียที
“วันนี้คุณพ่อบุญธรรมของผมจะมาใช่ไหมครับ?” เด็กหนุ่มถามอย่างตื่นเต้น แม้จะรู้ดีว่าเขาถามแบบนี้ซ้ำไปซำมาตั้งแต่เช้าเกินสิบรอบแล้ว
“มาแน่นอนอเล็กซ์ ใจเย็นก่อน หมอนั่นบอกจะมาให้ทันนายเอาผ้าปิดตาออกนะ”
แกร๊ก
 
เสียงประตูเปิดออกพร้อมใจที่เต้นระทึกของเด็กหนุ่ม คนที่เข้ามาจะเป็นแพทย์ที่มาเอาผ้าออกให้เขาหรือว่า.....
“ขอโทษที่ฉันมาสาย รถติดชะมัด” เสียงของชายหนุ่มแปลกหูดังขึ้นเมื่อเข้ามาในห้อง
“อย่างน้อยนายก็มาทันเวลา อเล็กซ์รอนายตั้งแต่เช้าเลยรู้ไหม....คุณพ่อ”
กลิ่นของน้ำหอมที่ลอยมาแตะจมูกทำให้รู้ว่าชายหนุ่มอีกคนที่รสนิยมขนาดไหน เมื่อรู้ตัวชายที่บอกว่าเป็นพ่อบุญธรรมของตนก็วางมือลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มราวกับปลอบและให้กำลังใจ
“ขอโทษที่มาช้า”
เอเลนส่ายหัวไปมาก่อนจะยกยิ้มบางให้กับอีกฝ่าย
“ขอโทษด้วยนะครับผมจำอะไรไมได้เลย” เอเลนก้มหน้าราวกับสำนึกผิด มือใหญ่ที่ลูบศีรษะเด็กหนุ่มจึงเลื่อนมาแตะที่ไหล่ก่อนจะบีบเบาๆราวกับปลอบว่าไม่เป็นไร
“ถ้าผมได้เห็นหน้าคุณ อาจทำให้นึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง”
“ต่อให้นึกอะไรไม่ออกฉันก็จะดูแลและรักษานายอยู่แล้วอเล็กซ์ ไม่ต้องห่วงพวกเราไม่ทิ้งนายแน่นอน”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้เอเลนยิ้มบาง ถึงจะจำอะไรไม่ได้แต่เขารู้สึกว่าคนเหล่านี้ช่างดีกับเขาเสียเหลือเกิน จนทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดถึงแม้หลายครั้งจะรู้สึกว่าในความอบอุ่นี้มีอะไรที่แปลกๆอยู่ก็ตาม บางทีคงเป็นเพราะเขาที่สูญเสียความทรงจำเลยทำให้รู้สึกแปลกไปก็เป็นได้
“ขอโทษนะครับ ผมไม่คุ้นชินที่จะเรียกคุณว่าคุณพ่อ...เออ...”
“เรื่องนั้นไม่เป็นไร เพราะฉันเองก็ไม่ชินกับการที่นายจะเรียกอย่างนั้น เออ.... คือนายก็ไม่เคยเรียกฉันว่าพ่ออยู่แล้วล่ะนะ”
เอเลนได้แต่หัวเราะขำ ดูเหมือนว่าตัวตนของเขาจะเป็นพวกหัวดื้อพอควรถึงไม่ยอมเรียกคนที่เป็นพ่อบุญธรรมและแสนดีกับเขาขนาดนี้ว่าคุณพ่อเลยสักครั้ง
 
ประตูห้องเปิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแพทย์เจ้าของคนไข้ที่มาพร้อมกับเหล่าพยาบาลผู้ช่วยเพื่อเตรียมการเอาที่ปิดตาออก แพทย์ค่อยแกะที่ปิดตาของเด็กหนุ่มออกจนหมดก่อนจะค่อยๆกำชับให้เด็กหนุ่มค่อยๆลืมตาเพื่อให้ดวงตาที่ถูกปิดมานานได้ปรับโฟกัสในการมองเห็น
เปลือกตาบางสั่นระริกเมื่อรับรู้ถึงแสงที่ผ่านลาดเข้ามาผ่านเปลือกตา เด็กหนุ่มใจเต้นระรัวกับโลกภายนอกที่จะได้เห็นอีกครั้ง เอเลนค่อยปรือตาขึ้นช้าๆ เพราะดวงตาที่ถูกปิดมานานภาพจึงยังคงเป็นแสงสีขาวแล้วเบลอ แต่เมื่อกระพริบตาอยุ่สักพักภาพที่มัวก็เริ่มค่อยๆชัดขึ้น เด็กหนุ่มมองสำรวจร่างกายของตนเองที่ตอนนี้เขาว่าแขนขวาและขาขาวถูกเฝือกสีขาวขนาดใหญ่ดามอยู่ชัดเจน ผ้าปูที่นอนสีขาวของโรงพยาบาล เสื้อนอนสีฟ้าที่เขาสวมใส่ของโรงพยาบาล เตียงนอน โต๊ะ เก้าอี้โซฟา เหล่าเฟอร์นิเจอร์ต่างๆภาพในห้องเขามองเห็นได้อย่างชัดเจน ก่อนจะค่อยๆขึ้นมองใบหน้าของคนที่อยู่รายล้อมเขาทีล่ะคน เหล่าคนในชุดขาวทีมแพทย์ครบเครื่องคาดว่าจะเป็นแพทย์เจ้าของไข้เขาและเหล่าพยาบาลผู้ช่วย
เมื่อมองเลยผ่านกลุ่มแพทย์ออกไปเขาก็พบกับชายหนุ่มสองคนอยู่เบื้องหลัง ชายหนุ่มทั้งสองที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นคุณลุงขายาวและพ่อบุญธรรมของเขา ทั้งสองดูอายุน้อยกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก ชายหนุ่มทั้งสองในชุดเสื้อยืดลำลอง ทั้งคู่มีรูปร่างที่สูงใหญ่ แต่ดูเหมือนอีกคนที่มีหนวดจะสูงกว่าชายหนุ่มอีกคน ทั้งคู่มีดวงตาสีฟ้า แต่อีกคนที่สูงน้อยกว่าเหมือนจะเป็นสีฟ้าที่สดกว่า และมีผมสีทองอ่อนปัดข้าง ส่วนอีกคนที่มีหนวดนั้นเป็นสีทองที่เข้มกว่า
“เหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ทั้งการมองเห็นและการผ่าตัดอีกไม่นานคงออกจากโรงพยาบาลได้”
หลังจากที่เหล่าทีมแพทย์และผู้ช่วยตรวจการมองเห็นและส่วนต่างๆของเด็กหนุ่มพร้อมทั้งเขียนรายงานการตรวจเรียบร้อยจึงกล่าวลาก่อนจะออกจากห้องไป
เด็กหนุ่มมองสองคนที่เหลือที่อยู่ภายในห้องด้วยความรู้สึกแปลกๆ ถึงแม้จะคุ้นเคยตอนมองไม่เห็นแต่พอตอนนี้เมื่อเห็นทั้งคู่ซึ่งผิดไปจากที่คิดไว้ทำให้เอเลนรู้สึกประหม่า
“เป็นอย่างไรบ้างอเล็กซ์?” ชายหนุ่มผมทองปัดข้างเดินมานั่งที่ปลายเตียงก่อนจะลูบผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่ม
“เห็นคุณทั้งสองคนชัดเลยครับ” เด็กหนุ่มตอบก่อนจะเกาแก้มของตนแก้เขิน
“เออ ขอโทษนะครับผมจำพวกคุณไม่ได้เลย ใครคือคุณลุงขายาวของผมงั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มยิ้มขำระคนเอ็นดูกับท่าทางประหม่าของคนตรงหน้าก่อนจะขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลด้วยความหมั่นเขี้ยว
“ไม่ต้องห่วง เรามาทำความรู้จักกันใหม่ดีกว่านะอเล็กซ์”
ชายหนุ่มอีกคนที่มีรู้ร่างสูงกว่าเดินเข้ามาใกล้เตียงก่อนจะวางมือลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มพร้อมลูบอย่างเอ็นดูเช่นกัน
“ฉันไมค์ ซาคาเรีย เป็นคุณลุงขายาวของนาย”
 
เมื่อรู้ว่าคนสูงกว่าเป็นคุณลุงขายาวของตน เอเลนมองไปอีกคนด้วยแววตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น
 
“ฉันเอลวิน สมิธ พ่อบุญธรรมของนายอเล็กซ์”
 
TBC.
......................................................................................

4 ความคิดเห็น:

  1. อิเอลวินแกทำอะไรของแก!!!!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เรื่องนี้มีที่มาที่ไปค่ะ หึหึหึ

      ลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ17 กันยายน 2558 เวลา 11:42

    อ้ะจะอ่ะ เฮ้ยย เอลวิน นายทำงี้ทำม้ายยย สนุกกับการได้รังแกเฮียเตี้ยกับเด็กน้อยน่ารักสินะ ฮึ่ม

    รออ่านตอนต่อไปค่า ลุ้นระทึกสุดๆ

    ตอบลบ
  3. ตอนต้อมาแล้วค่ะ จ่กระทึกอาจเงิบ แหะๆ

    ตอบลบ