วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Fic, Attack On Titan (AU): Utakata (泡沫) บทที่ ๑ โยชิวาระ


Fic, Attack On Titan (AU): Utakata (泡沫)

Pairing: All Eren

Rate: NC-17

บทที่ ๑ โยชิวาระ



           

ชีวิตขจรดั่งเช่นละอองฟอง

ลอยสูงขึ้นไปบนนภาศาล

ลอยละล่องเคว้งคว้าง

แล้วสูญสลายดุจไร้ตัวตน...


กลีบปากสีระเรื่อเอื้อนเอ่ยบทกลอน มือเรียวโบกสะบัดพัดจีบเซ็นซูที่เขียนลายซากุระงดงามไปมา พร้อมเท้าที่สวมใส่ทะบิซึ่งกำลังย่างก้าวตามท่วงทำนองที่เป็นจังหวะของบิวะ ลมเย็นที่พัดจากบานประตูที่เปิดทำให้ผมสีน้ำตาลยาวสลวยพัดปลิวราวกับอ้อล้อร่ายรำตามจังหวะของร่างบางในชุดกิโมโนแขนยาวสีเขียวเข้ม จังหวะสุดท้ายของทำนองมือเรียวโบกสะบัดพัดไปมาก็จะตวัดปิดบังใบหน้าเพียงแค่เสี้ยว ส่งสายตาราวกับเชื้อเชิญให้ค้นหาต่อผู้ที่นั่งดีดบิวะบนเสื่อทาทามิ นัยน์สองสีสบกัน ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหนายกยิ้มพอใจก่อนจะดีดจังหวะสุดท้ายของดนตรี

“ยอดเยี่ยม ทั้งท่วงท่าและเสียงขับกล่อม ข้าว่าเจ้าคงเป็นโออิรันที่งดงามและเลื่องลือได้เมื่อยามเปิดตัว แล้วอาจไปเป็นถึงทายูในภายหน้า”

นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองร่างบางที่พับเก็บพัดของตนสอดไว้ที่ผ้าคาดเอว  ก่อนจะส่ายศีรษะไปมา การร่ายรำและขับร้องนับว่ายอดเยี่ยมเสียก็แต่...

“ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วว่าก่อนมาซ้อมรำให้แต่งตัวให้เรียบร้อย เอเลน หรือให้เหล่าคามุโระช่วยเจ้าแต่งตัว”

ใบหน้าหวานตีหน้ามุ่ยอย่างนึกรำคาญ สองมือบางจัดการรวบผมเจ้าปัญหาอย่างรวกๆก่อนจะใช้ริบบิ้นเส้นยาวผูก อย่าว่าแต่จัดการรวมผมให้ดีๆเลยแม้แต่หวีบางทีอาจจะไม่ยอมทำด้วยซ้ำ ฮันจิได้แต่เกาผมอย่างปลงๆก่อนจะสั่งให้คามุโระที่อยู่หน้าประตูไปจัดเตรียมหวีแล้วอุปกรณ์ทำผมมาให้ที่ห้องซ้อม

อันที่จริงแล้วสำหรับเอเลนที่เริ่มเป็นชินโซจะต้องเริ่มมีคามุโระหรือเด็กรับใช้คอยดูแลและช่วยเรื่องแต่งตัว แต่สำหรับเอเลนทุกครั้งที่เหล่าคามุโระเข้าไปเพื่อจะช่วยจัดการแต่งกิโมโนและทำผม เจ้าตัวได้แต่หลบเลี่ยงด้วยอ้างว่าสามารถจัดการเองได้ แต่เมื่อหลายครั้งสภาพที่ได้นั้นไม่เรียบร้อยตามที่คาดหวังเห็นทีเขาจะต้องจัดการบังคับให้เหล่าคามุโระจับเจ้าตัวดีแต่งกายให้เรียบร้อย อีกทั้งเอเลนไม่มีโออิรันรุ่นพี่เป็นแบบอย่างอาจเป็นเพราะความดื้อรั้นและไม่ยอมใครง่ายๆ เลยทำให้เหล่าโออิรันรุ่นพี่เอือม และไม่เรียกใช้ให้เอเลนเป็นคามุโระประจำตัว จนสุดท้ายส่วนใหญ่เจ้าตัวดีเลยมักทำงานในสำนักทั่วไปทั้งงานบ้านและงานครัว แต่ในเรื่องของการเป็นโออิรันนอกจากการเรียนศิลปะแขนงต่างๆตามสำนักแล้ว ตัวเขาผู้ซึ่งเป็นนายใหญ่จึงต้องจัดการเคี่ยวเข็ญตัวต่อตัว และนั้นทำให้เอเลนถูกเหล่ารุ่นพี่อิจฉาและแกล้งเป็นประจำ ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวกลับไม่ปริปากเอ่ยสิ่งใดออกมา ตัวเขาที่เป็นนายใหญ่เลยต้องแสร้งทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ด้วยไม่อยากให้เจ้าตัวดีถูกเขม่นไปมากกว่านี้ จนในที่สุดเหล่ารุ่นพี่ก็รามือไปเพราะรู้ดีว่านายใหญ่อย่างเขาไม่ริเป็นสมภารกินไก่วัด ต่อให้เอเลนจะเป็นที่ต้องตาและถูกใจเขาเพียงใดแต่การรักษากฎของสำนักคือสิ่งที่นายใหญ่ควรกระทำ อีกอย่างเอเลนเองก็ไม่ได้อ่อนแอเสียจนเขาต้องห่วงอันใดนัก บางทีอาจเป็นเหล่ารุ่นพี่เสียด้วยซ้ำที่ต้องปวดหัวกับเด็กหนุ่ม

“ไม่เห็นจำเป็นต้องมากความเลยท่านฮันจิ เดี๋ยวข้าออกไปเที่ยวเล่นหรือนอนกลิ้งบนพื้นหญ้าริมแม่น้ำผมที่ท่านอุตส่าห์มัดรวบก็เสียเปล่าอยู่ดี”

ฮันจิใช้กล้องยาสูบประจำตัวเคาะลงที่หน้าผากมน จนเอเลนต้องเอามือขึ้นมาถูรอยแดงด้วยความเจ็บ

“เจ้าอยู่ที่นี้ตั้งแต่เป็นคามุโระ จนตอนนี้เป็นชินโซ ก็ควรเตรียมตัวให้พร้อมการก้าวสู่เป็นโออิรัน”

ทั้งที่ภายนอกก็ดูงดงามอยู่หรอก แต่เหมือนว่าหลายปีที่ผ่านมาความแก่นแก้วและดื้อดึงของเอเลนจะไม่ลดหย่อนลงเสียเลย ฮันจิถอนหายใจก่อนจะจับเจ้าตัวดีนั่งลงที่หน้ากระจกแล้วจัดการสางผมยาวที่ไม่เป็นทรงให้เรียบร้อยแล้วจัดการมัดให้เรียบร้อย

“เจ้ามาอยู่ที่นี้ได้กี่ปีแล้ว?”

เอเลนนับนิ้วไปมาก่อนจะเอ่ยตอบ

“ห้าปี ปีนี้ย่างเข้าสู่ปีที่หก”

“เจ้าก็อยู่ที่นี้มาสมควร” ฮันจิสบกับใบหน้าหวานผ่านกระจก ก่อนจะเอ่ยถามเรื่องสำคัญ “ยังคิดแก้แค้นอยู่อีกหรือไม่?”

ใบหน้ามนหลุบลงต่ำ “เรื่องมันนานแล้ว ตอนนี้ข้าคิดแต่อยากออกไปนอกกำแพงสีแดงนี้มากกว่า”

“งั้นรึ...”

ฮันจิหมุนตัวเด็กน้อยให้หันมามองหน้าของตนก่อนจะใช้สองมือดึงแก้มขาวเนียนนั้นจนอีกฝ่ายร้องเสียงหลง

“เจ็บๆ ท่านทำอะไรน่ะ!” เอเลนดึงมือของฮันจิออกก่อนจะใช้สองมือของตนเองนวดแก้มที่ถูกยืดพลางน้ำตาคลอ ทั้งที่บอกว่าหน้าตาของข้าสำคัญ แต่ทำไมคนนี้ชอบทำร้ายใบหน้าข้าเรื่อยเลยนะให้ตายสิ!

“เจ้าควรเรียกข้าว่านายใหญ่ ไม่ใช่ท่านฮันจิ” ชายหนุ่มยกยิ้มหัวเราะก่อนจะยกปล้องยาสูบขึ้นสูบพ่นควันสีขาวใส่ใบหน้าที่มีน้ำตาคลอ ขนเด็กหนุ่มต้องสำลักควันจนน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง

“ข้ายังไม่ได้เป็นโออิรัน ท่านฮันจิ ก็คือท่านฮันจิ อีกอย่างท่านอนุญาตให้ข้าเรียกเอง” เด็กหนุ่มโบกสะบัดกลิ่นควันออกจากหน้าก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้อง แต่มิวายหันมาแลบลิ้นใส่ผู้ที่ถือว่าเป็นนายใหญ่แห่งสำนักโซเอะก่อนจะวิ่งจากไป

ฮันจิเกาศีรษะของตนเองก่อนจะส่ายไปมา ดูเหมือนเขาจะใจดีกับเจ้าหนูเอเลนเกินไป ชายหนุ่มยกกล้องยาสูบขึ้นสูบอีกครั้ง

โกหกได้ไม่เก่งตามเคยนะเอเลน ต่อให้เจ้าจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไร แต่สายตาของนายยังคงคุกรุ่นด้วยไฟชิงชังเฉกเช่นเมื่อวันที่เข้ามาภายในกำแพงแห่งนี้...


ร่างบางวิ่งผ่านระเบียงทอดยาว เสียงฝีเท้าที่กระทบพื้นไม้ทำให้เหล่าโออิรันที่เหนื่อยล้าจากการทำงานในกลางคืนต่างเปิดประตูห้องพักออกมาอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าผู้ใดเป็นต้นตอเสียงใบหน้าสะสวยจ้องเขม่นยังร่างบางอย่างคาดโทษ

“นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็สุนัขหลงทาง”

เอเลนปรายตามองสตรีในชุดกิโมโนที่หลุดลุ่ยจนเผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มยืนพิงบานประตูเลื่อนพรางยิ้มเยาะเด็กหนุ่ม

“ท่านพี่มารีนคนงาม ขออภัยที่ข้าขัดจังหวะในการพักผ่อนของท่าน” เด็กหนุ่มค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะมองสบกับใบหน้าสวยของหญิงสาวพร้อมยกยิ้มพราวให้กับอีกฝ่าย

“แต่ท่านพี่ควรรีบพักผ่อนต่ออีกสักหน่อย ข้าเป็นห่วงกลัวว่ารอยใต้ตาของท่านที่อาจจะเพิ่มมากขึ้นจนนายท่านยามาอุจิจะเบื่อแล้วหันเหไปใช้บริการของเด็กหนุ่มที่น่ารักแทน”

เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บใจพร้อมถ้อยคำสบถถูกตวาดไล่หลังเด็กหนุ่มที่ยังคงวิ่งออกไปทางประตูใหญ่ของสำนัก เหล่าคนที่อยู่ในสำนักต่างคุ้นชินกับการต่อปากต่อคำที่ไม่มีใครยอมใครเป็นอย่างดี คนอื่นๆจึงเพียงแต่ทำหน้าที่ของตนตามเดิมด้วยรู้ดีว่าอีกไม่นานเสียงก็จะสงบลง

สำนักโซเอะเป็นหอนางโลมที่เลื่องชื่อลือชาในหมู่นักเที่ยวโยชิวาระเป็นอย่างดี ด้วยความแตกต่างที่เป็นจุดเด่นในโยชิวาระเพราะว่าหอนางโลมที่อื่นมักจะเป็นชายญี่ปุ่นแท้ๆเท่านั้นที่เปิดทำการ และโออิรันจะมีเพียงหญิงสาวชาวอาทิศอุทัย แต่เมื่อสังคมตกวันตกเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ตระกูลโซเอะที่เปิดสำนักนางโลมมาช้านานจึงปฏิวัติรูปแบบโดยเป็นสำนักนางโลมที่เหล่า โออิรันล้วนเป็นชาวต่างชาติทั้งสิ้น แต่เดิมนั้นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นถูกต่อต้านจากชาวญ่ปุ่นและเจ้าสำนักต่างๆเป็นอย่างมาก แต่ด้วยที่ตระกูลโซเอะเป็นตระกูลใหญ่อีกทั้งยังมีรัฐบาลสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง รวมถึงเหล่าลูกค้าประจำที่มักเป็นนายทหารชั้นสูงหรือบรรดาขุนนางที่มีอำนาจ ทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นมาด้วยดีและเป็นที่นิยม ไม่เพียงแต่สตรีชาวต่างชาติแต่ในโยชิวาระมีทั้งเด็กหนุ่มที่ขายเรือนกายเช่นเดียวกับสตรีอยู่มาก ตระกูลโซเอะจึงรับทั้งเด็กหญิงและเด็กชายชาวต่างชาติมาร่ำเรียนและฝึกสอนการปรนิบัติสำหรับการเป็นโออิรันในภายภาคหน้า ด้วยเหตุที่ชาวตะวันตกเริ่มแพร่หลายเข้ามาในญี่ปุ่นมากขึ้นจากเดิมที่ส่วนมากชาวตะวันตกที่เข้ามามักเป็นนายทหารหรือชนชั้นสูง แต่หลายรายที่เริ่มใช้ชีวิตอยู่กับสตรีชาวญี่ปุ่น หรือแอบขึ้นเรือหนีมาจากดินแดงของตนเองจึงทำให้เกิดชั้นวรรณะที่มีชาวต่างชาติปะปนหลากหลาย ที่เป็นผู้รากมากดีนั้นมีจำนวนมากก็จริงแต่ผู้ที่อพยพหรือภายหลังตระกูลตกต่ำลงก็มีอยู่มากไม่แพ้กัน และบุคคลเหล่านั้นก็ทำเช่นเดียวกับคนในดินแดนอาทิตย์อุทัยนี้ คือขายเด็กหญิงหรือเด็กชายให้กับสำนักนางโลมเพื่อแลกกับเงินจำนวนหนึ่งสำหรับใช้ก่อร่างสร้างตัว หรือใช้หนี้สินที่กู้ยืมจากนายทุนหน้าเลือดต่างๆ


เอเลนวิ่งลัดเลาะตามตึกรามบ้านช่องต่างๆจนทะลุออกมายังถนนอีกฝั่งซึ่งมีแม่น้ำไหลผ่าน เด็กหนุ่มค่อยๆเดินลงไปยังทางลาดริมแม่น้ำที่มีต้นหญ้าเขียวชอุ่มขึ้นรายล้อม เอเลนพับแขนกิโมโนขึ้นก่อนจะล้มตัวลงนอนดูก้อนเมฆบนท้องฟ้าที่แสงอาทิตย์เริ่มทอประกายสีอ่อนช่วงบ่ายแก่ๆ

จากวันนั้นก็ผ่านมาห้าปีแล้ว วันที่ราวกับโลกของเขาทลายลงไปพร้อมกับเปลวเพลิงที่โหมไหม้ เขาจำได้ดีถึงความรู้สึกเกลียดชังในวันนั้นยามเมื่อมองแผ่นหลังของชายหนุ่มสองคนที่เดินจากไป ซึ่งขายเขาให้กับสำนักโซเอะ นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองท้องฟ้าที่เมฆค่อยๆเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ  ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ที่โอบอุ้มทุกสรรพสิ่ง มือบางยกขึ้นราวกับจะไขว่คว้าท้องฟ้าตรงหน้าที่เกินสุดจะเอื้อม

ชีวิตของข้าจะลอยไปได้สูงเพียงใดกัน?

การเป็นโออิรันไม่ใช่สิ่งที่ในวัยเยาว์เขาเคยนึกฝัน แม้จะรู้ดีว่าในประเทศแห่งนี้มีย่านราตรีที่เลื่องลือ ราวกับกรงขังขนาดใหญ่ แต่ไม่นึกฝันว่าจะมีวันที่ได้เข้ามาอยู่ในกรงสีแดงแห่งนี้

“ท่านเจ้าบ้านอุตส่าห์หวีผมให้เจ้านะเอเลน” เสียงใสเอ่ยทักทายพร้อมเงาของอีกคนที่ก้มบังแสงแดดยามบ่าย

เส้นผมสีทองยาวลงประใบหน้ามนที่นอนแหงนมองฟ้าอย่างจงใจจนเอเลนต้องรีบปัดผมที่ตกลงมาปรกหน้าออก ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง

“นายเองก็ปล่อยผมอยู่ไม่ใช่รึไงอาร์มิน” ว่าแต่ทำไมวันนี้มีแต่คนมายุ่งกับใบหน้าเขาจังเลยนะ ถ้าหน้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาคนที่จะเสียดายที่สุดคงไม่พ้นเจ้าบ้านที่เขายังไม่ได้ใช้หนี้ก้อนโตเลย

อาร์มินรวบผมยาวของตนก่อนจะนั่งลงข้างๆเพื่อนสนิท แล้วจัดการช่วยปัดเศษหญ้าที่ตามติดบนผมของเอเลนออก

อาร์มินและเอเลนเข้ามาในสำนักโซเอะในเวลาไล่เลี่ยกัน อาร์มินที่ถูกครอบครัวขายเข้ามาเพียงไม่นานเอเลนก็ถูกขายให้กับฮันจิ ทั้งสองที่รุ่นราวคราวเดียวกันจึงสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว อีกทั้งความฝันที่เหมือนกันคือการออกไปภายนอกกำแพงโยชิวาระแห่งนี้ จึงทำให้ทั้งคู่เข้าอกเข้าใจกันดี

“พี่มารีนหัวเสียมาก แต่พี่เบลทรูธและข้าต่างหัวเราะชอบใจ”

เบลทรูธคือพี่สาวหรือโออิรันรุ่นพี่ที่เลือกอาร์มินเป็นคามุโระคนสนิท ตอนนี้อาร์มินเองก็เป็นชินโซเบลทรูธผู้เป็นรุ่นพี่จึงเป็นดั่งพี่เลี้ยงที่คอยสอนเด็กหนุ่มในเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการเป็นโออิรัน นับว่าอาร์มินได้รุ่นพี่ที่ดีเพราะเบลทรูธเป็นโออิรันที่มีความสามารถมาก อีกทั้งยังเป็นคนที่ไม่สนใจในเรื่องการเขม่นหรือแย่งแขกกันจากโออิรันคนอื่นๆ แม้เอเลนจะไม่ใช่คามุโระของเบลทรูธ แต่เด็กหนุ่มมักจะไปคอยช่วยเหลืออาร์มินอยู่บ่อยๆทำให้เบลทรูธเองก็เอ็นดูเอเลนไม่ต่างกันจนเคยคิดจะขอเป็นคามุโระส่วนตัวอีกคน แต่เอเลนปฏิเสธเพราะเพียงแค่เจ้าบ้านให้ความเอ็นดูอีกทั้งยังตามใจเขามากขนาดนี้ก็ทำให้เจ้าตัวถูกเขม่นมากอยู่แล้ว และไม่อยากทำให้ทั้งสองต้องพลอยเดือดร้อนกับนิสัยไม่ยอมใครของเขาจนปะทะกับคนรอบข้างบ่อยๆ

“นายก็รู้ว่ายัยป้านั่นน่ารำคาญ อีกทั้งยังชอบระรานไปทั่ว”

อาร์มินยิ้มแห้งกับคำพูดตรงไปตรงมาอย่างไม่เกรงใครของอีกฝ่าย แต่เพราะแบบนี้เลยทำให้ทั้งเบลทรูธและอาร์มินชอบในนิสัยแบบนี้ของเอเลน ความเถรตรงไม่เสแสร้งที่หาได้ยากในโยชิวาระ

“เจ้านี่ไม่ชอบหวีผมให้เรียบร้อยเสียบ้าง นายใหญ่ถึงได้ปวดหัวอยู่เรื่อย”

เอเลนจับปลายผมหางม้าของตนก่อนจะสะบัดทิ้งไปข้างหลังอย่างไม่สนใจ

“ฉันอยากจะตัดผมยาวที่น่ารำคาญนี้ออกชะมัด” เอเลนถอนหายใจอย่างนึกหน่าย แต่เพราะเป็นโออิรันการจะตัดผมจึงเป็นข้อห้าม

มือบางจับผมสีทองของอีกฝ่ายที่ยาวไม่แพ้กันขึ้นมา

“ถ้าออกไปจากที่นี้ได้เมื่อไร ทั้งฉันและนายจะตัดผมยาวที่เปรียบดั่งโซ่ตรวนนี้ออกในสักวัน”

อาร์มินพยักหน้ารับ มือขาวบางเอื้อมกุมมือของอีกฝ่ายก่อนจะบีบเบาๆ ราวกับคำสัญญาและสาบานทั้งต่อตนเองและให้แก่กันว่าสักวันหนึ่งจะออกไปยังโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ ข้ามกำแพงที่เป็นดั่งกรงขังแห่งนี้ออกไปให้จงได้.......







ยามพระอาทิตย์ตกดิน แสงไฟแห่งโยชิวาระต่างถูกจุดส่องสว่างเรืองรอง ประตูสีแดงถูกเปิดต้อนรับเหล่าผู้คนจากภายนอกที่เข้ามาเชยชมดอกไม้งามในยามราตรี เหล่าโออิรันทุกหมู่เหล่าต่างแต่งแต้มสีสรรบรรจงสร้างสรรค์ใบหน้าให้ราวกับงานศิลป์ชิ้นเอก เหล่ายูโจหรือคณิกาทั่วไปเริ่มออกมานั่งยังหน้าร้านที่ถูกกั้นไว้ด้วยกรงไม้ราวกับตุ๊กตาประดับ สาวงามที่ราวกับตุ๊กตามีชีวิตต่างยิ้มหวานส่งเสียงเสนาะเรียกเหล่าชายหนุ่มที่เดินผ่านไปมาหวังเพื่อจะหาผู้อุปถัมภ์สำหรับคืนนี้ให้ได้เสียที

สำหรับเหล่าโออิรันที่จัดว่าเป็นคณิกาชั้นสูงต่างจากยูโจจะเตรียมการแสดงศิลปะต่างๆเพื่อรอรับแขกที่มีการจองตัวไว้ล่วงหน้า หรือนายหน้าเชื้อเชิญมา โออิรันนั้นแตกต่างกับยูโจเพราะนางสามารถเลือกชายหนุ่มที่พึงใจได้ อีกทั้งการพอเจอในแต่ละครั้งกับเหล่าชายหนุ่มถ้าเป็นคืนแรกที่เจอ โออิรันจะพินิจพิจารณาฝ่ายตรงข้ามถ้านางพึงใจในคืนถัดไปจะยอมร่วมหลับนอนกับอีกฝ่าย แต่ถ้าไม่ชายหนุ่มเหล่านั้นจะได้เพียงเชยชมศิลปะการร่ายรำ ขับร้อง เสวนากับนางเท่านั้น

“วันนี้จะมีแขกพิเศษเป็นนักแสดงจากสำนักคาบูกิไทโยที่ลือลั่นอยู่ตอนนี้คงวุ่นวายหน่อยล่ะ”

ฮันจิสั่งงานเหล่าโออิรันที่ถูกคัดสำหรับรองรับแขกในคืนนี้พร้อมด้วยทั้งคามุโระและชินโซ อาร์มินและเอเลนเองก็เป็นคนที่ฮันจิเลือกให้มาปรนนิบัติต้อนรับเหล่านักแสดงคาบูกิในค่ำคืนนี้

เด็กหนุ่มทั้งสองต่างวิ่งเสิร์ฟอาหารและเหล้าให้กับเหล่านักแสดงที่นั่งเรียงรายอยู่เต็มห้องรับรอง เมื่อเห็นว่าสำรับถูกวางไว้ครบทุกที่แล้วเอเลนและอาร์มินจึงไปนั่งอยู่ด้านหลังรุ่นพี่อย่างเบลทรูธเพื่อคอยสังเกตงานและช่วยรินเหล้าให้กับแขก

“สมกับเป็นสำนักโซเอะ มีดอกไม้งามมากมาย สุราชั้นเลิศคู่กับความงามของเหล่าบุปผาช่างเป็นสิ่งที่เจริญใจยิ่งนัก” ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กล่าวเอ่ยชมพร้อมทั้งทอดมองเหล่าโออิรันและเด็กรับใช้ทั่งทั้งห้อง

เอเลนได้แต่ทำหน้าเหยเกจนอาร์มินต้องตีที่ไหล่ให้เด็กหนุ่มรู้ตัวแล้วปรับสีหน้าให้ยิ้มน้อยๆแทน เพราะรู้ดีว่าคำพูดของเหล่าตาแก่พวกนี้ที่ป้อยอหว่านล้อมเพื่อหวังจะได้โออิรันสักคนให้เคียงกายในค่ำคืน สาบานเลยว่าตอนที่เป็นโออิรันเขาจะไม่ขอเลือกตาแก่ที่ดูเจ้าเล่ห์และมักมากแบบนี้แน่ๆ แต่ก็ยังคงต้องเสี่ยงดวงอีกนั้นล่ะนะเพราะกว่าเขาจะเลือกแขกเองได้ก็ต้องผ่านพิธีมิสุอาเงะเสียก่อน ซึ่งก็คือการประมูลคืนแรกของโออิรัน แค่คิดก็ขนลุกแล้วถ้าคนแรกของเขาต้องเป็นชายร่างยักษ์ที่เหมือนจะล้มทับเขาจนแบนแล้วแบบนี้ อีกทั้งสายตาหื่นกระหายที่ไม่ปิดบังนั้นอีก

เพื่อให้รอดพ้นหรืออย่างน้อยก็เพิ่มโอกาสสำหรับการประมูลในคืนแรกที่ดีของตนเองเหล่าชินโซจึงเริ่มทำหน้าที่ต้อนรับและเสวนากับแขกเพื่อดูท่าทีและสานสัมพันธ์ไว้ เพื่อหวังว่าแขกที่ตนหมายปองจะเป็นผู้ประมูลในคืนแรกของตน

เขาคงไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม แต่ทำไมรู้สึกว่าสายตาของเจ้าของสำนักละครคาบูกิไทโยจะจ้องมองเขาไม่วางตา เพื่อเป็นการให้เกียรติแม้จะรู้สึกขแยงเพียงใดเอเลนจึงทำได้เพียงปั้นหน้ายิ้มน้อยๆ และนั่นทำให้เทนยะ ไทโย เจ้าของคณะละครคาบูกิไทโยรู้สึกว่าถูกใบหน้าหวานนั้นดึงดูด

“จะเป็นเกียรติอย่างมากถ้าคนงามเช่นเจ้าจะช่วยรินเหล้าให้ข้า”

เหงื่อที่ไหลซึมยิ่งรู้สึกไหลมากขึ้นเมื่อสายตานั้นเจาะจงมาที่เขาจนไม่อาจปฏิเสธได้ เอเลนจึงต้องหยิบขวดเหล้าสาเกแล้วเดินไปรินให้เทนยะอย่างเสียมิได้ ทันทีที่แก้วสาเกถูกยื่นให้มือหยาบกร้านอวบอูมฉวยโอกาสกอมกุมมือบางค้างไว้อย่างไม่ยอมปล่อย จนเอเลนต้องกระตุกมือกลับอย่างแรงพร้อมทั้งส่งสายตาขุ่นเคืองให้กับอีกฝ่าย แต่คนฉวยโอกาสมองว่าเป็นการแสดงความเขินอายของเด็กหนุ่ม เลยยิ่งทำให้เทนยะได้ใจรบเร้าให้เอเลนนั่งรินเหล้าอยู่ข้างๆ และมือที่เริ่มอยู่ไม่สุขไล่สัมผัสยังไหล่มน มือ แขน หรือแม้กระทั่งแก้มเนียนของเด็กหนุ่ม

จะทนไม่ไหวแล้วนะเว้ยเจ้าแก่บ้านี่!! ต่อให้ต้องโดนทำโทษทีหลังก็ช่างมันแล้ว! เอเลนที่เริ่มฟิวส์ขาดคว้าจอกเหล้าสาเกหมายมั่นว่าจะสาดใส่เจ้าคนไร้มารยาทให้รู้สำนึก แต่ก่อนที่จะได้ทำเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

“ท่านเทนยะข้าได้ยินมาว่าเหล่าโออิรันสามารถเล่นเครื่องดนตรี ร่ายรำ และขับร้องได้ไพเราะนัก ข้าที่เป็นนักแสดงเช่นเดียวกันอยากจะขอร่วมแสดงด้วยสักครา”

ทุกสายตาจับจ้องไปยังบุรุษร่างสูงที่นั่งอยู่กลางแถว ผมสีน้ำตาลอ่อนผูกหางม้าในชุดกิโมโนสีฟ้าสดใส มือที่สวมถุงมือหนังตัดปลายนิ้วหยิบชามิเซ็นประจำกายขึ้นมา

“นับเป็นความคิดที่ดี เจ้าช่วยเป็นตัวแทนคณะละครเราในการแสดงครั้งนี้ละกันแจน”

แจนโค้งคำนับก่อนก้าวออกมายังพื้นที่วางตรงกลาง ใบหน้าหล่อเหลามองไปยังเอเลนที่ยังคงจับจ้องเขาด้วยความแปลกใจ

“ถ้าไม่ว่าอะไรข้าขอให้เจ้าช่วยแสดงร่วมข้าจะได้หรือไม่?”

เมื่อมีมือยื่นมาช่วยมีหรือที่จะไม่รีบไขว่คว้าไว้ เอเลนรีบดันชายเจ้าของคณะให้ถอยห่างพลางคว้าชามิเซ็นอีกตัวจากท่านพี่เบลทรูธซึ่งก็ยอมยกให้แต่โดยดี พลางรีบรุดไปนั่งลงข้างชายหนุ่มเตรียมพร้อมที่จะบรรเลงเพลงร่วม

แจนดีดทำนองนำเพื่อช่วยนำทางให้อีกฝ่ายร่วม เอเลนเมื่อจับจังหวะของอีกฝ่ายได้ก็ดีดสายเพื่อประสานเป็นท่วงทำนองเพลงพื้นบ้านที่เคยได้ฝึกเล่นอยู่บ่อยครั้ง

เบลทรูธและอาร์มินต่างหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ต้องขอขอบคุณชายหนุ่มที่ชื่อว่าแจนที่เข้ามาช่วยไว้ได้ทันท่วงที ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าเขาจะต้องรับหน้าแก้ปัญหาให้เจ้าตัวดีได้เยี่ยงไร

เสียงปรบมือชื่นชมดังระงมเมื่อการบรรเลงดนตรีอย่างไม่ได้ตั้งใจของทั้งสองจบลง เอเลนและแจนต่างคำนับของคุณเหล่าผู้ชมก่อนจะคำนับให้แก่กัน เมื่อเห็นว่าเจ้าของคณะเทนยะเองก็พอใจและชื่นชมกับการแสดงไม่ขาดปาก เอเลนจึงถือโอกาสอ้างไปหยิบเหล้ามาเพิ่มเติมเพื่อหาทางออกจากสายตาของตาแก่เทนยะ

ทันทีที่ประตูบานเลื่อนปิดลง สักพักก็เปิดออกทันที ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลรวบหางม้าเดินตามเอเลนออกมาตรงทางเดิน

“นี่เจ้าไม่คิดจะกล่าวขอบคุณข้าหน่อยเหรอ?” แจนที่เดินตามร่างโปร่งเอ่ยทักเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีทีท่าสนใจเขาเอาแต่เดินนำหน้าไปเรื่อยๆ

เอเลนหยุดฝีเท้าก่อนจะหันมามองชายหนุ่มพลางขมวดคิ้วมุ่น

“ทำไมข้าต้องขอบคุณเจ้าด้วย?”

“ห๊ะ! นี่ข้าอุตส่าห์ช่วยเจ้าจากตาลุงเทนยะจอมลามกนั่นนะ” ตกลงที่เขาทำไปนี่ไม่ได้สังเกตเลยรึไง?

ใบหน้ามนพลางขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิมก่อนจะจิ้มนิ้วลงบนหน้าอกของอีกฝ่าย

“นายต่างหากที่ควรขอโทษแทนเจ้าของคณะลามกนั่น ถือว่าเป็นคนจ่ายเงินหรืออย่างไรถึงคิดว่าจะทำอะไรก็ได้”

“เจ้าเองไม่ใช่เหรอไงที่ไม่รู้จักระวังตัว ถ้ารู้ว่าโดนหมายปองแล้วไม่ชอบใจก็หาทางหลีกเลี่ยงสิ หรือว่าที่จริงเจ้าอยากให้เจ้าของคณะติดพันเจ้ากันล่ะ?” แจนเริ่มหัวเสียกับท่าทีของอีกฝ่ายที่ไม่สำนึกเลยว่าเขาอุตส่าห์ช่วยไว้

ปึก!

เอเลนเตะที่หน้าขาของอีกฝ่ายจนชายหนุ่มต้องยกขาขึ้นร้องด้วยความเจ็บ

“อย่ามาดูถูกกัน อย่าคิดว่านายเป็นแขกแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไร” นัยน์ตาสีมรกตส่งสายตาดุดัน ท่าทางหาเรื่องและพร้อมรับมือกับอีกฝ่ายทำให้แจนยกมือยอมแพ้

“ช่างมัน แกมันก็เป็นแค่ไอบ้าที่ชอบรนหาเรื่องและมีดีที่แค่หน้าตากับการเล่นซามิเซ็น” แจนสบถอย่างหัวเสียก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับวิวทิวทัศน์ของสวนข้างทางยามค่ำคืนแทน

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเลิกต่อล้อต่อเถียงกับตน สองมือที่ตั้งการ์ดเตรียมพร้อมจึงลดลง

“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าคณะละครรับชาวต่างชาติด้วย”

แจนมองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังมองเขาด้วยแววตาสงสัย

“ท่านเทนยะแม้จะเป็นตาลุงลามกในสายตาเจ้า แต่ในเรื่องของการแสดงเขานับว่าเฉียบขาดและแหลมคม อีกทั้งยังไม่จำกัดอยู่แค่คนในชาติของตัวเองเลยทำให้ข้าได้มีโอกาสร่วมคณะละครของเขา”

เอเลนพยักหน้ารับ ดูเหมือนนอกจากมุมที่เขามองว่าเป็นแค่ตาลุงลามกธรรมดาแต่อีกเบื้องหน้าก็เป็นคนที่น่านับถือดูชม

“ชามิเซ็นของเจ้าเล่นได้ดี แต่จังหวะรวบรัดเร็วไปคงเพราะนิสัยใจร้อนของเจ้าเอง” หลายท่วงทำนองที่เอเลนเหมือนจะดีดนำเขาทำให้เขาต้องไล่ตาม ดีว่าเป็นเครื่องดนตรีที่เขาถนัดไม่อย่างนั้นคงได้ล่มไม่เป็นท่า

“โกโตะ”

แจนเลิ่กคิ้วขึ้นมองอย่างสงสัย เอเลนจึงอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ

“ข้าถนัดโกโตะ ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสจะบรรเลงให้เจ้าฟังตอบแทนเรื่องคราวนี้”

แจนผิวปากอย่างพอใจ ดูเหมือนแม้จะดื้อด้านไปบ้างแต่จริงๆแล้วอาจดีอย่างที่เขาคาดไว้ก็ได้

“ไว้ข้าจะหาโอกาสมาตอบรับน้ำใจของเจ้า.... ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร?”

“เอเลน”

แจนโค้งคำนับรับพร้อมคว้ามือของอีกฝ่ายราวกับกำลังเชื้อเชิญหญิงสูงศักดิ์

“ข้าแจน หวังว่าอีกไม่นานจะได้มารับฟังการบรรเลงโกโตะจากเจ้าเอเลน”

แจนปล่อยมือบางของร่างโปร่ง ร่างสูงหมุนตัวราวเต้นรำแล้วโค้งให้กับอีกฝ่ายก่อนจะลากลับเข้ายังห้องรับรอง

แปะ แปะ แปะ

เสียงปรบมือที่ดังมาจากมุมทางเดินทำให้เอเลนหันไปมอง ฮันจิกำลังปรบมือพร้อมทั้งส่งยิ้มอย่างนึกสนุกมาทางเด็กหนุ่ม

“ข้ามองไม่ผิดจริงๆ ที่ให้เจ้าเข้าร่วมในค่ำคืนนี้”

เอเลนมองอีกคนจากคิ้วที่คลายออกเริ่มผูกเป็นปมอีกครั้ง

“ข้าเกือบเอาเหล้าสาดใส่ตาลุงเทนยะนั่นแล้วท่านฮันจิ”

ฮันจิหัวเราะขำกับท่าทางชิงชังของเด็กหนุ่มกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“แต่เพราะอย่างนั้นทำให้เจ้าตกปลาตัวใหญ่ได้น่าดูเอเลน”

เอเลนเอียงคอมองไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ ฮันจิเดินเข้ามาโอบไหล่บางของเด็กหนุ่มก่อนจะกระซิบให้ได้ยิน

“แจน กิลชูไตน์ นักแสดงนำละครคาบูกิที่กำลังโด่งดังอยู่ขณะนี้ อีกทั้งเป็นบุตรบุญธรรมของตาลุงลามกที่เจ้าเกลียดนั่นไง”

ฮันจิยกยิ้มให้เอเลน รอยยิ้มที่เด็กหนุ่มเข้าใจความหมายจนต้องสะบัดหน้าหนีแววตาของท่านเจ้าบ้านที่มองมา แววตาที่บอกเขาว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องเริ่มหว่านเมล็ดเพื่อพิธีมิสุอาเงะที่จะมีในอีกไม่ช้า...
TBC.
.......................................................................................
Talk: ตอนที่1 ปูเนื้อเรื่องและข้อมูลแน่นหน่อยนะคะ ตอนหลังๆตัวละครจะโลดแล่นมากขึ้นค่ะ ช้อยส์ตัวเลือกแรกของเราโผล่มาแล้ว พ่อหน้าม้าของเราที่เปิดตัวมาอย่างหล่อ แต่จะได้ประมูลเอเลนไหมต้องตามกันต่อไปค่ะ(ไหเยอะจริงจัง)
สำหรับเรื่องนี้ชื่อสถานที่มีจริงคือโยชิวาระ และญ๊่ปุ่นยุคเก่าผสมความแฟนตาซีลงไป โดยเฉพาะเรื่องเครื่องแต่งกายเพราะความชอบส่วนตัวของผู้เขียนค่ะ(เหตุผลน่าตรบ) เพราะงั้นข้อมูลหลายอย่างจะเอาในช่วงยุค 1600-1760 แล้วผสมความเวิ่นเว้อส่วนตัวของผู้เขียนลงไป ที่แน่ๆการแต่งกายก็ไม่อิงแล้วค่ะ เพราะที่จริงเหล่าโออิรัน หรือแม้กระทั่งเด็กรับใช้ต้องทำผมเก็บรวบให้หมดแล้วมีเครื่องประดับมากมาย แต่ชอบให้ปล่อยผมมากกว่าเพราะงั้นเครื่องแต่งกายไม่ยึดตามเดิมเท่าไรค่ะ จะมีเสริมปรุงแต่งไปจะออกแนวแฟนตาซีค่ะ เรื่องนี้คงไปอย่างช้าๆ เพราะตัวละครแต่ละคตัวต้องผลัดกันมาสร้างเนื้อเรื่อง คาดว่าอีกตอน สองตอนเฮียรีไวล์จะออกมาพร้อมกับเฮียเอลวิน ฝากติดตามด้วยนะคะ ใครมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็ส่งมาได้ค่ะ ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะ

12 ความคิดเห็น:

  1. สนุกมาก ชอบเรื่องแนวนี้มากเลยคะ เป็นกำลังใจให้แล้วก็รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ^ ^

    ตอบลบ
  2. สนุกมาก ชอบเรื่องแนวนี้มากเลยคะ เป็นกำลังใจให้แล้วก็รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ^ ^

    ตอบลบ
  3. รออยู่นะคะ ชอบมากๆเลย มาต่อไวๆนะเป็นกำลังใจให้

    ตอบลบ
  4. ชอบแนวนี้มากกกกกติดตามๆๆ

    ตอบลบ
  5. ชอบแนวนี้มากกกกกติดตามๆๆ

    ตอบลบ
  6. ชอบที่สูดดดดดดดเลย

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ12 สิงหาคม 2561 เวลา 17:48

    อยากอ่านตอนต่อแล้วง่าาารอมาตั้ง3ปีแล้วนะพี่//โดนตรบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. กราบ..... มันมีไกด์ไลน์แล้ว พล็อตจบแล้ว เหลือแค่ตัวคนเขียนค่ะ.......//ตอน2คงเร็วๆนี้.......มั่ง...//เขี่ยพื้นแปบ

      ลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ25 ตุลาคม 2563 เวลา 07:31

    รออยู่นะคะฮือออ ชอบแนวนี้มากๆเลย,__,

    ตอบลบ
  9. มาต่ออีกนะค้าาาาา ชอบมาก

    ตอบลบ
  10. มาต่ออีกนะค้าาาาา ชอบมาก

    ตอบลบ