วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

Fic. [AU]: Attack On Titan: ล่ารักอันตราย (Part II) Chapter 5: Fault

Fic. [AU]: Attack On Titan: ล่ารักอันตราย (Part II)
Pairing: (Levi x Eren)
……………………………………………………………………………………..
Chapter 5: Fault
 
 
ห้องทำงานที่ปกติมักมีกลิ่นน้ำยาทำความสะอาดราวกับอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้กลิ่นนั้นถูกกลบด้วยกลิ่นของควันบุหรี่ที่กำลังถูกจุดเพิ่มอีกมวน เมื่อมองจานรองขี้เถ้าจะเห็นได้ว่ามีเศษขี้เถ้าและบุหรี่ที่ถูกขยี้กองทิ้งไว้อยู่มากมาย
เอลวินหยิบบุหรี่จากซองที่เปิดทิ้งไว้ก่อนจะจุดแล้วนั่งสูบอยู่ข้างๆเจ้าของที่สายตายังคงจับจ้องกับอีเมลที่ส่งเข้ามามากมาย โดยเฉพาะในอีเมลส่วนตัวที่นอกเหนือจากของบริษัท
 
“ฉันแปลกใจที่เห็นนายไม่โกนหนวดแบบนี้ รีไว” ควันสีขุ่นถูกพ่นออกจากปากก่อนขี้เถ้าจะถูกบดลงในจานรองอีกใบที่ยังพอมีที่ว่างเหลือ
 
สายตาคมชำเลืองมองคนถามก่อนจะหันกลับไปสนใจอีเมลและเชคข่าวคราวในเวบไซต์ส่วนตัวอย่างไม่สนใจอีกฝ่ายเท่าไร รอยคล้ำใต้ตาที่เป็นเอกลักษณ์ของคนขี้หงุดหงิดเหมือนจะมีมากขึ้นมากกว่าเดิมเช่นเดียวกับริ้วรอยที่ตาที่น่าจะมาจากการอดหลับอดนอนเป็นระยะเวลานานหลายวัน
“เดือนนึงแล้วที่ไม่ได้ร่องรอยของหมอนั่น ไม่มีแม้แต่ข่าว เฮงซวยชะมัด!” รีไวคำรามในลำคออย่างหัวเสียถึงที่สุด
ถึงแม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าการติดตามข่าวสารของเคนนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทางนั้นมีการคุ้มกันที่หนาแน่นอีกทั้งยังระมัดระวังอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าจะไมได้ข่าวคราวแม้แต่สถานที่ที่หมอนั่นจะไป ส่วนมากที่ได้มามักจะเป็นเพียงเบาะแสและการคาดคะเนที่ไม่มีจุดร่วม
“หมอนั่นปล่อยข่าวลวงกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ จะตามหาจากแหล่งข่าวใต้ดินแบบนี้อาจต้องใช้คนเฉพาะทางแล้วมีฝีมือพอตัว”
คิ้วคมขมวดมุ่น ก่อนจะคลายออกเล็กน้อยเมื่อนึกถึงใครบางคนที่อาจพอช่วยในเรื่องนี้ได้บ้าง
“นานๆทีไปนั่งดื่มเหล้าถูกๆที่คุ้นเคยในสลัมก็ไม่เลว หมอนั่นเองก็คงยังทำธุรกิจอยู่ที่นั้น”
รีไวคว้าสูทตัวนอกที่พาดไว้ตรงพนกเก้าอี้เตรียมที่จะเดินทางไปหาเป้าหมาย แต่เอลวินคว้าสูทของคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ได้ก่อน นัยน์ตาสีขี้เถ้าตวัดมองอย่างรำคาญพลางส่งสายตาถาม
“สภาพนายตอนนี้ถ้าไปที่สลัมมีหวังได้ถูกรุม นายก็รู้ตัวดีไม่ใช่รึไงว่าที่นั้นคงไม่ต้อนรับคนที่จากไปแล้วเท่าไร”
“ต่อให้พวกนั้นจะมาสิบ ยี่สิบคน หรือจะมาทั้งสลัมบ้าๆนั่นฉันก็จะจัดการให้หมดให้ดู” นัยน์ตาสีขี้เถ้าแข็งกร้าวติดรำคาญ
 
เอลวินส่ายศรีษะไปมา นัยน์ตาสีฟ้าสงบเยือกเย็นจ้องมองแววตาที่ครุกรุ่นของอีกคน
 
“ฉันขอให้นายไปพักผ่อนแล้วคืนพรุ่งนี้ค่อยไป แต่ถ้านายดื้อรั้นที่จะไปให้ได้นายต้องเอาทีมของนายไปด้วย”
รีไวกระชากคอเสื้อของคนตัวใหญ่กว่า ใบหน้าคมจ้องมองอีกคนด้วยแววตาวาวโรจน์ราวกับหมาป่าที่เตรียมจะตะครุบเหยื่อ แต่เอลวินเพียงมองสายตานั้นด้วยแววตาสงบนิ่งเฉกเช่นเดิม
 
“นายเองก็รู้ดีไม่ใช่รึไงว่าที่แบบนั้นฉันไม่คิดจะเอาพวกลูกน้องของฉันเข้าไป”
“ใช่ แต่ถ้านายไปเองด้วยสภาพแบบนี้สู้หาคนคุ้มกันไปด้วยไม่ดีกว่ารึไง?”
 
รีไวยังคงมองเอลวินด้วยสายตาต่อต้าน จนในที่สุดเป็นเอลวินเองที่ต้องถอนหายใจก่อนจะมองสบตาคนสนิทของตนอีกครั้งด้วยแววตาที่จริงจังเคร่งขรึม
 
“นี่เป็นคำสั่ง นายกลับไปพักซะรีไว”
 
มือหยาบค่อยๆคลายออกก่อนจะกระชากสูทของตัวเองออกจากอีกคนขึ้นพาดบ่าอย่างไม่สบอารมณ์
“เข้าใจแล้ว”
“ฉันจะให้เอริ์ดไปส่งนาย เพราะงั้นนายก็กลับไปพักซะ”
รีไวพยักหน้ารับก่อนจะก้าวออกจากห้อง
 
เมื่อบานประตูปิดลงเอลวินได้แต่ถอนหายใจพร้อมทั้งส่ายศีรษะไปมาเพื่อตั้งสติ ไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายขนาดนี้ อีกทั้งไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างรีไว ที่แสนจะเฉยชาและเด็ดขาดแบบนั้นจะมีสภาพที่ไม่น่าเชื่อ ทั้งหนวดเคราะที่ปล่อยให้ขึ้นอย่างไม่ใส่ใจทั้งที่เป็นคนรักความสะอาด ทั้งบุหรี่ที่เจ้าตัวไม่ได้แตะมานานตั้งแต่เขาจำได้
ก๊อก ก๊อก
 
ประตูที่เพิ่งปิดไปไม่นานเปิดออกอีกครั้ง เด็กหนุ่มผมทองในชุดสูทสีขาวเดินเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ
 
“ดีจังที่คุณยังอยู่ ผมเห็นคุณรีไวเดินสวนออกไปนึกว่ามีเรื่องด่วนกันเสียอีก” อาร์มินยื่นแฟ้มเอกสารให้กับชายหนุ่มพลางชี้จุดที่ต้องเซ็นต์ให้กับอีกฝ่าย
 
“ดูเหมือนเรื่องเอเลนทำให้คุณรีไวกังวลใจน่าดูนะครับ”
“ฉันเองก็ไม่คิดว่าหมอนั่นจะเป็นได้ถึงขนาดนี้” เอลวินตรวจเอกสารที่ต้องจัดส่งให้บริษัทคู่ค้า เมื่อเซ็นต์เรียบร้อยจึงส่งแฟ้มคืนให้อาร์มิน
 
“น่าแปลกทั้งที่ข่าวในองค์กรใต้ดินของคุณก็มีเครือข่ายอยุ่มาก แต่เรื่องของเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวนี่ราวกับงมเข็มในมหาสมุทร” นัยน์ตาสีฟ้าสดใสตรวจเช็คแฟ้มเอกสารทั้งหมดในมืออีกครั้ง ก่อนจะปรายตามองไปยังผู้ที่เป็นประธานบริษัท
“หรือบางทีเข็มนั้นไม่ได้ตกไปในมหาสมุทรแต่ถูกโขดหินใหญ่บังเอาไว้กันแน่?” อาร์มินส่งยิ้มให้กับอีกฝ่ายที่เองก็มองมาที่เขาอย่างให้ความสนใจ
 
เอลวินเองก็ยิ้มรับกับยิ้มที่อาร์มินส่งมาราวกับท้าทาย
“นายจะบอกว่าฉันปิดบังข้อมูลไว้งั้นเหรอ?”
 
อาร์มินหัวเราะขำให้กับอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเอกสารเรียบร้อยดีแล้วก็หมดธระของเขากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ เจ้าตัวจึงโค้งลาเพื่อที่จะเดินออกไป มือบางจับลูกบิดประตูและหันมาหาชายหนุ่มราวกับนึกได้ว่ามีเรื่องสำคัญที่ควรบอก
 
“ผมได้เรื่องที่น่าตกใจมา เห็นว่าเดือนก่อนมีอุบัติเหตุตรงใกล้ๆกับที่พักของคุณรีไว” อาร์มินหันหน้ากลับมามองอีกฝ่าย แฟ้มถูกยกขึ้นปิดครึ่งหน้าพร้อมทั้งใบหน้าที่ราวกับกำลังค่อยๆนึกลำดับเหตุการณ์
“บางทีอาจเป็นแค่ข่าวลือ ถ้ายังไงเวลาขับรถหรือข้ามถนนก็ระวังไว้ด้วยนะครับ คุณเอลวิน”
 
ประตูปิดลงพร้อมรอยยิ้มมุมปากของเอลวินที่ยังคงไม่หุบลง น่าสนใจ อาร์มิน อัลเลโต้ ช่างเป็นเด็กที่ฉลาดและช่างวิเคราะห์ เหมือนว่าเขาจะได้พนักงานมากความสามาถ และอาจเป็นศัตรูตัวฉกาจที่น่าจับตามองในอนาคตอีกด้วย
 
รถยนต์ส่วนบุคคลสีขาวขับเข้าสู่เขตย่านที่อยู่อาศัยของบรรดาเหล่าคนมีเงินและชื่อเสียง ประตูรั้วสีน้ำเงินเมทัลลิคเปิดออกอัตโนมัติด้วยแอพพลิเคชั่นของผู้เป็นเจ้าของ คฤหาสน์สีขาวสไตล์ยุโรปที่มีเสาโรมันประดับ หน้าคฤหาสน์หลังงามมีสวนกว้างที่มีลานน้ำพุซี่งประดับด้วยรูปปั้นของเทพีแห่งความงามของกรีกกำลังเริงระบำ ข้างคฤหาสน์คือโรงจอดรถขนาดใหญ่ที่อาจจะใหญ่กว่าโชว์รูมในเมืองบางแห่ง โรงจอดรถขนาดสองชั้นที่แสดงถึงรสนิยมและความชื่นชอบของผู้เป็นเจ้าของ ประตูอลูมิเนียมเปิดออกพร้อมทั้งรถเบนซ์สีขาวซ่งเป็นรถที่ชายหนุ่มใช้ประจำถูกจอดไว้แถวหน้าซึ่งเป็นที่จอดสำหรับรถที่เขาใช้ขับไปทำงานทั่วไปทุกวัน ด้านหลังถูกแบ่งด้วยประตูกระจกใสขนาดใหญ่ที่ภายในมีรถหลายสิบคันซึ่งเป็นล้วนแต่เป็นแบรนด์หรูหราชั้นนำ อีกทั้งบางคันยังเป็นรถรุ่นลิมิเต็ทที่มีจำนวนไม่กี่คันเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น Lamborghini Veneno Roadster  Bugatti Veyron 16.4 Super Sport หรือ Maybach Exelero ซึ่งเรียกว่าเป็นรถหายากระดับต้นๆละมีราคาแพงมหาศาล
 
ทันทีที่ก้าวลงจากรถชายหนุ่มอีกคนก็ยืนรอรับอยุ่ก่อนแล้ว
“วันนี้นายดูเหนื่อยๆนะ งานยุ่งหรือ?” ไมค์เอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของอีกคนดูยุ่งยาด คิ้วสีทองราวกับผูกกันเป็นปม
เอลวินมองใบหน้าของคนที่ออกมารับด้วยความรู้สึกละเหี่ยใจก่อนจะจัดการโยนกระเปาแลปท็อปและกระเป๋าเอกสารให้อีกฝ่ายอย่างเต็มแรง แต่ไมค์ก็รวบรับทั้งหมดได้อย่างแม่นยำก่อนจะมองอีกคนด้วยแววตาแปลกใจ
“วันนี้เอเลนเป็นไงบ้าง?” เอ่ยถามทันทีที่เข้ามาภายในบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาประมาณตีสามซึ่งเด็กหนุ่มที่ถูกกล่าวถึงคงหลับไปนานแล้ว
“ยังคงจำอะไรไม่ได้ คิดว่าพรุ่งนี้จะลองหาหนังสือเกี่ยวกับการถ่ายรูปมาให้หมอนั่นดูบางทีอาจช่วยให้นึกอะไรออก”
เอลวินพยักหน้ารับ ก่อนจะมองอีกคนที่มองเขาราวกับสุนัขตัวโตด้วยความละเหี่ยใจ
 
“นายเนี่ยนะ แล้วแบบนี้ฉันควรทำยังไงกับชื่อเอเลนดี?” เอลวินทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาห้องรับแขกโดยที่ไมค์เมื่อจัดการวางกระเปาต่างๆเข้าที่แล้วจึงมานั่งลงบนโซฟาที่อยู่ข้างกัน
“ขอโทษนะ ฉันไม่เคยเจอหมอนั่นมาก่อน อีกทั้งยังจำชื่อผิดจากเอเลนเป็นอเล็กซ์อีก” ไมค์เกาหัวพลางหัวเราะแห้งให้กับความผิดพลาดของตนเอง
 
 
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทันทีที่ไมค์แจ้งข่าวเรื่องเคนนี่กับทางเอลวินและรีไว ไมค์เองก็เดินทางกลับมาที่อาคารสวนทางกลับรีไวพอดี เมื่อรายงานตัวกับเอลวินได้ไม่นานก็ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยเฝ้าจับตาดูเอเลนเด็กในสังกัดของรีไวสมทบกับเหล่าบรรดาลูกน้องคนสนิทที่จะผลัดเวรกันดูแลอยู่เป็นประจำ ด้วยรู้ดีว่าคนอย่างเคนนี่อาจสือเรื่องรอบตัวของรีไวไว้อยุ่แล้ว และเอเลนเด็กธรรมดาที่มาอยู่กับรีไวน่าจะเป็นเป้าหมายที่ทางนั้นคงจะสนใจไม่น้อย การเตรียมรับมืออย่างรอบคอบจึงเป็นการดีที่สุด เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าระหว่างทางที่ไมค์กำลังไปหา เอเลนจะเกิดอุบัติเหตุจนทำให้สูญเสียความทรงจำแบบนี้ มิหนำซ้ำไมค์ที่ไปพบเข้าแล้วนำตัวเอเลนส่งเข้าโรงพยาบาลกลับจำชื่อเจ้าตัวจากเอเลนเป็นอเล็กซ์ ครั้นหลังจากเอเลนฟื้นขึ้นมาจะไปบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็เกรงว่าจะยิ่งทำให้คนป่วยสับสนหนักกว่าเก่า แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น ไมค์ดันไปอ่านนิยายเรื่อง คุณพ่อขายาว ของ จีน เว็บสเตอร์ พอเห็นเอเลนจึงอยากที่จะเป็นเจอร์วิส ขึ้นมา ให้ตายสิ!นิสัยชอบอะไรที่ตัวเล็กๆแบบนี้ของไมค์นั้นไม่คิดเลยว่าจะทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากแบบนี้ หนำซ้ำเขาต้องกลายเป็นพ่อบุญธรรมของเอเลนไปอย่างช่วยไม่ได้ ผลสุดท้ายเลยต้องเลยตามเลยจนบานปลายมาขนาดนี้
 
“เอาเถอะก็ใช่ว่าจะไม่มีผลดีอะไร” เอลวินลูบศีรษะของผู้ชายตัวโตกว่าที่ตอนนี้ทำท่าทางราวกับสุนัขลาบราดอร์ตัวมหึมาที่โดนเจ้านายต่อว่า
“เพราะการเปลี่ยนแปลงชื่อและข้อมูลของเอเลนทำให้ทางเคนนี่เองก็คงจะหาตัวเจ้าหนูนี่ยากขึ้น แบบนั้นก็สบายกับทางเรา” เอลวินยิ่มอ่อนให้กับคนตัวโตกว่า ก่อนจะทำสีหน้าจริงจังขึ้นอีกครั้ง
“ไม่รู้ว่าจะปิดรีไวได้อีกนานแค่ไหน ถ้าทำได้ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้หมอนั่นว้าวุ่นใจแบบนี้” หนึ่งเดือนที่คอยดูคนสนิทกับท่าทางที่จริงจังและดุดันนั้น หลายครั้งที่เขาอยากจะบอกเรื่องเอเลนให้รีไวรู้ เพียงแต่เขากำลังรอคอยจังหวะและเวลา อีกทั้งเป็นการสั่งสอนคนอย่างรีไวไปในตัว
ตั้งแต่เรื่องของอาร์มินที่เกิดขึ้น เอลวินรู้ดีว่ารีไวให้ความเอาใจใส่เอเลนมากขนาดที่ตัวเขาซึ่งรู้จักกับรีไวมานานยังต้องแปลกใจ แต่นั้นจะเป็นดาบสองคมกับคนอย่างรีไว ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกสาเหตุที่เขายังไม่คิดจะบอกเรื่องของเอเลนให้รีไวได้รับรู้ เพราะรู้ดีว่าตอนนี้คนอย่างรีไวอาจเอาอารมณ์ของตัวเองมาเป็นใหญ่มากกว่าเหตุผล การที่ทำให้สูญเสียสิ่งสำคัญไปอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนอาจทำให้รีไวแข็งแกร่งและรอบคอบขึ้นมากกว่าเดิม
“ฉันหวังว่าวันที่หมอนั่นจะรู้ความจริง ความทรงจำของเอเลนจะกลับมาแล้ว” เอลวินเอนหลังพิงกับพนักโซฟาอย่างอ่อนแรง ไมค์ที่อยู่อีกด้านจึงลุกขึ้นไปยืนที่ด้านหลังพร้อมทั้งใช้สองมือนวดไหล่ที่ตึงแน่นของอีกฝ่าย
“ระหว่างนี้ฉันจะพยายามหาสิ่งกระตุ้นความทรงจำของเจ้าหนูนั่นจากข้อมูลที่มีอยู่นะเอลวิน”
เอลวินเงยหน้ามองอีกคนที่ยังคงมองเขาด้วยสายตาราวกับสุนัขตัวโตเช่นเดิม ใบหน้าที่เหนื่องล้ายกยิ้มอ่อนโยนให้กับอีกฝ่าย
“ฝากด้วยละกันคุณลุงขายาว”
 
 
 
 
 
            เปลือกตาบางกระพริบถี่ๆก่อนลืมตาตื่นเมื่อแสงแรกของยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านสีเขียวอ่อน ร่างบางค่อยๆเหยียดกายขยับไปมาด้วยความรู้สึกขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นนั่งอย่างอ้อยอิ่ง มือบางยกขึ้นกุมปากที่หาวกว้าง ก่อนจะส่ายผมสีน้ำตาลไปมาทั้งใช้สองมือตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อปลุกให้ตื่น เอเลนมองดูขาและแขนของตัวเองด้านขวาที่ยังคงมีเฝือกพันพลางถอนหายใจ แม้จะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลจนสามารถกลับมาพักที่บ้านได้ แต่เพราะกระดูกที่ยังไม่สมานกันดีทำให้เขาต้องใส่เฝือกไปอีกสักระยะเลยทำให้เวลาขยับยังคงเก้ๆกังๆจนหลายครั้งที่เจ้าตัวรู้สึกรำคาญ
 
            “ตื่นเช้าจังนะอเล็กซ์” เอลวินเอ่ยทักเมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเห็นว่าเด็กหนุ่มนั่งอยู่บนเตียงแล้ว
            “คุณเอลวินนั่นล่ะครับ ทำไมตื่นเร็วจัง?” รู้ดีว่าอีกคนมักจะออกไปทำงานตอนประมาณสองทุ่มและมักกลับมาตอนใกล้รุ่งสางเสมอ แต่กลับตื่นก่อนเขาที่นอนตั้งแต่หัวค่ำ
            “ว่าจะยกอาหารเช้ามาให้ หรืออยากออกไปกินที่ห้องอาหารล่ะ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางเดินมานั่งบนเตียงของอีกฝ่าย
            “ออกไปทานที่ห้องอาหารดีกว่าฮะ ผมเอาแต่กินแล้วนอนจนตอนนี้รู้สึกว่าจะกลิ้งได้แล้ว” ที่จริงควรบอกว่าตลอดเดือนที่ผ่านมาเขาเอาแต่กินๆนอนๆจนตอนนี้รู้สึกตัวเองเป็นลูกหมูแล้วด้วยซ้ำ
            เอลวินหัวเราะขำพลางใช้สองมือยืดแก้มเจ้าหนูตรงหน้าอย่างนึกสนุก
            “นายน่ะผอมแบบนี้กินเข้าไปเยอะๆก็ดีแล้ว”
            เอเลนจับสองแก้มของตัวเองที่มีรอยแดงจางๆจากการถูกดึงพลางพองลมในแก้มใส่คนตรงหน้า
            เอลวินลุกจากเตียงพลางหยิบไม้ค้ำส่งให้เด็กหนุ่ม เอเลนมองไม้ค้ำที่เอลวินถือมาก่อนจะจ้องมองชายหนุ่มตาแป๋ว จนเอลวินต้องทำหน้าแปลกใจ แต่ก่อนจะได้ถามสองแขนเรียวก็ยกขึ้นหาอีกคน
 
            “เมื่อวานลุงไมค์ให้ผมขี่หลังไปห้องอาหาร วันนี้ขอขี่หลังคุณไปได้ไหมฮะ?” นัยน์ตาสีมรกตมองอีกฝ่ายด้วยแววตาออดอ้อน
 
            เอลวินจัดการกอดรัดเจ้าตัวดีอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะยอมให้อีกฝ่ายขึ้นขี่หลังอย่างว่าง่าย หลังจากอยู่ด้วยกันมาสักระยะเอเลนก็ค่อยๆเปิดใจกับทั้งเขาและไมค์มากขึ้น คงเป็นเพราะสูญเสียความทรงจำจึงทำให้เจ้าตัวดีออดอ้อนทั้งสองเป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่าเป็นที่พึ่งพาที่ไว้วางใจได้ และเพราะการออดอ้อนแบบนี้ไงเลยทำให้เขารู้สึกว่าการเป็นพ่อบุญธรรมของเด็กหนุ่มเป็นสิ่งที่ดีไม่เลวเลย จะว่าไปจากข้อมูลที่ได้มาอีกทั้งคาดเดาจากลักษณะนิสัยของรีไว เขาไม่คิดเลยว่าเอเลนจะอ้อนคนเก่งแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอีกฝ่ายเสียมากกว่า ถ้ารีไวมารู้แบบนี้เข้ามีหวังเขาและไมค์อาจโดนจับถ่วงคอนกรีตเอาด้วยความอิจฉาก็ได้
            พอมาถึงห้องอาหารไมค์ที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วจึงลุกไปช่วยประคองเด็กหนุ่มลงจากหลังของอีกคน ก่อนจะยื่นไม้ค้ำที่ติดมือมาด้วยพิงที่กำแพงด้านข้างซึ่งไม่ไกลมากนักจากเก้าอี้ที่เอเลนนั่ง
 
            “วันนี้หลังทานข้าวเสร็จเราไปห้องหนังสือกันไหมเอเลน ฉันซื้อพวกหนังสือถ่ายภาพแล้วก็กล้องถ่ายรูปมาให้เผื่อจะหายเบื่อได้บ้าง” ไมค์หยิบกล้องคอมแพคขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตส่งให้เด็กหนุ่ม
            “ตอนแรกว่าจะให้กล้อง DSLR ตัวใหญ่แต่ไว้รอมือขวาหายเป็นปกติก่อนแล้วกันนะอเล็กซ์” เอลวินพูดเสริม
 
            เอเลนรับกล้องมาด้วยแววตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น อกซ้ายเต้นโครมครามด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดี เด็กหนุ่มพลิกสำรวจกล้องไปมาอย่างตั้งอกตั้งใจ อีกทั้งลองปรับเปลี่ยนโหมดต่างๆไปมาโดยมีเอลวินและไมค์ที่ร่วมโต๊ะทานอาหารเป็นนายแบบให้ถ่ายรูป
            “ผมว่าก่อนสูญเสียความทรงจำผมคงชอบถ่ายภาพมากแน่ๆ” ใบหน้าหวานยิ้มจนแก้มปริกับของขวัญที่ได้รับ
           
            เอลวินและไมค์ต่างมองหน้ากันอย่างมีประกายความหวัง บางทีเขาและไมค์อาจหาทางค่อยๆกระตุ้นความทรงจำของเด็กหนุ่มได้บ้างทีล่ะนิด

TBC.
..........................................................................................................

Talk: ใครหวังเอลวินจะเป็นมือที่สามคนเขียนต้องขอบอกว่า อาจจะมีและอาจจะไม่มีค่ะ //อย่าเพิ่งเอามีดจ่อคอเค้า ={}=""" 
คือแบบว่าอย่างที่บอกมาตลอด เรื่องนี้ไร้การวางโครง ขึ้นอยู่กับอารมร์ล้วนๆ //มันน่าโดนรุมก็เพราะงี้ฮาๆ
พอดีกลับมาเป็นช่วงชีพจรลงเท้าอีกครั้งค่ะ แต่ก็พยายามปั่นๆอยุ่นะงือ อาทิตย์ที่แล้วว่าจะลงแต่ติดไปเขาใหญ่ขออภัย มีนักอ่านทวงมากมาย ทั้งปลาบปลื้มและเสียวสันหลังพอๆกัน แต่ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะฮาๆ
ปล. อย่างที่เคยบอกเสมอมา อย่าเอาสาระอะไรจากเรื่องนี้ค่ะ เน้นความบันเทิงของผู้เขียนล้วน =w=b

5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ22 กันยายน 2558 เวลา 16:58

    ไรต์คะ ตอนที่แล้วทำเอานั่งร้องไห้เป็นวันๆเลยนะคะ TT ///สู้ๆ เรารออยู่~

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ25 กันยายน 2558 เวลา 12:38

    อุ๊ย ตายละ เอลวินกับไมค์เป็นคนดี นึกว่าจะต้องงัดกับคุณรีไวซะแล้ว แถมเอเลนช่างอ้อนแบบนี้ น่าร๊ากสุดๆค่ะ ชอบ อยากกอดมั่งจัง 555 แล้วจะรอตอนต่อไปค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตอนต่อไป........ อาจนานหน่อยนะคะ งือออ แต่จิพยายาม ขอบคุณที่รอค่ะ ตอนนี้ทางนี้เป็นครอบครัวสุขสันต์ผมทองลุกผมน้ำตาลมากคะฮาๆ

      ลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ29 กันยายน 2558 เวลา 23:12

    ว้าย ขอโทษเอลวินด้วยนะคะที่เข้าใจผิด คุณพ่อเอลวิน(รึแม่หว่า)อบอุ่นใจดีจัง เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆเถอะค่ะเป็นคุณพ่อแสนดีของน้องเอเลนและคนอื่นในบริษัทต่อไปนะคะดันโจว

    เอเลนคะถ้าน้องจะอ้อนได้น่ารักน่าฟัดขนาดนี้ //ปาดเลือดกำเดาแพร่บบ

    ถ้าหัวหน้ารีไวรู้มะไหร่ได้อิจฉาจนจับเอลวิน กับไมค์หล่อคอนกรีตถ่วงน้ำอย่างที่ดันโจวคิดแน่นอนค่ะ ฟันธง หึหึ

    สนุก น่ารักฟุ้งฟิ้งพอๆกับหนูน้อยเอเลนเลยค่ะ

    รอตอนต่อไปค่านานแค่ไหนก็จะรอค่ะ รอรวมเล่ม Last Memory และ หวังไหดอง Libido ต่อปายย

    รวมทั้งรื่องอื่นๆด้วย สรุปคือ เรารอทุกเรื่องของเพจไรท์เลยค่า สนุกทุกเรื่อง ชอบมากเลยค่ะ ^^ เป็นกำลังใจให้ไรท์ ขอให้ว่างมาอัพต่อเนื่องได้นะคะ แหะๆ โลภค่ะ อยากอ่านทุกเรื่องเลย ทั้งฟาโรห์ ทั้งทะเลทรายเลยค่า รักไรท์ที่สุดที่มีฟิคสนุกๆให้ได้อ่านนะคะ

    ตอบลบ