วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Last Memory Special: Beginning New Memory


Fic. Attack On Titan (Levi x Eren) Last Memory Special: Beginning New Memory

 

            เคยมีสักคนกล่าวไว้ หรือบางทีเขาอาจจะเคยได้อ่านจากหนังสือเล่มไหนสักเล่มที่กล่าวว่า

ไม่ควรปล่อยตนให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของความรัก เพราะการพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นเรื่องทรมาน และเรื่องที่จะบังคับไม่ให้พลัดพรากก็เป็นเหตุสุดวิสัย ไม่วันใดก็วันหนึ่งทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รัก

            ข้อความที่เขาเคยรับรู้และไม่ได้ใส่ใจแต่กลับจดจำได้อย่างน่าประหลาด ใครจะคิดว่าหัวใจที่ด้านชาและคนแบบเขาจะปล่อยตนให้ตกอยู่ใต้อำนาจของสิ่งที่เรียกว่ารัก อีกทั้งความทรงจำครั้งสุดท้ายที่ผ่านมานับพันปี เหตุที่ทำให้พลัดพราก ความรู้สึกและภาพยังคงกระจ่างชัดเจน ทั้งทรมาน เจ็บปวด ราวกับว่าโลกทั้งโลกได้แตกสลายลงตรงหน้า ก็อย่างว่าความรักเป็นเรื่องที่น่าประหลาด ความผูกพันของมนุษย์หรือสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตามักมีเรื่องให้ประหลาดใจอยู่เสมอ

            รีไวปิดหน้าบันทึกปกหนังสีดำที่ขอยืมจากเอเลนลง มือแกร่งเคาะลงบนบันทึก ไม่คิดเลยว่าเขาและเด็กหนุ่มจะผูกพันกันมานานนับพันๆปี และเรียกได้ว่าเป็นโชคชะตาที่ทำให้เขาระลึกถึงความทรงจำในอดีตที่ยาวนานนั้นออก อีกทั้งความทรงจำครั้งสุดท้ายของเขาและเอเลนนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าจดจำ เด็กหนุ่มที่ต้องเสียสละเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพของมนุษยชาติอย่างแท้จริง และตัวเขาที่ราวกับคนบ้า ยามเมื่อความทรมานของการพลัดพรากกรีดลึกที่หัวใจ ความทรงจำครั้งสุดท้ายที่จบลงอย่างเจ็บปวดราวกับโศกนาฏกรรมในบทประพันธ์ที่เคยอ่านผ่านตา แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวของเขายังไม่ได้จบลง เรียกได้ว่าเพราะโชคชะตาและสายสัมพันธ์ที่ถักทอทำให้เรื่องราวยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน ตัวเขาในบทบาทใหม่ที่ยังคงทำงานให้กับหน่วยงานรัฐ การทำงานและแนวการดำเนินชีวิตเรียกได้ว่าแทบไม่ได้แตกต่างจากในอดีต แค่เปลี่ยนจากพวกไททันที่น่ารำคาญเป็นเหล่าอาชญากรที่บางทีอาจน่าไล่เตะก้นกว่าพวกไททันในอดีตที่เขาเหม็นเบื่อเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนในอดีตเหล่านั้นต่างก็มาเจอกันในปัจจุบัน และเพราะอย่างนั้นตัวเขาที่ไม่เคยเชื่อเรื่องปฎิหารย์ พอเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ เรียกได้ว่าความทรงจำครั้งสุดท้ายนั้นกำลังจะเริ่มต้น ไม่สิต้องเรียกว่าได้เริ่มต้นใหม่แล้วสินะ

            ทั้งที่ได้เริ่มต้นใหม่แล้วแท้ๆ แต่บางอย่างกลับไม่ได้เป็นไปตามใจนึกคิดเสียเท่าไร มันอาจไม่ใช่สิ่งเลวร้ายแต่มันก็ทำให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเฉยชาและแข็งแกร่งมาแต่ไหนแต่ไรหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย

            “เฮ้รีไวฉันเอาสรุปสำนวนคดีมาส่ง” เสียงเอ่ยทักดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องทำงานส่วนตัวในออฟฟิศถูกเปิดออกอย่างไม่คิดจะขออนุญาต

            จากเสียงที่ดังแปดหลอดและการกระทำที่บุ่มบ่าม แม้จะไม่ได้ละสายตาจากโต๊ะทำงานขึ้นมองก็รู้ได้ว่าเป็นใคร

            “อะไรของนายทำหน้ายังกับจะลงแดง?” ฮันซี่วางแฟ้มรายงานลงบนเอกสารกองอื่นๆบนโต๊ะของชายหนุ่มก่อนจะลากเก้าอี้สำนักงานมานั่ง

            นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองแสดงออกถึงความรำคาญนิดๆก่อนจะกลับไปสนใจเหล่าเอกสารบนโต๊ะทำงานแทน

            ฮันซี่ท้าวแขนลงบนโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องใบหน้าเฉยชาอย่างพยายามหาคำตอบ ก่อนใบหน้าขี้เล่นของหญิงสาวจะยกยิ้มกว้างอย่างรู้ทัน

            “เอเลนไปทัศนศึกษากับกิจกรรมมหาลัยแค่อาทิตย์เดียวไม่คิดเลยว่าจะทำให้คนอย่างนายกลายเป็นตาแก่ขี้เหงาไปได้”

            ชื่อที่ถูกเอ่ยขึ้นราวกับแทงใจดำทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองอย่างไม่สบอารมณ์กับความรู้ทันของเจ้าเพื่อนตัวแสบ

            ยิ่งเห็นปฏิกิริยาของชายหนุ่มยิ่งทำให้ฮันซี่หัวเราะออกมายกใหญ่อย่างไม่อาจห้าม

            “วันนี้เอเลนก็กลับมาแล้วนี่นายก็รีบกลับบ้านไปกอดให้ชุ่มปอดเป็นไง?”

            “พูดมากน่ายัยแว่นเพี้ยน”  หลังจากที่ไม่เจอเจ้าหนูนั่นตลอดหนึ่งอาทิตย์แม้จะคุยกันทุกวันก็ทำให้เขาดีใจอยู่หรอกนะ แต่เรื่องชวนหงุดหงิดใจของเขาไม่ได้มีเพียงเท่านั้นน่ะสิ

            “ที่ยังหงุดหงิดอยู่แบบนี้ทั้งที่กำลังจะได้เจอเอเลนสุดที่รัก.....” ใบหน้าขี้เล่นจ้องมองเพื่อนสนิทอย่างครุ่นคิด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ค่อยๆปรากฏพร้อมสายตาที่จ้องมองชายหนุ่มอย่างขบขัน

            “เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของเอเลน ให้ตายสิ!!นี่นายกำลังลงแดงจริงๆสินะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฮันซี่หัวเราะจนตัวโยน ไม่คิดว่าคนเอาแต่ใจไม่สนใครอย่างรีไวจะเอาจริงเอาจังกับเงื่อนไขที่ให้ไว้กับพ่อของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักแบบนี้

พลั่ก!

            สันแฟ้มรายงานถูกโยนกระแทกหน้าของคนหัวเราะไม่หยุดอย่างจัง จนฮันซี่หงายหลังลงกับพื้นสำนักงาน

            “จะหัวเราะอีกนานไหมยัยเพี้ยนนี่”

            คำพูดที่ไม่ปฏิเสธและราวกับยอมรับยิ่งทำให้หญิงสาวที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้นปล่อยหัวเราออกมาอีกชุดใหญ่ ท่าทางที่ฮันซี่แสดงออกมายิ่งทำให้เขาอยากที่จะจับยัยเพี้ยนตรงหน้าทิ้งออกนอกหน้าต่างของตึกชั้นสิบที่อยู่นี่

            หลังจากที่หัวเราะจนเหนื่อยฮันซี่จึงพยุงร่างที่สั่นเกร็งจากความพยายามกลั้นหัวเราะอีกระลอกขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิม ใบหน้าขี้เล่นฉายแววสนุกให้กับเพื่อนสนิท

            “นายก็แอบทำซะสิ สร้างเรื่องว่าเอเลนสะดุดล้ม ตกบันไดจนสะโพกครากเป็นไง?”

            ข้อเสนอแนะของฮันซี่ทำให้รีไวจัดการหยิบที่ประทับตราของหน่วยเขวี้ยงใส่หน้าเจ้าเพื่อนตัวดีอีกครั้ง แต่โชคเข้าข้างหญิงสาวที่หลบทันอย่างฉิวเฉียด

            แล้วกว่าที่ห้องสำนักงานส่วนตัวของรีไวจะกลายเป็นสนามรบขนาดย่อมของเจ้าตัวโทรศัพท์ที่ตั้งค่าเสียงเรียกเข้าเฉพาะก็ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มเลิกสนใจยัยจอมเพี้ยนตรงหน้า

            เพราะเป็นเสียงเรียกเข้าที่ตั้งเฉพาะถึงแม้จะเป็นเสียงเพลงมาตรฐานที่มีอยู่ในโทรศัพท์ก็ตามที แต่เพราะอย่างนั้นแม้จะไม่มองชื่อที่โทรเข้ามาก็ทำให้เขารู้ได้ว่าเป็นคนที่กำลังอยู่ในหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่

[คุณรีไวผมเพิ่งกลับมาถึงมหาลัย เออ.....เย็นนี้ผมไปหาได้ไหม?]

            ทันทีที่รับโทรศัพท์เสียงใสของเด็กหนุ่มที่แฝงคำขอร้องก็เอ่ยขึ้น ดูเหมือนเจ้าตัวดีของเขาเองก็อยากที่จะมาเจอเขาทันทีที่กลับมาแล้วแบบนี้จะให้เขาปฏิเสธได้ยังไงกัน

[เจอกันที่คอนโดก็ได้เอเลน ถ้านายอยากมา]

[ผมต้องอยากไปแน่อยู่แล้ว ผมจะรีบไปเตรียมมื้อเย็นให้นะครับ]

[แล้วฉันจะรีบกลับ]

            แม้จะวางสายโทรศัพท์ลงแล้วแต่น้ำเสียงที่ดีใจราวกับลิงโลดทำให้ใบหน้าเฉยชายกยิ้มอย่างนึกขัน ก็เพราะแบบนี้จะไม่ให้เขาหลงรักเจ้าตัวยุ่งคนนี้ได้ยังไงกัน

            “โอ๊ย!! มดในห้องทำงานนายเยอะชะมัดเลยรีไว” ฮันซี่ว่าพลางจับปึกเอกสารตบลงบนโต๊ะราวกับกำลังไล่บี้มดที่กล่าวถึง ซึ่งที่จริงแล้วไม่ได้มีมดจริงๆสักตัว

            “ถ้าเอกสารบนโต๊ะและห้องเละ ชั้นจะให้เธออยู่จัดการจนกว่าจะเรียบร้อย”

            ทุกคนต่างรู้ดีถึงนิสัยรักความสะอาดจนเข้าเส้นของบุรุษผู้แข็งแกร่งแห่งกองปราบปรามคนนี้ดีว่าน่ากลัวขนาดไหน ฮันซี่เลยสงบเสงี่ยมค่อยๆจัดเอกสารที่ทำรกไปส่วนหนึ่งเข้าที่อย่างไม่คิดจะยุ่งอีก

            ฮันซี่ลุกขึ้นยืนก่อนจะจัดการเสื้อที่ยับของตนเข้าที่ให้เรียบร้อย มือบางตบลงบนไหล่แกร่งของเพื่อนที่กลับไปนั่งให้ความสนใจกับงานเอกสารตรงหน้าพลางมองด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง

            “อดทนนานๆมันไม่ดีต่อสุขภาพนะเพื่อน”

            ทันทีที่พูดจบฮันซี่รีบโกยแนบออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มทันที โดยมีเสียงของแฟ้มและสิ่งของตามๆที่ถูกเขวี้ยงมาไล่ตามหลังอย่างสนั่นหวั่นไหว เหล่าลูกน้องที่อยุ๋หน้าห้องต่างถอนหายใจและกลับไปทำงานต่ออย่างเป็นปกติ ด้วยความเคยชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่อาจแปลกใจอยู่เล็กน้อยตรงที่ครั้งนี้เหมือนหัวหน้าของพวกเขาเหมือนอยากจะจับหญิงสาวมาจัดการกลบฝังอย่างจริงจัง

 

            ทันทีที่กลับถึงห้อง กลิ่นของอาหารที่ลอยมาแตะจมูกบอกให้รู้ว่าคนรักของเขามาถึงแล้ว และอีกไม่นานมื้อเย็นก็กำลังจะเตรียมเสร็จเรียบร้อย

            “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ” ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิดเด็กหนุ่มจึงละมือจากอาหารบนเตาออกมาต้อนรับเจ้าของห้องที่กลับมาถึง

            ใบหน้ามนหวานส่งยิ้มให้กับชายหนุ่ม รีไวยื่นมือไปลูบบนผมสีน้ำตาลพลางขยี้เบาๆก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาก่อนด้วยความคิดถึงอย่างห้ามใจไม่อยู่ ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ไม่ได้เห็นคนตรงหน้าจะทำให้เขารู้สึกโหยหาถึงเพียงนี้

            ถึงจะไม่ทันตั้งตัวแต่เอเลนก็อมยิ้มกับการกระทำของชายหนุ่ม การที่เขาต้องไปทำกิจกรรมกับทางมหาลัยหนึ่งอาทิตย์ทำให้เขาเองก็คิดถึงชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ต่างกัน สองมือบางโอบรอบลำคอแกร่งพลางซุกหน้ากับบ่าหนาที่โอบตนไว้

            “กลับมาแล้วครับคุณรีไว”

            รีไวกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นราวกับอยากให้ร่างโปร่งจมหายเข้าไปกับแผ่นอกของเขา

            “ยินดีต้อนรับกลับเอเลน”

            เอเลนยกยิ้มขำ กลายเป็นว่าคนที่กล่าวต้อนรับกลับกลายเป็นคุณรีไวเสียเองแบบนี้เท่ากับว่าคนคนนี้รอเขาตลอดเลยสินะ

            กลิ่นหอมของผิวเนื้อที่แตะจมูกยิ่งทำให้ใบหน้าคมคายฝังหน้าตนเองเข้ากับซอกคอขาวของเอเลนเพื่อหวังจะสูดกลิ่นกายที่แสนคิดถึงให้มากขึ้น แต่แล้วมือหนาต้องดันร่างบางออกจากตัวเมื่อบางอย่างในร่างกายของเขากลับตื่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ

            “คุณรีไว?” เอเลนเอียงคอมองอย่างสงสัย

            “ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนจะได้มากินข้าวพร้อมกับนาย”

            รีไวเบี่ยงตัวออกจากเด็กหนุ่มตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง ปล่อยให้อีกคนมองตามหลังตาปริบๆ

            ทันทีที่ประตูห้องปิดลงชายหนุ่มถึงกับเอาหน้าพิงกับกำแพงพร้อมทั้งพยายามสูดหายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆเพื่อหวังสงบสติอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นสูง

            ดูเหมือนยัยแว่นเพี้ยนนั่นจะเดาถูกเผง! ทั้งที่อยู่ตรงหน้าแต่ทำอะไรไม่ได้มันกำลังทำให้เขาต้องอดกลั้น จนตอนนี้เหมือนร่างกายที่เขาพยายามปลดปล่อยด้วยตนเองจะเริ่มไม่พอ รีไวรีบดึงผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้ตรงเข้าห้องน้ำเพื่อหวังให้น้ำเย็นช่วยสงบสติอารมณ์ของเขา ทุกครั้งเขาเป็นคนอาบน้ำค่อนข้างเร็วแต่วันนี้คงต้องใช้เวลาส่วนตัวในห้องน้ำมากขึ้นกว่าเดิม

 

            หลังจากจัดโต๊ะเรียบร้อยไม่นานนักชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดสีดำและกางเกงผ้าขายาว มือแกร่งใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กขยี้ลงบนผมสีดำที่เปียกชุ่มพลางเดินมานั่งลงบนที่นั่งประจำของตน นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองนาฬิกาตรงพนังห้องเพื่อดูเวลาที่เขาจะต้องไปส่งเด็กหนุ่ม ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว

            “นายโทรบอกที่บ้านแล้วใช่ไหมว่าจะกลับดึก?”

            คิ้วคมต้องเลิ่กขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อใบหน้าหวานของเอเลนยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ให้เขา

            “ผมบอกที่บ้านว่าทัศนศึกษาจบพรุ่งนี้น่ะครับ เพราะงั้นคืนนี้ผมขอค้างด้วยนะครับ”

            คำตอบของเอเลนทำให้รีไวถึงกับรู้สึกไข้ขึ้น เขาก็ดีใจอยู่หรอกนะที่เจ้าตัวดีอยากจะค้างกับเขาแต่ร่างกายของเขาและความอดกลั้นที่มีมานานแบบนี้จะทำให้เขาผ่านคืนนี้ไปได้โดยยังรักษาสัญญากับพ่อของเจ้าตัวดีนี่ได้อยู่รึเปล่า?

            “ก็ได้เจ้าหนู ห้องสำหรับแขกว่างอยู่นายก็ใช้ซะ”

            เพื่อตัดปัญหาและพยายามข่มไม่ให้ตบะที่มีมาแตกเสียก่อนการให้เจ้าตัวดีไปนอนอีกห้องดูจะเป็นการดีที่สุด ทั้งที่คิดอย่างนั้น

            “แต่ผมอยากนอนห้องคุณรีไว....ไม่ได้เหรอครับ?”

            นัยน์ตาสีมรกตช้อนมองสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าอย่างออดอ้อน ตอนนี้เขาเป็นคนรักกันแล้วทำไมจะต้องนอนแยกห้องกันด้วย อุตส่าห์หลอกที่บ้านได้แล้วเรื่องอะไรเขาจะยอมนอนแยกกัน

 

 

            เตียงนอนขนาดคิงไซส์ถูกจัดแบ่งส่วนจากที่แต่เดิมมีแค่เจ้าของห้องที่นอนอยู่คนเดียว รีไวมองหมอนหนุนสองใบที่ถูกจัดวางแบ่งฝั่งกันพลางกุมขมับของตัว เพราะความใจอ่อนกับสายตาที่จ้องมองมาของเจ้าตัวดีจึงทำให้เขาต้องมานั่งหนักใจอีกครั้ง แล้วหางตาต้องรู้สึกกระตุกถี่ยิบกับความไม่รุ้อิโหน่อิเหน่ของเด็กหนุ่มที่เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างสบายใจโดยไม่รู้เลยว่าทำให้ความอดทนของเขาสั่นคลอน

            “คุณรีไวจะนอนแล้วเหรอครับ?” เอเลนถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นชายหนุ่มขึ้นไปล้มตัวนอนลงบนเตียงพลางเอาผ้านวมผืนหนาขึ้นคลุมกาย

            “วันนี้ชั้นเหนื่อยมากน่ะเลยอยากนอนเร็วสักหน่อย” ทางเดียวที่จะไม่ทำให้สัตว์ร้ายในกายเขาตื่นตัวขึ้นมาก็มีแต่ต้องรีบนอนหลับให้เร็วที่สุดเท่านั้น

            เอเลนเปิดไฟที่โคมไฟหัวเตียงก่อนจะจัดการปิดไฟในห้องนอนลง ร่างบางค่อยๆขึ้นนั่งบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกฝั่งที่ชายหนุ่มจัดเตรียมไว้ให้ สัมผัสที่ยวบยาบของเตียงและกลิ่นสบู่จากเด็กหนุ่มเริ่มทำให้ใจที่เขาพยายามข่มให้สงบลงสั่นระรัวอีกครั้ง ทั้งที่ใช้แชมพูและสบู่อย่างเดียวกันแต่พอมาอยู่บนร่างกายของเจ้าหนูนี่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันช่างหอมหวานและเย้ายวนนักนะ!

            เตียงนุ่มยวบลงอีกครั้งเพราะการพลิกตัวของอีกคนที่นอนอยู่ข้างกัน ใบหน้ากลมมนจ้องแผ่นหลังอีกคนที่นอนหันหลังให้อย่างไม่คิดจะหันมาคุยกับเขา ทั้งที่วันนี้เขาอุตส่าห์ได้ค้างคืนด้วยแท้ๆ ใบหน้าหวานพองลมในแก้มอย่างนึกงอน ทั้งที่ตอนที่กลับมาคุณรีไวก็มีท่าทางดีใจที่ได้เจอเขาแท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้ดูเย็นชาและห่างเหินนักนะ ไม่พอใจที่เขาขอค้างคืนด้วยโดยไม่บอกก่อนอย่างนั้นเหรอ? แต่ทั้งที่เป็นคนรักกันคุณรีไวก็น่าจะดีใจที่เขาได้ค้างด้วยไม่ใช่หรือไงกัน? หรือมีแต่เขาที่คิดไปเองฝ่ายเดียวว่าอยากอยู่ข้างๆชายหนุ่มคนนี้ให้นานขึ้นอีกนิด

            พอคิดว่าตัวเองราวกับเป็นตัวปัญหาอยู่ๆขอบตาก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา......บางทีคงมีแค่เขาคิดไปเองฝ่ายเดียว การที่เขาดื้อรั้นอยากอยู่กับคุณรีไวคงทำให้คนคนนี้เดือดร้อนสินะ ถึงจะอย่างนั้นเขาก็แค่อยากอยู่ใกล้กับคุณรีไวก็เพียงเท่านั้น มือบางเอื้อมไปจับที่เสื้อยืดสีดำของชายหนุ่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นอย่างใช้ความคิด นี่ตกลงว่าคุณรีไวโกรธเขาเรื่องที่ขอนอนค้างจริงๆงั้นหรือไงกัน?

 

            “โกรธผมเหรอครับที่ไม่ยอมบอกก่อน?” ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป มือบางยังคงกำเสื้อของชายหนุ่มแน่น

            รีไวเหลือบตามองใบหน้าหวานของคนรักที่ตอนนี้คิ้วสีน้ำตาลขมวดมุ่นจนเป็นปม นัยน์ตาสีมรกตหลุบลงต่ำฉายแววกังวลใจ ดูเหมือนเขาจะทำให้เจ้าหนูนี่เข้าใจผิดไปสินะ

            ร่างแกร่งพลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม มือหนาขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลพลางถอนหายใจ

            “ฉันไม่ได้โกรธนาย”

            “แล้วทำไมคุณถึงทำเป็นเมินผมล่ะครับ?!” นัยน์ตาสีมรกตฉายแววตัดพ้อสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้า

            รีไวถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเลื่อนมือที่ขยี้ผมสีน้ำตาลลงมาบีบจมูกที่เชิดรั้นของคนตรงหน้าแทน

            “ฉันไม่ได้เมินนายแต่แค่กำลังอดทน เข้าใจไหมไอหนู?”

            เอเลนกุมจมูกตัวเองที่ถูกบีบจนขึ้นสีแดงน้อยๆ ก่อนจะมองชายหนุ่มอย่างสงสัย อยุ่กับเขาต้องทนเรื่องอะไรกัน?

            สายตาที่ส่งมาราวกับไม่เข้าใจนั้นทำให้รีไวต้องกุมขมับของตัวเอง ที่เรื่องหลอกคนอื่นนี่หัวไวจริงเชียว แต่เรื่องแบบนี้กลับใสซื่อเสียดาย แล้วสายตาที่จ้องมาอย่างหาคำตอบนั้นยิ่งอยากทำให้เขาอยากหยิกแก้มกลมๆของเจ้าตัวเสียจริง

            “นายว่าคนเป็นแฟนกันนอนข้างๆกันแบบนี้จะอยากทำอะไรบ้างล่ะเจ้าหนู?”

            เอเลนดันตัวลุกขึ้นพลางโคลงหัวไปมาอย่างใช้ความคิด สิ่งที่คนเป็นแฟนกันทำเวลาอยู่ด้วยกันก็คงอยากกอด ซึ่งเขาก็ทำไปแล้วที่หน้าประตู อยากสัมผัสเขาและคุณรีไวก็สัมผัสถูกตัวกันบ่อยๆอยุ่แล้ว ถ้างั้นคงเป็นจูบรึเปล่า? จะว่าไปตั้งแต่เขากลับมา เขากับคุณรีไวยังไม่ได้จูบกันเลยนี่นา?

            ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อเมื่อนึกถึงสิ่งที่คิดออก เพราะไม่ได้จูบกันคุณรีไวเลยอารมณ์ไม่ดีอย่างนั้นเหรอ? ทั้งที่ถ้าแค่บอกเขามาเขาก็ยินดีที่จะทำอยู่แล้ว

            รีไวจัดหมอนให้ตั้งขึ้นก่อนจะเขยิบตัวจากท่านอนเป็นท่านั่งพิงหลังกับหมอนหนุนของตน ใบหน้าของเอเลนที่ขึ้นสีระเรื่อทำให้เขาพอเดาได้ว่าเจ้าเด็กนี่คงเข้าใจอะไรบ้างแล้ว แต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิดเมื่อได้ยินประโยคถัดมาจากปากเจ้าตัว

            “คุณรีไวอยากจูบกับผมงั้นเหรอครับ?”

            ใบหน้ามนขึ้นสีระเรื่อมองชายหนุ่มแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาสีขี้เถ้าที่จ้องมองมาราวกับจะเอาเรื่อง

            “อ..เอ๊ะ?”

            ยังไม่ทันหายข้อข้องใจรีไวจัดการดันหัวสีน้ำตาลของเจ้าเด็กใสซื่อให้หงายลงบนหมอน ก่อนจะจัดการเอาหมอนหนุนอีกใบกดทับลงไปอย่างนึกหมั่นไส้

            “บางทีนายก็บื้อไปนะเอเลน”

            เอเลนพยายามตะกุยหมอนที่ทับลงมาออก เมื่อใบหน้าเป็นอิสระจากหมอนที่กดทับลงมานัยน์ตาสีเขียวจึงค้อนมองชายหนุ่ม

            “อะไรกันล่ะครับผมไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าคุณจะต้องอดทนกับอะไรกันแน่?” คนอย่างคุณรีไวมีเรื่องที่ต้องยอมอดทนขนาดนั้นด้วยรึไงกัน?

            รีไวถอนหายใจอีกครั้ง ดูว่าเจ้าเด็กนี่ทำให้เขารู้สึกว่าอยู่ๆก็แก่ขึ้นอีกหลายปีน่าดู

            “นายคิดว่าทำไมฉันไม่จูบนาย?”

            คิ้วมนขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด

            “ผมฟันผุงั้นเหรอ?”

            คำตอบของเอเลนทำให้รีไวเริ่มหมดความอดทน มือหยาบจึงจัดการดึงแก้มกลมๆของเด็กหนุ่มให้ยืดออกอย่างนึกลงโทษ

            “เจ็บๆ แล้วเพราะอะไรกันล่ะครับ คุณก็บอกผมมาสิ!!

            เอเลนจับแก้มทั้งสองข้างของตนเองพลางมองอีกคนด้วยน้ำตาคลอเบ้า

            รีไวจับใบหน้าของเด็กหนุ่มให้เขยิบเข้าใกล้กับใบหน้าของตน นัยน์ตาสีขี้เถ้าสบกับนัยน์ตาสีมรกตอย่างจริงจัง จนเด็กหนุ่มหน้าขึ้นสีระเรื่อและลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อถูกจ้องมองในระยะประชิด

            “เพราะมันจะไม่จบแค่จูบเข้าใจไหมเอเลน”

            คำตอบที่ได้ยินทำให้หน้าที่ขึ้นสีระเรื่อยิ่งร้อนผ่าวขึ้นกว่าเดิม

            “ฉันอยากสัมผัสนายมากกว่านั้น อยากเห็นนายบิดเร้าอยู่ใต้ร่าง”

            นัยน์ตาสีมรกตเลิ่กลั่กพยายามเบี่ยงหลบสายตาสีหมอกที่จ้องมองมาอย่างจริงจัง อกซ้ายเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ

            “เข้าใจไหมไอหนูว่าชั้นพยายามอดทนที่จะไม่ผิดสัญญากับพ่อนายขนาดไหน?”

            เหตุผลของการทำเป็นเมินเขาและที่ไม่ยอมจูบเขานั้นยิ่งทำให้เอเลนรู้สึกราวกับจะละลายหายไปกับเตียง คนคนนี้กำลังอดทนอย่างมากเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของเขา คนที่ไม่สนใจใครแต่พยายามอดกลั้นขนาดนี้ คนคนนี้ให้ความสำคัญกับเขามากมายจริงๆ

            ริมฝีปากสีระเรื่อสั่นเทาด้วยความอาย เสียหวานค่อยๆเอ่ยอย่างประหม่า

            “ไม่จำเป็นต้องอดทนนี่ครับ ถ้าคุณต้องการ......”

            ราวกับเส้นความอดกลั้นในสมองขาดผึง รีไวกดร่างบางจนจมลงกับเตียงนุ่ม ริมฝีปากคมทาบทับลงบนกลีบปากสีระเรื่ออย่างเร่าร้อนดุดัน ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นบางราวกับพยายามตักตวงความหอมหวานที่อยากลิ้มลองมานานอย่างกระหาย

            อื้อ!! แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”

            ทันทีที่ริมฝีปากของชายหนุ่มถอนออกไป เอเลนรีบหอบเอาอากาศเข้าปอดจนตัวโยน เพียงแค่จูบที่ดุดันก็บอกได้แล้วว่าชายหนุ่มต้องอดทนถึงขนาดไหน มือบางเอื้อมขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมคายที่หอบหายใจหนักหน่วงหวังข่มอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้น

            “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณรีไว”

            คิ้วคมขมวดมุ่น มือแกร่งกระชับข้อมือบางที่ขึ้นมาลูบใบหน้าของตนแน่นก่อนจะกดข้อมือขาวลงกับเตียง ใบหน้าคมฝังจมูกลงกับซอกคอของเด็กหนุ่มก่อนจะสูดหายใจลึก แล้วผละออกจากร่างบางไปยืนที่ปลายเตียง

            “ขอโทษเอเลน แต่สัญญาต้องเป็นสัญญา” ชายหนุ่มขยี้ผมสีรัตติกาลของตน เขาเกือบจำล้ำเส้นที่ขีดไว้เสียแล้ว

            มือบางเอื้อมจับชายเสื้อของชายหนุ่ม ใบหน้าหวานจ้องที่กางเกงของชายคนรักที่ตอนนี้แรงอารมณ์เริ่มปะทุขึ้นจนเห็นได้ชัด นัยน์ตาสีมรกตช้อนมองใบหน้าคมคายที่เบี่ยงหลบสายตาเพื่อหวังไม่ให้อารมณ์ที่ขึ้นสูงของตนจะทำอะไรเด็กหนุ่ม

            “อ....เออ.....”

            เอเลนกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะพยายามเอ่ยสิ่งที่คิด

            “ถ.......ถ้าไม่ได้ใส่เข้ามาก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”

            รีไวตวัดมองร่างบางที่ใบหน้าสุกปลั่งจากคำพูดของตัวเอง

            “ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ดีกับพ่อของนาย”

            ใบหน้าหวานสั่นหัวไปมาปฏิเสธ

            “ไม่หรอกครับ และผมเองก็ไม่อยากที่จำให้คุณต้องทนไปมากกว่านี้ด้วย”

            เพราะอดกลั้นมานานแล้วมาเจอเจ้าตัวดียื่นข้อเสนอให้แบบนี้ ตบะที่มีมาพลันแตกลงอย่างง่ายดาย รีไวขึ้นคร่อมร่างบางอีกครั้ง ริมฝีปากคมทับลงบนกลีบปากสีระเรื่ออีกครั้ง คมฟันขาวขบลงบนกลีบปากบางก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปตักตวงความหวานภายในอีกครั้งและอีกครั้ง

            มือหยาบลูบไล้ไปตามลำตัวของร่างโปร่ง ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อนอนของเด็กหนุ่มออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกขาวที่กำลังขยับขึ้นลงตามลมหายใจเข้าออกของเจ้าตัว

            ฟันคมขบลงบนยอดอกสีอ่อนก่อนจะดูดเม้มยอดอกสีหวานอย่างกระหายอยาก

            “อ๊ะ อื้อ!

            เสียงหวานครางอย่างรัญจวนยิ่งปลุกเร้าสัญชาตญานดิบของรีไวให้พุ่งขึ้น มือหยาบล้วงเข้าไปในกางเกงนอนของเอเลน สัมผัสที่ตึงแน่นผ่านเนื้อกางเกงชั้นในของเด็กหนุ่มแสดงถึงความปรารถนาที่เจ้าตัวดีมีไม่แพ้เขาเช่นกัน

            “ฮ้า.....ฮ้า........ ค.... คุณรีไว”

            เอเลนพยายามสูดหายใจลึก เสียงใสครางกระเส่าอย่างมิอาจห้าม เมื่อมือแกร่งนั้นรูดเร้ายังเนื้ออ่อนของตนที่ตอนนี้เริ่มตั้งขึ้นจากอารมณ์ที่กำลังปะทุกรุ่น

            “อ๊า!! อื้อ”

            มือบางตะครุบปิดปากของตนที่ส่งเสียงร้องออกมา นัยน์ตาสีมรกตเออคลอด้วยหยาดน้ำใสที่เออล้นจากแรงปรารถนา ริมฝีปากของชายหนุ่มครอบครองจุดอ่อนไหวของร่างบางกระตุ้นเร้าความรู้สึกให้พุ่งขึ้นอย่างเร่าร้อน

            และเมื่อถึงที่สุดของแรงอารมณ์น้ำรักสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยจนเปรอะเปื้อนใบหน้าคมคายอย่างไม่อาจห้าม

            “ข......ขอโทษครับ”

            เอเลนใช้แขนเสื้อของชุดนอนที่ถูกปลดกระดุมออกแต่ยังไม่ได้ถอดช่วยเช็ดคราบน้ำรักของเขาบนใบหน้าคมคาย นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองเป้ากางเกงของชายคนรักที่ตอนนี้แข็งขืนกว่าเดิมจนเห็นเด่นชัด

            “อ......เออ คุณรีไวให้ผมทำให้นะครับ”

            ไม่ว่าเปล่ามือบางลูบไล้ยังท่อนเนื้อหนาที่ปูดโปนออกมา เอเลนค่อยๆดึงกางเกงผ้าของชายหนุ่มลง ท่อนเนื้อหนาที่เริ่มมีน้ำแห่งอารมณ์เอ่อที่ปลายแข็งขืนขยายตัวมากยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มใช้มือรูดแกนกายของชายหนุ่มขึ้นลง ลิ้นสีสดแลบเลียลงบนท่อนเหนือจากโคนสู่ปลาย โพรงปากนุ่มค่อยๆอ้าออกก่อนจะครอบครองแกนกายขนาดใหญ่เข้าไปจนคับแน่นเต็มโพรงปาก

            “อื้อ”

            รีไวคำรามเสียงต่ำกับสัมผัสที่เอเลนมอบให้ โพรงปากอุ่นดูดเม้มแกนกายของเขาจนขยายคับเต็มปาก หยาดน้ำลายผสมปนกันกันน้ำรักสีขุ่นที่เอ่อล้นไหลออกจากปากสีระเรื่อลงมาตามลำคอระหงไหลลงไปยังหว่างขาของร่างบาง ภาพของเด็กหนุ่มคนรักที่แสนจะอีโรติกทำให้รีไวต้องกัดฟันข่มความรู้สึกที่อยากเข้าไปในตัวคนรักเอาไว้

            มือแกร่งจับผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มก่อนจะกระแทกท่อนเนื้อหนาของตนให้ลึกลงไปในลำคอของร่างโปร่งมากขึ้น แม้จะตกใจกับการกระแทกเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวของชายหนุ่ม โพรงปากนุ่มก็รองรับแกนกายหนาอย่างเต็มใจ น้ำรักสีขุ่นฉีดพุ่งเข้าโพรงปากนุ่ม

            “แค่ก แค่ก แค่ก”

            เพราะไม่ทันตั้งตัวเอเลนจึงสำลักน้ำกามที่พุ่งเข้าในคอ

            “ไม่เป็นไรใช่ไหมเอเลน?”

            ใบหน้ามนส่ายหน้าไปมาพลางปาดเช็ดน้ำลายที่ผสมกับน้ำกามของคนตรงหน้าออก ริมฝีปากคมจูบลงบนหน้าผากมนของเด็กหนุ่มก่อนเลื่อนลงมาจูบซับหยาดน้ำตาที่เออคลอของคนรัก

            แม้จะได้รับการปลดปล่อยจากโพรงปากนุ่มแต่ดูเหมือนความปรารถนาของชายหนุ่มจะไม่ลดลงง่ายๆ รีไวช้อนตัวร่างบางนั่งบนหน้าตัก สองขาเพรียวยาวตวัดรอบลำตัวแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของชายหนุ่ม แขนแข็งแรงจัดการถอดเสื้อยืดคอกว้างของตนออกก่อนจะจัดการโยนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใส่ใจ ใบหน้ามนที่ร้อนผ่าวยิ่งร้อนขึ้นกว่าเดิม เมื่อกล้ามเนื้อที่แน่นกระชับและสมชายชาตรีปรากฏเบื้องหน้าในระยะประชิด เอเลนมองมัดกล้ามสวยงามตรงหน้าตาค้างทั้งรู้สึกอิจฉากับรูปร่างสมชายของคนตรงหน้า ทั้งเขินอายกับผิวของเนื้อที่สัมผัสแนบลงกับผิวเปลือยเปล่าของเขาอย่างแนบชิด

            จูบที่ดุดันและหนักหน่วงกระหน่ำลงบนกลีบปากนุ่มของเอเลนอีกครั้ง มือหยาบยังคงลูบไล้ไปตามร่างกายกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มบนหน้าตัก นิ้วหยาบบดคลีงกับยอดอกสีหวานที่แข็งขืน เค้นคลึงลงบนร่างที่ไม่ประสาอย่างชำชอง ร่างของเด็กหนุ่มสั่นระริกจากความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าขึ้นอีกครั้ง อกเนียนแอ่นรับสัมผัสของปลายลิ้นที่ลงมาหยอกล้อกับยอดอก มือบางพยายามปิดกั้นริมฝีปากที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระเพื่อหวังห้ามเสียงที่น่าอายของตน แต่กระนั้นเสียงครางกระเส่าก็ยังคงเล็ดรอดและยิ่งปลุกแรงปรารถนาของรีไวให้มากยิ่งขึ้น

            “ฮ้า.....ฮ้า ...ค......คุณร...รีไว....”

            เมื่อมือที่พยายามปิดกั้นไม่ได้ช่วยอะไร เอเลนจึงใช้มือจิกลงกับไหล่หนาเพื่อหวังระบายความรู้สึกที่ราวกับกำลังถูกหลอมละลายลงบ้าง

            รีไวกระชับสะโพกนิ่มตรงหน้าให้เข้าใกล้กับสะโพกของตนมากยิ่งขึ้น มือแกร่งลูบไล้ยังเนินเนื้อนุ่มสะโพกของเอเลนโดยพยายามระงับความรู้สึกที่อยากจะสอดใส่เข้าไปในร่างกายของเด็กหนุ่มก่อนจะถึงเวลาที่ให้ไว้ ริมฝีปากคมเม้มแน่น เพื่อตั้งสติก่อนจะจับกระชับสะโพกนุ่มให้เข้าชิดยิ่งขึ้น เพื่อให้แกนกายที่ตื่นตัวทั้งของเขาและเด็กหนุ่มสัมผัสกัน มือแกร่งละออกจากสะโพกนุ่มมากอบกุมแกนกายที่เอ่อล้นด้วยหยาดอารมณ์ของทั้งสอง รีไวจัดการขยับมือขึ้นลงเป็นจังหวะก่อนจะเร่งความเร็วยิ่งขึ้นเพื่อให้ไปสุดปลายของอารมณ์ น้ำรักสีขุ่นพุ่งออกจากแกนกายของทั้งสองกระเซ็นเปรอะเปื้อนลงบนหน้าท้องที่ต่างฝ่ายต่างหอบเอาอากาศเข้าปอดจากการปลดปล่อยอารมณ์

            นัยน์ตาต่างสีต่างมองสบกัน ใบหน้าของทั้งสองที่อยู่ใกล้กันจนลมหายใจหลอมรวมเป็นหนึ่งค่อยๆเขยิบเข้าหากันอีกครั้งจนริมฝีปากทาบทับซึ่งกันและกัน มือหยาบจัดการปัดผมชื้นเหงื่อที่ปรกลงตรงหน้าของเด็กหนุ่มออก แล้วทาบทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างเอ็นดู

            “ฉันกับนายคงต้องอาบน้ำใหม่ทั้งคู่” นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองคราบน้ำสีขุ่นมากมายที่เปรอะบนตัวเขาและเอเลน

            ใบหน้าหวานยิ้มพลางกลั้นขำ แล้วใบหน้าขี้เล่นนั้นต้องทำหน้าเหวอเมื่อถูกแขนแข็งแรงตวัดอุ้มขึ้นจนแขนบางต้องรีบโอบรอบลำคอแกร่งอีกครั้งเพื่อยึดเกาะ

            “บริการพิเศษ” ใบหน้าคมยกยิ้มขึ้นอย่างหยอกล้อ

            นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองชายหนุ่มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “คุณจะช่วยผมถูหลังงั้นเหรอครับ”

            “ชั้นจะช่วยทำความสะอาดนายทั้งตัวเลยเจ้าหนู”

            ชายหนุ่มจัดการพาร่างโปร่งเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการอาบน้ำใหม่ทั้งเขาและเด็กหนุ่ม และกว่าพวกเขาจะออกจากห้องน้ำอีกครั้งก็ทำเอาคนที่ไม่ชอบอาบน้ำนานถึงกับตัวเปื่อยเลยทีเดียว

 

 

            “วันนี้หน้าตานายสดใสจนน่าหมั่นไส้จริงๆเลย มีอะไรดีๆรึไง?” ฮันซี่ที่แวะมาส่งรายงานคดีเอ่ยทักเมื่อเห็นท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษของคนที่เรียกได้ว่าหน้าตายที่สุดในกองปราบปราม

            รีไวเพียงแค่เหลือบมองเจ้าเพื่อนตัวดีก่อนจะกลับไปให้ความสนใจกับข้อมูลในคอมพิวเตอร์แลปท็อปแทน

            ด้วยความสงสัยฮันซี่จึงเดินสำรวจรอบเพื่อนของตนที่นั่งทำงานอยุ๋ไปมา ก่อนใบหน้าขี้เล่นจะยิ้มขึ้นอย่างคนรู้ทัน

            “เมื่อวานเอเลนไปหานาย.....ทำกันไปแล้วสินะ ฮี่ ฮี่”

            แสวแว่นจอมเพี้ยนเข้าไปตบบ่าเพื่อนสนิทของตนก่อนจะชูนิ้วโป้งให้ด้วยความรู้สึกยินดี

            “เอาน่าของแบบนี้พ่อตานายคงเข้าใจ ก็หวังเพียงแต่ว่าเขาจะไม่ปาดคอนายซะก่อนนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

            ถ้าเป็นปกติเขาคงจะเตะเข้าที่ซี่โครงของเจ้าเพื่อนตัวดีแล้วลงไปกระทืบซ้ำ แต่วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษจึงทำแค่เพียงหยิบสันหนังสือเล่มหนาฟาดลงบนหัวช่างสงสัยนั่น

            “ยังไม่ได้ทำยัยเพี้ยน ฉันยังไปพบพ่อของหมอนั่นได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องห่วง”

            คำตอบของรีไวทำให้ฮันซี่ถึงกับมองตาค้าง คนเอาแต่ใจแบบรีไวทั้งที่เหยื่อมาถึงที่แต่กลับไม่ทำอะไรงั้นเหรอ!? แบบนี้จะเรียกว่าเหนือความคาดหมายหรือจะเรียกว่าเป็นความเอาจริงเอาจังที่มีให้กับคนพิเศษแบบนั้นดีล่ะ?

            ฮันซ่ยกยิ้มพลางหัวเราะในลำคอ ไม่ว่าจะเพราะอะไรแต่ทั้งหมดก็คงเป็นเพราะว่าให้ความสำคัญยิ่งกว่าใครสินะ

            “ว่าแต่นายดูอะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะรีไว?” ฮันซี่มองหน้าจอของแลปทอปที่เปิดท่องเว็บไซต์เกี่ยวกับบ้านโดยไม่เกี่ยวกับงานของชายหนุ่ม

            “ตอนนี้หมอนั่นปี3 อีกไม่นานก็จะเรียนจบแล้ว” นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองภาพบ้านจัดสรรต่างๆพลางกดเซฟข้อมูลไว้มากมายเพื่อเปรียบเทียบ

            “เอ๋!! นี่นายคิดจะซื้อบ้านอยู่กับเอเลนงั้นเหรอ!?” นัยน์ตาสีเปลือกไม้เป็นประกายกับความคิดของเพื่อน นี่ดูเหมือนรีไวจะจริงจังเสียยิ่งกว่าจริงจังกว่าที่เธอคิดเสียอีก

            “คอนโดชั้นกว้างก็จริงแต่ก็ไกลจากบ้านพ่อแม่หมอนั่น” ตัวเขาแม้จะมาเกิดใหม่ในโลกนี้แต่ไม่ได้มีความผูกพันกับครอบครัว หรือจะเรียกได้ว่าแม้ในตอนนี้ตัวเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากในอดีตเท่าไร จะต่างกันเพียงแค่จากอดีตที่เขาเคยอยู่ในเมืองใต้ดินก่อนเข้าหน่วยสำรวจแต่ในปัจจุบันเขาเป็นเด็กกำพร้าที่เรียนดีจนได้ทุนของรัฐมาเรื่อยๆ และเพราะอย่างนี้เขาจึงยังคงทำงานให้กับรัฐบาลอยู่

            “เจ้าเด็กนั่นรักครอบครัวมาก ฉันไม่อยากที่จะให้หมอนั่นต้องพรากจากสิ่งที่รักหรอกนะ” ในอดีตเพราะไททันและเหตุการณ์ต่างๆมากมายทำให้ครอบครัวของเจ้าหนูนั่นต้องแตกแยก และเพราะอย่างนั้นในชีวิตใหม่นี้เจ้าหนูได้มีความสุขกับสิ่งที่รักแล้ว เขาเองก็ไม่อยากที่จะให้หมอนั่นต้องแยกจากหรอกนะ

            “ต๊าย!! รีไวชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะเอาใจใส่เอเลนขนาดนี้” ฮันซี่กอดรอบลำตัวของตนเองที่ตอนนี้รู้สึกขนลุกซู่จากความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนสนิทที่รู้จักมานาน หญิงสาวเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้สำหรับแขกก่อนนัยน์ตาสีเปลือกไม้จะชำเลืองมองชายหนุ่มอีกครั้งพลางยกยิ้ม

            แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าความรักทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงได้................

           

           

           

           

           

           

            แกร๊ง

            แกร๊ง

            แกร๊ง

            เสียงระฆังในโบสถ์ดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ แต่เพราะเป็นโบสถ์ที่อยู่ในชนบทห่างไกลจากตัวเมืองจึงทำให้มีเพียงแขกที่ได้รับเชิญและคนที่รู้จักสนิทชิดเชื้อกันเท่านั้นมาอยู่ ณ. ที่แห่งนี้

            ใบหน้าคมคายมองสบกับใบหน้าหวานที่ต่างอยู่ในชุดสูทสีขาวของพิธีการที่น่าจดจำ บรรดาแขกต่างมีเพียงเพื่อนๆและครอบครัวที่รู้จักกันดีเพียงไม่กี่คน ทั้งที่ทั้งเขาและเอเลนไม่ได้คิดจะจัดพิธีการอะไร แต่เพราะคราร่ามารดาของเด็กหนุ่มที่คะยั้นคะยออยากเห็นลูกชายของตนในพิธีแต่งงาน ตัวเขาจึงไม่อาจปฏิเสธได้ ด้วยหน้าที่การงานทั้งของเขาและเด็กหนุ่มที่ตอนนี้เริ่มงานเป็นแพทย์ฝึกหัดในโรงพยาบาลของพ่อของตน สถานะของเขาทั้งคู่จึงไม่อาจเผยต่อที่สาธารณะชนได้จึงทำให้พิธีการต้องมาจัดในโบสถ์ที่ห่างไกลจากตัวเมือง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะขอเพียงแค่คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้นยอมรับก็เพียงพอแล้ว.........

            “ขอประกาศให้คุณรีไวและคุณเอเลนเป็นสามีภรรยากัน” บาทหลวงที่ถูกเชิญมาประกอบพิธีชะงักสักครู่ก่อนจะกระชับแว่นบนใบหหน้าของตนแล้วเอ่ยกล่าวอีกครั้ง “เออ.......กรณีนี้ต้องแทนว่าเป็นสามีและสามีหรือเปล่า?”

            บาทหลวงผู้ประกอบพิธีต่างมองสบตาของทั้งสองฝ่ายเพื่อหวังคำตอบ แต่ทั้งสองก็เพียงได้แต่ยิ้มอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี บาทหลวงจึงเพียงยิ้มพลางประกาศต่อ

            “ไม่ว่าจะเป็นในสถานะอะไรก็ไม่สำคัญ ในนามของพระเจ้าขอประกาศว่าคุณรีไวและคุณเอเลนเป็นคนรักที่จะคอยดูแล แบ่งปันทั้งความสุขและความทุกข์จากนี้ตราบจนชีวิตจะหาไม่”

            เสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหวแสดงความยินดีกึกก้องไปทั่วทั้งโบสถ์ บรรดาเพื่อนสนิทของเอเลนบางรายถึงกับผิวปากหยอกล้อจนใบหน้าหวานต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่

            บาทหลวงกระแอมไอก่อนจะยิ้มละมุนให้อีกครั้ง

            “เชิญเจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวเออ....หรือเจ้าบ่าว เอาเป็นว่าเชิญจูบกันได้เลย” ช่างน่าสงสารบาทหลวงที่ไม่รุ้ว่าควรสรรหาคำใดมาพูดแต่ถึงอย่างนั้นพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

            ใบหน้าคมเคลื่อนประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มแผ่วเบา แม้จะเพียงแค่สัมผัสแต่ความรู้สึกตื้นตันกลับเอ่อล้นจนชวนให้ขอบตาร้อนผ่าว นัยน์ตาสีมรกตจึงคลอเบ้าไปด้วยหยาดน้ำใสแห่งความสุขจ้องมองชายหนุ่มที่บัดนี้ขอบตาที่เฉยชานั้นก็ขึ้นขอบแดงเช่นกัน

            ความรู้สึกที่เอ่อล้นของพิธีการที่แสนศักดิ์สิทธิ์ทำให้คราร่าเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนต้องหันไปซบกับบ่าของสามีที่ยิ้มรับพลางลูบหัวหวังปลอบประโลม

            มิคาสะมองหน้าชายหนุ่มสองคนเบื้องหน้าที่มีความสุข ภาพสะท้อนของชุดเครื่องแบบในอดีตกาลที่คลุมทับทำให้ใบหน้าเฉยชาของหญิงสาวยกยิ้มขึ้นอย่างเปรมปรีดิ์ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่คนที่สำคัญที่สุดของเธอได้มีความสุขจากใจ ความสัมพันธ์ที่ยาวนาน ความเจ็บปวดในอดีตได้สิ้นสุดและเรื่องราวแห่งความสุขได้เริ่มต้นขึ้น แอนนี่ที่นั่งอยู่ข้างๆยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับหญิงสาว ใบหน้าคมสวยยิ้มรับก่อนจะนำผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นซับน้ำตาแห่งความปิติที่เอ่อล้น

            แม้จะเจ็บใจอยู่บ้างแต่แจนก็อวยพรจากใจให้กับเพื่อนสนิทและคู่กัดตลอดกาลของตน เพียงแค่เห็นหมอนั่นยิ้มอย่างมีความสุขในอกทั้งรู้สึกยินดีและเจ็บแปลบ ถึงอย่างนั้นก็หวังให้ทั้งสองคนมีความสุขจากใจ

            “ถ้าแจนอยากร้องไห้หรือว่าหาเพื่อนดื่มผมยินดีนะครับ” อาร์มินที่นั่งอยู่ข้างๆส่งยิ้มบางให้กับชายหนุ่มร่างสูง มือขาวยกขึ้นลูบผมสีอ่อนของแจนอย่างเอ็นดู

            “ต้องรบกวนนายไปอีกนานเลยล่ะอาร์มิน” แจนเอนหัวทับลงบนผมสีทองของอาร์มิน แม้จะเจ็บใจแต่ตอนนี้เขาก็มีความสุขดี เป็นความสุขที่เข้ามาหาและอยู่ข้างๆเขามาตลอด

            ทันทีที่ก้าวออกจากโบสถ์รถลีมูซีนสีแดงเปิดประทุนก็รออยู่แล้ว ผู้ที่จัดการเรื่องรถให้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเอลวิน สมิธ ที่คอยช่วยเหลือและเตรียมการทั้งหลายสิ่งในงานพิธีให้ตั้งแต่เริ่มจนจบ

            “เอเลนนายอย่าลืมโยนดอกไม้นะ!!” ชาช่าตะโกนตามไล่หลังเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเหมือนจะลืมจุดไคลแม๊กซ์ที่สาวๆหลายคนต่างเฝ้ารอในพิธีแต่งงาน

            “ขอโทษนะชาช่าแต่ชั้นขอลัดคิวพิธีตรงนี้ละกัน” กล่าวพลางวิ่งเข้าไปหาหญิงสาวผมรัตติกาลเพื่อนสนิทคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างกันมานานแสนนาน

            “มิคาสะช่อดอกไม้นี้ชั้นให้เธอ” ใบหน้ามนของชายหนุ่มในชุดพิธีสีขาวยิ้มอย่างมีความสุขพลางประคองมือของหญิงสาวให้ขึ้นรับช่อดอกไม้

            “ขอบใจนะเอเลน ขอให้นายมีความสุขมากๆ” มิคาสะยิ้มรับพร้อมทั้งกล่าวอวยพร

            “ชั้นมีความสุขแล้วมิคาสะ ต่อไปคือความสุขของเธอ เธอเป็นคนสำคัญสำหรับชั้นเสมอและชั้นเองก็หวังให้เธอมีความสุขยิ่งกว่าใครนะ” เอเลนก้มลงจูบลงมือของหญิงสาว นัยน์ตาสีมรกตสบกับตาสีราตรีอย่างมุ่งมั่นจริงใจ สองขาเรียวยาวหมุนกลับไปขึ้นรถที่อีกคนสตาร์ทเครื่องรออยู่แล้ว

            มิคาสะมองจนรถสีแดงขับออกไปจนลับตา ราวกับสัญญาที่เธอเคยให้ไว้บรรลุผลท้องฟ้าสีครามที่สว่างสดใสทำให้รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายยิ่งกว่าวันไหนๆ

            “แล้วความสุขของเธอคืออะไร?” แอนนี่ที่ยืนมองอยู่ข้างเอ่ยถาม

            ใบหน้าสวยคมของหญิงสาวหันมามองคนตัวเล็กกว่า มิคาสะหยิบดอกกุหลายสีแดงในข่อดอกไม้ขึ้นมายื่นส่งให้กับหญิงสาวร่างเล็ก

            “ไม่รู้สิ แต่เธอจะอยู่ช่วยชั้นค้นหาความสุขรึเปล่า?”

            แอนนี่รับดอกกุหลาบไว้ในมือพลางหมุนเล่นไปมา

            “ถ้าเธออยากให้ชั้นทำอย่างนั้นชั้นก็จะทำ”

            มิคาสะยิ้มบางมือเรียวยกขึ้นลูบผมสีทองสว่างของคนตัวเล็กกว่า ไม่ต้องห่วงเอเลน........ฉันพบความสุขแล้ว.........

           

           

           

           

            รถสปอตคันหรูขับมาจนถึงรีสอร์ทส่วนตัวริมทะเลที่ขอไว้จากแจน กิลชูไตน์ ทันทีที่บริการช่วยขนของออกจากห้องไปเอเสนจัดการปลดกระดุมชุดพิธีการที่แสนอึดอัดช่วงคอออกก่อนจะล้มตัวลงด้วยความเหนื่อย

            “ในที่สุดก็เสร็จเสียที ไม่คิดเลยว่างานแต่งงานจะเหนื่อยแบบนี้”

            รีไวรินน้ำใส่แก้วยื่นส่งให้กับเด็กหนุ่ม ชุดสูทสีขาวถูกถอดแล้ววางพาดไว้กับโซฟาให้เรียบร้อย

            ที่เหนื่อยเพราะต้องเจรจากับแม่ของนายเรื่องชุดที่อยากให้นายใส่ชุดกระโปรงของเจ้าสาวสินะ”

            คำพูดของชายหนุ่มทำให้เอเลนถึงกับสำลักน้ำ ความจริงที่ว่าแม่ของเขามาคะยั้นคะยอให้เขาใส่ชุดเจ้าสาวในวันพิธี แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะยอมใส่กันถึงแม้แม่จะขอร้องก็ตาม ถ้าใส่จริงๆมีหวังเจ้าพวกเพื่อนบ้านั้นคงต้องกลั้นหัวเราะจนตายแน่นอน กว่าจะกล่อมให้แม่เขาตัดใจได้เล่นเอาเขาแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันก่อนจะถึงวันงาน

            คุณรีไวเองก็เถอะไม่เห็นจะช่วยผมบ้างเลย” นัยน์ตาสีมรกตมองค้อนชายหนุ่มที่รู้เรื่องชุดเจ้าสาวแต่ไม่คิดจะช่วยเขาห้ามแม่เลยสักนิด

            “ก็แค่คิดว่านายใส่ก็คงจะเหมาะดี”

            “คุณรีไวจะลองใส่เองไหมล่ะครับ?” คิ้วคมขมวดมุ่น แม้จะเหมือนคำชมแต่เขาก็ไม่ดีใจหรอกนะ ทำไมเขาต้องใส่ชุดกระโปรงฟูฟ่องสีขาวแบบนั้นด้วยกันเล่า

            “แต่เหนื่อยชะมัดเลยนะแบบนี้วันนี้คงหลับเป็นตายแน่” เอเลนส่งแก้วน้ำคืนชายหนุ่มก่อนจะแผ่ตัวลงนอนบนเตียง

            “ตอนนี้เราฮันนีมูนกันอยุ่นะเอเลน” รีไวปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกก่อนจะดึงชายเสื้อออกจากกางเกงจนเห็นแผ่นอกกว้างและมัดกล้ามเนื้อกำยำ

            ร่างแกร่งตวัดขึ้นคร่อมบนตัวร่างบาง ใบหน้าคมคายเผยยิ้มเจ้าเล่ห์จนคนใต้ร่างถึงกับเหงื่อเย็นไหลซึมกาย

            “อีกอย่างคืนแรกของการแต่งงานใครเขาจะหลับกันลงจริงไหมเจ้าหนู?”

            “ค.....คุณรีไว......ทำไมคุณต้องทำสายตาแปลกๆแบบนั้นด้วย?” ใบหน้ามนเริ่มซีดเซียวเมื่อเห็นสายตาที่ราวกับสัตว์ร้ายจ้องตะครุบเหยื่อของคนตรงหน้ามองลงมา

            “นายคิดว่าชั้นต้องอดทนรอวันนี้ขนาดไหนไอหนู?” ลิ้นร้อนเลียริมฝีปากคมของตนเองที่เริ่มรู้สึกแห้งผากกระหายอยากกับการรอคอยที่มีมานานของตน

            “นายไม่ต้องห่วงชั้นมั่นใจว่าต่อให้นายง่วงแค่ไหน นายจะหลับไม่ลงแน่นอนเจ้าหนู..........”

            ร่างบางที่ถูกกดลงกับเตียงถึงกับสั่นระริกยิ่งเมื่อใบหน้าคมคายนั้นเขยิบเข้ามาใกล้ ดูเหมือนความอดทนที่มีมานานและเพราะคำสัญญาของพ่อของเขาทำให้คืนนี้เขาคงต้องรับผิดชอบอย่างหนักหน่วง

            ถึงแม้ความทรงจำที่เริ่มต้นใหม่จะช่างแสนสุขและหอมหวาน แต่ความเจ็บปวดบางอย่างก็ยังคงเหมือนเดิมไม่แตกต่างจากในอดีตแม้ผ่านมานานแค่ไหน ข้อนี้เอเลนได้รับบทเรียนและฝั่งตราตรึงจนไม่อาจลืมได้เลยทีเดียว.........

 

Fin.

……………………………………………………………………………………

Talk: ในที่สุดตอนพิเศษที่จะรวมเล่มอีกตอนก็คลอดแล้วค่ะเย้!! (หลังจากขยันสร้างไหมาหลายบ)

ตอนนี้จะเป็นตอนพิเศษตอนสุดท้ายที่จะลงเวบให้อ่านค่ะ

แต่ในรวมเล่มจะมีตอนพิเศษอีก 2 ตอนนะคะ คือ

-          No Name

-          วันธรรมดาของสองเรา

ส่วน Special Last Memory + ล่ารักอันตราย : Parallel world ไม่ได้รวมเล่มนะคะ เขียนด้วยความเวิ่นเฉยๆค่ะ

ขออัพเดตนิดนึงว่ารวมเล่มของ Last Memory ต้องแยกเป็นสองเล่มค่ะเพราะเนื้อหาเยอะมากมายTTwTT (ไม่คิดเลยว่าหน้ามันจะ300++ ขนาดนี้พอตัดเหลือA5 มันปาไป600++) ตอนแรกพยายามอัดยัดให้เป็นเล่มเดียวแต่ไม่สามารถจริงๆค่ะเลยต้องแบ่งเป็นสองเล่มนะคะ จะพยายามทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่ทุกท่านรอคอยค่ะ ซึ่งคาดว่าต้นปีหน้าจะสามารถเปิดให้ทุกท่านจองได้แล้วค่ะ

ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามและคอยเป็นกำลังใจให้คลอดค่ะ เพราะมีทุกๆท่านฟิคเรื่องนี้ถึงดำเนินมาจนถึงจุดนี้ได้จริงๆค่ะ ถ้าไม่มีนักอ่านที่น่ารักอิชุ้นคงไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้บอกเลย จะขอตอบแทนทุกท่านด้วยการเขียนฟิคออกมาอย่างพยายามจะสม่ำเสมอนะคะแหะๆ ><""""

ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรจะมาอัพเดตเรื่อยๆค่ะ ทุกท่านสามารถติดตามข่าวสาร(+ความเวิ่นเว้อ) ของอิชุ้นได้ที่



รักนักอ่านทุกท่านค่ะ

Trendy Blood

10 ความคิดเห็น:

  1. อ๊ายยยยยยย หวานแหวว แต่งงานกันซักที ที่นี้คุณรีไวล์จะได้ขย้ำนุ้งเลนให้สาแก่การรอมานาน ว่าแต่ขอไปนั่งส่องได้มั้ย!//โดนถีบออกนอกหน้าต่าง//สนุกมากค่ะ ตอนนี้น่ารักมุ้งมิ้งจริงๆ จะรอรวมเล่มน้าาาซื้อเก็บแน่นอน สู้ๆค่า

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อร๊ายยยขอบคุณนะคะ จะพยายามปั่นนะคะ หลังจากที่รอมานานนู๋เลนน่าจะสะโพกครากสามวันสามคืน

      ลบ
  2. ดีใจด้วยนะคะรีไวซามะ -...,- หลังจากที่ต้องรอมานาน ในที่สุดก็....แล้ว รอไรท์รวมเล่มค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จะรีบปั่นเพื่อรวมเล่มค่ะ ตอนเเรกลังเลว่าตอนที่จะลงเอาตอนไหนดี ผลสุดท้ายเอาตอนเฮียลงเเดงเล็กๆนี่ล่ะค่ะ >\\\\<

      ลบ
  3. คะ คุณรีไวล์
    ขนาดเราไม่ใช่เอเลนยังเขินขนาดนี้ กรี๊ดรัวๆ
    เอเลนเด็กน้อยผู้แสนซื่อ ก็ยังคงซื่ออยู่วันยันค่ำ
    น่ารักกันเกินไปแล้ว
    ทั้งเฮย์โจ ทั้งเอเลนเลย ><
    เป็นกำลังใจให้ไรท์ต่อไปค่า
    ปล เอเลนนี่น่าจะโดนอยู่ไม่น้อย หลังจากฮันนีมูน คนแก่เก็บกด

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณนะคะ โดนจนเรียกว่าอีกคนนี่ราวกับเกิดใหม่ส่วนอีกคนคงราวกับกำลังจะต้องยมไปเกิดใหม่ค่ะ555555

      ลบ
  4. ไรท์ ไม่ขออะไรมากแค่จะบอกว่า.....รวมเล่มเสร็จแต่งฟิคแบบมีเอลวินxเอเลนxรีไวล์ได้มะ (ไม่ขอมากแต่ขอมาทีไรท์แกปวดหัวเลย)นะอยากอ่านมากเลยอะไรท์เตอร์3pคู่เนี้ย(หาอ่านยากมากกกก)ดูจากนิยายที่ไรท์แต่งอะสนุกมากเลยนะคะไรท์ช่วยรับไปพิจรณาด้วยยยนะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. กรี๊ดดดดดดด อย่าเพิ่งปลุกสร้างไหค่ะ เป็นโปรเจคที่เล็งอยากเขียนอยู่ค่ะ 3p นี้ เเต่มันจะเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดทีหลังอ่ะเปล่าอ่ะสิ =w="""" (เเอบกลัวใจตัวเอง) ขอบคุณที่ชอบนะคะ//อายม้วนกลุกๆ. มามะขอกอดหลายๆที

      ลบ
  5. โอโห้ ตื่นมาอ่านคำตอบไรท์กรี๊ดมาแต่ไกล /ดีใจมาากเลยที่เราใจตรงกันนนนน(เป็นกำลังใจให้นะตัวเองงงงง)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เรื่องสร้างไหนี่ของถนัดค่ะ!!!(โดนโบก) เเต่ว่าเกรงว่ามันจะไม่ได้หวานเเต่จะเป็นเเนว3p. เเปลกๆอ่ะเปล่าน่ะจริ =x=a

      ลบ