Fic. Attack On Titan (Levi x Eren) Last
Memory Special: Beginning New Memory
เคยมีสักคนกล่าวไว้
หรือบางทีเขาอาจจะเคยได้อ่านจากหนังสือเล่มไหนสักเล่มที่กล่าวว่า
ไม่ควรปล่อยตนให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของความรัก
เพราะการพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นเรื่องทรมาน และเรื่องที่จะบังคับไม่ให้พลัดพรากก็เป็นเหตุสุดวิสัย
ไม่วันใดก็วันหนึ่งทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รัก
ข้อความที่เขาเคยรับรู้และไม่ได้ใส่ใจแต่กลับจดจำได้อย่างน่าประหลาด
ใครจะคิดว่าหัวใจที่ด้านชาและคนแบบเขาจะปล่อยตนให้ตกอยู่ใต้อำนาจของสิ่งที่เรียกว่ารัก
อีกทั้งความทรงจำครั้งสุดท้ายที่ผ่านมานับพันปี เหตุที่ทำให้พลัดพราก
ความรู้สึกและภาพยังคงกระจ่างชัดเจน ทั้งทรมาน เจ็บปวด
ราวกับว่าโลกทั้งโลกได้แตกสลายลงตรงหน้า ก็อย่างว่าความรักเป็นเรื่องที่น่าประหลาด
ความผูกพันของมนุษย์หรือสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตามักมีเรื่องให้ประหลาดใจอยู่เสมอ
รีไวปิดหน้าบันทึกปกหนังสีดำที่ขอยืมจากเอเลนลง
มือแกร่งเคาะลงบนบันทึก ไม่คิดเลยว่าเขาและเด็กหนุ่มจะผูกพันกันมานานนับพันๆปี
และเรียกได้ว่าเป็นโชคชะตาที่ทำให้เขาระลึกถึงความทรงจำในอดีตที่ยาวนานนั้นออก อีกทั้งความทรงจำครั้งสุดท้ายของเขาและเอเลนนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าจดจำ
เด็กหนุ่มที่ต้องเสียสละเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพของมนุษยชาติอย่างแท้จริง
และตัวเขาที่ราวกับคนบ้า ยามเมื่อความทรมานของการพลัดพรากกรีดลึกที่หัวใจ
ความทรงจำครั้งสุดท้ายที่จบลงอย่างเจ็บปวดราวกับโศกนาฏกรรมในบทประพันธ์ที่เคยอ่านผ่านตา
แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวของเขายังไม่ได้จบลง
เรียกได้ว่าเพราะโชคชะตาและสายสัมพันธ์ที่ถักทอทำให้เรื่องราวยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน
ตัวเขาในบทบาทใหม่ที่ยังคงทำงานให้กับหน่วยงานรัฐ
การทำงานและแนวการดำเนินชีวิตเรียกได้ว่าแทบไม่ได้แตกต่างจากในอดีต
แค่เปลี่ยนจากพวกไททันที่น่ารำคาญเป็นเหล่าอาชญากรที่บางทีอาจน่าไล่เตะก้นกว่าพวกไททันในอดีตที่เขาเหม็นเบื่อเสียอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนในอดีตเหล่านั้นต่างก็มาเจอกันในปัจจุบัน
และเพราะอย่างนั้นตัวเขาที่ไม่เคยเชื่อเรื่องปฎิหารย์ พอเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองก็คงไม่อาจปฏิเสธได้
เรียกได้ว่าความทรงจำครั้งสุดท้ายนั้นกำลังจะเริ่มต้น
ไม่สิต้องเรียกว่าได้เริ่มต้นใหม่แล้วสินะ
ทั้งที่ได้เริ่มต้นใหม่แล้วแท้ๆ
แต่บางอย่างกลับไม่ได้เป็นไปตามใจนึกคิดเสียเท่าไร มันอาจไม่ใช่สิ่งเลวร้ายแต่มันก็ทำให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเฉยชาและแข็งแกร่งมาแต่ไหนแต่ไรหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย
“เฮ้รีไวฉันเอาสรุปสำนวนคดีมาส่ง”
เสียงเอ่ยทักดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องทำงานส่วนตัวในออฟฟิศถูกเปิดออกอย่างไม่คิดจะขออนุญาต
จากเสียงที่ดังแปดหลอดและการกระทำที่บุ่มบ่าม
แม้จะไม่ได้ละสายตาจากโต๊ะทำงานขึ้นมองก็รู้ได้ว่าเป็นใคร
“อะไรของนายทำหน้ายังกับจะลงแดง?” ฮันซี่วางแฟ้มรายงานลงบนเอกสารกองอื่นๆบนโต๊ะของชายหนุ่มก่อนจะลากเก้าอี้สำนักงานมานั่ง
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองแสดงออกถึงความรำคาญนิดๆก่อนจะกลับไปสนใจเหล่าเอกสารบนโต๊ะทำงานแทน
ฮันซี่ท้าวแขนลงบนโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม
นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องใบหน้าเฉยชาอย่างพยายามหาคำตอบ
ก่อนใบหน้าขี้เล่นของหญิงสาวจะยกยิ้มกว้างอย่างรู้ทัน
“เอเลนไปทัศนศึกษากับกิจกรรมมหาลัยแค่อาทิตย์เดียวไม่คิดเลยว่าจะทำให้คนอย่างนายกลายเป็นตาแก่ขี้เหงาไปได้”
ชื่อที่ถูกเอ่ยขึ้นราวกับแทงใจดำทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองอย่างไม่สบอารมณ์กับความรู้ทันของเจ้าเพื่อนตัวแสบ
ยิ่งเห็นปฏิกิริยาของชายหนุ่มยิ่งทำให้ฮันซี่หัวเราะออกมายกใหญ่อย่างไม่อาจห้าม
“วันนี้เอเลนก็กลับมาแล้วนี่นายก็รีบกลับบ้านไปกอดให้ชุ่มปอดเป็นไง?”
“พูดมากน่ายัยแว่นเพี้ยน”
หลังจากที่ไม่เจอเจ้าหนูนั่นตลอดหนึ่งอาทิตย์แม้จะคุยกันทุกวันก็ทำให้เขาดีใจอยู่หรอกนะ
แต่เรื่องชวนหงุดหงิดใจของเขาไม่ได้มีเพียงเท่านั้นน่ะสิ
“ที่ยังหงุดหงิดอยู่แบบนี้ทั้งที่กำลังจะได้เจอเอเลนสุดที่รัก.....”
ใบหน้าขี้เล่นจ้องมองเพื่อนสนิทอย่างครุ่นคิด
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ค่อยๆปรากฏพร้อมสายตาที่จ้องมองชายหนุ่มอย่างขบขัน
“เพราะสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของเอเลน
ให้ตายสิ!!นี่นายกำลังลงแดงจริงๆสินะ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฮันซี่หัวเราะจนตัวโยน
ไม่คิดว่าคนเอาแต่ใจไม่สนใครอย่างรีไวจะเอาจริงเอาจังกับเงื่อนไขที่ให้ไว้กับพ่อของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักแบบนี้
พลั่ก!
สันแฟ้มรายงานถูกโยนกระแทกหน้าของคนหัวเราะไม่หยุดอย่างจัง
จนฮันซี่หงายหลังลงกับพื้นสำนักงาน
“จะหัวเราะอีกนานไหมยัยเพี้ยนนี่”
คำพูดที่ไม่ปฏิเสธและราวกับยอมรับยิ่งทำให้หญิงสาวที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้นปล่อยหัวเราออกมาอีกชุดใหญ่
ท่าทางที่ฮันซี่แสดงออกมายิ่งทำให้เขาอยากที่จะจับยัยเพี้ยนตรงหน้าทิ้งออกนอกหน้าต่างของตึกชั้นสิบที่อยู่นี่
หลังจากที่หัวเราะจนเหนื่อยฮันซี่จึงพยุงร่างที่สั่นเกร็งจากความพยายามกลั้นหัวเราะอีกระลอกขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิม
ใบหน้าขี้เล่นฉายแววสนุกให้กับเพื่อนสนิท
“นายก็แอบทำซะสิ
สร้างเรื่องว่าเอเลนสะดุดล้ม ตกบันไดจนสะโพกครากเป็นไง?”
ข้อเสนอแนะของฮันซี่ทำให้รีไวจัดการหยิบที่ประทับตราของหน่วยเขวี้ยงใส่หน้าเจ้าเพื่อนตัวดีอีกครั้ง
แต่โชคเข้าข้างหญิงสาวที่หลบทันอย่างฉิวเฉียด
แล้วกว่าที่ห้องสำนักงานส่วนตัวของรีไวจะกลายเป็นสนามรบขนาดย่อมของเจ้าตัวโทรศัพท์ที่ตั้งค่าเสียงเรียกเข้าเฉพาะก็ดังขึ้น
ทำให้ชายหนุ่มเลิกสนใจยัยจอมเพี้ยนตรงหน้า
เพราะเป็นเสียงเรียกเข้าที่ตั้งเฉพาะถึงแม้จะเป็นเสียงเพลงมาตรฐานที่มีอยู่ในโทรศัพท์ก็ตามที
แต่เพราะอย่างนั้นแม้จะไม่มองชื่อที่โทรเข้ามาก็ทำให้เขารู้ได้ว่าเป็นคนที่กำลังอยู่ในหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่
[คุณรีไวผมเพิ่งกลับมาถึงมหาลัย เออ.....เย็นนี้ผมไปหาได้ไหม?]
ทันทีที่รับโทรศัพท์เสียงใสของเด็กหนุ่มที่แฝงคำขอร้องก็เอ่ยขึ้น
ดูเหมือนเจ้าตัวดีของเขาเองก็อยากที่จะมาเจอเขาทันทีที่กลับมาแล้วแบบนี้จะให้เขาปฏิเสธได้ยังไงกัน
[เจอกันที่คอนโดก็ได้เอเลน ถ้านายอยากมา]
[ผมต้องอยากไปแน่อยู่แล้ว ผมจะรีบไปเตรียมมื้อเย็นให้นะครับ]
[แล้วฉันจะรีบกลับ]
แม้จะวางสายโทรศัพท์ลงแล้วแต่น้ำเสียงที่ดีใจราวกับลิงโลดทำให้ใบหน้าเฉยชายกยิ้มอย่างนึกขัน
ก็เพราะแบบนี้จะไม่ให้เขาหลงรักเจ้าตัวยุ่งคนนี้ได้ยังไงกัน
“โอ๊ย!!
มดในห้องทำงานนายเยอะชะมัดเลยรีไว” ฮันซี่ว่าพลางจับปึกเอกสารตบลงบนโต๊ะราวกับกำลังไล่บี้มดที่กล่าวถึง
ซึ่งที่จริงแล้วไม่ได้มีมดจริงๆสักตัว
“ถ้าเอกสารบนโต๊ะและห้องเละ
ชั้นจะให้เธออยู่จัดการจนกว่าจะเรียบร้อย”
ทุกคนต่างรู้ดีถึงนิสัยรักความสะอาดจนเข้าเส้นของบุรุษผู้แข็งแกร่งแห่งกองปราบปรามคนนี้ดีว่าน่ากลัวขนาดไหน
ฮันซี่เลยสงบเสงี่ยมค่อยๆจัดเอกสารที่ทำรกไปส่วนหนึ่งเข้าที่อย่างไม่คิดจะยุ่งอีก
ฮันซี่ลุกขึ้นยืนก่อนจะจัดการเสื้อที่ยับของตนเข้าที่ให้เรียบร้อย
มือบางตบลงบนไหล่แกร่งของเพื่อนที่กลับไปนั่งให้ความสนใจกับงานเอกสารตรงหน้าพลางมองด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง
“อดทนนานๆมันไม่ดีต่อสุขภาพนะเพื่อน”
ทันทีที่พูดจบฮันซี่รีบโกยแนบออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มทันที
โดยมีเสียงของแฟ้มและสิ่งของตามๆที่ถูกเขวี้ยงมาไล่ตามหลังอย่างสนั่นหวั่นไหว
เหล่าลูกน้องที่อยุ๋หน้าห้องต่างถอนหายใจและกลับไปทำงานต่ออย่างเป็นปกติ
ด้วยความเคยชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
แต่อาจแปลกใจอยู่เล็กน้อยตรงที่ครั้งนี้เหมือนหัวหน้าของพวกเขาเหมือนอยากจะจับหญิงสาวมาจัดการกลบฝังอย่างจริงจัง
ทันทีที่กลับถึงห้อง
กลิ่นของอาหารที่ลอยมาแตะจมูกบอกให้รู้ว่าคนรักของเขามาถึงแล้ว
และอีกไม่นานมื้อเย็นก็กำลังจะเตรียมเสร็จเรียบร้อย
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเปิดเด็กหนุ่มจึงละมือจากอาหารบนเตาออกมาต้อนรับเจ้าของห้องที่กลับมาถึง
ใบหน้ามนหวานส่งยิ้มให้กับชายหนุ่ม รีไวยื่นมือไปลูบบนผมสีน้ำตาลพลางขยี้เบาๆก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาก่อนด้วยความคิดถึงอย่างห้ามใจไม่อยู่
ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ไม่ได้เห็นคนตรงหน้าจะทำให้เขารู้สึกโหยหาถึงเพียงนี้
ถึงจะไม่ทันตั้งตัวแต่เอเลนก็อมยิ้มกับการกระทำของชายหนุ่ม
การที่เขาต้องไปทำกิจกรรมกับทางมหาลัยหนึ่งอาทิตย์ทำให้เขาเองก็คิดถึงชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ต่างกัน
สองมือบางโอบรอบลำคอแกร่งพลางซุกหน้ากับบ่าหนาที่โอบตนไว้
“กลับมาแล้วครับคุณรีไว”
รีไวกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นราวกับอยากให้ร่างโปร่งจมหายเข้าไปกับแผ่นอกของเขา
“ยินดีต้อนรับกลับเอเลน”
เอเลนยกยิ้มขำ
กลายเป็นว่าคนที่กล่าวต้อนรับกลับกลายเป็นคุณรีไวเสียเองแบบนี้เท่ากับว่าคนคนนี้รอเขาตลอดเลยสินะ
กลิ่นหอมของผิวเนื้อที่แตะจมูกยิ่งทำให้ใบหน้าคมคายฝังหน้าตนเองเข้ากับซอกคอขาวของเอเลนเพื่อหวังจะสูดกลิ่นกายที่แสนคิดถึงให้มากขึ้น
แต่แล้วมือหนาต้องดันร่างบางออกจากตัวเมื่อบางอย่างในร่างกายของเขากลับตื่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“คุณรีไว?” เอเลนเอียงคอมองอย่างสงสัย
“ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนจะได้มากินข้าวพร้อมกับนาย”
รีไวเบี่ยงตัวออกจากเด็กหนุ่มตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง
ปล่อยให้อีกคนมองตามหลังตาปริบๆ
ทันทีที่ประตูห้องปิดลงชายหนุ่มถึงกับเอาหน้าพิงกับกำแพงพร้อมทั้งพยายามสูดหายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆเพื่อหวังสงบสติอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้นสูง
ดูเหมือนยัยแว่นเพี้ยนนั่นจะเดาถูกเผง!
ทั้งที่อยู่ตรงหน้าแต่ทำอะไรไม่ได้มันกำลังทำให้เขาต้องอดกลั้น
จนตอนนี้เหมือนร่างกายที่เขาพยายามปลดปล่อยด้วยตนเองจะเริ่มไม่พอ
รีไวรีบดึงผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้ตรงเข้าห้องน้ำเพื่อหวังให้น้ำเย็นช่วยสงบสติอารมณ์ของเขา
ทุกครั้งเขาเป็นคนอาบน้ำค่อนข้างเร็วแต่วันนี้คงต้องใช้เวลาส่วนตัวในห้องน้ำมากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากจัดโต๊ะเรียบร้อยไม่นานนักชายหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดสีดำและกางเกงผ้าขายาว
มือแกร่งใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กขยี้ลงบนผมสีดำที่เปียกชุ่มพลางเดินมานั่งลงบนที่นั่งประจำของตน
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองนาฬิกาตรงพนังห้องเพื่อดูเวลาที่เขาจะต้องไปส่งเด็กหนุ่ม
ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว
“นายโทรบอกที่บ้านแล้วใช่ไหมว่าจะกลับดึก?”
คิ้วคมต้องเลิ่กขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อใบหน้าหวานของเอเลนยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ให้เขา
“ผมบอกที่บ้านว่าทัศนศึกษาจบพรุ่งนี้น่ะครับ
เพราะงั้นคืนนี้ผมขอค้างด้วยนะครับ”
คำตอบของเอเลนทำให้รีไวถึงกับรู้สึกไข้ขึ้น
เขาก็ดีใจอยู่หรอกนะที่เจ้าตัวดีอยากจะค้างกับเขาแต่ร่างกายของเขาและความอดกลั้นที่มีมานานแบบนี้จะทำให้เขาผ่านคืนนี้ไปได้โดยยังรักษาสัญญากับพ่อของเจ้าตัวดีนี่ได้อยู่รึเปล่า?
“ก็ได้เจ้าหนู
ห้องสำหรับแขกว่างอยู่นายก็ใช้ซะ”
เพื่อตัดปัญหาและพยายามข่มไม่ให้ตบะที่มีมาแตกเสียก่อนการให้เจ้าตัวดีไปนอนอีกห้องดูจะเป็นการดีที่สุด
ทั้งที่คิดอย่างนั้น
“แต่ผมอยากนอนห้องคุณรีไว....ไม่ได้เหรอครับ?”
นัยน์ตาสีมรกตช้อนมองสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าอย่างออดอ้อน
ตอนนี้เขาเป็นคนรักกันแล้วทำไมจะต้องนอนแยกห้องกันด้วย
อุตส่าห์หลอกที่บ้านได้แล้วเรื่องอะไรเขาจะยอมนอนแยกกัน
เตียงนอนขนาดคิงไซส์ถูกจัดแบ่งส่วนจากที่แต่เดิมมีแค่เจ้าของห้องที่นอนอยู่คนเดียว
รีไวมองหมอนหนุนสองใบที่ถูกจัดวางแบ่งฝั่งกันพลางกุมขมับของตัว
เพราะความใจอ่อนกับสายตาที่จ้องมองมาของเจ้าตัวดีจึงทำให้เขาต้องมานั่งหนักใจอีกครั้ง
แล้วหางตาต้องรู้สึกกระตุกถี่ยิบกับความไม่รุ้อิโหน่อิเหน่ของเด็กหนุ่มที่เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างสบายใจโดยไม่รู้เลยว่าทำให้ความอดทนของเขาสั่นคลอน
“คุณรีไวจะนอนแล้วเหรอครับ?”
เอเลนถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นชายหนุ่มขึ้นไปล้มตัวนอนลงบนเตียงพลางเอาผ้านวมผืนหนาขึ้นคลุมกาย
“วันนี้ชั้นเหนื่อยมากน่ะเลยอยากนอนเร็วสักหน่อย”
ทางเดียวที่จะไม่ทำให้สัตว์ร้ายในกายเขาตื่นตัวขึ้นมาก็มีแต่ต้องรีบนอนหลับให้เร็วที่สุดเท่านั้น
เอเลนเปิดไฟที่โคมไฟหัวเตียงก่อนจะจัดการปิดไฟในห้องนอนลง
ร่างบางค่อยๆขึ้นนั่งบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกฝั่งที่ชายหนุ่มจัดเตรียมไว้ให้
สัมผัสที่ยวบยาบของเตียงและกลิ่นสบู่จากเด็กหนุ่มเริ่มทำให้ใจที่เขาพยายามข่มให้สงบลงสั่นระรัวอีกครั้ง
ทั้งที่ใช้แชมพูและสบู่อย่างเดียวกันแต่พอมาอยู่บนร่างกายของเจ้าหนูนี่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันช่างหอมหวานและเย้ายวนนักนะ!
เตียงนุ่มยวบลงอีกครั้งเพราะการพลิกตัวของอีกคนที่นอนอยู่ข้างกัน
ใบหน้ากลมมนจ้องแผ่นหลังอีกคนที่นอนหันหลังให้อย่างไม่คิดจะหันมาคุยกับเขา
ทั้งที่วันนี้เขาอุตส่าห์ได้ค้างคืนด้วยแท้ๆ ใบหน้าหวานพองลมในแก้มอย่างนึกงอน
ทั้งที่ตอนที่กลับมาคุณรีไวก็มีท่าทางดีใจที่ได้เจอเขาแท้ๆ
แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้ดูเย็นชาและห่างเหินนักนะ ไม่พอใจที่เขาขอค้างคืนด้วยโดยไม่บอกก่อนอย่างนั้นเหรอ?
แต่ทั้งที่เป็นคนรักกันคุณรีไวก็น่าจะดีใจที่เขาได้ค้างด้วยไม่ใช่หรือไงกัน?
หรือมีแต่เขาที่คิดไปเองฝ่ายเดียวว่าอยากอยู่ข้างๆชายหนุ่มคนนี้ให้นานขึ้นอีกนิด
พอคิดว่าตัวเองราวกับเป็นตัวปัญหาอยู่ๆขอบตาก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา......บางทีคงมีแค่เขาคิดไปเองฝ่ายเดียว
การที่เขาดื้อรั้นอยากอยู่กับคุณรีไวคงทำให้คนคนนี้เดือดร้อนสินะ
ถึงจะอย่างนั้นเขาก็แค่อยากอยู่ใกล้กับคุณรีไวก็เพียงเท่านั้น มือบางเอื้อมไปจับที่เสื้อยืดสีดำของชายหนุ่น
ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นอย่างใช้ความคิด นี่ตกลงว่าคุณรีไวโกรธเขาเรื่องที่ขอนอนค้างจริงๆงั้นหรือไงกัน?
“โกรธผมเหรอครับที่ไม่ยอมบอกก่อน?”
ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป มือบางยังคงกำเสื้อของชายหนุ่มแน่น
รีไวเหลือบตามองใบหน้าหวานของคนรักที่ตอนนี้คิ้วสีน้ำตาลขมวดมุ่นจนเป็นปม
นัยน์ตาสีมรกตหลุบลงต่ำฉายแววกังวลใจ ดูเหมือนเขาจะทำให้เจ้าหนูนี่เข้าใจผิดไปสินะ
ร่างแกร่งพลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม
มือหนาขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลพลางถอนหายใจ
“ฉันไม่ได้โกรธนาย”
“แล้วทำไมคุณถึงทำเป็นเมินผมล่ะครับ?!”
นัยน์ตาสีมรกตฉายแววตัดพ้อสบกับนัยน์ตาสีขี้เถ้า
รีไวถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเลื่อนมือที่ขยี้ผมสีน้ำตาลลงมาบีบจมูกที่เชิดรั้นของคนตรงหน้าแทน
“ฉันไม่ได้เมินนายแต่แค่กำลังอดทน
เข้าใจไหมไอหนู?”
เอเลนกุมจมูกตัวเองที่ถูกบีบจนขึ้นสีแดงน้อยๆ
ก่อนจะมองชายหนุ่มอย่างสงสัย อยุ่กับเขาต้องทนเรื่องอะไรกัน?
สายตาที่ส่งมาราวกับไม่เข้าใจนั้นทำให้รีไวต้องกุมขมับของตัวเอง
ที่เรื่องหลอกคนอื่นนี่หัวไวจริงเชียว แต่เรื่องแบบนี้กลับใสซื่อเสียดาย
แล้วสายตาที่จ้องมาอย่างหาคำตอบนั้นยิ่งอยากทำให้เขาอยากหยิกแก้มกลมๆของเจ้าตัวเสียจริง
“นายว่าคนเป็นแฟนกันนอนข้างๆกันแบบนี้จะอยากทำอะไรบ้างล่ะเจ้าหนู?”
เอเลนดันตัวลุกขึ้นพลางโคลงหัวไปมาอย่างใช้ความคิด
สิ่งที่คนเป็นแฟนกันทำเวลาอยู่ด้วยกันก็คงอยากกอด ซึ่งเขาก็ทำไปแล้วที่หน้าประตู
อยากสัมผัสเขาและคุณรีไวก็สัมผัสถูกตัวกันบ่อยๆอยุ่แล้ว ถ้างั้นคงเป็นจูบรึเปล่า?
จะว่าไปตั้งแต่เขากลับมา เขากับคุณรีไวยังไม่ได้จูบกันเลยนี่นา?
ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อเมื่อนึกถึงสิ่งที่คิดออก
เพราะไม่ได้จูบกันคุณรีไวเลยอารมณ์ไม่ดีอย่างนั้นเหรอ?
ทั้งที่ถ้าแค่บอกเขามาเขาก็ยินดีที่จะทำอยู่แล้ว
รีไวจัดหมอนให้ตั้งขึ้นก่อนจะเขยิบตัวจากท่านอนเป็นท่านั่งพิงหลังกับหมอนหนุนของตน
ใบหน้าของเอเลนที่ขึ้นสีระเรื่อทำให้เขาพอเดาได้ว่าเจ้าเด็กนี่คงเข้าใจอะไรบ้างแล้ว
แต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิดเมื่อได้ยินประโยคถัดมาจากปากเจ้าตัว
“คุณรีไวอยากจูบกับผมงั้นเหรอครับ?”
ใบหน้ามนขึ้นสีระเรื่อมองชายหนุ่มแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาสีขี้เถ้าที่จ้องมองมาราวกับจะเอาเรื่อง
“อ..เอ๊ะ?”
ยังไม่ทันหายข้อข้องใจรีไวจัดการดันหัวสีน้ำตาลของเจ้าเด็กใสซื่อให้หงายลงบนหมอน
ก่อนจะจัดการเอาหมอนหนุนอีกใบกดทับลงไปอย่างนึกหมั่นไส้
“บางทีนายก็บื้อไปนะเอเลน”
เอเลนพยายามตะกุยหมอนที่ทับลงมาออก
เมื่อใบหน้าเป็นอิสระจากหมอนที่กดทับลงมานัยน์ตาสีเขียวจึงค้อนมองชายหนุ่ม
“อะไรกันล่ะครับผมไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าคุณจะต้องอดทนกับอะไรกันแน่?”
คนอย่างคุณรีไวมีเรื่องที่ต้องยอมอดทนขนาดนั้นด้วยรึไงกัน?
รีไวถอนหายใจอีกครั้ง
ดูว่าเจ้าเด็กนี่ทำให้เขารู้สึกว่าอยู่ๆก็แก่ขึ้นอีกหลายปีน่าดู
“นายคิดว่าทำไมฉันไม่จูบนาย?”
คิ้วมนขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด
“ผมฟันผุงั้นเหรอ?”
คำตอบของเอเลนทำให้รีไวเริ่มหมดความอดทน
มือหยาบจึงจัดการดึงแก้มกลมๆของเด็กหนุ่มให้ยืดออกอย่างนึกลงโทษ
“เจ็บๆ แล้วเพราะอะไรกันล่ะครับ
คุณก็บอกผมมาสิ!!”
เอเลนจับแก้มทั้งสองข้างของตนเองพลางมองอีกคนด้วยน้ำตาคลอเบ้า
รีไวจับใบหน้าของเด็กหนุ่มให้เขยิบเข้าใกล้กับใบหน้าของตน
นัยน์ตาสีขี้เถ้าสบกับนัยน์ตาสีมรกตอย่างจริงจัง จนเด็กหนุ่มหน้าขึ้นสีระเรื่อและลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อถูกจ้องมองในระยะประชิด
“เพราะมันจะไม่จบแค่จูบเข้าใจไหมเอเลน”
คำตอบที่ได้ยินทำให้หน้าที่ขึ้นสีระเรื่อยิ่งร้อนผ่าวขึ้นกว่าเดิม
“ฉันอยากสัมผัสนายมากกว่านั้น
อยากเห็นนายบิดเร้าอยู่ใต้ร่าง”
นัยน์ตาสีมรกตเลิ่กลั่กพยายามเบี่ยงหลบสายตาสีหมอกที่จ้องมองมาอย่างจริงจัง
อกซ้ายเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ
“เข้าใจไหมไอหนูว่าชั้นพยายามอดทนที่จะไม่ผิดสัญญากับพ่อนายขนาดไหน?”
เหตุผลของการทำเป็นเมินเขาและที่ไม่ยอมจูบเขานั้นยิ่งทำให้เอเลนรู้สึกราวกับจะละลายหายไปกับเตียง
คนคนนี้กำลังอดทนอย่างมากเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อของเขา
คนที่ไม่สนใจใครแต่พยายามอดกลั้นขนาดนี้ คนคนนี้ให้ความสำคัญกับเขามากมายจริงๆ
ริมฝีปากสีระเรื่อสั่นเทาด้วยความอาย
เสียหวานค่อยๆเอ่ยอย่างประหม่า
“ไม่จำเป็นต้องอดทนนี่ครับ
ถ้าคุณต้องการ......”
ราวกับเส้นความอดกลั้นในสมองขาดผึง
รีไวกดร่างบางจนจมลงกับเตียงนุ่ม
ริมฝีปากคมทาบทับลงบนกลีบปากสีระเรื่ออย่างเร่าร้อนดุดัน
ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นบางราวกับพยายามตักตวงความหอมหวานที่อยากลิ้มลองมานานอย่างกระหาย
“อื้อ!! แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”
ทันทีที่ริมฝีปากของชายหนุ่มถอนออกไป
เอเลนรีบหอบเอาอากาศเข้าปอดจนตัวโยน
เพียงแค่จูบที่ดุดันก็บอกได้แล้วว่าชายหนุ่มต้องอดทนถึงขนาดไหน
มือบางเอื้อมขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมคายที่หอบหายใจหนักหน่วงหวังข่มอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณรีไว”
คิ้วคมขมวดมุ่น มือแกร่งกระชับข้อมือบางที่ขึ้นมาลูบใบหน้าของตนแน่นก่อนจะกดข้อมือขาวลงกับเตียง
ใบหน้าคมฝังจมูกลงกับซอกคอของเด็กหนุ่มก่อนจะสูดหายใจลึก
แล้วผละออกจากร่างบางไปยืนที่ปลายเตียง
“ขอโทษเอเลน แต่สัญญาต้องเป็นสัญญา”
ชายหนุ่มขยี้ผมสีรัตติกาลของตน เขาเกือบจำล้ำเส้นที่ขีดไว้เสียแล้ว
มือบางเอื้อมจับชายเสื้อของชายหนุ่ม
ใบหน้าหวานจ้องที่กางเกงของชายคนรักที่ตอนนี้แรงอารมณ์เริ่มปะทุขึ้นจนเห็นได้ชัด
นัยน์ตาสีมรกตช้อนมองใบหน้าคมคายที่เบี่ยงหลบสายตาเพื่อหวังไม่ให้อารมณ์ที่ขึ้นสูงของตนจะทำอะไรเด็กหนุ่ม
“อ....เออ.....”
เอเลนกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะพยายามเอ่ยสิ่งที่คิด
“ถ.......ถ้าไม่ได้ใส่เข้ามาก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”
รีไวตวัดมองร่างบางที่ใบหน้าสุกปลั่งจากคำพูดของตัวเอง
“ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ดีกับพ่อของนาย”
ใบหน้าหวานสั่นหัวไปมาปฏิเสธ
“ไม่หรอกครับ และผมเองก็ไม่อยากที่จำให้คุณต้องทนไปมากกว่านี้ด้วย”
เพราะอดกลั้นมานานแล้วมาเจอเจ้าตัวดียื่นข้อเสนอให้แบบนี้
ตบะที่มีมาพลันแตกลงอย่างง่ายดาย รีไวขึ้นคร่อมร่างบางอีกครั้ง
ริมฝีปากคมทับลงบนกลีบปากสีระเรื่ออีกครั้ง
คมฟันขาวขบลงบนกลีบปากบางก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปตักตวงความหวานภายในอีกครั้งและอีกครั้ง
มือหยาบลูบไล้ไปตามลำตัวของร่างโปร่ง
ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อนอนของเด็กหนุ่มออกจนเผยให้เห็นแผ่นอกขาวที่กำลังขยับขึ้นลงตามลมหายใจเข้าออกของเจ้าตัว
ฟันคมขบลงบนยอดอกสีอ่อนก่อนจะดูดเม้มยอดอกสีหวานอย่างกระหายอยาก
“อ๊ะ อื้อ!”
เสียงหวานครางอย่างรัญจวนยิ่งปลุกเร้าสัญชาตญานดิบของรีไวให้พุ่งขึ้น
มือหยาบล้วงเข้าไปในกางเกงนอนของเอเลน
สัมผัสที่ตึงแน่นผ่านเนื้อกางเกงชั้นในของเด็กหนุ่มแสดงถึงความปรารถนาที่เจ้าตัวดีมีไม่แพ้เขาเช่นกัน
“ฮ้า.....ฮ้า........ ค.... คุณรีไว”
เอเลนพยายามสูดหายใจลึก
เสียงใสครางกระเส่าอย่างมิอาจห้าม
เมื่อมือแกร่งนั้นรูดเร้ายังเนื้ออ่อนของตนที่ตอนนี้เริ่มตั้งขึ้นจากอารมณ์ที่กำลังปะทุกรุ่น
“อ๊า!! อื้อ”
มือบางตะครุบปิดปากของตนที่ส่งเสียงร้องออกมา
นัยน์ตาสีมรกตเออคลอด้วยหยาดน้ำใสที่เออล้นจากแรงปรารถนา
ริมฝีปากของชายหนุ่มครอบครองจุดอ่อนไหวของร่างบางกระตุ้นเร้าความรู้สึกให้พุ่งขึ้นอย่างเร่าร้อน
และเมื่อถึงที่สุดของแรงอารมณ์น้ำรักสีขาวขุ่นถูกปลดปล่อยจนเปรอะเปื้อนใบหน้าคมคายอย่างไม่อาจห้าม
“ข......ขอโทษครับ”
เอเลนใช้แขนเสื้อของชุดนอนที่ถูกปลดกระดุมออกแต่ยังไม่ได้ถอดช่วยเช็ดคราบน้ำรักของเขาบนใบหน้าคมคาย
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองเป้ากางเกงของชายคนรักที่ตอนนี้แข็งขืนกว่าเดิมจนเห็นเด่นชัด
“อ......เออ คุณรีไวให้ผมทำให้นะครับ”
ไม่ว่าเปล่ามือบางลูบไล้ยังท่อนเนื้อหนาที่ปูดโปนออกมา
เอเลนค่อยๆดึงกางเกงผ้าของชายหนุ่มลง
ท่อนเนื้อหนาที่เริ่มมีน้ำแห่งอารมณ์เอ่อที่ปลายแข็งขืนขยายตัวมากยิ่งขึ้น
เด็กหนุ่มใช้มือรูดแกนกายของชายหนุ่มขึ้นลง ลิ้นสีสดแลบเลียลงบนท่อนเหนือจากโคนสู่ปลาย
โพรงปากนุ่มค่อยๆอ้าออกก่อนจะครอบครองแกนกายขนาดใหญ่เข้าไปจนคับแน่นเต็มโพรงปาก
“อื้อ”
รีไวคำรามเสียงต่ำกับสัมผัสที่เอเลนมอบให้
โพรงปากอุ่นดูดเม้มแกนกายของเขาจนขยายคับเต็มปาก
หยาดน้ำลายผสมปนกันกันน้ำรักสีขุ่นที่เอ่อล้นไหลออกจากปากสีระเรื่อลงมาตามลำคอระหงไหลลงไปยังหว่างขาของร่างบาง
ภาพของเด็กหนุ่มคนรักที่แสนจะอีโรติกทำให้รีไวต้องกัดฟันข่มความรู้สึกที่อยากเข้าไปในตัวคนรักเอาไว้
มือแกร่งจับผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มก่อนจะกระแทกท่อนเนื้อหนาของตนให้ลึกลงไปในลำคอของร่างโปร่งมากขึ้น
แม้จะตกใจกับการกระแทกเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวของชายหนุ่ม
โพรงปากนุ่มก็รองรับแกนกายหนาอย่างเต็มใจ น้ำรักสีขุ่นฉีดพุ่งเข้าโพรงปากนุ่ม
“แค่ก แค่ก แค่ก”
เพราะไม่ทันตั้งตัวเอเลนจึงสำลักน้ำกามที่พุ่งเข้าในคอ
“ไม่เป็นไรใช่ไหมเอเลน?”
ใบหน้ามนส่ายหน้าไปมาพลางปาดเช็ดน้ำลายที่ผสมกับน้ำกามของคนตรงหน้าออก
ริมฝีปากคมจูบลงบนหน้าผากมนของเด็กหนุ่มก่อนเลื่อนลงมาจูบซับหยาดน้ำตาที่เออคลอของคนรัก
แม้จะได้รับการปลดปล่อยจากโพรงปากนุ่มแต่ดูเหมือนความปรารถนาของชายหนุ่มจะไม่ลดลงง่ายๆ
รีไวช้อนตัวร่างบางนั่งบนหน้าตัก สองขาเพรียวยาวตวัดรอบลำตัวแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของชายหนุ่ม
แขนแข็งแรงจัดการถอดเสื้อยืดคอกว้างของตนออกก่อนจะจัดการโยนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใส่ใจ
ใบหน้ามนที่ร้อนผ่าวยิ่งร้อนขึ้นกว่าเดิม เมื่อกล้ามเนื้อที่แน่นกระชับและสมชายชาตรีปรากฏเบื้องหน้าในระยะประชิด
เอเลนมองมัดกล้ามสวยงามตรงหน้าตาค้างทั้งรู้สึกอิจฉากับรูปร่างสมชายของคนตรงหน้า ทั้งเขินอายกับผิวของเนื้อที่สัมผัสแนบลงกับผิวเปลือยเปล่าของเขาอย่างแนบชิด
จูบที่ดุดันและหนักหน่วงกระหน่ำลงบนกลีบปากนุ่มของเอเลนอีกครั้ง
มือหยาบยังคงลูบไล้ไปตามร่างกายกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มบนหน้าตัก
นิ้วหยาบบดคลีงกับยอดอกสีหวานที่แข็งขืน เค้นคลึงลงบนร่างที่ไม่ประสาอย่างชำชอง ร่างของเด็กหนุ่มสั่นระริกจากความรู้สึกวาบหวามที่ถูกปลุกเร้าขึ้นอีกครั้ง
อกเนียนแอ่นรับสัมผัสของปลายลิ้นที่ลงมาหยอกล้อกับยอดอก มือบางพยายามปิดกั้นริมฝีปากที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระเพื่อหวังห้ามเสียงที่น่าอายของตน
แต่กระนั้นเสียงครางกระเส่าก็ยังคงเล็ดรอดและยิ่งปลุกแรงปรารถนาของรีไวให้มากยิ่งขึ้น
“ฮ้า.....ฮ้า
...ค......คุณร...รีไว....”
เมื่อมือที่พยายามปิดกั้นไม่ได้ช่วยอะไร
เอเลนจึงใช้มือจิกลงกับไหล่หนาเพื่อหวังระบายความรู้สึกที่ราวกับกำลังถูกหลอมละลายลงบ้าง
รีไวกระชับสะโพกนิ่มตรงหน้าให้เข้าใกล้กับสะโพกของตนมากยิ่งขึ้น
มือแกร่งลูบไล้ยังเนินเนื้อนุ่มสะโพกของเอเลนโดยพยายามระงับความรู้สึกที่อยากจะสอดใส่เข้าไปในร่างกายของเด็กหนุ่มก่อนจะถึงเวลาที่ให้ไว้
ริมฝีปากคมเม้มแน่น เพื่อตั้งสติก่อนจะจับกระชับสะโพกนุ่มให้เข้าชิดยิ่งขึ้น
เพื่อให้แกนกายที่ตื่นตัวทั้งของเขาและเด็กหนุ่มสัมผัสกัน
มือแกร่งละออกจากสะโพกนุ่มมากอบกุมแกนกายที่เอ่อล้นด้วยหยาดอารมณ์ของทั้งสอง
รีไวจัดการขยับมือขึ้นลงเป็นจังหวะก่อนจะเร่งความเร็วยิ่งขึ้นเพื่อให้ไปสุดปลายของอารมณ์
น้ำรักสีขุ่นพุ่งออกจากแกนกายของทั้งสองกระเซ็นเปรอะเปื้อนลงบนหน้าท้องที่ต่างฝ่ายต่างหอบเอาอากาศเข้าปอดจากการปลดปล่อยอารมณ์
นัยน์ตาต่างสีต่างมองสบกัน
ใบหน้าของทั้งสองที่อยู่ใกล้กันจนลมหายใจหลอมรวมเป็นหนึ่งค่อยๆเขยิบเข้าหากันอีกครั้งจนริมฝีปากทาบทับซึ่งกันและกัน
มือหยาบจัดการปัดผมชื้นเหงื่อที่ปรกลงตรงหน้าของเด็กหนุ่มออก
แล้วทาบทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างเอ็นดู
“ฉันกับนายคงต้องอาบน้ำใหม่ทั้งคู่”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองคราบน้ำสีขุ่นมากมายที่เปรอะบนตัวเขาและเอเลน
ใบหน้าหวานยิ้มพลางกลั้นขำ
แล้วใบหน้าขี้เล่นนั้นต้องทำหน้าเหวอเมื่อถูกแขนแข็งแรงตวัดอุ้มขึ้นจนแขนบางต้องรีบโอบรอบลำคอแกร่งอีกครั้งเพื่อยึดเกาะ
“บริการพิเศษ” ใบหน้าคมยกยิ้มขึ้นอย่างหยอกล้อ
นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองชายหนุ่มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“คุณจะช่วยผมถูหลังงั้นเหรอครับ”
“ชั้นจะช่วยทำความสะอาดนายทั้งตัวเลยเจ้าหนู”
ชายหนุ่มจัดการพาร่างโปร่งเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการอาบน้ำใหม่ทั้งเขาและเด็กหนุ่ม
และกว่าพวกเขาจะออกจากห้องน้ำอีกครั้งก็ทำเอาคนที่ไม่ชอบอาบน้ำนานถึงกับตัวเปื่อยเลยทีเดียว
“วันนี้หน้าตานายสดใสจนน่าหมั่นไส้จริงๆเลย
มีอะไรดีๆรึไง?” ฮันซี่ที่แวะมาส่งรายงานคดีเอ่ยทักเมื่อเห็นท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษของคนที่เรียกได้ว่าหน้าตายที่สุดในกองปราบปราม
รีไวเพียงแค่เหลือบมองเจ้าเพื่อนตัวดีก่อนจะกลับไปให้ความสนใจกับข้อมูลในคอมพิวเตอร์แลปท็อปแทน
ด้วยความสงสัยฮันซี่จึงเดินสำรวจรอบเพื่อนของตนที่นั่งทำงานอยุ๋ไปมา
ก่อนใบหน้าขี้เล่นจะยิ้มขึ้นอย่างคนรู้ทัน
“เมื่อวานเอเลนไปหานาย.....ทำกันไปแล้วสินะ
ฮี่ ฮี่”
แสวแว่นจอมเพี้ยนเข้าไปตบบ่าเพื่อนสนิทของตนก่อนจะชูนิ้วโป้งให้ด้วยความรู้สึกยินดี
“เอาน่าของแบบนี้พ่อตานายคงเข้าใจ
ก็หวังเพียงแต่ว่าเขาจะไม่ปาดคอนายซะก่อนนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ถ้าเป็นปกติเขาคงจะเตะเข้าที่ซี่โครงของเจ้าเพื่อนตัวดีแล้วลงไปกระทืบซ้ำ
แต่วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษจึงทำแค่เพียงหยิบสันหนังสือเล่มหนาฟาดลงบนหัวช่างสงสัยนั่น
“ยังไม่ได้ทำยัยเพี้ยน
ฉันยังไปพบพ่อของหมอนั่นได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องห่วง”
คำตอบของรีไวทำให้ฮันซี่ถึงกับมองตาค้าง
คนเอาแต่ใจแบบรีไวทั้งที่เหยื่อมาถึงที่แต่กลับไม่ทำอะไรงั้นเหรอ!? แบบนี้จะเรียกว่าเหนือความคาดหมายหรือจะเรียกว่าเป็นความเอาจริงเอาจังที่มีให้กับคนพิเศษแบบนั้นดีล่ะ?
ฮันซ่ยกยิ้มพลางหัวเราะในลำคอ
ไม่ว่าจะเพราะอะไรแต่ทั้งหมดก็คงเป็นเพราะว่าให้ความสำคัญยิ่งกว่าใครสินะ
“ว่าแต่นายดูอะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะรีไว?”
ฮันซี่มองหน้าจอของแลปทอปที่เปิดท่องเว็บไซต์เกี่ยวกับบ้านโดยไม่เกี่ยวกับงานของชายหนุ่ม
“ตอนนี้หมอนั่นปี3
อีกไม่นานก็จะเรียนจบแล้ว”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองภาพบ้านจัดสรรต่างๆพลางกดเซฟข้อมูลไว้มากมายเพื่อเปรียบเทียบ
“เอ๋!!
นี่นายคิดจะซื้อบ้านอยู่กับเอเลนงั้นเหรอ!?” นัยน์ตาสีเปลือกไม้เป็นประกายกับความคิดของเพื่อน
นี่ดูเหมือนรีไวจะจริงจังเสียยิ่งกว่าจริงจังกว่าที่เธอคิดเสียอีก
“คอนโดชั้นกว้างก็จริงแต่ก็ไกลจากบ้านพ่อแม่หมอนั่น”
ตัวเขาแม้จะมาเกิดใหม่ในโลกนี้แต่ไม่ได้มีความผูกพันกับครอบครัว
หรือจะเรียกได้ว่าแม้ในตอนนี้ตัวเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากในอดีตเท่าไร จะต่างกันเพียงแค่จากอดีตที่เขาเคยอยู่ในเมืองใต้ดินก่อนเข้าหน่วยสำรวจแต่ในปัจจุบันเขาเป็นเด็กกำพร้าที่เรียนดีจนได้ทุนของรัฐมาเรื่อยๆ
และเพราะอย่างนี้เขาจึงยังคงทำงานให้กับรัฐบาลอยู่
“เจ้าเด็กนั่นรักครอบครัวมาก
ฉันไม่อยากที่จะให้หมอนั่นต้องพรากจากสิ่งที่รักหรอกนะ” ในอดีตเพราะไททันและเหตุการณ์ต่างๆมากมายทำให้ครอบครัวของเจ้าหนูนั่นต้องแตกแยก
และเพราะอย่างนั้นในชีวิตใหม่นี้เจ้าหนูได้มีความสุขกับสิ่งที่รักแล้ว เขาเองก็ไม่อยากที่จะให้หมอนั่นต้องแยกจากหรอกนะ
“ต๊าย!!
รีไวชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะเอาใจใส่เอเลนขนาดนี้”
ฮันซี่กอดรอบลำตัวของตนเองที่ตอนนี้รู้สึกขนลุกซู่จากความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนสนิทที่รู้จักมานาน
หญิงสาวเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้สำหรับแขกก่อนนัยน์ตาสีเปลือกไม้จะชำเลืองมองชายหนุ่มอีกครั้งพลางยกยิ้ม
แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าความรักทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงได้................
แกร๊ง
แกร๊ง
แกร๊ง
เสียงระฆังในโบสถ์ดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ
แต่เพราะเป็นโบสถ์ที่อยู่ในชนบทห่างไกลจากตัวเมืองจึงทำให้มีเพียงแขกที่ได้รับเชิญและคนที่รู้จักสนิทชิดเชื้อกันเท่านั้นมาอยู่
ณ. ที่แห่งนี้
ใบหน้าคมคายมองสบกับใบหน้าหวานที่ต่างอยู่ในชุดสูทสีขาวของพิธีการที่น่าจดจำ
บรรดาแขกต่างมีเพียงเพื่อนๆและครอบครัวที่รู้จักกันดีเพียงไม่กี่คน
ทั้งที่ทั้งเขาและเอเลนไม่ได้คิดจะจัดพิธีการอะไร แต่เพราะคราร่ามารดาของเด็กหนุ่มที่คะยั้นคะยออยากเห็นลูกชายของตนในพิธีแต่งงาน
ตัวเขาจึงไม่อาจปฏิเสธได้
ด้วยหน้าที่การงานทั้งของเขาและเด็กหนุ่มที่ตอนนี้เริ่มงานเป็นแพทย์ฝึกหัดในโรงพยาบาลของพ่อของตน
สถานะของเขาทั้งคู่จึงไม่อาจเผยต่อที่สาธารณะชนได้จึงทำให้พิธีการต้องมาจัดในโบสถ์ที่ห่างไกลจากตัวเมือง
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะขอเพียงแค่คนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้นยอมรับก็เพียงพอแล้ว.........
“ขอประกาศให้คุณรีไวและคุณเอเลนเป็นสามีภรรยากัน”
บาทหลวงที่ถูกเชิญมาประกอบพิธีชะงักสักครู่ก่อนจะกระชับแว่นบนใบหหน้าของตนแล้วเอ่ยกล่าวอีกครั้ง
“เออ.......กรณีนี้ต้องแทนว่าเป็นสามีและสามีหรือเปล่า?”
บาทหลวงผู้ประกอบพิธีต่างมองสบตาของทั้งสองฝ่ายเพื่อหวังคำตอบ
แต่ทั้งสองก็เพียงได้แต่ยิ้มอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี บาทหลวงจึงเพียงยิ้มพลางประกาศต่อ
“ไม่ว่าจะเป็นในสถานะอะไรก็ไม่สำคัญ
ในนามของพระเจ้าขอประกาศว่าคุณรีไวและคุณเอเลนเป็นคนรักที่จะคอยดูแล แบ่งปันทั้งความสุขและความทุกข์จากนี้ตราบจนชีวิตจะหาไม่”
เสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหวแสดงความยินดีกึกก้องไปทั่วทั้งโบสถ์
บรรดาเพื่อนสนิทของเอเลนบางรายถึงกับผิวปากหยอกล้อจนใบหน้าหวานต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่
บาทหลวงกระแอมไอก่อนจะยิ้มละมุนให้อีกครั้ง
“เชิญเจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวเออ....หรือเจ้าบ่าว
เอาเป็นว่าเชิญจูบกันได้เลย”
ช่างน่าสงสารบาทหลวงที่ไม่รุ้ว่าควรสรรหาคำใดมาพูดแต่ถึงอย่างนั้นพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ใบหน้าคมเคลื่อนประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มแผ่วเบา
แม้จะเพียงแค่สัมผัสแต่ความรู้สึกตื้นตันกลับเอ่อล้นจนชวนให้ขอบตาร้อนผ่าว นัยน์ตาสีมรกตจึงคลอเบ้าไปด้วยหยาดน้ำใสแห่งความสุขจ้องมองชายหนุ่มที่บัดนี้ขอบตาที่เฉยชานั้นก็ขึ้นขอบแดงเช่นกัน
ความรู้สึกที่เอ่อล้นของพิธีการที่แสนศักดิ์สิทธิ์ทำให้คราร่าเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนต้องหันไปซบกับบ่าของสามีที่ยิ้มรับพลางลูบหัวหวังปลอบประโลม
มิคาสะมองหน้าชายหนุ่มสองคนเบื้องหน้าที่มีความสุข
ภาพสะท้อนของชุดเครื่องแบบในอดีตกาลที่คลุมทับทำให้ใบหน้าเฉยชาของหญิงสาวยกยิ้มขึ้นอย่างเปรมปรีดิ์
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่คนที่สำคัญที่สุดของเธอได้มีความสุขจากใจ
ความสัมพันธ์ที่ยาวนาน ความเจ็บปวดในอดีตได้สิ้นสุดและเรื่องราวแห่งความสุขได้เริ่มต้นขึ้น
แอนนี่ที่นั่งอยู่ข้างๆยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับหญิงสาว
ใบหน้าคมสวยยิ้มรับก่อนจะนำผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นซับน้ำตาแห่งความปิติที่เอ่อล้น
แม้จะเจ็บใจอยู่บ้างแต่แจนก็อวยพรจากใจให้กับเพื่อนสนิทและคู่กัดตลอดกาลของตน
เพียงแค่เห็นหมอนั่นยิ้มอย่างมีความสุขในอกทั้งรู้สึกยินดีและเจ็บแปลบ
ถึงอย่างนั้นก็หวังให้ทั้งสองคนมีความสุขจากใจ
“ถ้าแจนอยากร้องไห้หรือว่าหาเพื่อนดื่มผมยินดีนะครับ”
อาร์มินที่นั่งอยู่ข้างๆส่งยิ้มบางให้กับชายหนุ่มร่างสูง
มือขาวยกขึ้นลูบผมสีอ่อนของแจนอย่างเอ็นดู
“ต้องรบกวนนายไปอีกนานเลยล่ะอาร์มิน”
แจนเอนหัวทับลงบนผมสีทองของอาร์มิน แม้จะเจ็บใจแต่ตอนนี้เขาก็มีความสุขดี
เป็นความสุขที่เข้ามาหาและอยู่ข้างๆเขามาตลอด
ทันทีที่ก้าวออกจากโบสถ์รถลีมูซีนสีแดงเปิดประทุนก็รออยู่แล้ว
ผู้ที่จัดการเรื่องรถให้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเอลวิน สมิธ
ที่คอยช่วยเหลือและเตรียมการทั้งหลายสิ่งในงานพิธีให้ตั้งแต่เริ่มจนจบ
“เอเลนนายอย่าลืมโยนดอกไม้นะ!!” ชาช่าตะโกนตามไล่หลังเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเหมือนจะลืมจุดไคลแม๊กซ์ที่สาวๆหลายคนต่างเฝ้ารอในพิธีแต่งงาน
“ขอโทษนะชาช่าแต่ชั้นขอลัดคิวพิธีตรงนี้ละกัน”
กล่าวพลางวิ่งเข้าไปหาหญิงสาวผมรัตติกาลเพื่อนสนิทคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างกันมานานแสนนาน
“มิคาสะช่อดอกไม้นี้ชั้นให้เธอ”
ใบหน้ามนของชายหนุ่มในชุดพิธีสีขาวยิ้มอย่างมีความสุขพลางประคองมือของหญิงสาวให้ขึ้นรับช่อดอกไม้
“ขอบใจนะเอเลน ขอให้นายมีความสุขมากๆ”
มิคาสะยิ้มรับพร้อมทั้งกล่าวอวยพร
“ชั้นมีความสุขแล้วมิคาสะ
ต่อไปคือความสุขของเธอ เธอเป็นคนสำคัญสำหรับชั้นเสมอและชั้นเองก็หวังให้เธอมีความสุขยิ่งกว่าใครนะ”
เอเลนก้มลงจูบลงมือของหญิงสาว นัยน์ตาสีมรกตสบกับตาสีราตรีอย่างมุ่งมั่นจริงใจ
สองขาเรียวยาวหมุนกลับไปขึ้นรถที่อีกคนสตาร์ทเครื่องรออยู่แล้ว
มิคาสะมองจนรถสีแดงขับออกไปจนลับตา
ราวกับสัญญาที่เธอเคยให้ไว้บรรลุผลท้องฟ้าสีครามที่สว่างสดใสทำให้รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายยิ่งกว่าวันไหนๆ
“แล้วความสุขของเธอคืออะไร?” แอนนี่ที่ยืนมองอยู่ข้างเอ่ยถาม
ใบหน้าสวยคมของหญิงสาวหันมามองคนตัวเล็กกว่า
มิคาสะหยิบดอกกุหลายสีแดงในข่อดอกไม้ขึ้นมายื่นส่งให้กับหญิงสาวร่างเล็ก
“ไม่รู้สิ
แต่เธอจะอยู่ช่วยชั้นค้นหาความสุขรึเปล่า?”
แอนนี่รับดอกกุหลาบไว้ในมือพลางหมุนเล่นไปมา
“ถ้าเธออยากให้ชั้นทำอย่างนั้นชั้นก็จะทำ”
มิคาสะยิ้มบางมือเรียวยกขึ้นลูบผมสีทองสว่างของคนตัวเล็กกว่า
ไม่ต้องห่วงเอเลน........ฉันพบความสุขแล้ว.........
รถสปอตคันหรูขับมาจนถึงรีสอร์ทส่วนตัวริมทะเลที่ขอไว้จากแจน
กิลชูไตน์ ทันทีที่บริการช่วยขนของออกจากห้องไปเอเสนจัดการปลดกระดุมชุดพิธีการที่แสนอึดอัดช่วงคอออกก่อนจะล้มตัวลงด้วยความเหนื่อย
“ในที่สุดก็เสร็จเสียที
ไม่คิดเลยว่างานแต่งงานจะเหนื่อยแบบนี้”
รีไวรินน้ำใส่แก้วยื่นส่งให้กับเด็กหนุ่ม
ชุดสูทสีขาวถูกถอดแล้ววางพาดไว้กับโซฟาให้เรียบร้อย
ที่เหนื่อยเพราะต้องเจรจากับแม่ของนายเรื่องชุดที่อยากให้นายใส่ชุดกระโปรงของเจ้าสาวสินะ”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้เอเลนถึงกับสำลักน้ำ
ความจริงที่ว่าแม่ของเขามาคะยั้นคะยอให้เขาใส่ชุดเจ้าสาวในวันพิธี
แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะยอมใส่กันถึงแม้แม่จะขอร้องก็ตาม ถ้าใส่จริงๆมีหวังเจ้าพวกเพื่อนบ้านั้นคงต้องกลั้นหัวเราะจนตายแน่นอน
กว่าจะกล่อมให้แม่เขาตัดใจได้เล่นเอาเขาแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันก่อนจะถึงวันงาน
คุณรีไวเองก็เถอะไม่เห็นจะช่วยผมบ้างเลย”
นัยน์ตาสีมรกตมองค้อนชายหนุ่มที่รู้เรื่องชุดเจ้าสาวแต่ไม่คิดจะช่วยเขาห้ามแม่เลยสักนิด
“ก็แค่คิดว่านายใส่ก็คงจะเหมาะดี”
“คุณรีไวจะลองใส่เองไหมล่ะครับ?” คิ้วคมขมวดมุ่น
แม้จะเหมือนคำชมแต่เขาก็ไม่ดีใจหรอกนะ
ทำไมเขาต้องใส่ชุดกระโปรงฟูฟ่องสีขาวแบบนั้นด้วยกันเล่า
“แต่เหนื่อยชะมัดเลยนะแบบนี้วันนี้คงหลับเป็นตายแน่”
เอเลนส่งแก้วน้ำคืนชายหนุ่มก่อนจะแผ่ตัวลงนอนบนเตียง
“ตอนนี้เราฮันนีมูนกันอยุ่นะเอเลน”
รีไวปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกก่อนจะดึงชายเสื้อออกจากกางเกงจนเห็นแผ่นอกกว้างและมัดกล้ามเนื้อกำยำ
ร่างแกร่งตวัดขึ้นคร่อมบนตัวร่างบาง
ใบหน้าคมคายเผยยิ้มเจ้าเล่ห์จนคนใต้ร่างถึงกับเหงื่อเย็นไหลซึมกาย
“อีกอย่างคืนแรกของการแต่งงานใครเขาจะหลับกันลงจริงไหมเจ้าหนู?”
“ค.....คุณรีไว......ทำไมคุณต้องทำสายตาแปลกๆแบบนั้นด้วย?”
ใบหน้ามนเริ่มซีดเซียวเมื่อเห็นสายตาที่ราวกับสัตว์ร้ายจ้องตะครุบเหยื่อของคนตรงหน้ามองลงมา
“นายคิดว่าชั้นต้องอดทนรอวันนี้ขนาดไหนไอหนู?”
ลิ้นร้อนเลียริมฝีปากคมของตนเองที่เริ่มรู้สึกแห้งผากกระหายอยากกับการรอคอยที่มีมานานของตน
“นายไม่ต้องห่วงชั้นมั่นใจว่าต่อให้นายง่วงแค่ไหน
นายจะหลับไม่ลงแน่นอนเจ้าหนู..........”
ร่างบางที่ถูกกดลงกับเตียงถึงกับสั่นระริกยิ่งเมื่อใบหน้าคมคายนั้นเขยิบเข้ามาใกล้
ดูเหมือนความอดทนที่มีมานานและเพราะคำสัญญาของพ่อของเขาทำให้คืนนี้เขาคงต้องรับผิดชอบอย่างหนักหน่วง
ถึงแม้ความทรงจำที่เริ่มต้นใหม่จะช่างแสนสุขและหอมหวาน
แต่ความเจ็บปวดบางอย่างก็ยังคงเหมือนเดิมไม่แตกต่างจากในอดีตแม้ผ่านมานานแค่ไหน
ข้อนี้เอเลนได้รับบทเรียนและฝั่งตราตรึงจนไม่อาจลืมได้เลยทีเดียว.........
Fin.
……………………………………………………………………………………
Talk:
ในที่สุดตอนพิเศษที่จะรวมเล่มอีกตอนก็คลอดแล้วค่ะเย้!! (หลังจากขยันสร้างไหมาหลายบ)
ตอนนี้จะเป็นตอนพิเศษตอนสุดท้ายที่จะลงเวบให้อ่านค่ะ
แต่ในรวมเล่มจะมีตอนพิเศษอีก
2 ตอนนะคะ คือ
-
No Name
-
วันธรรมดาของสองเรา
ส่วน Special Last Memory + ล่ารักอันตราย : Parallel
world ไม่ได้รวมเล่มนะคะ เขียนด้วยความเวิ่นเฉยๆค่ะ
ขออัพเดตนิดนึงว่ารวมเล่มของ
Last Memory ต้องแยกเป็นสองเล่มค่ะเพราะเนื้อหาเยอะมากมายTTwTT
(ไม่คิดเลยว่าหน้ามันจะ300++ ขนาดนี้พอตัดเหลือA5 มันปาไป600++)
ตอนแรกพยายามอัดยัดให้เป็นเล่มเดียวแต่ไม่สามารถจริงๆค่ะเลยต้องแบ่งเป็นสองเล่มนะคะ
จะพยายามทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่ทุกท่านรอคอยค่ะ
ซึ่งคาดว่าต้นปีหน้าจะสามารถเปิดให้ทุกท่านจองได้แล้วค่ะ
ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามและคอยเป็นกำลังใจให้คลอดค่ะ
เพราะมีทุกๆท่านฟิคเรื่องนี้ถึงดำเนินมาจนถึงจุดนี้ได้จริงๆค่ะ
ถ้าไม่มีนักอ่านที่น่ารักอิชุ้นคงไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้บอกเลย
จะขอตอบแทนทุกท่านด้วยการเขียนฟิคออกมาอย่างพยายามจะสม่ำเสมอนะคะแหะๆ ><""""
ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรจะมาอัพเดตเรื่อยๆค่ะ
ทุกท่านสามารถติดตามข่าวสาร(+ความเวิ่นเว้อ) ของอิชุ้นได้ที่
รักนักอ่านทุกท่านค่ะ
Trendy
Blood
อ๊ายยยยยยย หวานแหวว แต่งงานกันซักที ที่นี้คุณรีไวล์จะได้ขย้ำนุ้งเลนให้สาแก่การรอมานาน ว่าแต่ขอไปนั่งส่องได้มั้ย!//โดนถีบออกนอกหน้าต่าง//สนุกมากค่ะ ตอนนี้น่ารักมุ้งมิ้งจริงๆ จะรอรวมเล่มน้าาาซื้อเก็บแน่นอน สู้ๆค่า
ตอบลบอร๊ายยยขอบคุณนะคะ จะพยายามปั่นนะคะ หลังจากที่รอมานานนู๋เลนน่าจะสะโพกครากสามวันสามคืน
ลบดีใจด้วยนะคะรีไวซามะ -...,- หลังจากที่ต้องรอมานาน ในที่สุดก็....แล้ว รอไรท์รวมเล่มค่ะ
ตอบลบจะรีบปั่นเพื่อรวมเล่มค่ะ ตอนเเรกลังเลว่าตอนที่จะลงเอาตอนไหนดี ผลสุดท้ายเอาตอนเฮียลงเเดงเล็กๆนี่ล่ะค่ะ >\\\\<
ลบคะ คุณรีไวล์
ตอบลบขนาดเราไม่ใช่เอเลนยังเขินขนาดนี้ กรี๊ดรัวๆ
เอเลนเด็กน้อยผู้แสนซื่อ ก็ยังคงซื่ออยู่วันยันค่ำ
น่ารักกันเกินไปแล้ว
ทั้งเฮย์โจ ทั้งเอเลนเลย ><
เป็นกำลังใจให้ไรท์ต่อไปค่า
ปล เอเลนนี่น่าจะโดนอยู่ไม่น้อย หลังจากฮันนีมูน คนแก่เก็บกด
ขอบคุณนะคะ โดนจนเรียกว่าอีกคนนี่ราวกับเกิดใหม่ส่วนอีกคนคงราวกับกำลังจะต้องยมไปเกิดใหม่ค่ะ555555
ลบไรท์ ไม่ขออะไรมากแค่จะบอกว่า.....รวมเล่มเสร็จแต่งฟิคแบบมีเอลวินxเอเลนxรีไวล์ได้มะ (ไม่ขอมากแต่ขอมาทีไรท์แกปวดหัวเลย)นะอยากอ่านมากเลยอะไรท์เตอร์3pคู่เนี้ย(หาอ่านยากมากกกก)ดูจากนิยายที่ไรท์แต่งอะสนุกมากเลยนะคะไรท์ช่วยรับไปพิจรณาด้วยยยนะ
ตอบลบกรี๊ดดดดดดด อย่าเพิ่งปลุกสร้างไหค่ะ เป็นโปรเจคที่เล็งอยากเขียนอยู่ค่ะ 3p นี้ เเต่มันจะเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดทีหลังอ่ะเปล่าอ่ะสิ =w="""" (เเอบกลัวใจตัวเอง) ขอบคุณที่ชอบนะคะ//อายม้วนกลุกๆ. มามะขอกอดหลายๆที
ลบโอโห้ ตื่นมาอ่านคำตอบไรท์กรี๊ดมาแต่ไกล /ดีใจมาากเลยที่เราใจตรงกันนนนน(เป็นกำลังใจให้นะตัวเองงงงง)
ตอบลบเรื่องสร้างไหนี่ของถนัดค่ะ!!!(โดนโบก) เเต่ว่าเกรงว่ามันจะไม่ได้หวานเเต่จะเป็นเเนว3p. เเปลกๆอ่ะเปล่าน่ะจริ =x=a
ลบ