Fic.
[AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย
Chapter 14:
Burglary
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองเอกสารและภาพถ่ายที่อยู่ในมือนิ่ง
ริมฝีปากบางขบกันแน่นก่อนจะขยำข้อมูลในมือทั้งหมดกวาดลงบนพื้นห้องด้วยแรงอารมณ์ขุ่นเคือง
“นายจะทำยังไงต่ออาร์มิน? โกดังสินค้าทั้งหมดถูกยึดรวมถึงกำลังถูกรวบรวมหลักฐาน
แบบนี้คงไม่เป็นผลดีกับลูกค้าเราหรอกนะ”
หญิงสาวสวมชุดสูทผมสีทองปัดข้างยืนกอดอกพิงประตูมองคนที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้านายของตนซึ่งกำลังหัวเสียอยู่ไม่ใช่น้อย
อาร์มินเหลือบมองเหล่าเอกสารและรูปถ่ายโกดังสินค้าที่ลักลอบขนอาวุธเข้ามาถูกบุกจับกุมโดยเหล่ากองปราบปรามและตำรวจชั้นสูงของเมือง
เด็กหนุ่มเสยผมสีทองที่ปรกหน้าของตนขึ้นก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
เด็กหนุ่มหยิบรูปถ่ายที่อยู่บนพื้นขึ้นมา
นัยน์ตาสีน้ำทะเลจับจ้องไปยังตราสัญลักษณ์ของรถบรรทุกที่อยู่ด้านหลังนายตำรวยรายหนึ่ง
สัญลักษณ์ปีกไขว้สีขาวดำไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าข้อมูลของเขารั่วไหลไปได้เพราะใครที่อยู่เบื้องหลัง
“ไม่ต้องห่วงแอนนี่เรายังพอมีทางที่จะเอาสินค้ากลับคืนมา”
อาร์มินหยิบสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมา
ภาพพื้นหลังของหน้าจอเป็นรูปแอบถ่ายของช่างกล้องเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่เคยร่วมงานกับเขา
และปฏิเสธข้อเสนอของเขาเมื่อไม่นานมานี้
ดูเหมือนว่าผมคงต้องขอความร่วมมือจากคุณเร็วๆนี้นะครับ......คุณเอเลน.............
“คุณฮันเนสวันนี้ผมขอลาหยุดนะครับ
ขอโทษด้วย” เสียงใสเอ่ยขอร้องแกมสำนึกผิดที่ต้องโทรไปลางานกะทันหัน
“ไม่เป็นไรเอเลน
ว่าแต่นายไปทำยังไงให้ตกบันไดจนสะโพกครากซะล่ะ?”
คำถามจากปลายสายทำให้เด็กหนุ่มสะอึกน้ำลายของตนทันที
จะให้บอกได้ยังไงว่าที่จริงแล้วเขาดันตัดสินใจพิเรนทร์จนสะโพกเดี้ยงต่างหาก
“แหะๆ
ผมไม่ทันมองเองล่ะครับรีบไปหน่อย”
เอเลนพยายามบ่ายเบี่ยงรายละเอียดข้ออ้างอุบัติเหตุที่สร้างขึ้นมา
“เฮ้อ
ช่างเถอะ นายอยู่คนเดียวต้องระวังมากกว่านี้นะไอหนู”
ด้วยความไม่อยากถือสาหาความมากมายฮันเนสจึงได้แต่ถอนหายใจและกล่าวด้วยความเป็นห่วงก่อนจะวางสาย
เด็กหนุ่มมองหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดูเหมือนข้ออ้างของเขาจะพอทำให้วันนี้เขาลาหยุดด้วยเหตุสุดวิสัยได้บ้าง
แกร๊ก
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมร่างกำยำไปด้วยกล้ามเนื้อของชายหนุ่มที่คาดเพียงผ้าเช็ดตัวที่สะโพกเดินออกมา
มือหนาขยี้ผมสีดำที่เปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำ
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือมองร่างบางที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงอย่างไม่ขยับ
หรือจะเรียกให้ถูกเพราะขยับไม่ไหวเสียมากกว่า
“ตื่นแล้วเหรอไอหนู”
รีไวเดินมาที่เตียงก่อนจะยกมือสัมผัสที่แก้มใสเบาๆ แต่เจ้าตัวดีก็ปัดมือของเขาออก
ชายหนุ่มไม่อยากใส่ใจจึงทิ้งตัวนั่งลงข้างๆพลางขยี้ผมสำดำของตนต่อ
ใบหน้าหวานก้มหน้ามุดในผ้านวมผืนหนา
ความรู้สึกทั้งอายทั้งโมโหกับสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาทำหน้าไม่ถูกกับตาลุงชอบแกล้ง
ครั้นพอขยับสะโพกที่ถูกใช้งานอย่างไม่คุ้นชินกับสิ่งที่เกิดก็เจ็บแปลบจนใบหน้ามนต้องนิ่วหน้า
ที่เขาตื่นเต็มสองตาทั้งที่ยังอยากนอนต่ออีกสักหน่อยก็เพราะความเจ็บแสบของช่องทางเบื้องล่างที่แล่นขึ้นมาตอนเขาพลิกตัวนี้แหละ
ทำให้สองตากลมโตถึงกับเปิดกว้างเพราะความเจ็บแปลบและร่างกายที่เปลือยเปล่าพร้อมรอยตีตราสีกุหลาบที่อยู่มากมายบนร่างกายยิ่งตอกย้ำถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
แม้จะเป็นสิ่งที่เขาตัดสินใจเองและยอมรับที่จะทำไปแล้ว
แต่จะให้มองหน้าตาลุงโรคจิตตรงๆตอนนี้เขาก็รู้สึกสู้หน้าไม่ติดยังไงชอบกล
“นายควรไปอาบน้ำแล้วเอาไอที่ชั้นทิ้งไว้ในตัวนายออกซะก่อนที่จะท้องเสียนะไอหนู”
“แว๊ก!!! หยุดพูดเลยนะตาลุงโรคจิต!! อุ๊บส์!!!!!!” เพราะลุกขึ้นอย่างเร่งรีบทำให้ความเจ็บแล่นขึ้นจนเด็กหนุ่มต้องค่อยๆเอามือลูบสะโพกของตน
ก่อนจะพยายามเปลี่ยนท่าทางการนั่งอย่างช้าๆ
รีไวยกมือขึ้นลูบผมสีน้ำตาล
ใบหน้าดื้อรั้นที่น้ำตาคลอด้วยความเจ็บกับสายตาเชิงตำหนิที่มองมาทำให้เขาหัวเราะในลำคอ
“มองหน้าชั้นได้แล้วสิเอเลน”
“ท.....ทำไมผมต้องหลบหน้าคุณด้วยล่ะ”
เด็กหนุ่มเบี่ยงสายตาหลบสีหน้าที่ราวกับรู้ทันความคิดของเขา
ทำไมตาลุงนี่ถึงดูออกตลอดว่าเขาคิดอะไร
ทั้งที่ตัวเขาจะเป็นคนเสนอเองก็เถอะนะแต่ท่าทางที่ราวกับเป็นปกติแล้วยังทำตัวเหมือนเดิมได้ของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้เขารู้สึกหมั่นไส้ไม่น้อย
“ไปอาบน้ำซะไอหนูนายคงลาฮันเนสไว้แล้วสินะ
สภาพนายแบบนั้นคงไปทำงานไม่ได้” รีไวจัดการโยนผ้าเช็ดตัวของโรงแรมให้กับเอเลน ท่าทางที่อิดออดในการขยับตัวทำให้คนที่ไม่อยากเสียเวลามากมายจึงจัดการอุ้มเจ้าตัวดีบนเตียงขึ้นตรงไปยังห้องน้ำ
“ว๊าก!! ปล่อยผมนะ ผมอาบเองได้!”
แม้จะเจ็บจนไม่อยากที่จะขยับแต่พอเจอแบบนี้คนดื้อดึงก็ยังคงไม่ยอมลดละความพยายามในการดิ้น
แต่เพราะความเจ็บนั้นแหละเลยทำให้จากที่ดิ้นไปมาไม่นานต้องยอมจำนนจับไหล่ของเขาเพื่อพยุงตัวไม่ให้สะโพกขยับมากเกินไป
“ชั้นรู้ว่านายอาบน้ำเองได้
แต่การเอาเจ้านั้นออกมานายคงไม่เคย”
ใบหน้าคมคายยกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางสายตาคมที่ทอดมองลงไปที่สะโพกของเด็กหนุ่ม
เมื่ออุ้มขึ้นมาของเหลวสีขุ่นที่ยังค้างคาอยู่ภายในก็เริ่มไหลลงมาอีกครั้ง
ใบหน้าหวานได้แต่ขึ้นสี
อุณหภูมิขึ้นสูงจนราวกับควันจะออกหู ทั้งโกรธ ทั้งอาย กับคำพูดของคนอายุมากกว่า
ปากที่อ้าพะงาบๆจึงได้แต่สั่นระริกไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าตาลุงที่กำลังอุ้มตัวเองอยู่
ทำไมถึงเป็นคนที่พูดเรื่องลามกได้หน้าตาเฉยตลอดเลยนะ
ใช่สิเขามันก็แค่เด็กไม่รู้ประสากับเรื่องแบบนี้ แต่ไอที่มันอยู่ในตัวเขานี้มันก็ของของคนนี้ทั้งนั้นไม่ใช่รึไง
“ตาลุงโรคจิตเอ๊ย!!” ปากที่ไม่คิดจะอยู่สุขจึงได้ต่อว่าคำที่คิดออกไป
“เมื่อคืนเด็กบางคนก็เป็นฝ่ายยอมให้ตาลุงนี่กอดไม่ใช่รึไง?”
คนอายุมากกว่าที่เริ่มคุ้นชินกับปากคอของเจ้าตัวดีจึงได้แต่ถอนหายใจ
ดูเหมือนแม้เขาจะพยายามอบรมเท่าไรบางอย่างก็คงแก้ไม่หายง่ายๆ
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรำคาญเท่าไรหรอกนะ บางทีเรียกว่าเริ่มชินแล้วก็ว่าได้
หรือจะบอกว่าเขาเองก็สนุกกับการต่อปากต่อคำกับเจ้าเด็กเมื่อวานซืนนี่ก็ว่าได้
“น.........นั่น......
นั่นมันก็เพรา จะได้จบๆสักทีไงเล่า!!”
“แต่ดูเหมือนจะไม่จบง่ายๆนะ
เพราะชั้นยังไม่รู้สึกพอใจเลยไอหนู”
ใบหน้าคมคายเลิ่กคิ้วขึ้นอย่างหยอกล้อยิ่งทำให้คนในอ้อมแขนราวกับหน้าจะระเบิด
“ก.....แก แกมันเป็นตาแก่บ้ากาม”
“แต่นายก็ชอบให้คนบ้ากามคนนั้นสัมผัสไม่ใช่รึไง”
“....ม......
ไม่สักนิด!! แค่ไม่ได้รังเกียจแต่ไม่ได้แปลว่าชอบอย่าเข้าข้างตัวเองหน่อยเลย!”
“งั้นเหรอ
แต่กฎข้อที่หนึ่งของเรามันก็จบลงไปแล้วล่ะนะเจ้าหนู ด้วยความเต็มใจของนาย”
“ตาลุงบ้าเอ๊ยย!!” รีไวยกยิ้มอย่างสนุกก่อนจะจับเจ้าตัวดีลงในอ่างน้ำพร้อมทั้งเปิดฝักบัว
แม้เสียงต่อล้อต่อเถียงจะมีตลอดจนกระทั่งเขาจัดการร่างกายของเด็กหนุ่มจนสะอาดเรียบร้อย
พร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาให้บริกรของโรงแรมนำมาถูกสวมใส่ในร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่ม
แต่ปากที่ยังคงพร่ำต่อว่าก็ดูราวจะไม่หยุดเอาเสียง่ายๆ
จนผลสุดท้ายเขาจึงต้องใช้วิธีการอบรมเช่นเดิม ปิดปากที่น่ารำคาญนั้นด้วยริมฝีปากของเขา
และดูเหมือนมันก็จะได้ผลอยู่สักระยะเช่นทุกครั้ง
“ถ้านายยังไม่หยุดพ่นชั้นจะทำมากกว่าจูบนายเจ้าเด็กเหลือขอ”
ริมฝีปากคมที่ผละออกมาเอ่ยเย้าแหย่
ด้วยที่รู้ว่าคนคนนี้ไม่ได้ล้อเล่นแน่เอเลนจึงกลืนคำต่อว่าทั้งหลายลงเข้าไปในคอ
ใบหน้ามนในแต่พองลมในแก้มอย่างเจ็บใจ ทำไมเขาต้องแพ้ให้ตาลุงนี่ตลอดเลยนะให้ตายสิ!!
เมื่อเสียงเจื้อยแจ้วหยุดลงแล้วเจ้าตัวดีก็ยอมเดินตามเขาออกจากโรงแรมมาอย่างว่าง่ายยิ่งทำให้รีไวรู้สึกขำ
บางครั้งเขาก็แอบคิดว่าที่เจ้าวายร้ายน้อยตัวนี้ชอบพร่ำว่าเขาคือต้องการให้เขาปิดปากให้อย่างไม่รู้ตัวรึเปล่า?.................
หลังแวะทานมื้อเที่ยงแล้วกลับมาที่คอนโด
ร่างโปร่งตรงดิ่งเข้าห้องของตนเองโดยไม่หันไปมองเจ้าของห้องที่เดินตามมาข้างหลัง
ในเมื่อกฎของที่หนึ่งใช้ไม่ได้แล้วอย่างน้อยข้อที่สองที่ห้ามคนขี้แกล้งอันตรายเข้ามาในห้องก็ยังพอให้เขารู้สึกว่าปลอดภัยอยู่ได้บ้าง
แม้ตอนนี้ถึงจะเรียกได้ว่าตัวเขาไม่มีอะไรต้องเสียแกล้ว แต่ใครจะไปยอมให้ตาลุงบ้านั้นทำตามอำเภอใจทุกอย่างที่คิดกันล่ะ
เอเลนทิ้งกระเป๋าลงข้างเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอน
อาการเจ็บที่สะโพกเริ่มทุเลาลงทำให้เขาสามารถขยับตัวได้ง่ายขึ้น
ใบหน้าหวานซุกลงหมอนด้วยสีหน้าสุกปลั่ง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเขายังจำได้ดี
สองมือขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลหวังระบายอารมณ์ ทั้งความรู้สึกอายและว้าวุ่นแปลกๆยังคงคุกรุ่น
แม้จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตาแก่เจ้าเล่ห์นั้น
แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับรู้สึกว่าบรรยากาศรอบๆตัวของคนอายุมากกว่าคนนั้นดูอบอุ่นและอ่อนโยนขึ้นอย่างน่าประหลาด
เพราะทำเรื่องแบบนั้นลงไปเลยทำให้ความรู้สึกของเขาทั้งคู่แปลกไปงั้นเหรอ? แล้วความรู้สึกแปลกๆนี่มันอะไรกัน?
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าตกลงแล้วตาลุงนั่นต้องการอะไรกันแน่? แม้จะไม่อยากยอมรับแต่เพราะทำตัวเองตอนนี้เท่ากับว่าเขากับตาลุงนั่นมีอะไรกันไปแล้วจริงๆ
ทั้งๆที่คิดว่าพอเช้ามาถ้าเขาไม่เห็นตาลุงโรคจิตคงเป็นการบอกว่าทุกอย่างจบลงแล้ว
แต่ ณ. ตอนนี้เขายังคงอยู่ที่คอนโดของคนอันตรายตามเดิม และท่าทางที่เหมือนเดิม ไม่ได้มีท่าทีหรืออะไรที่บ่งบอกเลยว่าทุกอย่างจะสิ้นสุด
แล้วแบบนี้เขาควรจะทำยังไงต่อไป?
rrrrRRRRRRRRRR
สายเรียกข้าวของโทรศัพท์ทำให้เอเลนหลุดออกจากห้วงความคิด
มือบางหยิบสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์คุ้นเคยของคนรู้จักดีจึงกดรับ
[นายมีอะไรแจน?]
[คุณเอเลนสบายดีรึเปล่าครับ?]
เสียงและคำทักทายที่คุ้นหูเอเลนถึงกับคิ้วขมวด
[นาย
อาร์มิน?]
[เป็นเกียรติจริงๆที่คุณจำผมได้]
[ทำไมนายถึงใช้โทรศัพท์แจน!?]
[นั่นสิครับ
ทำไมกันนะ...]
[อย่ามาเล่นลิ้นนะ
นายจะเอายังไง?] เหงื่อเย็นเริ่มผุดไหลซึมกาย ลางสังหรณ์เขาบอกเสมอว่าอาร์มินเป็นบุคคลที่น่ากลัวและอันตราย
แต่ไม่คิดว่าจะเล่นอะไรสกปรกอย่างใช้คนรอบตัวเขาแบบนี้
[คุณเอเลนมาหาผมที่ท่าเรือเขตหก
ถึงตอนนั้นเราค่อยคุยกันนะครับ]
ทันทีที่สายโทรศัพท์ถูกตัดวาง
เอเลนพุ่งตัวออกจากห้องสวมรองเท้าแล้ววิ่งไปตามที่นัดหมายทันที
ถึงแม้จะชอบทำตัวกวนประสาทไปวันๆ หรือชอบหาเรื่องเขาและพยายามทำตัวเป็นพี่ชายที่น่าหงุดหงิดไปบ้าง
แต่แจนก็เป็นคนที่คอยเอาใจใส่เขามาตั้งแต่ที่เข้ามาอยู่บ้านคุณฮันเนส การที่เขาทำให้คนไม่ได้เรื่องแบบนั้นต้องเดือดร้อนมันไม่ตลกเลยนะ
สองขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตจนถึงที่หมาย
ร่างโปร่งหอบจนตัวโยนเอาอากาศเข้าปอด
เอเลนสูดหายใจลึกก่อนจะมองหาทางที่คาดว่าจะเป็นจุดนัดเจอ
“คุณเอเลนทางนี้ครับ”
อาร์มินโบกมือเรียกเด็กหนุ่มจากบนเรือยอร์ชส่วนตัวที่จอดเทียบท่า
เอเลนวิ่งไปยังจุดหมาย
นัยน์ตาสีมรกตวาวโรจน์ดุดัน “แจนอยู่ไหน?!”
“ผมว่าเราขึ้นมานั่งคุยกันสบายๆบนนี้เถอะครับคุณเอเลน”
อาร์มินไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะก้าวหันหลังเดินเข้าไปข้างในเรือ
ด้วยความร้อนใจเอเลนจึงวิ่งขึ้นไปตามคำชวน
คิ้วสีน้ำตาลขมวดมุ่นกับท่าทางสบายอารมณ์ของอาร์มินที่นั่งรออยู่ มีชายชุดสูทสีดำยืนรายล้อมเด็กหนุ่มผมสีทองเพื่อรอฟังคำสั่งแต่เอเลนหลับไม่เห็นเงาร่างของคนที่เขาต้องการเจอ
“นายทำอะไรกับแจนอาร์มิน?”
เอเลนเริ่มขึ้นเสียงด้วยความโมโหกับท่าทางไม่ทุกข์ร้อนราวกับกวนประสาทเขาของเด็กหนุ่มผมทอง
“คุณแจน......เอ.....
ผมจำไม่ได้นะครับว่าเชิญเขามาด้วย”
ท่าทางที่ราวกับครุ่นคิดของอาร์มินยิ่งทำให้เอเลนเหลืออด
สองมือจึงตรงเข้าไปกระชากเสื้อสูทของเด็กหนุ่มผมทอง เหล่าบอดี้การ์ดที่อยู่บ้างกายเตรียมเข้ามาจัดการตัวเด็กหนุ่มแต่อาร์มินส่งสายตาราวกับห้ามปรามไว้
“อย่ามาตลกนะคุณอัลเรลโต้
ผมไม่รรู้ว่าคุณมีแผนหรือต้องการอะไร แต่การเอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาเล่นสกปรกแบบนี้นายมันก็แค่พวกหมาลอบกัด”
อาร์มินเหลือบตามองใบหน้ามนที่บิดเบี้ยวด้วยความกอดก่อนจะยิ้มสุภาพให้กับเด็กหนุ่ม
“ขออภัยเป็นอย่างสูงที่ทำให้เข้าใจผิดนะครับคุณเอเลน ผมอาจจะเป็นพวกลอบกัดแต่ก็ไม่คิดจะเอาคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามายุ่งด้วยโดยเฉพาะนักข่าว”
ขาภายใต้ชุดสูทสีขาวเนื้อดีกระทุ้งเข้าที่ท้องของร่างโปร่ง
จนมือที่กระชากคอเสื้อสูทหลุดออกพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มที่ก้มลงจุกอยู่กับพื้น
อาร์มินขยับจัดชุดสูทสีขาวของตนให้เข้าที่
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลสบกับนัยน์ตาสีเขียวมรกตที่เขม็งมองแฝงไปด้วยคำถามแต่ไม่อาจเอ่ยออกมาเพราะความจุกของช่วงท้องที่ได้รับ
“เพื่อความสบายใจของคุณผมจะบอกให้ละกันว่าผมไม่ได้จับตัวคุณแจน
กิลชูไตน์ หรือใครมาทั้งนั้นครับ”
“แค่ก...แล้วทำไม....”
“คุณคงหมายถึงเบอร์โทรศัพท์
ผมใช้กลไกลนิดหน่อยให้เบอร์ที่ขึ้นโชว์เป็นเบอร์ของคุณแจนน่ะครับ”
ใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มผมทองส่งยิ้มให้กับเอเลน
“ผมบอกแล้วไงครับว่าผมแค่ต้องการตัวคุณ
ผมไม่คิดดึงคนอื่นเข้ามาด้วยหรอกนะ”
เมื่ออาการจุกที่ช่วงท้องเริ่มดีขึ้น
เอเลนยันกายลุกขึ้นยืนอีกครั้ง มือบางยังคงกอบกุมช่องท้องของตน
ทำไมพวกมาเฟียพวกนี้ถึงชอบใช้กำลังนักนะ
ทั้งที่ตัวเล็กกว่าเขาทั้งนั้นแต่แรงเตะของอาร์มินนับว่าแรงพอดูถึงจะไม่เท่ากับที่เขาเคยเจอคนอันตรายเตะมาก่อนหน้านี้
“ชั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับนาย
นายคงเสียเวลาเปล่า” ร่างโปร่งตวัดตัวเตรียมหันหลังกลับ
ใบหน้ามนชะงักก่อนจะวิ่งออกไปยังดาดฟ้าเรือ
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเรือยอร์ชส่วนตัวที่เขากระโดดขึ้นมาแล่นออกจากฝังมาไกลพอสมควร
“คุณเอเลน
คุณประเมินค่าตัวเองต่ำไปนะครับ”
อาร์มินเดินมาวางมือบนไหล่ของเด็กหนุ่มที่กำลังชะงักงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“คุณน่ะมีค่ามากกว่าที่คุณคิดไว้เสียอีก
อย่างน้อยเลสบนข้อมือของคุณก็พิสูจน์ได้”
อาร์มินพยักหน้าให้เหล่าบอดี้การ์ดเข้ามาล็อคแขนของร่างโปร่ง
เอเลนพยายามดิ้นรนสะบัดแขนจากการคุมตัวของเหล่าชายในชุดดำ แต่ด้วยพละกำลังและการฝึกฝนที่โชกโชนจึงไม่ส่งผลอะไรกับเหล่าคนในชุดสูทเลยสักนิด
“แกจะทำอะไรน่ะ!?” เสียงใสตะโกนถามด้วยความตระหนก
“ไม่ต้องกังวลไปครับเอเลน
ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก แค่จะจัดการเลสบนข้อมือของคุณเท่านั้น”
อาร์มินจัดการใช้เข็มกลัดปลดล็อคเลสข้อมือที่ได้มาจากคนอันตรายออกจากข้อมือร่างโปร่ง
ใบหน้ามนมองเลสข้อมือที่ถูกปลดออกด้วยความแปลกใจ
“นอกจากวัสดุทำด้วยทองคำขาวราคาแพงแล้วของที่อยู่ข้างในมีมูลค่ามากกว่านั้นอีกนะครับคุณเอเลน”
อาร์มินสำรวจเลสข้อมือที่มีตราสัญลักษณ์ปีกสีขาวดำไขว้กัน
ก่อจะสะดุดกับตัวอักษรย่อที่สลักไว้บนเลสทองคำขาว
“S.D. สมแล้วที่คุณรีไวจะให้ความสำคัญกับคุณน่าดู
ขอผมเดานะ S.D. นี่คงย่อมาจาก.....Security Dear หรือ Darling ก็ได้ล่ะมั่งครับ”
“พร่ำอะไรของแก
หมอนั่นแค่นึกสนุกแล้วคิดว่าชั้นเป็นสิ่งของก็เท่านั้น
นายจับชั้นมาแบบนี้หมอนั่นไม่ใส่ใจหรอกนะ” ไม่ว่าจะคิดยังไงตัวเขาไม่ได้มีประโยชน์หรือคุณค่าที่คนนั้นจะใส่ใจ
เด็กปอนๆแบบเขาหมอนั่นจะหาอีกเมื่อไรก็ได้ แต่ก็เพราะอย่างนั้นแหละการที่ชีวิตเขาต้องซวยซ้ำซวยซ้อนมันก็เพราะหมอนั่นแท้ๆ
แค่คิดก็อยากอัดตาลุงโรคจิตนั่นให้หายแค้นเสียบ้าง!!
อาร์มินมองเลสข้อมือสลับกับใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังขบฟันไปมาเมื่อนึกถึงความลำบากที่ตนต้องมายุ่งเกี่ยวเพราะโดนคนอันตรายพังชีวิตปกติสุข
เด็กหนุ่มผมทองยิ้มน้อยแกว่งเลสข้อมือในมือไปมา
“ผมถึงได้บอกว่าคุณประเมินค่าตัวเองต่ำไปไงครับ
คุณรู้ไหมว่ามูลค่าของเลสข้อมือของคุณราคามากกว่าเรือลำนี้ของผมเสียอีก
ต้องบอกว่ามีราคามากกว่าบ้านหรูกลางเมืองหรือพวกอาคารพาณิชย์บางแห่งอีกก็ได้”
มูลค่าที่อาร์มินเอ่ยทำให้เอเลนถึงกับตาโตด้วยความตกใจ
ไอเลสทองคำขาวบ้าๆที่เขาได้มาอย่างไม่เต็มใจนี้ราคาเรียกได้ว่าเขาทำงานทั้งชีวิตก็ไม่มีสิทธิ์ซื้อได้อยู่บนข้อมือเขามาตลอดงั้นเหรอ! ตาลุงบ้านั้นคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงให้ของราคาแพงมหาศาลกับเด็กอย่างเขา
แค่คิดตามมูลค่าที่อาร์มินบอกตัวเลขที่วิ่งอยุ่ในหัวแทบจะทำเขาหน้ามืดลมเสียให้ได้
“นอกจากคุณรีไวจะสั่งทำจากทองคำขาวแล้ว
เจ้านี้ยังมีเครื่องมือติดตามที่อยู่จากดาวเทียม
อีกทั้งเทคโนโลยีที่สามารถส่งทั้งภาพและเสียงอย่างครบครัน
ดูว่าคุณรีไวจะให้ความสำคัญและห่วงคุณน่าดูถึงขนาดยอมลงทุนกับชีวิตคุณมากขนาดนี้นะครับ
เพราะถ้าต้องการแค่ตามติดธรรมดาไม่จำเป็นที่ต้องใช้ของแพงขนาดนี้
เท่ากับว่าชีวิตคุณสำคัญกับเขาน่าดู”
ความจริงที่เพิ่งได้รู้เกี่ยวกับเลสข้อมือทำให้ความรู้สึกแปลกๆหวั่นไหว
ทั้งรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดและตื่นเต้นจนหัวใจบีบรัดและเต้นระรัวอย่างน่าประหลาด
ตาลุงบ้านั้นยอมลงทุนอะไรแปลกๆกับเขามากเกินไปแล้ว
ทั้งที่น่าจะเป็นคนที่ใจร้ายแต่กลับอบอุ่นอย่างประหลาด ทั้งที่น่าจะเลิกสนใจเด็กที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมายอย่างเขาได้แล้ว
แต่กลับคอยตามติดราวกับว่าห่วงเขาแบบนี้ แล้วตัวเขาที่เริ่มรุ้สึกแปลกๆและถลำลึกลงไปทีละนิดแบบนี้ต้องทำอย่างไรกัน?
“อย่างที่บอกนั่นล่ะครับ
แม้จะเสียดายแต่คงต้องกำจัดทิ้งล่ะนะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่เงินของผมล่ะนะ”
อาร์มินแกว่งเลสข้อมือไปมาก่อนจะกำไว้ในมือแน่น
“เฮ้ยแกคิดจะทำอะไรน่ะ!! ของแพงนะเฮ้ย!!!!!” เอเลนพยายามตะโกนห้าม
แม้จะไม่ใช่ของที่เขาอยากได้ตั้งแต่ต้นอีกทั้งไม่ใช่เงินของเขา
แต่พอรู้ราคามหาศาลนั้นแล้วจะให้ถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้เด็กปอนๆมาทั้งชีวิตแบบเขาทำใจไม่ได้หรอกนะ!!!!
ใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มผมทองคลี่ยิ้มบาง
ก่อนแขนจะง้างสุดปลายแล้วโยนเลสทองคำขาวราคาหลายสิบล้านทิ้งลงทะเลไปอย่างไม่ใยดี
ท่ามกลางเด็กหนุ่มที่จ้องมองอย่างสุดแสนเสียดาย
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงทั้งเสียดายและใจหายกับเลสข้อมือที่ร่วงหล่นลงสู่ก้นทะเล
“แว๊กกกกก!!!!!!! แก๊!!!!! ของแพงแบบนั้นชั้นไม่มีปัญญาชดใช้ให้หมอนั้นนะเว้ย!!” เอเลนเหงื่อแตกพลั่กดิ้นไปมาพยายามจะไปคว้าเลสข้อมือที่ร่วงลงไปในทะเลตรงหน้าจนลับสายตา
“คุณนี่ตลกดีนะครับเอเลน”
อาร์มินหลุดหัวเราะกับท่าทางดื้อดึงและตื่นตระหนกกับการทิ้งเลสราคาแพง
ทั้งที่เจ้าตัวควรตกใจกับสถานการณ์ที่โดนจับมาตอนนี้มากกว่า แต่กลับใส่ใจกับราคาของสิ่งของที่เพิ่งเคยรู้เป็นครั้งแรก
อาร์มินพยักหน้าให้เหล่าบอดี้การ์ดปล่อยร่างโปร่ง
เมื่อร่างกายเป็นอิสระเอเลนรีบวิ่งไปเกาะขอบเรือพลางมองตาละห้อยกับน้ำทะเลที่อยุ่รายรอบ
เลสเส้นแค่นั้นต่อให้เขากระโดดลงน้ำไปงมหาตอนนี้ก็ใช่ว่าจะเจอ
อีกทั้งท้องฟ้าที่เริ่มมืดแล้วยิ่งไม่ต้องนึกให้เสียเวลาเลยว่าการจะเจอเจ้าเลสข้อมือราคาแสนแพงนั้นคงไม่มีทางเป็นไปได้
เด็กหนุ่มทรุดลงกับพื้น แล้วแบบนี้เขาต้องชดใช้ให้หมอนั้นไปทั้งชีวิตยังไม่รู้เลยว่าจะพอกับราคาเลสข้อมือนั่นรึเปล่า
แต่หมอนั่นเป็นคนยัดเยียดให้เขามาเองนะ แบบนี้จะมาโทษเขาสักทีเดียวไม่ได้หรอกนะ
ระหว่างที่ร่างโปร่งยังคงบ่นพึมพำกับการจากไปของเลสทองคำขาว
อาร์มินจึงเขยิบเข้ามาใกล้ตัวเอเลนอีกครั้ง ร่างโปร่งจึงหันมาสนใจมองเด็กหนุ่มผมสีทองและสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
“เอาล่ะครับคุณเอเลน
ทีนี้เราก็จะได้คุยกันอย่างสบายใจเสียที” อาร์มินยกยิ้มบางอย่างสุภาพเฉกเช่นเดิม
เอเลนมองท่าทางของเด็กหนุ่มพลางถอนหายใจ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ไม่รู้ตัวหรอกนะว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง
แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้คงมีแต่ต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อนก็เท่านั้น
“นายจะเอายังไง?”
อาร์มินโค้งราวกับเป็นการทักทายให้กับเอเลนอีกครั้ง
ใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มผมทองยังคงยิ้มอย่างสุภาพและเป็นมิตรให้
“ผมคงต้องรบกวนคุณเอเลนให้อยู่กับทางเราสักระยะ ไม่ต้องห่วงนะครับผมจะดูแลคุณอย่างดี......”
TBC.
........................................................................................................................................
Talk: ขออภัยที่หายไปนานค่ะ ไปตามล่าหาความทรงจำที่หานไปอยุ่ของล่ารักฯค่ะ =A=""""
คือแบบว่าตอนที่คิดออกดันลืมจดแล้วอิชุ้นก็ไม่อาจรื้อฟื้นได้ว่าตอนนั้นคิดอะไร เลยงมอยู่นานมากมาย ตอนนี้เลยเท่ากับว่าคิดใหม่เยอะอยุ่ค่ะ แต่คร่าวๆน่าจะคล้ายของเดิม(มั่ง)
ในที่สุดอาร์มินก็มีบทบาทอย่างเต็มรูปแบบหลังจากผลุบๆโผล่มาแหย่เล่น ต้องลุ้นกันต่อไปค่ะว่านู๋มินจะมาทำอะไรกันต่อไป หึหึ (ทำไมดูไร้ความรับผิดชอบ? ฮาๆ) เอาน่าไงเรื่องนี้ก็เขียนจนจบแน่นอน ไม่ดองค่ะ(แต่อาจนานนิดนึงช่วงนี้วุ่นๆนิดหน่อยค่ะทั้งงานราฎษร์และงานหลวง TTwTT จะพยายามหาเวลาอัพนะ)
ขอประชาสัมพันธ์ฟิค Last Memory นะคะ คาดว่าจะเปิดให้จองต้นปี 58 ค่ะ ตอนนี้พยายามกระดื๊บๆปั่นไปทีล่ะนิค่ะ ในรวมเล่มที่ขายจะมีสองตอนพิเศษ ที่ไม่ลงใบเวบนะคะคือ
- วันธรรมดาของสอง
- No Name
รบกวนฝากติดตามกันด้วยนะ ขอขอบคุณทุกท่านที่ถามไถ่และคอยทวงฟิคค่ะ จะพยายามปั่นแบบไม่ให้ขาดตอนนะคะ(หวังว่า) อิชุ้นจะพยายามไม่สร้างไหใหม่นะคะ รักนักอ่านทุกท่านค่ะ
ฝากเพจเช่นเคย
อ๊ากกกด มาแล้ววววว >w< .จุดพลุ
ตอบลบรู้สึกตอนนี้พระเอกของเราจะกลายเป็นตัวประกอบนะคะ (ทำไมเจ็บหลังคอ?) เฮียแกโผล่มาตอนแรก แล้วก็หายไปปป~~
ส่วนอาร์มิน..เรื่องนี้ร้ายโฮกมากค่ะ อาร์มินก๊ะ..พรากสามีภรรยา(?)มันเป็นบาปนะก๊ะ แถมยังพาลงทะเลอีก แต่...ไม่แน่ ตอนจบเรื่องนี้อาร์มินอาจจะถูกท่านท่อนขาใช้ท่อนขาพิฆาต ฮัดช่าาาา(?) จนคอหลุดก็ได้นะ >w<
หนูเลนอดทนไว้ลูกกกก เจ้าชายต้องไปช่วยเจ้าหญิงด้ายยยย มามี๊เชื่อออออ
เฮ้ย!ไรเตอร์ไงสั้นเกินอะอามินจะพาหนูเอเลนไปหน่ายยย ไรจ๋าขอร้องอย่าให้รีดเดอร์ตายเพราะการแต่งนิยายอย่างเมพของไรเลยเพราะฉะนั้น. อย่าทิ้งฟิคนานนัก/เดี่ยวรีดเดอร์ลงแดงตาย
ตอบลบนู๋มินจะพาไปไหนนี่ต้องดูกันต่อไปค่ะ <3 ที่เเน่ๆเอเลนถูกดูเเลอย่างดีเเน่นอน >w<
ลบจะพยายามไม่ทิ้งนานนะคะ จัะการอะไรเรียบร้อยจะรีบต่อนะ