Special Last Memory + ล่ารักอันตราย : Parallel world
Pairing : Levi
x Eren
****หมายเหตุ****
ตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักใดใดทั้งสิ้นนะคะ
เขียนขึ้นสนองความเวิ่นของตัวเองค่ะ แหะๆ><”””
……………………………………………………………………………………………………..
นัยน์ตาสีมรกตกลมโตจ้องมองใบหน้าคมเข้มเฉยชาที่คุ้นชินอย่างรู้สึกเกร็ง
ถึงแม้ใบหน้าและท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคย แต่บรรยากาศอันตรายที่ปกคลุมรอบตัวทำให้ชายหนุ่มคนนี้แตกต่างไปจากคนที่เขารู้จัก
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ
1 ชั่วโมงที่แล้ว ที่เขามาส่งรายงานที่ห้องของอาจารย์ฮันซี่
หรือถ้าจะเรียกให้ถูกต้องเรียกว่าอาคารวิจัยเฉพาะของ ดร.ฮันซี่ อาจารย์ฮันซี่เรียกได้ว่าเป็นบุคลากรที่สำคัญของมหาลัยหรืออาจไปถึงระดับโลก
ด้วยผลงานการค้นคว้าวิจัยต่างๆที่มีมากมาย ระดับสมองและสติปัญญาอย่างหาตัวจับได้ยากทำให้อาจารย์ฮันซี่ได้งบทุนวิจัยที่สูงลิ่วและการสนับสนุนผลงานจากองค์กรต่างๆทั่วโลก
นับเป็นโชคดีของมหาวิทยาลัยชินาที่ได้บุคลากรทรงคุณค่ามาให้ความรู้กับเหล่านักศึกษา
ภายในอาคารของคนคลั่งไคล้การทดลองและประดิษฐ์สิ่งต่างๆ
การที่มีอุปกรณ์และสิ่งประดิษฐ์แปลกตามากมายจึงเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ภายในอาคาร
และด้วยที่ว่าเป็นอาคารสำหรับเพื่อทำการค้นคว้าและงานวิจัยโดยเฉพาะจึงมีไม่กี่คนที่สามารถเข้า
ออก ที่แห่งนี้ได้ ซึ่งตัวเขาได้รับสิทธิพิเศษ เข้าออก
ก็เพราะความสนิทสนมส่วนตัวกับบุคลากรอัจฉริยะคนนั้น
อาคารทั้งอาคารวันนี้ก็ดูราวกับว่าจะไม่มีใครเข้ามาเช่นเดิม
นอกจากผู้ที่มีชื่อเดียวกับอาคารแห่งนี้
และตัวเขาที่ถูกเรียกให้มาส่งรายงานถึงอาคารเฉพาะกิจที่ตั้งแยกห่างออกมาจากอาคารอื่นๆของมหาวิทยาลัย
เอเลนเดินไล่หมายเลขห้องต่างๆที่อยู่บนป้ายกำกับไว้ไปทีละห้องเพื่อค้นหาคนที่เขาจะต้องมาทำธุระด้วย
เมื่อพบเจอตัวหญิงสาวก็กำลังมุ่งมั่นอยู่กับการประกอบหรือไขน๊อตกับเครื่องที่หน้าตาคล้ายตู้สีเงินที่มีท่อยาวทะลุขึ้นไปรวมทั้งโครงสร้างและแผงวงจรที่ต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่รูปร่างลักษณะแปลกๆ
แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่แต่เจ้าเครื่องตรงหน้านี้ทีเดียวที่เรียกว่าแปลก สิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ภายในอาคารนี้ราวกับหลุดออกมาจากหนังแนววิทยาศาสตร์
หรือหนังสือการ์ตูนที่เขาเคยเห็น หลายครั้งที่เข้ามาภายในอาคารจึงอดตื่นเต้นกับสิ่งต่างๆที่มีรอบตัวไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้นบางอย่างก็ดูอันตรายเกินกว่าที่เขาอยากเข้าไปยุ่งอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
“อาจารย์ฮันซี่ครับ”
ตะโกนเรียกหญิงสาวที่ยังคงจดจ่ออยู่กับการจัดการสิ่งประดิษฐ์ของตน
โดยไม่มีทีท่าว่าจะรับรู้ถึงการมาของเขาเลยสักนิด
แต่เมื่อตัดสินใจจะเดินเข้าไปใกล้คนกำลังยุ่งอยู่นั้น
อยู่ๆเจ้าตัวก็กระโดดลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เสร็จแล้ว!!” ตะโกนพร้อมยกแขนขึ้นเช็ดเหงื่อที่เริ่มซึมออกมา
แม้ภายในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำก็ตาม
แล้วเมื่อหันหลังเตรียมกลับไปสำรวจยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ถัดไป
ก็เจอกับเด็กหนุ่มร่างโปร่งบางที่เข้ามาหาด้วยใบหน้าที่กำลังสับสน
“อ้าวเอเลน
มาส่งรายงานสินะวางไว้บนโต๊ะเลย”
มือเรียวชี้ไปยังโต๊ะสีขาวที่เต็มไปด้วยกองเอกสารที่วางอัดกระจายเต็มโต๊ะ
เอเลนจึงได้แต่พยายามจัดเก็บเอกสารที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องเดียวกันแยกกองไว้กับกองรายงานที่คาดว่าหญิงสาวน่าจะใช้เวลาว่างในการตรวจ
จึงนำมายังที่ห้องทำงานแห่งนี้
“คุณฮันซี่ทำอะไรอยู่หรือครับ?”
หลังจากพยายามจัดการกองเอกสารต่างๆมากมายบนโต๊ะจนเจอกองรายงานและวางส่งได้
เขาจึงกลับมาให้ความสนใจกับสิ่งประดิษฐ์ตรงหน้าที่หญิงสาวกำลังขะมักเขม้นจัดการโปรแกรมในคอมพิวเตอร์
ฮันซี่หันมาสบตากลมโตของเด็กหนุ่มพร้อมยิ้มกว้างด้วยสายตาเป็นประกาย
“นี่เอเลนนายรู้จักทฤษฎีโลกคู่ขนานรึเปล่า?”
“อ...เออ
ใช่ที่ว่าเหมือนกับมีเราอีกคนในอีกมิติอย่างนั้นรึเปล่าครับ”
นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองที่จอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
ซึ่งกำลังไล่ใส่รหัสโค๊ดต่างๆที่เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด
“ราวๆนั้นแหละ
โลกเรามันซับซ้อนมากเลยนะ นอกจากจะมีการแบ่งมิติของช่วงเวลา อดีต ปัจจุบัน อนาคต
และยังมีโลกคู่ขนาน หรือมิติที่ทับซ้อนกันอยู่อีกมากมายเลยล่ะ”
หญิงสาวค่อยๆอธิบายด้วยความตื่นเต้น
ด้วยความสนใจเอเลนจึงเริ่มเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ถัดไปมานั่งลงข้างๆฮันซ่
“อย่างเรื่องรถไฟที่หายไปในอุโมงค์ที่ใช้เวลาผ่านแค่ราว
2 นาที และโผล่มาอีกครั้งใน 42 ปี ต่อมา โดยที่คนบนรถโดยสารยังอายุเท่าเดิม หรือเรื่องของภาพเหตุการณ์ในช่วงสงครามที่จบไปแล้วแต่ยังกลับเกิดขึ้นราวกับฉายหนังซ้ำภาพเดิมในหมู่บ้านทางยุโรป
หรือจะเป็นเหตุการณ์เดจาวูต่างๆที่หลายคนอาจเคยสัมผัสได้
เช่นที่ว่าไปสถาณที่ที่เพิ่งได้ไปครั้งแรก แต่กลับรู้จักดีราวกับไปมาแล้วหลายครั้ง
พวกนั้นล้วนเป็นเรื่องของเหตุการณ์โลกคู่ขนานทั้งสิ้น”
เอเลนฟังที่คุณฮันซ่อธิบายอย่างรู้สึกสนใจ
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักแต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับหญิงสาวเช่นกัน
“เมื่อไม่นานมานี้ฉันผลิตเจ้าเครื่องติดต่อโดยสับผ่านคลื่นแม่เหล็กเพื่อจูนกับคลื่นมิติที่น่าจะเป็นโลกคู่ขนาน
เธอเดาสิฉันเจออะไร” ฮันซี่หันมาสบตากับเอเลนด้วยประกายแววตาระยิบระยับอย่างตื่นเต้น
รวมทั้งลมหายใจของเธอที่เริ่มติดขัดด้วยความรู้สึกที่เริ่มพลุ่งพล่าน
“อ....เออ
คุณหมายถึงติดต่อกับคนที่อยู่อีกมิติงั้นเหรอครับ?”
ฮันซี่ดีดนิ้วดังเป๊าะ
พร้อมทั้งยื่นมือไปจับพนักพิงเก้าอี้ของเด็กหนุ่มจนเอเลนสะดุ้งกับท่าทางที่ตื่นเต้นและมีความสุขแบบแปลกๆของคนตรงหน้า
“มันยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ฉันสามารถติดต่อกับตัวฉันเองอีกคนที่อยู่ในโลกคู่ขนานได้ไงล่ะ!!!”
นัยน์ตาสีมรกตมองสบกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้อย่างไม่อยากเชื่อที่ได้ยิน
เพื่อยืนยันสิ่งที่ตนพูดฮันซ่จึงกลับไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเองและเข้าโปรแกรมที่คาดว่าน่าจะเป็นโปรแกรมติดต่อกับคนที่อยู่อีกโลกตามที่เจ้าตัวได้บอกไว้
เมื่อคลิ๊กเข้าไปแล้วส่งสัญญาณไปไม่นาน
หน้าจอก็ปรากฏภาพหญิงสาวที่ราวกับพิมพ์เดียวกันบนหน้าจอต่อเด็กหนุ่ม
เอเลนมองหน้าจอที่ฉายภาพหญิงสาวสลับกับหน้าฮันซ่ที่อยู่ตรงหน้าไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ
นี้คุณฮันซ่หลอกเขาโดยการอัดคลิปวีดีโอไว้รึเปล่า?
“ว่าไงฮันซี่ฝั่งโน้น
ฉันประดิษฐ์เครื่องที่ว่าพร้อมแล้วนะเธอพร้อมแล้วหรือยัง?” ฮันซี่ในโลกคู่ขนานเบี่ยงกล้องไปยังเจ้าเครื่องมือประหลาดที่หน้าตาคล้ายกันกับที่อยู่ตรงหน้าเขา
[ฉันตื่นเต้นชะมัดเลยฮันซี่
นี้จะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่เลยนะเพียงแค่เราเปิดเครื่องพร้อมกันแล้วฉันจะข้ามไปหาเธอที่โลกฝั่งนู้นได้แล้ว] ฮันซี่ในจอคอมพิวเตอร์ตอบกลับมาด้วยความตื่นเต้น
เอเลนมองทั้งสองคนที่สนทนากันอย่างเหลือเชื่อ
นี้ก็เท่ากับว่ามีตัวเขาอีกคนที่อยู่โลกทางนั้นสินะ แล้วตัวเขาจะเป็นยังไงกัน
แค่คิดก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้านี้แล้ว
ฮันซี่เตรียมเดินไปเปิดอุปกรณ์ของเครื่องเคลื่อนย้ายมิติแล้วเช็คทุกอย่างให้เรียบร้อยอีกครั้ง
ก่อนจะยืนยันกับฮันซี่ที่อยู่อีกฝั่งของจอคอมพิวเตอร์
เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยฮันซี่ทั้งคู่จึงเริ่มที่จะนับถอยหลังเพื่อเตรียมกดปุ่มสตาร์ทที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกัน
“เอาล่ะนะ
5 4
3 2 1” ฮันซี่ทั้งคู่สูดอากาศเข้าหายใจพร้อมกัน
ก่อนจะวางมือของตัวเองลงบนปุ่มแดงหน้าเครื่อง
“Go!!” สวิตซ์ถูกกดพร้อมกัน
แสงสีขาววิ่งไล่ตามท่อและสายที่เชื่อมโยงกับตู้ขนาดใหญ่ ฮันซี่ในอีกโลกมองประตูของตู้ที่จะเปิดออกเมื่อเวลามาถึงอย่างตื่นเต้น
เพียงแค่ลำแสงสีขาวทั้งหมดวิ่งมารวมกันที่ตู้ตรงกลางประตูก็จะเปิดออกแล้วเคลื่อนย้ายเธอไปยังอีกมิติทันที
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อประตูห้องทำงานของฮันซี่ถูกเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มร่างไม่สูงที่เดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ
“โฮ่ยย
ยัยแว่นไองบประมาณบ้าบอนี้มัน อ....!!!” เมื่อร่างเล็กแต่แข็งแกร่งนั้นเดินเข้ามาช่างประจวบเหมาะกับที่ลำแสงทั้งหมดไหลมารวมกัน
ประตูที่ปิดอยู่ของสิ่งประดิษฐ์ซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าห้องทดลองของเธอจึงเปิดออก
พร้อมทั้งดูดชายที่เข้ามาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่นั้นมาแทนที่
เมื่อลำแสงสีขาวที่เจิดจ้านั้นจางลง
ประตูที่ราวกับลิฟต์ก็เปิดออก
พร้อมชายหนุ่มที่หน้าตาคมดุตรงหน้าโดยไร้ซึ่งวี่แววของคุณฮันซี่ที่ควรจะมาด้วยกัน
ทันทีที่ประตูเปิดออกมือแกร่งจึงคว้าคอเสื้อคนตรงหน้าที่เขาคุ้นชินกับการเล่นพิเรนทร์อย่างนึกรำคาญ
“เล่นบ้าอะไรของเธอยัยสี่ตา
ไอแสงสีขาวนั้นมันอะไร? เกี่ยวกับไองบประมาณมากมายที่ฉันกำลังจะถามเธอรึเปล่า?” นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง
“จ...
ใจเย็นๆนะ ร.. รีไว อีกมิติ แค่กๆ” ฮันซี่พยายามดึงมือที่ดึงคอเสื้อตัวเองออก
แม้จะผิดคนแต่เท่ากับว่าผลงานเธอประสบผลสำเร็จ
ตอนนี้ใบหน้าเลยไม่อาจกลั้นยิ้มอยู่แม้กำลังจะโดนคนตรงหน้าจ้องเอาเรื่องก็ตาม
“ยิ้มอะไรของเธอยัยโรคจิต
แล้วอะไรอีกมิติ แกนี้ชักจะเพี้ยนขึ้นทุกวัน” คิ้มเข้มยังคงขมวดมุ่นอย่างรำคาญ
เอเลนมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะยังสับสน
แต่ก็พยายามเข้าไปหวังช่วยไกล่เกลี่ยด้วยเกรงว่าคุณฮันซ่จะขาดอากาศตายเสียก่อน
เอเลนจึงเข้าไปแตะที่ไหล่ของคนที่เขาเหมือนจะคุ้นเคยดี
“อ.....เออ ค.. คุณรีไวอีกคน ปล่อยคุณฮันซี่ก่อนดีกว่านะครับ”
ใบหน้ามนยิ้มเฝื่อนอย่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
รีไวหันมองสบตาเด็กหนุ่ม
คิ้วคมขมวดมุ่นอย่างสงสัย ก่อนมือแกร่งจะยอมปล่อยคอเสื้อของหญิงสาวออก
แล้วเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มร่างบางแทน
เอเลนเผลอเดินถอยหลังจนหลังแนบติดกับกำแพง
มือแกร่งวางทาบบนกำแพง
ใบหน้าคมไล้มองสำรวจเด็กหนุ่มตรงหน้าไปมาอย่างสงสัย
“ทำไมนายดูแปลกไปจากเดิม?”
“อ....
เออ แปลกยังไงเหรอครับ?”
“เหมือนนายจะโตขึ้น
และก็.....” มือแกร่งสัมผัสลงบนแก้มเนียน “ดูเหมือนจะเชื่องขึ้นนะไอหนู”
“อ..เอ๊ะ?”
ยังไม่ทันหายสงสัย ใบหน้าคมดันเด็กหนุ่มให้โน้มเข้าหาตนเองมากขึ้น
ก่อนที่ริมฝีปากจะแตะกันมือบางของหญิงสาวรีบเข้ามาตะครุบไว้อย่างทันท่วงที
“เฮ้ย
ถึงจะเป็นรีไวเหมือนกันแต่ถ้านายแตะต้องเอเลนของรีไวฝั่งนี้ฉันว่าศพฉันไม่สวยแน่”
ฮันซี่ทำสายตาจริงจัง ก่อนหันไปสบกับใบหน้ามนที่หน้ากำลังแดงระเรื่อและสับสน
จนฮันซี่ต้องถอนหายใจออกมา “เอเลนต่อให้หมอนี้จะเป็นรีไวแต่ก็ไม่ใช่รีไวของนายนะ”
พยายามย้ำเตือนสติเด็กหนุ่ม
“อ..
ครับ!” มือบางยกขึ้นปิดปากของตนเอง
ใบหน้าเด็กหนุ่มขึ้นสีระเรื่อด้วยความอาย ดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาบ้าง
เลยทำได้แต่แอบสำนึกผิด เพราะแม้จะเป็นคนเดียวกันแต่ก็ไม่ใช่คุณรีไวของเขาอย่างที่คุณฮันซี่ว่าไว้
คนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรก็มีชายหนุ่มที่ถูกปิดปากไว้จนเริ่มรู้สึกหงุดหงิด
ก่อนมือหนาจะค่อยๆดันมือที่ปิดปากตนออก แล้วบิดมือนั้นอย่างรวดเร็ว
“ว๊ากก!!! เจ็บนะเฮ้ยรีไวอีกมิติ”
ฮันซี่ตะโกนว่าพร้อมทั้งสะบัดมือที่โดนบิดของตัวเองไปมา
ใบหน้าคมจ้องมองหญิงสาวที่คาดว่าน่าจะเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องที่เขากำลังไม่เข้าใจอยู่ตอนนี้
ทำไมต้องเรียกเขาว่ารีไวอีกมิติ แล้วอะไรคือที่ว่าแม้จะเหมือนกันแต่ก็ต่างกัน
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเริ่มฉายแววดุดันเอาเรื่อง จนฮันซี่เริ่มเหงื่อแตกพลั่ก
“เอาล่ะยัยสี่ตา.....
เธอมีอะไรที่ต้องอธิบายฉันใช่ไหม?”
จากสิ่งที่เกิดขึ้นการที่คนอันตรายตรงหน้าจะปล่อยรังสีทะมึนนั่งอยู่บนโซฟาเขาก็พอเข้าใจ
และเมื่อไม่กี่นาทีก่อนที่พยายามจะส่งคนคนนี้กลับไปมิติของตัวเอง
เหตุการณ์ที่ราวกับแพทเทริ์นนิยายชวนหัวก็เกิดขึ้น เพราะเครื่องดันมีปัญหาเอาเสียดื้อๆอย่างนั้น
“ยัยเพี้ยนหมายเลข
2 อีกนานไหมกว่าไอเครื่องเส็งเคร็งจะแก้เสร็จ” เสียงดุเย็นเอ่ยถาม ทำให้ฮันซี่ที่กำลังเช็คสิ่งประดิษฐ์ของตนถึงกับเหงื่อแตกพลั่กในห้องแอร์เย็นฉ่ำ
เธอว่ารีไวในโลกของเธอก็โหดพอตัวอยู่แล้วนะ แต่พอเจอหมอนี่ที่ได้ข้อมูลจากฮันซี่ฝั่งนั้นมาว่าพวกเขาทำงานเป็นผู้มีอิทธิพลที่ราวกับมาเฟีย
ยิ่งทำให้รีไวที่กำลังอยู่ในห้องนี้โหดกว่าเดิม
“ฉันก็พยายามอยู่น๊า
ก็นายดันสะเหร่อหาเรื่องเข้ามาเอง” ถึงแม้จะโหดกว่าคนที่เธอคุ้นชิน
แต่ก็เพราะความคุ้นชินนี้ล่ะเลยทำให้เธอเลยทำตัวปกติ
“ชิ!”
ด้วยไม่อยากต่อล้อต่อเถียงชายหนุ่มจึงได้แต่สบถอย่างเสียอารมณ์
“เอาน่าฉันกับฮันซี่ฝั่งนั้นก็เร่งแก้ไขอยู่
นายมานี้ทั้งทีลองไปสำรวจรอบเมืองดูหน่อยเป็นไง?”
“เธอหวังจะให้ฉันเป็นข้อมูลการทดลองคราวนี้ของเธออยู่สินะ”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองอย่างรู้ทัน
“แหม
โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆนี่นา” ฮันซี่ส่งยิ้มระรื่นอย่างไม่รู้สึกผิด
อยากรู้เหมือนกันว่ารีไวจากโลกคู่ขนานที่แตกต่างเมื่อมาอยู่ในอีกมิติจะทำตัวยังไง?
“ไม่
ฉันจะนั่งรอจนกว่าแกจะส่งฉันกลับไปยัยโรคจิต”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ายังคงจ้องหญิงสาวอย่างตำหนิและรำคาญ
เอเลนวางถ้วยชาสิร์ฟลงตรงหน้าชายหนุ่ม
ก่อนจะส่งยิ้มให้
“ดื่มชารอก่อนละกันนะครับ
เออ..... คุณรีไวอีกมิติ”
มือแกร่งยกชาขึ้นดื่ม
ความหอมของชาร้อนที่ขึ้นจมูกและรสชาตที่กลมกล่อมนุ่มคอทำให้เขาเริ่มรู้สึกดีขึ้น
“โฮ่
ไม่เลว”
“ดีจังครับ
ดูเหมือนคุณรีไวจะชอบชาเหมือนกันเลยนะครับ”
ใบหน้ามนหัวเราะเบาๆกับความเหมือนของทั้งสองคนที่แม้จะอยู่ในมิติที่ต่างกัน
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ส่งยิ้มให้
ก่อนมือแกร่งจะยกขึ้นไปลูบผมสีน้ำตาลอย่างนึกเอ็นดู เด็กหนุ่มเองก็ก้มลงมาให้ลูบหัวโดยง่าย........
“นายกับรีไวทางนี้มีความสัมพันธ์กันยังไง?”
เอ่ยถามข้อสงสัย เพราะดูจากท่าทางที่ใส่ใจของเด็กหนุ่มทำให้อดสงสัยไม่ได้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง
“อ...
เออ ก็ ... แบบ” เอเลนหน้าขึ้นสีอย่างนึกอาย
แม้จะเป็นเรื่องที่คนรอบตัวเขารู้กันดีอยู่แล้ว
แต่การมาบอกจากปากของตัวเองเขาก็ยังคงเขินอยู่ดี และยิ่งต้องมาบอกกับคนที่เรียกได้ว่าคนเดียวกันอีกแบบนี้
เขาก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเหมือนกัน
“ก็บอกไปสิว่านายเป็นแฟนหมอนั่นน่ะเอเลน”
ฮันซี่เอ่ยแทรกพลางหัวเราะขำกับท่าทางที่น่ารักของเด็กหนุ่ม
และสีหน้าไม่เข้าใจของชายหนุ่ม เธอไม่รู้หรอกนะว่ารีไวกับเอเลนในอีกมิติหนึ่งจะเป็นอย่างไร
แต่ที่รู้สึกได้ก็คือแม้จะอยู่อีกสถานที่ แต่ทั้งสองกลับถูกดึงดูดและสนใจในกันและกัน
“โฮ่
งั้นเหรอ” คิ้วคมเลิ่กขึ้นเป็นเชิงถามย้ำกับเด็กหนุ่ม
“..ครับ”
ใบหน้ามนยิ่งสุกปลั่งยิ่งขึ้น
“อ๊ะ! คุณรีไวจะไปไหนครับ?” เอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มลุกขึ้นเหมือนเตรียมออกไปจากห้อง
“คิดว่าโลกนี้น่าจะมีอะไรน่าสนใจอยู่เลยอยากเดินดูระหว่างรอสักหน่อย”
ใบหน้าคมหันไปสบตากลมโตสีมรกต “ถ้านายว่างช่วยนำเที่ยวหน่อยได้ไหมเจ้าหนู?”
ฮันซี่พยายามกลั้นหัวเราะกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของรีไว
ทั้งที่ตอนแรกบอกว่าจะนั่งเฝ้าเธอซ่อมเครื่อง แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจอยากเดินสำรวจเมือง
อีกทั้งยังขอให้เอเลนช่วยนำเที่ยวด้วย
แม้แต่ฮันซี่ที่อยู่ในจอคอมพิวเตอร์อีกมิติก็ยังขำขันกับเหตุการณ์และท่าทีของรีไวที่ราวกับว่ารังสีอันตรายที่แผ่ซ่านออกมาในคราแรกเริ่มลดน้อยลง
“อ่ะ
ถ้าคุณไม่รังเกียจงั้นผมจะพาเที่ยวนะครับ” เอเลนตอบรับด้วยท่าทีแข็งขัน
[นี้เอเลนฝั่งนั้นน่ะ
หมอนั่นแม้จะหน้านิ่งแต่เป็นพวกมือไวแล้วชอบแกล้งยังไงนายก็ระวังตัวด้วยละกันนะ!! ฮ่า ฮ่า ] ฮันซี่ในจอคอมพิวเตอร์ตะโกนร้องเตือนพลางหัวเราะ
“ไม่หรอกครับ
คุณฮันซี่ คุณรีไวเขาไว้ใจได้นะครับ“ คำพูดที่เชื่อมั่นของเด็กหนุ่มทำให้รีไวลดมือที่เตรียมขว้างหนังสือเล่มหนาลง
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือมองใบหน้าที่คล้ายกันของเด็กหนุ่มข้างกาย
แต่นิสัยและความสัมพันธ์ที่แตกต่างทำให้เขาเริ่มสนใจกับชีวิตประจำวันของเอเลนในโลกที่แตกต่างออกไป
เมื่อทั้งสองออกไปฮันซี่จึงได้กลับมาให้ความสนใจกับการแก้ไขสิ่งประดิษฐ์ของตนอีกครั้ง
ก่อนที่เรื่องจะวุ่นวายไปมากกว่าเดิมเธอก็ควรส่งรีไวอันตรายกลับไปสู่มิติของตนเองให้เรียบร้อย
คิดว่าคงไม่มีอะไรที่ทำให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้แล้ว....
ตูม!!!!
เสียงของเครื่องระเบิดขึ้นอีกครั้ง
แล้วเมื่อประตูตู้เปิดออก ฮันซี่ถึงกับกุมขมับทันที
[เมื่อกี้เอเลนยกข้าวกลางวันเข้ามาให้ฉันตอนเดินเครื่องพอดี
หมอนั่นอยู่ทางนั้นรึเปล่า!?] ฮันซี่รีบตะโกนสอบถามผ่านจอคอมพิวเตอร์
ฮันซี่จึงเบนกล้องไปที่เด็กหนุ่มที่ถือถาดอาหารเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยังไม่รู้เรื่อง
“คุณฮันซี่จะทานข้าวเลยไหมครับ?”
เอเลนเอียงคอมองถามหญิงสาว
ฮันซี่ได้แต่ถอนหายใจพลางนวดขมับตนเอง
ก็น่าดีใจอยุ่หรอกนะที่ราวกับยืนยันว่าสิ่งประดิษฐ์ของเธอใช้งานได้จริง แต่ก็หวัง่วาคงไม่มีเรื่องน่าปวดหัวกว่านี้แล้วล่ะนะ
แกร๊ก
“ฮันซี่ฉันมาขอสรุปแฟ้มคดีของอาทิตย์ที่แล้ว”
ชายหนุ่มร่างไม่สูงแต่แข็งแกร่งแต่งกายด้วยเสื้อคลุมโค้ทหนังยาวที่มีสัญลักษณ์ปีกไขว้กันเปิดประตูเข้ามา
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ของหญิงสาวแทบจะพล่ามัวเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา
แล้วจากคำพูดที่ขอเอกสารของเธอไม่บอกก็รู้ว่าต้องเป็นรีไวโลกนี้อย่างแน่นอน
“เอเลนนายมาทำอะไรน่ะ?”
คิ้วคมยกขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นเด็กหนุ่มในชุดลำลองคาดด้วยผ้ากันเปื้อนสีกรมท่าถือถาดอาหารอยู่ในห้องทำงานของหญิงสาว
ใบหน้ามนคิ้วกระตุกกับคำถามของคนตรงหน้า
หมอนี้ตั้งใจจะยั่วโมโหเขาอย่างนั้นเหรอไง? “ผมก็เอาอาหารมาให้คุณฮันซี่ตามที่คุณบัญชามาไงครับ”
รีไวสบมองเอเลนด้วยความงุนงงกับลักษณะการพูดและท่าทางที่เปลี่ยนไป
ทุกครั้งที่เด็กหนุ่มเจอเขามักจะยิ้มและเข้ามาหาราวกับสุนัขตัวโตที่เห็นเจ้าของ
แต่วันนี้กลับเป็นส่งสายตาเชิงตำหนิมาให้และทำตัวราวกับลูกหมาที่กำลังพยายามขู่ หรือเขาเผลอทำอะไรให้หมอนี่ไม่พอใจ?
“ฉันไม่ได้สั่งนายนี่เอเลน”
พยายามทบทวนความจำตัวเองแต่ก็จำไม่เห็นได้ว่าให้ทำอาหารมาให้ฮันซี่
“คุณนี่นอกจากเป็นตาแก่โรคจิตแล้ว
ยังเป็นอัลไซเมอร์อีกสินะ” นัยน์ตาสีมรกตเหล่มองคนตรงหน้าอย่างรู้สึกหน่าย
“นายเป็นอะไรของนาย?”
ใบหน้าคมเริ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย ดูเหมือนเขาจะไปทำให้เอเลนโมโหเข้าอย่างมากเลยสินะ
ชายหนุ่มจึงสาวเท้าเข้าไปหาร่างบางเพื่อดูว่าเจ้าตัวเป็นอะไรกันแน่
วันนี้ท่าทีถึงได้แปลกอย่างที่ไม่เคยเจอ
“ว๊ากก!!! อย่าเข้ามานะตาแก่โรคจิต” เด็กหนุ่มเดินถอยหลังจนแผ่นหลังชิดติดกับกำแพง
โดยมีชายหนุ่มอีกคนเดินสาวเท้าตามเข้าไป
“นายเป็นอะไรของนายเอเลน?”
มือหนาขึ้นจับบนแก้มเนียนของเด็กหนุ่ม
ด้วยความตกใจเอเลนจึงเผลอทำถาดในมือร่วงหล่น
เพล้ง!!
เสียงชามกระเบื้องหล่นแตกพร้อมทั้งซุปร้อนที่หกเลอะลงที่พื้น
รีไวโอบตัวร่างบางเพื่อหลบซุปร้อนที่เกรงว่าจะกระเด็นใส่เด็กหนุ่ม
รวมทั้งเศษกระเบื้องที่ปลิวมา
“นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ชายหนุ่มจับร่างบางผลิกไปมาพลางสำรวจความเรียบร้อยของเด็กหนุ่ม
เมื่อเห็นว่าเอเลนปลอดภัยดี มือแกร่งจึงเอื้อมลูบไล้ผมสีน้ำตาลอย่างคุ้นชินพลางยกยิ้มบาง
“ดูเหมือนจะเรียบร้อยดีนะ”
“!!!!!!!” ใบหน้ามนขึ้นสีระเรื่อราวกับมะเขือเทศสุกปลั่ง
เดี๋ยวนะหมอนี่ทำไมวันนี้ใจดีขนาดนี้ ฝนต้องตกลงมาเป็นปลาแน่ๆ!!
“วันนี้นายแปลกๆนะ”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งคนตรงหน้ามากยิ่งขึ้น “ทำไม......วันนี้ นายดูเด็กจัง?”
ฮันซี่มองเหตุการณ์เดจาวูตรงหน้าที่แตกต่างกันนิดหน่อย
แม้จะตื่นเต้นกับทฤษฏีโลกคู่ขนานผนวกกับเหตุการณ์เดจาวูที่กำลังเกิดขึ้น
แต่ดูเหมือนเธอคงต้องรีบหาข้อแก้ตัวและคำอธิบายดีๆอีกสักรอบ......
TBC.
.........................................................................................................................................................................................................................
Talk : ที่จริงจะลงตอนพิเศษ(หลัก) คู่ แจนมิน หรือ มินแจน? อันนี้ไม่แน่ใจฮาๆ ของ Last Memory ค่ะ แต่ว่าดันอยากเขียนเรื่องที่คิดเค้าโครงไว้นานแล้วแทน เลยแหกโค้งมาอันนี้(ตามอารมณ์จริงๆ)
สำหรับฟิคพิเศษนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักของทั้งสองเรื่องนะคะ แต่แค่อยากเอามาเจอกันดูน่ะค่ะท่าจะสนุกดี
คาดว่า 2 ตอนก็จบแล้วค่ะ เป็นฟิคสั้นสนองความโม่ยตามเคย
เรื่องรวมเล่มก็กำลัง กราดื๊บ กราดื๊บ ไปอย่างหนอนชาเขียวอยุ่ค่ะ จะพยายามเขียนตอนพิเศษให้เสร็จสักทีนะคะ แฮร่ >x<""""
ฝากเพจกลุ่มเช่นเคยค่ะ เข้าๆไปพูดคุยทักทายกันได้นะคะ https://www.facebook.com/beru89club?ref_type=bookmark
.........................................................................................................................................................................................................................
Talk : ที่จริงจะลงตอนพิเศษ(หลัก) คู่ แจนมิน หรือ มินแจน? อันนี้ไม่แน่ใจฮาๆ ของ Last Memory ค่ะ แต่ว่าดันอยากเขียนเรื่องที่คิดเค้าโครงไว้นานแล้วแทน เลยแหกโค้งมาอันนี้(ตามอารมณ์จริงๆ)
สำหรับฟิคพิเศษนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักของทั้งสองเรื่องนะคะ แต่แค่อยากเอามาเจอกันดูน่ะค่ะท่าจะสนุกดี
คาดว่า 2 ตอนก็จบแล้วค่ะ เป็นฟิคสั้นสนองความโม่ยตามเคย
เรื่องรวมเล่มก็กำลัง กราดื๊บ กราดื๊บ ไปอย่างหนอนชาเขียวอยุ่ค่ะ จะพยายามเขียนตอนพิเศษให้เสร็จสักทีนะคะ แฮร่ >x<""""
ฝากเพจกลุ่มเช่นเคยค่ะ เข้าๆไปพูดคุยทักทายกันได้นะคะ https://www.facebook.com/beru89club?ref_type=bookmark
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น