วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Special Last Memory + ล่ารักอันตราย : Parallel world


Special Last Memory + ล่ารักอันตราย : Parallel world

Pairing : Levi x Eren

****หมายเหตุ**** ตอนนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักใดใดทั้งสิ้นนะคะ เขียนขึ้นสนองความเวิ่นของตัวเองค่ะ แหะๆ><”””

……………………………………………………………………………………………………..

 

            นัยน์ตาสีมรกตกลมโตจ้องมองใบหน้าคมเข้มเฉยชาที่คุ้นชินอย่างรู้สึกเกร็ง ถึงแม้ใบหน้าและท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคย แต่บรรยากาศอันตรายที่ปกคลุมรอบตัวทำให้ชายหนุ่มคนนี้แตกต่างไปจากคนที่เขารู้จัก

            ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงที่แล้ว ที่เขามาส่งรายงานที่ห้องของอาจารย์ฮันซี่ หรือถ้าจะเรียกให้ถูกต้องเรียกว่าอาคารวิจัยเฉพาะของ ดร.ฮันซี่ อาจารย์ฮันซี่เรียกได้ว่าเป็นบุคลากรที่สำคัญของมหาลัยหรืออาจไปถึงระดับโลก ด้วยผลงานการค้นคว้าวิจัยต่างๆที่มีมากมาย ระดับสมองและสติปัญญาอย่างหาตัวจับได้ยากทำให้อาจารย์ฮันซี่ได้งบทุนวิจัยที่สูงลิ่วและการสนับสนุนผลงานจากองค์กรต่างๆทั่วโลก นับเป็นโชคดีของมหาวิทยาลัยชินาที่ได้บุคลากรทรงคุณค่ามาให้ความรู้กับเหล่านักศึกษา

            ภายในอาคารของคนคลั่งไคล้การทดลองและประดิษฐ์สิ่งต่างๆ การที่มีอุปกรณ์และสิ่งประดิษฐ์แปลกตามากมายจึงเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ภายในอาคาร และด้วยที่ว่าเป็นอาคารสำหรับเพื่อทำการค้นคว้าและงานวิจัยโดยเฉพาะจึงมีไม่กี่คนที่สามารถเข้า ออก ที่แห่งนี้ได้ ซึ่งตัวเขาได้รับสิทธิพิเศษ เข้าออก ก็เพราะความสนิทสนมส่วนตัวกับบุคลากรอัจฉริยะคนนั้น

            อาคารทั้งอาคารวันนี้ก็ดูราวกับว่าจะไม่มีใครเข้ามาเช่นเดิม นอกจากผู้ที่มีชื่อเดียวกับอาคารแห่งนี้ และตัวเขาที่ถูกเรียกให้มาส่งรายงานถึงอาคารเฉพาะกิจที่ตั้งแยกห่างออกมาจากอาคารอื่นๆของมหาวิทยาลัย เอเลนเดินไล่หมายเลขห้องต่างๆที่อยู่บนป้ายกำกับไว้ไปทีละห้องเพื่อค้นหาคนที่เขาจะต้องมาทำธุระด้วย เมื่อพบเจอตัวหญิงสาวก็กำลังมุ่งมั่นอยู่กับการประกอบหรือไขน๊อตกับเครื่องที่หน้าตาคล้ายตู้สีเงินที่มีท่อยาวทะลุขึ้นไปรวมทั้งโครงสร้างและแผงวงจรที่ต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่รูปร่างลักษณะแปลกๆ แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่แต่เจ้าเครื่องตรงหน้านี้ทีเดียวที่เรียกว่าแปลก สิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ภายในอาคารนี้ราวกับหลุดออกมาจากหนังแนววิทยาศาสตร์ หรือหนังสือการ์ตูนที่เขาเคยเห็น หลายครั้งที่เข้ามาภายในอาคารจึงอดตื่นเต้นกับสิ่งต่างๆที่มีรอบตัวไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นบางอย่างก็ดูอันตรายเกินกว่าที่เขาอยากเข้าไปยุ่งอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า

            “อาจารย์ฮันซี่ครับ” ตะโกนเรียกหญิงสาวที่ยังคงจดจ่ออยู่กับการจัดการสิ่งประดิษฐ์ของตน โดยไม่มีทีท่าว่าจะรับรู้ถึงการมาของเขาเลยสักนิด

            แต่เมื่อตัดสินใจจะเดินเข้าไปใกล้คนกำลังยุ่งอยู่นั้น อยู่ๆเจ้าตัวก็กระโดดลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น

            “เสร็จแล้ว!!” ตะโกนพร้อมยกแขนขึ้นเช็ดเหงื่อที่เริ่มซึมออกมา แม้ภายในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำก็ตาม แล้วเมื่อหันหลังเตรียมกลับไปสำรวจยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ถัดไป ก็เจอกับเด็กหนุ่มร่างโปร่งบางที่เข้ามาหาด้วยใบหน้าที่กำลังสับสน

            “อ้าวเอเลน มาส่งรายงานสินะวางไว้บนโต๊ะเลย” มือเรียวชี้ไปยังโต๊ะสีขาวที่เต็มไปด้วยกองเอกสารที่วางอัดกระจายเต็มโต๊ะ เอเลนจึงได้แต่พยายามจัดเก็บเอกสารที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องเดียวกันแยกกองไว้กับกองรายงานที่คาดว่าหญิงสาวน่าจะใช้เวลาว่างในการตรวจ จึงนำมายังที่ห้องทำงานแห่งนี้

            “คุณฮันซี่ทำอะไรอยู่หรือครับ?” หลังจากพยายามจัดการกองเอกสารต่างๆมากมายบนโต๊ะจนเจอกองรายงานและวางส่งได้ เขาจึงกลับมาให้ความสนใจกับสิ่งประดิษฐ์ตรงหน้าที่หญิงสาวกำลังขะมักเขม้นจัดการโปรแกรมในคอมพิวเตอร์

            ฮันซี่หันมาสบตากลมโตของเด็กหนุ่มพร้อมยิ้มกว้างด้วยสายตาเป็นประกาย

            “นี่เอเลนนายรู้จักทฤษฎีโลกคู่ขนานรึเปล่า?”

            “อ...เออ ใช่ที่ว่าเหมือนกับมีเราอีกคนในอีกมิติอย่างนั้นรึเปล่าครับ” นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองที่จอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งกำลังไล่ใส่รหัสโค๊ดต่างๆที่เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด

            “ราวๆนั้นแหละ โลกเรามันซับซ้อนมากเลยนะ นอกจากจะมีการแบ่งมิติของช่วงเวลา อดีต ปัจจุบัน อนาคต และยังมีโลกคู่ขนาน หรือมิติที่ทับซ้อนกันอยู่อีกมากมายเลยล่ะ” หญิงสาวค่อยๆอธิบายด้วยความตื่นเต้น

            ด้วยความสนใจเอเลนจึงเริ่มเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ถัดไปมานั่งลงข้างๆฮันซ่

            “อย่างเรื่องรถไฟที่หายไปในอุโมงค์ที่ใช้เวลาผ่านแค่ราว 2 นาที และโผล่มาอีกครั้งใน 42 ปี ต่อมา โดยที่คนบนรถโดยสารยังอายุเท่าเดิม หรือเรื่องของภาพเหตุการณ์ในช่วงสงครามที่จบไปแล้วแต่ยังกลับเกิดขึ้นราวกับฉายหนังซ้ำภาพเดิมในหมู่บ้านทางยุโรป หรือจะเป็นเหตุการณ์เดจาวูต่างๆที่หลายคนอาจเคยสัมผัสได้ เช่นที่ว่าไปสถาณที่ที่เพิ่งได้ไปครั้งแรก แต่กลับรู้จักดีราวกับไปมาแล้วหลายครั้ง พวกนั้นล้วนเป็นเรื่องของเหตุการณ์โลกคู่ขนานทั้งสิ้น”

            เอเลนฟังที่คุณฮันซ่อธิบายอย่างรู้สึกสนใจ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักแต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับหญิงสาวเช่นกัน

            “เมื่อไม่นานมานี้ฉันผลิตเจ้าเครื่องติดต่อโดยสับผ่านคลื่นแม่เหล็กเพื่อจูนกับคลื่นมิติที่น่าจะเป็นโลกคู่ขนาน เธอเดาสิฉันเจออะไร” ฮันซี่หันมาสบตากับเอเลนด้วยประกายแววตาระยิบระยับอย่างตื่นเต้น รวมทั้งลมหายใจของเธอที่เริ่มติดขัดด้วยความรู้สึกที่เริ่มพลุ่งพล่าน

            “อ....เออ คุณหมายถึงติดต่อกับคนที่อยู่อีกมิติงั้นเหรอครับ?”

            ฮันซี่ดีดนิ้วดังเป๊าะ พร้อมทั้งยื่นมือไปจับพนักพิงเก้าอี้ของเด็กหนุ่มจนเอเลนสะดุ้งกับท่าทางที่ตื่นเต้นและมีความสุขแบบแปลกๆของคนตรงหน้า

            “มันยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ฉันสามารถติดต่อกับตัวฉันเองอีกคนที่อยู่ในโลกคู่ขนานได้ไงล่ะ!!!

            นัยน์ตาสีมรกตมองสบกับนัยน์ตาสีเปลือกไม้อย่างไม่อยากเชื่อที่ได้ยิน เพื่อยืนยันสิ่งที่ตนพูดฮันซ่จึงกลับไปที่เครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเองและเข้าโปรแกรมที่คาดว่าน่าจะเป็นโปรแกรมติดต่อกับคนที่อยู่อีกโลกตามที่เจ้าตัวได้บอกไว้

            เมื่อคลิ๊กเข้าไปแล้วส่งสัญญาณไปไม่นาน หน้าจอก็ปรากฏภาพหญิงสาวที่ราวกับพิมพ์เดียวกันบนหน้าจอต่อเด็กหนุ่ม

            เอเลนมองหน้าจอที่ฉายภาพหญิงสาวสลับกับหน้าฮันซ่ที่อยู่ตรงหน้าไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ นี้คุณฮันซ่หลอกเขาโดยการอัดคลิปวีดีโอไว้รึเปล่า?

            “ว่าไงฮันซี่ฝั่งโน้น ฉันประดิษฐ์เครื่องที่ว่าพร้อมแล้วนะเธอพร้อมแล้วหรือยัง?” ฮันซี่ในโลกคู่ขนานเบี่ยงกล้องไปยังเจ้าเครื่องมือประหลาดที่หน้าตาคล้ายกันกับที่อยู่ตรงหน้าเขา

            [ฉันตื่นเต้นชะมัดเลยฮันซี่ นี้จะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่เลยนะเพียงแค่เราเปิดเครื่องพร้อมกันแล้วฉันจะข้ามไปหาเธอที่โลกฝั่งนู้นได้แล้ว] ฮันซี่ในจอคอมพิวเตอร์ตอบกลับมาด้วยความตื่นเต้น

            เอเลนมองทั้งสองคนที่สนทนากันอย่างเหลือเชื่อ นี้ก็เท่ากับว่ามีตัวเขาอีกคนที่อยู่โลกทางนั้นสินะ แล้วตัวเขาจะเป็นยังไงกัน แค่คิดก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้านี้แล้ว

            ฮันซี่เตรียมเดินไปเปิดอุปกรณ์ของเครื่องเคลื่อนย้ายมิติแล้วเช็คทุกอย่างให้เรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะยืนยันกับฮันซี่ที่อยู่อีกฝั่งของจอคอมพิวเตอร์

            เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยฮันซี่ทั้งคู่จึงเริ่มที่จะนับถอยหลังเพื่อเตรียมกดปุ่มสตาร์ทที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกัน

            “เอาล่ะนะ 5   4    3   2   1” ฮันซี่ทั้งคู่สูดอากาศเข้าหายใจพร้อมกัน ก่อนจะวางมือของตัวเองลงบนปุ่มแดงหน้าเครื่อง

            Go!!” สวิตซ์ถูกกดพร้อมกัน แสงสีขาววิ่งไล่ตามท่อและสายที่เชื่อมโยงกับตู้ขนาดใหญ่ ฮันซี่ในอีกโลกมองประตูของตู้ที่จะเปิดออกเมื่อเวลามาถึงอย่างตื่นเต้น เพียงแค่ลำแสงสีขาวทั้งหมดวิ่งมารวมกันที่ตู้ตรงกลางประตูก็จะเปิดออกแล้วเคลื่อนย้ายเธอไปยังอีกมิติทันที

            แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อประตูห้องทำงานของฮันซี่ถูกเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มร่างไม่สูงที่เดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ

            “โฮ่ยย ยัยแว่นไองบประมาณบ้าบอนี้มัน อ....!!!” เมื่อร่างเล็กแต่แข็งแกร่งนั้นเดินเข้ามาช่างประจวบเหมาะกับที่ลำแสงทั้งหมดไหลมารวมกัน ประตูที่ปิดอยู่ของสิ่งประดิษฐ์ซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าห้องทดลองของเธอจึงเปิดออก พร้อมทั้งดูดชายที่เข้ามาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่นั้นมาแทนที่

            เมื่อลำแสงสีขาวที่เจิดจ้านั้นจางลง ประตูที่ราวกับลิฟต์ก็เปิดออก พร้อมชายหนุ่มที่หน้าตาคมดุตรงหน้าโดยไร้ซึ่งวี่แววของคุณฮันซี่ที่ควรจะมาด้วยกัน

            ทันทีที่ประตูเปิดออกมือแกร่งจึงคว้าคอเสื้อคนตรงหน้าที่เขาคุ้นชินกับการเล่นพิเรนทร์อย่างนึกรำคาญ

            “เล่นบ้าอะไรของเธอยัยสี่ตา ไอแสงสีขาวนั้นมันอะไร? เกี่ยวกับไองบประมาณมากมายที่ฉันกำลังจะถามเธอรึเปล่า?” นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง

            “จ... ใจเย็นๆนะ ร.. รีไว อีกมิติ แค่กๆ” ฮันซี่พยายามดึงมือที่ดึงคอเสื้อตัวเองออก แม้จะผิดคนแต่เท่ากับว่าผลงานเธอประสบผลสำเร็จ ตอนนี้ใบหน้าเลยไม่อาจกลั้นยิ้มอยู่แม้กำลังจะโดนคนตรงหน้าจ้องเอาเรื่องก็ตาม

            “ยิ้มอะไรของเธอยัยโรคจิต แล้วอะไรอีกมิติ แกนี้ชักจะเพี้ยนขึ้นทุกวัน” คิ้มเข้มยังคงขมวดมุ่นอย่างรำคาญ

            เอเลนมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะยังสับสน แต่ก็พยายามเข้าไปหวังช่วยไกล่เกลี่ยด้วยเกรงว่าคุณฮันซ่จะขาดอากาศตายเสียก่อน

            เอเลนจึงเข้าไปแตะที่ไหล่ของคนที่เขาเหมือนจะคุ้นเคยดี “อ.....เออ ค.. คุณรีไวอีกคน ปล่อยคุณฮันซี่ก่อนดีกว่านะครับ”

            ใบหน้ามนยิ้มเฝื่อนอย่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

            รีไวหันมองสบตาเด็กหนุ่ม คิ้วคมขมวดมุ่นอย่างสงสัย ก่อนมือแกร่งจะยอมปล่อยคอเสื้อของหญิงสาวออก แล้วเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มร่างบางแทน

            เอเลนเผลอเดินถอยหลังจนหลังแนบติดกับกำแพง  มือแกร่งวางทาบบนกำแพง ใบหน้าคมไล้มองสำรวจเด็กหนุ่มตรงหน้าไปมาอย่างสงสัย

            “ทำไมนายดูแปลกไปจากเดิม?”

            “อ.... เออ แปลกยังไงเหรอครับ?”

            “เหมือนนายจะโตขึ้น และก็.....” มือแกร่งสัมผัสลงบนแก้มเนียน “ดูเหมือนจะเชื่องขึ้นนะไอหนู”

            “อ..เอ๊ะ?” ยังไม่ทันหายสงสัย ใบหน้าคมดันเด็กหนุ่มให้โน้มเข้าหาตนเองมากขึ้น ก่อนที่ริมฝีปากจะแตะกันมือบางของหญิงสาวรีบเข้ามาตะครุบไว้อย่างทันท่วงที

            “เฮ้ย ถึงจะเป็นรีไวเหมือนกันแต่ถ้านายแตะต้องเอเลนของรีไวฝั่งนี้ฉันว่าศพฉันไม่สวยแน่” ฮันซี่ทำสายตาจริงจัง ก่อนหันไปสบกับใบหน้ามนที่หน้ากำลังแดงระเรื่อและสับสน จนฮันซี่ต้องถอนหายใจออกมา “เอเลนต่อให้หมอนี้จะเป็นรีไวแต่ก็ไม่ใช่รีไวของนายนะ” พยายามย้ำเตือนสติเด็กหนุ่ม

            “อ.. ครับ!” มือบางยกขึ้นปิดปากของตนเอง ใบหน้าเด็กหนุ่มขึ้นสีระเรื่อด้วยความอาย ดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาบ้าง เลยทำได้แต่แอบสำนึกผิด เพราะแม้จะเป็นคนเดียวกันแต่ก็ไม่ใช่คุณรีไวของเขาอย่างที่คุณฮันซี่ว่าไว้

            คนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรก็มีชายหนุ่มที่ถูกปิดปากไว้จนเริ่มรู้สึกหงุดหงิด ก่อนมือหนาจะค่อยๆดันมือที่ปิดปากตนออก แล้วบิดมือนั้นอย่างรวดเร็ว

            “ว๊ากก!!! เจ็บนะเฮ้ยรีไวอีกมิติ” ฮันซี่ตะโกนว่าพร้อมทั้งสะบัดมือที่โดนบิดของตัวเองไปมา

            ใบหน้าคมจ้องมองหญิงสาวที่คาดว่าน่าจะเป็นตัวต้นเหตุของเรื่องที่เขากำลังไม่เข้าใจอยู่ตอนนี้ ทำไมต้องเรียกเขาว่ารีไวอีกมิติ แล้วอะไรคือที่ว่าแม้จะเหมือนกันแต่ก็ต่างกัน นัยน์ตาสีขี้เถ้าเริ่มฉายแววดุดันเอาเรื่อง จนฮันซี่เริ่มเหงื่อแตกพลั่ก

            “เอาล่ะยัยสี่ตา..... เธอมีอะไรที่ต้องอธิบายฉันใช่ไหม?”

 

 

 

 

 

            จากสิ่งที่เกิดขึ้นการที่คนอันตรายตรงหน้าจะปล่อยรังสีทะมึนนั่งอยู่บนโซฟาเขาก็พอเข้าใจ และเมื่อไม่กี่นาทีก่อนที่พยายามจะส่งคนคนนี้กลับไปมิติของตัวเอง เหตุการณ์ที่ราวกับแพทเทริ์นนิยายชวนหัวก็เกิดขึ้น เพราะเครื่องดันมีปัญหาเอาเสียดื้อๆอย่างนั้น

            “ยัยเพี้ยนหมายเลข 2 อีกนานไหมกว่าไอเครื่องเส็งเคร็งจะแก้เสร็จ” เสียงดุเย็นเอ่ยถาม ทำให้ฮันซี่ที่กำลังเช็คสิ่งประดิษฐ์ของตนถึงกับเหงื่อแตกพลั่กในห้องแอร์เย็นฉ่ำ เธอว่ารีไวในโลกของเธอก็โหดพอตัวอยู่แล้วนะ แต่พอเจอหมอนี่ที่ได้ข้อมูลจากฮันซี่ฝั่งนั้นมาว่าพวกเขาทำงานเป็นผู้มีอิทธิพลที่ราวกับมาเฟีย ยิ่งทำให้รีไวที่กำลังอยู่ในห้องนี้โหดกว่าเดิม

            “ฉันก็พยายามอยู่น๊า ก็นายดันสะเหร่อหาเรื่องเข้ามาเอง” ถึงแม้จะโหดกว่าคนที่เธอคุ้นชิน แต่ก็เพราะความคุ้นชินนี้ล่ะเลยทำให้เธอเลยทำตัวปกติ

            “ชิ!” ด้วยไม่อยากต่อล้อต่อเถียงชายหนุ่มจึงได้แต่สบถอย่างเสียอารมณ์

            “เอาน่าฉันกับฮันซี่ฝั่งนั้นก็เร่งแก้ไขอยู่ นายมานี้ทั้งทีลองไปสำรวจรอบเมืองดูหน่อยเป็นไง?”

            “เธอหวังจะให้ฉันเป็นข้อมูลการทดลองคราวนี้ของเธออยู่สินะ” นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองอย่างรู้ทัน

            “แหม โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆนี่นา” ฮันซี่ส่งยิ้มระรื่นอย่างไม่รู้สึกผิด อยากรู้เหมือนกันว่ารีไวจากโลกคู่ขนานที่แตกต่างเมื่อมาอยู่ในอีกมิติจะทำตัวยังไง?

            “ไม่ ฉันจะนั่งรอจนกว่าแกจะส่งฉันกลับไปยัยโรคจิต” นัยน์ตาสีขี้เถ้ายังคงจ้องหญิงสาวอย่างตำหนิและรำคาญ

            เอเลนวางถ้วยชาสิร์ฟลงตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะส่งยิ้มให้

            “ดื่มชารอก่อนละกันนะครับ เออ..... คุณรีไวอีกมิติ”

            มือแกร่งยกชาขึ้นดื่ม ความหอมของชาร้อนที่ขึ้นจมูกและรสชาตที่กลมกล่อมนุ่มคอทำให้เขาเริ่มรู้สึกดีขึ้น

            “โฮ่ ไม่เลว”

            “ดีจังครับ ดูเหมือนคุณรีไวจะชอบชาเหมือนกันเลยนะครับ” ใบหน้ามนหัวเราะเบาๆกับความเหมือนของทั้งสองคนที่แม้จะอยู่ในมิติที่ต่างกัน

            นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ส่งยิ้มให้ ก่อนมือแกร่งจะยกขึ้นไปลูบผมสีน้ำตาลอย่างนึกเอ็นดู เด็กหนุ่มเองก็ก้มลงมาให้ลูบหัวโดยง่าย........

            “นายกับรีไวทางนี้มีความสัมพันธ์กันยังไง?” เอ่ยถามข้อสงสัย เพราะดูจากท่าทางที่ใส่ใจของเด็กหนุ่มทำให้อดสงสัยไม่ได้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง

            “อ... เออ ก็ ... แบบ” เอเลนหน้าขึ้นสีอย่างนึกอาย แม้จะเป็นเรื่องที่คนรอบตัวเขารู้กันดีอยู่แล้ว แต่การมาบอกจากปากของตัวเองเขาก็ยังคงเขินอยู่ดี และยิ่งต้องมาบอกกับคนที่เรียกได้ว่าคนเดียวกันอีกแบบนี้ เขาก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเหมือนกัน

            “ก็บอกไปสิว่านายเป็นแฟนหมอนั่นน่ะเอเลน” ฮันซี่เอ่ยแทรกพลางหัวเราะขำกับท่าทางที่น่ารักของเด็กหนุ่ม และสีหน้าไม่เข้าใจของชายหนุ่ม เธอไม่รู้หรอกนะว่ารีไวกับเอเลนในอีกมิติหนึ่งจะเป็นอย่างไร แต่ที่รู้สึกได้ก็คือแม้จะอยู่อีกสถานที่ แต่ทั้งสองกลับถูกดึงดูดและสนใจในกันและกัน

            “โฮ่ งั้นเหรอ” คิ้วคมเลิ่กขึ้นเป็นเชิงถามย้ำกับเด็กหนุ่ม

            “..ครับ” ใบหน้ามนยิ่งสุกปลั่งยิ่งขึ้น

            “อ๊ะ! คุณรีไวจะไปไหนครับ?” เอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มลุกขึ้นเหมือนเตรียมออกไปจากห้อง

            “คิดว่าโลกนี้น่าจะมีอะไรน่าสนใจอยู่เลยอยากเดินดูระหว่างรอสักหน่อย” ใบหน้าคมหันไปสบตากลมโตสีมรกต “ถ้านายว่างช่วยนำเที่ยวหน่อยได้ไหมเจ้าหนู?”

            ฮันซี่พยายามกลั้นหัวเราะกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของรีไว ทั้งที่ตอนแรกบอกว่าจะนั่งเฝ้าเธอซ่อมเครื่อง แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจอยากเดินสำรวจเมือง อีกทั้งยังขอให้เอเลนช่วยนำเที่ยวด้วย แม้แต่ฮันซี่ที่อยู่ในจอคอมพิวเตอร์อีกมิติก็ยังขำขันกับเหตุการณ์และท่าทีของรีไวที่ราวกับว่ารังสีอันตรายที่แผ่ซ่านออกมาในคราแรกเริ่มลดน้อยลง

            “อ่ะ ถ้าคุณไม่รังเกียจงั้นผมจะพาเที่ยวนะครับ” เอเลนตอบรับด้วยท่าทีแข็งขัน

            [นี้เอเลนฝั่งนั้นน่ะ หมอนั่นแม้จะหน้านิ่งแต่เป็นพวกมือไวแล้วชอบแกล้งยังไงนายก็ระวังตัวด้วยละกันนะ!! ฮ่า ฮ่า ] ฮันซี่ในจอคอมพิวเตอร์ตะโกนร้องเตือนพลางหัวเราะ

            “ไม่หรอกครับ คุณฮันซี่ คุณรีไวเขาไว้ใจได้นะครับ“ คำพูดที่เชื่อมั่นของเด็กหนุ่มทำให้รีไวลดมือที่เตรียมขว้างหนังสือเล่มหนาลง

            นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือมองใบหน้าที่คล้ายกันของเด็กหนุ่มข้างกาย แต่นิสัยและความสัมพันธ์ที่แตกต่างทำให้เขาเริ่มสนใจกับชีวิตประจำวันของเอเลนในโลกที่แตกต่างออกไป

           

            เมื่อทั้งสองออกไปฮันซี่จึงได้กลับมาให้ความสนใจกับการแก้ไขสิ่งประดิษฐ์ของตนอีกครั้ง ก่อนที่เรื่องจะวุ่นวายไปมากกว่าเดิมเธอก็ควรส่งรีไวอันตรายกลับไปสู่มิติของตนเองให้เรียบร้อย คิดว่าคงไม่มีอะไรที่ทำให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้แล้ว....

ตูม!!!!

เสียงของเครื่องระเบิดขึ้นอีกครั้ง แล้วเมื่อประตูตู้เปิดออก ฮันซี่ถึงกับกุมขมับทันที

[เมื่อกี้เอเลนยกข้าวกลางวันเข้ามาให้ฉันตอนเดินเครื่องพอดี หมอนั่นอยู่ทางนั้นรึเปล่า!?] ฮันซี่รีบตะโกนสอบถามผ่านจอคอมพิวเตอร์

ฮันซี่จึงเบนกล้องไปที่เด็กหนุ่มที่ถือถาดอาหารเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยังไม่รู้เรื่อง

“คุณฮันซี่จะทานข้าวเลยไหมครับ?” เอเลนเอียงคอมองถามหญิงสาว

ฮันซี่ได้แต่ถอนหายใจพลางนวดขมับตนเอง ก็น่าดีใจอยุ่หรอกนะที่ราวกับยืนยันว่าสิ่งประดิษฐ์ของเธอใช้งานได้จริง แต่ก็หวัง่วาคงไม่มีเรื่องน่าปวดหัวกว่านี้แล้วล่ะนะ

แกร๊ก

“ฮันซี่ฉันมาขอสรุปแฟ้มคดีของอาทิตย์ที่แล้ว” ชายหนุ่มร่างไม่สูงแต่แข็งแกร่งแต่งกายด้วยเสื้อคลุมโค้ทหนังยาวที่มีสัญลักษณ์ปีกไขว้กันเปิดประตูเข้ามา

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ของหญิงสาวแทบจะพล่ามัวเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา แล้วจากคำพูดที่ขอเอกสารของเธอไม่บอกก็รู้ว่าต้องเป็นรีไวโลกนี้อย่างแน่นอน

“เอเลนนายมาทำอะไรน่ะ?” คิ้วคมยกขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นเด็กหนุ่มในชุดลำลองคาดด้วยผ้ากันเปื้อนสีกรมท่าถือถาดอาหารอยู่ในห้องทำงานของหญิงสาว

ใบหน้ามนคิ้วกระตุกกับคำถามของคนตรงหน้า หมอนี้ตั้งใจจะยั่วโมโหเขาอย่างนั้นเหรอไง? “ผมก็เอาอาหารมาให้คุณฮันซี่ตามที่คุณบัญชามาไงครับ”

รีไวสบมองเอเลนด้วยความงุนงงกับลักษณะการพูดและท่าทางที่เปลี่ยนไป ทุกครั้งที่เด็กหนุ่มเจอเขามักจะยิ้มและเข้ามาหาราวกับสุนัขตัวโตที่เห็นเจ้าของ แต่วันนี้กลับเป็นส่งสายตาเชิงตำหนิมาให้และทำตัวราวกับลูกหมาที่กำลังพยายามขู่ หรือเขาเผลอทำอะไรให้หมอนี่ไม่พอใจ?

“ฉันไม่ได้สั่งนายนี่เอเลน” พยายามทบทวนความจำตัวเองแต่ก็จำไม่เห็นได้ว่าให้ทำอาหารมาให้ฮันซี่

“คุณนี่นอกจากเป็นตาแก่โรคจิตแล้ว ยังเป็นอัลไซเมอร์อีกสินะ” นัยน์ตาสีมรกตเหล่มองคนตรงหน้าอย่างรู้สึกหน่าย

“นายเป็นอะไรของนาย?” ใบหน้าคมเริ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัย ดูเหมือนเขาจะไปทำให้เอเลนโมโหเข้าอย่างมากเลยสินะ

ชายหนุ่มจึงสาวเท้าเข้าไปหาร่างบางเพื่อดูว่าเจ้าตัวเป็นอะไรกันแน่ วันนี้ท่าทีถึงได้แปลกอย่างที่ไม่เคยเจอ

“ว๊ากก!!! อย่าเข้ามานะตาแก่โรคจิต” เด็กหนุ่มเดินถอยหลังจนแผ่นหลังชิดติดกับกำแพง โดยมีชายหนุ่มอีกคนเดินสาวเท้าตามเข้าไป

“นายเป็นอะไรของนายเอเลน?” มือหนาขึ้นจับบนแก้มเนียนของเด็กหนุ่ม

ด้วยความตกใจเอเลนจึงเผลอทำถาดในมือร่วงหล่น

เพล้ง!!

เสียงชามกระเบื้องหล่นแตกพร้อมทั้งซุปร้อนที่หกเลอะลงที่พื้น รีไวโอบตัวร่างบางเพื่อหลบซุปร้อนที่เกรงว่าจะกระเด็นใส่เด็กหนุ่ม รวมทั้งเศษกระเบื้องที่ปลิวมา

“นายไม่เป็นไรใช่ไหม?” ชายหนุ่มจับร่างบางผลิกไปมาพลางสำรวจความเรียบร้อยของเด็กหนุ่ม เมื่อเห็นว่าเอเลนปลอดภัยดี มือแกร่งจึงเอื้อมลูบไล้ผมสีน้ำตาลอย่างคุ้นชินพลางยกยิ้มบาง

“ดูเหมือนจะเรียบร้อยดีนะ”

!!!!!!!” ใบหน้ามนขึ้นสีระเรื่อราวกับมะเขือเทศสุกปลั่ง เดี๋ยวนะหมอนี่ทำไมวันนี้ใจดีขนาดนี้ ฝนต้องตกลงมาเป็นปลาแน่ๆ!!

“วันนี้นายแปลกๆนะ” นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งคนตรงหน้ามากยิ่งขึ้น “ทำไม......วันนี้  นายดูเด็กจัง?”

ฮันซี่มองเหตุการณ์เดจาวูตรงหน้าที่แตกต่างกันนิดหน่อย แม้จะตื่นเต้นกับทฤษฏีโลกคู่ขนานผนวกกับเหตุการณ์เดจาวูที่กำลังเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนเธอคงต้องรีบหาข้อแก้ตัวและคำอธิบายดีๆอีกสักรอบ......
           
TBC.
.........................................................................................................................................................................................................................
Talk : ที่จริงจะลงตอนพิเศษ(หลัก) คู่ แจนมิน หรือ มินแจน? อันนี้ไม่แน่ใจฮาๆ ของ Last Memory ค่ะ แต่ว่าดันอยากเขียนเรื่องที่คิดเค้าโครงไว้นานแล้วแทน เลยแหกโค้งมาอันนี้(ตามอารมณ์จริงๆ)
สำหรับฟิคพิเศษนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักของทั้งสองเรื่องนะคะ แต่แค่อยากเอามาเจอกันดูน่ะค่ะท่าจะสนุกดี
คาดว่า 2 ตอนก็จบแล้วค่ะ เป็นฟิคสั้นสนองความโม่ยตามเคย

เรื่องรวมเล่มก็กำลัง กราดื๊บ  กราดื๊บ ไปอย่างหนอนชาเขียวอยุ่ค่ะ จะพยายามเขียนตอนพิเศษให้เสร็จสักทีนะคะ แฮร่ >x<""""

ฝากเพจกลุ่มเช่นเคยค่ะ เข้าๆไปพูดคุยทักทายกันได้นะคะ 
https://www.facebook.com/beru89club?ref_type=bookmark

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น