วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love Lesson 2:


Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love

Pairing: (LevixEren)

Story By: Trendy Blood

………………………………………………………………………………………………..

Lesson 2:

 

หลังจากที่ต้องเดินทางกลับบ้านที่ต่างเมืองเพื่อไปทำธุระกับพี่สาว ทันทีที่กลับถึงหัองพักซึ่งไม่ได้อยู่ร่วมเกือบสองสัปดาห์ สิ่งแรกหลังจากที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่และใบเล็กอีกหนึ่งใบวางลงกับพื้นของห้องพักประจำ เหล่าอุปกรณ์ทำความสะอาดก็ถูกรื้อออกมาเพื่อใช้งาน

รีไวกวาดตามองรอบๆห้องพักที่ไม่ได้กว้างนัก แต่เพียงพอแล้วกับการที่เขาอาศัยอยู่เพียงแค่นอนหลักในแต่ละวันเพียงคนเดียว ทั้งห้องจึงมีแต่ของใช้ที่จำเป็นเท่านั้น หรือเรียกได้ว่าไม่ได้มีการซื้อสิ่งของเพิ่มเติม ห้องพักที่เขาอาศัยอยู่ทุกวันนี้เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงานที่ทำงานในบริษัท แน่นอนว่าค่าเช่าห้องนั่นเมื่อเทียบกับที่อื่นจึงถูกกว่ามาก และถึงแม้จะไม่ได้กว้างแต่ก็มีการแบ่งสัดส่วนในส่วนของห้องครัวซึ่งแยกกับห้องนอน และในส่วนของครัวยังพอมีพื้นที่เหลืออีกนิดหน่อยสำหรับการวางโซฟาหนึ่งตัวและโทรทัศน์เพื่อให้ดูเหมือนห้องรับแขก ห้องน้ำซึ่งอยู่ถัดจากห้องนอน และระเบียงที่สามารถตากผ้าได้

“เจ้าหนูนายขึ้นไปนั่งรอบนโซฟาระหว่างฉันทำความสะอาดก่อน” รีไวจัดการรองน้ำในถึงและพับผ้าสีขาวให้เป็นสามเหลี่ยมก่อนจะผูกไว้ที่ท้ายทอยเพื่อใช้ปิดจมูกกันฝุ่นผง และพับผ้าสีขาวอีกผืนเพื่อหวังจะใช้คลุมผมอีกครั้ง

มือเล็กของเด็กน้อยดึงผ้าสีขาวในมือชายหนุ่มก่อนจะนำมาผูกปิดปากตามที่ได้เห็นคนอายุมากกว่าทำ

“ผมจะช่วยนะฮะคุณอา” นัยน์ตาสีมรกตกลมโตฉายแววสนุกสนาน รีไวจึงไม่คิดจะขัดความตั้งใจของเด็กน้อย

เอเลนไล่เปิดหน้าต่างและระเบียงเพื่อระบายอากาศภายในห้องตามที่คนอายุมากกว่าสั่ง ทั้งสองคนเริ่มจัดการปัดฝุ่นจากบนตู้วางของ เคานท์เตอร์ในครัว โซฟา ไล่ลงมาก่อนจะจัดการกวางฝุ่นที่พื้น เพราะแต่เดิมเขาทำความสะอาดบ่อยอยู่แกล้วด้วยนิสัยรักความสะอาดของเขา และก่อนเดินทางเขาก็จัดการทำความสะอาดเพื่อเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว ฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆจึงมีไม่มาก

เด็กน้อยจัดการเช็ดโซฟาตามที่รีไวบอก แล้วจัดการนำหมอนอิงที่อยู่บนโซฟาไปที่ระเบียงเพื่อตากแดดยามบ่ายของวัน

รีไวเปิดห้องนอนจัดการกับผ้าคลุมเตียงที่เขาคลุมกันฝุ่น ชายหนุ่มมองเตียงห้าฟุตที่เขาใช้นอนประจำ หมอนหนุนใบใหญ่และชุดเครื่องนอนที่มีเพียงชุดเดียวเพราะเขาไม่เคยต้องแชร์เตียงร่วมกับใคร แต่ดูเหมือนว่าหลังจากทำความสะอาดเขาคงต้องจัดการไปซื้อหมอนหนุน ผ้าห่ม และอาจมีของใช้อื่นๆที่จำเป็นกับการตัดสินใจที่รับสมาชิกตัวน้อยคนหนึ่งมาอยู่ด้วย

ใบหน้าคมมองผ่านประตูดูเด็กชายตัวน้อยวิ่งเอาหมอนอิงบนโซฟาไปที่ระเบียงตากอย่างกระตือรือร้น เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าที่ตัดสินใจพาเจ้าเด็กนี้มาอยู่กับเขาจะเป็นการดีรึเปล่า แต่เมื่อตัดสินใจไปแล้วเขาก็ต้องยอมรับและรับมือกับผลที่จะตามมา

 

หลังจากจัดการทำความสะอาดเรียบร้อยเขาเริ่มจัดการรื้อกระเป๋าเดินทางเพื่อเก็บของเข้าที่ เอเลนจัดการเปิดกระเป๋าใบเล็กของตน มือเล็กหยิบสีเทียนและสมุดวาดภาพที่มิคาสะยกให้เขาก่อนเดินทางออกมา พร้อมค่อยๆนำเสื้อผ้าและของใช้ที่ติดตัวมาไม่กี่อย่างมาวางเรียงกัน ใบหน้ากลมมนจ้องมองชายหนุ่มที่กำลังจัดการเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้เสื้อผ้า

“คุณอาให้ผมเอาของไว้ที่ไหนดีฮะ?”

นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองใบหน้ากลมที่รอฟังคำตอบก่อนค่อยๆหันมองสิ่งของรอบห้องของตน เพราะว่าอยู่คนเดียวจนชินและเขาไม่เคยคิดซื้ออะไรเพิ่มเติมจึงไม่มีตู้หรือกล่องอะไรที่พอจะวางของของเอเลนได้เลย รีไวหันกลับมามองตู้เสื้อผ้าของตนที่ยังมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่มากเพราะนอกจากชุดทำงานและชุดไปรเวทเพียงไม่กี่ชุดเขาเองก็แทบไม่ได้ใส่ใจกับการซื้อเสื้อผ้าเท่าไรนัก แต่ก็เหมือนจะเป็นสิ่งที่ดี เพราะตอนนี้เขาคงต้องจัดการเคลียร์ตู้เสื้อผ้าเพื่อแบ่งที่ให้กับสมาชิกตัวน้อยที่เพิ่มมา รีไวจัดการย้ายเสื้อผ้าที่เขาแขวนไปชิดอีกมุมของตู้ทั้งหมด ก่อนจะหยิบไม้แขวนที่เหลืออยู่มาจัดการแขวนกองเสื้อตัวเล็กที่เอเลนคัดออกมาวางไว้ ก่อนจะจัดการเก็บของในกระเป๋าทั้งของเขาและเอเลนทั้งหมดให้เรียบร้อย

มือเล็กวิ่งมาช่วยเขาปิดตู้เสื้อผ้า ใบหน้ากลมเงยมองสบกับคนสูงกว่าพลางยกยิ้มบาง มือหนาจึงวางลงบนผมสีน้ำตาลและขยี้เบาๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ตัวเขายังแทบไม่ได้ทำอะไรเลยแต่รอยยิ้มบางของเอเลนทำให้เขาคิดว่า เด็กน้อยคงดีใจที่ได้แบ่งตู้เสื้อผ้าร่วมกับเขาเพราะมันราวกับว่าเขาและเอเลนได้อยู่ด้วยกันแล้วจริงๆ

“เตรียมตัวซะไอหนูเราจะออกไปข้างนอกกัน” ว่าพลางหยิบหมวกสีแดงของเอเลนที่เขาเพิ่งเก็บเข้าตู้ไปออกมาสวมลงบนศีรษะสีน้ำตาล

มือเล็กจับหมวกของตนพลางมองตามหลังของคนอายุมากกว่าที่เดินนำออกจากห้อง

“นายต้องซื้อของที่จำเป็นอีก แล้วก็เสื้อผ้าแค่นั้นมันไม่พอใช่ไหมล่ะเอเลน” เพราะน้ำหนักของกระเป๋าที่ขึ้นเครื่องมีจำกัด เขาและพี่สาวจึงจัดการเก็บแค่ของใช้ที่จำเป็นมา และจะส่งที่เหลือมาอีกครั้งทางไปรษณีย์ แต่กว่าที่ของที่ส่งตามมาที่หลังจะมาถึงนั่นก็อีกหลายสัปดาห์ เสื้อผ้าเพียง4-5ชุดคงไม่เพียงพอ

“ฮะ!” เอเลนรีบวิ่งตามแผ่นหลังที่เดินออกไป นัยน์ตากลมโตจ้องมองแผ่นหลังแกร่งไม่วางตา ความรู้สึกตื่นเต้นกับชีวิตใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นทำให้เอเลนรู้สึกหัวใจพองโต แผ่นหลังแข็งแรงที่อยู่เบื้องหน้าให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง และน่าไว้วางใจ

 

รีไวพาเอเลนไปห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก ขาแกร่งเดินไปยังแผนกเครื่องนอนเพื่อจัดการซื้ออุปกรณ์ในการนอนเพิ่มเติมสำหรับสมาชิกใหม่ ใบหน้าเฉยชามองลายผ้าห่ม ปลอกหมอน และชุดเครื่องนอนต่างๆที่พนักงานต่างหยิบยื่นมาให้ดูพลางขมวดคิ้ว เพราะบอกพนักงานไปว่าหาของที่เด็กน่าจะชอบพนักงานสาวจึงนำลายการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่ต่างๆที่กำลังเป็นที่นิยมออกมานำเสนอ และแน่นอนเขาที่ไม่ค่อยได้สนใจหรือตามกระแสจึงไม่รู้จักเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ที่สวมหน้ากากแบบต่างๆหรือมนุษย์ตัวเขียวที่กล้ามเป็นมัดๆหน้าตาขี้โมโหตลอดเวลา ดูเหมือนเขาควรให้เอเลนเลือกเองน่าจะดีที่สุด

ใบหน้าเฉยชาหันหลังกลับไปเพื่อมองหาเด็กน้อยให้จัดการเลือกชุดเครื่องนอน คิ้วคมขมวดมุ่นพลางหันมองไปรอบตัว เพราะคนที่น่าจะเดินอยู่ที่ข้างหลังเขากลับไม่อยู่ สองขาจึงรีบก้าวออกจากแผนกชุดเครื่องนอนวิ่งย้อนไปตามทางที่เขาเดินมา นัยน์ตาสีขี้เถ้าสะบัดไปมาเพื่อมองหาเด็กน้อยที่หายไป สองขาที่วิ่งเริ่มเร็วขึ้นพอๆกับหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นอย่างหวั่นวิตก เพราะความเคยชินกับการอยู่คนเดียว อีกทั้งตอนที่อยู่ที่บ้านพี่สาวเขาก็ไม่ได้เข้าไปในตัวเมืองหรือออกไปจากไร่ที่อยู่รอบๆบ้าน เขาจึงลืมไปว่าเอเลนก็เป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็ก และสถานที่อย่างในเมืองใหญ่ที่เขาอยู่เด็กเล็กๆสามารถพลัดหลงได้ง่าย

สองขาแข็งแกร่งวิ่งย้อนมาตามบันไดเลื่อนของห้างสรรพสินค้า ใบหน้าคมยังคงพยายามสอดส่ายหาร่างเล็กที่หายไป ก่อนจะสะดุดกับหมวกสีแดงใบเล็กที่กำลังถูกหญิงสาวแผนกประชาสัมพันธ์ก้มเพื่อซักถาม รีไวรีบวิ่งเข้าไปหาเด็กร่างเล็กที่สวมหมวกสีแดง ในใจที่ร้อนรุ่มหวังภาวนาให้เป็นเอเลนที่เขากำลังตาม แขนแกร่งจับลงที่บ่าของเด็กน้อย ร่างเล็กหมุนตัวกลับมา นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองอย่างหวาดระแวงก่อนสองแขนจะโอบเข้าลำคอหนาเมื่อเห็นชายหนุ่ม รีไวถอนหายใจอย่างโล่งอก สองมือประคองเด็กน้อยก่อนจะลูบลงบนผมสีน้ำตาลเพื่อปลอบขวัญ ใบหน้าคมกล่าวขอบคุณหญิงสาวแผนกประชาสัมพันธ์ก่อนค่อยๆพาร่างเล็กไปนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆ

“ขอโทษฮะ” เสียงเล็กเอ่ยอย่างหวั่นๆเมื่อนั่งลงบนม้านั่งสีน้ำตาล

มือใหญ่วางลงบนหมวกสีแดงก่อนจะขยี้เบาๆ “ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษนาย”

ใบหน้ากลมมนเงยมองนัยน์ตาสีขี้เถ้าอย่างสงสัย “คุณอาขอโทษทำไมฮะ ผมผิดเองที่คลาดสายตากับคุณอาแล้วก็ผิดที่วิ่งตามคุณอาไม่ทัน”

“นั่นล่ะที่ฉันผิดเอเลน” มือหนาจับมือเล็กของเด็กชายยังยังสั่นระริกอยู่เล็กน้อย

“ฉันผิดที่ไม่ได้จับมือนายไว้ เพราะงั้นฉันต้องขอโทษนาย” มือใหญ่บีบมือเล้กให้แน่นขึ้นเพื่อแสดงความขอโทษจากใจจริง

“ผม......ไม่ฮะ....ไม่เป็นไร คราวนี้ผมจะวิ่งตามคุณอาให้ทัน”

มือหนาจับลงที่แก้มของเด็กหนุ่มก่อนจะจับยืดออก จนมือน้อยยกขึ้นมาจับแก้มของตัวเองพลางน้ำตาคลอด้วยความเจ็บ

“ฉันบอกแล้วไงว่านายไม่จำเป็นต้องอดทนหรือพยายามที่จะทน ฉันรู้ว่าเมื่อกี้นายคงกลัว” รีไวสูดหายใจลึกก่อนค่อยๆพ่นออกมา เขารู้ว่าเอเลนคงกลัวที่เขาหายไปเช่นเดียวกับที่เขาพยายามวิ่งหาตัวเด็กน้อยเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย

“ฟังนะไอหนู คราวนี้ฉันจะจับมือของนายไว้ แล้วถ้าฉันลืมจับมือของนายอีก  สิ่งที่นายต้องทำคือตะโกนเรียกฉันเข้าใจไหมเอเลน?” นัยน์ตาสีขี้เถ้าสบกับนัยน์ตาสีมรกตอย่างจริงจัง ใบหน้ากลมหวานจึงพยักหน้าตอบรับ

เขาทั้งคู่ยังคงไม่คุ้นชินกันและกัน เพราะเวลาที่รู้จักกันนั้นเพียงแค่สองสัปดาห์และต้องมาอยู่ด้วยกัน อีกทั้งยังไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ถึงกระนั้นมือที่เขายื่นออกไปแล้ว และเขาคิดที่จะคว้าไว้แล้วนั้นตอนนี้การจับมือแล้วค่อยๆก้าวไปด้วยกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด มากกว่าการที่ให้ใครคนหนึ่งคอยมองเดินตามแผ่นหลังของเขา

 

หลังจากการตะลอนซื้อของใช้ที่จำเป็นในที่สุดทั้งรีไวและเอเลนก็กลับมาถึงห้องพักในช่วงหัวค่ำ รีไวจัดการจัดของที่ซื้อมาทั้งหมดเข้าที่โดยมีเด็กน้อยเอเลนคอยช่วยอยู่ข้าง ชุดเครื่องนอน ชุดทานอาหาร อุปกรณ์การอาบน้ำ และของใช้จำเป็นอื่นๆถูกจัดวางเข้าไปเพิ่มเติมจากของที่เขามีใช้ประจำ ชายหนุ่มจัดเตียงแบ่งเป็นฝั่งโดยจัดให้เอเลนนอนชิดริมกำแพงเพราะเกรงว่าเจ้าตัวดีจะนอนดิ้นจนตกเตียง

“อย่างที่เห็นว่าที่นี้มันแคบนายคงต้องทนนอนเตียงเดียวกับฉันไปก่อนนะเจ้าหนู” หมอนลายซุปเปอร์ฮีโร่สีเหลืองที่มีกรงเล็บถูกจัดวางชิดริมกำแพงพร้อมผ้าห่มผืนหนาที่เข้าชุดกัน

“ผมชอบนอนกับคุณอาฮะ” ใบหน้ากลมมนยิ้มบางพลางลองขึ้นไปนั่งบนเตียงที่ตอนนี้เขาได้สิทธิ์ครึ่งนึง

“ก่อนนอนนายต้องไปอาบน้ำและแปรงฟันก่อนนะเจ้าหนู” รีไวอุ้มเจ้าตัวดีที่กำลังตื่นเต้นกับลายซุปเปอร์ฮีโร่บนที่นอนลงจากเตียง

ชุดนอน ผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟันพร้อมแก้วน้ำถูกยื่นให้เด็กน้อยก่อนเจ้าตัวจะรับมาแล้วเดินเข้าไปยังห้องน้ำอย่างว่าง่าย

รีไวมองข้าวของเครื่องใช้ที่เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างล่ะชุด ห้องเล็กๆที่เคยคิดว่ามีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับอยู่คนเดียว ตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มมีข้าวของขึ้นมาเติมจนเริ่มเต็ม เสื้อผ้าในตู้ที่มีที่ว่างเหลือเกินกว่าครึ่งถูกเติมด้วยเสื้อผ้าชุดเล็กๆมากมาย ถุงเท้า หมวก สมุดระบายสี สีเทียน หนังสือนิทาน หรือแม้กระทั่งชุดทานอาหารที่มีขนาดเล็กสำหรับเด็กค่อยๆถูกวางตามที่ต่างๆทั่วห้องพัก มือแกร่งยกขึ้นเกาผมสีรัตติกาลของตนพลางยกยิ้มบาง........................แบบนี้ก็ไม่เลว.............................

 

เช้าการทำงานวันแรกหลังจากที่ได้หยุดพักร้อนไปสองสัปดาห์ รีไวจัดการผูกไทต์ก่อนจะคลุมสูททำงานทับอีกครั้ง โดยมีเอเลนเป็นคนยื่นสูทให้ชายหนุ่ม

“อาหารของนายฉันเตรียมไว้ให้แล้วทั้งสามมื้อ นายอยู่คนเดียวได้สินะ”

ใบหน้ามนพยักหน้าตอบรับพร้อมทั้งเดินตามไปส่งที่ประตู รีไวหันกลับมามือหนาวางลงบนผมสีน้ำตาลก่อนขยี้เบาๆ

“ถ้ามีอะไรนายก็โทรหาฉันเข้าใจไหมเอเลน?”

“ฮะ ถ้ามีอะไรผมจะโทรไปนะฮะคุณอา”

ประตูสีน้ำเงินเข้มปิดลง ชายหนุ่มจัดการล็อคกุญแจห้องให้เรียบร้อยก่อนเดินจากไป ถึงเขาจะห่วงอยู่บ้างที่ต้องให้เอเลนอยู่ตามลำพังแต่คำบอกเล่าของพี่สาวที่ว่าเอเลนเองก็อยู่บ้านคนเดียวหลายครั้งเวลาที่ทั้งพ่อและแม่ของเด็กนั่นไปทำงาน จะมีก็แต่ที่ต้องไปต่างเมืองหลายวันแม่ของเด็กนั่นถึงมาฝากเอเลนไว้กับพี่สาวของเขา และจากคำยืนยันของพี่สาวเลยทำให้เขาพอวางใจที่จะปล่อยให้เอเลนอยู่คนเดียวได้บ้าง

ทันที่ที่ถึงบริษัทเหล่าลูกน้องในแผนกต่างวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยความดีใจ ที่จริงต้องบอกว่าหน้าตาแต่ละคนดีใจราวกับเจอขุมทรัพย์จนเขารู้สึกไม่ชอบมาพากลน่าดู

“หัวหน้ากลับมาแล้วดีจริงๆเลยครับ อุ๊ก!!” เพราะความดีใจจนพูดรัวทำให้ชายหนุ่มเผลอกัดลิ้นตนเอง

“หัวหน้าคะช่วงที่หัวหน้าไม่อยู่ที่นี้ราวกับนรกมากเลยล่ะค่ะ” หญิงสาวผมสั้นสีน้ำตาลวิ่งเข้ามาหาพร้อมแฟ้มเอกสารงานกองโตอย่างดีใจ

“คุณฮันซี่ทำเรื่องไว้เพียบเลยล่ะครับ ดีจริงๆที่หัวหน้ากลับมาทัน” ชายหนุ่มผมทองเกาผมของตนพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นเขา

“ผมรู้ว่าหัวหน้าคงเหนื่อยแต่ตอนนี้เราต้องการหัวหน้าสุดๆเลยล่ะครับ” ชายหนุ่มผิวสีเข้มวิ่งเข้ามาหาพร้อมยื่นชาร้อนให้เขาที่โต๊ะ

รีไวถอนหายใจพลางประเมินสถานการณ์และเหล่าแฟ้มงานรวมถึงเอกสารที่วางกองบนโต๊ะ ดูเหมือนการที่เขาหายไปสองอาทิตย์จะทำให้ที่นี้เหมือนขุมนรกกับใครหลายๆคน บางทีอาจรวมถึงตัวเขาตอนนี้ด้วยก็เป็นได้

“ฉันเดาว่ายัยเพี้ยนสี่ตานั่นคงเสนออะไรแผลงๆกับทีมวิศวะไปสินะ” มือแกร่งหยิบปากกาขึ้นมาพลางเปิดแฟ้มเตรียมเคลียงานเอกสารที่กองอบู่บนโต๊ะจนแทบไม่เห็นพื้นโต๊ะสีไม้ของเขา

“อ....เออ อันที่จริงต้องบอกว่า คุณฮันซี่ทำการดัดแปลงเครื่องยนต์ของตัวโมเดลล่าสุดที่กำลังทำการทดลองจนห้องเครื่องเพิ่งระเบิดไปเมื่อวาน......น่ะค่ะ”

คำให้การของผู้ช่วยสาวถึงกับทำให้มือที่กำลังเซ็นต์เอกสารหักปากกาแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ดูเหมือนว่าช่วงที่เขาหยุดไปยัยเพี้ยนสี่ตาจะทำอะไรตามอำเภอใจจนน่าจับมาให้เขากระทืบเล่นอยู่ไม่น้อย

“แล้วตอนนี้ห้องเครื่องเป็นไงบ้างเพทร่า?” คิ้วคมขมวดมุ่นพลางถามพนักงานสาว

“อ....เออ...คือ โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บแต่ตัวโมเดลเครื่องต้องทำใหม่ทั้งหมดค่ะ” เพทร่าพยายามหลบสายตาคมดุที่จ้องมาพลางเหงื่อตก

“แล้วถ้าฉันจำไม่ผิดงานเปิดรถรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการที่เรียกพวกนักข่าวมาแล้วนั่นอีก1อาทิตย์สินะเพทร่า?” คิ้วคมที่เริ่มกระตุกถี่พยายามรวบรวมสมาธิรื้อฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับหมายกำหนดการ

“อ....เออ.....ก็ประมานนั้นแหละค่ะ”

ป็อก!

เสียงปากกาเซ็นต์เอกสารอีกแท่งหักคามือของรีไว ก่อนร่างแกร่งจะค่อยๆแยกเอกสารบางส่วนที่จำเป็นและเร่งด่วนออกมาก่อนให้เลขาสาว

“พวกนายจัดการงานของพวกนายซะ ฉันจะไปลากยัยสี่ตานั่นมารับผิดชอบไปด้วยกัน” ร่างแกร่งเดินออกจากโต๊ะทำงานตรงไปยังห้องสำหรับพักเบรกที่เขาคิดไว้แล้วว่าต้องเจอตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

ทันทีที่ถึงห้องพักพนักงาน หญิงสาวสวมแว่นตาถึงกับพ่นกาแฟที่ดื่มเข้าไปออกมาเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างเล็กแต่เป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งในเรื่องการทำงานและพละกำลังของแผนกวิศวะกรเครื่องยนต์ แล้วเธอต้องพยายามเบนหลบสายตาที่จ้องมาพร้อมรังสีฆ่าฟันที่รุนแรง

“อ......เออ.....รีไว นายไปพักผ่อนเป็นไงบ้าง?” ฮันซ่พยายามเอ่ยทักอย่างเป็นมิตร ถีงกระนั่นสายตายังคงเบนหลบไปมองที่กำแพงซึ่งไม่มีอะไรเลย

“โฮ่....ดูเหมือนเธอก็พอรู้ตัวว่าทำอะไรผิดอยู่นี่ยัยบ้ามหาภัย”

รังสีและน้ำเสียงที่แผ่ออกมาทำให้ฮันซี่ถึงกับพยายามกลืนน้ำลายหนืดลงคอ

“ฉ...ฉันแค่พยายามจะช่วยให้สมรรถนะมันดีขึ้นและแตกต่างจากที่มีในท้องตลาดน่ะรีไวแหะ แหะ...”

“โฮ่....ไม่เลวแล้วเธอทำอะไรกับมันล่ะยัยเพี้ยน?” นัยน์ตาสีขี้เถ้าฉายแววประกายรอฟังคำตอบ

“ก.....ก็.....ฉันใส่ไอพ่นไฟแบบในหนังที่ดูเมื่ออาทิตย์ก่อนลงไป.....ไม่คิดว่ามันจะ...”

ตึง!!!

เศษซากกำแพงสีขาวร่วงกราวเป็นรอยหลุมแตกเป็นวงกว้างจากขาแกร่งที่จงใจถีบเข้าไป

“โฮ่ยยย ฟังดูมีจินตนาการไม่เลว.....แล้วฉันหวังว่าเธอจะต้องรับผิดชอบกับจินตนาการเพี้ยนๆของเธอ ยัยหัวหน้าวิศวะจอมเพี้ยน”

แขนแข็งแรงกระชากคอเสื้อเชิ้ตของคนที่กำลังดื่มกาแฟออกจากห้องไปเตรียมรับชะตากรรมของการทำงานที่เรียกได้ว่านรกที่ยาวนานถ้าจะต้องจัดการให้ทั้งหมดเสร็จทันตามกำหนดเวลาเดิมที่วางไว้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียชื่อของบริษัทอีกทั้งเพื่อไม่ให้เป็นการเสียประวัติการทำงานของเขาที่แม้อายุจะยังไม่มากแต่งานทุกชิ้นต้องมีคุณภาพเยี่ยมยอด และตรงตามเวลา........

 

พระอาทิตย์ตกดินไปเป็นเวลานานแล้วแต่ทีมวิศวกรเครื่องยนต์ยังไม่อาจหยุดมือที่ต้องพยายามเร่งให้โมเดลคันใหม่ที่ใกล้จะเปิดตัวเสร็จทัน หลังจากที่โมเดลคันแรกพังไม่เหลือชิ้นดี

“รีวายยยย ชั้นขอพักหน่อยเถอะไม่ไหวแล้ว” ฮันซี่เลื่อนตัวออกมาจากใต้ท้องเครื่องพร้อมทั้งนอนแผ่อย่างหมดแรง เป็นเวลากว่า 10 ชัวโมงแล้วที่เธอต้องเขียนแผนผังใหม่กับชายหนุ่มสุดแกร่งแล้วกว่ามติจะเป็นเอกฉันท์ก็ใช้เวลาทั้งวัน ตอนนี้เธอยังต้องมาจัดการตามแบบที่เขียนแก้ไขขึ้นมาใหม่เพื่อให้ทันตามเวลา ตอนนี้สภาพเธอเรียกว่าซอมบี้ก็ว่าได้

“เธอเป็นคนก่อก็ต้องแก้มัน” รีไวจัดการประกอบเครื่องยนต์ในกระโปรงรถแต่ละชิ้นเข้าด้วยกัน

เพราะเป็นความรับผิดชอบของเขาที่ไม่จัดการตัวปัญหาให้ดีก่อนไปพักร้อนยาวจึงต้องอยู่ร่วมรับผิดชอบ ถึงอย่างนั้นเหล่าลูกน้องของเขาบางคนก็ยินดีที่จะอยู่ร่วมมือ

“รีวายยย นี่มันก็ดึกมาแล้วนะ นายไม่เห็นใจฉันเลยหรือไงกัน?” ฮันซี่เริ่มต่อรอง

“นี่มันหน้าที่ของเธอ” นัยน์ตาสีขี้เถ้าเพียงตวัดมองก่อนจะก้มลงไปไขอุปกรณ์ในกระโปรงรถต่อ

“ใช่สิ นายมันอยู่คนเดียวเลยไม่มีใครรอให้กลับบ้านนี่” ฮันซี่ถอนหายใจก่อนจะค่อยๆเลื่อนล้อลากตัวเองเข้าไปใต้ท้องรถอย่างอิดออด

ใบหน้าคมชะงักกับคำพูดของวิศวกรสาว นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองนาฬิกาบนพนังห้องซึ่งเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว

“ยัยสี่ตาฉันกลับก่อนนะ” ถุงมือผ้าถูกถอดโยนลงบนโต๊ะแบบแปลน เสื้อช็อปของบริษัทถูกถอดออกอย่างรวดเร็ววางพาดไว้กับโต๊ะ

ก่อนที่จะได้เอ่ยถามร่างแกร่งก็วิ่งออกจากห้องเครื่องไปอย่างรวดเร็ว โดยมีสายตาของฮันซี่และเหล่าลูกน้องคนอื่นๆมองตามอย่างสงสัย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มไม่นอนค้างบริษัทและรีบกลับราวกับเพิ่งนึกอะไรออก

 

ทันทีที่ออกมาหน้าบริษัทรีไวรีบโบกเรียกรถแท็กซี่กลับไปยังห้องพักของตน ทั้งที่ปกติแล้วเขาจะเดินกลับหรือขึ้นรถไฟใต้ดิน เพราะห้องพักนั่นอยู่ห่างจากบริษัทเพียงแค่สถานีเดียว แต่เพราะตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียว และดูจากเวลาคาดว่าเอเลนคงเข้านอนไปแล้วตามเวลาปกติที่เจ้าหนูจะนอนไม่เกินสามทุ่ม

โทรศัพท์สมาร์ทโฟนถูกเปิดขึ้นมาเพื่อดูสายเรียกเข้าที่เขาอาจไม่ได้รับ แต่ก็ไม่มีสายเรียกเข้าใหม่หรือเบอร์จากห้องพักของเขาโทรเข้ามาเลยสักครั้ง จึงเป็นตัวเขาเองที่ลองโทรเข้าไปยังห้องพักของตนแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ บางทีเอเลนอาจนอนหลับไปแล้วอย่างที่เขาคิด

เพียงห้านาทีรถแท็กซี่ก็มาถึงที่หมาย ขาแกร่งก้าวลงจากรถก่อนจะรีบขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสาม กุญแจถูกไขเปิดประตูห้อง คิ้วคมขมวดมุ่นเมื่อเห็นว่าไฟในห้องนั้นมืดสนิท รีไวเลื่อนมือเพื่อหาสวิตไฟเพื่อเปิด แสงไฟจากหลอดไฟนีออนสว่างจ้าทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆที่อยู่ภายใน ที่หน้าประตูทางยกระดับก่อนเข้าห้องใบหน้าคมขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นก้อนผ้าห่มลายซุปเปอร์ฮีโร่สีเหลืองกองอยู่ที่พื้น รีไวจึงเก็บผ้าห่มขึ้นมาแล้วคิ้วคมก็ต้องเลิ่กขึ้นเมื่อเห็นเด็กน้อยนอนขดอยู่ตรงทางเดินเข้าห้อง

เมื่อผ้าห่มถูกเปิดออกแสงไฟกระทบกับม่านตาบางทำให้เด็กน้อยเริ่มรู้สึกตัว มือบางขยี้ตากลมโตของตัวเองก่อนค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่ง เมื่อตาเริ่มปรับโฟกัสได้แม้จะเบลออยู่บ้างแต่ก็เห็นว่ามีคนยืนอยู่ที่ด้านหน้า

“.....คุณอา...กลับมาแล้วเหรอฮะ....?”

รีไวนั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะวางมือลงบนผมสีน้ำตาลเบา

“ทำไมนายไม่ไปนอนที่ห้องนอนล่ะเจ้าหนู?” จากเสื้อผ้าที่เปลี่ยนเป็นชุดนอนคาดว่าเด็กน้อยคงอาบน้ำตามเวลาและเตรียมเข้านอนเรียบร้อยแล้ว

“คุณอายังไม่กลับมา...เอเลนเลยรอคุณอา” เสียงเล็กตอบอย่างอู้อี้เพราะกำลังสะลืมสะลือ

สองมือแข็งแรงค่อยๆพยุงเด็กน้อยขึ้นมาอุ้มก่อนจะตวัดผ้าห่มคลุมทับแล้วเดินไปยังห้องนอนวางร่างเล็กลงบนเตียง

“ฉันมีงานเลยกลับมาช้า คราวหลังนายมานอนที่เตียงเลยไม่ต้องรอนะเจ้าหนู” แขนแข็งแรงจัดวางผ้าห่มคลุมตัวหนูน้อยให้เข้าที่

“แต่เอเลนอยากรอคุณอา อยากบอกคุณอาว่ายินดีต้อนรับกลับบ้านเหมือนที่ทำกับคุณแม่” นัยน์ตาสีมรกตที่พยายามปรือมองค่อยๆปิดลงเพราะปกติเป็นเวลานอนของเด็กน้อย

มือหนาลูบไล้ใบหน้ากลมหวานที่หลับสนิทอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะเผลอทิ้งเจ้าหนูนี่โดยไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว แต่เจ้าหนูยังคงรอคอยเขาที่หน้าประตูและคงรออยู่อย่างนั้นเพื่อให้ประตูเปิดและเพื่อที่จะได้กล่าวต้อนรับกลับบ้านกับเขา ตัวเขาที่อยู่คนเดียวมานานไม่ต้องคอยคิดถึงคนที่เฝ้ารอยามเมื่อกลับถึงบ้านพอเจอแบบนี้เขาก็รู้สึกดีไม่น้อย จะเรียกว่าเขากำลังดีใจอยู่ก็ว่าได้.........
 
TBC.
.............................................................................................................
Talk: เกือบไม่ทัน(หรือที่จริงแล้วไม่ทันหว่า?)= =a กับ "โปรเจคฟิคปลอบเอเลน งดทำร้ายลูกชายแสนรัก7วัน" คนอื่นเขาเปิดเรื่องใหม่ อิชุ้นมาต่อเรื่องเดิมเข้าโปรเจคไปนะคะฮาๆๆๆ(แอบเลว)
คือถ้าไม่มีโปรเจคอันนี้จะไปเขียน Libido ต่อ พอดีมีโปรเจคนี้เลยนั่งปั่นต่อเครอะ(สีถลอกมาก) ตอนแรกว่าจะเปิดเรื่องใหม่เหมือนน้องอิง กับ พี่กวาง แต่อิชุ้นในหัวมีแต่มโนซัมติงที่ไม่ปลอบโยนเอเลนเลยล่ะ(คือการแกล้งเอเลนมันสนุกจุงเบย)
แล้วฟิคเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เยียวยาเอเลนสุดแล้วเลยขอยัดความแถไปกับโปรเจคฟิคปลอบเอเลน งดทำร้ายลูกชายแสนรัก7วัน นะคะ เค้าสอบถามอิงแล้วนะอิงบอกว่าได้เพราะงั้นถือว่าไม่เป็นไรเนอะๆ ^w^
 
ขอบคุณอิงและพี่กวางที่คิดโปรเจคสนุกๆนี้ขึ้นมาค่ะ  ขออภัยที่อิชุ้นมาแบบล่าช้า(แถมต่อของเก่า//นั่งเขี่ยพื้นอยุ่มุมห้อง)
ลิงค์ผู้ร่วมโปรเจคค่ะ

6 ความคิดเห็น:

  1. มาแล้วววว
    คุณรีไวล์กำลังทำให้ฉันเป็นโรคหัวใจเจ้าค่า
    เขินหลายตลบมากเจ้าค่ะ
    หนูเอเลนน่าขย่ำมาก (แม้แต่เด็กอินี่ก็ไม่เว้น)
    ปูเสื่อรอตอนต่อไปจ้าไรท์
    ปล เนื้อเรื่องจริง สงสารเอเลนสุดใจ ต้องรีบส่งเฮย์โจไปปลอบ
    ปล2 หุ่นเอเลนเรียกเลือดมากค่า

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตอนล่าสุดสงสารเอเลนมากค่ะ แต่เอาจริงก็เป็นเรื่องที่พอคาดเดาได้อยุ๋แล้วส่วนตัวเลยไม่ช็อคเท่าไร
      สำหรับฟิคเรื่องนี้ทำคนเขียนดาเมจเองหลายอย่างเช่นกันค่ะ แบบเขียนเองเขินเอง จิกหมอนเองแทบขาดค่ะ *//////////////////*

      ลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ16 ตุลาคม 2557 เวลา 12:38

    ทำไมหนูเอเลนถึงได้ดาเมจรุนแรงขนาดนี้ อิชุ้นจะไม่ทน >..,< รีไวล์ ว่าที่ภรรยามาอยู่บ้านแล้วนะคะ คราวหลังรีบกลับ อย่าให้ภรรยาต้องคอยน๊า~ อยากเห็นตอนเอเลนโตจังค่ะ =w=

    ปล. ขอล่ารักด้วยสิคะ #ผิดส์

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ฟิคนี้เอเลนโตแน่นอนค่ะ แต่คงโตแบบอายุไม่เลยวัยพ้นคุกฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ
      สำหรับล่ารักฯขอเวลาอีกสักนิดค่ะ ตอนนี้ขอปั่นโปรเจค Last Memory เพื่อจัดการเตรียมรวมเล่มก่อนนะคะ >x<
      แต่จะพยายามลงเรื่อยๆค่ะ

      ลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ17 ตุลาคม 2557 เวลา 00:21

    ฟิคน่ารักมากเลยค่ะ น้องเอเลนก็ดาเมจรุนแรงมากกก มันดูน่ารักซะจนสงสัยว่ามันจะมีตอนติดเรทจริงๆรึเปล่า คือคุณน้าจะทำร้ายหลานน่ารักๆอย่างนี้ลงคอหรอ แถมเฮย์โจวแกก็เอ็นดูเด็กซะขนาดนั้น ทำลงนี่ใจร้ายมากเลยน้าเฮย์โจวววว

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตอนติดเรทมีค่ะ แต่คงจะไม่ใช่แบบจำเลยรักเหมือนที่แล้วๆมาฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณน้าคงไม่ทำร้ายคุณหลานค่ะ เรื่องนี้รีไวจะเป็นผู้ปกครองที่แสนดี(มั่งนะ) =w="""""

      ลบ