วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Attack On Titan Fan fic.: Penalty


Attack On Titan Fan fic.: Penalty

Pairing: (LevixEren), (ReinerxEren)

Rate: NC 20, Yandere , BDSM , NTR , Guro

Warning: เรื่องนี้ยัน+เอสมากๆ ถ้าใครไม่ชอบแนวฆาตกรรม(ก็ไม่เชิงฆาตกรรมมั่ง?)หรืออะไรที่กดประสาทนิดหน่อยแนะนำให้ปิดนะคะ ><

Story By: Trendy Blood & Jadenchase

………………………………………………………………………………………………………………

 




            ชายหนุ่มร่างไม่สูงแต่กำยำไปด้วยกล้ามเนื้อเดินออกมาจากบ้านจัดสรรของตน วันนี้ก็ยังคงเป็นเฉกเช่นทุกวันที่ในช่วงเช้าก่อนชายหนุ่มจะออกไปทำงานเขาจะนำถุงขยะสีดำใบใหญ่ออกมาทิ้งในจุดสำหรับทิ้งขยะของหมู่บ้าน

            “สวัสดีค่ะคุณรีไว” เสียงของหญิงสูงวัยเอ่ยทัก

รีไวหันไปสบตากับหญิงสูงอายุที่คุ้นเคยกัน ด้วยที่ว่าพักอาศัยอยู่ในหมูบ้านเดียวกัน ใบหน้าเฉยชาคลี่ยิ้มบางสุภาพตอบกลับ

            “สวัสดีครับคุณนายแอนดิสัน”

            “น้องชายไปไหนซะล่ะพ่อหนุ่ม?” หญิงสูงวัยเอ่ยถาม โดยปกติเธอมักจะเห็นรีไวและน้องชายอีกคนของเขาออกมาทิ้งขยะด้วยกันเป็นบางครั้ง แต่2อาทิตย์ที่ผ่านมาเธอไม่เห็นเด็กหนุ่มอีกคนเลย

            “มหาลัยของเอเลนปิดเทอมแล้ว เขาเลยกลับบ้านไปอยู่กับทางครอบครัวน่ะครับ” รีไวตอบกลับ ชายหนุ่มยังคงรักษาท่าทางที่สุภาพกับคนอายุมากกว่า

            “ถึงว่าช่วงนี้ไม่เห็นเลย เธอกับเอเลนเป็นญาติห่างกันนี่นะ ถ้ามหาลัยของคุณปิดก็จะกลับไปเยี่ยมครอบครัวกันด้วยสินะคะ” ใบหน้าสูงวัยยิ้มอย่างเอ็นดู

            “ใช่ครับ อีกประมาณ 2-3 วันผมก็คงจะไม่อยู่ที่นี้แล้ว”

            คุณนายแอนดิสันยิ้มขำขันให้กับชายหนุ่ม

            “พูดราวกับว่าพวกคุณจะไม่กลับมาอีกอย่างนั้นแหละ ทั้งๆที่เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี้ได้ 3 เดือนเอง ยังไงซะพอเปิดเทอมเจ้าหนูเอเลนคงกลับมาทำให้คุณและแถวนี้ครึกครื้นกันเหมือนเดิม”

            “นั่นสินะครับ เอเลนเองก็ชอบที่นี้มากเช่นกัน”

            “นอกจากเอเลนแล้ว เมื่อไหร่คุณรีไวจะเปิดตัวคนรักของคุณสักทีล่ะคะ” นัยน์ตาสีฟ้าของหญิงสาวสูงวัยชำเลืองมองแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของชายหนุ่ม เพราะแหวนวงนี้ที่ราวกับเป็นเครื่องหมายตีตราจองทำให้เหล่าสาวๆในหมู่บ้านที่หวังจะตีสนิทและครอบครองหัวใจของรีไวเป็นอันต้องหอบใจที่ไม่สมหวังกลับไป แม้เจ้าตัวจะไม่เคยพาหญิงสาวผู้โชคดีคนนั้นมาให้รู้จัก แต่ทุกครั้งที่เล่าถึงคนรักชายหนุ่มมักมีรอยยิ้มอบอุ่นและละมุนเสมอ

            มือแกร่งลูบไล้แหวนเงินเกลี้ยงที่ประดับเพชรเม็ดเล็กของตนพลางยกยิ้ม ท่าทางที่ให้ความสำคัญของสัญลักษณ์สื่อกลางที่เชื่อมเขาและคนรักไว้ด้วยกัน ยิ่งทำให้คุณนายแอนดิสันรู้สึกเอ็นดูยิ่งขึ้น

            “นี่ก็สายมากแล้ว ผมคงต้องรีบไป”

            “จริงด้วยสิ อาชีพอาจารย์ในมหาวิทยาลัยอย่างคุณปล่อยให้เด็กๆรอคงดูไม่ดี”

            รีไวโค้งลาหญิงสูงวัยอย่างสุภาพก่อนเดินกลับไปที่บ้านสีขาวหลังคาสีฟ้าของตน รั้วสีขาวถูกเปิดออกก่อนที่รถยนต์ Porsche Carrera GT สีเงินจะพุ่งตัวออกไป แล้วรั้วสีขาวก็ปิดอัติโนมัติโดยที่ไม่ต้องลำบากลงไปเลื่อนปิด

            นัยน์ตาสีขี้เถ้าจับจ้องบนท้องถนนก่อนจะเบนสายตามาที่มือซ้ายของตนที่ยังคงบังคับพวงมาลัยรถ ริมฝีปากคมยกยิ้มขึ้นมุมปากก่อนจะยกมือซ้ายที่สวมแหวนของตนขึ้นมาจุมพิต

            อย่างที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเขารักคนรักของเขา ใช่รักมาก  มากเสียจนไม่อาจให้อภัยกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น…….

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            ย้อนกลับไปเมื่อ 3 เดือน ก่อน

            รีไวได้ซื้อบ้านจัดสรรเพื่อหวังให้เป็นที่เริ่มต้นชีวิตของเขากับคนรัก เด็กหนุ่มตาโต ตื่นเต้น กับบ้านจัดสรรสีขาวที่อยู่ตรงหน้า ร่างบอบบางโถมเข้ากอดชายหนุ่มแน่นด้วยความตื่นเต้นดีใจ และมันทำให้หัวใจที่ปกติเฉยชาไม่สนใจสิ่งใดพองโตด้วยความดีใจไม่ต่างกัน ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้เพื่อรักใครสักคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเกินรอบที่กำลังกอดรัดตัวของเขาอยู่

            “ดีใจจังครับ” เสียงใสของเด็กหนุ่มตะโกนพร่ำบอกอย่างไม่รู้สึกเหนื่อย ภายในอกเต้นระรัวด้วยดีใจ ไม่เคยคิดว่าจะมีใครที่ยอมทุ่มเทและห่วงแหนตนได้เท่าผู้ชายคนนี้อีกแล้ว

            “ใจเย็นเอเลน อย่าลืมสิว่าเรื่องของเราต้องเป็นความลับ” นัยน์ตาสีขี้จ้องดุร่างบางเล็กน้อย แต่นั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งอย่างนึกขึ้นได้ อ้อมแขนที่กอดแน่นจึงค่อยๆผ่อนคลายออก

            “ขขอโทษครับ พี่ชาย” ใบหน้ามนพองลมในแก้มน้อยๆอย่างนึกน้อยใจ เพราะไม่อาจให้ใครล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ที่แปลกแยกของพวกเขา

            มือหนาวางลงบนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้หวังให้กำลังใจ ใบหน้าคมยกยิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กหนุ่ม ซึ่งเอเลนเองก็ยิ้มตามเช่นกัน เพราะเขาเองก็เข้าใจและรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมขนาดไหน ความสัมพันธ์นี้แม้ไม่อาจเปิดเผยออกมาได้ แต่ความรู้สึกที่รีไวมีให้เขานั้นมันช่างอบอุ่น

            ถ้าไม่ได้มีเรื่องของหน้าที่การงาน หรือถ้าความสัมพันธ์ของพวกเขาสามารถที่จะเผยให้ใครต่อใครได้รับรู้ รีไวเองก็ไม่คิดที่จะลังเลบอกว่าตนเป็นเจ้าของเด็กหนุ่มคนนี้ แต่เพราะสถานะของเขาที่เป็นถึงอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยชั้นนำ เป็นที่นับหน้าถือตา จึงไม่อาจทำให้จุดยืนของเขานั้นสั่นคลอน อีกทั้งด้วยอายุที่น้อยกว่าเกินรอบของเอเลน ปัจจุบันเด็กหนุ่มจึงมีสถานะเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

            ความสัมพันธ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะได้มาบรรจบกัน ราวกับพรหมลิขิตในนิยายน้ำเน่าที่เขาไม่เคยคิดจะสนใจ แต่เหตุการณ์ที่เจอเอลน ทำให้เขาเริ่มคิดว่าพรหมลิขิตนั้นคงมีอยู่จริง

            ย้อนกลับไปเมื่อราว 5 ปี ก่อน ตัวเขาที่กำลังขับรถฝ่าสายฝนที่ตกกระหน่ำจนแทบมองไม่เห็นเส้นทาง แต่เพราะเป็นวันที่ดึกมากแล้วเขาจึงไม่คิดที่จะลดความเร็วลงเท่าไร ด้งชวยที่ว่าถนนนั้นเวลานี้แทบเรียกได้ว่ามีเพียงเขาเป็นผู้ครอบครอง

            แต่เขากลับคิดผิดถนัดเมื่อจู่ๆมีเงาตัดหน้ารถจนเขาต้องรีบเหยียบเบรกแล้วหักพวงมาลัยหนี แต่ก็ยังไม่อาจพ้นเงาปริศนาที่วิ่งตัดหน้ามา ต้องขอบคุณทักษะการขับรถที่เรียกได้ว่ามีฝีมืออยู่บ้างของเขาทำให้การชนนั้นเป็นเพียงการกระแทกที่รุนแรงไม่มาก

            เมื่อเขาลงจากรถมาดูอาการร่างปริศนาที่พุ่งตัวออกมา โดยคิดว่าถ้าเป็นคนแล้วยังอยู่ดีเขาจะขอกระทืบซ้ำเสียหน่อยข้อหาที่ไม่ยอมระวัง โดยเฉพาะในวันที่ฝนตกหนักจนมองแทบไม่เห็นอะไรอย่างนี้ แต่เป็นตัวเขาเองที่ราวกับรู้สึกโดนกระแทกที่อกด้านซ้าย ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยเจอ เมื่อเห็นร่างบอบบางและนัยน์ตาสีมรกตที่กำลังมองมาอย่างหวาดกลัวด้วยความตกใจ แทนที่เขาหวังจะต่อว่าซ้ำเติม แต่มือหนากลับลูบไล้ไปบนผมสีน้ำตาลแผ่วเบาแล้วได้แต่พร่ำบอกร่างที่กำลังสั่นเทิ้มนั้นเพียงว่า “ไม่เป็นไร”

            เพียงเท่านั้นร่างๆทั้งร่างของเด็กหนุ่มก็กระโจนพุ่งเข้ากอดเขาทันที อกซ้ายเต้นระรัว ลมหายใจราวกับติดขัด ทั้งที่ฝนตกจนอากาศหนาวสั่น แต่เขากลับรู้สึกอุณหภูมิในกายขึ้นสูงอย่างน่าประหลาด

            ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเขาจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า รักแรกพบ กับเด็กหนุ่มที่อายุห่างกันขนาดนี้ จากนั้นตัวเขาจึงค่อยๆเข้าใกล้ชิดเอเลนทีละน้อย และค่อยๆขยับความสัมพันธ์ขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยิ่งรู้จักเด็กหนุ่มมากเท่าไร ตัวเขาก็ยิ่งมั่นใจในความใสซื่อและความน่ารักของเอเลนมากขึ้นเท่านั้น เด็กหนุ่มกำพร้าที่ผู้เป็นปม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต และผู้เป็นพ่อหายสาบสูญจากเหตุการณ์เครื่องบินตกในหมู่เกาะห่างไกล เอเลนพยายามหาเลี้ยงตัวเองในสถานเลี้ยงเด็ก พยายามดิ้นรนเก็บเงินทีละน้อยเพื่อส่งเสียให้ตัวเองได้ร่ำเรียนต่อหลังจากจบการศึกษาภาคบังคับ ถ้าเขาไม่มีเงินเขาก็ไม่สามารถที่จะเล่าเรียนต่อได้ เด็กหนุ่มจึงเริ่มรับทำงานพิเศษจากเหล่าผู้อุปการะที่มาสถานรับเลี้ยง คืนที่เขาได้เจอเด็กหนุ่มนั้นก็เพราะเจ้าตัวเพิ่งได้กลับออกมาจากการทำงานพิเศษในร้านขนมปังตรงหัวมุมถนนถัดไป

            ความมุ่งมั่นและเข้มแข็งของเอเลนทำให้รีไวหลงใหล จนในที่สุดเขาจึงขอเป็นผู้อุปการะเด็กหนุ่มและนำมาอยู่ด้วยกัน แต่ถึงเป็นผู้อุปการะเขาก็ไม่ได้อยากอยู่ในฐานะพ่อบุญธรรมของเอเลน เมื่ออยู่ต่อหน้าสังคมเขาจึงแนะนำเด็กหนุ่มว่าเป็นน้องชายของญาติห่างๆ ตัวเขาที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย อีกทั้งยังมีมรดกที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้รวมทั้งที่ดินมากมาย ทำให้การอุปการะเด็กคนหนึ่งไม่ใช่สิ่งที่ลำบาก อีกทั้งตัวเขากลับรู้สึกว่าได้รับผลประโยชน์ที่ไม่อาจประเมินค่าได้ เขาได้รับความรักจากเอเลนตอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาเหนือสิ่งใด

            .

            .

            .

            .

            .

            “ขอโทษนะนายอึดอัดรึเปล่า?” ทือหนาลูบไล้ผมสีน้ำตาลไปมาแผ่วเบา

            ตั้งแต่เข้ามาในบ้านเขารู้สึกว่าเอเลนเงียบไป ทั้งที่ปกติแล้วเด็กหนุ่มจะชอบชวนเขาคุยเรื่องต่างๆ อีกทั้งยังชอบที่จะส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไม่เคยหยุดหย่อน

            มือบางจับมือหนามาสัมผัสที่แก้มเนียนของตนก่อนจะจูบลงมือที่อบอุ่นนั้นแผ่วเบา

            “ไม่ครับ ผมรักคุณมากนะ” ใบหน้ามนยิ้มบางให้กับคนรักของตน นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆก้มลงมองพื้นพรมลายตะวันออกสีน้ำตาลก่อนริมฝีปากบางค่อยๆเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ถ้าเรื่องของเราเปิดเผยได้ก็คงดี”

            “ถึงแม้จะไม่สามารถบอกใครได้ แต่นายเป็นของฉันเอเลน เหมือนกับที่ฉันเองก็เป็นของนาย” มือหนาจับสร้อยเงินของเด็กหนุ่มขึ้นมา ซึ่งมีแหวนสีเงินประดับเพชรเม็ดเล็กเช่นเดียวกับที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเขา ริมฝีปากคมก้มลงจูบแหวนซึ่งเป็นดั่งสัญลักษณ์ตีตราทั้งคู่ก่อนค่อยๆเคลื่อนมาสัมผัสที่ริมฝีปากสีระเรื่อของเด็กหนุ่ม

            เรียกได้ว่าชีวิตของเขาตอนนี้มีความสุขและสมบูรณ์พร้อม มีคนรักที่น่ารัก และมีการงานที่ดีพร้อม เป็นความสุขที่เขาเคยคิดว่าจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีวันสั่นคลอน

………………..ทั้งที่………………….ควรเป็นเช่นนั้น…………

           

           

           

            รถยนต์สีเงินจอดส่งเด็กหนุ่มที่หน้ามหาวิทยาลัยของเจ้าตัวก่อนที่ขับไปยังอีกมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นที่ทำงานของชายหนุ่มเจ้าของรถ ร่างบางส่งยิ้มและโบกมือลาคนอายุมากกว่าอย่างเป็นสุข เมื่อเห็นว่ารถยนต์ที่ตนนั่งมาขับออกไปจนลับตา เอเลนจึงเริ่มได้เดินเข้ามหาวิทยาลัยของตนเอง

            “พี่ชายนายมาส่งเหมือนเคยสินะ” เสียงทุ้มก้องดังขึ้นพร้อมๆกับแขนหนากำยำที่เข้ามากอดคอเด็กหนุ่ม

            เอเลนยิ้มหัวเราะให้กับการทักทายที่คุ้มเคยดีของเพื่อนสนิทของตน

            “เขาหวงฉันนี่นาไรเนอร์” หวงมาก เช่นเดียวกับที่เขาเองก็หวงชายหนุ่มไม่แพ้กัน ทั้งที่อยากจะบอกใครต่อใครถึงความสัมพันธ์นี้ แต่ด้วยสถานะทางสังคมจึงได้แต่เก็บงำทุกสิ่งไว้ภายในใจเท่านั้น

            “หวงแบบนี้ถ้าน้องชายเกิดมีแฟนขึ้นมา คุณพี่คงลำบากแย่”

            เอเลนได้แต่ยิ้มเฝื่อนกับความคิดของเพื่อนสนิทร่างสูงใหญ่

            “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” เพราะไม่ว่าจะเป็นฐานะแฟน คนรัก หรืออะไรก็ตาม ตัวเขาได้จองและยึดพื้นไว้หมดแล้วให้กับชายหนุ่มอายุมากกว่า

            “นายนี่ติดพี่จริงๆนะ แต่เชื่อเถอะยังไงซะสักวันพวกนายก็ต้องแยกกันอยู่ดี” ไรเนอร์ยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์

            “ไม่มีวันซะหรอก” เอเลนมองคนพูดมากอย่างอารมณ์เสีย

            ไม่มีทาง ไม่ว่าอะไรก็ไม่ทำให้ทั้งเขาและคุณรีไวต่างเปลี่ยนแปลงไปได้หรอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะไม่มีวันที่จะทำลายความสัมพันธ์นี้ลงอย่างเด็ดขาด

            ไรเนอร์มองหน้ามุ่นของอีกคนพลางยกยิ้ม ใบหน้ามนหวาน นัยน์ตาสีมรกตกลมโต และร่างกายที่โปร่งบาง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกถูกดึงดูด ความสนใจและความประทับใจในตัวร่างบางตรงหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความต้องการที่มีมากกว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบของเพื่อนสนิท ยิ่งนานวันเขายิ่งเข้าใจแจ่มชัด ว่าเขาต้องการร่างกายของคนที่อยู่ตรงหน้านี้ รวมทั้งหัวใจและสายตาที่เจ้าตัวมองแต่พี่ชายของตน อยากให้สายตานั้นจับจ้องมาที่เขา และหัวใจนั้นสั่นระรัวยามที่นึกถึงเขา เขาอยากที่จะครอบครองและกลืนกินร่างบอบบางนี้ แต่ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป ต้องหาจังหวะ โอกาส และหวังให้ ความสัมพันธ์ของเขาและเอเลนพัฒนาขึ้นอีกหน่อย เมื่อโอกาสมาถึงเขาเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย

 

 

 

 

 

            “จะต้องไปจริงๆเหรอครับ” เสียหวานเอ่ยอย่างออดอ้อนมองคนอายุมากกว่ากำลังจัดเก็บเสื้อผ้าและสิ่งของลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ด้วยสายตาอาวรณ์

            มือหนาขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่ม ใบหน้าเฉยชายกยิ้มอย่างเอ็นดู

            “แค่ 1 อาทิตย์เอง เดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้วเจ้าหนู”

            “ทำไมต้องไปสัมมนาไกลขนาดด้วยนะ พวกอาจารย์มหาลัยนี่ว่างกันจังเลยนะครับ” เอเลนยังคงพองลมในแก้มอย่างนึกงอน ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกัน มีหลายครั้งที่ชายหนุ่มจะต้องเดินทางไปค้างแรมที่อื่นด้วยเรื่องงาน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เขาเริ่มไม่ชินกับการที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้

            “ไม่ว่างเท่านักศึกษาอย่างนายหรอกนะไอหนู” มือแกร่งบีบที่ปลายจมูกเด็กหนุ่มอย่างหยอกล้อ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานเขาเองก็ไม่ได้อยากที่จะทิ้งร่างบางนี้ไว้คนเดียวหรอกนะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้คนตรงหน้านี้อยู่ในสายตาตลอดเวลา แต่เพราะสถานะจึงได้แต่ทำให้ต้องปกปิดความสัมพันธ์นี้ไว้

            “ไปในที่ที่ผมไม่เห็น อย่านอกใจผมเชียวนะครับ” นัยน์ตาสีมรกตช้อนมองคนอายุมากกว่า

            ท่าทางนึกงอนของเด็กหนุ่มทำให้รีไวยกยิ้มขำ มือหยาบจึงขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลอย่างหมั่นเขี้ยว

            “นายนั้นแหละอยู่คนเดียวคงไม่พาใครมานัวเนียหรอกนะ”

            “ใครจะไปทำอย่างนั้นกันล่ะ” เอเลนดึงคอเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มเข้าหาตน

            ริมฝีปากคมจูบลงบนกลีบปากนุ่ม ลิ้นหนาเลียกลีบปากบางอย่างหยอกล้อก่อนรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากนุ่ม ความเร่าร้อนและวาบหวามถูกแลกเปลี่ยนให้แก่กันก่อนที่ชายหนุ่มจะผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้าคมยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ

            “เพื่อไม่ให้นายเหงาฉันจะประทับตราไว้ให้ทั่วตัวนายจนกว่าจะกลับมาเลยดีไหม” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหูเด็กหนุ่มก่อนจะขบที่ใบหูเบาๆ จนเอเลนสะดุ้ง

            แขนเรียวโอบกอดไหล่หนาโน้มเข้าหาตัวก่อนเสียงหวานค่อยๆเอ่ยอย่างเย้ายวน “ทำให้ผมไม่คิดถึงใครเลยนอกจากคุณนะครับ”

            ริมฝีปากคมยกยิ้มก่อนจะกดจูบลงไปบนกลีบปากบางที่รออยู่อย่างหนักหน่วง ค่ำคืนนี้ยังคงอีกยาวไกล แม้ว่าเขาจะต้องเดินทางแต่เช้าตรู่ก็ตาม........

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            ผ่านไปสามวันรอยตีตราที่รีไวทำไว้แม้จะเริ่มจางแต่ก็ยังคงเห็นได้ชัด เอเลนลูบรอยประทับสีกุหลาบที่ตีตราอยู่บนอกมากมายผ่านเสื้อยืดสีเข้มพลางยกยิ้มขำ ชายหนุ่มได้ทิ้งร่องรอยตีตราเขาไว้ทั่วอย่างที่ได้บอกไว้ และมันคงจะอยู่จนกว่าเขาจะกลับมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจริงๆ และยังดีที่คุณรีไวยังมีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ประทับตราในบริเวณที่พ้นร่มผ้าออกมา ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องหยุดเรียนไปตลอดอาทิตย์อย่างแน่นอน

            “เฮ้เอเลนรายงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้นายทำเสร็จแล้วรึยัง?” เสียงถามที่คุ้นเคยเอ่ยทักพร้อมแรงกอดที่เข้ามาโอบไหล่ของตนตามความชิน

            “ใกล้แล้วล่ะ ของนายเป็นไงมั่ง ไรเนอร์”

            “เหลืออีกนิดหน่อย งั้นฉันขอไปทำที่บ้านนายนะจะได้ช่วยกันดู” เด็กหนุ่มร่างแกร่งส่งยิ้มพลางยกมือขอร้อง

            นัยน์ตาสีมรกตมองขึ้นอย่างใช้ความคิด ตอนนี้คุณรีไวไม่อยู่ และไรเนอร์เองก็เป็นเพิ่อนที่สนิทกันที่คุณรีไวคุ้นหน้ากันดี ให้ไปทำรายงานที่บ้านด้วยอาจจะช่วยทำให้งานเสร็จไวขึ้น....ก็ดีเหมือนกัน

            เอเลนจึงตอบรับข้อเสนอของเพื่อนสนิท โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าแววตาที่มองฝ่านใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรนั้นกำลังจ้องมองมาอย่างไม่อาจคาดเดา

           

           

           

            “ในที่สุดก็เสร็จสักที” เอเลนยืดแขนไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยล้าของตน

            “ดูเหมือนไม่ต้องแก้แล้วล่ะนะ” ไรเนอร์ขยับแว่นตาของตนเองตรวจรายงานที่ปริ้นออกมาจากเครื่องทั้งหมดก่อนจะเก็บลงใส่กระเป๋าของตน

            “วันนี้นายก็ค้างที่นี้เลยสิยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องไปมหาลัยพร้อมกัน” เด็กหนุ่มมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่พนังห้องซ฿งบอกเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว

            “งั้นไม่เกรงใจล่ะนะ รบกวนด้วยล่ะ” ไรเนอร์ยกยิ้มขอบคุณ

            ร่างบางเดินเข้าห้องนอนของตนเพื่อรื้อค้นเสื้อผ้าที่น่าจะให้เพื่อนที่รูปร่างหนาของตนพอจะใส่ได้ เมื่อได้ชุดเปลี่ยนให้ไรเนอร์ เอเลนจึงวางชุดพร้อมผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟันให้แขกของตนในวันนี้ก่อนจะขอตัวไปอาบน้ำเพื่อเตรียมเข้านอน

           

            ซ่า ซ่า ซ่า

            เสียงของฝักบัวที่ตกกระทบผิว และสายน้ำเย็นช่วยให้ร่างกายที่นั่งพิมพ์งานมาทั้งวันรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง มือบางลูบไล้ไปทั่วร่างกายเพื่อชำระล้างคราบไคลของตน

            “ถ้าฉันเดาไม่ผิดคนทำรอยพวกนั้นคือพี่ชายของนายสินะ” เสียงเข้มเอ่ยทัก

            เอเลนสะดุ้งหันตามต้นเสียง ด้วยความตกใจมือบางจึงคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อปกปิดบังร่างกายของตนเองไว้จากคนที่บุกรุกเข้ามา ใบหน้ามนมองคนตรงหน้าอย่างตื่นตระหนก เมื่อกี้เขาหูฝาดไปรึเปล่า?

            “น...นายเข้ามาทำไรในนี้น่ะไรเนอร์?” คิ้วมนขมวดมุ่นมองอีกคนอย่างสงสัย

            ร่างกำยำค่อยๆสาวเท้าเข้ามาใกล้จนเอเลนเผลอเดินถอยหลังจนแผ่นหลังเปลือยเปล่าแนบติดกับกำแพงเย็น ก่อนที่แขนหนาทั้งสองข้างของคนรูปร่างสูงใหญ่จะยันกำแพงครอมร่างของตนไว้อีกครั้ง

            ความรู้สึกหวาดหวั่นเริ่มเข้าครอบงำร่างบาง นัยน์ตาสีมรกตเบิกมองเพื่อนสนิทตรงหน้าซึ่งยังคงแสดงสีหน้ายิ้มเฉกเช่นทุกครั้ง แต่เขากลับรู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มที่ชวนขนลุก และราวกับว่าคนตรงหน้านี้เป็นคนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน

            “ร...ไรเนอร์?” เอเลนพยายามเรียกสติคนตรงหน้าที่แปลกไปจากเดิม แม้ตอนนี้ตัวเขาจะรู้สึกว่าน้ำลายตนเองเหนียวยากที่จะกลืนลงคอก็ตาม

            มือขวาละออกจากผนังลูบไล้ไปยังไหปลาร้า ก่อนไล่ตามรอยสีกุหลาบที่มีให้เห็นผ่านผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่มือบอบบางพยายามปิดบังแผ่นอกของตนไว้

            ไหล่บางที่สั่นไหวและสีหน้าที่ตื่นตระหนกทำให้เขารู้สึกดีอย่างน่าประหลาด เพราะตอนนี้ในสายตามรกตคู่งามกำลังจ้องและคิดเรื่องของเขาอยู่อย่างแน่นอน

            “รอยพวกนี้พี่นาย ไม่สิ คุณรีไวเป็นคนทำสินะ” ประโยคตอกย้ำอย่างมั่นใจของคนตรงหน้าทำให้เอเลนสะดุ้งวูบ ความเย็นเฉียบแล่นริ้วเข้าถึงกระดูกสันหลัง เรืองที่ปิดบังไว้ ทำไมหมอนี้ถึงได้รู้?

            “ทำหน้าแบบนั้นอยากรู้สินะทำไมฉันถึงรู้เรื่องของพวกนาย” ไรเนอร์ยังคงส่งยิ้มให้กับเด็กหนุ่ม

            “นายสองคนที่บอกว่าเป็นพี่น้องแต่กลับไม่เหมือนกันสักนิด” ไรเนอร์ค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนเอเลนต้องหลับตาและเบือนหน้าหนี ลมหายใจอุ่นจึงเป่าลงที่ต้นคอขาวของเด็กหนุ่ม

            “เรื่องของนายฉันรู้หมดนั้นแหละเอเลน” เสียงคุ้นหูของคนตรงหน้าทำให้ร่างบางได้แต่สะดุ้ง

            เอเลนพยายามเบนตัวหลบจากการรุกล้ำของอีกคน แต่แขนแข็งแรงกลับกระตุกร่างเด็กหนุ่มให้กลับเข้าหาได้โดยง่าน แขนหนากอดรัดร่างบางจากด้านหลังแน่น มือหยาบจับคางมนของเด็กหนุ่มให้หันหน้าสบตากับตนเอง

            “นายต้องการอะไร?” นัยน์ตาสีมรกตฉายแววแข็งกร้าว แม้จะตกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของเพื่อนสนิทจนเข้าเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เอเลนพยายามข่มความหวาดหวั่นต่อกรกับคนตรงหน้า

            “ต้องการตัวนายยังไงล่ะเอเลน” ริมฝีปากหนาทาบทับลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ลิ้นร้อนรุกล้ำกวาดต้อนโพรงปากบางอย่างกระหาย เอเลนได้แต่เบิกตาด้วยความตกใจ มือบางพยายามดันร่างหนาของอดีตเพื่อนสนิทออกไป ลิ้นบางพยายามดันลิ้นหนาที่เข้ามาแต่กลับยิ่งเป็นการตอบสนองคนรุกล้ำให้กอบโกยความหวานในรสจูบ

            เมื่อริมฝีปากที่จากจ้วงถอดถอนออก เอเลนจึงถ่มน้ำลายใส่คนที่เคยได้ขึ้นชื่อว่าเพื่อนสนิท นัยน์ตาสีมรกตวาวโรจน์อย่างโกรธแค้น แต่คนกระทำยังคงยกยิ้มเฉกเช่นเดิม

            “เรามาทำข้อตกลงกัน เรื่องของนายกับคนนั้นจะยังคงเป็นความลับต่อไป เพียงแค่นายยอมอ้าข้าให้ฉันดีไหมเอเลน?”

            ฟันคมขบกันจนขึ้นสันกราม คนตรงหน้าเป็นคนที่เขาไม่รู้จักอีกต่อไป เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจอย่างที่สุด

            “ไปตาซะ” เด็กหนุ่มพูดรอดไรฟัน ทั้งขยะแขยงและเจ็บใจกับการกระทำของคนตรงหน้า

            “หืม? คนที่ตายอาจจะเป็นพวกนาย” ใบหน้ากร้านยิ้มอย่างพูดมีชัย “ตายทั้งเป็นยังไงล่ะ”

            นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง เขารู้และเข้าใจดีว่าถ้าเรื่องความสัมพันธ์ของเขาและชายหนุ่มถูกเปิดเผยออกไป สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คงไม่ต่างอะไรกับนรกทั้งเป็น ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงานของชายหนุ่มที่ต้องพังทลาย สายตาของสังคมที่จะจ้องมองมา และยิ่งสถานะของคุณรีไวซึ่งเป็นที่น่าเคารพนับถือ สื่อต่างๆต้องพุ่งเป้าโจมตีมาอย่างไม่ต้องสงสัย

            “เหมือนนายจะเข้าใจแล้วสินะ อ้าขาออกแล้วทำตัวว่าง่ายๆซะดีไหมเอเลน”

            มือบางค่อยๆดันแขนหนาที่รัดตนไว้ออก ร่างบอบบางหันเผชิญหน้ากับอดีตเพื่อนสนิทของตน ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ปิดบังร่างไว้ถูกโยนออกโดยตัวของร่างบางเอง ใบหน้ามนจ้องเขม็งที่คนตรงหน้าอย่างชิงชังก่อนริมฝีปากบางจะค่อยๆเอ่ยอย่าน่าสมเพช

            “นายอยากทำอะไรก็เชิญ”

           

            ประตูห้องนอนของเด็กหนุ่มถูกเปิดออก เตียงขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นกิจกรรมร่วมรักกับคนรักตอนนี้กำลังถูกใช้เพื่อเสพย์สังวาสกับคนที่น่ารังเกียจ

            ร่างบอบบางเปลือยเปล่าถูกจับนอนคว่ำหน้ากดกับหมอนหนุนใบใหญ่ ใบหน้ามนหลับตาแน่น ริมฝีปากบางขบกันจนขึ้นห้อเลือด

            “หมอนั่นรักนายน่าดูถึงได้ทำเครื่องหมายไว้มากมายขนาดนี้” มือหยาบลูบไล้ไล่ตามรอบสีกุหลาบที่มีอยู่ทั่วแผ่นหลังขาวเนียน ร่างที่กำลังสั่นระริกอยู่ใต้ร่างช่างน่ารัญจวนจนเขาอดใจแทบไม่ไหว และยิ่งเห็นรอยตีตราของเจ้าของยิ่งทำให้เขาอยากทิ้งรอยของตนเองและทาบทับเข้ารอยเดิม

            “หยุดพูดมากสักที นายอยากทำอะไรก็รีบๆทำ” เอเลนโยนเจลหล่อลื่นและถุงยางที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะข้างหัวเตียงให้กับไรเนอร์ นัยน์ตาสีอ่อนมองของที่เจ้าตัวโยนมาพลางยกยิ้ม

            นิ้วหยาบล้วงล้ำเข้าช่องทางเบื้องล่างที่ตอดรับสิ่งแปลกปลอมอย่างคุ้นชิน จาก2 นิ้มเพิ่มเป็น 3 แม้เอเลนจะรังเกียจแต่ร่างกายกลับตอบรับและสนองจนสั่นระริก แม้แต่ช่องทางเบื้องล่างยังเต้นเร้าตอดรัดนิ้วเขาอย่างกระหาย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนสอนเรื่องการร่วมรักกับผู้ชายด้วยกันให้กับร่างบาง แค่คิดก็รู้สึกสนุก

            “แค่นี้ฉันก็เสียมารยาทพอแล้วถ้าใช้ของของคุณรีไวอีกคงจะไม่ดี” คำพูดของไรเนอร์ทำให้เอเลนถึงกับสะดุ้ง ร่างบอบบางพยายามเขยิบหนีคนตัวใหญ่กว่า แต่มือหนากลับรั้งสะโพกมนไว้แน่น มืออีกข้างกดศรีษะของเอเลนเข้ากับหมอนใบใหญ่อีกครั้ง

            “อย่านะ!!” ไม่ฟังคำคัดค้าน ท่อนเนื้อหนากระแทกใส่เข้าช่องทางคับแคบที่รอตอดอย่างรุนแรง การฝีนใส่เข้าไปโดยไม่ใช้ตัวช่วยเลยสักอย่างทำให้ช่องทางฉีกขาดจนเลือดไหลออกมาเป็นทาง ความเจ็บจากการถูกรุกล้ำทำให้เอเลนเกร็งตัว ทั้งที่อีกฝ่ายน่าจะเจ็บจากการเกร็งแต่ท่อนเนื้อขนาดใหญ่ยังคงรุกเข้ามาอย่างไร้ความปราณี

            “จ..เจ็บ  เจ็บ!!” ใบหน้ามนเบ้ด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาหลั่งรินจากนัยน์ตาสีมรกต แต่นั่นกลับไม่ช่วยให้คนกระทำใจอ่อน

            “เดี๋ยวนายก็รู้สึกดีเอง” ไรเนอร์ขยับสะโพกกระแทกเข้าออก

            “อ๊า อ๊า อ๊า!!!” เสียงหวานครางด้วยความเจ็บ

            มือบางจิกเล็บลงบนที่นอนอย่างหาที่ระบาย เสียงเนื้อกระทบกันดังระงมเข้าสู่โสตประสาท ทั้งที่รู้สึกขยะแขยงการกระทำของอดีตเพื่อนของตน แต่ร่างกายกลับตอดรับการรุกล้ำที่เข้ามาอย่างกระหาย ทั้งที่เจ็บเจียนตายจากการถูกฝืนใส่เข้ามาโดยไม่มีตัวช่วย ทั้งๆอย่างนั้นกลับรู้สึกสุขสมอย่างประหลาด ทั้งที่ช่องทางถูกทำให้ฉีกขาดจนกลิ่นคาวเลือดชัดเจนแต่กลับรู้สึกร่างกายสะท้านอย่างมีความสุขราวกับถูกเติมเต็ม เสียงครางอย่างทรมานเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางกระเส่าอย่างวาบหวาม

            ไรเนอร์ผลิกตัวร่างบางใต้ร่างแม้ว่าแกนกายของตนยังคงใส่คาไว้ เมื่อเห็นสีหน้าของเอเลน ไรเนอร์ถึงกับหัวเราะในลำคอ นัยน์ตาสีมรกตที่คลอด้วยน้ำตาแม้จะฉายแววเจ็บปวดแต่กลับฉ่ำเยิ้มไปด้วยแรงปรารถนา ริมฝีปากบางสั่นระริกหอบหายใจพลางครางอย่างออดอ้อน ร่างกายบอบบางที่สั่นไหวน้อยๆอย่างเสียวซ่าน ขาเพรียวยาวที่แยกออกกว้างก่อนจะตวัดเกี่ยวรัดสะโพกหนาของตนเองราวกลับว่าจะหลุดหาย ทุกอย่างที่คนใต้ร่างกระทำเป็นการแสดงถึงความต้องการและปรารถนาในตัวเขาตอนนี้

            “รู้สึกดีใช่ไหมล่ะเอเลน” ก้มกระซิบถามอยากหยอกเย้า

            ทั้งที่ถูกฝืนใจ ทั้งที่ถูกรุกล้ำทำอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเจอ เพราะคุณรีไวมักจะอ่อนโยนกับเขาเสมอกลัวว่าเขาต้องเจ็บเวลาที่มีอะไรกัน เซ็กซ์ของคุณรีไวมักจะอบอุ่นและอ่อนโยนเสมอ แต่ตอนนี้ เซ็กซ์ที่ป่าเถื่อน โหดร้ายและเอาแต่ใจ อย่างที่เขาไม่เคยเจอ ทั้งที่ตอนแรกรังเกียจจนแทบสำรอก แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกสุขสมอย่างที่ไม่เคยเจอ

            “นายไม่ชอบงั้นเหรอ งั้นฉันจะเบามือดีไหม?”

            เอเลนกัดริมฝีปากตนเองพลางส่ายหน้าไปมา

            “ม... ไม่ต้อง .. อย่าง นี้ ดีแล้ว อื้อ!” มือบางเลื่อนจับไหล่หนาก่อนจะจิกเล็บลงไป เมื่อท่อนกายเบื้องล่างเริ่มขยับอีกครั้ง

            “ตามที่นายต้องการเลย”

           

 

 

            กิจกรรมลับของทั้งคู่ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งรีไวกลับมาจากการไปสัมมนา ทุกอย่างจึงกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง

            สัมมนาเหนื่อยไหมครับคุณรีไว?” ใบหน้าหวานยิ้มต้อนรับชายหนุ่มที่หายไปหนึ่งอาทิตย์

            มือหนาลูบไล้ผมสีน้ำตาลอย่างเอ็นดู “ฉันไม่อยู่เหงารึเปล่า?”

            “เหงาสิครับ มากๆเลย” ร่างบางซุกเข้าแผ่นอกหนา นัยน์ตาสีมรกตสั่นไหวอย่างรู้สึกผิดต่อชายหนุ่ม

            สิ่งที่เกิดขึ้นบอกคนคนนี้ไม่ได้ ไม่ว่ายังไงเขาก็จะต้องปกปิดไว้

            รีไวเงยหน้าเด็กหนุ่มขึ้นมาก่อนจะประทับจูบอย่างอบอุ่นอ่อนโยน จูบที่ทำให้รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้สัมผัส

           

            หลายอาทิตย์ผ่านไปเอเลนยังคงใช้ชีวิตปกติกับรี ตอนเช้าที่รีไวไปส่งเขามีบ้างที่ไรเนอร์มายืนรอรับเข้าที่หน้ามหาลัย ทั้งสองยังคงทักทายกันปกติจนเอเลนรู้สึกแปลกใจ อีกทั้งตั้งแต่รีไวกลับมาไรเนอร์ก็ทำตัวได้ปกติราวกับไม่เคยเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นจนเอเลนยังรู้สึกแปลกใจ ราวกับว่าเรื่องที่ผ่านมาเป็นแค่ฝันเท่านั้น ทั้งที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกโหวงในใจ

            กิจกรรมรักระหว่างเขาและคุณรีไวยังคงเหมือนเดิม ชายหนุ่มยังคงอ่อนโยนและอบอุ่นทุกครั้งที่สัมผัสเขา ทั้งที่ทุกอย่างเป็นเฉกเช่นเดิม แต่กลับรู้สึกราวกับว่าขาดบางอย่างไป

            ระหว่างที่เอเลนกำลังนอนกลิ้งเล่นโทรศัพท์บนโซฟา โปรแกรมสนทนาจากไรเนอร์ก็เด้งขึ้นมา เด็กหนุ่มจึ้งกดเข้าไปอ่านตามปกติ แต่ข้อความที่ส่งมาทำให้หัวใจเด็กหนุ่มเต้นรัว ร่างบอบบางถึงกับสั่นสะท้านอย่างไม่มีสาเหตุ

ไรเนอร์ [มาอ้าขาให้ฉันสิเอเลน]

            มือบางกดตอบกลับไปอย่างไม่คิด

เอเลน [ฉันอยากได้ของนายเข้ามาในตัวฉัน]

ไรเนอร์ [เอาร่างร่านๆของนายมาหาฉันซะสิ แล้วฉันจะสนองให้แทนพี่ชายของนาย]

            อกซ้ายเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่รู้สึกผิด ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทำ ทั้งที่คราวนี้ตัวเขาไม่ได้ถูกบังคับ แต่ความผิดชอบชั่วดีและศีลธรรมถูกปิดกั้นด้วยความปรารถนาที่เร่าร้อนอย่างที่ไม่เคยพบเจอ เซ็กซ์ที่รุนแรงและเอาแต่ใจ ทั้งที่โหดร้ายแต่กลับร่ำร้องปรารถนารสสัมผัสที่รุนแรงเช่นนั้นอีกครั้ง เอเลนไม่รอช้ารีบขอชายหนุ่มไปทำธุระทันที

            เมื่อถึงบ้านของไรเนอร์แรงปรารถนาที่ได้ลิ้มรสได้ผลักดันให้ทั้งคู่จมดิ่งสู่ความหฤหรรษ์ของตัณหา เอเลนถูกเติมเต็มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความปรารถนาที่ไม่เคยล่วงรู้ถูกเปิดออก ตัวเขาที่กำลังเต้นเร้าอยู่บนร่างกำยำของเพื่อนสนิทราวกับเป็นอีกคนที่ไม่เคยพบเจอ ทั้งที่เป็นสิ่งที่ผิดและรู้ว่าต้องทำให้ชายหนุ่มเสียใจเพียงใด แต่กลับรู้สึกท้าทายและตื่นเต้นกับความลับที่ต้องปิดบังไว้ จมดิ่งลงสู่ความมัวเมาและอีกด้านของตนเองที่ถูกปลดปล่อยออกมา ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีค่อยๆถูกกลืนกิน เส้นของศีลธรรมที่ขีดไว้ ตัวเขาได้ก้าวข้ามมาแล้ว..............

 

            “คุณรีไวเรื่องของเราจะต้องปิดไปอีกนานแค่ไหนกันครับ?” คำถามของเด็กหนุ่มทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้าละออกจากหนังสือที่กำลังอ่านขึ้นสบกับนัยน์ตาสีมรกตกลมโตที่จ้องมองมา

            “นายก็รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้” มือหนาลูบไล้แก้มเนียนหวังประโลมเด็กหนุ่ม

            ใบหน้ามนยิ้มบาง “นั่นสินะครับ ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจนะครับ”

เอเลนขึ้นนั่งบนตักแกร่งของชายหนุ่ม แขนเพรียวบางโอบกอดรอบคอหนา ใบหน้ามนซุกที่ไหล่แกร่ง มือแกร่งยังคงลูบไล้ผมสีน้ำตาลไปมาอย่างอบอุ่นและเอ็นดู

การกระทำของรีไวทำให้เอเลนแอบลอบยิ้ม เพราะใบหน้าที่หันไปกันคนละทางทำให้ชายหนุ่มไม่อาจเห็นแววตาที่ยากจะอ่านออกของคนในอ้อมกอด

            นี่คุณรีไว ถ้าผมไม่ได้เป็นของคุณแค่คนเดียวคุณจะยังรักผมไหม?........ แล้วคุณจะทำยังไงกับผมกัน?

            อยากรู้จังเลยนะว่าคนอบอุ่นอ่อนโยนอย่างคุณจะทำยังไง.............

 

            ร่างหนาโอบกอดร่างบอบบางเปลือยเปล่าที่หลับในอ้อมกอดก่อนจะจูบลงไปที่ขมับของคนในอ้อมแขน มือหนาไล่ผมสีน้ำตาลที่ชื้นเหงื่อจากกิจกรรมร่วมรักที่เพิ่งจบไป รีไวค่อยๆไล้ผิวขาวเนียนไปมาอย่างรักใคร่ แต่แล้วนัยน์ตาสีขี้เถ้าต้องฉายแววแปลกใจเมื่อพบรอยที่ต้นคอของเด็กหนุ่ม เพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่เคยทิ้งรอยไว้ในที่สะดุดตา รอยที่เห็นอยู่นี้ไม่ใช่ของเขาอย่างแน่นอน ความรู้สึกดำมืดเข้าครอบงำชายหนุ่มทันที หมอกสีดำเริ่มปกคลุมไปทั่วร่างกายและอกซ้าย ด้วยความสงสัยรีไวจึงแอบหยิบสมาร์ทโฟนของเด็กหนุ่มเพื่อหาข้อสงสัย

            นัยน์ตาสีขี้เถ้าเบอกกว้างราวกับมีฟ้าผ่าลงกลางอกซ้าย เมื่อโปรแกรมสนทนาถูกเปิดอ่าน ข้อความที่เห็นในบทสนทนาของคนที่เขารู้จักดีเพราะเป็นเพื่อนสนิทของเด็กหนุ่มถึงกับทำให้มือแกร่งกำสมาร์ทโฟนแน่นจนหน้าจอแตกร้าวจากแรงบีบของมือชายหนุ่ม

            เสียงลั่นของหน้าจอทำให้เอเลนที่หลับไปแล้วรู้สึกตัว ใบหน้ามนงัวเงียตื่นขึ้นมา มือบางขยี้ตาของตัว

            “หมายความว่ายังไง ไอหนู” เสียงเย็นค่อยๆพูดเอ่ยรอดไรฟันอย่างช้าๆ

            เมื่อตาปรับโฟกัสได้ที่ร่างบางจึงเห็นว่านัยน์ตาสีขี้เถ้าที่จ้องมองมานั้นกำลังวาวโรจน์อย่างแค้นเคือง เมื่อมองที่มือของชายหนุ่มเอเลนจึงได้เห็นโทรศัพท์มือถือของตนที่ถูกบี้แหลกคามือ นัยน์ตาสีมรกตเบิกขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อย อกข้างซ้ายเต้นระรัว ไม่ใช่เพราะความกลัวคนตรงหน้า แต่กำลังเต้นด้วยความตื่นเต้นอย่างประหลาด ความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นทำให้ใบหน้ามนที่ควรตื่นตระหนกเมื่อความลับถูกเปิดเผยกลับยกยิ้มขึ้นอย่างเย้ายวน

            “คุณจะทำยังไงกับผมกันล่ะ คุณรีไว?”

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            .

            รถยนต์ Porsche Carrera GT สีเงินเลี้ยววนขึ้นเขาอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มบังคับหักพวงมาลัยอย่างชำนาญทาง นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองที่ถนนก่อนสบมองแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของตนเองอีกครั้ง ผ่านมาหลายหลายอาทิตย์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืนนั้น คนที่เขารักที่สุดได้จากเขาไปแล้ว ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมีความทรงจำดีๆที่เก็บไว้มากมาย แม้จะเจ็บปวดแต่นั้นคือการทำให้เขาได้เข้าใจและค้นพบถึงความรู้สึกที่น่าประหลาดและความสุข

 

            รีไวขับรถขึ้นเขามาเรื่อยๆก่อนจอดที่หน้าบ้านไม้หลังเล็กหลังหนึ่งของเขา ชายหนุ่มยกกระเป๋าสัมภาระของตนเองลงจากรถก่อนไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปในบ้าน

            บ้านไม้บนเขาหลังนี้แม้ภายนอกจะดูเก่าและโทรมไปบ้าง แต่ภายในกลับถูกตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่อำนวยความสะดวกอย่างครบครับ อีกทั้งยังสะอาดสะอ้านตามนิสัยรักความสะอาดของเจ้าตัว

            ชายหนุ่มลากกระเป๋าเดินทางสีดำของตนเองเข้าไปยังห้องนอน ใบหน้าคมยกยิ้มกับบุคคลที่นั่งรอเขาอยู่ในห้อง

            “ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนานนะเอเลน”

            มือแกร่งเข็นรถเข็นที่มีร่างบอบบางนั่งอยู่ตรงริมหน้าต่างหันเข้าหาตน เด็กหนุ่มร่างบางที่ใส่เพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียวถูกกุญแจมือล็อคไว้กับเก้าอี้รถเข็นทั้งสองข้าง ขาเพรียวถูกจับแยกออกกว้างมัดไว้กับที่พักเท้าของรถเข็น นัยน์ตาสีมรกตถูกผูกปิดด้วยผ้าผืนสีดำ ปากสีระเรื่อถูกบังคับให้คาบแท่งพลาสติกขั้นไว้ ท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเผยให้เห็นแกนกายอ่อนไหวที่มีท่อยางเชื่อมต่อกับท่อปัสสาวะใช้ในการปลดทุกข์เบา อีกทั้งช่องทางเบื้องล่างถูกไวเบรเตอร์ที่กำลังสั่นทำงานสอดใส่

            “ตอนฉันไม่อยู่นายเป็นเด็กดีสินะเอเลน” มือหนาลูบไล้ผมสีน้ำตาลอย่างอ่อนโยนก่อนริมฝีปากจะสัมผัสลงที่แก้มเนียน

            “วันนี้ฉันมีของมาฝากนายด้วย นายต้องชอบอย่างแน่นอน” มือหนาปลดผ้าที่ผูกตาของเด็กหนุ่มออก นัยน์ตาสีมรกตหรี่ลงปรับสายตาเมื่อเจอกับแสงสว่าง

            “ฉันจัดการตรงนี้แล้วมีอะไรที่อยากให้นายดูอยู่” ถุงมือยางถูกสวมใส่ลงบนมือแกร่ง

            รีไวดึงสายยางที่ต่อกับท่อปัสสาวะของเด็กหนุ่มออก เพื่อจัดการเปลี่ยนสายเส้นใหม่ให้ การถูกดึงสายยางและเสียบกลับเข้าไปใหม่ถึงกับทำให้ร่างบอบบางสะดุ้งและสั่นระริก น้ำลายหนืดไหลลงเปรอะมาถึงลำคอขาวอย่างไม่อาจกลั้นเพราะปากถูกขั้นไว้

            เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยรีไวจึงทิ้งถุงมือและสายยางที่ใช้แล้วลงถุงขยะ ก่อนจะเข็นรถเข็นไปยังหน้าจอโทรทัศน์ LCD ขนาดใหญ่

            “วันนี้ฉันไปเยี่ยมหมอนั่นมา และคิดว่านายคงคิดถึงเพื่อนฉันเลยอัดวีดีโอมาฝากนาย เห็นไหมเอเลนฉันรักนายขนาดไหน”

แผ่นดีวีดีถูกใส่เข้าเครื่องเล่น หน้าจอสีดำเริ่มฉายภาพที่ทำให้นัยน์ตาสีมรกตต้องเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง

เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ถูกมัดผูกกับเก้าอี้ ทั้งตัวมีรอยฟกช้ำและเลือดไหลเปรอะเปื้อนอย่างน่าเวทนา ใบหน้าของเพื่อนสนิทบิดเบี้ยวจากรูปกระดูกที่แตกหัก ปากหนาถูกคาดไว้ด้วยเชือกเส้นหนาเพื่อกลั้นเสียง

“หมอนั่นแสดงได้ดีทีเดียว หนังเรื่องนี้ตั้งชื่อว่าการพบกันของเพื่อนเก่าดีไหมล่ะไอหนู”

ภาพบนจอยังคงฉายต่อไป ไรเนอร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้พยายามดิ้นรนเมื่อเห็นใครบางคนใกล้เข้ามา ใบหน้าบิดเบี้ยวตื่นตระหนกและหวาดผวา เพียงไม่นานก็มีชายอีกคนปรากฏบนจอ ชายที่เขารู้จักดีซึ่งเป็นคนเปิดดีวีดีตรงหน้าให้กับเขาดู

“นักแสดงสมทบมาแล้ว ต่อไปนี้สนุกแน่นอนอย่าพลาดซะล่ะ”

ร่างเล็กแต่แข็งแกร่งเดินเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่กำลังตื่นตระหนก รอยยิ้มบนใบหน้าคมหล่อเหลากำลังฉายแววสนุกราวกับได้ของเล่น มือแกร่งถือมีดสำหรับทำครัวเข้าไปหา เพียงไม่นานปลายคมมีดก็เสียบทะลุเข้าที่นัยน์ตาสีอ่อนที่มองมาอย่างตกตะลึง ใบหน้าของรีไวที่ได้เสียบแทงมีดเข้าไปนั้นยกยิ้มอย่างรู้สึกสุขสม ก่อนที่จะดึงมีดออก มือหนาล้วงควานเข้าไปในเบ้าตาที่เสียบมีดเข้าไป แม้จะมีเพียงแค่ภาพไร้ซึ่งเสียง แต่ภาพที่เห็นถึงกับทำให้เอเลนสั่นสะท้าน ทั้งหวาดกลัว ทั้งตื่นเต้น จนขนลุก

ใบหน้าคมในดีวีดียกยิ้มมุมปากก่อนจะรูดซิปกางเกงของร่างหนาที่กำลังดิ้นด้วยความเจ็บปวด แกนกายใหญ่ถูกดึงออกมาก่อนชายหนุ่มจะนำเอาเข็มเล่มยาวเสียบแทงเข้าไปที่ปลายท่อนเอ็นหนาและดึงเข้าออกอย่างช้าๆ ความเจ็บปวดและทรมานที่เกิดขึ้นถึงกับทำให้ไรเนอร์กัดปากตัวเองจนเลือดไหลออกเป็นทาง เช่นเดียวกับความเป็นชายของเจ้าตัวที่ถูกเข็มเล่มยาวเสียบคาไว้แล้วมีเลือดไหลลงมาตามปลายเข็ม

รีไวในดีวีดียกยิ้มอย่างใจดีก่อนจะดึงเข็มจากท่อนเอ็นหนา มีดทำครัวถูกคว้าขึ้นทันทีก่อนตวัดลงตัดท่อนเอ็นของร่างหนาให้ขาดกระเด็น มือแกร่งหยิบท่อนเนื้อนำมาผ่าครึ่งก่อนนำส่วนหนึ่งไปสับให้ละเอียดแล้วจับยัดเข้าปากของเจ้าของ รีไวอุดปากบังคับให้ไรเนอร์กลืนชื้นเนื้อของตัวเอง เมื่อมือที่ปิดไว้เอาออก เด็กหนุ่มร่างหนาถึงกับสำรอกออกมา

ภาพดีวีดีถูกตัดจบเพียงเท่านั้น ก่อนชายหนุ่มจะเดินไปที่กระเป๋าสัมภาระของตน

ตุบ

ท่อนเนื้ออีกครึ่งหนึ่งของไรเนอร์ถูกโยนลงบนตักของเด็กหนุ่ม นัยน์ตาสีมรกตมองท่อนเนื้อตรงหน้าอย่างขยะแขยง

“ของที่ระลึก ฉันคิดว่านายอาจคิดถึงมันเลยเอามาฝาก” รีไวยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับร่างบาง

“ไม่ชอบอย่างนั้นเหรอ? ถ้างั้นก็หมดประโยชน์แล้วสินะ” ชายหนุ่มหยิบชิ้นเนื้อทิ้งลงขยะอย่างไม่ใยดี

มือหนาลูบไล้ร่างบอบบางที่สั่นระริก ก่อนพรมจูบไปทั่วใบหน้ามนไล่ลงมายังคอระหงของเด็กหนุ่ม

“ดีแล้วล่ะที่นายไม่ชอบของฝากแบบนั้น” รีไวดึงไวเบรเตอร์ที่กำลังสั่นออกจากช่องทางเบื้องล่าง

“ยังไงอันนี้นายก็ชอบที่สุดใช่ไหมล่ะเอเลน” แกนกายหนากระแทกเข้ากับทางเบื้องล่างของเด็กหนุ่ม

ร่างบางบิดเร้ากับการกระแทกที่เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงครางดังอื้ออึงในลำคอ ท่อนกายของรีไวกระแทกเข้าออกอย่างรุนแรงจนกระทั่งน้ำรักสีขาวขุ้นพุ่งเต็มช่องทางเบื้องล่างของเด็กหนุ่มที่ยังคงกระตุกตอดรัดแกนกายหนา

ชายหนุ่มหอบหายใจหนักก่อนค่อยไล้ปลายจมูกสูบดมกลิ่นเนื้อหอมหวานตรงหน้า ฟันคมกัดทึ้งฝากรอยเขี้ยวไว้บนผิวบอบบางจนเกิดเลือดไหลซึม

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาทั้งคู่เปลี่ยนไป ราวกับพบเจออีกตัวตนที่ถูกซ่อนไว้เบื้องลึกของจิตใจ ราวกับตัวตนที่เก็บงำไว้ของทั้งคู่ถูกปลดปล่อย ความสุภาพและใจดีแปรเปลี่ยนเป็นความต้องการอยากเป็นเจ้าของ ปรารถนาตีตราจองอย่างเอาแต่ใจ เช่นเดียวกับอีกคนที่ความใสซื่อแปรเปลี่ยนความต้องการที่อยากถูกพันธนาการ ความรู้สึกที่รุนแรงต่างถูกเติมเต็ม ศีลธรรม และ กฏเกณฑ์พังทลาย จมดิ่งสู่ความหฤหรรษ์ที่ยากจะเข้าใจ

 

“นี่เอเลน ฉันนึกอะไรดีๆออกแล้วล่ะ” ใบหน้าคมยกยิ้มบาง

มือหนาลูบไล้ไปที่ร่างโปร่งก่อนค่อยๆลงไปยังข้อเท้าของเด็กหนุ่ม

“ถ้าไร้ปีกนายก็จะไม่มีวันโผบินไปจากฉันสินะเอเลน” มีดคมเฉือดลงที่ข้อเท้าเด็กหนุ่มตัดเส้นเอ็นทั้งสองข้างขาดสะบั้น นัยน์ตาสีมรกตเบิกด้วยความเจ็บปวด เสียงครางโหยหวนดังขึ้นในลำคออย่างทรมาน

“ทีนี้นายก็หนีไปจากฉันไม่ได้.....ตลอดกาล”

ริมฝีปากคมก้มลงจุมพิตที่เท้าของเด็กหนุ่มซึ่งเลือดเริ่มไหลนอง

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองชายหนุ่มที่คุกเข่าจุมพิตเท้าทั้งสองของเขาอย่างรักใคร่ ความรู้สึกที่ถูกรักอย่างรุนแรง ความต้องการเป็นเจ้าของของคนตรงหน้า ทั้งที่เจ็บปวดและทรมานร่างกาย แต่จิตใจกลับสุขสมจนหลายครั้งที่ร่างนี้สั่นสะท้านไปด้วยความสุข

ทำให้ผมหนีไปจากคุณไม่ได้ ทำให้ผมเป็นของคุณแค่คนเดียว ทำให้ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ ได้โปรดรักผมให้มากๆนะครับ.......
 
Final
.................................................................................................................................................
Talk: พยายามสรุป ตอนแรกจะยาวกว่านี้ แต่บอกตามตรงเขียนอย่างนี้แล้วเหนื่อยมากมาย -*-"""""
แล้วกำลังงงว่าเขียนอะไรของอิชุ้นเนี่ย!!!!!!!! ขออภัยนะคะถ้าทำร้ายใคร เอาเป็นว่าใครไม่ชอบก็ปิดไปนะ = =""""""
เรื่องเป็นมายังไงก็...............นะ แบบว่า............. ก็คุยเรื่องเปื่อยกับ Jadenchase แล้วมันก็เลยเถิดมาเป็นแบบนี้อ่ะ (ไอ2คนนี้วันๆคุยกันแต่เรื่องไรฟร่ะเนี่ย*-*""""""""""")

ภาพแบนเนอร์จาก Jadenchase ค่ะ
 

15 ความคิดเห็น:

  1. เราคุยเหมือนคนปกติทั่วไปออกนะครับ คุยถึงคนที่เรารักในมุมมองต่างๆและตามสภาพอารมณ์ความต้องการของเน่จังกับผม <3
    เราสองคนแลดูจิตไม่ปกติขึ้นทุกวัน- -''

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ฉันเเค่ทำตามเสียงเรียกร้อง(?) เบื้องลึกต่างหาก555

      ลบ
  2. เห!!!!!หายไปหลายๆวันนี่ไปแอบจิตกันมาเหรอค๊ะ!!!!
    ทำไมโหดร้ายได้ใจอย่างเน้!!!!
    เก๊ารับม่ายได้อ่ะ!!!!...น่ากลัวชิ้นเนื้ออะไรก๊านนนนน!!!
    เฮห์โจวของเก๊ากลายเป็นฮานิบาล เล็คเกอร์ไปแล้ววววว!!!!!
    วันดีคืนดีจะลุกมาหั่นนู๋เอเลนของมี๊ซะเรอะ!!!
    เทรนดี้บลัดกับจันดารากำลังจะรวมหัวกันทำอะไรก๊าาา????
    สงสารนู๋เอเลนจับใจเลยนะค่ะ...ก็นู๋เอเลนไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อยเก๊าโดนขืนใจน๊าาา!!!!
    อย่ามาลงกะนู๋เอเลนของเก๊าแบบนี้สิค่ะเฮห์โจววว!!!!!
    ///แอบเสียใจอยู่ลึกๆนะค่ะเนี้ยที่isayaaไม่ได้เตรียมตับมาปวดที่มีอยู่สองข้างเดิมมันพังไปอ่ะ//
    รับบริจาคตับด่วน!!!!!!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อยากกระเเทกไลค์จันดารา555555555555555555555....

      ลบ
    2. เจอแบบนี้มันเจ็บจี๊ดดด ทำไมผมถึงเป็นจันดาราครับเนี่ย! 555555555555555

      ลบ
  3. ไม่ดูหรอกค่ะทั้งสองคนน่ดจิตชัด!!!!!
    หายกันไปหลายวันเอาเฮห์โจวววเป็นเป็นลูกชายของฮันนิบาล เล็คเกอร์มาเหรอค๊ะ!!!!!
    เล่นฆ่าหั่นศพเลยเร๊อะ!!!...นั่นมันแจ็คเดอะริปเปอร์ชัดช้าดดด!!!!
    โอ้ยน้ำตาไหลพรากกก!!!...เฮห์โจววของช้านนน!!...เพิ่งจะได้ขบกัดกล้ามท้องของเฮียมาหยก!!!
    เพิ่งจะเก็บเอาฝันตุเป็นตะแล้วไหงผ่านไปแค่วันเดียว!!!...ผ่านไปแค่วันเดียว!!!!
    ทำไม???....ทำไม๊!!!!...แง้ๆๆๆๆๆๆ!!!!!
    //รับบริจาคตับด่วนค่ะ!!!...ที่มีอยู่มันปวดจนแตกกระจายไปแล้วววว!!!///

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เค้าไม่ได้จิตน๊าาาาาาาาาาา ค....เเค่เปิดเผยตัวตนที่เเท้จริงของคู่SMเอง!!(โดนเตะไปนอกโลก!)

      ลบ
  4. เม้นนี้มีคำหยาบนิดๆ กรุณาข้าม



    เราเข้าใจฟิลของรีไวเลย เด็กมันนอกใจอ่ะ ไอ่ไรเนอร์ก็หม้อหนูเลนเราซะ //ทำไมเรารู้สึกสะใจไปพร้อมกับรีไวว้าาาาาาาาาา คืกๆ แต่ก็รู้ เอิ่ม.... ตอนรีไวจับเนื้อดิบยัดปากไรเนอร์อ่ะ
    ปล.เอเลนแอบจิตตอนสุดท้ายนะ... (_ _)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. สารภาพว่าเเอบสะใจกับไรเนอร์เช่นกันค่ะ เรื่องนี้ต้นเหตุเพราะไรเนอร์เลย เเตกลายเป็นไปปลุกความจิตของเอเลน เเละการนอกใจของเอเลน ไปปลุกความจิตของรีไว โดนไปเป็นทอดๆค่ะ

      ลบ
    2. นั่นสินะคะ ฮรี่ๆ //โชว์ฟันเงิน ^[+++^] เกี่ยวมั้ย???

      ลบ
  5. ฮ๊ะฮิ๊นี่เก๊าทำอะไรลงไป๊!!!!!!!!
    I'am soooo sorryyyyyy!!!!!!!!
    จาเดน เชสสสสสส อย่างแรงงงง++
    //จริงๆนะด้วยความสัตย์จริงที่ตัวข้าพเจ้าเจือกเข้าใจผิดอ่านเป็นจันดาราอ่ะ///
    ด้วยความที่คิดว่าตัวเองอ่านถูกต้องแว๊ววววก็หลงอ่านเป็นจันดาราแรื่อยยๆๆๆๆมาา
    //อันนี้คือไร้ข้อแก้ตัวสุดๆ....อ๊ากกกกไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ซอกใหนของประเทศแล้ววววว!!!!!!!!!!!!....อีกสองอาทิตย์จะไปเที่ยวหลวงพระบางเดี๋ยวจะอันเชิญตัวเองไปฝังเป็นดักแด้ที่โน่นดีฟ่าาาา...โอ๊ยยยยอายโคตะระเลยเฟ๊ยยยย...555555555///

    ปล.หากไม่เห็นเม้นของท่านอินี่ก็คงจะยังงมอ่านแบบนั้นอยู่จนถึงตอนนี้แหละค๊ะขออภััยยยยย...จริงจริ๊ง!!!!!!!!!!!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ว่ากันครับๆ 55555 นึกว่าตั้งฉายาใหม่ให้ผมซะอีกครับ ตกใจหมดเลย
      อย่าไปฝังตัวนะครับ กลับมาแต่งฟิคให้ผมอ่านก่อนน

      ลบ
  6. ฟิคที่เราหามานานแสนนาน~~~~
    ปลื้มปิติอย่างสุดซึ้งที่เจอ
    เรื่องนี้จิตได้อีก...แต่ชอบฟุดๆเจ้าคะ จบได้ดีมากเจ้าคะ~

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อร๊ายยยยยยยยขอบคุณที่ชอบนะคะ ฟิคสนองด้านมืดในจิตใจ =/////=""""
      ที่จริงแอบตัดไปเยอะอยู่ค่ะกลัวบล็อกโดนแบน แหะๆ >x<"""

      ลบ
  7. โอ~พระเจ้านี่แหละฟิคที่ข้าหามานานข้าชอบมากแล้วก็รู้สึกแปลกๆด้วยตอนที่ไปอ่านเจอท่านรีไวล์ยิ้ม!!!แถมยิ้มแบบอบอุ่นให้คุณป้าข้างบ้านด้วย!!!เป็นอะไรที่ประหลาดดีแท้เกิดมายังไม่เคยอ่านฟิดที่เจอท่านรีไวล์ยิ้มให้คนอื่นแบบอบอุ่นมากก่อนแต่จากที่ข้าอ่านมันเป็นความแปลกที่ซาดิสและลงตัวมากข้าชอบ////(=.,=)

    ตอบลบ