วันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2557

Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory Chapter 19



Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last Memory
Chapter 19

นัยน์ตาสีมรกตที่น้ำตาคลอและใบหน้าดื้อรั้นที่กำลังฉายแววความเจ็บปวดที่ยากเกินจะคาดเดา ความรู้สึกโหยหาและใจที่ปวดหน่วงพยายามเอื้อมมือไปสัมผัสคนตรงหน้าหวังจะให้กำลังใจ แต่ไม่ว่าจะยื่นมือไปเท่าไร หรือเดินเข้าหาแค่ไหน เด็กหนุ่มตรงหน้ากลับเหมือนยิ่งห่างไกลออกไปทุกที ทุกที
ตัวเขาจึงพยายามวิ่ง ไล่ตามเพื่อไขว่คว้าคนตรงหน้าสุดแรง เมื่อขาทั้งสองวิ่งมาจนถึงร่างโปร่งเบื้องหน้าสองแขนแกร่งพยายามคว้ารวบคนตงหน้าเข้ากอด แต่ร่างโปร่งบางและผมสีน้ำตาลเข้มนั้นกลับอันตรธานหายไป นัยน์ตาสีขี้เถ้าจับจ้องมองสองมือของตนเองที่พยายามไขว่คว้า ความรู้สึกที่หวาดหวั่นและความว่างเปล่าที่สัมผัสได้คืออะไร? ความปวดหนึบในอกข้างซ้ายนี้เกิดจากอะไร? แล้วหยาดน้ำที่ชื้นแฮะที่กำลังไหลอย่างเงียบงันจากนัยน์ตาที่เฉยชานี้ต้องการสิ่งใดกัน?
รอบตัวราวกับถูกความมืดมิดที่ยากจะหยั่งถึงเข้าครอบงำ สองขาแกร่งทรุดลงกับพื้นสีดำที่ว่างเปล่า นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่มีสายธารของความอาวรณ์ยังคงจับจ้องที่สองมือแกร่งของตน
ทั้งที่ได้ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่ง ทั้งที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุรุษผู้ซึ่งกล้าแกร่งที่สุด จนเป็นเป้าหมายและความหวังใหม่ แต่แท้ที่จริงแล้วตัวเขากลับอ่อนแอเกินกว่าที่จะมีใครรู้ ตัวเขาที่อ่อนแอ ที่ไม่อาจปกป้องแม้กระทั่งสิ่งสำคัญของตัวเองได้
ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างเหยียดหยามและสมเพชตนเอง
“นายเกลียดฉันหรือเปล่า?” เอ่ยถามท่ามกลางความมืดมิดและเงียบสงัด
.
.
.

“ไม่ครับ ผมไม่เคยเกลียดคุณ……
เสียงกระซิบที่คุ้นเคยแผ่วเบาราวกับสายลมทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองพยายามหาต้นเสียงที่เอ่ยกระซิบ ท่ามกลางความมืดมิดเกิดประกายแสงสลัวก่อนจะปรากฏร่างโปร่งบางที่คุ้นตา ชายหนุ่มค่อยๆเดินเข้าไปยังเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลตรงหน้า มือแกร่งค่อยๆเอื้อมไปอย่างหวาดหวั่นด้วยเกรงว่าคนตรงหน้าจะหายไปอีกครั้ง
มือหนาสัมผัสลงบนแก้มเนียนใสของเด็กหนุ่ม แสงสว่างที่พร่ามัวทำให้ต้องหรี่ตาเพื่อพิศมองภาพเบื้องหน้าให้ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นครั้งแรกที่สามารถสัมผัสคนตรงหน้าได้ เมื่อพยายามเพ่งมองแสงสว่างที่อำพรางค่อยๆจางลง ใบหน้าของเด็กหนุ่มเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
รอยยิ้มบางผุดบนใบหน้ามน นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องมาที่เขาอย่างอ่อนโยน
ริมฝีปากคมค่อยๆขยับอย่างสั่นระริกเพื่อเอ่ยนามของคนเบื้องหน้า
…..เอเลน…..
.
.
.
.
.
.
.
.
นัยน์ตาสีขี้เถ้าปรือขึ้นมองเพดานสีขาวที่คุ้นเคยของห้องตนเอง ชายหนุ่มผมสีราตรีจัดแจงวางหมอนใบหนาพาดกับหัวเตียงก่อนจะยันร่างแกร่งของตนเองขึ้นนั่งพิง อากาศที่เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวเริ่มเย็นขึ้น ท้องฟ้าที่เริ่มเข้าสู่เหมันต์ยังคงมืดมิดแม้จะเป็นเวลาใกล้รุ่งสร่าง เหตุเพราะเมื่อเข้าฤดูกาลนี้ทำให้พระอาทิตย์ขึ้นช้ากว่าทุกครั้ง
ใบหน้าคมนิ่งเฉยจมจ่อกับความฝันของตนเอง เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสเด็กหนุ่มร่างโปร่งในห้วงฝัน และเป็นครั้งแรกที่เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มที่อยู่ในความฝันมาตลอด
ใบหน้ามนที่ติดรั้นนิดๆที่คุ้นตา นัยน์ตาสีมรกตสดใสที่ชวนให้จับจ้อง อีกทั้งชื่อที่คุ้นหูและตัวเขาก็รู้จักดีกับเจ้าของใบหน้าและตากลมโตนั่น
ตั้งแต่เจอเด็กนั่นราวกับว่าความฝันของเขาจะแจ่มชัดขึ้นทุกวัน ราวกับตอกย้ำว่าได้เจอกับสิ่งที่ตามหา เด็กหนุ่มที่ราวกับลูกหมาตัวโตและชื่อที่ฟังแล้วรู้สึกผูกพันถึงขนาดที่เขาเอาไปตั้งให้กับเจ้าหมาปอมเปอเรเนียนที่ได้มา
“นายเกลียดฉันหรือเปล่างั้นเหรอ?” ไม่รู้ทำไมรู้สึกหวาดหวั่นทุกครั้งเมื่อเอ่ยถามประโยคนี้ กลัวว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเกลียดอย่างนั้นสินะ? ตัวเขาที่ทำอะไรไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับกลัวว่าเด็กหนุ่มคนนึงจะเกลียด แม้จะเป็นเรื่องราวในฝันแต่กลับรู้สึกชัดเจนในความเป็นจริงทุกครั้ง ความรู้สึกน่าสมเพชที่ไม่อาจปกป้องได้…… เขาปกป้องอะไรไม่ได้อย่างนั้นหรือ? สิ่งสำคัญที่เขาไม่อาจปกป้องได้ในห้วงฝันคืออะไร? หรือจะเป็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลคนนั้น แล้วเหตุใดตัวเขาถึงได้อ่อนแอและน่าสมเพชขนาดนั้นกัน? เหตุใดถึงได้หวาดหวั่นทุกครั้ง? และนายเป็นเด็กหนุ่มในความฝันคนนั้นของฉันจริงๆหรือเปล่า? หรือฉันแค่เห็นภาพนายซ้อนทับกับเด็กคนนั้นกัน?
คำถามทั้งหมดนี้ถ้าเขาถามเอเลนออกไป เด็กนั่นจะตอบเขาได้รึเปล่า?
ใบหน้าคมเค้นยิ้มให้ตัวเอง  ทั้งที่เป็นคนบอกเองแท้ๆว่าให้มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดี อย่าเอาความรู้สึกในฝันหรือเรื่องเก่ามาคิด แต่ตัวเขาที่เป็นคนพูดอย่างนั้นกลับมาคิดเรื่องของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มทาบทับกับเอเลนที่มีตัวตนจริงไปเสียได้
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองดอกไม้เล็กๆสีฟ้าที่เขาเลี้ยงไว้เต็มระเบียงผ่าทางกระจกติดกับเตียงนอน ดอกไม้ที่ราวกับตอกย้ำให้คำนึงหา สลักอยุ่ในความรู้สึกที่แสนโหยหามานานนับหลายปี
มือแกร่งเอื้อมเปิดหน้าต่าง นิ้วเรียวยาวไล้เกลี่ยกลีบดอกไม้สีฟ้าไปมาอย่างอ่อนโยน
“ฉันไม่รู้ว่าต้องคิดอะไรให้ออก แต่ส่วนลึกก็ไม่ได้คิดจะลืมนายหรอกนะ…..ไม่ว่านายจะเป็นใครก็ตาม”  แต่นายคงเป็นคนที่สำคัญกับฉันมาก ถึงกระนั้น
“ขอโทษนะ ฉันอยากให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า” ไม่รู้ว่าสิ่งสำคัญที่ต้องคิดให้ออก หรือความรู้สึกใหม่ที่สัมผัสได้ตอนนี้จะเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ เขาควรจะให้ความสนใจกับสิ่งที่มีตัวตนตรงหน้ามากกว่าสินะ ตัวเขาที่ไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือรังเกียจเด็กหนุ่มคงพอเป็นคำตอบได้ว่าตัวเขาก็สนใจเอเลนไม่น้อยทีเดียว อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้ตัวว่าตัวเขาเองก็หวงเด็กหนุ่มอยู่มากทีเดียว
มือหนายกขึ้นท้าวคางตนเอง ใบหน้าคมเหม่อมองดอกไม้สีฟ้าในกระถางพลางยกยิ้ม
แต่…..ก็อยากเห็นความพยายามของนายอยู่ล่ะนะเอเลน….
.
.
.
.
.
.
.
.
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองกล่องอาการจากร้านเพทร่าที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องออฟฟิศของตนเอง อาหารที่เขาโทรไปสั่งได้รับถูกต้องอยู่หรอกนะแต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยก็คือ  เด็กหนุ่มร่างโปร่งที่วันนี้ไม่มีเรียนและควรมาอยู่ทานข้าวกลางวันกับเขาในออฟฟิศกลับไร้วี่แวว อีกทั้งคนที่นำอาหารกล่องมาส่งเขากลับเป็นเด็กสาวผมสีดำที่เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าตัวแทน
“พอดีเอเลนมีธุระน่ะค่ะฉันเลยมาส่งแทน” มิคาสะเป็นฝ่ายเอ่ยบอกเมื่อเห็นใบหน้าเฉยชาของชายหนุ่มแฝงความสงสัย
“งั้นเหรอ” รีไวเคาะนิ้วลงบนอาหารกล่องของตนเองอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ถึงอย่างนั้นก็ควรจะบอกให้เขารู้เสียหน่อย ดูเหมือนนายยังขาดความพยายามไปนะเจ้าหนู…. 
“คุณจะทำให้เอเลนมีความสุขได้ใช่ไหม?”
คำถามของมิคาสะทำรีไวเงยหน้าขึ้นสบกับนัยน์ตาสีราตรีของเด็กสาวตรงหน้าพลางขมวดคิ้วมองเป็นเชิงถาม
“บอกตามตรงจนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังคงไม่ชอบคุณอยู่” เด็กสาวเลื่อนเก้าอี้สำนักงานฝั่งตรงข้ามเข้ามานั่งลงเพื่อเปิดบทสนทนากับชายหนุ่ม
ใบหน้าคมครุ่นคิดถึงคำถามแปลกๆของเด็กสาวตรงหน้า บางทีเธอคนนี้คงมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีตของเอเลนและความฝันของเขาเช่นกัน
“เธอต้องการจะบอกอะไรกันแน่?”
ใบหน้าสวยคมนิ่งเฉยค่อยๆถอนหายใจ
“คุณไม่มีความทรงจำเรื่องนั้นอยู่จริงๆด้วยสินะ” อย่างที่เธอคิด แต่ถึงกระนั้นเอเลนก็ยังคงเลือกคนนี้
“เรื่องนั้นที่เธอพูดหมายถึงเรื่องไหนกันแน่?” คิ้วคมขมวดมุ่นไม่เข้าใจกับสิ่งที่เด็กสาวต้องการจะเอ่ย
นัยน์ตาสีราตรีจับจ้องชายหนุ่มตรงหน้าอย่างใช้ความคิด เธอควรจะบอกให้เขารู้หรือเปล่า? แต่มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเธอโดยตรง แต่เพราะความปรารถนาที่แรงกล้าอยากให้เอเลนมีความสุข ความปรารถนานั้นถึงได้ทำให้เธอจำเรื่องราวต่างๆได้ ทั้งที่เคยคิดว่าเรื่องที่ผ่านมาแล้วทั้งหมดจะไม่มีทางถูกรื้อฟื้นและมันคงหายไปสักวันหนึ่ง ทั้งที่คิดว่าคราวนี้ตัวเธอคงสามารถทำให้เอเลนมีความสุขได้ยิ่งกว่าใคร แต่โชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อคนที่เธอคอยเฝ้ามองและไม่คิดจะเล่าความจริงใดๆให้รับรู้ กลับเจอบันทึกของตนเองจนทำให้สามารถนึกถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วได้ สายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงเข้าหากันก็ทำให้คนทั้งสองกลับมาพบกันอีกครั้งพร้อมความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวขึ้นเฉกเช่นเดียวกับในอดีตกาล
“นานแสนนานมาแล้วฉันเคยรู้จักกับคู่รักคู่หนึ่ง ไม่สิ เพราะทั้งสองไม่เคยบอกว่าเป็นคนรักกันคงเรียกว่าคู่รักไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นคนรอบข้างก็เห็นถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่ต่างมีให้กันโดยไม่ต้องพูดออกมา”
ชายหนุ่มนั่งฟังเรื่องราวที่หญิงสาวเล่าอย่างให้ความสนใจ
“แต่เพราะโลกที่โหดร้ายจึงทำให้เด็กหนุ่มคนนั้นต้องเสียสละมากมาย แม้กระทั่งความสุขของตนเอง…. ความสุขที่ไม่อาจครอบครองไว้ได้” สองมือเรียวกำแน่นบนหน้าตัก เสียงสั่นเครือยามนึกถึงเรื่องราวที่เอเลนต้องทำเมื่อครั้งอดีต
“เด็กหนุ่มคนนั้นเธอหมายถึงเอเลนสินะ”
ใบหน้าคมสวยพยักหน้าตอบรับ
“มันคงเป็นโชคชะตาจริงๆ” ทั้งที่ตั้งใจจะเก็บงำเรื่องทุกอย่าง แต่สุดท้ายทุกสิ่งก็เผยออกมา จนเธออดคิดไม่ได้ว่า แท้จริงแล้วความสุขและความปรารถนาที่แท้จริงของเอเลนอาจจะเป็นชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้านี้ก็ได้
“ที่เธอบอกว่าเป็นเรื่องนานแสนนานมาแล้วนั่นไม่ใช่ 10 หรือ 20 ปี สินะ”
“เป็นเรื่องที่นานนับพันปีเลยทีเดียวล่ะค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ” ความสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีมานานข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยาวนานจนในที่สุดก็ได้พบกันอีกครั้ง ช่างรู้สึกแปลกประหลาด และรู้สึกโหยหาอย่างอบอุ่น
มือแกร่งวางลงบนศีรษะของเด็กสาว มิคาสะเงยหน้ามองชายหนุ่มอายุมากกว่า
“ฉันไม่รู้ว่าทั้งเธอ เอเลน และฉัน เป็นอย่างไรในอดีต สักวันหนึ่งฉันอาจรับรู้ถึงตัวตนของฉันในอดีตกับพวกเธอหรืออาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็เป็นได้”
เด็กสาวก้มหน้าลงมองมือของตนเอง การที่จะบังคับอีกคนให้รับรู้เรื่องราวที่ผ่านมาคงเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเช่นกัน
“แต่ถึงไม่มีเรื่องราวเหล่านั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉันก็ขอยอมรับว่าฉันเองก็รู้สึกดีกับเอเลนเช่นกัน” ความรู้สึกที่ไม่เคยพบเจอหรือมอบให้กับผู้ใด เป็นความรู้สึกใหม่ที่ราวกับถูกเติมเต็มเมื่อได้เจอกับเด็กหนุ่ม
มิคาสะยิ้มบางให้กับชายหนุ่ม “ในเมื่อคุณเองก็คิดและรู้สึกแบบนั้น ฉันคงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
เด็กสาวลุกขึ้นเตรียมกลับออกไปทำงานของตนที่ร้าน มือขาวเรียวคว้าลูกบิดประตูเตรียมออกจากห้องทำงานของชายหนุ่ม
“เธอเองก็อย่ามัวแต่ห่วงความสุขของคนอื่น หาความสุขให้ตัวเองได้แล้ว”
มิคาสะชะงักกับคำพูดของชายหนุ่ม ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างนึกขัน ก่อนค่อยๆก้าวเดินกลับไปทำงานของตนเอง
เธอเริ่มเข้าใจขึ้นบ้างแล้วว่าทำไมเอเลนถึงตกหลุมรักคนคนนี้ถึงสองครั้ง แม้จะเฉยชาแต่กลับอบอุ่นและเป็นห่วงคนอื่นเสมอ เช่นเดียวกันกับเอเลนที่จะคอยห่วงและเสียสละเพื่อคนอื่นเสมอ การที่เธอยอมมอบเอเลนให้กับคนคนนี้คงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
.
.
.
.
.
“หัวหน้าคะเอเลนกลับไปแล้วล่ะค่ะ เห็นบอกว่ามีธุระด่วน” เพทร่าเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาที่ร้านเป็นชายหนุ่มที่หลังเลิกงานจะแวะมาเพื่อรับเอเลนกลับด้วยกันทุกครั้ง
ใบหน้าคมเฉยชาถึงขั้นคิ้วกระตุกเมื่อรู้ว่าช่วงเย็นเด็กหนุ่มก็หายตัวไปโดยไม่บอกกล่าวอะไรเขาอีกเช่นเคย
ตกลงหมอนั่นจะเอายังไงกับเขากันแน่ เข้ามาวุ่นวายและบอกชอบเขาเองแท้ๆแต่นี่กลับหายไปไหนโดยไม่บอกกล่าว มือแกร่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์เพื่อโทรตามหวังจะได้รับคำตอบ
รอสายไม่นานปลายสายก็กดรับ
นายทำอะไรอยู่ไอหนู?ถามอย่างไม่สบอารมณ์
คุณรีไวขอโทษนะครับตอนนี้ผมยุ่งมาก แล้วผมจะติดต่อกลับไปนะ
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามต่อว่า ยุ่งอะไรนักหนาถึงขนาดไม่บอกเขาก่อนปลายสายก็กดวางทันที รีไวจึงได้แต่เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอย่างหงุดหงิด ก่อนจะนั่งลงบนเคานท์เตอร์ที่ประจำของตน
หญิงสาวผมสีน้ำตาลอมส้มนำกาแฟดำมาเสิร์ฟให้กับชายหนุ่ม ใบหน้าอ่อนหวานเหล่มองอดีตหัวหน้าของตนพลางนึกขำ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแค่ไม่เจอคนเพียงคนเดียวจะทำให้คนเฉยชาอย่างหัวหน้ารีไวออกอาการขนาดนี้ ดูเหมือนคนที่เธอและคนอื่นๆต่างคอยเชียร์จะไม่เสียแรงเปล่า
“หัวหน้าหงุดหงิดอะไรมากันน๊า?” เอ่ยถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่ในใจ
“เธอเก็บร้านอยู่ไม่ใช่เหรอไงเพทร่า” เหล่มองหญิงสาวที่ถือไม้กวาดเตรียมทำความสะอาดร้านของตน
“ค่ะ ค่ะ ก็รีบเก็บร้านอยู่แหละค่ะแต่พอดีมีคนแก่ที่ไหนไม่รู้มารอรับเด็ก แต่เด็กไม่อยู่เลยต้องมานั่งจิบกาแฟย้อมใจ เห็นแล้วเลยเป็นห่วง” เพทร่ารีบวิ่งไปทำความสะอาดในครัวต่อหลังจากพูดจบเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่เธอพูดถึงกำลังจะเหวี่ยงขาเข้าใส่เธอ
“ แจน อาร์มิน พี่ฝากทิ้งขยะด้วยนะโดยเฉพาะขยะชิ้นใหญ่ตรงเคานท์เตอร์น่ะ” คนที่ถูกกล่าวถึงได้แต่ยิ้มแห้งทั้งคู่กับท่าทางที่เริงร่าของคนแซวและรังสีมาคุของคนถูกแซว หวังว่าพวกเขาคงไม่โดนลูกหลงหรอกนะ
“เฮ้ยพวกนายหมอนั่นไปไหนรู้ไหม?” รีไวหันมาถามเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่กำลังหิ้วถังขยะใบใหญ่ไปทิ้งหลังร้าน
“เอ๊ะ? ไม่รู้เหมือนกันครับเห็นว่ามีธุระด่วนเลยรีบขอตัวออกไปก่อน” อาร์มินเอ่ยตอบคำถาม
“ไม่ใช่ว่าคุณรีไวไปทำให้หมอนั่นงอนเอาเหรอครับ?” แจนยกยิ้มเอ่ยถามกวนชายหนุ่ม
งอนงั้นเหรอ? จะว่าเรื่องที่ทำให้หมอนั่นจะงอนเขาก็มีอยู่หรอกนะ เรื่องที่เขาปากหนักอยากแกล้งเจ้าเด็กนั่นแต่ถึงอย่างนั้นจะต้องหลบหน้าแล้วไม่ติดต่อเขาเลยงั้นเหรอ? ไอเด็กนี่มันจะได้ใจเกินไปแล้ว ถ้าจะงอนเขาเรื่องแบบนี้แล้วล่ะก็เขาก็จะปล่อยให้สำนึกเองก็แล้วกัน
“แหม หัวหน้าครับ เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่บางทีเราต้องสอนให้รู้จักความเป็นผู้ใหญ่บ้างนะครับ” ออลโอ้เข้ามานั่งเก๊กหน้าที่เก้าอี้ว่างด้านข้าง
“ออลโอเดือนที่แล้วนายขอมานอนคอนโดฉัน เพราะโดนเพทร่าไล่ออกจากบ้านข้อหาที่นายกัดลิ้นตัวเองตอนเห็นเธอมาร์คหน้าสินะ”
“ว๊ากกกก!! ช่วยลืมไปทีเถอะคร๊าบบ หัวหน้า!!” ออลโอตะโกนโวยวายเมื่อหัวหน้ารีไวกำลังจะเล่าเรื่องที่น่าอายของตัวเขาให้คนอื่นๆได้ยิน
“นี่นายเล่าเรื่องนั้นให้หัวหน้าฟังงั้นเหรอ!” เสียงถามแฝงไปด้วยไอเย็นเฉียบจากเพทร่าทำให้ออลโอรู้สึกเหงื่อกายแตกพลั่ก
รีไววางเงินค่ากาแฟที่เคานท์เตอร์ก่อนจะเดินออกจากร้านไป โดยไม่สนใจเสียงเอะอะโวยวายของออลโอที่กำลังพยายามแก้ต่างให้ตัวเองกับเพทร่า

พอเดินมาถึงรถคู่ใจของตนเองโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็สั่นขึ้น เมื่อเปิดดูก็พบกับข้อความของเจ้าเด็กตัวยุ่ง
Eren : คุณรีไวครับพรุ่งนี้เจอกันที่ร้านคุณฌพทร่าช่วงเย็นนะครับ ขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าวันนี้ติดธุระ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ

น่าแปลกเพียงเห็นข้อความสำนึกผิดที่ส่งมาให้ก็ทำให้อารมณ์หงุดหงิดที่มีตอนแรกหายไปราวกับปลิดทิ้ง ดูท่าเด็กหนุ่มคนนี้จะมีอิทธิพลกับเขามากกว่าที่ตัวเขาคาดคิดไว้เสียแล้ว….
.
.
.
.
.
.
ช่วงเย็นของร้านเพทร่าวันนี้คนเบาบางลงกว่าทุกวันอาจเป็นเพราะป้ายหน้าร้านที่เปลี่ยนเป็น Close เร็วกว่าทุกครั้งก็เป็นได้
“วันนี้ทำไมปิดร้านเร็วน่ะเพทร่า” รีไวเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาในร้าน
“อ๋อพอดีวันนี้จะมีรายการพิเศษน่ะค่ะเลยรีบเคลียร้านถ้ายังไงหัวหน้าช่วยนั่งรอสักครู่นะคะ” หญิงสาวเอ่ยตอบขณะเตรียมจับเก็บโต๊ะของลูกค้าที่เดินออกไปแล้ว
ชายหนุ่มผมสีดำนั่งเคาะนิ้วพลางมองไปรอบๆร้าน วันนี้เขาก็ยังคงไม่เห็นเด็กหนุ่มร่างโปร่งเช่นเคย เพราะวันนี้เจ้าตัวมีเรียนถึงช่วงบ่ายทำให้กลางวันเขาก็ยังไม่ได้ทานข้าวกับเด็กหนุ่มอีกวัน
“หัวหน้ามองหาเอเลนอยู่ล่ะสิ เดี๋ยวก็ออกมาครับ” เอริ์ดยิ้มเจ้าเล่ห์เข้ามาหาหัวหน้าของตนเอง
“ทำหน้าแปลกๆนะนาย ว่าแต่ทำไมวันนี้ทุกคนถึงอยู่กันครบเลยล่ะ?” พอเขาเข้ามานั่งสักพัก เอลวิน ฮันซี่ มิเกะ และคนอื่นๆที่คุ้นเคยกันดี หรือแม้กระทั่งเพื่อนของเจ้าหนูนั่นก็อยู่กันครบ
“ก็วันนี้มันเป็นวันพิเศษยังไงล่ะ” ฮันซี่เข้าคล้องคอชายหนุ่มผมดำเพื่อนของตน
“ดูเหมือนว่าลูกค้าจะกลับหมดแล้วล่ะนะ พวกเด็กๆก็เตรียมการกันแล้วด้วย” เอลวินเข้ามานั่งใกล้ๆกับรีไวพลางมองเหล่าบรรดาเด็กหนุ่มสาว เพื่อนๆของเอเลนต่างจัดเก็บโต๊ะเพื่อเคลียพื้นที่กลางร้านก่อนจะทยอยนำเครื่องดนตรีออกมาวางแทน
“วันนี้มีงานฉลองอะไรกันหรือไง?” รีไวเอ่ยถามเมื่อเห็นเครื่องดนตรีทั้งกลองชุด เบส คีย์บอร์ด และไมค์ถูกจัดวางกลางร้าน
“เดี๋ยวนายก็รู้” เอลวินแอบยิ้มขำ

เมื่อทุกอย่างเตรียมการเรียบร้อย แอนนี่เข้าไปนั่งเตรียมตัวหลังกลองชุดใหญ่ที่ถูกจัดวางอยู่กลางร้าน เบลทรูธหยิบเบสขึ้นมาคล้องลองเสียง มาร์โก้เตรียมประจำอยู่ที่คีย์บอร์ด และนักร้องนำร่างโปร่งที่เขาคุ้นตากับผมสีน้ำตาลและนัยน์ตาสีมรกตกลมโต
ทุกคนอยู่ในชุดลำลองสบายๆ เอเลนคว้าไมค์มาจับไว้ ใบหน้ามนส่งยิ้มมากมั่นให้กับชายหนุ่มผมสีดำที่นั่งอยู่มุมสุดของเคานท์เตอร์บาร์
“คุณรีไวบอกว่าให้ผมพยายามจีบคุณสินะครับ เพราะงั้นนี่คือความพยายามในแบบของผมครับ!!” ใบหน้ามนยิ้มระรื่น มือเรียวจับไมค์แน่นพร้อมสูดอากาศเข้าเต็มปอดอย่างใช้สมาธิ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับเหล่านักดนตรีที่อยู่เบื้องหลัง

เสียงคีย์บอร์ดเริ่มบรรเลงทำนองให้จังหวะ
We were lost in the middle
Like bottles in the ocean
But we found one another
Like the answer to a question
Like words to a love song
Like a river to the red sea
Finding you is so hard
(เราหลงทางระหว่างทาง
เหมือนกับขวดแก้วที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทร 

แต่สุดท้ายเราก็หากันจนเจอ 
เหมือนการหาคำตอบให้กับคำถาม
เหมือนการเรียงร้อยคำจนเกิดเป็นเพลงรัก
เหมือนกับการไหลรวมกันของแม่น้ำลงสู่ทะเลแดงในมหาสมุทรอินเดีย
การตามหาคุณนั้นมันช่างยากลำบากนัก)

เสียงเบสและกลองเริ่มดังคลอไปกับคีย์บอร์ด เอเลนจับไมค์แน่นขึ้นแล้วร้องตะโกน
But loving you is easy
Loving you is easy, loving you is easy
Finding you is so hard
Loving you is easy
(แต่การจะรักคุณนั้นช่างง่ายดายเหลือเกิน
รักคุณอย่างง่ายดาย รักคุณได้อย่างง่ายดาย
การตามหาคุณนั้นมันยากลำบาก
แต่ผมกลับรักคุณได้อย่างง่ายดาย)

                นัยน์ตาสีขี้เถ้าจับจ้องภาพเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา ที่เจ้าเด็กนั่นหายไปตลอดทั้งวันเมื่อวานก็เพื่อเตรียมการณ์สินะ ใบหน้าเฉยชายกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ เจ้าหนูนี่…..ไม่เลว……
Loving you, I’ve been loving you
(รักคุณ ผมรักคุณมาโดยตลอด)
Finding you is so hard
(การตามหาคุณนั้นมันช่างยากเย็น)
I think I’ve finally found the one
Here’s come the change
I think the change has just begun
I’m not the same
I think I’ve finally found the one
Here’s come the change
I think the change has just begun
I’m not the same
I think I’ve finally found the one
(ผมคิดว่าได้พบกับใครคนนั้นแล้ว
และการเปลี่ยนแปลงก็มาถึง
ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เพิ่งจะเริ่มขึ้น 

ชีวิตผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
We were lost in the middle
Like bottles in the ocean
But we found one another
Like the answer to a question
Like words to a love song
Like a river to the red sea
Finding you is so hard
But loving you is easy
(เราหลงทางระหว่างทาง
เหมือนกับขวดแก้วที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทร 

แต่สุดท้ายเราก็หากันจนเจอ 
เหมือนการหาคำตอบให้กับคำถาม
เหมือนการเรียงร้อยคำจนเกิดเป็นเพลงรัก
เหมือนกับการไหลรวมกันของแม่น้ำลงสู่ทะเลแดงในมหาสมุทรอินเดีย
การตามหาคุณนั้นมันช่างยากลำบากนัก)

                เอเลนเดินเข้ามาหารีไวที่นั่งอยู่มุมในสุด นัยน์ตาสีมรกตเป็นประกาย ใบหน้ามนขึ้นสีระเรื่อแฝงความเขินอาย เสียงหวานเอื้อนเอ่ยร้องท่วงทำนองสุดท้าย
Finding you is so hard Loving you is easy
ดนตรีจังหวะสุดท้ายหยุดลงทั่วทั้งร้านต่างเงียบเชียบรอลุ้นปฎิกริยาของคนที่โดนบอกรักผ่านเพลงอย่างอลังการ
ใบหน้ามนจับจ้องที่ใบหน้าเฉยชาของชายหนุ่ม น้ำลายรู้สึกเหนียวหนืดฝีนกลืนลงคอ ลมหายใจเริ่มติดขัดพร้อมใจที่ลุ้นระทึกเต้นระรัวราวกับกลอง
มือหนาเอื้อมไปสัมผัสแก้มใสแผ่วเบา ใบหน้านิ่งเฉยยกยิ้มอย่างพอใจ
“ไม่เลวนี่ไอหนู เห็นแบบนี้แล้วความรู้สึกของนายฉันขอรับไว้แล้วกัน”
หลังจบประโยคเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังไปทั่วทั้งร้าน เพทร่าและฮันซี่กระโดดกอดคอด้วยความตื่นเต้น เหล่าบรรดาเพื่อนๆต่างเข้ามาตบหลังและบ่าของเอเลนพลางโห่แซวแสดงความยินดี มิคาสะยิ้มบางแสดงความดีใจกับคนสำคัญของเธอ
แม้จะเจ็บใจอยู่บ้างแต่แจนก็ยิ้มและพูดแสดงความยินดีกับคนสำคัญทั้งในฐานะเพื่อนสนิทและคู่ปรับของเขา อาร์มินเอนพิงซบไหล่ของเด็กหนุ่มร่างสูงอย่างให้กำลังใจ มือหนาวางลงบนผมสีสว่างราวกับบอกว่าไม่เป็นไร
เอเลนเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้น นัยน์ตาสีมรกตคลอด้วยหยาดน้ำตาจนมือแกร่งของชายหนุ่มต้องช่วยเช็ดและประคองไว้
“ร้องไห้ทำไมกันล่ะเจ้าหนู?” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางปาดหยาดน้ำตาที่ไหลเปรอะเปื้อนบนแก้มเนียน
“กก็ผม ดีใจ” แขนเรียวโอบรอบลำคอหนาตรงหน้า พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าถ้าคราวนี้คุณรีไวยังไม่ตอบรับเขา เขาจะต้องไปงัดหาวิธีไหนมาบอกรักคนตรงหน้าอีก แต่ถ้าครั้งนี้ยังไม่สำเร็จเขาก็คิดไว้แล้วว่ายังไงก็จะขอดื้อดึงและพยายามต่อไปอยู่ดี

“หยุดร้องได้แล้วเจ้าเด็กขี้แย” มือหนาลูบไล้ลงบนผมสีน้ำตาลไปมา
“ผมพยายามอยู่นะ แต่มันก็ไม่ยอมหยุดสักที!” ใบหน้ามนยังคงมีม่านน้ำตาแห่งความดีใจหลั่งไหลออกมาเป็นสายไม่หยุด จนรีไวต้องดันตัวเด็กหนุ่มออกห่างแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าของตนเองซับใบหน้าขี้แยให้
เมื่อน้ำตาเริ่มแห้งไปบ้างเอเลนได้แต่ยิ้มระรื่นพร้อมใบหน้าที่ขึ้นสีด้วยความอาย
“ว่าแต่นายเป็นพวกชอบป่าวประกาศแบบนี้เลยสินะ” รีไวมองไปยังเหล่าบรรดาคนที่มาชุมนุมรุมล้อมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้พลางขมวดคิ้ว
“เออ ที่จริงผมก็ไม่คิดว่าจะมากันขนาดนี้” ตอนที่เขาเข้ามาเห็นทุกคนตัวเขาเองก็แอบหวั่นเกร็งและตกใจไม่น้อยทีเดียว จากที่ขอสถานที่พี่เพทร่าและขอความร่วมมือจากเพื่อนๆไม่คิดว่าวันนี้ทุกคนจะพร้อมใจกันมาดูงานแสดงความบ้าครั้งนี้ของเขา
“ฉันพอจะเดาได้ดแล้วล่ะ” รีไวหันไปมองหน้าหญิงสาวผมสีน้ำตาลอมส้มที่น่าจะเป็นแกนนำในการกระจายข่าวครั้งนี้
“ทุกคนเขาอยากมาเห็น เอ๊ยมาเป็นกำลังใจให้เอเลนกันนายนี่นารีไว” ฮันซ่เอ่ยแก้ต่างให้กับคนอื่นๆ
“ฉันพอรู้จักแฟนของนายมาบ้างแต่บอกได้เลยว่าคนนี้นายดูจะให้ความพิเศษมากกว่ารายก่อนหน้านี้มากทีเดียว” เอลวินเข้ามาตบบ่าของเพื่อนที่ตอนนี้สละโสดแล้ว
“ถ้ายังไงก็รักกันไปนานๆนะ ถึงเอเลนจะยังเด็กอยู่แต่ก็เลยวัยพ้นคุกมาแล้วเพราะงั้นสบายใจได้” มิเกะเอ่ยแซวกับแฟนใหม่ของเพื่อนตน
“เอเลนการคบคนอายุมากกว่าเขามีประสบการณ์มากก็จริงแต่นายก็ต้องจับให้ได้ไล่ให้ทันรู้ไหม” แอนนี่เข้ามาตบบ่าออกความคิดเห็น
“แต่ดูแล้วคุณรีไวมีอนาคตดีนายฝากฝังไว้ได้เลยล่ะนะ” โคนี่ชูนิ้วโป้งให้กับเพื่อนของตน
“อเออ คือเอเลนเขาไม่เคยคบใครมาก่อนถ้ามีอะไรก็คุยกันดีๆนะคะ” คริสต้าก้มศีรษะฝากฝังเด็กหนุ่มเพื่อนของตน
“ถึงจะเป็นโคแก่เคี้ยวหญ้าอ่อน แต่ดูเหมือนหญ้าจะวิ่งเข้าปากโคเสียมากกว่าล่ะนะ” แจนเข้ามาขยี้ลงบนหัวสีน้ำตาล
“พอเลยพวกนายหยุดแซวกันได้แล้ว” เอเลนหน้าขึ้นสีกับเสียงโห่แซวและแสดงความยินดีจากรอบด้าน
มือแกร่งวางจับทับกับมือบาง ใบหน้าเฉยชายิ้มบางให้กับเด็กหนุ่ม เอเลนเองก็หัวเราตอบกลับอย่างเป็นสุขเช่นเดียวกัน
แม้ไม่รู้ว่าในอดีตความสัมพันธ์ของเขาและเด็กหนุ่มจบลงเช่นไร แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นกำลังค่อยๆก้าวเดินไปอย่างต่อเนื่องและควรค่าแก่การรักษา….
TBC.

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ24 มีนาคม 2557 เวลา 18:53


    กว่าจะตอบมาได้นะค่ะ หัวหน้า เฮ้อ...
    เดี๋ยวก็ยกเอเลนให้แจนไปเลยซะหรอก!
    แจนมาแย่งเอเลนไปจากหัวหน้าทีสิ
    เรื่องนี้หมั่นไส้เฮียแกมาก :D
    แต่แค่แยกให้ห่างเฉยๆ นะเฟ้ยอย่าคิดเสียบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เเจนกำลังจะโดนอาร์มินสอยไปเเล้วค่ะไม่มีเวลามาเเย่งเเล้วล่ะค่ะฮาๆ

      ลบ
  2. งื้อฮืออออ นายเอกของเรากล้าหาญมาก
    เป็นหญ้าอ่อนที่แข็งแรงและหยั่งรากลึกผลิใบและเติบโตมาเพื่อให้โคแก่เคี้ยวจริงๆ เป็นการลงทุนที่สูงค่า พยายาม และใหญ่โตสุดๆ
    เปนสาวเปนนาง?แต่รุกเข้าใส่แบบนอนสต็อบขนาดนี่
    ถ้าคนแก่ยังซึนได้อีกก็แย่ไปหล่ะ ตาคนแก่นี่ก็จริงๆเล้ยย
    กลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปากรึไงพูดซะทีจิว่าร๊ากกกก เก๊ารอฟังอยู่น๊าา
    อย่าเปนเหมือนอดีตอีกเลยแค่นึกถึงแล้วมันเศร้าน้ำตาจะตกใน
    ทำให้นายเอกของเราเจ้บปวดมาก็มากเพราะความซึนของเฮย์โจว
    ไม่ทันแสดงทีท่าให้ชัดเจนก็ของขึ้นไปพรากผู้เยาว์ซะงั้น
    กว่าจะยอมพูดยอมแสดงออกให้มากขึ้นก็นานแสนนาน
    เล่นเอานายเอกต้องทนเศร้าทรมานใจมาก็มาก
    พอบอกทั้งทีก็ได้แค่คำว่าพิเศษ สุดท้ายแม้จำใจจากลาก็ยังไม่ได้ยินคำว่ารักอยู่ดี คำที่เอเลนอยากฟังมากที่สุด แม้กาลเวลาก็ไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลงได้ พูดซะทีเถอะนะเฮย์โจว ก็รุว่าออกจะลำเอียงทีเอาแต่ว่าโคแก่แต่มันก็อดสงสารคนที่รุทุกอย่างแต่ได้แค่เก็บไว้ไม่ได้จริงๆ ก็เข้าใจว่าอดีตผ่าพ้นไปแล้ว มีแต่ปัจจุบันที่ต้องร่วมสร้างและเลือกเดิน
    แต่มันก็เสียดายช่วงเวลาที่มีค่าเหล่านั้นยู่จริงๆ อย่างที่เฮย์โจวเคยว่า
    ไม่มีใครผิดในการที่จะเลือกกระทำบางสิ่ง เพราะกว่าเราจะรุว่ามันถูกต้องรึไม่ก็จนกว่าจะรุผลของการกระทำ แต่เชื่อเถอะว่าอดีตมีผลต่อการเลือกในปัจจุบันและอนาคตมาก ที่เอเลนลงทุน มุ่งมั่น เฝ้ารอความรัก และรุสึกได้มากขนาดนี้ส่วนนึงน่าจะมากจากอดีต ไม่ว่าจะเจ็บปวดรึสุขสมมันก็ควรค่าแก๋การรุลึกถึงและเปนบทเรียน อยากให้โคแก่ของเรารับรุบ้างจัง... ทุกเรื่องราวที่ฝ่าฟันกันมา
    ปล เราเองก็อยากรุว่าหลังจากเอเลนจากไปรีไวล์ทำอย่างไรกะชีวิต
    อีกซะ ปล ชูป้ายคาราวะชาบูวววต่อแจนพ่อคนดีศรีคอกม้า และมิคาสะหญิงสาวที่แข็งแกร่งเยี่ยงบุรุษความรักในทุกรูปแบบที่นางมีต่อเอเลนช่างยิ่งใหญ่นัก

    ตอบลบ
  3. ในที่สุดก็ตกลงกันชัดเจนสักทีเน้อออ อ่านแล้วแฮปปี้อะ แต่ควไม่ได้เป็นแบบสงบก่อนพายุเข้านะ

    ตอบลบ