Fic. Attack On Titan (Levi x Eren): Last
Memory
Chapter 18
มหาวิทยาลัย
ชินา เป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียง 1 ใน 3 ของเมือง จากคุณภาพของนักศึกษาและบุคลากรชั้นนำ
ทำให้เป็นมหาลัยที่มีการแข่งขันเพื่อเข้าเรียนในคะแนนที่สูงทุกคณะ ไม่ว่าจะเป็น
แพทย์ศาสตร์ วิศวะ ศิลปกรรม รวมถึงคณะนิติศาสตร์ด้วยเช่นกัน
อาคารเรียนสีขาวคาดแถบแดง
มีตัวอักษรโลหะสีเงินของคณะนิติศาสตร์
ตัวอาคารรายล้อมไปด้วยสวนหย่อมและต้นไม้ใหญ่เพื่อช่วยให้สมองปลอดโปร่งและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและน่าอยู่ให้กับเหล่านักศึกษาและบุคลากรที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในมหาลัยแห่งนี้
ห้องบรรยายสโลฟรวมขนาดใหญ่บรรจุนักศึกษากว่าร้อยชีวิต
ทุกคนกำลังจดเลคเชอร์และให้ความสนใจกับการบรรยายของอาจารย์ประจำวิชาหน้าห้อง
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองเด็กหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่ถัดไปไม่ไกลนักต่อจากอาร์มินแต่เมื่อคนถูกมองทำเหมือนจะรู้สึกตัวเอเลนก็ได้แต่เบนหน้าหนีไปสนใจกับการบรรยายหน้าห้องแทน
เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มร่างสูงแจนเองก็แอบลอบมองร่างโปร่งบางเช่นกัน
แต่พอเจ้าตัวหันมาสบตาด้วยทั้งคู่ก็ได้แต่ผละสายตาออกจากกัน
ไม่กล้าที่จะมองหน้ากันตรงๆได้เลย
การการะทำกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของทั้งคู่ทำให้เหล่าบรรดาเพื่อนที่นั่งอยู่ระหว่างเกมสลับจ้องกันไปมาเริ่มรู้สึกรำคาญ
กระดาษแผ่นเล็กถูกเลื่อนส่งให้อาร์มิน
‘ฉันว่าเราควรทำอะไรสักอย่างเห็นแบบนี้แล้วอึดอัดชะมัด’
เด็กหนุ่มผมทองอ่านเนื้อหาในกระดาษและหยิบปากกาเขียนส่งตอบกลับให้ไรเนอร์และเบลทรูธ
‘ผมว่าเราต้องให้ทั้งคู่คุยกันนั้นแหละครับน่าจะดีที่สุด’
‘ถ้าให้พวกมันคุยกันเองคงอีกนาน
เราคงต้องลงมือช่วยล่ะนะ’
‘งั้นวันนี้เราก็ต้องรั้งทั้งคู่ไว้
ผมจะส่งข้อความไปหาพี่เพทร่าว่าจะเข้าร้านช้าให้เองครับ’
เด็กหนุ่มทั้งสามที่อยู่ขั้นกลางระหว่างเอเลนและแจน
ต่างสบตาและพยักหน้าให้กัน ด้วยท่าทีที่อึดอัดของแจนและเอเลน ไหนจะท่าทีที่เหมือนต่างฝ่ายต่างมีเรื่องที่อยากจะพูดด้วยแล้วยิ่งทำให้บรรดาเพื่อนๆอยากจะเข้าไปจับทั้งคู่หันหน้าคุยกันให้รู้แล้วรู้รอดไป
เมื่อคลาสเรียนสิ้นสุดลง
เหล่านักศึกษาเตรียมเก็บอุปกรณ์และสมุดของตนเองทยอยออกจากห้องเรียน
“เอเลนครับช่วยไปเอาหนังสือกับผมหน่อยสิ
ผมขอยืมหนังสือกับอาจารย์ฮันซี่ไว้น่ะ”
อาร์มินรีบเรียกร่างโปร่งที่กำลังหันหลังเตรียมออกจากห้อง
“อ๋อ
ได้สิ” เอเลนหันมาพยักหน้าให้กับเด็กหนุ่มร่างเล็กผมทอง
“ฉันไปด้วยละกัน
ยังไงต้องไปร้านพี่เพทร่าพร้อมกันอยู่แล้ว”
มิคาสะสะพายกระเป๋าเตรียมเดินออกไปพร้อมกับคนอื่น
ไรเนอร์เข้ามาตบไหล่แจนที่กำลังยืนนิ่งอยู่ข้างตัว
“อาจารย์ฮันซ่ก็เรียกนายให้ไปพบด้วยนะ ถ้ายังไงก็ไปด้วยกันเลยเนี่ยแหละ”
“อ…อืม” ถึงจะไม่รู้ว่าอาจารย์ฮันซี่จะเรียกตนไปทำไม
แต่ร่างสูงก็ตอบรับไปตามสถาณการณ์
ระหว่างระเบียงทางเดินไปยังห้องพักอาจารย์
โคนี่ ชาช่า แอนนี่ คริสต้า ยูมิล รวมทั้งมาร์โก
ต่างก็กำลังเดินมาทางพวกเขาเช่นกัน
“มาทำอะไรที่คณะนี้เหรอพวกเธอ?”
มิคาสะที่เห็นเหล่ากลุ่มเพื่อนคนอื่นๆวิ่งมาเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“พวกเราเป็นห่วงเอเลนกับแจนน่ะค่ะ
อยากให้ทั้งคู่ได้คุยกัน” ชาช่าที่หอบขนมมาเต็มอ้อมกอดเอ่ยตอบ
เอเลนและแจนหันสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะชะงักและต่างหลบสายตาให้แก่กัน
พวกเขารู้ดีว่าการกระทำที่เป็นอยู่นี้ทำให้คนรอบข้างและเพื่อนๆเขาต่างเป็นห่วง
แต่ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นที่จะพูดคุยหรือแก้ไขกันอย่างไร
จึงได้แต่พยายามหลบหน้ากันไปมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่แจนสารภาพความในใจให้กับร่างโปร่งบาง
เหล่ากลุ่มเพื่อนต่างหยุดชะงักลงหันมองคนทั้งคู่ที่ต่างก็ยังไม่ยอมสบตากัน
สถาณการณ์ที่อึดอัดทำให้แอนนี่เริ่มรำคาญจนคิ้วกระตุก
“พวกนายสองคนเปิดใจคุยกันสักที!”
แอนนี่คว้าลากเด็กหนุ่มที่น่ารำคาญทั้งสองคนโยนเข้าไปในห้องบรรยายห้องเล็กที่ไม่ได้ใช้งานด้านข้าง
“เหวออ!!”
เด็กหนุ่มทั้งสองถูกเหวี่ยงเข้าไปในห้องบรรยายอย่างไม่ทันตั้งตัวจนล้มลงไปนั่งกองกับพื้น
เอเลนและแจนหันมามองเหล่าบรรดาเพื่อนๆด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก
“อย่างที่แอนนี่บอก
พวกนายควรคุยกันได้แล้วแบบนี้มันน่ารำคาญชะมัด” ยูมิลกล่าวเสริม
“ฉันก็เห็นด้วยนะ”
มิคาสะสมทบอีกแรง
ด้วยท่าทางของเอเลนและแจนที่แปลกไปทำให้เธอเองก็ห่วงทั้งสองคนในฐานะเพื่อนเช่นกัน
แม้ว่าจะเอียงไปทางเด็กหนุ่มร่างโปร่งมากกว่าก็ตาม
ชาช่าแทรกตัวเข้ามาในห้องผ่านทางยูมิลและแอนนี่ที่ยืนขวางอยู่หน้าประตู
เด็กสาวยื่นบรรดาขนมปัง ขนมขบเคี้ยว ลูกอม และเครื่องดื่มให้กับคนทั้งสอง
“มีอะไรก็คุยกันดีๆนะคะ
บางทีการกินก็ทำให้เปิดใจคุยกันง่ายขึ้นนะ”
เด็กสาวผมม้าส่งยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินจากไป
“ก็อย่างที่ทุกคนว่าแหละครับ
ถ้ายังไงก็ลองคุยกันดูนะพวกผมจะเฝ้าอยู่หน้าห้องจนกว่าพวกคุณจะคุยกันเสร็จ”
อาร์มินปิดประตูห้องบรรยาย ปล่อยให้ทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกัน
ในห้องบรรยายขนาดเล็ก
เด็กหนุ่มสองคนต่างนั่งอยู่กับพื้นมองประตูตรงหน้าที่ปิดลง เอเลนค่อยๆหันมาทางอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกันและต้องเบนสายตาไปมองที่พื้นกระเบื้องยางสีเทาแทน
เป็นครั้งแรกในรอบสองสัปดาห์ที่เขาและแจนได้เข้ามาใกล้ชิดกันขนาดนี้
“ด…ดุเหมือนว่าเราจะทำให้พวกนั้นเป็นห่วงกันนะ แหะๆ”
แจนเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นก่อน
“น นั่นน่ะสินะ แหะๆ” เอเลนหันมาหัวเราะแห้งให้กับอีกคน
แต่ก็ยังคงไม่รู้ว่าจะพูดคุยต่ออย่างไร
ความเงียบและแรงกดดันเริ่มครอบคลุม
เด็กหนุ่มทั้งสองต่างนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหว
แม้กระทั่งลมหายใจยังรู้สึกหายใจลำบากกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้
ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน และไม่รู้ว่าความสัมพันธ์จะแปรเปลี่ยนไปในรูปแบบใด
ทั้งที่อยากอยากรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้และให้กลับเป็นเฉกเช่นดังเดิม
แต่ทำอย่างไรถึงจะย้อนกลับไป ณ.
จุดเดิมที่ก้าวขึ้นมาแล้วได้?
“เออ
ชาช่าให้ขนมมาเยอะแยะเลยนายก็เอาไปด้วยสิ” ร่างโปร่งแบ่งขนมปังและขนมต่างๆที่อยุ่ในมือให้อีกคน
แจนเหลือบมองร่างบางก่อนจะรับขนมต่างๆที่อีกคนยื่นให้มาถือไว้
“ข ขอบใจ”
“มีน้ำด้วยนะ
นายเอาโค๊กสินะ” เอเลนเปิดฝากระป๋องน้ำอัดลมในมือเตรียมยื่นให้อีกคน
ซ่า……
แรงดันของก๊าซในกระป๋องทำให้น้ำสีน้ำตาลพุ่งใส่หน้าแจนทันที
เด็กชายผมสีน้ำตาลอ่อนมองหน้าอีกคนอย่างตกตะลึง
พอๆกับใบหน้ามนที่มองเพื่อนผู้โชคร้ายที่เปียกไปทั้งตัวด้วยสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน
ถึงกระนั้น…
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แจนหน้าแกยังก่ะม้าตกน้ำมาเลยว่ะ!” เอเลนหัวเราะจนท้องแข็งกับสภาพของคนตรงหน้า
คิ้วสีน้ำตาลกระตุกกับท่าทางของร่างโปร่ง
“ตลกมากใช่ไหมไอบ้านี่!!”
“อุ๊บ!!” มือหนาคว้าขนมปังยัดใส่ปากคนหัวเราะร่วน ใบหน้ามนจุกกับขนมปังที่ยัดแน่นเข้ามาเต็มปาก
มือบางจึงขยี้แยมโรลที่อยู่ในมือใส่หน้าคนสูงกว่า
“เล่นสกปรกชะมัด!” แจนเช็ดคราบครีมที่เลอะบนหน้าของตัวเองออก
แล้วป้ายกลับร่างบางที่กำลังสำลักกับก้อนขนมปังที่ถูกยัดเข้าปากอย่างไม่ทันตั้งตัว
“แกเองก็เหมือนกันล่ะเว๊ย!!”
เอเลนยันข้อมือทั้งคู่ของคนสูงกว่าที่เปื้อนไปด้วยครีมเตรียมจะป้ายกลับคืนมา
ทั้งคู่ต่างมองสบตากันโดยไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมแพ้
จากริมฝีปากของทั้งคู่ที่กัดฟังข่มกัน เริ่มยกยิ้มขึ้นและหัวเราะออกมา
“ฮ่า
ฮ่า ฮ่า พอๆ เล่นยังกับอยู่มัธยม”
“ก็นายดันชอบหาเรื่องก่อนนี่หว่าเอเลน”
“หา?
นายต่างหากล่ะที่อยู่ดีไม่ว่าดีน่ะ” ใบหน้ามนเลิกคิ้วขึ้นมองอีกคนอย่างยียวน
แจนยิ้มบางให้กับคนตรงหน้า
มือหนายกขึ้นเช็ดครีมที่เปรอะเปื้อนบนหน้าของตน “ไม่เข้าใจจริงๆว่าฉันหลงผิดไปชอบนายได้ยังไง”
คิ้วมนขมวดมุ่น
นัยน์ตาสีมรกตหมองลงเมื่อนึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีให้กับตน
ทั้งที่เป็นทั้งเพื่อนและคู่กัดที่สำคัญ
และไม่อยากทำให้เจ็บปวดแต่ก็ไม่อาจหนีความจริงตรงหน้าที่เกิดขึ้นได้
“แจน
คือ ฉัน”
“ไม่ต้องพูดเลยฉันเข้าใจ”
เด็กหนุ่มร่างสูงยกมือขึ้นปรามคำพูดของอีกคน “นายน่ะชอบเขาสินะ”
ร่างบางชะงักกับสีหน้าและท่าทีที่จริงจังของคนตรงหน้า
นัยน์ตาสีมรกตเบนหลบมองแววตาจริงจังที่ส่งมาก่อนจะหันกลับไปสบสายตานั้นตรงๆอีกครั้ง
“อืม ขอโทษนะแจน”
ถึงแม้จะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
แต่พอได้ฟังจากร่างบางตรงหน้า จิตใจที่เตรียมพร้อมมาแล้วนั้นก็ยังคงเจ็บแปลบขึ้นมา
“ทั้งที่เตี้ยก็เตี้ย”
“อ..อืม”
“ทั้งปากร้าย
และโหดแบบนั้น”
“ก…ก็ใช่ล่ะนะ”
“ถึงจะอย่างนั้นนายก็เลือกเขาสินะ”
เอเลนพยักหน้ารับ
เพราะเป็นคุณรีไว เพราะเป็นคนนี้ที่ไม่อาจมีใครมาแทนได้
ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักเท่าไรท้ายที่สุดแล้วคนที่เขาเลือกก็ยังคงเป็นคนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง
“เฮ้อ”
แจนถอนหายใจ มือหนาขยี้ลงบนหัวสีน้ำตาลของคนตรงหน้า
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรอกนะ แต่ฉันว่าเขาจะต้องทำให้นายมีความสุขได้แน่นอน”
“ขอบใจ”
ร่างโปร่งยิ้มบางให้กับคนตรงหน้า รู้ดีว่าตัวเขากำลังทำให้คนตรงหน้าเจ็บปวดเพียงใด
แต่สิ่งที่เลือกแล้วก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองร่างบางอย่างอาวรณ์
รู้สึกด้วยสัญชาตญาณตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกับชายหนุ่มร่างเตี้ยคนนั้นแล้วว่าไม่มีทางที่จะชนะได้
รู้สึกได้ถึงความสนใจและความรู้สึกพิเศษที่คนตรงหน้ามีให้กับชายหนุ่มที่แตกต่างออกไปจากที่ให้กับคนอื่น
แม้จะไม่อยากยอมรับแต่ก็รู้สึกได้ว่าคนคนนั้นเองก็รู้สึกพิเศษและให้ความสำคัญกันร่างบางไม่ต่างกัน
มือหนาค่อยๆละออกจากผมสีน้ำตาล
ริมฝีปากกัดฟันจนขึ้นสันกราม แม้จะรู้ดีอยู่แล้วก็ก็ยังคงเจ็บใจและเจ็บปวดกับความรู้สึกที่ไม่อาจสมหวังนี้
แจนดึงร่างโปร่งบางตรงหน้าเข้ามาสวมกอด วงแขนหนากอดกระชับร่างโปร่งบางแนบแน่น
“ขอโทษนะ
ขออยู่แบบนี้สักพัก” ใบหน้าคมซุกลงกับไหล่บาง
เอเลนสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนที่สวมกอดลงมา
รวมทั้งไหล่หนาที่กำลังสั่นไหว ใบหน้ามนจึงได้แต่เอนศีรษะลงบนบ่าของร่างสูงกว่า
สองแขนเรียวยกกอดตอบอีกคน
“นายเป็นคนสำคัญของฉันนะแจน
เป็นทั้งเพื่อน ทั้งคู่ปรับที่ฉันคงหาจากไหนไม่ได้อีกแล้ว”
แจนกอดกระชับร่างบางแน่นขึ้น
ใบหน้ากดแน่นจมลงกับไหล่ของคนในอ้อมแขน
“นายเองก็เช่นกัน
เจ้าเบื๊อกเอเลน”
คิ้วมนขมวดมุ่นกับคำเรียกจากคนร่างสูง
“แกมันก็ไอบ้าแจน”
“ฮ่า
ฮ่า ก็บ้าจริงๆล่ะนะ” บ้าทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางชนะแต่ก็ยังอยากลอง
บ้าทั้งที่มาก่อนแต่กลับรู้ตัวช้า
บ้าทั้งที่คิดจะเดินไปข้างหน้าแต่ก็หวังให้ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ถึงแม้จะเป็นอะไรที่บ้ามากแต่ก็เป็นความรู้สึกที่จริงจังจนไม่อาจมองข้ามไปได้
และอยากเสี่ยงแม้ความหวังจะน้อยนิดก็ตาม
“ขอโทษ
และก็…. ขอบคุณนะแจน”
ขอโทษที่ไม่อาจตอบรับความรู้สึกของนายและทำให้นายต้องเจ็บปวด
ขอบคุณกับความรู้สึกและความสำคัญที่มีให้แต่ไม่อาจจะทดแทน
“หึ
หึ” ร่างสูงเค้นหัสเราะให้กับตนเอง ความรู้สึกนี้สักวันมันจะเปลี่ยนเป็นความทรงจำที่ให้ระลึกถึง
วันหนึ่งเขาอาจจะมองย้อนกลับมาและอาจหัวเราะไปกับเรื่องราวในครั้งนี้ได้
แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น “นี่เอเลน”
“หืม?”
ซ่า……..
น้ำหวานสีอ่อนถูกเทลงบนผมสีน้ำตาลเข้มจนเปียกชุ่ม
ก่อนที่ร่างสูงของคนทำจะผละออกไป ใบหน้ามนมองอีกคนอย่างงงงวย
“ฮ่า
ฮ่า เรื่องอะไรฉันจะยอมสกปรกและเหนียวตัวคนเดียวล่ะ”
แจนหัวเราะกับสภาพลูกหมาตกน้ำของคนตรงหน้า
“แก
ไอหน้าม้า!!” เอเลนโยนขนมและสาดน้ำที่อยู่ใกล้ตัวไปหาอีกคน
ซึ่งแจนเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
สงครามอาหารขนาดย่อมจึงบังเกิดขึ้นด้วยฝีมือของคนทั้งสอง
“ว๊ายยย พวกเธอปีไหนเนี่ย!!!!”
เสียงโวยวายของป้าแม่บ้านทำให้เด็กหนุ่มสองคนที่กำลังปาอาหารใส่กันหยุดชะงัก
แม่บ้านประจำอาคารเรียนมองสภาพห้องเรียนที่ตอนนี้เละเทะไปด้วยน้ำหวานและขนมต่างๆ
แววตาที่ปกติจะร่าเริงใจดีตอนนี้กำลังวาวโรจน์ด้วยความโมโหกับสภาพของห้อง
ร่างท้วมปล่อยรังสีฟาดฟันเตรียมหันไปเล่นงานตัวต้นเหตุทั้งสอง
“ซวยแล้ว!!”
แจนรีบคว้าคอเสื้อของร่างโปร่งบางให้วิ่งหนีออกไปพร้อมกันทางประตูที่อยู่ด้านหลังของห้อง
“เฮ้ยๆ พวกแกโกยเว๊ยโกย!!!” เอเลนรีบตะโกนบอกบรรดาเพื่อนๆที่ดักรออยู่หน้าห้องให้รีบวิ่งทันที
เมื่อได้ยินเสียงบ่นปนด่าของป้าแม่บ้านดังตามหลังมา
บรรดาเพื่อนๆทั้งกลุ่มต่างพากันวิ่งหนีลงจากตึกคณะที่เกิดเหตุหลังจากได้ยินเสียงตะโกนบอกของร่างโปร่งบาง
และเสียงเรียกที่ไม่เป็นมิตรของป้าแม่บ้าน เหล่ากลุ่มเพื่อนสนิทรุ่น 104 ต่างหอบหิ้วกันและกันออกมา แม้ชาช่าจะบ่นเสียดายขนมที่เหลืออยู่ในห้อง
แต่เธอก็ไม่กล้ากลับไปเอาเพราะเกรงว่าจะเจอการทำความสะอาดชุดใหญ่พร้อมคำบ่นจนหูชาเป็นแน่
…..จนกว่าจะถึงวันนั้น
วันที่ความรู้สึกนี้จะเป็นอีกส่วนหนึ่งของเรื่องราวให้น่าจดจำและสามารถหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ก็ขอรักษาความสัมพันธ์ทั้งในฐานะเพื่อนสนิท และคู่ปรับที่ไม่อาจมีใครมาทดแทนได้แบบนี้ต่อไป…..
“ตายแล้วพวกเธอไปเล่นซนอะไรกันมาเนี่ย!?”
เพทร่าตกใจกับสภาพของเอเลนและแจนที่เดินทางมาถึงร้านของเธอ
เด็กหนุ่มทั้งสองคนหันมองหน้ากันก่อนจะยิ้มกว้าง
ทั้งคู่ต่างกอดคอกันและหัวเราะใส่กัน
“นิดหน่อยน่ะครับพี่เพทร่า”
เพทร่ามองเด็กทั้งสองคนแล้วต้องขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
แต่เธอก็รู้สึกโล่งอกที่เห็นเด็กหนุ่มทั้งสองกลับมาพูดคุยได้เป็นปกติเช่นเดิม
“ทั้งคู่ไปอาบน้ำแล้วรีบออกมาช่วยงานที่ร้านซะนะ”
หญิงสาวกอดอกตีหน้าดุสั่งทั้งสองคน
แจนและเอเลนต่างกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปยังห้องพักพนักงานซึ่งมีห้องอาบน้ำในตัวเพื่อรีบจัดแจงตนเองที่ตอนนี้สภาพเละเทะไปด้วยครีมและน้ำหวานจนเหนียวเปรอะเปื้อนเต็มตัว
อาร์มินและมิคาสะเองต่างยิ้มขำให้กับบรรยากาศที่กลับมาเป็นปกติของคนทั้งสอง
ถึงแม้จะสร้างบาดแผลและความเจ็บปวดให้กัน ถึงกระนั้นความเป็นเพื่อนก็ยังคงอยู่
แม้จะหวั่นว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองจะเลวร้ายลง
แต่เมื่อดูจากสิ่งที่เห็นตอนนี้ก็นับได้ว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
ออฟฟิศส่วนตัวในห้องสำนักงานหน่วยปราบปราม
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือหลังจากเคลียงานของวันนี้เรียบร้อยแล้ว
หกโมงหมอนั่นคงกำลังจะเลิกงานสินะ
ด้วยความเคยชินที่มีเจ้าหมาตัวโตวนเวียนและป้วนเปี้ยนอยู่ข้างกายแต่วันนี้ยังไม่เห็นวี่แววอีกทั้งยังไม่ได้รับการติดต่อใดใดจากเจ้าตัว
จึงเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเจ้าหมาตัวโตนัยน์ตาสีมรกตขึ้นมา
รีไวหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นโทรหาเด็กหนุ่มร่างบางทันที
เสียงรอสายดังไม่นานนัก
ก็มีเสียงรับสายของเด็กหนุ่มดังขึ้น
‘ส…สวัสดีครับ คุณรีไว’
‘ตอนนี้นายอยู่ที่ร้านเพทร่ารึเปล่า?’
‘ครับ
กำลังเตรียมเก็บร้านเลย แล้วคุณรีไวเลิกงานหรือยังครับ?’
‘เลิกแล้ว
เดี๋ยวฉันไปรับนายที่ร้านนะ’
‘จริงเหรอครับ
งั้นผมจะรอนะครับ’
น้ำเสียงที่ดีใจและตื่นเต้นของเด็กหนุ่มทำให้รีไวยิ้มบางขึ้นมา
แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่โทรศัพท์คุยกัน
แต่เป็นครั้งแรกที่เขาโทรไปหาเด็กหนุ่มก่อน
และทางนั้นเองก็คงจะตื่นเต้นกับการโทรไปครั้งนี้ของเขา
สังเกตุได้จากตอนรับแสงที่เจ้าตัวเหมือนจะตื่นเต้นจนพูดตะกุกตะกัก ไม่ใช่มีแค่ร่างโปร่งหรอกนะที่ตื่นเต้น
ตัวเขาเองที่ไม่เคยโทรหาใครแบบส่วนตัวโดยไม่เกี่ยวกับเรื่องงานก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
นิ้วแกร่งเคาะลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด บางทีตัวเขาเองก็คงจะเลือกหนทางของความสัมพันธ์ตรงหน้านี้ได้แล้ว
กริ๊ง…
เสียงประตูร้านดังขึ้นพร้อมการมาเยือนของชายหนุ่มร่างไม่สูงแต่แข็งแกร่ง
เมื่อเห็นว่าแขกที่เข้ามาร้านเป็นใครเอเลนจึงรีบวิ่งออกไปรับทันที
“คุณรีไวดื่มอะไรก่อนไหมครับ
ผมขอตัวเปลี่ยนชุดแปบ”
“ไม่เป็นไร
พวกนายเก็บร้านแล้วนี่ฉันรอเฉยๆได้” ชายหนุ่มเดินไปนั่งรอที่เคานท์เตอร์ในสุดที่ประจำ
“ครับงั้นผมจะรีบมานะครับ”
ร่างโปร่งถือลังไข่ไก่สดเข้าไปเก็บหลังร้านก่อนจะออกมาและเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องพักพนักงาน
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองตามหลังเด็กหนุ่มจนหายเข้าไปในห้องสำหรับพนักงาน
ใบหน้าคมหันหลังกลับมาอีกทางเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้
แจนเข้ามานั่งใกล้กับชายหนุ่ม
ร่างสูงอึกอักเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเปิดปากพูดคุยกับคนอายุมากกว่า
“ผมเคลียกับหมอนั่นแล้ว”
“งั้นเหรอ”
มือของคนอายุมากกว่าตบลงที่บ่าของเด็กหนุ่มร่างสูงเบาๆ
แจนแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทางที่ราวกับจะปลอบใจของคนนั่งด้านข้าง
ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงคิดว่ากำลังโดนสมเพชและเยาะเย้ย
แต่ท่าทางที่เย็นชานั้นกลับแฝงไปด้วยความเห็นใจและอบอุ่นจนไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหมอนั่นถึงเลือกคนคนนี้
“ผมก็ไม่ได้อยากอวยพรให้คุณหรอกนะ”
ยังไงก็ยังรู้สึกเจ็บใจที่แพ้ให้กับชายหนุ่มอยู่ดี “แต่ผมคิดว่าถ้าไม่ใช่คุณคงไม่ได้จริงๆ”
“ฉันก็คิดแบบนั้น”
รีไวยกยิ้มมุมปากให้กับเด็กหนุ่ม
“ชริ
ผมล่ะหมั่นไส้กับท่าทางมั่นใจแบบนั้นของคุณจริงๆ”
เด็กหนุ่มร่างสูงเบ้ปากให้กับคนนั่งด้านข้าง
แม้จะเป็นศัตรูหัวใจของกันและกันแต่เมื่อทุกอย่างชัดเจน
การยอมรับการตัดสินใจและยอมรับอีกคนหนึ่งก็คงสมกับการเป็นลูกผู้ชายในแบบของเขาแล้ว
เพราะไม่ว่ายังไงสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุดก็คือความสุขของเอเลน
“ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ”
ร่างโปร่งหิ้วกระเป๋าของตนพร้อมถุงพลาสติกออกมาจากห้องพักพนักงานแล้วเดินตรงไปยังเคานท์เตอร์ที่ชายหนุ่มนั่งรอ
ใบหน้าคมมองเด็กหนุ่มพลางขมวดคิ้วสงสัย
“ทำไมนายยังอยู่ในฟอร์มของร้านล่ะ?” ปกติเด็กหนุ่มจะออกมาในชุดไปรเวท
แต่ตอนนี้ยังคงอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปักโลโกร้านเพทร่าที่อก
กับกางเกงสแลคสีดำ
“แหะๆ
พอดีมีเหตุจำเป็นนิดหน่อยเลยทำให้เสื้อผ้าผมแปรสภาพเป็นแบบนี้น่ะครับ”
ร่างบางพูดพลางกางถุงพลาสติกในมือให้ชายหนุ่มดูสภาพของเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยขนมและน้ำหวาน
“ไม่รู้ว่านายไปทำอะไรมาหรอกนะ
แต่สภาพแบบนี้นายอาจต้องทิ้งชุดนาย”
ใบหน้าคมขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นสภาพของชุดที่ยากแก่การซักล้างและกำจัดคราบที่เป็นรอยด่างและแห้งกรังเป็นจุดๆ
“แต่ผมคงจะซํกและเก็บไว้อยู่ดีล่ะครับ”
ใบหน้ามนหันไปยิ้มให้กับเพื่อนสนิทควบตำแหน่งคู่ปรับของตน
“ก็มันถือว่าเป็นชุดเก่งของผมไปแล้วนี่นะ”
เป็นสิ่งที่จะเก็บเรื่องราวและความรู้สึกของวันนี้ที่เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่น่าจดจำ
เมื่อรีไวและเอเลนเดินออกไปจากร้าน
แจนจึงเตรียมเก็บสัมภาระของตัวเองลงกระเป๋ากลับบ้านเช่นกัน
นัยน์ตาสีน้ำตาลมองถุงใส่เสื้อผ้าของตนเองที่มีสภาพเละเทะไม่ต่างกันกับของอีกคนแล้วต้องกลั้นขำ
ชุดเก่งอย่างนั้นสินะ…….
วันนี้แจนออกจากร้านเป็นคนสุดท้าย
เมื่อเช็คว่าทุกอย่างปิดเรียบร้อยดีแล้ว เด็กหนุ่มจึงไขกุญแจที่เพทร่าฝากไว้เพื่อปิดร้าน
“เรียบร้อยแล้วเหรอครับแจน”
เสียงทักที่คุ้นเคยทำให้ร่างสูงหันไปมองตามต้นเสียง
“ฉันนึกว่านายกลับไปกับมิคาสะแล้วซะอีก”
แจนสะพายเป้ขึ้นบ่าเดินมาหาเด็กหนุ่มร่างเล็กผมทองที่ยืนรออยู่
“ผมรอแจนน่ะครับ”
อาร์มินยิ้มบางให้กับคนตรงหน้า
“งั้นเหรอขอบใจนะ
ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ” แจนขยี้ลงบนผมสีทองของเด็กหนุ่ม
ถึงเขาจะอกหักจากเอเลนแต่ก็กลับมาเป็นเพื่อนกันได้เช่นเก่า
นี่เขาทำให้เพื่อนๆต่างต้องเป็นห่วงกันขนาดนี้สินะ
โดยเฉพาะอาร์มินที่เขาไปรบกวนไว้มากมาย
“ดีจังนะครับที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมกับเอเลนได้”
“ใช่แล้วล่ะ
ต้องขอบใจพวกนายทุกคนเลยนะ
ชักเริ่มสงสารป้าแม่บ้านแฮะพรุ่งนี้หาของไปไถ่โทษดีกว่า”
เมื่อนึกถึงสภาพห้องที่เลอะเทอะขนาดนั้นแล้วคงต้องไปขอบคุณและขอโทษล่ะนะ
“งั้นตอนนี้แจนก๊อกหักและหัวใจว่างอย่างเต็มรูปแบบสินะครับ”
“หือ?
นี่นายจะเยาะเย้ยฉันเหรอไงอาร์มิน”
แจนขมวดคิ้วกับคำพูดของเด็กหนุ่มร่างเล็กตรงหน้า
“เปล่าครับผมว่าดีแล้วต่างหากล่ะ”
อาร์มินเดินนำหน้าร่างสูงไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหันกลับมาส่งยิ้มให้
“เพราะผมเองก็จะได้ชอบแจนได้อย่างเต็มที่แล้วยังไงล่ะครับ”
“หา?”
ใบหน้าหล่อขึ้นสี เหวอกับคำสารภาพแบบปัจจุบันทันด่วนของเด็กหนุ่มร่างเล็กทันที “ต…เตี๋ยวอาร์มินนี่มันยังไงกัน?”
แจนรีบเดินไล่ตามเด็กหนุ่มร่างเล็กที่คงเกิดอาการเขินจึงรุดเดินนำหน้าโดยไม่หันกลับมามองอีกคนที่กำลังวิ่งไล่ตาม
ในรถเฟอร์รารี่สีดำกับคนขับเจ้าของรถ
และเด็กหนุ่มที่นั่งด้านข้างอย่างเริ่มคุ้นชิน
แม้เอเลนเองก็มีรถยนต์เป็นของตนเองแต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้เพราะมีแจนคอยไปรับส่งอยู่บ่อยครั้ง
แต่ตอนนี้รถของเด็กหนุ่มแทบจะขึ้นฝุ่นจับเพราะแทบทุกวันที่คนด้านข้างว่างจากงาน
เจ้าตัวก็จะเป็นคนไปส่งเขาหลังเลิกงานที่ร้านเพทร่าเกือบทุกวัน
ใบหน้ามนมองถุงเสื้อผ้าในมือพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
จนคนที่นั่งมาด้วยกันเริ่มสงสัยว่าเสื้อเปื้อนๆแบบนั้นมีอะไรดีนักหนา
แต่อย่างน้อยก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบๆตัวของเด็กหนุ่มวันนี้จะดูสดใสขึ้น
“นายเคลียกับไอเด็กแจนแล้วสินะ”
“ใช่ครับ
คุณรีไวรู้ได้ยังไง?”
“เด็กนั่นเล่าให้ฟังน่ะ
และดูจากท่าทางของนายกับหมอนั่นทุกอย่างคงเป็นไปได้ด้วยดีสินะ”
“ใช่ครับ”
ใบหน้ามนยิ้มกว้าง “เฮ้อ…ดีจังเลยนะ….” ดีที่สามารถรักษาความสัมพันธ์ให้เป็นแบบเดิมได้
“อืม”
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองสารถีข้างกาย
“เออ ตอนนี้ผมทำทุกอย่างให้ชัดเจนแล้ว แล้วคุณรีไวกับผมเรา….”
ใบหน้ามนก้มมองถุงใส่เสื้อผ้าของตนพลางใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ
“อืมนายก็เคลียของนายแล้วสินะ
งั้น…..”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองคนนั่งด้านข้างพลางกระตุกยิ้มมุมปาก
“เรื่องของฉันนายก็พยายามเข้าล่ะไอหนู”
เอเลนพองลมในแก้มงอนกับผู้ใหญ่ตรงหน้า
“แต่เท่าที่ดูเรื่องของแจนก็ทำให้คุณหึงผมใช่ไหมล่ะ”
ไม่อย่างนั้นคงไม่บอกให้เขาไปเคลียหรอกจริงไหม
“ฉันจำไม่ได้นะว่าหึงนาย
แต่ฉันแค่ไม่ชอบโดนหลอกก็เท่านั้น”
ใบหน้าคมหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเด็กหนุ่มก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจกับเส้นทางบนท้องถนน
“ค…..คุณมัน……” ร่างโปร่งหันหน้าหนีไปมองกระจกด้านข้าง
คุณรีไวนะคุณรีไวจำไว้เลยมาแกล้งกันได้
เมื่อถึงบ้านของเด็กหนุ่ม
ร่างโปร่งที่กำลังงอนเดินลงจากรถโดยไม่หันมาขอบคุณคนอายุมากกว่าสักคำ ท่าทางที่กำลังงอนนั้นทำให้คนอายุมากกว่าแอบขำ
มือแกร่งกดเลื่อนกระจกรถลงเรียกรั้งตัวเด็กหนุ่มที่กำลังเดินไปให้กลับมาหา
“เอเลนนายอยากรู้ไหมว่าฉันคิดยังไง?”
ร่างโปร่งที่กำลังเปิดประตูรั้วชะงักมือ
หมุนตัวเดินกลับมาหาชายหนุ่มอายุมากกว่าที่นั่งอยู่ในรถ
ใบหน้ามนยังคงพองลมงอนชายหนุ่มไม่คลาย
“คุณจะแกล้งอะไรผมอีกล่ะ?”
รีไวกระดิกนิ้วชี้ให้เด็กหนุ่มก้มลงมาหาตน
ใบหน้าคมเลื่อนกระซิบที่ข้างหูของเด็กหนุ่มร่างโปร่ง “นายเป็นคนพิเศษไงล่ะ”
ริมฝีปากคมสัมผัสลงบนแก้วเนียนอย่างแผ่วเบาก่อนจะขับรถออกมา
ทิ้งให้เด็กหนุ่มมองรถที่แล่นออกไปด้วยใบหน้าที่เหมือนมะเขือเทศสุก
มือบางเคลื่อนขึ้นจับแก้มที่ยังสัมผัสได้ถึงริมฝีปากของชายหนุ่มอายุมากกว่า
จากใบหน้างอนตอนนี้ขึ้นสีระเรื่อกับการกระทำและประโยคทิ้งท้ายของคนอายุมากกว่า
คนพิเศษสินะ….
เหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิดเลยนะครับคุณรีไว…
คุณนี่ปากหนักตลอดเลยนะ
ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่ยอมพูดคำนั้นกับผมสักที
“คอยดูนะ
ครั้งนี้ผมจะทำให้คุณบอกรักผมให้ได้เลย” ใบหน้ามนเหม่อมองขึ้นท้องฟ้ายามราตรี
ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆขับเคลื่อนกำลังก้าวพัฒนาไปไปทีละนิด
ความรู้สึกที่เริ่มขยับเข้าหากันทำให้โลกดูสดใสกว่าที่แล้วมา
แค่คนเดินดิน คนธรรมดา~~
ตอบลบอ่านมาถึงช่วงสุดท้ายแล้วอยากจะมอบเพลงๆ นี้ให้จริงๆ
แหม๋! หวานกันเข้าไป หัวหน้านี่ก็นะ เฮ้อ.....
ถ้าเป็นเราคงท้อแท้ไปแล้วละ =A=
ระวังเสียใจทีหลังนะค่ะหัวหน้า หึ! งอน #โดนตบ
รออ่านต่อไปค้า สู้ๆ
ถ้าแต่งจบแล้วอยากให้เปิดรวมเล่มจัง =♥=
เรื่องรวมเล่มมีเเนวโน้มว่าจะได้ทำอยู่ค่ะ ถ้าเปิดเองเมื่อไรจะเเจ้งนะคะ ขอบคุณที่ให้ความสนใจค่ะ/กอด~
ลบกำลังไปด้วยดีทุกคู่เลย เบาๆเรื่อยๆ รีไวนี่ปากแข็ง ปากหนักเหลือเกิน ต้องหาอะไรงัด
ตอบลบ