หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love: Lesson 13

 

Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love 

Pairing: (LevixEren) 

Story By: Trendy Blood 

…………………………………………………………………………

 

Lesson 13: 

 

บรรยากาศน่าอึดอัดปกคลุมไปทั่ว แม้จะเป็นการฉลองและทานอาหารด้วยกันอย่างทุกครั้ง แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่บรรยากาศของผู้ร่วมโต๊ะต่างเงียบสนิท มีเพียงเสียงโลหะกระทบจานกระเบื้องเป็นครั้งคราวเท่านั้น เมื่อมื้ออาหารที่น่าอึดอัดสิ้นสุดลงทุกคนต่างก็กลับไปยังบ้านของตนเองโดยไม่มีใครคิดรั้งอยู่ให้นานขึ้น เอลวินเปิดกระจกรถมองรีไวและเด็กทั้งสองคนกลับเข้าบ้าน ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้เขาจะเอ็นดูเอเลนและรีไวเป็นเพื่อนสนิท ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้เขาเองก็ไม่สามารถตัดสินใจแทนหรือบังคับทั้งคู่ได้

ทันทีที่เข้ามาในบ้านเอเลนตรงเข้าห้องของมิคาสะแทนที่จะกลับขึ้นไปห้องที่เขานอนกับชายหนุ่มเป็นประจำ รีไวเห็นท่าทางที่แง่งอนนั่นของเด็กหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจ รอบร้าวนี้คงต้องใช้เวลากว่าจะประสาน

“นายควรอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนเข้านอนนะเอเลน” ชายหนุ่มเคาะประตู แต่ในห้องยังคงไร้เสียงตอบรับ ตอนนี้เขาเองก็ไม่อยากบีบบังคับเด็กหนุ่มจนเกินไปนักจึงเลือกที่ไม่เปิดประตูเข้าไปแม้ห้องนั้นจะไม่ได้ล็อคก็ตาม เขาจึงหันไปมองหลานสาวที่เดินตามหลังมา “ฝากเธอด้วยล่ะ”

มิคาสะพยักหน้ารับและเปิดประตูเข้าห้องนอนตนเอง สายตาของรีไวลอบมองผ่านแสงไฟในห้องภาพที่เห็นคือเด็กหนุ่มนั่งหันหลังให้เขาก่อนประตูจะถูกปิดลง

เด็กสาวนั่งลงข้างๆเอเลน เอเลนเองก็เอนศีรษะไปซบกับไหล่ของมิคาสะ เธอยกมือลูบผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มและตบลงเบาๆ เนื่องจากมิคาสะเดินตามเอเลนไปยังห้องที่คุณรีไวและคุณเอลวินต่างรออยู่ บทสนทนาที่หลุดรอดให้ได้ยินทำให้เธอพอจับใจความได้บ้าง อีกทั่งบรรยากาศและสีหน้าของเอเลนที่ไม่อาจปิดบัง แม้จะพยายามฝืนยิ้มแต่ขอบตาแดงๆนั่นก็เห็นชัด นับว่าโชคดีที่เหล่าคุณเพทร่าที่มาร่วมแสดงความยินดีหลังเลิกงานเห็นต่างก็อยากเข้าไปถามเด็กหนุ่ม แต่คุณเอลวินรั้งพวกเขาไว้แล้วช่วยบ่ายเบี่ยงจนจบมื้ออาหารที่ไม่น่าอภิรมณ์นัก

“ฉันไปเอาชุดนอนกับหมอนของนายลงมาให้นะ” มิคาสะรู้ว่าอีกฝ่ายคงยังไม่อยากเผชิญหน้ากับคุณอาของเธอ การจะให้เด็กหนุ่มนอนห้องของเธอก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

เอเลนพงกหัวรับแล้วยังคงนั่งกอดเข่าตัวเอง ขอบตาเด็กหนุ่มยังคงขึ้นสีแดงระเรื่อ อีกทั้งมีม่านน้ำตาฉาบไว้บางๆราวกับว่าเพียงสะกิดทำนบน้ำตานั่นก็พร้อมจะทลายลงมา

มิคาสะเคาะประตูของห้องนอนคุณอาของเธอกับเด็กหนุ่มก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงเปิดประตูเข้าไป เห็นผู้เป็นอาของเธอนั่งหวีขนให้เจ้าเยเกอร์สุนัขตัวโปรด แม้จะดูเหมือนปกติแต่เมื่อฃองสังเหตดูเธอจึงพบว่าหวีที่คุณอากำลังบรรจงหวีนั่นสลับด้าน และดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด

“คุณอา...” เธอลองเรียกชายหนุ่ม

นัยน์ตาสีหมอกปรายมอง เขาจ้องนิ่งสักพักก่อนตัดสินใจถาม “เจ้าหนูนั่น เป็นไงบ้าง?”

มิคาสะเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนและชุดอื่นๆรวมทั้งของจำเป็นของเอเลนออกมาแล้วคว้าหมอนหนุนประจำของเจ้าตัวมาด้วย เด็กสาวหันไปมองคุณอาของตัวเองความรู้สึกไม่พอใจแสดงบนใบหน้าของมิคาสะ “หลังจากนี้ช่วยยอมรับผลที่ตามมาด้วยนะคะ”

ประตูถูกปิดลง รีไวมองออกไปนอกหน้าต่าง เจ้าเยเกอร์สุนัขสีน้าลนอนพาดบนขาของเขา เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มถอนหายใจพลางลูบเจ้าสุนัขตัวโปรด

ยอมรับงั้นหรือ? มีอะไรที่เขาจะยอมรับไม่ได้กัน ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าอยากให้เจ้าเด็กนั่นใช้ชีวิตให้เต็มที่โดยไม่มีเขาผูกมัด นั่น.... ย้อมเป็นทางดีที่สุดสำหรับเอเลนของเขาแล้ว....

 

หลังจากวันนั้นผ่านไปสามวัน ทุกอย่างยังคงปกติ ไม่สิ ไม่ปกติเลย เพราะเจ้าเด็กคนนั้นยังคงเอาแต่หลบหน้าเขา แม้อาหารยังคงทำไว้ให้เขาเช่นปกติ แต่เขากลับไม่เจอหน้าเจ้าเด็กเอเลนนั่นมาสามวันแล้ว และไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำ เขาก้มมองโปรแกรมสนทนาที่ปกติจะมีข้อความของเอเลนส่งเข้ามาหาทุกวัน ตอนนี้มันกลับนิ่งสงบและโดนห้องสนทนาอื่นดันลงไปข้างล่าง ทั้งที่ปกติแล้วชื่อเอเลนจะต้องอยู่ด้านบนเสมอทุกวัน อีกทั้งการที่นอนห้องเดียวกับเจ้าเด็กนั่นมามากกว่าสิบปีขนาดนี้ เพียงแค่สามวันเขาก็รู้สึกไม่ชินกับเตียงนอนที่รู้สึกกว้างกว่าปกติของตัวเองเสียแล้ว หลายวันมานี้จึงทำให้เขานอนหลับไม่ค่อยสนิทนัก อีก และยังตื่นขึ้นมากลางดีกอีกบ่อยครั้งด้วย บอกตามตรงอารมณเขาตอนนี้เริ่มหงุดหงิกขึ้นมาบ้างแล้ว และเพราะความหงุดหงิดนี้โชคร้ายจึงตกไปอยู่ที่ฮันซี่ เพียงแค่หญิงสาวก้าวเข้ามาในรัศมีจะต้องมีของบางอย่างลอนมากระแทกหัวยุ่งๆของเธออยู่เสมอ

เอลวินเห็นอารมณ์เพื่อนของตัวเองไม่คงที่เท่าไรนักก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ไม่รู้ว่าที่หงุดหงิดขึ้นมาแบบนี้เกิดจากำอะไร ถึงรีไวจำชอบทำหน้าดุและดูอารมร์เสียตลอดเวลาแต่นั่นเป็นหน้าปกติของเจ้าตัว สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ไม่คงที่ได้ขนาดนี้ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาเห็นจะมีก็แต่เรื่องของเอลน เอลวินเคาะหัวของตัวเอง จะว่าไปแล้วหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ร็ว่าทั้งสองคนเป็นอย่างไร แต่ดูจากสภาพรีไวตอนนี้เรียกได้ว่าไม่ดีนัก ชายหนุ่มผมสีทองยกยิ้มมุมปากนึกขัน

 ให้ตายสิรีไว ทั้งที่นายบอกว่าไม่อยากเป็นคนผูกมัดเอเลน และบอกว่าเอเลนยังเด็กนัก แต่สภาพของนายตอนนี้เหมือนว่าคนที่โดนผูกมัดแท้จริงแล้วเป็นนายมากกว่า....รีไว

 

ด้วยความหงุดหงิดต้องการหาที่ระบาย ยิมมวยจึงเป็นสถานที่ที่รีไวนึกถึง ดังนั้นหลังเลิกงานเขาจึงแวะมาที่ยิมที่มาเป็นประจำ อีกทั้งยังส่งข้อความไปบอกเด็กหนุ่มตามเช่นปกติทุกครั้งที่เขาแวะไปที่ไหนก่อนกลับบ้านจะต้องแจ้งอีกฝ่าย โปรแกรมข้อความที่ไม่ขยับมา 3 วัน ถูกตอบกลับมาไม่นาน รีไวกดอ่านข้อความและต้องขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม

เอเลย[ครับ ผมทราบแล้ว]

ทั้งที่ปกติเด็หนุ่มจะต้องถามเขาว่าจะให้แวะมารับเขาที่ยิมไหม หรือเขาอยากกินอะไร หรือเขาจะกลับประมานกี่โมงเผื่ออีกฝ่ายจะได้เตรียมน้ำร้อนให้เขาอาบก่อน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกระทันหันแบบนี้ทำให้เขาหงุดหงิดมาก รีไวกำสมาร์ทโฟนของตนเองแน่นก่อนยัดลงใส่กระเป๋าแล้วเข้าห้องแต่งตัว คำพูดของหลานสาวตัวดีดังขึ้นในหัวสมอง

นี่สินะผลที่ตามมาที่เจ้าหล่อนเป็นคนพูด เขารู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องกระทบเจ้าเด็กน้อยของเขาแน่นอน แต่เขาไม่คิดว่าจะกระทบกับตัวเองจนน่าหงุดหงิดขนาดนี้!!

เมื่อเดินออกจากห้องแต่งตัวมายังโรงยิม บนเวทีมีร่างที่คุ้นเคยยืนพาดกับเสาข้างเวทีอยู่แล้ว มิคาสะเมื่อเห็นคุณอาของตัวเองก็เดินไปกลางเวที มือที่พันผ้ายืดสำหรับซัพพอร์ตขยับไปมาก่อนจะตั้งท่าแล้วกวักมือเรียกชายหนุ่มที่อยู่ด้านล่างเวทีขึ้นมา

รีไวลอดใต้เชือกก้าวขึ้นเวทีตามท่าทางเชื้อเชิญ ชายหนุ่มพันมือของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเขยิบไปที่กลางเวทีและตั้งท่าเตรียมพร้อมเช่นกัน

สายตาทั้งสองประสานกันบังเกิดแรงกดดันและประกายไฟส่งผ่านกระทบกัน มิคาสะไม่รอช้าเป็นฝ่ายก้าวตเตปเท้าเข้าไปก่อนก่อนจะตวัดเตะขาอย่างรุนแรงจู่โจมคุณอาของเธอ

รีไวยกยิ้มมุมปาก “โฮ่ วันนี้ใส่แรงใช้ได้นี่เจ้าหลานตัวดี”

มิคาสะหมุนตัวเล็งจังหวะจับชายหนุ่มกดกระแทกเข่า รีไวตั้งรับผลักเข่าของมิคาสะออกทั้งยังเสยหมัดเข้าไปแต่เด็กสาวก็หลบได้อย่างหวุดหวิด

“พอดีฉันมีเรื่องอยากถามคุณอาน่ะค่ะ” มิคาสะถามทั้งยังมุดตัวหวังเอาซอกกระแทกเข้าช่วงลำตัวชายหนุ่ม

รีไวเบี่ยงตัวหลบใส่ขาเตะไปที่ข้อพับของเด็กสาว “ว่ามา”

มิคาสะเสียหลัก เธอหาจังหวะดันตัวก่อนใช้ขาอีกข้างตวัดไปหาชายหนุ่ม

“ของขวัญที่คุณอาให้เอเลนชิ้นแรกคืออะไรคะ?” มิคาสะตะโกนถามพลางปล่อยหมัดซ้ายขวาอย่างต่อเนื่อง

รีไวโยกตัวหลบหลีกตอบคำถาม “เค้กรูปทะเลตอนหมอนั่นอายุ5ขวบ” ชายหนุ่มเปลี่ยนจากตั้งรับเริ่มเป็นฝ่ายบุก “อ้อเหมือนตอนนั้นหมอนั่นขอฉันแต่งงานด้วยนะ”

ใบหน้าสวยของมิคาสะบุ้ยปากด้วยความหมั่นไส้ เธอก้มตัวเบี่ยงไปที่ด้านหลังชายหนุ่มกระทุ้งศอกเข้าใส่ “แล้วต่อมาล่ะ?”

รีไวม้วนตัวหลบยกเข่าขึ้นโจมตี “6ขวบ ฉันพาหมอนั่นไปเที่ยวเกาะทางใต้ 7ขวบพาไปพืพิธภัณฑ์สระน้ำ 8 ขวบซื้อเสื้อซุปเปอรืฮีโร่ที่เจ้าหนูนั่นชอบ 9ขวบ........”

มิคาสะใช้สองมือดันเข่าชายหนุ่มกระโดดขึ้นข้ามร่างของรีไว ขณะที่ชายหนุ่มยังคงตอบคำถามไปเรื่อยๆ

“ของชอบของเอเลน”

“แฮมเบริ์ก”

“การ์ตูนเรื่องโปรด”

Attack On Titan

“อาหารจานแรกที่เอเลนทดลองทำ”

“ออมเล็ต”

“เรื่องน่าอายของเอเลน”

“สมัยตอน7ขวบหมอนั่นเคยตกวิชาสังคมและวัฒนธรรมแอบเอาผลคะแนนไปซ่อนในกระถางต้นไม้เพราะคิดว่าภูติต้นไม้จะช่วยได้”

“สัดส่วนของเอเลน”

“35-28-36”

มิคาสะมุมปากกระตุก ทั้งสองหอบหายใจหนักหน่วง นัยน์ตาต่างสียังคงจับจ้องกันและกัน สองอาหลายยดข้อศอกขึ้นตั้งการ์ดพร้อมกัน เสียงตึงของการลงเท้าดังขึ้นพร้อมการกระโจนตัวเข้าหากันของคนทั้งคู่

“คนที่จะมาเป็นแฟนเอเลนต้องมีคุณสมบัติแบบไหน?”

เพราะถูกถามคำถามอย่างต่อเนื่องเรื่องของเด็กหนุ่ม และคำถามเหล่านั้นเป็นสิ่งที่รีไวรู้ดีกว่าใครทั้งหมด เมื่อมาเจอคำถามต่อจึงตอบไปตามสัญชาตญาน

“เอาใจใส่หมอนั่น ไม่ทำให้เจ้าหมอนั่นร้องไห้ ทำความสะอาดและงานบ้านได้ดีเยี่ยม ทำอาหารได้ รายได้ต้องมั่นคง แข็งแกร่งพอให้หมอนั่นพึ่งพา เข้าใจเจ้าเด็กนั่น ดูแลเอเลนได้อย่างดีเยี่ยม”

“ของแบบนี้คุณอาใช้ตัวเองเป็นมาตราฐานได้ด้วยเหรอ?”

รีไวชะงักกึก อะไรนะ เขาใช้ตัวเองเป็นมาตราฐานให้เจ้าหนูนั่นเหรอ?

มิคาสะเห็นจังหวัจึงถีบเข้าที่ท้องซ฿งแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของชายหนุ่มเต็มแรง รีไวถอยหลังนั่งทรุดลงกับขอบสนาม เป็นครั้งแรกที่เขาโดนหลานสาวตัวเองถีบได้อีกทั้งยังรุนแรงเสียจนรู้สึกจุกไม่ใช่น้อย

เด็กสาวหอบหายใจพลางเช็ดเหงื่อที่โทรมใบหน้า มิคาสะสูดหายใจเข้าลึกก่อนผ่อนลมหายใจออกยาวเพื่อปรับลมหายใจของตัวเอง นัยน์ตาสีเข้มมองคุณอาของตัวเองที่ยังคงนั่งทรุดอยู่ขอบเวที

“มาตราฐานที่คุณอาบอกมาในฐานะที่คุณอาเป็นผู้ปกครองของเอเลน ฉันแม้เป็นหลานสาวก็จะทำตามให้ได้ครบทุกข้อค่ะ”

รีไวมองใบหน้าของหลานสาวที่จ้องตรงมา ใบหน้าคมเข้มขมวดคิ้วเป็นปมอย่างไม่รู้ตัว

“เหอะ หมอนั่นมองเธอเป็นแค่พี่สาว”

“แล้วยังไงคะ? ในเมื่อไม่ใช่สายเลือดเดียวกันเสียหน่อย อีกอย่างจะปล่อยเอเลนไปให้คนอื่นดูแลทั้งที่ไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นแบบไหน ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ สู้ให้ฉันเป็นคนดูแลเอเลนเองดีกว่า”  มิคาสะโยนผ้าเช็ดหน้าที่พาดอยู่กับเชือกข้างสยามของชายหนุ่มให้

“ในเมื่อคุณอาคิดว่าจะปล่อยเอเลนไปแล้วล่ะก็ ฉันจะขอรับไปเองค่ะ”

 

มิคาสะเดินออกจากยิมไปแล้ว ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่บนเวทีมวย อาการจุกเมื่อสักครู่เบาบางลงจนแทบไม่รู้สึกแล้ว รีไวเอาเช้ดหน้าขึ้นมาปิดหน้าตัวเองก่อนจะนอนลงกางแขนบนเวทีมวย เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาเอาตัวเองมาเป็นมาตราฐานในการเลือกแฟนของเด็กหนุ่ม แต่ว่าเขาเป็นคนเลี้ยงเจ้าหมอนั่นมา การที่จะใช้ตัวเองเป็นบันทัดฐานนับว่าไม่แปลกใช่ไหม? ต่อให้ทั้งที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่ว่าการที่เขาดูแลเด็กหนุ่มมาก็นับว่าเขาก็เปรียบเสมือนพ่อของเด็กคนนั้น....

ไม่สิ.... ไม่ถูก......

เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นพ่อของเอเลนมาก่อน ไม่ว่าจะตอนที่เอเลนยังอายุเพียง5ขวบหรือจนตอนนี้ที่เขาเลี้ยงดูมา แต่ก่อนก็มองเจ้าเด็กนั่นเป็นหลานชาย แต่ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าหนูนั่นเลิกเรียกเขาว่าคุณอา.... และ.... ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาไม่ได้ใส่ใจการเรียกในสถานะนั้น? และทำไมเพียงแค่มิคาสะบอกว่าจะขอดูแลเข้าหนูนั่นแทน เขาถึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาได้

ก่อนหน้านี้เหมือนจะมีเด็กที่ชื่อว่าคริสต้าที่เอเลนต้องไปซ้อมละครด้วยบ่อยๆ เขาเห็นทั้งสองสนิทสนมกันก็คิดเพียงแค่ว่าเป็นเด็กสาวที่อัธยาศัยดีผู้หนึ่ง มาคิดดูดีๆแล้ว เด็กที่ชื่อคริสต้านั่นหน้าตายังไง? สูงหรือเตี้ย? ผิวขาว หรือผิวเข้ม ผมสีอะไร? ทั้งที่เป็นเด็กสาวที่มาที่บ้านหลายครั้ง และเอเลนไปรับส่งอยู่บ่อยครั้งแต่เขากลับนึกอะไรเกี่ยวกับเด็กสาวคนนั้นไม่ออก บางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่คิดรับรู้การมีตัวตนของเด็กสาวคนั้นกับเอเลน

ชายหนุ่มเลื่อนผ้าที่คลุมหน้าของตัวเองออก แสงไฟบนเพดานทำให้เขารู้สคกแสบตาอยู่บ้างที่ยังคงจ้องต่อไปราวกับกำลังค้นหาคำตอบบางอย่าง

ไม่สิ....เพราะเขาเป็นคนเลี้ยงดูเอเลนมาดังนั้นเขาจึงเป็นมาตราฐานเรื่องรอบตัวของเด็กหนุ่ม

รีไวถอนหายใจ ทั้งที่เขาได้คำตอบและเหตุผลให้ตัวเองแล้วแต่ทำไมอกซ้ายถึงรู้สึกปั่นป่วนนัก....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น