Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love
Pairing: (LevixEren)
Story By: Trendy Blood
…………………………………………………………………………
Lesson 13:
บรรยากาศน่าอึดอัดปกคลุมไปทั่ว
แม้จะเป็นการฉลองและทานอาหารด้วยกันอย่างทุกครั้ง แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่บรรยากาศของผู้ร่วมโต๊ะต่างเงียบสนิท
มีเพียงเสียงโลหะกระทบจานกระเบื้องเป็นครั้งคราวเท่านั้น เมื่อมื้ออาหารที่น่าอึดอัดสิ้นสุดลงทุกคนต่างก็กลับไปยังบ้านของตนเองโดยไม่มีใครคิดรั้งอยู่ให้นานขึ้น
เอลวินเปิดกระจกรถมองรีไวและเด็กทั้งสองคนกลับเข้าบ้าน
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้เขาจะเอ็นดูเอเลนและรีไวเป็นเพื่อนสนิท
ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้เขาเองก็ไม่สามารถตัดสินใจแทนหรือบังคับทั้งคู่ได้
ทันทีที่เข้ามาในบ้านเอเลนตรงเข้าห้องของมิคาสะแทนที่จะกลับขึ้นไปห้องที่เขานอนกับชายหนุ่มเป็นประจำ
รีไวเห็นท่าทางที่แง่งอนนั่นของเด็กหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจ
รอบร้าวนี้คงต้องใช้เวลากว่าจะประสาน
“นายควรอาบน้ำให้เรียบร้อยก่อนเข้านอนนะเอเลน”
ชายหนุ่มเคาะประตู แต่ในห้องยังคงไร้เสียงตอบรับ
ตอนนี้เขาเองก็ไม่อยากบีบบังคับเด็กหนุ่มจนเกินไปนักจึงเลือกที่ไม่เปิดประตูเข้าไปแม้ห้องนั้นจะไม่ได้ล็อคก็ตาม
เขาจึงหันไปมองหลานสาวที่เดินตามหลังมา “ฝากเธอด้วยล่ะ”
มิคาสะพยักหน้ารับและเปิดประตูเข้าห้องนอนตนเอง
สายตาของรีไวลอบมองผ่านแสงไฟในห้องภาพที่เห็นคือเด็กหนุ่มนั่งหันหลังให้เขาก่อนประตูจะถูกปิดลง
เด็กสาวนั่งลงข้างๆเอเลน
เอเลนเองก็เอนศีรษะไปซบกับไหล่ของมิคาสะ เธอยกมือลูบผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มและตบลงเบาๆ
เนื่องจากมิคาสะเดินตามเอเลนไปยังห้องที่คุณรีไวและคุณเอลวินต่างรออยู่
บทสนทนาที่หลุดรอดให้ได้ยินทำให้เธอพอจับใจความได้บ้าง
อีกทั่งบรรยากาศและสีหน้าของเอเลนที่ไม่อาจปิดบัง
แม้จะพยายามฝืนยิ้มแต่ขอบตาแดงๆนั่นก็เห็นชัด นับว่าโชคดีที่เหล่าคุณเพทร่าที่มาร่วมแสดงความยินดีหลังเลิกงานเห็นต่างก็อยากเข้าไปถามเด็กหนุ่ม
แต่คุณเอลวินรั้งพวกเขาไว้แล้วช่วยบ่ายเบี่ยงจนจบมื้ออาหารที่ไม่น่าอภิรมณ์นัก
“ฉันไปเอาชุดนอนกับหมอนของนายลงมาให้นะ”
มิคาสะรู้ว่าอีกฝ่ายคงยังไม่อยากเผชิญหน้ากับคุณอาของเธอ การจะให้เด็กหนุ่มนอนห้องของเธอก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
เอเลนพงกหัวรับแล้วยังคงนั่งกอดเข่าตัวเอง
ขอบตาเด็กหนุ่มยังคงขึ้นสีแดงระเรื่อ
อีกทั้งมีม่านน้ำตาฉาบไว้บางๆราวกับว่าเพียงสะกิดทำนบน้ำตานั่นก็พร้อมจะทลายลงมา
มิคาสะเคาะประตูของห้องนอนคุณอาของเธอกับเด็กหนุ่มก่อน
เมื่อได้รับอนุญาตจึงเปิดประตูเข้าไป
เห็นผู้เป็นอาของเธอนั่งหวีขนให้เจ้าเยเกอร์สุนัขตัวโปรด
แม้จะดูเหมือนปกติแต่เมื่อฃองสังเหตดูเธอจึงพบว่าหวีที่คุณอากำลังบรรจงหวีนั่นสลับด้าน
และดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด
“คุณอา...” เธอลองเรียกชายหนุ่ม
นัยน์ตาสีหมอกปรายมอง เขาจ้องนิ่งสักพักก่อนตัดสินใจถาม
“เจ้าหนูนั่น เป็นไงบ้าง?”
มิคาสะเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนและชุดอื่นๆรวมทั้งของจำเป็นของเอเลนออกมาแล้วคว้าหมอนหนุนประจำของเจ้าตัวมาด้วย
เด็กสาวหันไปมองคุณอาของตัวเองความรู้สึกไม่พอใจแสดงบนใบหน้าของมิคาสะ “หลังจากนี้ช่วยยอมรับผลที่ตามมาด้วยนะคะ”
ประตูถูกปิดลง รีไวมองออกไปนอกหน้าต่าง
เจ้าเยเกอร์สุนัขสีน้าลนอนพาดบนขาของเขา
เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มถอนหายใจพลางลูบเจ้าสุนัขตัวโปรด
ยอมรับงั้นหรือ? มีอะไรที่เขาจะยอมรับไม่ได้กัน
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าอยากให้เจ้าเด็กนั่นใช้ชีวิตให้เต็มที่โดยไม่มีเขาผูกมัด
นั่น.... ย้อมเป็นทางดีที่สุดสำหรับเอเลนของเขาแล้ว....
หลังจากวันนั้นผ่านไปสามวัน ทุกอย่างยังคงปกติ ไม่สิ
ไม่ปกติเลย เพราะเจ้าเด็กคนนั้นยังคงเอาแต่หลบหน้าเขา
แม้อาหารยังคงทำไว้ให้เขาเช่นปกติ แต่เขากลับไม่เจอหน้าเจ้าเด็กเอเลนนั่นมาสามวันแล้ว
และไม่ได้พูดคุยกันเลยสักคำ
เขาก้มมองโปรแกรมสนทนาที่ปกติจะมีข้อความของเอเลนส่งเข้ามาหาทุกวัน
ตอนนี้มันกลับนิ่งสงบและโดนห้องสนทนาอื่นดันลงไปข้างล่าง
ทั้งที่ปกติแล้วชื่อเอเลนจะต้องอยู่ด้านบนเสมอทุกวัน
อีกทั้งการที่นอนห้องเดียวกับเจ้าเด็กนั่นมามากกว่าสิบปีขนาดนี้
เพียงแค่สามวันเขาก็รู้สึกไม่ชินกับเตียงนอนที่รู้สึกกว้างกว่าปกติของตัวเองเสียแล้ว
หลายวันมานี้จึงทำให้เขานอนหลับไม่ค่อยสนิทนัก อีก
และยังตื่นขึ้นมากลางดีกอีกบ่อยครั้งด้วย
บอกตามตรงอารมณเขาตอนนี้เริ่มหงุดหงิกขึ้นมาบ้างแล้ว และเพราะความหงุดหงิดนี้โชคร้ายจึงตกไปอยู่ที่ฮันซี่
เพียงแค่หญิงสาวก้าวเข้ามาในรัศมีจะต้องมีของบางอย่างลอนมากระแทกหัวยุ่งๆของเธออยู่เสมอ
เอลวินเห็นอารมณ์เพื่อนของตัวเองไม่คงที่เท่าไรนักก็ได้แต่ยิ้มแห้ง
ไม่รู้ว่าที่หงุดหงิดขึ้นมาแบบนี้เกิดจากำอะไร ถึงรีไวจำชอบทำหน้าดุและดูอารมร์เสียตลอดเวลาแต่นั่นเป็นหน้าปกติของเจ้าตัว
สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ไม่คงที่ได้ขนาดนี้ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาเห็นจะมีก็แต่เรื่องของเอลน
เอลวินเคาะหัวของตัวเอง
จะว่าไปแล้วหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่ร็ว่าทั้งสองคนเป็นอย่างไร
แต่ดูจากสภาพรีไวตอนนี้เรียกได้ว่าไม่ดีนัก ชายหนุ่มผมสีทองยกยิ้มมุมปากนึกขัน
ให้ตายสิรีไว
ทั้งที่นายบอกว่าไม่อยากเป็นคนผูกมัดเอเลน และบอกว่าเอเลนยังเด็กนัก
แต่สภาพของนายตอนนี้เหมือนว่าคนที่โดนผูกมัดแท้จริงแล้วเป็นนายมากกว่า....รีไว
ด้วยความหงุดหงิดต้องการหาที่ระบาย ยิมมวยจึงเป็นสถานที่ที่รีไวนึกถึง
ดังนั้นหลังเลิกงานเขาจึงแวะมาที่ยิมที่มาเป็นประจำ
อีกทั้งยังส่งข้อความไปบอกเด็กหนุ่มตามเช่นปกติทุกครั้งที่เขาแวะไปที่ไหนก่อนกลับบ้านจะต้องแจ้งอีกฝ่าย
โปรแกรมข้อความที่ไม่ขยับมา 3 วัน ถูกตอบกลับมาไม่นาน
รีไวกดอ่านข้อความและต้องขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม
เอเลย[ครับ
ผมทราบแล้ว]
ทั้งที่ปกติเด็หนุ่มจะต้องถามเขาว่าจะให้แวะมารับเขาที่ยิมไหม
หรือเขาอยากกินอะไร
หรือเขาจะกลับประมานกี่โมงเผื่ออีกฝ่ายจะได้เตรียมน้ำร้อนให้เขาอาบก่อน
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกระทันหันแบบนี้ทำให้เขาหงุดหงิดมาก รีไวกำสมาร์ทโฟนของตนเองแน่นก่อนยัดลงใส่กระเป๋าแล้วเข้าห้องแต่งตัว
คำพูดของหลานสาวตัวดีดังขึ้นในหัวสมอง
นี่สินะผลที่ตามมาที่เจ้าหล่อนเป็นคนพูด เขารู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องกระทบเจ้าเด็กน้อยของเขาแน่นอน
แต่เขาไม่คิดว่าจะกระทบกับตัวเองจนน่าหงุดหงิดขนาดนี้!!
เมื่อเดินออกจากห้องแต่งตัวมายังโรงยิม
บนเวทีมีร่างที่คุ้นเคยยืนพาดกับเสาข้างเวทีอยู่แล้ว
มิคาสะเมื่อเห็นคุณอาของตัวเองก็เดินไปกลางเวที
มือที่พันผ้ายืดสำหรับซัพพอร์ตขยับไปมาก่อนจะตั้งท่าแล้วกวักมือเรียกชายหนุ่มที่อยู่ด้านล่างเวทีขึ้นมา
รีไวลอดใต้เชือกก้าวขึ้นเวทีตามท่าทางเชื้อเชิญ
ชายหนุ่มพันมือของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเขยิบไปที่กลางเวทีและตั้งท่าเตรียมพร้อมเช่นกัน
สายตาทั้งสองประสานกันบังเกิดแรงกดดันและประกายไฟส่งผ่านกระทบกัน
มิคาสะไม่รอช้าเป็นฝ่ายก้าวตเตปเท้าเข้าไปก่อนก่อนจะตวัดเตะขาอย่างรุนแรงจู่โจมคุณอาของเธอ
รีไวยกยิ้มมุมปาก “โฮ่
วันนี้ใส่แรงใช้ได้นี่เจ้าหลานตัวดี”
มิคาสะหมุนตัวเล็งจังหวะจับชายหนุ่มกดกระแทกเข่า
รีไวตั้งรับผลักเข่าของมิคาสะออกทั้งยังเสยหมัดเข้าไปแต่เด็กสาวก็หลบได้อย่างหวุดหวิด
“พอดีฉันมีเรื่องอยากถามคุณอาน่ะค่ะ”
มิคาสะถามทั้งยังมุดตัวหวังเอาซอกกระแทกเข้าช่วงลำตัวชายหนุ่ม
รีไวเบี่ยงตัวหลบใส่ขาเตะไปที่ข้อพับของเด็กสาว “ว่ามา”
มิคาสะเสียหลัก
เธอหาจังหวะดันตัวก่อนใช้ขาอีกข้างตวัดไปหาชายหนุ่ม
“ของขวัญที่คุณอาให้เอเลนชิ้นแรกคืออะไรคะ?”
มิคาสะตะโกนถามพลางปล่อยหมัดซ้ายขวาอย่างต่อเนื่อง
รีไวโยกตัวหลบหลีกตอบคำถาม
“เค้กรูปทะเลตอนหมอนั่นอายุ5ขวบ” ชายหนุ่มเปลี่ยนจากตั้งรับเริ่มเป็นฝ่ายบุก
“อ้อเหมือนตอนนั้นหมอนั่นขอฉันแต่งงานด้วยนะ”
ใบหน้าสวยของมิคาสะบุ้ยปากด้วยความหมั่นไส้
เธอก้มตัวเบี่ยงไปที่ด้านหลังชายหนุ่มกระทุ้งศอกเข้าใส่ “แล้วต่อมาล่ะ?”
รีไวม้วนตัวหลบยกเข่าขึ้นโจมตี “6ขวบ
ฉันพาหมอนั่นไปเที่ยวเกาะทางใต้ 7ขวบพาไปพืพิธภัณฑ์สระน้ำ 8
ขวบซื้อเสื้อซุปเปอรืฮีโร่ที่เจ้าหนูนั่นชอบ 9ขวบ........”
มิคาสะใช้สองมือดันเข่าชายหนุ่มกระโดดขึ้นข้ามร่างของรีไว
ขณะที่ชายหนุ่มยังคงตอบคำถามไปเรื่อยๆ
“ของชอบของเอเลน”
“แฮมเบริ์ก”
“การ์ตูนเรื่องโปรด”
“Attack On Titan”
“อาหารจานแรกที่เอเลนทดลองทำ”
“ออมเล็ต”
“เรื่องน่าอายของเอเลน”
“สมัยตอน7ขวบหมอนั่นเคยตกวิชาสังคมและวัฒนธรรมแอบเอาผลคะแนนไปซ่อนในกระถางต้นไม้เพราะคิดว่าภูติต้นไม้จะช่วยได้”
“สัดส่วนของเอเลน”
“35-28-36”
มิคาสะมุมปากกระตุก ทั้งสองหอบหายใจหนักหน่วง
นัยน์ตาต่างสียังคงจับจ้องกันและกัน สองอาหลายยดข้อศอกขึ้นตั้งการ์ดพร้อมกัน
เสียงตึงของการลงเท้าดังขึ้นพร้อมการกระโจนตัวเข้าหากันของคนทั้งคู่
“คนที่จะมาเป็นแฟนเอเลนต้องมีคุณสมบัติแบบไหน?”
เพราะถูกถามคำถามอย่างต่อเนื่องเรื่องของเด็กหนุ่ม และคำถามเหล่านั้นเป็นสิ่งที่รีไวรู้ดีกว่าใครทั้งหมด
เมื่อมาเจอคำถามต่อจึงตอบไปตามสัญชาตญาน
“เอาใจใส่หมอนั่น ไม่ทำให้เจ้าหมอนั่นร้องไห้
ทำความสะอาดและงานบ้านได้ดีเยี่ยม ทำอาหารได้ รายได้ต้องมั่นคง
แข็งแกร่งพอให้หมอนั่นพึ่งพา เข้าใจเจ้าเด็กนั่น ดูแลเอเลนได้อย่างดีเยี่ยม”
“ของแบบนี้คุณอาใช้ตัวเองเป็นมาตราฐานได้ด้วยเหรอ?”
รีไวชะงักกึก อะไรนะ
เขาใช้ตัวเองเป็นมาตราฐานให้เจ้าหนูนั่นเหรอ?
มิคาสะเห็นจังหวัจึงถีบเข้าที่ท้องซ฿งแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของชายหนุ่มเต็มแรง
รีไวถอยหลังนั่งทรุดลงกับขอบสนาม เป็นครั้งแรกที่เขาโดนหลานสาวตัวเองถีบได้อีกทั้งยังรุนแรงเสียจนรู้สึกจุกไม่ใช่น้อย
เด็กสาวหอบหายใจพลางเช็ดเหงื่อที่โทรมใบหน้า
มิคาสะสูดหายใจเข้าลึกก่อนผ่อนลมหายใจออกยาวเพื่อปรับลมหายใจของตัวเอง
นัยน์ตาสีเข้มมองคุณอาของตัวเองที่ยังคงนั่งทรุดอยู่ขอบเวที
“มาตราฐานที่คุณอาบอกมาในฐานะที่คุณอาเป็นผู้ปกครองของเอเลน
ฉันแม้เป็นหลานสาวก็จะทำตามให้ได้ครบทุกข้อค่ะ”
รีไวมองใบหน้าของหลานสาวที่จ้องตรงมา
ใบหน้าคมเข้มขมวดคิ้วเป็นปมอย่างไม่รู้ตัว
“เหอะ หมอนั่นมองเธอเป็นแค่พี่สาว”
“แล้วยังไงคะ? ในเมื่อไม่ใช่สายเลือดเดียวกันเสียหน่อย
อีกอย่างจะปล่อยเอเลนไปให้คนอื่นดูแลทั้งที่ไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นแบบไหน
ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ สู้ให้ฉันเป็นคนดูแลเอเลนเองดีกว่า” มิคาสะโยนผ้าเช็ดหน้าที่พาดอยู่กับเชือกข้างสยามของชายหนุ่มให้
“ในเมื่อคุณอาคิดว่าจะปล่อยเอเลนไปแล้วล่ะก็
ฉันจะขอรับไปเองค่ะ”
มิคาสะเดินออกจากยิมไปแล้ว
ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่บนเวทีมวย อาการจุกเมื่อสักครู่เบาบางลงจนแทบไม่รู้สึกแล้ว
รีไวเอาเช้ดหน้าขึ้นมาปิดหน้าตัวเองก่อนจะนอนลงกางแขนบนเวทีมวย
เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาเอาตัวเองมาเป็นมาตราฐานในการเลือกแฟนของเด็กหนุ่ม
แต่ว่าเขาเป็นคนเลี้ยงเจ้าหมอนั่นมา การที่จะใช้ตัวเองเป็นบันทัดฐานนับว่าไม่แปลกใช่ไหม?
ต่อให้ทั้งที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่ว่าการที่เขาดูแลเด็กหนุ่มมาก็นับว่าเขาก็เปรียบเสมือนพ่อของเด็กคนนั้น....
ไม่สิ.... ไม่ถูก......
เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นพ่อของเอเลนมาก่อน
ไม่ว่าจะตอนที่เอเลนยังอายุเพียง5ขวบหรือจนตอนนี้ที่เขาเลี้ยงดูมา
แต่ก่อนก็มองเจ้าเด็กนั่นเป็นหลานชาย
แต่ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้าหนูนั่นเลิกเรียกเขาว่าคุณอา.... และ....
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาไม่ได้ใส่ใจการเรียกในสถานะนั้น?
และทำไมเพียงแค่มิคาสะบอกว่าจะขอดูแลเข้าหนูนั่นแทน เขาถึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาได้
ก่อนหน้านี้เหมือนจะมีเด็กที่ชื่อว่าคริสต้าที่เอเลนต้องไปซ้อมละครด้วยบ่อยๆ
เขาเห็นทั้งสองสนิทสนมกันก็คิดเพียงแค่ว่าเป็นเด็กสาวที่อัธยาศัยดีผู้หนึ่ง
มาคิดดูดีๆแล้ว เด็กที่ชื่อคริสต้านั่นหน้าตายังไง? สูงหรือเตี้ย? ผิวขาว
หรือผิวเข้ม ผมสีอะไร? ทั้งที่เป็นเด็กสาวที่มาที่บ้านหลายครั้ง
และเอเลนไปรับส่งอยู่บ่อยครั้งแต่เขากลับนึกอะไรเกี่ยวกับเด็กสาวคนนั้นไม่ออก
บางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่คิดรับรู้การมีตัวตนของเด็กสาวคนั้นกับเอเลน
ชายหนุ่มเลื่อนผ้าที่คลุมหน้าของตัวเองออก
แสงไฟบนเพดานทำให้เขารู้สคกแสบตาอยู่บ้างที่ยังคงจ้องต่อไปราวกับกำลังค้นหาคำตอบบางอย่าง
ไม่สิ....เพราะเขาเป็นคนเลี้ยงดูเอเลนมาดังนั้นเขาจึงเป็นมาตราฐานเรื่องรอบตัวของเด็กหนุ่ม
รีไวถอนหายใจ
ทั้งที่เขาได้คำตอบและเหตุผลให้ตัวเองแล้วแต่ทำไมอกซ้ายถึงรู้สึกปั่นป่วนนัก....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น