Attack On
Titan Fan fic.: Lessons
of love
Pairing: (LevixEren)
Story By: Trendy
Blood
………………………………………………………………………………
Lesson 12:
เสียงดนตรีมาร์ชประจำโรงเรียนดังกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ
เมื่อเสียงเพลงจบลงก็ตามมาด้วยเสียงดนตรีของซุ้มบูธและร้านค้าต่างๆ
เสียงนักเรียนที่วันนี้ต่างวุ่นวายกันถ้วนหน้า รวมทั้งเหล่าผู้มาร่วมงานประจำโรงเรียนมัธยม
มาเรีย ด้วยที่เป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดัง
และงานโรงเรียนที่เปิดให้ผู้คนภายนอกสามารถเข้าร่วมงานได้ ถือว่าเป็นการโปรโมทโรงเรียนไปในตัว
ทำให้งานโรงเรียนแห่งนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ทุกปี รงมถึงมีผู้คนที่เข้ามาร่วมงานกันอย่างแน่นขนัด
สนามโรงเรียนและอาคารที่ปกติดูกว้างขวาง ตอนนี้กลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คนทั่วทุกมุม
“อย่าลืมไปชมการแสดงของห้อง1 B ของพวกเราวันนี้ตอนบ่ายโมงนะทุกคน!!” นักเรียนชายในชุดกระโปรงหญิงสาวแบบตะวันตกโบราณ
เดินมาพร้อมกับนักเรียนหญิงในชุดท่านชายยุคกลาง
เรียกความสนใจให้กับผู้ที่เดินผ่านไปมาตามทางเดินได้เป็นอย่างดี
“โรมิโอและจูเลียตของห้อง
1B
ของเราจะไม่เหมือนกับที่ทุกคนเคยรู้จักนะ
อย่าลืมมาเจอพวกเราได้ที่ห้องประชุมฝั่งตะวันออกนะ!!”
เสียงตะโกนเชิญชวนและใบปลิวต่างถูกแจกจ่าย
ตลอดช่วงเช้า จวบจนกระทั่งใกล้ช่วงพักกลางวันเหล่านักเรียนห้อง 1 B
ที่ต้องรับผิดชอบเรื่องการแสดงต่างเริ่มรวมตัวกันที่ด้านหลังเวทีในห้องประชุมฝั่งตะวันออก
ซ฿งพวกเขาได้จัดการจัดฉากและเซตติ้งมุมต่างๆตามเรื่องโรมิโอ และ จูเลียต
ตลอดทั้งสัปดาห์
เอเลนจ้องมองตัวเองในกระจกที่ตอนนี้ใบหน้าใสของเด็กหนุ่มถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง
และวิสวมวิกผมสีอ่อนแปลกตา
เด็กหนุ่มโดนปัดสีคิ้วและเขียนให้อ่อนเฉกเช่นเดียวกับวิกผมสีทองอร่าม
ในทางกลับกันฝ่ายที่เล่นเป็นโรมิโอ
คริสต้ากลับต้องสวมวิกผมสีเข้มรวมถึงคิ้วที่เปลี่ยนสีเช่นเดียวกับสีผม
เอเลนหันซ้าย ขวา ยักคิ้ว ทำหน้าย่น
จนโดนคนที่ช่วยแต่งหน้าให้ดุ เจ้าตัวจึงได้แต่ยิ้มพลางผงกหัวขอโทษ
ก่อนจะยอมอยู่นิ่งๆแล้วทำหน้าซังกะตายเหมือนเดิม
ให้ตายสิ... เขาไม่คุ้นกับตัวเองในสภาพนี้เลย...
หลังจากแต่งแต้มสีบนริมฝีปากให้ดูระเรื่อ
เสียงคุ้นเคยของเพื่อนสนิทก็ดังจนทุกคนต้องหันไปมอง
“เดี๋ยวสิไอพวกบ้า
ไอนี้มันจะไม่ใหญ๋เกินไปหน่อยเหรอวะ? แล้วทำไมแม่นมต้องยัดอกสะบึ๊มฮึ่ม
แต่นางเอกกลับอกแบนยังกับเด็กประถมงั้นล่ะวะ?”
แจนร้องเออะโวยวายพยายามหนีถอยเหล่าเพื่อนร่วมชั้นตัวแสบที่เตรียมอุปกรณ์เสริมหน้าอก
ทั้งทิชชู่ ถุงเท้า และเทพเข้ามาใกล้
ไม่ทันที่คนแสดงเป็นแม่นมจะได้วิ่งหนีออกจากห้องก็ถูกเหล่าเพื่อนร่วมห้องแสนดีตะครุบล็อกตัวก่อนจะตะลุมบนยัดหน้าอกให้คนที่แหกปากร้องโวยวาย
“แม่นมก็หมายถึงต้องมีนมไง ประสบการณ์ครั้งนี้หาไม่ได้ง่ายๆนะเว้ย
นี่พวกเราเสียสละให้แม่นมมีหุ่นสะบึ๊มที่สุดในบรรดาตัวละครหญิงทุกตัวเลยนะเว้ยแจน”
หนึ่งในคนที่ช่วยล็อคแขนช่วยอธิบาย
พลางเหล่าผู้สมรู้ร่วมคิดต่างยิ้มเหี้ยมลงมือจับแจนปลุกปั้นหน้าอกปลอมก่อนจะจัดการรัดเทปอีกหลายชั้นเพื่อไม่ให้เจ้าตัวแกะออกโดยง่าย
“เสียสละอะไรของพวกแก๊!!” แจนที่ได้แต่ร้องประท้วงไม่อาจต่อกรกับหมาหมู่
สุดท้ายต้องยอมรับชะตากรรมเป็นเจ้าของหน้าอกสะบึ๊มอย่างไม่อยากยอมรับ
ก่อนจะโดนบังคับใส่ชุดให้เรียบร้อยโดยไม่อาจโต้แย้ง
เอเลนที่นั่งมองเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบลอบยกนิ้วโป้งให้กับเหล่าหมาหมู่ที่ยกนิ้วโป้งกลับด้วยรอยยิ้มอย่างรู้กัน
ก่อนจะแสร้างเข้าไปตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆแสร้างทำปลอบขวัญ
ทั้งที่ในใจไม่ได้รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย
“นายแต่งตัวเสร็จแล้วใช่ไหม เหมาะดีนี่หว่า”
แจนมองเพื่อนสนิทก่อนจะผิวปากอย่างชื่นชม
แม้จะพอคาดการณ์ได้ว่าเอเลนเมื่อแต่งหญิงคงดูดีไม่น้อย
แต่เมื่อมาเห็นของจริงเรียกได้ว่าดีกว่าที่เขาคิดไว้เยอะมาก... แต่...
แจนก้มมองหน้าอกเด็กหนุ่มที่ถึงแม้จะโดนยัดให้มีหน้าอกเหมือนผู้หญฺงเช่นกัน
แต่ของเอเลนเรียกได้ว่าน้อยนิด
เมื่อเทียบกับของเขาที่แม้แต่จะก้มยังมองไม่เห็นปลายเท้าของตัวเอง...
ทั้งที่มันเป็นนางเอกแท้ๆ ทำไมพวกมันถึงไม่ไปยัดให้เป็น จูเลียตนมโตกันวะ?
แบบนั้นจะได้ดึงดูดพระเอกตั้งแต่แรกเห็นไง คิดสิคิด เจ้าพวกบ้าเอ๊ย!
แจนได้แต่บ่นในใจ
ก่อนหันไปมองเอเลนที่ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดจาสิ่งใด
ใบหน้าที่แต่งแต้มงดงามนั้นแฝงด้วยความหดหู่อย่างเห็นชัด
“ยังกังวลเรื่องคุณรีไวหรือไง?” แจนตบหัวคนที่เตี้ยกว่าพลางเอ่ยถาม
เอเลนชำเลืองมอง ก่อนจะถอนหายใจอีกคำรบ
“เฮ้อ... ฉันว่าแผนนี้มันไม่เวิร์คเลยว่ะ”
หลังจากที่เขาพยายามทำให้คุณรีไวหึงมาตลอดหลายสัปดาห์ตั้งแต่เริ่มซ้อมบทละคร
ทั้งพยายามทำตัวสนิทสนมกับคริสต้า คุณรีไวก็มองเพียงว่าทั้งคู่แสดงเป็นคู่พระ นาง
จะต้องสนิทสนมกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือการอาสาไปส่งคริสต้า
ก็ถูกมองว่าเป็นเรื่องเหมาะสม เพราะคริสต้าเป็นเด็กผู้หญิง
การดูแลเอาใจใส่คริสต้าอย่างออกนอกหน้า พาไปทานข้าว ไปเที่ยววันเสาร์ ดูหนัง ซื้อของ
หรือแม้กระทั่งซ้อมบทดึกๆด้วยกันเพียงแค่สองคนบ่อยๆ ทำทุกอย่างตามที่แจนแนะนำให้เขาทำ
ถึงกระนั่น ทุกอย่างก็ยังคงปกติ... ปกติเสียจนตัวเขาเองเริ่มร้อนรน
เพราะไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่
ก็ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถก้าวข้ามเส้นขีดแบ่งที่มองไม่เห็นในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณรีไวได้เลยสักนิด
แจนเองก็อยู่ในเหตุการณ์และคอยแอบตามความคืบหน้ามาตลอด
จึงเข้าใจดีว่าเอเลนกลุ้มใจมากขนาดไหน
เพราะขนาดตัวเขาเองที่เป็นคนดูยังพลอยรู้สึกอึดอัดไปด้วย ให้ตายสิ...
คนเราจะเป็นพระอิฐ พระปูน กันได้ขนาดนั้นเลยรึไง?
การแสดงของเอเลนถึงแม้จะบอกว่าพยายามตีเนียน แต่ทุกครั้งก็แสดงออกชัดเจนทางสีหน้า
ยิ่งเจ้าตัวเป็นพวกไม่เก็บอาการด้วยแล้ว แววตาที่มองในแต่ละครั้ง
คนคนนั้นจะไม่นึกสะกิดใจเลยสักนิดงั้นเหรอ?
แม้แต่มิคาสะที่เป็นไม้เบื่อไม้เบากับคุณรีไวยังเอ่ยปากเห็นใจเอเลนอยุ่หลายครั้ง
อีกทั้งยังยอมเก็บตัวมองอย่างเงียบๆเวลาเอเลนไปไหนต่อไหนกับคริสต้า
“...นายคิดว่าฉันควร....ยอม..แพ้..ไหม?”
เสียงที่ถามอย่างสั่นเครือและแผ่วเบา แต่เพราะอยู่ใกล้กัน
แจนจึงสามารถจับใจความที่เอเลนเอ่ยได้ไม่ยากนัก
“ตอนนี้เรามาทำการแสดงให้เสร็จก่อนดีกว่าคุณหนู
ส่วนเรื่องของคุณชายเตี้ยๆหน้าไม่รับแขกท่านนั้น ท่านอย่าเพิ่งคิดให้มากความ อีกอย่างคุณหนูของบ่าวยังมีเวลาอีกมากมายนักหลังจากงานแสดงนี้จบลง
จะร้องไห้ หรือไปไล่ปล้ำคุณชายท่านนั้นทีหลัง น่าจะทันนะเจ้าคะ”
น้ำเสียงเย้าหยอกแฝงด้วยความห่วงใย
ทำให้เอเลนหัวเราะได้บ้างก่อนจะเอนตัวเอาใบหน้าซุกลงกับอกนุ่มนิ่มที่โดยผ้า ทิชชู่
และถุงเท้ายัดไว้หลายชั้น ถึงแม้จะเริ่มเห็นด้วยกับแจนว่าเจ้าหน้าอกปลอมนี่ดูใหญ่เกินไป
แต่ความนุ่มนิ่มก็ทำให้เขารู้สึกสบายอยู่ไม่น้อย...
การแสดงของเหล่านักเรียนห้อง 1B ได้รับการตอบรับอย่าล้นหลาม
ทุกที่นั่งถูกจับจองจนเหล่านักเรียนต้องช่วยกันยกเก้าอี้มาเพิ่มเป็นที่นั่งเสริม
และแน่นอนว่าการแสดงของเหล่าเอเลน มิคาสะ และกลุ่มเพื่อน
ผู้ปกครองทั้งหลายก็ต้องมาร่วมชมรวมถึงจับจองที่นั่งแถวหน้าสุดหน้าเวที
ทันทีที่การปรากฏตัวของจูเลียต
เหล่าผู้ชมต่างส่งเสียงชื่นชมใบหน้าหวานที่ถูกแต่งแต้มอย่างงดงามไม่ขาดสาย
รวมถึงเหล่าผู้ปกครองด้านหน้าที่ต่างลอบยิ้มอย่างภูมิใจในตัวเด็กน้อยในวันวานที่บัดนี้เติบโตอย่างงดงามและกำลังเปล่งประกายอยู่บนเวทีการแสดง
จนลืมนึกไปว่า แท้จริงแล้วเอเลนเป็นเด็กผู้ชาย ไม่ใช่เด็กผู้หญิง
เอลวิน สมิธ
ผู้ที่นั่งขนาบข้างกับผู้ปกครองตัวจริงของเด็กหนุ่มต้องคอยลอบส่งกระดาษทิชชู่ให้ฮันซี่
เพทร่า และเหล่าพนักงานในสังกัด ที่ต่างชื่นชมเด็กหนุ่มบนเวทีจนน้ำตาเออคลอ
โดยเฉพาะฮันซ่ที่นอกจากน้ำตาจะปริ่มแล้ว
ยังมีน้ำลายที่ไหลลงมาราวกับเจออาหารอันโอชะเสียมากกว่ามองดูเอเลน
“เจ้าหนูของนายโตมาได้ไม่เลว”
เอลวินถูคางพิจารณาเอเลนบนเวที ถึงแม้จะเห็นกับมาตั้งแต่เอเลนยังป็นเด็กน้อยตัวเล็กน่ารัก
แต่นี่เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาลองพิจารณาเจ้าเด็กน้อยคนนั้นจริงจัง
“อีกหน่อยนายอาจต้องนั่งกลุ้มใจเรื่องแฟนของเจ้าหนูนั่น”
“คนที่จะมาเป็นแฟนของเจ้าหนู่นั่นต่างหากที่น่าจะต้องกลุ้มใจ
แค่ยัยหลานสาวตัวดี รวมกับพวกนาย ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะมีสาวคนไหนกล้าเสี่ยง...”
แค่หลานสาวเขาคนเดียวก็เรียกได้ว่าเจ้าหนูนั่นแทบจะต้องกอดความโสดไปครึ่งชีวิตแล้วก็ได้
“ถ้าไม่ใช่สาวๆ...
บางทีอาจมีหนุ่มๆบางคนกล้าเสี่ยงก็ได้”
เอลวินมองเอเลนที่ตอนนี้แต่งกายด้วยชุดจูเลียตรวมทั้งเหล่าเด็กหนุ่มที่ต่างทอดถอนใจแล้วชื่นชมที่ดังมาเป็นระยะอยู่รอบกายแล้ว...
คนที่กล้าเข้าหาน่าจะเป็นผู้ชายมากว่าผู้หญิง
รีไวละจากเวทีเบื้องหน้าก่อนจะหันไปสบนัยน์ตาสีฟ้าพลางเลิ่กคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
ก่อนจะหันไปสนใจกับเรื่องราวบนเวทีอีกครั้ง ซึ่งเป็นฉากงานเต้นรำสวมหน้ากาก
“นี่มันสมัยไหนแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อย...
ฉันแปลกใจเสียอีกที่นายดูเหมือนจะอคติ?”
ถึงแม้เรื่องพวกนี้จะเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง
แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่รู้สึกไม่ดีกับกลุ่ม LGBT แต่กับรีไวทำให้เขารู้สึกเหนือความคาดหมาย
เพราะแต่ไหนแต่ไร รีไวไม่เคยตั้งแง่ หรือสนใจกับเรื่องแบบนี้ ถึงแม้เจ้าตัวจะเป็นคนที่ไม่สุงสิงกับใครมากนัก
แต่ทัศนคติและความคิดค่อนข้างเปิดกว้างอยู่มาก
“เปล่า.. ฉันเพียงแค่สงสัย
นึกว่าพวกนายจะกีดกัน... แต่ถ้าคนนั้นเป็นคนที่เจ้าหนูนั่นชอบ
ฉันเองก็ไม่คิดกีดกัน” รีไวขมวดคิ้วมุ่นสักครู่ ก่อนกล่าวต่อ
“แต่อย่างน้อยต้องได้ตามมาตราฐานที่ฉันขีดเส้นไว้”
เอลวิน ถอนหายใจพลางส่ายหน้า
ท่าทางและน้ำเสียงบ่งบอกการใช้สิทธิการเป็นผู้ปกครองอย่างชัดแจ้ง
แล้วสิ่งที่เรียกว่ามาตราฐานของรีไว
ด้วยจากลักษณะนิสัยแล้วแทบเรียกได้ว่าเอเลนอาจต้องเป็นโสดจนครึ่งชีวิต
การแสดงดำเนินมาจนถึงช่วงท้าย
จูเลียตฟื้นจากความตายมองร่างโรมิโอที่ไร้ลมหายใจข้างกาย เอเลนเงยหน้ามองลงไปยังผู้ชมเบื้องล่าง
นัยน์ตาสีมรกตใสจับจ้องไปยังผู้หนึ่งที่นั่งอยู่เบื้องหน้าเวที
กลีบปากสีระเรื่อค่อยๆเอื้อนเอ่ย
“...อา... โรมิโอ เหตุใดท่านต้องเป็นโรมิโอ...
ข้าแค่เพียงรักท่านในฐานะคนผู้หนึ่ง
ละทิ้งซึ่งศักดิ์และศรี ละซึ่งความเห็นแก่บาปของตัวข้า
สะบั้นได้แม้กระทั่งสายเลือด แต่แล้วเหตุใด.....ท่านกลับไม่เข้าใจ..”
นัยน์ตาสีมรกตคลอหยดน้ำตา
แต่ก่อนที่จะหลั่งรินเอเลนก็ยกมือเช็ดอย่างลวกๆจนทำให้เครื่องสำอางที่แต่งแต้มมาอย่างดีเป็นคราบไปตามรอยของผ้า
เด็กหนุ่มกัดฟันกลืนคำพูดที่ตีบตันขึ้นมายังลำคอก่อนจะเลิกสนใจบทพูดแล้วคว้ากริซที่อยู่ข้างกายแทงลงแล้วล้มลงไปข้างกายคริสต้าที่นอนสงบนิ่งอยู่ด้านข้าง
เพราะใส่อารมณ์ในคำพูดมากไปพอรู้ว่ามีร่างของคริสต้าที่ช่วยปิดบัง
หยาดน้ำตาที่เพิ่งเช็ดไปเมื่อครู่ก็ก่อทำนบขึ้นมาอีกระลอก
คริสต้าที่ลืมตาหันหลังให้ผู้ชมมองเอเลนที่ล้มลงมาสบตากับตนเองชั่ววูบก่อนเบนหลบ
มือของเด็กสาวจึงเอื้อมไปเช็ดหยาดน้ำที่เริ่มหลั่งลงมาเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน
ก่อนม่านเวทีจะร่วงหล่นปิดฉากการแสดงของเหล่านักเรียน ห้อง 1B
และเพราะต้องออกไปขอบคุณเหล่าผู้ชมเด็กหนุ่มจึงรีบจัดการเช็ดใบหน้าของตัวเองอีกครั้งก่อนก้าวออกไปโค้งคำนับขอบคุณพร้อมเหล่านักแสดงและเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ
ทันทีที่เดินมายังหลังเวที
เหล่าเพื่อนร่วมห้องต่างเข้ามาล้อมรอบเด็กหนุ่มพลางเอ่ยชื่นชมอย่างไม่หยุดปาก
“สุดยอดมากเลยค่ะเอเลน
ฉากสุดท้ายทำฉันร้องไห้ตามเลยค่ะ”
“ถึงนายจะพูดนอกบท แถมพูดบทไม่ครบแบบนั้น
แต่นายทำได้เจ๋งชะมัด”
“ถ้าฉันไม่รู้จักนายมาก่อนต้องคิดว่านายเป็นหญิงสาวที่ช้ำรักแน่ๆ”
“แต่ถ้านายช้ำรักจริงฉันยินดีช่วยปลอบแบบเต็มใจเลย
แต่นายต้องแต่งหญิงเท่านั้นนะ ฮ่า ฮ่า”
จากนั้นเสียงหัวเราะชวนเล่นหัวต่างดังระงม
เอเลนที่ถูกเหล่าเพื่อนๆล้อมรอบได้แต่เออ ออ
ตามก่อนจะขอตัวเพื่อไปจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียที
ทันทีที่ปลีกตัวออกไม่ได้
เอเลนยังคงโดนเพื่อนร่วมห้องรั้งตัวอีกครั้ง แต่ครานี้เป็นเพราะมีคนมาพบเขา
เมื่อเด็กหนุ่มเดินไปยังห้องว่างที่อยู่ถัดจากห้องแต่งตัว
ก็พบกับคุณเอลวินและคุณรีไวที่ยืนรอพวกเขาพร้อมดอกไม้แสดงความยินดีช่อใหญ่
“ดีใจที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะเอเลน
นี่ของขวัญจากทุกคนที่บริษัท ที่จริงพวกนั้นเองก็อยากเข้ามาหานาย
แต่ฉันบอกให้รอเจอตอนนายเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว” เอลวินอธิบายพร้อมยื่นดอกไม้ช่อใหญ่ให้กับเด็กหนุ่ม
เอเลนรับดอกไม้ช่อโตพลางก้มศีรษะพร้อมกล่าวขอบคุณเป็นพัลวัน
“รีบไปเปลี่ยนชุดซะเอเลน
วันนี้ฉันจะเลี้ยงฉลองให้กับนายที่การแสดงสำเร็จไปได้ด้วยดี”
รีไวพูดพลางยื่นมือไปลูบศีรษะเด็กหนุ่ม ถึงแม้วิกผมสีทองและการแต่งแต้มเครื่องสำอางจะทำให้เอเลนดูสวยจนเด็กผู้หญิงบางคนยังต้องอิจฉา
แต่เขาชอบเอเลนที่ผมสีเข้มและใบหน้าที่ปราศจากการแต่งแต้มใดๆมากกว่า
“ถ้างั้นวันนี้คุณรีไวต้องเลี้ยงมื้อใหญ่ให้ทั้งผม
มิคาสะ แจน และคนอื่นๆด้วยนะฮะ”
เอเลนยิ้มหน้าทะเล้นก่อนจะขอตัวออกจากห้องเพื่อไปจัดการเปลี่ยนชุดตามที่ตั้งใจไว้
เอลวินชำเลืองมองชายหนุ่มที่เตี้ยกว่าตัวเอง
“นาย.....
จะทำเป็นไม่รู้เรื่องไปจนถึงเมื่อไหร่?”
“เรื่องอะไร?” รีไวเลิ่กคิ้วขึ้นถาม
เอลวินถอนหายใจอย่างรู้สึกปลงตก
เจ้าหมอนี่ถ้าไม่พูดไปตรงๆก็คงไม่ยอมปริปากง่ายๆ
“นายก็รู้.... เรื่องของเอเลน ฉันไม่คิดหรอกนะว่าคนแบบนายจะดูการกระทำของเจ้าหนู่นั่นไม่ออก”
แม้จะถูกถามซึ่งๆหน้า
แต่ใบหน้าของรีไวยังคงฉาบด้วยความเฉยชาดั่งเดิม
“ใช่... ฉันรู้.....
แต่ไม่คิดจะตอบรับความรู้สึกเจ้าหนูนั่น”
และเป็นตัวเขาเองที่แกล้งปิดตาทำเป็นไม่รู้มาตลอด แววตาและความรู้สึกของเจ้าเด็กที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก
ทำไมเขาจะดูไม่ออก... แต่เพราะไม่คิดจะรับความรู้สึกที่ส่งทอดมา อีกทั้งทำทุกอย่างตามปกติเหมือนอย่างที่เคย
“ทำไมล่ะฮะ!?”
เสียงใสเอ่ยถาม
ร่างที่ยังอยู่ในชุดจูเลียตเปิดประตูเข้ามาอีกครั้งก่อนจะปิดลง
นัยน์ตาสีมรกตสะท้อนความวุ่นวาย สับสนอย่างไม่ปิดบัง เขาเคยคิดอยู่หลายครั้งว่าเขาแสดงออกไม่ชัดเจน
หรือเพราะทุกอย่างเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติจนคุณรีไวไม่เคยนึกแปลกใจ
มีเพียงเอลวินที่ใบหน้าเริ่มซีดเซียว เขาไม่คิดว่าเอเลนจะย้อนกลับมาเร็วขนาดนี้
สำหรับรีไวชายหนุ่มแค่แปลกใจที่เห็นเจ้าตัวยังคงอยู่ในชุดจูเลียต ถึงกระนั่นใบหน้ายังคงนิ่งเฉย
“นายยังเด็กเจ้าหนู และฉันก็แค่คนที่อยู่ใกล้นายที่สุด
เพราะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันนายถึงหวั่นไหวได้ง่าย” ในเมื่อโดนจับได้ เขาเองก็ไม่คิดจะปิดบัง
“ไม่เห็นเกี่ยวเลย เพราะเลี้ยงผมมาอย่างนั้นเหรอ ถึงทำให้ไม่สามารถคุณไม่ยอมรับ...”
คิ้วของเอเลนขมวดมุ่น เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้เช่นกัน
“เพราะคุณเลี้ยงผมมา... จึงไม่ผลักไสเช่นกันสินะฮะ”
ตวามเงียบเข้าครอบคลุม ต่างฝ่ายจับจ้องกันอย่างไม่วางตา
จนในที่สุดรีไวถึงยอมเอ่ยปากยอมรับ
“ใช่ เพราะฉันเลี้ยงนายมาถึงไม่คิดพลักไส และฉันไม่ได้เกลียดนาย
แต่ก็ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของนายได้เช่นกัน”
ใบหน้ามนของเด็กหนุ่มตะลึงงัน นัยน์ตาสีมรกตผลุบลงต่ำ
สองมือข้างลำตัวกำแน่นจนขึ้นข้อขาวอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่คนตรงหน้านี้รู้ความรู้สึกเขามาตลอดแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้
อีกทั้งไม่ปฎิเสธ แต่ก็ไม่ยอมรับ... ทั้งที่คุณรีไวเป็นคนที่อบอุ่นยิ่งกว่าใคร แต่ก็โหดร้ายกับเขายิ่งกว่าใครเช่นกัน
“ผ.. ผม.. จะมาบอกว่า.. วันนี้พวกแจนยังไม่ว่าง ทุกคนเลยว่าจะขอไปปาร์ตี้กันเองทีหลังเพราะไม่อยากรบกวนคุณรีไว”
เสียงสั่นเครือค่อยๆเอ่ยกล่าว ราวกับว่าทั้งเขาและคุณรีไวไม่ได้พูดคุยเรื่องอื่นใดก่อนหน้านี้
“อืม ถ้างั้นวันนี้ก็มีแค่นาย มิคาสะ กับพวกเราเท่านั่นสินะ
หาร้านสักร้านเพื่อฉลองก็คงไม่เลว”
“ถ้างั้นผมขอไปเปลี่ยนชุดก่อน” เด็กหนุ่มหันหลังออกจากห้องไปอีกครั้ง
เอลวินเห็นเอเลนที่ใบหน้าไม่สู้ดี อีกทั้งน้ำเสียงและไหล่นั่นยังสั่นไหวก็รู้สึกปวดใจ
ทั้งยังรู้สึกผิดที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมา เพียงแต่ถ้าเขาไม่ถาม เอเลนก็คงไม่รู้ถึงสิ่งที่รีไวแสร้งทำมาโดยตลอด
“เฮ้อ... ทำไมนายมันใจร้ายกับเจ้าหนูนั่นขนาดนั้น”
รีไวยังคงจับจ้องบานประตูที่ปิดสนิท ก่อนจะเบนสายตาไปมองใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเอลวิน
“เจ้าหนู่นั่นยังเด็ก”
“ฉันรู้ และนายย้ำกับเอเลนเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ให้ตายสิ
เรื่องอายุมันแก้กันไม่ได้ ไม่ใช่ข้อเสียสักหน่อย” เพราะเห็นใบหน้าเจ็บปวดของเอเลน
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะช่วยพูดให้
รีไวส่ายหน้าก่อนที่รอบนี้จะเป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาเบาๆ
“เพราะหมอนั่นยังเด็ก ยังมีอนาคต ฉันไม่อยากเป็นโซ่ตรวนที่ฉุดรั้งเอเลนไว้
ให้หมอนั่นได้ใช้ชีวิตที่จะเติบโตและอิสระเท่าที่ต้องการ นั่นเป็นสิ่งที่ฉันหวัง”
อีกทั้งเขาเองก็คิดว่าตนเป็นผู้ปกครองคนหนึ่งของเอเลน
การเป็นผู้ปกครองและเฝ้าดูเจ้าหนูนั่นเติบใหญ่ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ได้พบเจอผู้คน
และเลือกชีวิตของตัวเอง ตัวเขาในฐานะผู้ปกครองไม่มีสิทธิ์ที่จะฉุดรั้งโอกาสอีกมากมายของเด็กหนุ่ม
อีกทั้งเขาเองก็คิดว่าตัวเขามองเอเลนเป็นเด็กในปกครองมาโดยตลอด ดังนั้นจะให้ความรู้สึกที่สับสนในช่วงวัยรุ่นนั้นมาพันธนาการเด็กหนุ่มจนยึดติด
สุดท้ายฉุดรั้งและปิดโอกาสอีกมากมายของเอเลนไม่ได้ แม้เขาจะรู้ดีว่าเจ้าหนู่นั่นจะต้องเจ็บปวดกับเรื่องนี้...
แต่มีใครบ้างที่เติบโตได้โดยไม่ผ่านเรื่องราวและความรู้สึกที่เจ็บปวดกัน....
TBC
..................................................
Talk: หายไป 8 เดือน มาอัพแล้วค่ะ ยังตามกันไหม?^^"
อย่างที่เคยบอกว่าที่จริงอันนี้เป็นเรื่องสั้นตอนแรกวางไว้5-10ตอนจบ แต่มันเกินกว่าที่คิดไว้อีกค่ะ คือเด็กมันน่ารัก เขียนๆไปแล้วเพลินอ่ะ (เรื่องสั้นของอิชุ้นไม่เคยมีจริงจัง) ที่จริงที่แอบอู้ไปนาน เพราะกลัวว่าหลังจากลงตอนนี้ อาจโดนตามถึงบ้าน ถ้าหายไปนาน แหะๆ จะพยายามปั่นตอนต่อไปให้ได้เร็วๆนะคะ แต่ตอนนี้คนเขียนขอสารภาพว่า ติดนิยายหนักมากกกกก จนบางทีพอมีเวลาเลยหนีไปอ่านนิยายแทนน่ะค่ะ โดยเฉพาะนิยายจีน... โค้งสำนึกผิดรอบทิศ
ตอนนี้คือเริ่มเขียนนิยายจีน ที่ไม่ใช่แฟนฟิคของตัวเองอยู่ด้วยค่ะ ถ้ามีโอกาสจะขอฝากงานนิยายป่วงๆอีกเรื่องของเราด้วยนะคะ... และสัญญาว่าจะพยายามขุดตัวเองมาเขียนแฟนฟิคน้องเอเลนให้จบด้วยเช่นกันค่ะ แหะๆ ตามไทม์ไลน์ที่ร่างไว้อีกไม่นานก็คงจบแล้วค่ะ จ...จะพยายามไม่หายไปนานๆ(อีกมั่ง) นะคะแหะๆ
มาเขียนต่อน้าาา
ตอบลบแล้วก็อยากอ่านจูเรียตเวอร์ชั่นฮันจิจังเลย..โป๊ก//โดนรองเท้าหนังขว้างมาจากไหนไม่รู้
ตอบลบมาต่ออีกนะคะ
ตอบลบกบับมาอีกนะคะ
ตอบลบ