Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love
Pairing: (LevixEren)
Story By: Trendy Blood
…………………………………………………………………………
Lesson 8:
กลิ่นน้ำหอมหวานเลี่ยนจนน่ารำคาญ
เสียงกระซิบหวานที่กรอกข้างหู ร่างอรชรที่เปลี่ยนไปไม่ซ้ำมักอิงอยู่ข้างกายแทบทุกค่ำคืน
ตอนนี้จากกลิ่นน้ำหอมที่น่าเวียนหัวกลับเป็นกลิ่นของสบู่และแป้งที่กรุ่นอ่อนๆ
เสียงกระซิบหวานแปรเปลี่ยนเป็นเสียงลมหายใจและกรนเบาๆที่ได้ฟังอยู่ทุกคืน
ร่างอรชรที่มักหลับอยู่ข้างกายและเขาก็ทิ้งไว้พร้อมจากไปก่อนรุ่งส่าง
แปรเป็นร่างเล็กของเด็กชายที่บางครั้งก็นอนดิ้นจนป่ายปีนตัวเขาอยู่ทุกคืนจวบจนเช้า
รีไวมองใบหน้ากลมมนของเด็กชายที่ยังคงนอนหลับอ้าปากอย่างสบายอารมณ์
วันนี้เป็นวันหยุดเจ้าตัวดีเลยนอนตื่นสายกว่าปกติ
ส่วนตัวเขาแม้จะเป็นวันหยุดแต่ติดนิสัยตื่นเช้าเลยทำให้ยังคงตื่นเวลาเดิมเฉกเช่นทุกวัน
ร้อมทั้งเจ้าเยเกอร์ที่มักจะตื่นมาจ้องหน้าเขาข้างเตียง
เมื่อเห็นว่าเขาตื่นแล้วเจ้าสุนัขแสนรู้จำให้จมูกดันหน้าเพื่อปลุกเขา
รีไวเกาผมสีดำที่ยุ่งเยิงพลางปิดปากหาวก่อนจะเดินไปล้างหน้าและทำภารกิจส่วนตัวในห้องน้ำ
ถึงแม้เอเลนจะตื่นสายกว่าวันธรรมดา แต่เด็กน้อยมักจะตื่นมาทานอาหารเช้าไม่สายกว่าปกติมากนัก
แม้อยากนอนต่อขนาดไหน แต่เจ้าตัวดีไม่ชอบที่จะทนฟังเสียงท้องตัวเองร้อง และมักลงมาทานอาหารเช้าก่อนจะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่รีไวต้องกร่นบ่นเด็กชายแทบทุกวันหยุดให้จัดการล้างหน้าและแปรงฟันก่อนที่จะตรงไปนั่งบนโต๊ะทานอาหาร
เพียงแค่เสียงของกะทะที่กระทบตั้งกับเตาไฟในห้องครัว
เสียงเดินลงจากบันไดเป็นจังหวะก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเอเลนมานั่งสัปงกที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง
รีไวมองเด็กชายที่ยังคงหลับพิงกับโต๊ะอาหารพลางถอนหายใจ
ให้ตายสิ
เจ้าหนูนี่แม้จะยังไม่ตื่นแต่พอได้ยินเสียงเขาเริ่มจะทำมื้อเช้า
สัญชาตญานเจ้าเด็กนี่ก็หอบร่างที่ยังหลับนั่นมานั่งที่เก้าอี้ตัวประจำได้
แล้วเพียงแค่ไข่ที่ตอกลงในกระทะเริ่มสุกจนส่งกลิ่นหอมคลุกเคล้ากับเนย
เสียงท้องร้องของคนนั่งหลับก็ดังให้ได้ยินเป็นกิจวัตร และมักตามด้วยเสียงของเขาพร้อมทั้งกำปั้นที่เขกลงบนหัวสีน้ำตาลนั้นเบาๆ
“เอเลน
ก่อนทานข้าวนายต้องทำยังไง?”
เด็กชายขยี้ตากลมโต
ก่อนจะตบแก้มทั้งสองข้างของตัวเองเบาๆเพื่อไล่ความง่วงงุน
“เอเลนจะไปล้างหน้า
แปรงฟัน และให้อาหารเจ้าเยเกอร์ฮะ”
เสียงใสตอบก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้ประจำแล้ววิ่งตรงไปยังห้องน้ำเพื่อทำตามที่ว่าไว้ โดยมีเจ้าเยเกอร์สุนัขที่เลี้ยงเดินตามพร้อมทั้งคาบชามอาหารยื่นให้เจ้านายตัวน้อยอย่างรู้งาน
หลังเจ้าตัวดีจัดการเสียงท้องร้องของตัวเองเรียบร้อยก็ต้องเป็นฝ่ายทำหน้าที่ทำความสะอาดหลังทานอาหารเสร็จ
ตอนนี้จากเด็กชายตัวน้อยเริ่มโตเป็นเจ้าหนูเอเลน รีไวจึงจัดแบ่งหน้าที่ในบ้านให้เอเลนรับผิดชอบ
ซึ่งเจ้าตัวดีก็ยินดีรับทำโดยไม่บ่ายเบี่ยง ทั้งสองจึงเริ่มมีกฏของการอยู่ร่วมกัน
เช่น ในวันธรรมดาเพราะเอเลนต้องรีบไปโรงเรียน
เรื่องอาหารและทำความสะอาดสำหรับมื้อเช้า รีไวจะเป็นคนจัดการ
ส่วนตอนเย็นเอเลนจะต้องเป็นฝ่ายจัดเก็บให้เรียบร้อย รวมถึงวันหยุด
รีไวจะเป็นคนทำอาหารและเอเลนจะเป็นฝ่ายเก็บล้าง พักหลังเจ้าหนูเริ่มมีความสนใจที่จะทำอาหารเช่นกัน
บางครั้งรีไวจะให้เอเลนทำอาหารง่ายๆ
และทั้งสองจะช่วยกันทำความสะอาดหลังทานอาหารเสร็จ สำหรับเสื้อผ้า
นอกจากชุดทำงานที่มีสูทซึ่งรีไวจะให้ร้านซักรีดจัดการ
ชุดอื่นๆเขาและเอเลนจะผลัดเวรกันในการซักผ้าและตากผ้าของทั้งสอง
รวมถึงการทำความสะอาดบ้าน และรับผิดชอบเจ้าเยเกอร์ด้วยเช่นกัน
“คุณอา อาหารของเยเกอร์หมดแล้วฮะ” หลังจากล้างจาน
เอเลนเตรียมจะแกะกล่องอาหารของเยเกอร์ไว้สำหรับมื้อถัดไป แต่เมื่อเปิดตู้ออกมาจึงพบว่าอาหารที่เทให้เจ้าหมาตัวโตไปเมื่อเช้าเป็นกล่องสุดท้าย
อีกทั้งขนมและแชมพูก็เหลืออยู่เป็นชุดสุดท้ายพอดี
เยเกอร์เข้ามาดุนจมูกที่ขาของเด็กน้อย
เอเลนจึงแกะขนมห่อสุดท้ายตอบรับการออดอ้อนของเจ้าหมาตัวโตที่เห่าอย่างมีความสุขกับขนมชิ้นโปรด
“ถ้างั้นมื้อเที่ยงเราแวะร้านแถวสถานี
หลังซื้อของกันดีไหม?”
เอเลนพยักหน้ารับพลางสำรวจสิ่งของต่างๆที่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม
ก่อนจะจัดการลิสต์รายการที่จำเป็นลงในแผ่นกระดาษเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะซื้อของได้ครบ
หลังจากสำรวจความเรียบร้อยและมีเจ้าเยเกอร์ตามออกมาส่งถึงประตูรั้วหน้าบ้าน
เสียงน่ารำคาญที่คุ้นเคยก็ดังจนใบหน้าคมรู้สึกคิ้วกระตุกกับเสียงดังแปดหลอดของเจ้าเพื่อนตัวดี
“ไฮ
ไฮ ฉันมาทันพอดี พวกนายกำลังไปไหนกันเนี่ย!!” ฮันซี่ไม่ว่าเปล่าทั้งยังพุ่งตัวเข้ากอดเอเลนเต็มแรง
เอเลนที่คุ้นชินกับการจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวของหญิงสาวได้แต่หัวเราะแห้งๆพลางยืนให้เจ้าตัวกอดรัดจนพอใจแล้วปล่อยเขาจากอ้อมแขน
“มีธุระอะไรยัยสี่ตา?”
ทั้งที่เป็นวันหยุดแต่ดูเหมือนเพื่อนตัวดีที่ไม่เคยสะกดคำว่า ความเกรงใจ
ได้ถูกต้อง จะมาทำให้วันหยุดที่แสนมีค่าของเขาวุ่นวาย
“ก็เพราะว่านายไม่ยอมรับสาย
ฉันเลยต้องมาหาเองยังไงล่ะ” หลังจากฟัดเอเลนจนพอใจ
ฮันซี่ก็ตัดพ้อคนไม่ยอมรับสายจากเธอทันที
รีไวมองโทรศํพท์ที่เปิดเป็นระบบสั่น
ก็เห็นว่ามีเบอร์ของหญิงสาวโทรเข้ามาตั้งแต่เช้าอยู่สี่สาย
แต่เพราะตอนเช้าเขามัวแต่ทำอาหารและกิจวัตรประจำวันจึงไม่ได้สนใจโทรศัพท์นัก
ทั้งที่ฮันซี่จะฝากข้อความทิ้งไว้ก็ได้
แต่ถ้าถึงขั้นมาหาเขาแบบนี้คงมีธุระที่สำคัญ
“เธอไปทำอะไรมาล่ะ
แพลนรถเสียหาย หรือโมเดลเกิดระเบิดจากการทดลองของเธออีกล่ะยัยแว่นผี?”
ธุระสำคัญของฮันซี่ที่เขานึกได้ คงไม่พ้นความวุ่นวายที่ชอบก่อเรื่องให้เขาตามแก้
หวังว่าคงไม่งานโมเดลรถที่ต้องโหลดไปทางเรือวันพรุ่งนี้หรอกนะที่มีปัญหา
ถ้าใช่แล้วล่ะก็เขาเตรียมจะฝังศพตัวปัญฆาในสวนบ้านเขาตอนนี้ทันที
“ไม่ใช่เรื่องแบบนั้นหรอกนะ
เดี๋ยวนี้หลังจากโมเดลรถเสร็จ
เอลวินก็ย้ายไปที่บ้านหมอนั่นทันทีไม่ให้ฉันแตะต้องเลย น่าเบื่อชะมัด...”
คนเจ้าปัญหาบ่นอุบอิบอย่างไม่ได้สำนึกว่าสิ่งที่ตนเองทำสร้างปัญฆาขนาดไหน
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ
ฉันมีเรื่องสำคัญเลยมาหานาย.... นายยังจำ ไม่สิ.... เธอคนนั้นกลับมาแล้วนะ”
รีไวมองหน้าฮันซี่ก่อนจะยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม
หญิงสาวจึงได้แต่ถอนหายใจ เกือบลืมไปว่าก่อนที่รีไวจะรับเอเลนมาเลี้ยง
เจ้าหมอนี่มีคู่นอนเยอะขนาดไหน
และเจ้าตัวก็ใช่ว่าจะใส่ใจจำหน้าคู่นอนของตัวเองเสียเท่าไร...
แต่จะมีก็แค่เพียงคนเดียวที่ทำให้คนเฉยชาคนนี้สนใจอยู่บ้าง ไม่สิ... เรียกว่า
ทำให้คนอย่างรีไวหวั่นไหวได้เลย
“เจสสิก้า
คอร์ลิน เธออยากเจอนาย”
ชื่อที่เอ่ยทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่เฉยชาฉายแววสั่นไหว
เพราะเป็นชื่อของผู้หญิงเพียงคนเดียวที่รีไวจดจำ
“เจส
กลับมาที่นี้ได้สักพักแล้ว แต่เธอไม่แน่ใจว่าจะมาหานายดีไหม จึงฝากฉันมาถาม....
ถ้านายอยากพบเธอ”
ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งราวกับใช้ความคิด
จากสายตาของฮันซ่ที่คบหากับชายหนุ่มมานาน
แม้จะเป็นเรื่องที่นานมากแล้วแต่ดูเหมือนชื่อของหญิงสาวยังส่งผลต่อรีไว
“นายกับเจส
เอง แม้จะเลิกกันมานาน อีกทั้งเรียกได้ว่าจบลงด้วยดี
การกลับไปเจอหน้ากันอีกครั้งฉันว่ามันก็ไม่เลว”
ฮันซี่เดินเข้าไปหาเพื่อนที่สูงน้อยกว่า
ก่อนจะก้มมองหน้าของชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งอย่างใช้ความคิด
ใบหน้าขี้เล่นฉีกยิ้มอย่างนึกสนุก
“หรือว่า...
นายกลัวหวั่นไหว...จะกลับไปรักเธออีกหรือไง?”
ปึ๊ก!!
สันมือฟาดลงบนหัวที่ยุ่งเหยิงของฮันซ่
จนเจ้าตัวได้แต่โวยวายลั่น
“โอ๊ย! มันเจ็บนะเฮ้ย นายนี่หัดทำตัวให้เป็นสุภาพบุรุษกับสาวน้อยแบบฉันบ้างเซ่!!”
“อย่างเธอมันไม่เรียกว่าสาวน้อยหรอกยัยแว่นผี”
รีไวเดินไปหาเอเลนที่ยืนมองรอทั้งคู่ก่อนจะบี้ลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กชายเบาๆ
“ถ้ายัยนั่นอยากพบ
วันนี้ฉันจะไปนั่งทานข้าวเที่ยงที่คาเฟ่แถวสถานี”
ฮันซี่ลูบศีรษะตัวเองพลางมองหลังรีไวที่เดินจากไปกับเอเลน
แบบนี้เท่ากับว่า หมอนั่นเองก็คงอยากเจอเจสสิก้า... ล่ะมั่ง?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
กลิ่นกาแฟ
คลุกเคล้ากับกินอาหารและขนมอบที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ
เชิญชวนให้ผู้สัญจรไปมาเข้าไปนั่งพักและลิ้มรส
มใกล้สถานีรถไฟใต้ดินที่เป็นแหล่งชอปปิ้งกลางเมืองและมีร้านค้าหลากสีสันต่างๆมากมาย
มีสไตล์ที่แตกต่างตอบรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย
รีไวและเอเลนมักมาร้านที่อยู่ห่างจากร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงไม่มากนัก
ร้านคาเฟ่ที่ตกแต่งสไตล์ลอฟท์อย่างเรียบง่าย มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม
และของหวานของที่นี้หลายเมนูเป็นรสชาติที่เอเลนและเขาชื่นชอบ เมื่อมาซื้อของ
ร้านนี้จึงเป็นร้านประจำของทั้งสอง
หลังจากสั่งอาหารไปได้ไม่นานเสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง
พร้อมกับเสียงของลูกค้าและพนักงานในร้านที่สนใจผู้เข้ามาใหม่ให้ได้ยิน
จนรีไวที่ไม่ได้คิดจะสนใจผู้ที่เข้ามาต้องเงยหน้ามอง เมื่อเห็นคนตรงหน้าเขาจึงไม่แปลกใจกับเสียงชื่นชมระคนซุบซิบที่ได้ยินเป็นระยะ
หญิงสาวผมยาวสีเข้มรูปร่างสะโอดสะอง และใบหน้าคมสวยเปี่ยมเสน่ห์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ควบอาชีพนางแบบอินเตอร์ที่กำลังเป็นที่จับตามองในปัจจุบัน และแถมตัวพ่วงที่ขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
และสายตาของคนทั้งร้านก็ต้องจับจ้องมาที่โต๊ะของเขาเมื่อเสียงของยัยสี่ตาตัวพ่วงนั้นดังทักทายอย่างไม่สนใจบรรยากาศรอบข้าง
“ฉันมาแล้วรีไว!!” ฮันซี่เดินตรงดิ่งไปที่โต๊ะริมสุดในร้าน
พลางเข้าไปขยี้ผมสีน้ำตาลของเด้กน้อยเอเลนอย่างคุ้นชิน
“คุณอาฮันซี่มากับใครเหรอฮะ?”
เด็กน้อยถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวแปลกหน้าที่เป็นที่จับจ้องของคนทั้งร้านเดินตามมายังโต๊ะที่นั่งของเขา
ใบหน้าสวยนั้นยิ้มอย่างเป็นมิตรทักทายเด็กชายตัวน้อย
พลางยื่นมือเพื่อทักทาย
“เธอคงเป็นเอเลน
ฉันเจสสิก้า คอร์ลิน เป็นเพื่อกับคุณฮันซี่และ คุณอาของเธอจ้ะ”
เอเลนจับมือทักทายตอบ
ใบหน้ากลมมนส่งยิ้มตามมารยาทให้กับหญิงสาวแปลกหน้า
ทั้งที่หญิงสาวคนนี้ยังไม่ได้ทำอะไร อีกทั้งเป็นคนรู้จักของคุณอา
แต่เด็กชายตัวน้อยกลับรู้สึกแปลกๆกับหญิงสาวตรงหน้า ทั้งที่เจสสิก้า
เป็นคนสวยและบุคลิคดี แต่เอเลนกลับรู้สึกมีบางอย่างที่ทำให้เขาไม่พอใจ
และไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่?
“เอเลน
เราสองคนย้ายไปกินขนมกันตรงนั้น ให้เจสกับคุณอารีไวเขาคุยธุระกันสักเดี๋ยวนะ”
ฮันซี่ยื่นมือให้เด็กชายจับ
เอเลนมีท่าทีลังเลก่อนจะมองหน้าของชายหนุ่ม รีไวจึงพยักหน้าให้เอเลนตามฮันซี่ไป
เด็กน้อยจึงจำใจจับมือที่ยื่นมาเพื่อเปลี่ยนที่นั่งไปโต๊ะที่อยู่ห่างออกไปอีกด้านของร้าน
แพนเค้กราดน้ำเชื่อมเมเปิ้ลหอมกรุ่นวางลงตรงหน้าเด็กน้อย
แต่ความหอมที่เย้ายวนนั้นไม่ช่วยให้เอเลนรู้สึกอยากลิ้มรสอย่างที่เคย
ใบหน้ากลมมนยังจ้องไปยังโต๊ะอีกฝั่งที่ไกลออกไป
ชายหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งคุยกันอย่างคุ้นเคยช่างดูเหมาะสมจนเขารู้สึกแปลกๆกับภาพตรงหน้า
“ไม่สบายใจเหรอจ้ะ?”
ฮันซี่สังเกตท่าทางแปลกๆของเด็กน้อย จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
ใบหน้ากลมมนหันมองหญิงสาวก่อนจะก้มหน้าลง
สองมือเล็กกำชายเสื้อของตัวเองจนยับย้น
“ไม่รู้สิฮะ...
แต่เอเลน... รู้สึกอึดอัด...”
ฮันซี่มองเด็กน้อยอย่างพิจารณา
ตอนนี้รีไวเลี้ยงเอเลนเพียงแค่คนเดียว
เอเลนที่คุ้นชินกับการครอบครองรีไวเพียงคนเดียวมาตลอด
เมื่ออยู่ๆมาเจอคนที่เหมือนจะพรากคนสำคัญของัวเองไปคงทำให้รู้สึกสับสน
ตัวเธอเองก็พอเข้าใจอยู่บ้าง
แต่เธอเองก็อยากให้เพื่อนสนิทของตัวเองมีคนอยู่เคียงข้าง และหวังแต่ว่าจะให้เด็กน้อยเปิดใจรับสักวัน
ถ้าวันนั้นมาถึงและทั้งสองสามารถกลับมาคบกันอีก บางทีเธออาจจะหวังมากไป
แต่เธอที่รู้จักรีไว มานาน นอกจาก เจสสิก้า
แล้วเธอนึกไม่ออกเลยว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้รีไวหวั่นไหวได้แบนี้อีก บางทีที่เธอควรทำอาจเป็นลองให้เด็กน้อยตรงหน้าลองเปิดใจดู
“ถ้าเธอได้รู้จักเจส
เธอคงหายอึดอัด
ยัยนั่นแม้จะชอบทำอะไรตามใจตัวเองแต่ก็เป็นคนดีที่นึกถึงคนรอบข้างอยู่เหมือนกัน”
เอเลนเงยหน้ามองฮันซี่
ริมฝีปากเล็กสั่นระเรื่อก่อนเอ่ยถาม
“อ.. เออ คุณ
อาฮันซี่ คุณเจสสิก้า กับ คุณอารีไว ทั้งสองคนเป็นคนรักกันงั้นเหรอฮะ?” ทั้งที่เป็นคำถามปกติ
แต่ทำไมหัวใจดวงน้อยถึงรู้สึกหน่วงราวกับหายใจไม่ออกขึ้นมากัน
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเรียกแบบนั้นก็ได้
แต่ตอนนี้... ฉันเองก็ไม่รู้ว่าสองคนนั้นคิดอะไร?”
เพราะเรื่องของทั้งสองก็ผ่านมานานมากแล้ว ส่วนถ่านไฟเก่าจะคุหรือไม่
เธอเอบก็บอกไม่ได้เช่นกัน
“เมื่อก่อนคุณอาเคยเป็นคนรักของคุณเจสเหรอฮะ?”
ใบหน้ากลมมนเม้นปากแน่น
ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจและพบเจอ เพียงแค่คิดว่าคนคนนั้นเคยมีความสำคัญกับคุณอามาก
ทำไมอกข้างซ้ายถึงได้เจ็บอย่างไม่เข้าใจ
ฮันซี่มองเด็กน้อยที่นั่งหน้าเครียด
ทั้งยังมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด เอเลนเป็นเด็กฉลาด แม้จะใสซื่อ
แต่เจ้าหนูนี่ก็โตพอที่จะเข้าใจเรื่องต่างๆได้ดี
เพราะงั้นถ้าเธอจะเล่าเรื่องของทั้งสองให้เด็กน้อยฟัง.. บางทีอาจทำให้เอเลน
ยอมรับในตัวเจสสิก้ามากขึ้น
ถึงแม้ว่าจะทำให้คุณอาที่หมอนี่เคารพรักดูเสียหายอยู่บ้างก็เถอะ...
“เรื่องมันก็...
8 ปีได้แล้วล่ะมั่ง....”
สมัยเรียนมหาลัย
รีไวเรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่หาตัวจับยากทั้งผลการเรียนที่โดดเด่น
ความสามารถด้านกีฬาที่โดนทาบทามจากโค๊ชระดับโลก ใบหน้าและร่างกายที่สมชายชาตรี
แม้จะเสียตรงเตี้ยกว่ามาตราฐาน แต่นับว่าเป็นชายหนุ่มที่สาวๆทั้งในรั้วและนอกรั้วมหาลัยต่างชื่นชม
แน่นอนว่ามีหญิงสาวมากมายเสนอตัวให้เขาไม่ขาด
ขอเพียงได้ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นคู่นอนของคนคนนั้นก็ดูเหมือนจะไปโอ้อวดใครต่อใครได้มากมาย
และแน่นอนรีไวก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป เมื่อมีหญิงสาวมาเสนอตัวให้เขา
เขาเองก็มักจะสนองพวกเธอเหล่านั้น แต่ไม่มีใครที่เขาเคยคบจริงจัง
รีไวเองก็เลือกเฉพาะคนที่ต่างพอใจเพียงแค่ได้ชื่อว่าเคยนอนกับเขาเพื่อตัดปัญหายุ่งยาก
แม้แต่ชื่อหรือหน้าตาของคู่นอน เรียกได้ว่าหมอนั่นไม่เคยใส่ใจและจดจำ ทั้งเธอ
เอลวินและคนอื่นๆต่างมองคู่ควงของรีไวที่มาแล้วจากไปราวกับใบไม้ร่วงจนชินตา
จนกระทั่งปลายฤดูร้อนก่อนเรียนจบ
รีไวก็พบกับเจสสิก้า คอร์ลิน กัปตันลีดเดอร์ ควบตำแหน่ง มิสแกรนด์ของมหาลัย ตอนแรกก็คิดว่าหมอนั่นคงคบไม่เกินอาทิตย์อีกตามเคย
แต่เหมือนจะคิดผิด เมื่อทั้งสองกลับคบกันนานกว่าที่พวกเราคาด
อีกทั้งรีไวก็เลิกยุ่งกับสาวๆที่เข้ามาหา
จนคิดได้ว่านี่คงเป็นตัวจริงที่หมอนั่นต้องการ แต่ว่าสุดท้ายทั้งคู่ก็เลิกกัน
เจสสิก้าเลือกที่จะเดินตามฝันของตัวเอง
โดยการไปแสวงหาเส้นทางสู่การเป็นนางแบบโดยเซ็นต์สัญญากับเอเจนซี่ที่อเมริกา
และออกเดินทางโดยไม่ติดต่อกลับมาหาหมอนั่นอีกเลย ภาพที่เห็นทำให้รู้สึกแปลกใจ
คนที่เฉยชาอย่างหมอนั่นมีท่าทีเหม่อลอย
และช่วงนั้นเองที่รีไวยอมรับข้อตกลงมาทำงานกับ เอลวิน สมิธ หลังจากเรื่องเจสสิก้า
หมอนั่นก็มีกลับมายุ่งกับผู้หญฺงที่เข้าหาบ้างประปราย
ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครที่คบกับรีไวได้นาน เจสสิก้าจึงอาจบอกได้ว่าเป็นคนแรกจนถึงตอนนี้ที่หมอนั่นดูจริงจังด้วย
เอเลนนั่งนิ่งฟัง
เสียงของฮันซี่ที่เล่าเรื่องนั้นดูห่างไกลออกไปราวกับไม่อยากรับรู้เข้าโสตประสาท
เด็กน้อยเบนสายตาหันกลับไปมองยังโต๊ะอีกฝั่งที่ทั้งสองนั่งอยุ่ด้วยกัน
สองหนุ่มสาวที่คุยกันเริ่มขยับเข้าหาอย่างคุ้นชิน มือเรียวแตะหลงบนมือของชายหนุ่ม
นัยน์ตาสีมรกตสั่นไหว ร่างกายและสัญชาตญานเร็วกว่าสมอง
สองขากระโดดลงจากโซฟาที่นั่งตรงไปยังโต๊ะของรีไว
ใบหน้ากลมมนยื่นไปขวางระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวอย่างทันท่วงที
ริมฝีปากสีสดสัมผัสลงบนแก้มใสของเด็กน้อย
เช่นเดียวกับริมฝีปากของเด็กหนุ่มที่สัมผัสกับแก้มกลมมนของเด็กน้อย
เจสสิก้าและรีไวรู้สึกแปลกใจก่อนจะมองว่าผู้ที่มาขัดจังหวะคือ
เอเลนที่กำลังหันมองมองหญิงสาวอย่างไม่พอใจ
มือเล็กเช็ดคราบลิปสติกบนแก้มตนเองพลางกอดคอชายหนุ่มแน่น
ใบหน้ามนพองลมในแก้มอย่างงอนๆก่อนหันสบมองหญิงสาว และนัยน์ตาสีมรกตที่เริ่มคลอเบ้าด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อล้น
เริ่มไหลลงมาอาบแก้มกลมๆ
“ค...
คุณอา... เป็นของเอเลน .. จะไม่ยกให้ใครทั้งนั้น ฮึก ฮึก..”
เสียงใสพยายามกลั้นก้อนสะอื้น
แต่สุดท้ายน้ำตาที่พยายามอดกลั้นก็ไหลลงอาบแก้มทั้งสอง
รีไว
มองเอเลนที่ปล่อยโฮออกมาพลางหัวเราะขำก่อนจะจัดการลูบผมสีน้ำตาลของเจ้าตัวดีและอุ้มขึ้น
ชายหนุ่มจัดแจงวางค่าอาหารลงบนโต๊ะแล้วหิ้วถุงใส่สินค้าของเจ้าเยเกอร์มาไว้ในมือ
“ขอโทษโวย
ฉันคงต้องขอตัวก่อน ส่วนเรื่องที่เธอถามเมื่อกี้
ฉันคิดว่าเธอเองก็มีคำตอบในใจอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยว”
เจสสิก้าได้แต่มองชายหนุ่มอุ้มเด็กตัวน้อยที่ยังคงมีเสียงสะอื้น
ใบหน้าสวยยิ้มบางก่อนจะโบกมือลา
“ขอโทษด้วย
ฉันไม่คิดว่าเอเลนจะต่อต้านขนาดนี้” ฮันซ่หัวเราะแห้งให้กับเจสสิก้าอย่างรู้สึกผิด
คิดว่าเอเลนจะเข้าใจแต่ดูเหมือนมันอาจเร็วไป
เจสสิก้าส่ายศีรษะปฏิเสธก่อนจะยกยิ้มให้อย่างพอใจ
“ไม่หรอกค่ะฮันซี่
แบบนี้ดีแล้วล่ะค่ะ เขาทำให้ฉันเข้าใจง่ายขึ้น...”
เสียงสะอื้นสงบลงพร้อมกับความชื้นที่ยังคงอยู่บนไหล่ของชายหนุ่ม
รีไวขยับศีรษะเคาะกับผมสีน้ำตาลของเด็กน้อยเบาๆ
“เป็นอะไรไปเจ้าหนู?”
เขาไม่เห็นเอเลนร้องไห้มานาน เห็นแบบนี้เขาจึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“......”
สองมือที่โอบรอบคอชายหนุ่มกระชับแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าคนในอ้อมแขนจะหายไป
“คุณอากับผู้หญิงคนนั้นจะแต่งงานกันเหรอฮะ?”
“ก็จะแต่งอยู่หรอกนะ”
คำตอบที่ได้ฟังทำให้ใจดวงน้อยปวดหนึบ
ก้อนสะอื้นที่หยุดไปเริ่มขึ้นมาอีกระลอก
“แต่ไม่ใช่ฉันหรอกนะ
เจสเขาคงจะมีข่าวดีเร็วๆนี้”
นัยน์ตามรกตที่คลอเบ้าด้วยหยาดน้ำใสกระพริบตาปริบพลางหันมองหน้าชายหนุ่ม
“เจสมาปรึกษาฉันว่าเธอจะแต่งงานกับผู้จัดการของเธอดีไหม
ดูเหมือนทั้งสองคนจะแอบคบกันมาได้สักระยะแล้ว
แต่ยัยนั่นรู้สึกผิดต่อฉันเลยอยากเจอก่อนที่จะตัดสินใจ”
“ล... แล้ว
คุณอา ไม่เสียใจ ไม่อยากรั้งเธอไว้เหรอฮะ?” เอเลนเอ่ยถาม
ทั้งที่ในอกรู้สึกเจ็บแปลบ
“นายนี่แก่แดดกว่าที่ฉันคิดนะเจ้าหนู
ฉันควรเลิกให้นายดูละครหลังข่าวพวกนั้นบ้างแล้ว”
ใบหน้ากลมมนขมวดคิ้วมุ่นเมื่ออีกฝ่ายตอบไม่ตรงคำถาม
เห็นแบบนั้นชายหนุ่มจึงได้แต่หัวเราะขำ เด็กสมัยนี้โตเร็ว
หรือเขามองว่าเจ้าหนูนี่ยังเป็นเด็กกันแน่นะ?
“วันนี้พอฉันได้เจอกับเจสก็เข้าใจ
เรื่องของฉันกับยัยนั่นมันจบไปนานแล้ว” ตอนแรกเขาก็รู้สึกลังเล เพราะเจสสิก้า
คือผู้หญิงคนแรกและคนเดียวจนตอนนี้ที่เขาเคยจริงจัง
จนกระทั่งเขาปล่อยเธอไปให้ไปทำตามความฝันที่ต้องการ
การตัดสินใจที่ไปพบเธออีกครั้งทำให้เขาแน่ใจเมื่อเห็นหน้าเธอ
และยิ่งได้รู้ว่าเธอกำลังคบหาจริงจังกับคนที่คู่ควร
ความรู้สึกที่ที่เคยสั่นไหวกลับนิ่งงัน
ในทางกลับกันเขากับรู้สึกเหมือนเจอเพื่อนเก่าที่สนิทมากและยินดีกับการตัดสินใจของเธอ
“คุณอาโกหก!”
เสียงใสตะโกนลั่นจนคนที่อุ้มอยู่ต้องขมวดคิ้วมองเป็นเชิงถาม
“ก.. ก... ก็
คุณอา กับคุณเจสสิก้า จะจูบกันนี่ฮะ” ถ้าเขาไม่เข้าไปขวาง
ทั้งคู่คงต้องจูบกันแน่นอน และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแย่อย่างที่ไม่เคยเป็น
เป็นอีกครั้งที่รีไวต้องกลั้นหัวเราะกับความคิดของเจ้าตัวดี
แต่ถึงอย่าไงรเอเลนก็ยังคงเป็นเด็ก
การที่เจ้หนูนี่จะคิดมากกับเรื่องจูบไม่ใช่เรื่องแปลก
“ฉันก็จูบนายนี่
ถ้าจะจูบกับเจสก็ไม่เห็นเป็นไร”
และเพราะความใสซื่อนี้ทำให้เขาอดที่จะแกล้งเจ้าตัวดีไม่ได้
“ไม่ฮะ
มันไม่เหมือนกัน คุณอาไม่เคยจูบกับคุณอาฮันซี่ พี่เพทร่า หรือคนอื่นเลยนี่ฮะ”
“งั้นต่อไปถ้าฉันจูบเจ้าพวกนั้นนายก็ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
พูดไปอย่างนั้น ใครจะไปจุบกับเจ้าบ้าพวกนั้นโดยเฉพาะยัยสี่ตาจอมวิบัตินั้น
“ไม่ได้
เอเลนไม่ยอมให้คุณอาจูบใครนอกจากเอเลน!!” เด็กน้อยไม่ว่าเปล่ามือที่โอบคอชายหนุ่มหมุนใบหน้าของรีไวเข้าห
ก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากที่ยิ้มขัน
“คุณอาเป็นของเอเลนจะไม่ยกให้ใครทั้งนั้น
ฮึก..” ใบหน้ากลมมนเริ่มมีก้อนสะอื่นขึ้นอีกครั้ง สองแขนโอบรอบคอชายหนุ่มแน่นก่อนจะซุกลงบนบ่า
รีไวหัวเราะขำในลำคอกับท่าทางน่าเอ็นดูของเด็กน้อย
ถ้เจ้าหนูนี่ไม่ใช่เด็กน้อย เขาคงคิดว่านี่เป็นการสารภาพรักที่ร้อนแรงของเจ้าตัวน่าดู
“แค่เอาเวลาว่างมาดูแลนาย
ฉันก็ไม่มีเวลาไปมองหาคู่เดทแล้วล่ะเจ้าหนู”
ใบหน้ากลมที่เปื้อนคราบน้ำตาเหลือบมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง
“คุณอาต้องให้เอเลนเป็นที่หนึ่งของคุณอานะฮะ”
“แบบนั้นพี่สาวของฉันจะเสียใจรึเปล่าน๊า?”
คำถามที่ได้ยินทำให้เด็กน้อยลนลาน
ก่อนจะเอ่ยใหม่ด้วยเสียงอุบอิบ
“ ถ... ถ้า เอเลนยอมให้คุณป้าเป็นที่หนึ่งอีกคน
ต.. แต่ นอกจากนี้ก็ห้ามนะฮะ!” เสียงใสเอ่ยข้อต่อรอง
“แม้แต่มิคาสะและเยเกอร์น้องชายนายด้วยเหรอ?”
เด็กน้อยสะดุ้งอีกครั้งเมื่อโดนถามคำถามจากคนขี้แกล้ง
“ม.. มิคาสะ คงไม่อยากเป็นที่หนึ่งของคุณอา
ส่วนเยเกอร์เป็นน้องชายต้องรองจากเอเลนสิ!” เด็กน้อยยังคงยืนกรานเสียงแข็ง
ทำให้คนขี้แกล้งได้แต่รู้สึกอยากแกล้งขึ้นไปอีก ดูเหมือนเจ้าเด็กนี่จะปลดสวิตส์บางอย่างในตัวเขาเข้าเสียแล้ว
“ถ้าเอเลนเป็นที่หนึ่งของคุณอา
แล้วฉันเป็นที่หนึ่งของนายด้วยรึเปล่า?”
“คุณอาเป็นที่หนึ่งของเอเลนอยู่แล้ว
ไม่เห็นต้องถามเลย” อ้อมแขนของเด็กน้อยกระชับแน่นขึ้นพลางซบหน้ากับไหล่หนาของชายหนุ่ม
“อยากรู้จัง อีกหน่อยถ้านายมีแฟนฉันจะเป็นที่หนึ่งของนายอยู่รึเปล่านะ?”
คนขี้แกล้งยังคงถามคำถามต่อไป แต่ไม่มีคำตอบจากเด็กน้อย มีเพียงแขนที่โอบกอดที่กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม
พร้อมด้วยเสียงบ่นอุบอิบที่ข้างหู
“...คุณอาไม่เข้าใจอะไรเลย...”
รีไวเหลือบมองเด็กน้อยอย่างแปลกใจ
ชายหนุ่มส่ายศีรษะไปมา ดูเหมือนเด็กน้อยของเขาจะเริ่มมีความคิดแปลกๆมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับเขาเอเลนก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ดี
ผิดจากความรู้สึกของเด็กน้อยที่ตอนนี้ประตูบางอย่างในอกข้างซ้ายเริ่มเปิดออก
ความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวและชัดเจนขึ้น จากที่ไม่รู้และไม่เข้าใจมาตลอด ตอนนี้ความรู้สึกที่รุนแรงนั้นเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เด็กน้อยในวันวานกำลังเติบโตเริ่มเข้าใจความหมายที่แตกต่างของความรู้สึกหน่วงในอกซ้าย
และเมล็ดพันธุ์แห่งความร็สึกที่นานวันยิ่งเติบโตในอกข้างซ้าย...
TBC.
....................................................................................................
Talk:
ห่างหายไปนานเพราะมัวแต่ยุ่ง+เวิ่นค่ะฮาๆ พอดีช่วงนี้ว่างจากการรอองค์รามเมสต่อฟาโรห์ เลยได้ฤกษ์ขุดเด็กน้อยมาเขียนต่อสักที สำหรับคนที่รอพาทฟาโรห์ฯ รอก่อนนะคะ เพราะพี่ที่เขียนค่อนข้างยุ่งด้วยอาชีพพยาบาล ที่จะหาเวลานอนยังลำบาก ขอให้ทุกท่านอดทนรอกันหน่อยนะ ทางนี้เองก็อยากอ่านต่อเช่นกันค่ะ มาอดทนรอพร้อมให้กำลังลังใจขุ่นพี่ AkeRah ไปด้วยกันนะคะ
สำหรับตอนนี้เอเลนเด็ก(แก่แดด) เริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้น แต่อาจต้องเหนื่อยตรงให้คุณอาข้ามความรู้สึกว่าเด็กน้อยก็คือเด็กน้อยนี่แหละค่ะ เรื่องนี้เขยิบไปช้าๆตามเคย แต่อยากให้เขยิบแบบค่อยๆพัฒนาและกำแพงความสัมพันธ์ระหว่างอาหลาน ทลายลงทีล่ะนิดค่ะ เพราะอย่างที่บอกไว้ว่ารีไวเข้ามาในฐานะคุณอาของเอเลน และเอเลนที่ยังเล็กยังไม่รู้จักความรักที่นอกเหนือจากความรักของพ่อแม่ และคนในครอบครัว จึงต้องใช้เวลาเรียนรู้การก้าวผ่านกำแพงความรู้สึก + ศีลธรรมออกไป
เขียนเรื่องนี้มันท้าทายตรงนี้แหละค่ะ ทำยังไงให้มันไม่รู้สึกว่าทั้งสองคนความสัมพันธ์มันกระโดดมากเกินไป อยากให้ตัวละครความรู้สึกค่ยๆเติบโตไปพร้อมๆกับ ถ้านักอ่านรู้สึกว่าตัวละครที่การเติบโตและความรู้สึกที่ค่อยๆพัฒนาขึ้นจะดีใจมากเลยค่ะ เพราะเป้าหมายพยายามทำให้เป็นแบบนั้นอยุ่ แต่มันยากเหลือเกินกับการค่อยๆให้ความรู้สึกเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร คือเห็นหน้าแล้วจับโยนลงบนเตียงเลยมันง่ายกว่ามากค่ะฮาๆ(เลว)
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ยังคอยติดตามและให้กำลังใจ และขอโทษที่ช้านะคะ คือคนเขียนเองก็แทบอยากหาเวลากลิ้งเฉยๆกับหายใจทิ้งมากค่ะ แต่ช่วงนี้นี่แทบจะแยกร่าง ขอประทานอภัย
ขอขอบคุณที่ติดตามกันด้วยดีเสมอมา สำหรับป้ายหน้า....อยากเขียน โยชิวาระต่อ แต่.... ตอนนี้เริ่มอยากเขียนโอเมก้าเวิร์สด้วย ขอไปตบตีกับตัวเองก่อน (Lesson และไหเอ็งยังไม่จบเลย ช่างสรรหาเรื่องแท้)
สุดท้ายนี้ รักนักอ่านเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออยากได้เวลาหายใจทิ้งมากค่ะ
Trendy Blood
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น