วันอาทิตย์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2560

Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love Lesson 8

Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love 
Pairing: (LevixEren) 
Story By: Trendy Blood 
…………………………………………………………………………

Lesson 8: 


               กลิ่นน้ำหอมหวานเลี่ยนจนน่ารำคาญ เสียงกระซิบหวานที่กรอกข้างหู ร่างอรชรที่เปลี่ยนไปไม่ซ้ำมักอิงอยู่ข้างกายแทบทุกค่ำคืน ตอนนี้จากกลิ่นน้ำหอมที่น่าเวียนหัวกลับเป็นกลิ่นของสบู่และแป้งที่กรุ่นอ่อนๆ เสียงกระซิบหวานแปรเปลี่ยนเป็นเสียงลมหายใจและกรนเบาๆที่ได้ฟังอยู่ทุกคืน ร่างอรชรที่มักหลับอยู่ข้างกายและเขาก็ทิ้งไว้พร้อมจากไปก่อนรุ่งส่าง แปรเป็นร่างเล็กของเด็กชายที่บางครั้งก็นอนดิ้นจนป่ายปีนตัวเขาอยู่ทุกคืนจวบจนเช้า
          รีไวมองใบหน้ากลมมนของเด็กชายที่ยังคงนอนหลับอ้าปากอย่างสบายอารมณ์ วันนี้เป็นวันหยุดเจ้าตัวดีเลยนอนตื่นสายกว่าปกติ ส่วนตัวเขาแม้จะเป็นวันหยุดแต่ติดนิสัยตื่นเช้าเลยทำให้ยังคงตื่นเวลาเดิมเฉกเช่นทุกวัน ร้อมทั้งเจ้าเยเกอร์ที่มักจะตื่นมาจ้องหน้าเขาข้างเตียง เมื่อเห็นว่าเขาตื่นแล้วเจ้าสุนัขแสนรู้จำให้จมูกดันหน้าเพื่อปลุกเขา รีไวเกาผมสีดำที่ยุ่งเยิงพลางปิดปากหาวก่อนจะเดินไปล้างหน้าและทำภารกิจส่วนตัวในห้องน้ำ ถึงแม้เอเลนจะตื่นสายกว่าวันธรรมดา แต่เด็กน้อยมักจะตื่นมาทานอาหารเช้าไม่สายกว่าปกติมากนัก แม้อยากนอนต่อขนาดไหน แต่เจ้าตัวดีไม่ชอบที่จะทนฟังเสียงท้องตัวเองร้อง และมักลงมาทานอาหารเช้าก่อนจะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่รีไวต้องกร่นบ่นเด็กชายแทบทุกวันหยุดให้จัดการล้างหน้าและแปรงฟันก่อนที่จะตรงไปนั่งบนโต๊ะทานอาหาร

          เพียงแค่เสียงของกะทะที่กระทบตั้งกับเตาไฟในห้องครัว เสียงเดินลงจากบันไดเป็นจังหวะก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จนร่างของเอเลนมานั่งสัปงกที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง รีไวมองเด็กชายที่ยังคงหลับพิงกับโต๊ะอาหารพลางถอนหายใจ
          ให้ตายสิ เจ้าหนูนี่แม้จะยังไม่ตื่นแต่พอได้ยินเสียงเขาเริ่มจะทำมื้อเช้า สัญชาตญานเจ้าเด็กนี่ก็หอบร่างที่ยังหลับนั่นมานั่งที่เก้าอี้ตัวประจำได้ แล้วเพียงแค่ไข่ที่ตอกลงในกระทะเริ่มสุกจนส่งกลิ่นหอมคลุกเคล้ากับเนย เสียงท้องร้องของคนนั่งหลับก็ดังให้ได้ยินเป็นกิจวัตร และมักตามด้วยเสียงของเขาพร้อมทั้งกำปั้นที่เขกลงบนหัวสีน้ำตาลนั้นเบาๆ
          “เอเลน ก่อนทานข้าวนายต้องทำยังไง?”
          เด็กชายขยี้ตากลมโต ก่อนจะตบแก้มทั้งสองข้างของตัวเองเบาๆเพื่อไล่ความง่วงงุน
          “เอเลนจะไปล้างหน้า แปรงฟัน และให้อาหารเจ้าเยเกอร์ฮะ” เสียงใสตอบก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้ประจำแล้ววิ่งตรงไปยังห้องน้ำเพื่อทำตามที่ว่าไว้ โดยมีเจ้าเยเกอร์สุนัขที่เลี้ยงเดินตามพร้อมทั้งคาบชามอาหารยื่นให้เจ้านายตัวน้อยอย่างรู้งาน
               หลังเจ้าตัวดีจัดการเสียงท้องร้องของตัวเองเรียบร้อยก็ต้องเป็นฝ่ายทำหน้าที่ทำความสะอาดหลังทานอาหารเสร็จ ตอนนี้จากเด็กชายตัวน้อยเริ่มโตเป็นเจ้าหนูเอเลน รีไวจึงจัดแบ่งหน้าที่ในบ้านให้เอเลนรับผิดชอบ ซึ่งเจ้าตัวดีก็ยินดีรับทำโดยไม่บ่ายเบี่ยง ทั้งสองจึงเริ่มมีกฏของการอยู่ร่วมกัน เช่น ในวันธรรมดาเพราะเอเลนต้องรีบไปโรงเรียน เรื่องอาหารและทำความสะอาดสำหรับมื้อเช้า รีไวจะเป็นคนจัดการ ส่วนตอนเย็นเอเลนจะต้องเป็นฝ่ายจัดเก็บให้เรียบร้อย รวมถึงวันหยุด รีไวจะเป็นคนทำอาหารและเอเลนจะเป็นฝ่ายเก็บล้าง พักหลังเจ้าหนูเริ่มมีความสนใจที่จะทำอาหารเช่นกัน บางครั้งรีไวจะให้เอเลนทำอาหารง่ายๆ และทั้งสองจะช่วยกันทำความสะอาดหลังทานอาหารเสร็จ สำหรับเสื้อผ้า นอกจากชุดทำงานที่มีสูทซึ่งรีไวจะให้ร้านซักรีดจัดการ ชุดอื่นๆเขาและเอเลนจะผลัดเวรกันในการซักผ้าและตากผ้าของทั้งสอง รวมถึงการทำความสะอาดบ้าน และรับผิดชอบเจ้าเยเกอร์ด้วยเช่นกัน
               “คุณอา อาหารของเยเกอร์หมดแล้วฮะ” หลังจากล้างจาน เอเลนเตรียมจะแกะกล่องอาหารของเยเกอร์ไว้สำหรับมื้อถัดไป แต่เมื่อเปิดตู้ออกมาจึงพบว่าอาหารที่เทให้เจ้าหมาตัวโตไปเมื่อเช้าเป็นกล่องสุดท้าย อีกทั้งขนมและแชมพูก็เหลืออยู่เป็นชุดสุดท้ายพอดี
          เยเกอร์เข้ามาดุนจมูกที่ขาของเด็กน้อย เอเลนจึงแกะขนมห่อสุดท้ายตอบรับการออดอ้อนของเจ้าหมาตัวโตที่เห่าอย่างมีความสุขกับขนมชิ้นโปรด
          “ถ้างั้นมื้อเที่ยงเราแวะร้านแถวสถานี หลังซื้อของกันดีไหม?”
          เอเลนพยักหน้ารับพลางสำรวจสิ่งของต่างๆที่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม ก่อนจะจัดการลิสต์รายการที่จำเป็นลงในแผ่นกระดาษเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะซื้อของได้ครบ
               หลังจากสำรวจความเรียบร้อยและมีเจ้าเยเกอร์ตามออกมาส่งถึงประตูรั้วหน้าบ้าน เสียงน่ารำคาญที่คุ้นเคยก็ดังจนใบหน้าคมรู้สึกคิ้วกระตุกกับเสียงดังแปดหลอดของเจ้าเพื่อนตัวดี
          “ไฮ ไฮ ฉันมาทันพอดี พวกนายกำลังไปไหนกันเนี่ย!!” ฮันซี่ไม่ว่าเปล่าทั้งยังพุ่งตัวเข้ากอดเอเลนเต็มแรง
          เอเลนที่คุ้นชินกับการจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวของหญิงสาวได้แต่หัวเราะแห้งๆพลางยืนให้เจ้าตัวกอดรัดจนพอใจแล้วปล่อยเขาจากอ้อมแขน
          “มีธุระอะไรยัยสี่ตา?” ทั้งที่เป็นวันหยุดแต่ดูเหมือนเพื่อนตัวดีที่ไม่เคยสะกดคำว่า ความเกรงใจ ได้ถูกต้อง จะมาทำให้วันหยุดที่แสนมีค่าของเขาวุ่นวาย
          “ก็เพราะว่านายไม่ยอมรับสาย ฉันเลยต้องมาหาเองยังไงล่ะ” หลังจากฟัดเอเลนจนพอใจ ฮันซี่ก็ตัดพ้อคนไม่ยอมรับสายจากเธอทันที
          รีไวมองโทรศํพท์ที่เปิดเป็นระบบสั่น ก็เห็นว่ามีเบอร์ของหญิงสาวโทรเข้ามาตั้งแต่เช้าอยู่สี่สาย แต่เพราะตอนเช้าเขามัวแต่ทำอาหารและกิจวัตรประจำวันจึงไม่ได้สนใจโทรศัพท์นัก ทั้งที่ฮันซี่จะฝากข้อความทิ้งไว้ก็ได้ แต่ถ้าถึงขั้นมาหาเขาแบบนี้คงมีธุระที่สำคัญ
          “เธอไปทำอะไรมาล่ะ แพลนรถเสียหาย หรือโมเดลเกิดระเบิดจากการทดลองของเธออีกล่ะยัยแว่นผี?” ธุระสำคัญของฮันซี่ที่เขานึกได้ คงไม่พ้นความวุ่นวายที่ชอบก่อเรื่องให้เขาตามแก้ หวังว่าคงไม่งานโมเดลรถที่ต้องโหลดไปทางเรือวันพรุ่งนี้หรอกนะที่มีปัญหา ถ้าใช่แล้วล่ะก็เขาเตรียมจะฝังศพตัวปัญฆาในสวนบ้านเขาตอนนี้ทันที
          “ไม่ใช่เรื่องแบบนั้นหรอกนะ เดี๋ยวนี้หลังจากโมเดลรถเสร็จ เอลวินก็ย้ายไปที่บ้านหมอนั่นทันทีไม่ให้ฉันแตะต้องเลย น่าเบื่อชะมัด...” คนเจ้าปัญหาบ่นอุบอิบอย่างไม่ได้สำนึกว่าสิ่งที่ตนเองทำสร้างปัญฆาขนาดไหน
          “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ฉันมีเรื่องสำคัญเลยมาหานาย.... นายยังจำ ไม่สิ.... เธอคนนั้นกลับมาแล้วนะ”
          รีไวมองหน้าฮันซี่ก่อนจะยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม หญิงสาวจึงได้แต่ถอนหายใจ เกือบลืมไปว่าก่อนที่รีไวจะรับเอเลนมาเลี้ยง เจ้าหมอนี่มีคู่นอนเยอะขนาดไหน และเจ้าตัวก็ใช่ว่าจะใส่ใจจำหน้าคู่นอนของตัวเองเสียเท่าไร... แต่จะมีก็แค่เพียงคนเดียวที่ทำให้คนเฉยชาคนนี้สนใจอยู่บ้าง ไม่สิ... เรียกว่า ทำให้คนอย่างรีไวหวั่นไหวได้เลย
          “เจสสิก้า คอร์ลิน เธออยากเจอนาย”
          ชื่อที่เอ่ยทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่เฉยชาฉายแววสั่นไหว เพราะเป็นชื่อของผู้หญิงเพียงคนเดียวที่รีไวจดจำ
          “เจส กลับมาที่นี้ได้สักพักแล้ว แต่เธอไม่แน่ใจว่าจะมาหานายดีไหม จึงฝากฉันมาถาม.... ถ้านายอยากพบเธอ”
          ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งราวกับใช้ความคิด จากสายตาของฮันซ่ที่คบหากับชายหนุ่มมานาน แม้จะเป็นเรื่องที่นานมากแล้วแต่ดูเหมือนชื่อของหญิงสาวยังส่งผลต่อรีไว
          “นายกับเจส เอง แม้จะเลิกกันมานาน อีกทั้งเรียกได้ว่าจบลงด้วยดี การกลับไปเจอหน้ากันอีกครั้งฉันว่ามันก็ไม่เลว”
ฮันซี่เดินเข้าไปหาเพื่อนที่สูงน้อยกว่า ก่อนจะก้มมองหน้าของชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งอย่างใช้ความคิด ใบหน้าขี้เล่นฉีกยิ้มอย่างนึกสนุก
“หรือว่า... นายกลัวหวั่นไหว...จะกลับไปรักเธออีกหรือไง?”
ปึ๊ก!!
สันมือฟาดลงบนหัวที่ยุ่งเหยิงของฮันซ่ จนเจ้าตัวได้แต่โวยวายลั่น
“โอ๊ย! มันเจ็บนะเฮ้ย นายนี่หัดทำตัวให้เป็นสุภาพบุรุษกับสาวน้อยแบบฉันบ้างเซ่!!
“อย่างเธอมันไม่เรียกว่าสาวน้อยหรอกยัยแว่นผี” รีไวเดินไปหาเอเลนที่ยืนมองรอทั้งคู่ก่อนจะบี้ลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กชายเบาๆ
“ถ้ายัยนั่นอยากพบ วันนี้ฉันจะไปนั่งทานข้าวเที่ยงที่คาเฟ่แถวสถานี”
ฮันซี่ลูบศีรษะตัวเองพลางมองหลังรีไวที่เดินจากไปกับเอเลน แบบนี้เท่ากับว่า หมอนั่นเองก็คงอยากเจอเจสสิก้า... ล่ะมั่ง?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
กลิ่นกาแฟ คลุกเคล้ากับกินอาหารและขนมอบที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ เชิญชวนให้ผู้สัญจรไปมาเข้าไปนั่งพักและลิ้มรส มใกล้สถานีรถไฟใต้ดินที่เป็นแหล่งชอปปิ้งกลางเมืองและมีร้านค้าหลากสีสันต่างๆมากมาย มีสไตล์ที่แตกต่างตอบรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย รีไวและเอเลนมักมาร้านที่อยู่ห่างจากร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงไม่มากนัก ร้านคาเฟ่ที่ตกแต่งสไตล์ลอฟท์อย่างเรียบง่าย มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และของหวานของที่นี้หลายเมนูเป็นรสชาติที่เอเลนและเขาชื่นชอบ เมื่อมาซื้อของ ร้านนี้จึงเป็นร้านประจำของทั้งสอง หลังจากสั่งอาหารไปได้ไม่นานเสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงของลูกค้าและพนักงานในร้านที่สนใจผู้เข้ามาใหม่ให้ได้ยิน จนรีไวที่ไม่ได้คิดจะสนใจผู้ที่เข้ามาต้องเงยหน้ามอง เมื่อเห็นคนตรงหน้าเขาจึงไม่แปลกใจกับเสียงชื่นชมระคนซุบซิบที่ได้ยินเป็นระยะ หญิงสาวผมยาวสีเข้มรูปร่างสะโอดสะอง และใบหน้าคมสวยเปี่ยมเสน่ห์ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ควบอาชีพนางแบบอินเตอร์ที่กำลังเป็นที่จับตามองในปัจจุบัน และแถมตัวพ่วงที่ขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี และสายตาของคนทั้งร้านก็ต้องจับจ้องมาที่โต๊ะของเขาเมื่อเสียงของยัยสี่ตาตัวพ่วงนั้นดังทักทายอย่างไม่สนใจบรรยากาศรอบข้าง
“ฉันมาแล้วรีไว!!” ฮันซี่เดินตรงดิ่งไปที่โต๊ะริมสุดในร้าน พลางเข้าไปขยี้ผมสีน้ำตาลของเด้กน้อยเอเลนอย่างคุ้นชิน
“คุณอาฮันซี่มากับใครเหรอฮะ?” เด็กน้อยถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวแปลกหน้าที่เป็นที่จับจ้องของคนทั้งร้านเดินตามมายังโต๊ะที่นั่งของเขา
ใบหน้าสวยนั้นยิ้มอย่างเป็นมิตรทักทายเด็กชายตัวน้อย พลางยื่นมือเพื่อทักทาย
“เธอคงเป็นเอเลน ฉันเจสสิก้า คอร์ลิน เป็นเพื่อกับคุณฮันซี่และ คุณอาของเธอจ้ะ”
เอเลนจับมือทักทายตอบ ใบหน้ากลมมนส่งยิ้มตามมารยาทให้กับหญิงสาวแปลกหน้า ทั้งที่หญิงสาวคนนี้ยังไม่ได้ทำอะไร อีกทั้งเป็นคนรู้จักของคุณอา แต่เด็กชายตัวน้อยกลับรู้สึกแปลกๆกับหญิงสาวตรงหน้า ทั้งที่เจสสิก้า เป็นคนสวยและบุคลิคดี แต่เอเลนกลับรู้สึกมีบางอย่างที่ทำให้เขาไม่พอใจ และไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่?
“เอเลน เราสองคนย้ายไปกินขนมกันตรงนั้น ให้เจสกับคุณอารีไวเขาคุยธุระกันสักเดี๋ยวนะ”
ฮันซี่ยื่นมือให้เด็กชายจับ เอเลนมีท่าทีลังเลก่อนจะมองหน้าของชายหนุ่ม รีไวจึงพยักหน้าให้เอเลนตามฮันซี่ไป เด็กน้อยจึงจำใจจับมือที่ยื่นมาเพื่อเปลี่ยนที่นั่งไปโต๊ะที่อยู่ห่างออกไปอีกด้านของร้าน
แพนเค้กราดน้ำเชื่อมเมเปิ้ลหอมกรุ่นวางลงตรงหน้าเด็กน้อย แต่ความหอมที่เย้ายวนนั้นไม่ช่วยให้เอเลนรู้สึกอยากลิ้มรสอย่างที่เคย ใบหน้ากลมมนยังจ้องไปยังโต๊ะอีกฝั่งที่ไกลออกไป ชายหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งคุยกันอย่างคุ้นเคยช่างดูเหมาะสมจนเขารู้สึกแปลกๆกับภาพตรงหน้า
“ไม่สบายใจเหรอจ้ะ?” ฮันซี่สังเกตท่าทางแปลกๆของเด็กน้อย จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
ใบหน้ากลมมนหันมองหญิงสาวก่อนจะก้มหน้าลง สองมือเล็กกำชายเสื้อของตัวเองจนยับย้น
“ไม่รู้สิฮะ... แต่เอเลน... รู้สึกอึดอัด...”
ฮันซี่มองเด็กน้อยอย่างพิจารณา ตอนนี้รีไวเลี้ยงเอเลนเพียงแค่คนเดียว เอเลนที่คุ้นชินกับการครอบครองรีไวเพียงคนเดียวมาตลอด เมื่ออยู่ๆมาเจอคนที่เหมือนจะพรากคนสำคัญของัวเองไปคงทำให้รู้สึกสับสน ตัวเธอเองก็พอเข้าใจอยู่บ้าง แต่เธอเองก็อยากให้เพื่อนสนิทของตัวเองมีคนอยู่เคียงข้าง และหวังแต่ว่าจะให้เด็กน้อยเปิดใจรับสักวัน ถ้าวันนั้นมาถึงและทั้งสองสามารถกลับมาคบกันอีก บางทีเธออาจจะหวังมากไป แต่เธอที่รู้จักรีไว มานาน นอกจาก เจสสิก้า แล้วเธอนึกไม่ออกเลยว่าจะมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้รีไวหวั่นไหวได้แบนี้อีก บางทีที่เธอควรทำอาจเป็นลองให้เด็กน้อยตรงหน้าลองเปิดใจดู
“ถ้าเธอได้รู้จักเจส เธอคงหายอึดอัด ยัยนั่นแม้จะชอบทำอะไรตามใจตัวเองแต่ก็เป็นคนดีที่นึกถึงคนรอบข้างอยู่เหมือนกัน”
เอเลนเงยหน้ามองฮันซี่ ริมฝีปากเล็กสั่นระเรื่อก่อนเอ่ยถาม
“อ.. เออ คุณ อาฮันซี่ คุณเจสสิก้า กับ คุณอารีไว ทั้งสองคนเป็นคนรักกันงั้นเหรอฮะ?” ทั้งที่เป็นคำถามปกติ แต่ทำไมหัวใจดวงน้อยถึงรู้สึกหน่วงราวกับหายใจไม่ออกขึ้นมากัน
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะเรียกแบบนั้นก็ได้ แต่ตอนนี้... ฉันเองก็ไม่รู้ว่าสองคนนั้นคิดอะไร?” เพราะเรื่องของทั้งสองก็ผ่านมานานมากแล้ว ส่วนถ่านไฟเก่าจะคุหรือไม่ เธอเอบก็บอกไม่ได้เช่นกัน
“เมื่อก่อนคุณอาเคยเป็นคนรักของคุณเจสเหรอฮะ?”
ใบหน้ากลมมนเม้นปากแน่น ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจและพบเจอ เพียงแค่คิดว่าคนคนนั้นเคยมีความสำคัญกับคุณอามาก ทำไมอกข้างซ้ายถึงได้เจ็บอย่างไม่เข้าใจ
ฮันซี่มองเด็กน้อยที่นั่งหน้าเครียด ทั้งยังมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด เอเลนเป็นเด็กฉลาด แม้จะใสซื่อ แต่เจ้าหนูนี่ก็โตพอที่จะเข้าใจเรื่องต่างๆได้ดี เพราะงั้นถ้าเธอจะเล่าเรื่องของทั้งสองให้เด็กน้อยฟัง.. บางทีอาจทำให้เอเลน ยอมรับในตัวเจสสิก้ามากขึ้น ถึงแม้ว่าจะทำให้คุณอาที่หมอนี่เคารพรักดูเสียหายอยู่บ้างก็เถอะ...
“เรื่องมันก็... 8 ปีได้แล้วล่ะมั่ง....”

สมัยเรียนมหาลัย รีไวเรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่หาตัวจับยากทั้งผลการเรียนที่โดดเด่น ความสามารถด้านกีฬาที่โดนทาบทามจากโค๊ชระดับโลก ใบหน้าและร่างกายที่สมชายชาตรี แม้จะเสียตรงเตี้ยกว่ามาตราฐาน แต่นับว่าเป็นชายหนุ่มที่สาวๆทั้งในรั้วและนอกรั้วมหาลัยต่างชื่นชม แน่นอนว่ามีหญิงสาวมากมายเสนอตัวให้เขาไม่ขาด ขอเพียงได้ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นคู่นอนของคนคนนั้นก็ดูเหมือนจะไปโอ้อวดใครต่อใครได้มากมาย และแน่นอนรีไวก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป เมื่อมีหญิงสาวมาเสนอตัวให้เขา เขาเองก็มักจะสนองพวกเธอเหล่านั้น แต่ไม่มีใครที่เขาเคยคบจริงจัง รีไวเองก็เลือกเฉพาะคนที่ต่างพอใจเพียงแค่ได้ชื่อว่าเคยนอนกับเขาเพื่อตัดปัญหายุ่งยาก แม้แต่ชื่อหรือหน้าตาของคู่นอน เรียกได้ว่าหมอนั่นไม่เคยใส่ใจและจดจำ ทั้งเธอ เอลวินและคนอื่นๆต่างมองคู่ควงของรีไวที่มาแล้วจากไปราวกับใบไม้ร่วงจนชินตา
จนกระทั่งปลายฤดูร้อนก่อนเรียนจบ รีไวก็พบกับเจสสิก้า คอร์ลิน กัปตันลีดเดอร์ ควบตำแหน่ง มิสแกรนด์ของมหาลัย ตอนแรกก็คิดว่าหมอนั่นคงคบไม่เกินอาทิตย์อีกตามเคย แต่เหมือนจะคิดผิด เมื่อทั้งสองกลับคบกันนานกว่าที่พวกเราคาด อีกทั้งรีไวก็เลิกยุ่งกับสาวๆที่เข้ามาหา จนคิดได้ว่านี่คงเป็นตัวจริงที่หมอนั่นต้องการ แต่ว่าสุดท้ายทั้งคู่ก็เลิกกัน เจสสิก้าเลือกที่จะเดินตามฝันของตัวเอง โดยการไปแสวงหาเส้นทางสู่การเป็นนางแบบโดยเซ็นต์สัญญากับเอเจนซี่ที่อเมริกา และออกเดินทางโดยไม่ติดต่อกลับมาหาหมอนั่นอีกเลย ภาพที่เห็นทำให้รู้สึกแปลกใจ คนที่เฉยชาอย่างหมอนั่นมีท่าทีเหม่อลอย และช่วงนั้นเองที่รีไวยอมรับข้อตกลงมาทำงานกับ เอลวิน สมิธ หลังจากเรื่องเจสสิก้า หมอนั่นก็มีกลับมายุ่งกับผู้หญฺงที่เข้าหาบ้างประปราย ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครที่คบกับรีไวได้นาน เจสสิก้าจึงอาจบอกได้ว่าเป็นคนแรกจนถึงตอนนี้ที่หมอนั่นดูจริงจังด้วย

เอเลนนั่งนิ่งฟัง เสียงของฮันซี่ที่เล่าเรื่องนั้นดูห่างไกลออกไปราวกับไม่อยากรับรู้เข้าโสตประสาท เด็กน้อยเบนสายตาหันกลับไปมองยังโต๊ะอีกฝั่งที่ทั้งสองนั่งอยุ่ด้วยกัน สองหนุ่มสาวที่คุยกันเริ่มขยับเข้าหาอย่างคุ้นชิน มือเรียวแตะหลงบนมือของชายหนุ่ม นัยน์ตาสีมรกตสั่นไหว ร่างกายและสัญชาตญานเร็วกว่าสมอง สองขากระโดดลงจากโซฟาที่นั่งตรงไปยังโต๊ะของรีไว ใบหน้ากลมมนยื่นไปขวางระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวอย่างทันท่วงที ริมฝีปากสีสดสัมผัสลงบนแก้มใสของเด็กน้อย เช่นเดียวกับริมฝีปากของเด็กหนุ่มที่สัมผัสกับแก้มกลมมนของเด็กน้อย เจสสิก้าและรีไวรู้สึกแปลกใจก่อนจะมองว่าผู้ที่มาขัดจังหวะคือ เอเลนที่กำลังหันมองมองหญิงสาวอย่างไม่พอใจ
มือเล็กเช็ดคราบลิปสติกบนแก้มตนเองพลางกอดคอชายหนุ่มแน่น ใบหน้ามนพองลมในแก้มอย่างงอนๆก่อนหันสบมองหญิงสาว และนัยน์ตาสีมรกตที่เริ่มคลอเบ้าด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อล้น เริ่มไหลลงมาอาบแก้มกลมๆ
“ค... คุณอา... เป็นของเอเลน .. จะไม่ยกให้ใครทั้งนั้น ฮึก ฮึก..” เสียงใสพยายามกลั้นก้อนสะอื้น แต่สุดท้ายน้ำตาที่พยายามอดกลั้นก็ไหลลงอาบแก้มทั้งสอง
รีไว มองเอเลนที่ปล่อยโฮออกมาพลางหัวเราะขำก่อนจะจัดการลูบผมสีน้ำตาลของเจ้าตัวดีและอุ้มขึ้น ชายหนุ่มจัดแจงวางค่าอาหารลงบนโต๊ะแล้วหิ้วถุงใส่สินค้าของเจ้าเยเกอร์มาไว้ในมือ
“ขอโทษโวย ฉันคงต้องขอตัวก่อน ส่วนเรื่องที่เธอถามเมื่อกี้ ฉันคิดว่าเธอเองก็มีคำตอบในใจอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยว”
เจสสิก้าได้แต่มองชายหนุ่มอุ้มเด็กตัวน้อยที่ยังคงมีเสียงสะอื้น ใบหน้าสวยยิ้มบางก่อนจะโบกมือลา
“ขอโทษด้วย ฉันไม่คิดว่าเอเลนจะต่อต้านขนาดนี้” ฮันซ่หัวเราะแห้งให้กับเจสสิก้าอย่างรู้สึกผิด คิดว่าเอเลนจะเข้าใจแต่ดูเหมือนมันอาจเร็วไป
เจสสิก้าส่ายศีรษะปฏิเสธก่อนจะยกยิ้มให้อย่างพอใจ
“ไม่หรอกค่ะฮันซี่ แบบนี้ดีแล้วล่ะค่ะ เขาทำให้ฉันเข้าใจง่ายขึ้น...”








เสียงสะอื้นสงบลงพร้อมกับความชื้นที่ยังคงอยู่บนไหล่ของชายหนุ่ม รีไวขยับศีรษะเคาะกับผมสีน้ำตาลของเด็กน้อยเบาๆ
“เป็นอะไรไปเจ้าหนู?” เขาไม่เห็นเอเลนร้องไห้มานาน เห็นแบบนี้เขาจึงรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“......”
สองมือที่โอบรอบคอชายหนุ่มกระชับแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าคนในอ้อมแขนจะหายไป
“คุณอากับผู้หญิงคนนั้นจะแต่งงานกันเหรอฮะ?”
“ก็จะแต่งอยู่หรอกนะ”
คำตอบที่ได้ฟังทำให้ใจดวงน้อยปวดหนึบ ก้อนสะอื้นที่หยุดไปเริ่มขึ้นมาอีกระลอก
“แต่ไม่ใช่ฉันหรอกนะ เจสเขาคงจะมีข่าวดีเร็วๆนี้”
นัยน์ตามรกตที่คลอเบ้าด้วยหยาดน้ำใสกระพริบตาปริบพลางหันมองหน้าชายหนุ่ม
“เจสมาปรึกษาฉันว่าเธอจะแต่งงานกับผู้จัดการของเธอดีไหม ดูเหมือนทั้งสองคนจะแอบคบกันมาได้สักระยะแล้ว แต่ยัยนั่นรู้สึกผิดต่อฉันเลยอยากเจอก่อนที่จะตัดสินใจ”
“ล... แล้ว คุณอา ไม่เสียใจ ไม่อยากรั้งเธอไว้เหรอฮะ?” เอเลนเอ่ยถาม ทั้งที่ในอกรู้สึกเจ็บแปลบ
“นายนี่แก่แดดกว่าที่ฉันคิดนะเจ้าหนู ฉันควรเลิกให้นายดูละครหลังข่าวพวกนั้นบ้างแล้ว”
ใบหน้ากลมมนขมวดคิ้วมุ่นเมื่ออีกฝ่ายตอบไม่ตรงคำถาม เห็นแบบนั้นชายหนุ่มจึงได้แต่หัวเราะขำ เด็กสมัยนี้โตเร็ว หรือเขามองว่าเจ้าหนูนี่ยังเป็นเด็กกันแน่นะ?
“วันนี้พอฉันได้เจอกับเจสก็เข้าใจ เรื่องของฉันกับยัยนั่นมันจบไปนานแล้ว” ตอนแรกเขาก็รู้สึกลังเล เพราะเจสสิก้า คือผู้หญิงคนแรกและคนเดียวจนตอนนี้ที่เขาเคยจริงจัง จนกระทั่งเขาปล่อยเธอไปให้ไปทำตามความฝันที่ต้องการ
การตัดสินใจที่ไปพบเธออีกครั้งทำให้เขาแน่ใจเมื่อเห็นหน้าเธอ และยิ่งได้รู้ว่าเธอกำลังคบหาจริงจังกับคนที่คู่ควร ความรู้สึกที่ที่เคยสั่นไหวกลับนิ่งงัน ในทางกลับกันเขากับรู้สึกเหมือนเจอเพื่อนเก่าที่สนิทมากและยินดีกับการตัดสินใจของเธอ
“คุณอาโกหก!
เสียงใสตะโกนลั่นจนคนที่อุ้มอยู่ต้องขมวดคิ้วมองเป็นเชิงถาม
“ก.. ก... ก็ คุณอา กับคุณเจสสิก้า จะจูบกันนี่ฮะ” ถ้าเขาไม่เข้าไปขวาง ทั้งคู่คงต้องจูบกันแน่นอน และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแย่อย่างที่ไม่เคยเป็น
เป็นอีกครั้งที่รีไวต้องกลั้นหัวเราะกับความคิดของเจ้าตัวดี แต่ถึงอย่าไงรเอเลนก็ยังคงเป็นเด็ก การที่เจ้หนูนี่จะคิดมากกับเรื่องจูบไม่ใช่เรื่องแปลก
“ฉันก็จูบนายนี่ ถ้าจะจูบกับเจสก็ไม่เห็นเป็นไร” และเพราะความใสซื่อนี้ทำให้เขาอดที่จะแกล้งเจ้าตัวดีไม่ได้
“ไม่ฮะ มันไม่เหมือนกัน คุณอาไม่เคยจูบกับคุณอาฮันซี่ พี่เพทร่า หรือคนอื่นเลยนี่ฮะ”
“งั้นต่อไปถ้าฉันจูบเจ้าพวกนั้นนายก็ไม่มีปัญหาใช่ไหม?” พูดไปอย่างนั้น ใครจะไปจุบกับเจ้าบ้าพวกนั้นโดยเฉพาะยัยสี่ตาจอมวิบัตินั้น
“ไม่ได้ เอเลนไม่ยอมให้คุณอาจูบใครนอกจากเอเลน!!” เด็กน้อยไม่ว่าเปล่ามือที่โอบคอชายหนุ่มหมุนใบหน้าของรีไวเข้าห ก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากที่ยิ้มขัน
“คุณอาเป็นของเอเลนจะไม่ยกให้ใครทั้งนั้น ฮึก..” ใบหน้ากลมมนเริ่มมีก้อนสะอื่นขึ้นอีกครั้ง สองแขนโอบรอบคอชายหนุ่มแน่นก่อนจะซุกลงบนบ่า
รีไวหัวเราะขำในลำคอกับท่าทางน่าเอ็นดูของเด็กน้อย ถ้เจ้าหนูนี่ไม่ใช่เด็กน้อย เขาคงคิดว่านี่เป็นการสารภาพรักที่ร้อนแรงของเจ้าตัวน่าดู
“แค่เอาเวลาว่างมาดูแลนาย ฉันก็ไม่มีเวลาไปมองหาคู่เดทแล้วล่ะเจ้าหนู”
ใบหน้ากลมที่เปื้อนคราบน้ำตาเหลือบมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง
“คุณอาต้องให้เอเลนเป็นที่หนึ่งของคุณอานะฮะ”
“แบบนั้นพี่สาวของฉันจะเสียใจรึเปล่าน๊า?”
คำถามที่ได้ยินทำให้เด็กน้อยลนลาน ก่อนจะเอ่ยใหม่ด้วยเสียงอุบอิบ
“ ถ... ถ้า เอเลนยอมให้คุณป้าเป็นที่หนึ่งอีกคน ต.. แต่ นอกจากนี้ก็ห้ามนะฮะ!” เสียงใสเอ่ยข้อต่อรอง
“แม้แต่มิคาสะและเยเกอร์น้องชายนายด้วยเหรอ?”
เด็กน้อยสะดุ้งอีกครั้งเมื่อโดนถามคำถามจากคนขี้แกล้ง
“ม.. มิคาสะ คงไม่อยากเป็นที่หนึ่งของคุณอา ส่วนเยเกอร์เป็นน้องชายต้องรองจากเอเลนสิ!” เด็กน้อยยังคงยืนกรานเสียงแข็ง ทำให้คนขี้แกล้งได้แต่รู้สึกอยากแกล้งขึ้นไปอีก ดูเหมือนเจ้าเด็กนี่จะปลดสวิตส์บางอย่างในตัวเขาเข้าเสียแล้ว
“ถ้าเอเลนเป็นที่หนึ่งของคุณอา แล้วฉันเป็นที่หนึ่งของนายด้วยรึเปล่า?”
“คุณอาเป็นที่หนึ่งของเอเลนอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องถามเลย” อ้อมแขนของเด็กน้อยกระชับแน่นขึ้นพลางซบหน้ากับไหล่หนาของชายหนุ่ม
“อยากรู้จัง อีกหน่อยถ้านายมีแฟนฉันจะเป็นที่หนึ่งของนายอยู่รึเปล่านะ?” คนขี้แกล้งยังคงถามคำถามต่อไป แต่ไม่มีคำตอบจากเด็กน้อย มีเพียงแขนที่โอบกอดที่กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม พร้อมด้วยเสียงบ่นอุบอิบที่ข้างหู
“...คุณอาไม่เข้าใจอะไรเลย...”
รีไวเหลือบมองเด็กน้อยอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มส่ายศีรษะไปมา ดูเหมือนเด็กน้อยของเขาจะเริ่มมีความคิดแปลกๆมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับเขาเอเลนก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ดี
ผิดจากความรู้สึกของเด็กน้อยที่ตอนนี้ประตูบางอย่างในอกข้างซ้ายเริ่มเปิดออก ความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวและชัดเจนขึ้น จากที่ไม่รู้และไม่เข้าใจมาตลอด ตอนนี้ความรู้สึกที่รุนแรงนั้นเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น เด็กน้อยในวันวานกำลังเติบโตเริ่มเข้าใจความหมายที่แตกต่างของความรู้สึกหน่วงในอกซ้าย และเมล็ดพันธุ์แห่งความร็สึกที่นานวันยิ่งเติบโตในอกข้างซ้าย...
         
 TBC.
....................................................................................................
Talk: 
ห่างหายไปนานเพราะมัวแต่ยุ่ง+เวิ่นค่ะฮาๆ พอดีช่วงนี้ว่างจากการรอองค์รามเมสต่อฟาโรห์ เลยได้ฤกษ์ขุดเด็กน้อยมาเขียนต่อสักที สำหรับคนที่รอพาทฟาโรห์ฯ รอก่อนนะคะ เพราะพี่ที่เขียนค่อนข้างยุ่งด้วยอาชีพพยาบาล ที่จะหาเวลานอนยังลำบาก ขอให้ทุกท่านอดทนรอกันหน่อยนะ ทางนี้เองก็อยากอ่านต่อเช่นกันค่ะ มาอดทนรอพร้อมให้กำลังลังใจขุ่นพี่ AkeRah ไปด้วยกันนะคะ

สำหรับตอนนี้เอเลนเด็ก(แก่แดด) เริ่มเข้าใจตัวเองมากขึ้น แต่อาจต้องเหนื่อยตรงให้คุณอาข้ามความรู้สึกว่าเด็กน้อยก็คือเด็กน้อยนี่แหละค่ะ เรื่องนี้เขยิบไปช้าๆตามเคย แต่อยากให้เขยิบแบบค่อยๆพัฒนาและกำแพงความสัมพันธ์ระหว่างอาหลาน ทลายลงทีล่ะนิดค่ะ เพราะอย่างที่บอกไว้ว่ารีไวเข้ามาในฐานะคุณอาของเอเลน และเอเลนที่ยังเล็กยังไม่รู้จักความรักที่นอกเหนือจากความรักของพ่อแม่ และคนในครอบครัว จึงต้องใช้เวลาเรียนรู้การก้าวผ่านกำแพงความรู้สึก + ศีลธรรมออกไป 
เขียนเรื่องนี้มันท้าทายตรงนี้แหละค่ะ ทำยังไงให้มันไม่รู้สึกว่าทั้งสองคนความสัมพันธ์มันกระโดดมากเกินไป อยากให้ตัวละครความรู้สึกค่ยๆเติบโตไปพร้อมๆกับ ถ้านักอ่านรู้สึกว่าตัวละครที่การเติบโตและความรู้สึกที่ค่อยๆพัฒนาขึ้นจะดีใจมากเลยค่ะ เพราะเป้าหมายพยายามทำให้เป็นแบบนั้นอยุ่ แต่มันยากเหลือเกินกับการค่อยๆให้ความรู้สึกเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร คือเห็นหน้าแล้วจับโยนลงบนเตียงเลยมันง่ายกว่ามากค่ะฮาๆ(เลว)
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ยังคอยติดตามและให้กำลังใจ และขอโทษที่ช้านะคะ คือคนเขียนเองก็แทบอยากหาเวลากลิ้งเฉยๆกับหายใจทิ้งมากค่ะ แต่ช่วงนี้นี่แทบจะแยกร่าง ขอประทานอภัย
ขอขอบคุณที่ติดตามกันด้วยดีเสมอมา สำหรับป้ายหน้า....อยากเขียน โยชิวาระต่อ แต่.... ตอนนี้เริ่มอยากเขียนโอเมก้าเวิร์สด้วย ขอไปตบตีกับตัวเองก่อน (Lesson และไหเอ็งยังไม่จบเลย ช่างสรรหาเรื่องแท้)

สุดท้ายนี้ รักนักอ่านเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออยากได้เวลาหายใจทิ้งมากค่ะ
Trendy Blood

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น