วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ล่ารักอันตราย2 Chapter 12

Chapter 12: In Mind

ห้องสัมนาชั้นพิเศษของโรงแรม จูเมียร่า ซาบาเอล ซาเร่ ครึกครื้นไปด้วยแขกมากมาย ชายหนุ่มและหญิงสาวมากหน้าหลายตาแต่งกายได้ชุดของแบรนด์ห้องเสื้อชั้นนำ ต่างก็มาร่วมงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นเป็นประจำของหนึ่งในผู้มีอิทธิพลของประเทศ ทายาทโดยชอบธรรมของตระกูลออตโตมัน เบอร์จาริช ออตโตมัน รัชทายาทอันดับหนึ่งโดยชอบธรรม
ทั้งที่ในห้องสัมนากำลังครึกครื้นไปด้วยงานปาร์ตี้ที่พรั่งพร้อมไปด้วยอาหารรสเริศ ดนตรีชั้นนำ และการแสดงโชว์ต่างๆมากมาย แต่เคนนี่ไม่ได้มาเพื่อเสพย์บรรยากาศและความเพลิดเพลินเหล่านั้น ห้องรับรองขนาดเล็ดที่อยู่ลึกเข้ามาจากห้องที่จัดปาร์ตี้อย่างสนุกสนาน บรรยกาศที่เป็นทางการและจริงจังขัดกับเสียงรื่นเริ่งที่ยังคงได้ยินอย่างแผ่วเบาด้านนอก
ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายแต่งกายด้วยุดประจำชาติของชนชั้นสูงชาวตะวันออกกลาง ผิวขาวและใบหน้าคมสันเข้ารูปอีกทั้งเหล่าการ์ดจากองค์กรชั้นนำที่หนึ่งในนั้นเป็นอดีตยอดฝีมือของทีม FBI การคุมกันระดับนี้ไม่ได้ทำให้เคนนี่รู้สึกประหม่าแต่อย่างใด เคนนี่ยังคงมีใบหน้ายิ้มติดขี้เล่นอีกทั้งชุดที่ใส่ยังคงสีสันฉูดฉาดอย่างเด่นชัด จนหลายครั้งชายหนุ่มอีกคนที่เป็นเลขาส่วนตัวของผู้มีอิทธิพลตรงหน้าได้แต่มองเขาด้วยแววตาตำหนิ
“ทั้งที่ปาร์ตี้ของคุณกำลังสนุกอยู่แท้ๆยังไม่ต้องเรียกกระผมมาก็ได้นี่ครับ มิสเตอร์ เบอร์จาริช” เคนนี่แสดงสีหน้าอย่างเสียดายพลางมองไปยังต้นเสียงที่งานปาร์ตี้กำลังดำเนิน
“ก็แค่ปาร์ตี้ที่น่าเบื่อที่มีขึ้นทุกเดือนเท่านั้น ที่น่าสนใจกว่า ผมอยากรู้เรื่องที่คุณให้ผมช่วยเรื่องพาคนเข้ามาในประเทศ สายรายงานว่าคนนั้นมาพร้อมชุดเจ้าสาว หวังว่าผมคงไม่ได้ร่วมมือกับคุณฬนการขโมยคนรักของใครอยู่ไหม?”  นัยน์ตาสีน้ำตาลประกายทองจ้องมองอีกฝ่ายอย่างคาดคั้นในคำตอบ
เคนนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะส่ายศรีษะไปมาพลางกระดิกนิ้วชี้ปฏิเสธ
“ผมคงไม่ใช่คนอาภัพรักขนาดที่ต้องขโมยเจ้าสาวของใครหรอกมิสเตอร์ เพียงแต่เรียกว่าการสานสัมพันธุ์ครอบครัวจะดีกว่า”
เบอร์จาริชได้แต่หัวเราะกับคำตอบของอีกฝ่าย เคนนี่คู่ค้าที่เขารู้จักมาพักใหญ่ บอกตามตรงเขาไม่เคยเชื่อถือหรือไว้ใจตาเฒ่าจิ้งจอกเจ้าห์นี่เท่าไร แต่มีหลายครั้งที่เขายื่นมือเข้าไปช่วยด้วยเหตุผลทางธุรกิจ และหลายครั้งแม้ไม่ใช่เรื่องของธุรกิจแต่เขายังคงยื่นมือเข้าไปช่วยด้วยเหตุผลเพียงว่า ความรู้สึกสนุก
“ฉันจำได้ว่าครอบครัวของายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ คือน้องชายไม่ใช่รึไง? จากรูปที่คนของฉันส่งมาให้ดูยังไงอายุของเด็กคนนั้นคงเป็นลูกสาวของนายได้มากกว่า” เบอร์จาริชวางภาพถ่ายลงบนโต๊ะกลางที่ขั้นระหว่างเขากับเคนนี่
เคนนี่เหลือบมองภาพถ่ายพลางยักไหล่ 
“ไม่คิดเลยว่ามิสเตอร์จะทำตัวเป็นสตลอค์เกอร์”
“ฉันแค่ตรวจสอบคนที่เข้ามาในประเทศเท่านั้น มันก็ถือเป็นงานอย่างหนึ่งจริงไหม?”
ทั้งสองต่างมองสบตากันราวกับกำลังอ่านความคิดของอีกฝ่าย ถ้าเคนนี่เปรียบเสมือนสุนัขจิ้งจอกในสายตาเบอร์จาริช เบอร์จาริชเองก็เปรียบดั่งงูลงอางในสายตาของเคนนี่ไม่ต่างกัน ถ้าไม่นับเรื่องส่วนตัวก็เรียกได้ว่าทั้งสองเป็นคู่ค้าและผู้ร่วมทำธุรกิจที่ดี
“มิสเตอร์นั่นเด็กผู้ชายต่างหากเล่า”
คำพูดของเคนนี่ทำให้เบอร์จาริชหยิบภาพขึ้นมาดูให้แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนจะส่งสายตาที่อ่านได้ว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เคนนี่บอกอย่างไม่ปิดบัง นั่นทำให้เคนนี่ได้แต่กลั้นหัวเราะ ก็คนในประเทศนี้การเห็นผู้ชายลักษณะนี้คงเป็นเรื่องแปลกอยู่แล้วก็ในประเทศนี้มีแต่พวกตาลุงหนวดเข้มขนดกรุงรัง บูชาการไว้หนวดเคราอย่างกับทองคำขนาดนั้น อีกทั้งเจ้าหนูนั่นในสภาพแบบนั้นมันเหมือนผู้ชายเสียที่ไหน
“เอเลน เยเกอร์ เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี กำพร้ามาตั้งแต่จำความได้ ได้เจ้าของสตูดิโอถ่ายภาพชื่อฮันเนสเลี้ยงไว้ ปัจจุบันทำงานเป็นช่างภาพอิสระในสตูดิโอฮันเนส ส่วนทำไมถึงอยู่ในสภาพนั้น ถ้าบอกว่ารับงานพิเศษคงไม่ผิด”
“งานพิเศษ คือการไปเป็นเจ้าสาวงั้นรึ งานพิเศษแบบไหนกัน?”
ท่าทางของเบอร์จาริชที่สงสัยและสนใจรูปถ่ายนั้นทำให้แม้แต่เลขาคนสนิทที่อยู่ข้างๆยังรู้สึกแปลกใจ
“ก็งานถ่ายภาพโฆษณษและโปรโมททำนองนั้น ที่ประเทศนี้เรื่องแบบนี้คงเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด แต่ในประเทศของกระหม่อมเป็นเรื่องที่สังคมยอมรับแล้วล่ะนะมิสเตอร์”
“หืม… ช่างน่าสนใจ ข้าชักอยากรู้จักเด็ฏหนุ่มคนนี้เสียแล้วสิ”
สีหน้าขี้เล่นของเคนนี่แปรเปลี่ยนจริงจังขึ้นมาทันที ก็คิดอยู่หรอกนะว่าการไปชิงตัวเอเลนมาคงทำให้เขารู้สึกมีอะไรสนุกๆอย่างน้อยก็กับเจ้าน้องชายที่ไม่เจอกันมานาน แต่ไม่คิดว่าเจ้าหนูนั่นจะเป็นที่สนใจขนาดนี้… 

“กระหม่อมต้องขออภัยถ้าจำเป็นต้องขัดพระทัยฝ่าบาท เพราะการนำตัวเอเลนมาไม่ใช่นำมาเพื่อถวายท่านแต่อย่างใด”
“ไม่จำเป็นต้องซีเรียสขนาดนั้น เราเพียงแค่อยากรู้จักและทักทายเหมือนกับสหายผู้หนึ่งเท่านั้น”
นัยน์ตาของชายหนุ่มทั้งสองจ้องมองอย่างไม่วางตา เคนนี่จึงเป็นฝ่ายหลุบสายตาก่อนจะขยับตัว
“กระหม่อมว่าถึงเวลาที่ควรต้องกลับแล้ว” เคนนี่ลุกขึ้นจากโซฟาก่อนโค้งศรีษะเพื่อกล่าวลา
“อีกอย่างกระผมรู้จักมิสเตอร์ดีเช่นเดียวกับที่มิสเตอร์รู้จักกระผม และมันคงไม่จบแค่ที่การทักทาย…”
แกร๊ก
เสียงประตูปิดลงพร้อมฝ่าเท้าที่เดินไกลออกไป เบอร์จาริช ออตโตมัน มองบานประตูที่ปิดสนิทพลางยกยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา อย่างถูกใจ เบอร์จาริชคว้ารูปถ่ายของเอเลนขึ้นมาดูอีกครั้ง ช่างน่าสนใจ

… อย่างที่รู้ถ้าหมอนั่นเป็นจิ้งจอก เขาก็คือจงอาง…
จงอางที่พร้อมจะรวบและกลืนกินสิ่งที่ต้องการ……

ถึงแม้จะมีตลาด หรือที่คนในประเทศนี้เรียกว่า “ซุค” อยู่ใกล้ๆ แต่เพราะการแต่งกายและเสื้อผ้าที่ไม่อำนวยทำให้เอเลนไม่คิดจะออกจากห้อง แต่การอยู๋ห้องกว้างเพียงคนเดียวก็แสนน่าเบื่อ อีกทั้งโทรทัศน์ที่มีเขาก็ไม่เข้าใจภาษาที่ประเทศนี้ใช้กัน เมื่อเปิดดูไปได้สักพักก็ยิ่งทำให้เขาร็สึกเบื่อกว่าเดิม จะมีร็สึกหายเบื่อบ้างก็ตอนที่รูมเซอร์วิสยกอาหารเข้ามาให้เขา แล้วเขาพยายามชวนคุย พนักงานที่นี้ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้และได้ดีเสียด้วย พอบ่ายจากที่เบื่อเขาต้องสู้กับอาการปวดศรีษะที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลายครั้งที่เขาต้องพยายามประคองสติเพื่อเรียกการ์ดที่คอยเฝ้าอยู่หน้าห้องให้นำยามาให้ จากที่คิดว่าไม่อยากที่จะนอนแล้วแต่ทั้งฤทธิ์ยาและยความรู้สึกปวดหนึบทำให้สุดท้ายเขาจึงไม่ฝืนแล้วล้มตัวลงนอนตั้งแต่บ่ายของวัน
ร่างของเด็กหนุ่มกระสับกระส่ายไปมา ผ้าปูเตียงที่ถูกวางรีดอย่างดียับย่นตามแรงขยับของเด็กหนุ่ม เหงื่อเย็นหลั่งไหลจนเปียกชุ่มผ้าปูราคาแพง ใบหน้ามนขมวดคิ้วมุ่ม ตากลมโตลืมขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างที่นอนอยู่บนเตียงลุกพรวดขึ้นมานั่งหอบหายใจจนตัวโยน เอเลนสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา อาการปวดและหนักหัวตลอดทั้งคืนเริ่มทุเลาลงบ้าง เด็กหนุ่มกวาดสายตาสำรวจรอบๆห้องพักแล้วถอนหายใจอีกครั้ง ความมืดที่เห็นภายนอกหน้าต่างบานใหญ่ทำให้รู้ว่าตอนนี้ยังคงเป็นเวลาดึกหรือบางทีอาจใกล้รุ่งเช้า เมื่อมองนาฬิกาที่ตั้งอยู๋กับโต๊ะหัวเตียงถึงได้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสามครึ่ง เอเลนนวดขมับตัวเองก่อนจะส่ายศรีษะไปมา ความรู้สึกที่ราวกับหลับฝันไปนานแล้วหัวที่เริ่มรู้สึกโล่งขึ้นทำให้เขารู้สึกดีขึ้น เด็กหนุ่มลูบหัวของตัวเองพลางเคาะบนหัวสีน้ำตาลของตัวเองเบาๆ ดูเหมือนระหว่างที่ถูกพาตัวมายังสาธารณะรัฐอาหรับเอมิเรตระหว่างที่ไม่ได้สติตัวและหัวเขาจะถูกกระแทกเป็นระยะ ช่วงแรกๆที่ฟื้นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวแปลกๆ แต่นั่นนับว่าอาจเป็นข้อดีเพราะดูเหมือนเขาเริ่มจะนึกอะไรออกบ้าง
เด็กหนุ่มก้าวลงจากเตียงแล้วสำรวจรอบๆห้องอีกครั้ง ถึงแม้จะโดนลักพาตัวมาแต่ดูเหมือนคนที่ชื่อเคนนี่นั้นจะต้อนรับเขาอย่างดีไม่น้อย ทั้งห้องพักที่โอ่อ่า รวมถึงความเป็นส่วนตัวที่มีให้ เพราะเหล่าการ์ดและลูก้องของเคนนี่นั่นจะคอยเฝ้าระวังเขาอยู่ที่หน้าห้องไม่มีเข้ามาวุ่นวายให้กวนใจ แต่กระนั่นเคนนี่กลับล่ามเขาด้วยกฏของที่นี้ที่ว่ายังไม่รับเพศที่สามและเพราะอย่างนั้นเครื่องแต่งกายที่เตรียมให้จึงแต่เพียงชุดอิสตรี เรียกได้ว่าหมอนั่นล่ามเขาได้ด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น และมันก็คงจะได้ผลถ้าเขายังคงเป็นเพียงแค่…เอเลน ที่ความทรงจำว่างเปล่า…
เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายพลางตบหน้าตัวเองเพื่อตั้งสติและเรียบเรียงความคิด ดูเหมือนอาการความทรงจำสับสนและเสื่อมชั่วคราวของเขาเริ่มดีขึ้นกระทันหัน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเขาเป็นใคร ให้ตายสิไอโรคบ้านี้บทจะหายก็หายเสียเอาง่ายๆ สงสัยเพราะตลอดหลายวันมานี้เจอแต่เรื่องมากมายอีกทั้งยังโดนหิ้วไปมาราวกับสิ่งของสมองของเขาเลยสั่งการให้รีบรื้อฟื้นความเพื่อให้เขารู้ว่าต้องทำอย่างละมั่ง เรียกว่าเป็นสัญชาตญานการเอาตัวรอดก็ได้… นัยน์ตาสีมรกตกรอกไปมาเพื่อใช้ความคิด ดูเหมือนตอนนี้ความทรงจำเขายังคงสับสนแล้วเหมือนจะยังมีมหอกบางๆในหัว แต่กระนั่นอย่างหนึ่งที่เขาร็อย่างเด่นชัดเลยคือ…. ไอตาแก่โรคจิตนั่นช่างสรรหาเรื่องมาให้เขาไม่เว้นแต่ละวัน เรื่องวุ่นๆทั้งหมดก็เพราะหมอนั่นเป็นต้นเหตุทั้งนั้น เป็นกรรมอะไรของนายกันนะเอเลน วันเวลาอันสงบสุขแบบปกติทั่วไปนี่จะหมดลงตั้งแต่อายุเพียงสิบเจ็ดเลยเหรอไงกัน
เอเลนรื้อชุดจากราวที่แขวนเสื้อผ้าไว้มากมาย เด็ฏหนุ่มพยายามหาชุดที่ทะมันทแมนที่สุดและดูไม่สะดุดตารวมถึงไม่ดูว่าเป็นชุดของสตรีมากไป จนในที่สุดเขาจึงเลือกได้ชุดสีน้ำเงินเข้มที่แม้จะเข้ารูปแต่เป็นชุดที่อย่างน้อยก็ปิดหน้าท้องเขาต่างกับชุดอื่นที่สั้นจนเปิดโชว์หน้าท้อง โชคดีที่ท่อนล่างยังคงเป็นกางเกงแม้จะเป็นกางเกงขายาวทรงแปลกตา แต่การใส่แบบนี้ก็นับว่าดีที่สุดกว่าบรรดาชุดอื่นๆที่เขาไม่เข้าใจรสนิยมคนเลือกแม้แต่น้อย ถ้าจะให้พูดก็คงต้องบอกว่าสมกับที่ทั้งสองคนนั้นมีสายเลือดเดียวกัน และไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณดีหรือไม่ที่จากประสบการณ์ที่อยู่กับตาแก่โรคจิตที่ผ่านมาทำให้เขาไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนกับการที่ต้องใส่ชุดผู้หญิงเช่นนี้ เรียกว่าจำใจชินก็ว่าได้….
เอเลนค่อยๆทบทวนสถานการณ์ของตัวเองอีกครั้ง ตอนแรกดูเหมือนว่าเขาจะเจออุบัติเหตุแล้วหลังจากนั้นเหมือนว่าเขาจะโดนพาไปโรงพยาบาล แล้วก็ได้ไปอยู่บ้านคุณเอลวิน ระหว่างนั้นเหมือนเขาจะจำอะไรไม่ได้เลย แต่ได้คุณเอลวินช่วยดูแลกับคนที่ชื่อไมค์ แล้วก็เหมือนจะได้เจอกับตาแก่โรคจิตนั้นอีกครั้งตอนไปสวนสาธารณะเพื่อทำอะไรสักอย่าง…. สิ่งที่จำได้เหมือนว่าเขากำลังต้องไปช่วยงานอะไรสักอย่างที่บริษัทของตาแก่บ้านั่นแล้วอยู่ๆก็ถูกโดนพามาที่นี้…. ให้ตายสิชีวิตของเขานี่มันละครน้ำเน่าหลังข่าวช่วงดึกหรือไงกัน! 
คงเพราะยังรู้สึกสับสน ความทรงจของเขายังคงปะติดปะต่อได้ไม่ครบถ้วน ตอนนี้ที่รู้ได้คือเขาโดนจับตัวมาเพราะเรื่องของตาแก่บ้านั้นอีกแล้ว เด็กหนุ่มได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหัวไปมา ตั้งสติก่อนเอเลนมาดูก่อนว่านายจะทำอะไรได้บ้างในสถานการณ์แบบนี้
อย่างแรก เหมือนไอคนืที่ชื่อเคนนี่นั่นจะบอกว่าเป็นพี่ชายของตาแก่โรคจิต…เอเลนมองบรรดาชุดสไตล์อาหรับหลากสีสรรที่อยู่บนราวก่อนจะหัวเราะแห้งๆออกมา ก็สมกับเป็นพี่ชายของหมอนั่นความโรคจิตนี่คงสืบทอดกันทางสายเลือด
อย่างที่สองจากที่ฟังดูเหมือนตอนนี้เขาจะอยู่ต่างประเทศแถบตะวันออกกลาง แล้ว….. พาสปอร์ตของเขาล่ะอยู่ไหน? มาแบบนี้ต้องมีพาสปอร์ตของเขาตอนเข้ามาบ้างสิ!! ทันทีที่คิดออกเอเลนจึงรื้อทุกซฮกทุกมุมในห้องที่คาดว่าจะเก็บเอกสารต่างๆไว้ ทั้งลิ้นชัก ตู้ ใต้เตียง โต๊ะ ชั้นวางต่างๆที่อยุ๋ภายในห้อง แต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่ามีเพียงใบเมนูอาหารของโรงแรม และเบอร์ติดต่อต่างๆเท่านั้น ให้ตายสิก็คิดไว้แล้วล่ะว่าหมอนั่นคงเก็บหนังสือเดินทางของเขาไว้กับตัวกันเขาหนี ถึงแม้จะหมดหวังแต่มือก็ยังคงรื้อชั้นต่างๆเพื่อควานหาสิ่งที่คาดว่าจะมีประโยชน์บ้าง แต่ไม่เจอสิ่งที่เป็นประโยชน์สักนิด
เรื่องพาสปอร์ตคงหมดหวังอีกอย่างตอนนี้เขาก็ไม่มีเงินติดตัวสักแดง แล้วไหนจะโทรศํพท์ของเขาอีก….  ใช่แล้วโทรศํพท์!!! เอเลนรีบเดินไปยังเตียงนอนที่โทรศํพท์ของโรงแรมจัดวางไว้กับโต๊ะหัวเตียง เด็กหนุ่มลองยกหูเพื่อฟังสัญญาณ ใบหน้ามนยิ้มอย่างมีความหวังดูเหมือนเคนนี่จะไม่ใส่ใจกับโทรศํพท์ที่มีในห้องพัก โทรศัพท์เครื่องนี้ยังคงใช้งานได้ เอาล่ะต่อให้เขาไม่มีสมาร์ทโฟนและอินเตอร์เนตแต่โทรศํพท์เครื่องนี้ก็พอจะเป็นหนทางรอดของเขาได้แล้ว เขาควรจะโทรไปแจ้งำรวจว่าโดนลักพาตัวมาดีกว่าไหม? …ไม่น่าจะดี เพราะถ้าเคนนี่ลักลอบพาเขาเข้ามได้ขนาดนี้และการทำงานที่ล่าช้าของตำรวจและไหนจะหลักฐานที่ตอนนี้เขาไม่มีสักอย่าง กว่าตำรวจจะมาเขาคงโดนจัดการซะก่อน… 
คิดสิคิด เอเลนแกมีเบอร์ใครในหัวที่พอจะเป็นประโยชน์แล้วพึ่งพาได้บ้าง….
ใบหน้าของคนอันตรายก็ผุดขึ้นมาในความคิดกับเบอร์ที่เด็กหนุ่มจำได้ขึ้นใจ เพราะเคยที่ไม่เมมชื่อไว้แต่เป็นเบอร์ที่โทรเข้ามาทุกวันจนจำได้โดยอัตโนมัติ… ให้ตายสิคุณรีไว หาเรื่องเดือดร้อนให้ผมขนาดนี้รับผิดชอบทั้งชีวิตคุณก็ไม่หมดหรอกนะ….
เอเลนกดหมายเลขโทรศัพท์ของคนที่เขากร่นด่าตั้งแต่จำความได้ทันที และต้องขอบคุณอีกครั้งที่โทรศํพท์ของโรงแรมนี้สามารถต่อสายตรงไปยังต่างประเทศได้โดยไม่ต้องรับขออนุญาติจากส่วนกลาง สัญญานโทรศัพท์ดังได้ไม่นานเสียงปลายสายก็เอ่ยทักขึ้น
[ว่าไง]
หัวใจที่เต้นระรัวด้วยความโล่งอกจนบีบรัดทำให้นัยน์ตาร้อนผ่าว เพียงแค่ได้ยินเสียงคุ้นเคยจากปลายสาย
“ค……คุณ….รีไว…” แล้วน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว 
[เอเลน นายปลอดภัยใช่ไหมเจ้าหนู!!] น้ำเสียงดุดันที่แฝงด้วยความเป็นห่วงยิ่งทำให้เอเลนรู้สึกตื้นตัน ทั้งที่เมื่อสักครู๋เขายังกร่นด่าคนคนนี้อยู่ในใจ แต่เพียงได้ยินเสียงนี้เท่านั้น ความรู้สึกกังขาเมื่อสักครู่ก็ราวกับพังทลายลง
[อื้อ ผมปลอดภัยดี ตอนนี้น่าจะอยู่ที่สาธารณรัฐเอมิเรต ตะวันออกกลาง] เสียงสั่นเครือพยายามบอกสถานที่ของตนด้วยความหวังที่คนปลายสายจะตามหาเขาเจอ
[ไม่ต้องห่วงเจ้าหนู ฉันกำลังไปหานาย สิ่งที่นายควรทำ…ไม่สิ ฉันขอสั่งให้นายรักษาตัวเองให้ดีเข้าใจไหม] คำสั่งที่แฝงไปด้วยความอบอุ่นนั้นทำให้ใบหน้าของคนที่โดนสั่งได้แต่อมยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่เป็นสถานการณ์ที่อันตราย แต่เขาร็สึกมั่นใจในตัวของผู้ชายคนนี้ที่แม้มักจะหาเรื่องให้เขาเป็นประจำก็ตาม
[ผมเข้าใจ แล้วจะรอคุณอยู่ที่นี้ รีบมารับผมเร็วๆนะครับคุณรีไว] สองมือจับกระชับโทรศํพท์แน่น หวังให้ความรู้สึกส่งผ่านไปยังคนที่อยู่ปลายสาย
[ดีมากเจ้าหนู…แล้ว!! เฮ้ย แก จะทำอะไรน่ะเอลวิน!!] เสียงเอะอะโวยวายและอึกทึกครึกโครมที่ได้ยินทำให้เอเลนได้แต่ส่งเสียงถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงไม่นาน เสียงอีกเสียงที่คุ้นเคยก็ดังแทรกขึ้นทันที
[เอเลนของป๊ะป๋าปลอดภัยดีใช่ไหม!! โดนไอคนโรคจิตนั่นทำอะไรรึเปล่า ไม่ต้องห่วงนะพ่อมาช่วยลูกแล้ว ทนอีกนิดนะเอเลนของป๊ะป๋า] เสียงของเอลวินะรัวถามโดยไม่เว้นว่างให้ตอบ สักพักก็ได้ยินเสียงของคุณรีไวและเสียงอึกทึกอีกโครมใหญ่ที่ดังขึ้น
แม้จะรู้สึกแปลกใจแต่ดูเหมือนทุกคนกำลังเป็นห่วงเขาด้วยใจจริง แล้วต่อให้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็เถอะ แต่เพราะความรู้สึกที่อบอุ่นและความเป็นห่วงที่ส่งผ่านมาจากปลายสายนั้นทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมา ไม่ได้อยากยอมรับหรอกนะ ไม่สิ…..ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เขายอมรับบุคคลแปลกๆเหล่านี้เข้ามาชีวิต ถึงแม้หลายครั้งจะโดนบีบบังคับ หรือต้องทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ แต่ถึงกระนั้นคนพวกนี้ไม่เคยคิดฝืนใจเขาจริงๆเลยสักครั้ง อีกทั้งยังเป็นห่วงเขาทั้งที่เขาเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีประโยชน์ใดกับกลุ่มคนเหล่านี้ ทั้งๆที่คิดอยู่ทุกวันว่าอยากกลับไปใช้ชีวิตปกติเฉกเช่นเดิม ไม่ต้องเข้ามาวุ่นวายกับคนอันตรายแบบนี้ กลับไปใช้ชีวิตที่อยู่กัยการถ่ายภาพและท่องเที่ยว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะถลำลึกลงมากยากเกินกว่าที่จะหันหลังกลับได้เสียแล้ว
[ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะรอพวกคุณอยู่ที่นี้ มารับผมเร็วๆนะ] รอด้วยความเชื่อมั่นว่าคนเหล่านี้จะไม่ปล่อมือเขา โดยเฉพาะคนที่เขาได้แต่กร่นด่าในใจตลอดเวลา คนที่ริดรอนอิสรภาพให้เขาได้อยุ๋แต่ในอ้อมกอดนั้น
[ไม่ต้องห่วง ฉันอยู๋ใกล้กว่าที่นายคิดเสียอีกเจ้าหนู]
เพล้ง!!
กระจกหน้าต่างบนใหญ่แตกกระจาย พร้อมกลุ่มคนในชุดสีดำบุกรุกเข้ามาในห้องพักของเด็กหนุ่มทันที ใบหน้ามนที่ได้แต่มองตาไม่กระพริบได้แต่อ้าปากค้างกับภาพตรงหน้า ที่บอกว่าอยู่ใกล้กว่าที่คิดนี่เรียก่าอยู่ใกล้จนคาดคิดไม่ถึงต่างหากล่ะ!!

“ไงเจ้าหนู ฉันคิดแล้วว่าจะซื้อที่ที่ดวงจันทร์และบ้านพักตากอากาศที่ดาวอังคารเพื่อนายเลยเป็นไง?” ใบหน้าดุดันยกยิ้มยียวนพลางนึกขันกับสีหน้าของเอเลนที่ได้แต่งงจนตากลมโตที่แต่เดิมโตอยู่แล้วนั้นโตยิ่งกว่าเดิม
ก่อนที่ร่างของรีไวจะเดินเข้าไปถึงตัวเด็กหนุ่ม ร่างกายสูงใหญ่ของอีกคนก็แทรกเข้าไปชิงตัดหน้าตุครุบกอดเด็กหนุ่มที่ยังคงนั่งนิ่งด้วยความงุนงง
“เอเลน บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า!?” เอลวินรีบเข้าไปกอดเอเลนพลางพลิกตัวเด็กหนุ่มไปมาเพื่อตรวจดูให้มั่นใจ
“นายเพิ่งเอาเฝือกออก แล้วไหนจะเรื่องร่างกายยังไม่แข็งแรงดี ไหนบอกมาสิว่าตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง?"”เอลวินรัวคำถามใส่ทันที ใบหน้าของชายหนุ่มแสดงความเป็นห่วงและหวั่นวิตกจนนัยน์ตาสีน้ำทะเลสั่นระริก
“อ… เออ ….. ผม คิดว่า ไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ” เอเลนที่ได้แต่ตอบอย่างอ้ำๆอึ้งๆ พอความทรงจำกลับมาเขารู้สึกจั๊กจี้พิกลที่ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ คนที่เขารู้สึกว่าเจ้าเล่ห์ที่สุดคนนี้ดูเป็นห่วงเขาอย่างมากมาย…. 
เอลวินจับตัวเด็กหนุ่มพลิกไปมาอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่คนตรงหน้ายังคงปกติดีทุกประการ
“เอาล่ะ ฉันรู้ว่าพวกนายห่วงเอเลนกันมาก แต่เราต้องรีบแล้ว!”
เพียงสิ้นสุดเสียงของฮันซี่ เสียงฝีเท้ามากมายวิ่งตรงมายังห้องของเด็กหนุ่ม ประตูห้องนอนของฌรงแรมถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ขายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเข้ามารายล้อมพร้อมอาวุธในมือครบครัน
“พวกนายจะรีบมาทำไมกันเนี่ย!!” ฮันซี่ถามพลางส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็คิดไว้แล้วล่ะระว่าเสียงกระจกที่แตกละเอียดคงทำให้ทั้งรปภ. และการ์ดเข้ามา แต่เมื่อสังเกตดีๆฮันซี่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับการ์ดที่บุกเข้ามานั้นมีจำนวนน้อยกว่าที่เธอคาดการณ์ ทั้งที่คนอย่างเคนนี่เธอรู้ตักเป็นคนที่รัดกุมมากกว่านี้ แต่ก่รที่มีการ์ดเพียงไม่ถึงสิบคน ราวกับจงใจและเชื้อเชิญว่าพวกเขาจะมา
“มาเร็วกว่าที่ฉันคิดอีกนะเนี่ย…. ว่าแต่พวกนายไม่คิดรอให้เช้าก่อนบ้างเหรอไง? พวกนายกับฉันอายุก็มากแล้วนอนน้อยไม่ดีกับสุขภาพและความดันเท่าไรหรอกนะ….ฮ้าว…” เคนนี่ในชุดเสื้อคลุมลายดอกสีสดอันเป็นเอกลักษณ์ป่องปากหาว พลางมองหน้าแต่ละคนอย่างเซ็งๆที่จัดเวลาการนอนของเขา
“ถ้านายอยากนอนนักฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้หลับยาวเลยเป็นไง?” ทันทีที่คนก่อเหตุโผล่มาให้เห็นหน้า ความรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งปะทุกรุ่นในอารมณ์ของรีไว
นานมากแล้วที่เขาและเคนนี่ไม่ได้เจอหน้ากันใกล้ชิดขนาดนี้ ถึงกระนั้นความรู้สึกของเขากับเครนี่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง…. ไม่ถึงกับเกลียด แต่…..เรียกได้ว่าไม่กินเส้นกันสุดๆ
“เราอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ เห็นไหมฉันออกจะดูแลเจ้าหนูของนายอย่างดี….อย่างน้อยห้องนี้มันก็เคยเป็นห้องที่ดีที่สุดก่อนพวกนายจะโผล่เข้ามาทำมันเละล่ะนะ…” เคนนี่มองเศษกระจกที่แตกละเอียดบนพรม โชคดีที่ทั้งชั้นนี้เขาจองไว้ทั้งหมด และได้คุยกับเจ้าของโรงแรมเป็นการส่วนตัวเรื่องเสียงดังรวมถึงค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
“นายอยากพาเจ้าหนูนั่นกลับก็ตามใจนาย ถ้าจะใจดีช่วยออกค่ากระจกฉันก็ยินดีนะเจ้าน้องชาย”
รีไว ฮันซี่ เอลวิน ต่างมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่ได้ยิน…. หมอนั่น..ครอย่างเคนนี่ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดทำไมอยู่ๆถึงยอมให้เขาเอาตัวเอเลนกลับไปอย่างง่ายดายขนาดนี้ เจ้าหมอนี่ต้องวางแผนอะไรไว้อีกรึเปล่า?
“พวกนายมองฉันแบบนั้นคิดว่าฉันมีแผนอะไรงั้นสิ? เสียใจด้วยว่าไม่มี เรื่องลักพ่ตัวเด็กนั่นมาก็แค่บังเอิญไปแถวนั้นและได้ยินข่าวนายเลยหาอะไรสนุกๆทำ” เคนนี่พยานามอธิบายพลางป้องปากหาว
“อย่ามาเล่นลิ้น ครอย่างนายจะทำอะไรโดยไม่หวังผลงั้นรึไง?” รีไวขมวดคิ้วมองคนอายุมากกว่าด้วยความไม่ไว้ใจ
เครนี่เหลือบมองเหล่าผู้บุกรุกที่ยังคงนิ่งทำตัวไม่ถูกพลาง้กาท้ายทอยตัวเอง ก็ไม่แปลกใจหรอกนะที่เจ้าพวกนี้จะไม่เชื่อใจเขา 
“คราวนี้ฉันบอกได้เต็มปากว่าไม่ได้วางแผน พวกสายข่าวใต้ดินที้นายชอบไปหาบางทีนายควรกรองให้มากกว่านี้ เจ้าหนูสกปรกพวกนั้นถ้าได้เงินต่อให้เป็นข้าวโคมลอยที่สร้างสถานการณ์และมีผลประโยชน์ร่วมกัน มันก็ขายให้กับพวกแก และถ้าติดใจสงสัยเรื่องของการทำธุรกิจที่โดนตัดหน้า มันก็เพราะพวกแกยังห่วยแตก..”
คำพูดของเคนนี่ทำให้คนเจ้าอุดมการณ์อย่างเอลวินรู้สึกสะอึก แน่นอนว่าหล่ยครั้งที่เขาโดนตัดหน้าและแทรกแซงถ้ามองเป็นเรื่องของธุรกิจเขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขาโดนแทรกแซงและตัดหน้าจากช่องโหว่ของตนเองที่ก่อขึ้น อย่างการซื้อขายอาวุธที่ท่าเรือที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าคนเบื้องหลังเป็นหน่วยงานของพรรคการเมืองที่เขาหนุนหลัง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นแผนหลวงที่จงใจเปิดหน้ากากเขา เรียกได้ว่าเป็นโชคดีที้กลุ่มของเคนนี่ชิงปาดหน้าเค้กเรื่องอาวุธสงครามพวกนั้นไปเสียก่อน ไม่อย่าวนั้นเขาคงได้ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์และไม่ได้มายืนสบายๆอยู่ตรงนี้….. หรือที่จริงแล้วเคนนี้ที่เขาคิดว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขามาตลอดกลับเป็นการช่วยประคองแต่ละด้านให้เขาสมดุลย์กัน…
“แล้วทำไมคุณถึงต้องพาตัวเอเลนมาด้วยล่ะครับ?” เอลวินอยากลองคิดทบทวนเรื่องชายคนตรงหน้าใหม่ บางทีเขาอาจมองคนคนนี้เพียงแคมุมเดียว ว่าเป็นคุ่แข่ง
“พวกนาย..อย่างที่ฉันบอกข่าวโคมลอย…ไอข่าวใต้ดินที่อุตส่าห์ไปเสียเงินซื้อมามันบอกว่ารีไวจะแต่งงานน่ะสิ แล้วฉันที่เป็นพี่ชายไม่รับรู้ด้วยเลยนี่มันน่าเจ็บใจไหมเล่า!!!” 
คำสารภาพตากเคนนี่ทำให้เอลวิน รีไว และฮันซี่กรือแม้กระทั่งเอเลนได้แต่นิ่งงัน สมองขาจนร๔สึกต้องประมวลความคิดทั้งหมดใหม่
“สรุปคือ….นายจะบอกว่านายแค่น้อยใจที่รีไวๅม่เห็นหัวนาย?” ฮันซี่ที่ยังยืนงงพยายามรวบรวมสติก่อนจะสรุปทั้งหมด
“จะเรียกงั้นก็ไม่ผิด” เคนนี่เองไม่มีทีท่าจะปิดบัง อีกทั้งนังยอมรับอย่างหน้าตาเฉย
ฮันซี่และเอลวินต่างมองหน้ารีไวที่ยังคงทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สลับกับหน้าเคนนี่ที่ตีสีหน้าจริงจัง ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา
ให้ตายสิ ศัตรูและคู่ปรับที่ดจาคิดว่าอันตรายที่สุดที่จริงแล้วมันเป็นแค่เรื่องทะเลาะกันของพี่น้อง และดูเหมือนคนเป็นพี่จะมีวิธีง้อน้องชายแปลกๆจน แล้วคนเป็นน้องก็ดูจะไม่เห็นการกระทำนั่นอยู่ในสายตา แล้วแบบนี้เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดก็แค่การทะเลาะกันของพี่น้องสองคนนี้เองสินะ
“เคนนี่ ถ้านายมีอะไรสงสัยโทรถาใฉันโดยตรงเลยได้นะ” ฮันซี่ฉีกกระดาษจากสมุดเล่มเล็กที่พกประจำเขียนเบอร์โทรสายตรงยื่นให้เคนนี่ พลางกระโดดเข้ากอดคออย่างเพื่อนสนิท
“ให้ตายสิ มีน้องชายแบบนี้ก็เอาใจยากหน่อยนะ แต่พี่ชายอย่างนายก็ทำเรื่องได้น่ารำคาญและแสบสันใช่เล่น”
รีไวที่ยังคงงุนงงกับสถานการณ์จนเอลวินต่องเข้ามาสะกิดไหล่ให้รู้สึกตัว
“เดี๋ยวนะ ฉันไม่เข้าใจ นายเคยบอกฉันว่าถ้าเจอกับความทุกข์แสนสาหัสและจะรู้ว่าความสุขคืออะไร คนที่ทิ้งคำพูดแบบนั้นและคอยป่วนฉันตลอดจะไว้ใจได้ยังไง!?”
รีไวยังคงมีสีหน้าระวังอีกฝ่าย ในเมื่อคนนี้ตอยป่วนเขาเสมอมา อีกทั้งยังคอยขัดแข้งขัดขาเขาเวลาทำงาน ที่บอกว่าทำไปทั้งหมดต้องการให้เขาสนใจแบบนี้…มันฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย
เคนนี่มองใบหน้าที่หวาดระแวงนิ่งงันพลางถอนหายใจ
“แล้วนายรู้จักความสุขของนายแล้วรึยังรีไว?”;ใบหน้าของคนสูงอายุยิ้มให้พร้อมประกายขี้เล่น
“ฉันไม่ได้ต้องการให้นายมาถามคำถามฉันกลับ” คนขี้หงุดหงิดเป็นทุนเดิม เจอเรื่องที่ราวกับทำตัวเขาเป็นตัวตลกแบบนี้ยิ่งทำให้รู้สึกอยากอัดคนก่อเรื่องเสียให้เละ
“หงุดหงิดบ่อยๆระวังหัวล้านนะเจ้าน้องชาย” เคนนี่ถอนหายใจก่อนจะตีสีหน้าอย่างจริงจัง ถ้าไม่ตอบให้จริงจังทั้งเขาและรีไวคงเป็นเส้นขนานกันต่อไป
“ฉันแค่คิดว่า ถ้านายผ่านเรื่องเลวร้ายมามาก วันหนึ่งนายคงรู้จักความสุข ฉันคิดว่านายคงเข้าใจเพราะสิ่งที่เราเจอคงไม่ต่างกัน พอนายมาถึงจุดนี้ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้นายมีความสุขแล้วหรือยัง… จากความสงสัยเริ่มเป็นความแน่ใจเมื่อไม่นานมานี้ ยิ่งเห็นเอเลนและนายในวันนี้ฉันยิ่งแน่ใจว่านายคงรู้จักสิ่งที่เรียกว่าความสุขจากเด็กนั่น… ที่ฉันถามไปแบบนั้นเพื่ออยากให้นายเข้าใจ…. เมื่อผ่านความทุกข์แสนสาหัสและเจอความสุข นายจะเรียนรู้และให้คุณค่ากับมัน..รีไว”
ความรู้สึกตะขิดตะขวงใจแปลกๆของรีไวเริ่มคลายลง บางทีเขาอาจไม่เคยเข้าใจเคนนี่จริงๆอย่างที่เคนนี่เองก็ไม่เคยเข้าใจเขาจริงๆเช่นกัน และดูเหมือนความสัมพันธ์แบบพี่น้องของเขาจะแปลก แต่…ความสัมพันธ์นั่นมีหลากหลายรูปอบบ ของเขสและเคนน่คงเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่อาจยากจะเข้าใจได้…
เพล้ง!!!
ต่างฝ่ายต่างไม่ทันระวังตัวและเฉลียวใจ เสียงหน้าต่างที่แตกกระจายดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมบุคคลในชุดปราดเปรียวสีดำที่เข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายลมตรงดิ่งเข้าหมายคว้าตัวเอเลน เอลวินาอยู่ใกล้เด็กหนุ่มที่สุดไหวตัวทัน พยายามขวางทางบุคคลปริศนา แต่ความปราดเปรียวทำให้ร่างนั้นหลบเอลวินได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังตรงเข้าคว้าตัวเอเลนอย่างแม่นยำ
“นายเป็นใคน!!”
 รีไวที่เร่มไหวตัววิ่งหมายคว้าตัวเอเลนที่พยายามยื่นมือมาคว้า แต่ความเร็วของรีไวยังคงแพ้บุคคลปริศนาในชุดดำ ร่างปราดเปรียวนั้นอุ้มเด็กหนุ่มกระโดดลงจากหน้าต่างอย่างรวดเร็ว เหล่าคนอื่นๆที่เริ่มตั้งสติได้รีบวิ่งมาดูลาดราว รีไวกระโดดลงจากหน้าต่างทาง้ดียวกับบุคคลปริศนาชุดดำ 
บรื้น บรื้น
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มของบิ๊กไบค์พร้อมบุคคลปริศนาและเด็กหนุ่มบิดหนีรีไวไปอย่างไม่ใยดี ฝุ่นของถนนและทรายที่พัดฟุ้งกระจาย รีไวที่พยายามวิ่งตามมาติดๆได้แต่กำมือแน่นขบเคี้ยวฟันด้วยอารมณ์คุกรุ่น
“จับเจ้านั่นได้ไหม!?”
ยังไม่ทันสิ้นคำถามดีรีไวคว้าคอของเคนนี่เข้ามาใกล้ นัยน์ตาสีหมอกวาวโรจน์ราวกับสัตว์ร้ายที่ต้องการฮีกทึ้งเหยื่อ
“แผนบ้าอะไรของนายอีกเคนนี่!!” หมอนี่ต้องการดล่นตลกกับพวกเขารึไง?
เคนนี่มองหน้าน้องชายนิ่งก่อน ให้ตายสิเอาอารมณ์ใจร้อยนี่มาจากใครกันนะ…
“ใจเย็นเจ้าหนู ไม่ใช่ฝีมือฉัน”
“ถ้าไม่ใช่นายและจะเป็นใครอรก อย่ามาเล่นลิ้นหน่อยเลย”
“ฉันก็บอกแล้วว่าให้พวกนายรีบพาเอเลนไป เฮ้อ….งานช้างจนฃด้ให้ตายสิ….” ถ้าไม่มัวแต่ฟื้นฝอยหาตะเข็บคงไม่ต้องวุ่นวายแบบนี้…. แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบล่ะนะ
“นายรู้ใช่ไหมว่าเจ้านั่นมันเป็นใคร?”
“อืม…. เอเลนนี่ยังกับเจ้าหญิงเลยน๊าา โดนลักพาตัวบ่อยชะมั นายคงต้องหาโซ่ล่ามดีๆแล้วมั่ง”
“ถ้าจบเรื่องนี้ฉันสาบานเลยว่าจะเก็บเจ้าหนูนั่นไม่ให้ห่างตัว”
มือทีากำคอเสื้อเคนนี่ยิ่งดึงให้รัดแน่น จนคนอายุมากเริ่มนิ่วหน้าเพราะหายใจไม่ออก
“ถ้าฉันขาดอากาศหายใจตาย นายจะไม่นู้นะว่าใรพาอีหนูนายไป” 
รีไวสะบัดคอเสื้อของเคนนี่อย่างไม่สบอารมณ์ ใบหน้าคมเข้มเมงขม่นมองเค้นคำตอบ เคนนี่ที่เห็นท่าทางของน้องชายได้แต่ถอนหายใจพลางนึกขำ ดูเขาจะเข้าไปยุ่งกับของหวงหมอนี่สุดๆ แถมยังมีคนอยากได้เยอะชะมัด..
“คงต้องใส่ชุดพิธีการ เข้าวังกันหน่อยล่ะนะ…..”

TBC.
...................................
Talk: มาต่อแล้วค่ะ พร้อมแลปทอปที่สิ้นชีพ เลนพยายาใพิม์ในโทรศัพท์ให้จบตอนค่ะ..... 
คนที่คิดว่าเคนี่ต้องร้ายแน่ๆนี่อาจผิดหวัง มีความรู้สึกว่าพแอ่านโดจินหลายๆคนแล้ว เคนนี่เวอชั่นฮาๆ ถูกใจเรามากกว่าเลยเป็นอย่างที่เห็นนีาแหละค่ะ...(ความชอบส่วรตัว)
อย่างที่บอกเสมออย่าเอาอะไรกับฟิคเรื่องนี้ค่ะ มีไกด์นิดหน่อย แต่ไม่มีการวางเรื่องแต่อย่างใด ต้องขออภัยจริงๆ ขอขอยคุณที่ยังติดตามฟิคป่วงๆของเรานะคะ


4 ความคิดเห็น:

  1. ทำไมเรารู้สึกสงสารเอเลน จังเรย555 โดนหิ้วไปก้อหิ้วมา//ตลกฉากที่รีไวบอกว่า"คงต้องหาที่อยู่บนดวงจันทร์ให้เอเลน"555 สู้ต่อไปนะคะไรท์

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อีกหน่อยจะมีบ้านพักดาวอังคารค่ะ ฮาๆ

      ลบ
  2. ทำไมเรารู้สึกสงสารเอเลน จังเรย555 โดนหิ้วไปก้อหิ้วมา//ตลกฉากที่รีไวบอกว่า"คงต้องหาที่อยู่บนดวงจันทร์ให้เอเลน"555 สู้ต่อไปนะคะไรท์

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. โดนหิ้วจนคนแก่ของเราตามเหนื่อยเลยค่ะ ฮา~

      ลบ