วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ล่ารักอันตราย2 Chapter 10: Tactic


Chapter 10: Tactics

                เอลวิน สมิธ ชายวัยกลางคนผู้มีจุดยืนในแวดวงสังคมชั้นสูง ชายผู้ซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาและมากด้วยความสามารถในการจัดการและวางแผนงานต่างๆได้เป็นอย่างดี ทั้งที่ไม่ว่าเรื่องอะไรชายผู้นี้ก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้บางอย่างทำให้ เอลวิน สมิท ชายผู้องอาจเริ่มรู้สึกสั่นคลอน

                “คิ้วนายจะผูกกันอยู่แล้ว” ไมค์เสริ์ฟกาแฟร้อนให้กับคนที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียด ใบหน้ากลัดกลุ้มที่ไม่ได้เห็นมานานทำให้ไมค์ถึงขั้นยิ้ม เพราะรู้ดีว่าเรื่องที่เจ้าตัวกลุ้มคงไม่พ้นเรื่องการเป็นคุณพ่อมือใหม่ป้ายแดง

                ถึงแม้เอลวิน จะไม่ได้บอกอะไร แต่ตั้งแต่ที่เขาเผลอเรียกเอเลนว่าอเล็กซ์ อีกทั้งยังจัดฉากในเอลวินเป็นพ่อบุญธรรม ชายวัยกลางคนคนนี้ก็ไม่อิดออด ถึงครั้งแรกที่รู้ว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้จะทำหน้าประหลาดใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ส่วนหนึ่งเอลวินคงถูกใจเอเลนอยู่แล้ว และยิ่งเมื่อได้มาอยู่ด้วยกันและคอยดูแลเจ้าหนูนั่น มันคงกระตุ้นสัญชาตญาณความเป็นพ่อในตัวหมอนี่ออกมา และคงกระตุ้นมากไปจนกลายเป็นคุณพ่อที่หวงลูกเอาการ

                เอลวินยกกาแฟขึ้นดื่ม นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเหลือบมองเพื่อนก่อนจะถอนหายใจ

                “เมื่อวานรีไวมาส่งเอเลนถึงบ้าน”

                ไมค์เอียงคอพลางขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ในเมื่อรีไวมาส่งเอเลนถึงบ้านก็น่าจะดีและถูกต้องแล้ว หรือมีอะไรบางอย่างที่เขามองข้ามไป?

                “พอกลับมาเอเลนก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องน่ะสิ พอถามอะไรก็ไม่ยอมบอก”

                ความกลัดกลุ้มของคุณพ่อป้ายแดงทำให้ไมค์หัวเราะ ดูเหมือนคนรับบทเป็นคุณพ่อไม่นานจะต้องเผชิญชะตากรรม ยอมรับลูกพาแฟนเข้าบ้านในเร็ววัน

                “ยังไงหมอนั่นก็เป็นเด็กผู้ชาย นายไม่ต้องห่วงหรอกน่า” ทั้งที่พยายามจะปลอบใจ แต่เอลวินกลับส่งสายตามองค้อนให้คนหวังดีเสียอย่างนั้น

                “เอเลนน่ารักแบบนั้นจะไม่ให้ห่วงได้ยังไง อีกอย่างรีไวหมอนั่นเจ้าเล่ห์และร้ายกาจจะตาย” แล้วพอคิดว่าต้องยกเอเลนที่น่ารักให้กับเจ้าตัวร้ายนั่นพอเรื่องจบแค่คิดก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนแล้ว

                ไมค์ได้แต่ยิ้มแห้งให้กับมาดคุณพ่อจอมหวง ก่อนที่เอเลนจะจับพลัดจับพลูมาขนาดนี้ เอลวินยังไม่ใส่ใจเจ้าหนู่นั่นแบบนี้มาก่อน แบบนี้เรียกว่าหลงเสน่ห์เด็กเข้าเต็มเปาเหมือนกัน ถึงขนาดว่ารีไวว่าเป็นจอมเจ้าเล่ห์ที่ร้ายกาจนี่..... หมอนี่คงลืมไปว่าตัวเองก็อยู่ในฐานะที่ไม่ต่างกัน ที่น่ากลัวไม่น่าจะใช่รีไว แต่น่าจะเป็นเจ้าหนูเอเลน ที่ทำให้ผู้ชายวัยกลางคนถึงสองคนหัวปั่นขนาดนี้ แต่บางทีอาจไม่ใช่แค่สอง เพราะเขาเองก็ยอมรับว่าหวงเอเลนนั่นอยู่ไม่ต่างกัน

                ไมค์เกาท้ายทอยปลงกับอาการของเพื่อน ก่อนจะยื่นเอกสารที่เขาถือมาให้อีกฝ่าย แม้สายตายังคงมองค้อนแต่เอลวินก็หยิบรายงานในเอกสารออกมาอ่านอย่างไม่อิดออด ทันทีที่สายตากวาดอ่านเอกสารจนสิ้นสีหน้ากลัดกลุ้มของเอลวินแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

                “เคนนี่ชิงตัดหน้าเราไปเจรจาซื้อขายกับองค์กรชิกันชิน่า” ทั้งที่อุตส่าห์เจรจาอยู่เป็นเวลานานแต่พอโดนตัดหน้าทางการค้าแบบนี้ทำให้รู้สึกไม่พอใจอยู่หรอกนะ แต่มีสิ่งที่น่าห่วงกว่านั้น

                “ถ้าหมอนั่นมาเจรจากับกลุ่มชิกันชิน่าได้ แสดงว่าตอนนี้คงกลับเข้ามาอยู่ในเมืองนี้แล้ว” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ แต่ที่รู้องค์กรเสรีภาพของเขาและองค์กรของเคนนี่เป็นคู่แข่งทางการค้า เรื่องการค้าที่มีขึ้นลงหรือการโดนตัดหน้าไม่ใช่เรื่องที่เขาห่วงเท่าไรนัก ที่น่ากังวลมากกว่านั้นคือความสัมพันธ์ของเคนนี่และรีไวที่ห้ำหั่นและชิงดีชิงเด่นกันเสียมากกว่า

                “นายจะเอาไงต่อ?” ไมค์ถามเพื่อรอรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย และเพื่อนสนิท

                “รีไวคงรู้เรื่องของเคนนี่ตอนนี้แล้ว เพราะงั้นระวังเจ้าหนูของเราจะตกอยู่ในอันตรายคงดีที่สุด” รีไวที่ตามข่าวของเคนนี่มาตลอดคงเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ดังเจ้าตัวจึงไม่เอ่ยปากขอเอเลนกลับไปเพราะรู้ดีว่าถ้าอยู่กับเขาตอนนี้จะปลอดภัยกับเอเลนที่สุด...

               

                บ่ายของวันนี้เป็นวันถ่ายรูปคอลเลคชั่นเซตสุดท้ายที่เอลวินและฮันซี่วางไว้ ก่อนจะทำการให้นายแบบและนางแบบต่างค่อยๆหายไปเพื่อจัดการปกปิดเรื่องวุ่นวายในภายหลังที่ตามมา

                “น่าเสียดายชะมัดที่วันนี้จะเป็นงานชิ้นสุดท้าย” ฮันซี่ถอนหายใจรอบที่ร้อยกว่า ก่อนจะมองเอเลนที่ยังคงแต่งตัวด้วยชุดผู้หญิงตาละห้อย

                เอเลนที่มองสีหน้าอีกฝ่ายผ่านกระจกแต่งหน้าได้แต่ยิ้มแห้งให้ ที่จริงแค่การมาถ่ายแบบในชุดผู้หญิงก็ทำเขารู้สึกแปลกๆ แต่ถึงกระนั้นเพราะถูกบอกว่าเป็นงานเขาจึงไม่คิดจะปฏิเสธ โดยเฉพาะเป็นงานที่อาร์มินเคยบอกไว้ว่าเป็นการช่วยคุณเอลวินทางหนึ่ง แต่ทำไมเหมือนคุณเอลวินจะคิดหนักกับการที่เขาเข้ามาช่วยงานแล้วผลตอบรับที่ดี ตรงนี้เขาก็ไม่เข้าใจ ส่วนอีกเหตุผลคงเพราะว่างานนี้มีคุณรีไว แม้จะคุ้นชินขึ้นแต่ยังคงรู้สึกแปลกระคนสับสนทั้งอยากอยู่ใกล้และอยากหนีจากคนคนนั้น ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณรีไวเลยสักนิด บางทีถ้าความทรงจำกลับมา ความรู้สึกที่แปลกๆนี้อาจจะหายไปบ้าง

                เด็กหนุ่มมองหน้าตัวเองในกระจกที่ตอนนี้ถูกแต่งแต้มเป็นสาวน้อย ถึงจะรู้สึกแปลกๆว่าทั้งที่ไม่ได้ถ่ายใบหน้าแต่ทำไมถึงไม่จ้างผู้หญิงจริงๆมาถ่าย พอคิดว่าจะถามอะไรบางอย่างก็ทำให้รู้สึกว่าการที่เขาต้องทำแบบนี้มันถือเป็นเรื่องปกติ

                ห้องสตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำบัดนี้ถูกเปลี่ยนสภาพอีกครั้ง ภาพของกางเขนขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าเบื้องหลัง กระจกหลากสีและรูปปั้นของพระผู้ไถ่บาปถูกวางจัดเข้าด้านหน้ากระจกทรงสูงที่มีภาพวาดเรื่องราวในพระคัมภีร์ประดับ พรมสีแดงที่ทอดยาวโปรยด้วยกุหลาบ ช่อดอกไม้ขนาดต่างๆถูกแต่งตามจุดต่างๆของฉาก ประกอบกับชุดราตรีสีขาวและผ้าคลุมหน้าของเอเลน รวมถึงชุดทักซิโด้สีขาวของรีไวที่ยังคงมีผ้าพันแผลปิดตาไว้ คอนเซปสุดท้ายก่อนจะปิดม่านนายแบบและนางแบบของแบรนด์ภายใต้ชื่อ ‘ Last Memory’ ความทรงจำสุดท้ายก่อนที่จะจากลา

                ไมค์ลูบหัวของเอลวินที่มองการถ่ายทำของทั้งสองด้วยความอดทนอดกลั้น คุณพ่อป้ายแดงที่หวงลูกแล้วอยู่ๆมาเจอฉากแต่งงานของลูกสุดหวงแบบนี้ แค่ยืนมองดูโดยไม่โวยวายก็ฝืนเต็มทน คนที่พยายามกลั้นใจไม่พูดอะไรจึงได้แต่บีบแขนของไมค์มองภาพบาดตาบาดใจตรงหน้าระหว่างถ่ายทำ

                “เอาน่าคุณพ่อตา อย่างน้อยก็ไม่มีภาพเข้าห้องหอนะจ้ะ” ฮันซี่ตบหลังเอลวินอย่างแรงก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง เห็นสีหน้าของเอลวินแบบนี้แล้วเธอชักเริ่มอยากยัดคอนเซปส่งตัวเข้าห้องหอเสียแล้วสิ ถ้าไม่ติดว่าเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือนเธออาจถูกตัด คงทำไปแล้ว

                “ถ้าเอเลนความจำกลับมาแล้ว เขาอาจไม่ได้อยากได้นายเป็นพ่อก็ได้นะ คุณป๊ะป๋ากำมะลอ”

คำพูดของฮันซี่เสียดแทงใจคนสูงวัย ที่จริงเขาไม่คิดจะถลำลึกกับเด็กหนุ่ม แต่เริ่มเพราะความผิดพลาดและเข้าใจผิด จนลืมคิดไปว่าคนอย่างเขาเองก็หวั่นไหวได้เช่นกัน

“ไม่ต้องห่วง ถ้าหมอนั่นเลือกแบบนั้นฉันไม่คิดจะรั้งไว้หรอกนะ” แต่อย่างน้อยเขาก็คงจะขอแอบไปดูเป็นระยะๆเพื่อความสบายใจก็แล้วกัน

การถ่ายทำมาถึงฉากสุดท้าย และเพราะเป็นฉากสุดท้ายก่อนการทิ้งบทบาทนางแบบสาวปริศนาทางทีมงานจึงตกลงกันว่าจะเป็นภาพแรกที่ถ่ายขึ้นมาจนถึงใบหน้าของฝ่ายหญิง ดังนั้นจึงมีการใช้ผ้าคลุมเจ้าสาวปิดบังใบหน้าไว้ และภาพสุดท้ายคือการจูบสาบาน แม้จะเป็นเพียงการสัมผัสผ่านผ้าคลุมหน้า แต่ไอร้อนจากลมหายใจทำให้เอเลนรู้สึกประหม่า ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จูบกับคนตรงหน้านี้ แต่พออยู่ในชุดแบบนี้อีกทั้งสถานที่ที่จำลองราวกับอยู่ในพิธีศักดิ์สิทธิ์เขารู้สึกเขินจนไม่กล้าเงยหน้ามองอีกฝ่ายเลยให้ตายเถอะ!!

ทั้งที่ผ้าคลุมนั้นค่อนข้างหนาจนแทบมองไม่เห็นคนด้านหน้า อีกทั้งอีกฝ่ายก็มีผ้าพันแผลปิดตา แต่ไอความรู้สึกที่ถูกจ้องมองจนทะลุผ้าออกมาแบบนั้นมันยิ่งทำให้เขาทำตัวไม่ถูก ไม่สิ ทั้งที่ปิดตาอยู่แท้ๆและทั้งที่ใส่เสื้อผ้า แต่ทำไมสายตาของคุณรีไวที่ส่งผ่านมานั้นมันเหมือนกับเขากำลังถูกลวนลามแปลกๆกัน? ไม่อยากคิดหรอกนะ เขาเริ่มคิดแล้วว่าคนอันตรายตรงหน้าทั้งที่ดูเท่แท้ๆ แต่บางครั้งก็ดูเหมือนตาแก่โรคจิต หรือว่าเขายังไม่ชินกับอาการความจำเสื่อมนี่ล่ะมั่งแต่คำว่าตาแก่โรคจิตก็ไม่หลุดออกไปจากหัวเลยให้ตายสิ!

 

“เจ้าหนูนายจะมองพื้นอีกนานไหม?”

ตั้งแต่ตากล้องบอกให้เริ่มขยับเข้าหากัน เจ้าลูกหมาตรงหน้าก็เอาแต่ก้มมองพื้น ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่พอเจ้าหนูมีท่าทีแบบนี้บอกตรงๆ เขาเริ่มคิดจะลักพาตัวเจ้าสาวกลับบ้านเตรียมเข้าหอคืนแรกเพื่อสร้างความคุ้นชินอย่างที่เจ้าหนูนี่เคยคุ้นเคยก่อนจะความจำเสื่อม

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงมีทีท่าลนลานและยังไม่เงยหน้า รีไวจึงเอื้อมมือไปจับแก้มอีกฝ่ายผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ใบหน้าคมเขยิบเข้าหาอีกคนมากขึ้น

ทั้งที่คิดว่าอยากจะหลบมุดดินหนีไปจากตรงนี้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันความคิดของเขา แขนอีกข้างจึงโอบรวบเอวเขาไว้ให้เข้าหามากขึ้น แม้สายตาจะพยายามเบนหลบแต่ลมหายใจอุ่นที่เริ่มใกล้เข้ามาทำให้ต้องเหลือบมองเป็นระยะๆ

“รู้ไหมเอเลน ตั้งแต่นายความจำเสื่อมทำให้ฉันต้องอดกลั้นขนาดไหน แล้วถ้ามันถึงขีดจำกัดขึ้นมาเตรียมใจได้เลย...อีหนู”

เสียงกระซิบข้างใบหูทำให้เอเลนถึงกับอ้าปากค้าง ใบหน้าหวานใต้ผ้าคลุมขึ้นสีระเรื่อ ใช่แน่ๆ คุณรีไวต้องเป็นตาแก่โรคจิตแน่ๆ!! ตอนนี้เขาเริ่มมั่นใจแล้ว แต่ตัวเขาที่ใจเต้นโครมครามกับคำพูดของอีกฝ่ายแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเขาเองก็โรคจิตไม่แพ้กัน!!

แม้เอเลนจะนิ่งค้างไปแล้วแต่การถ่ายทำก็ดำเนินต่อไป รีไวเป็นฝ่ายเข้าไปใกล้ใบหน้าใต้ผ้าคลุม ริมฝีปากของชายหนุ่มกดแน่นกับกลีบปากของอีกฝ่ายผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ริมฝีปากขี้เล่นของชายหนุ่มแลบลิ้นเลียกลีบปากบางที่ผ้าคลุมก่อนจะผละออก พร้อมกับเสียงเสร็จสิ้นการถ่ายทำว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

แต่คนที่กำลังนึกสนุกยังไม่ยอมปล่อยมือโดยง่าย ในเมื่อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ขวางกั้นทำให้เขารู้สึกรำคาญเมื่อทุกอย่างสิ้นสุด รีไวไม่รอช้าจัดการเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวก่อนจะเข้าไปประทับริมฝีปากของตัวเองกับอีกฝ่ายอย่างจาบจ้วง ทันทีที่ผ้าคลุมหน้าที่ถูกสะบัดออกปกคลุมลงมาอีกครั้ง ผู้รุกรานก็แทรกลิ้นกรุ่นของตัวเอง เอเลนที่ไม่ได้ตั้งตัวทำได้เพียงตอบรับอีกฝ่าย ทั้งที่อยากปฏิเสธเพราะอยู่ต่อหน้าคนมากมายแม้จะมีผ้าคลุมปิดบัง แต่ร่างกายกลับตอบสนองราวกับไม่ได้รับการสั่งการจากสมอง เมื่อริมฝีปากของชายหนุ่มผละออก รีไวเช็ดคราบน้ำใสที่เปรอะจากการรุกล้ำของตนให้อีกฝ่าย แต่ก่อนที่จะได้ทาบทับอีกครั้งก็ถูกจับแยกออกโดยคุณพ่อป้ายแดง

“งานจบแล้ว ไม่มีเข้าห้องหอ เพราะงั้นฉันขอพาตัวลูกฉันออกจากตาเฒ่าหื่นกามล่ะนะ” เอลวินส่งยิ้มเย็นให้กับคนที่เขาเรียกว่าตาเฒ่าแม้ที่จริงแล้วเขาจะอายุมากกว่าก็ตาม

เอลวินตวัดตัวเด็กหนุ่มขึ้นพาดบ่าก้าวขาเดินออกจากสตูดิโอโดยไม่รอให้เอเลนได้เปลี่ยนชุด เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถเอลวินจัดการสำรวจหาสิ่งผิดปกติที่จะเกิดขึ้นได้ก่อนเป็นอันดับแรก จากบทเรียนครั้งที่แล้วทำให้วันนี้ถ้ารถที่เขาขับมาเกิดพังอีกเขาก็เตรียมสำรองไว้เรียบร้อย

เสียงมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่มเช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว เอลวินแสยะยิ้มอย่างผู้มีชัย คราวนี้ฉันไมยอมให้นายพาตัวเอเลนไปได้ง่ายๆหรอกนะรีไว

ชายหนุ่มผมทองต้องขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่าเสียงมอเตอร์ไซค์นั้นคราวนี้มีมากกว่าหนึ่งคัน บางทีอาจจะสาม ชายหนุ่มปลดล็อคกุญแจก่อนจะให้เอเลนรีบเข้านั่งด้านหลัง เสียงมอเตอร์ไซค์กระหึ่มดังเข้ามาใกล้ขึ้น จริงดังคาดคราวนี้มอเตอร์ไซค์สีดำมีมาถึงสามคันด้วยกัน เอลวินรีบไปยังที่คนขับจัดการสตาร์ทรถและออกตัวทันที แลมโบกีนี่สีเงินทะยานออกจากลานจอดรถอย่างไม่รอช้า นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองกระจกหลังอย่างแปลกใจ กับรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสามคันที่ขับตามมา

[ไมค์นายช่วยจัดการมอเตอร์ไซค์ที่ตามหลังฉันได้ไหม?] เอลวินจัดการสั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่นส่งสัญญาณภายในรถ ทันทีที่ไมค์ตอบรับไม่นานนักสปอตสีดำของไมค์ก็ขับตามมาติดๆ

ด้วยความแปลกใจเอลวินจึงตัดสินใจต่อสายไปยังรีไว ทันทีที่อีกฝ่ายรับคิ้วสีอ่อนยิ่งขมวดเข้าหากัน เพราะ 1 ใน 3 ของมอเตอร์ไซค์ที่ตามเขาอยู่ไม่มีใครมีทีท่าว่าจะรับโทรศัพท์

[นายตามฉันมารึเปล่ารีไว]

[ใช่]

คำตอบของรีไวทำให้เอลวินแปลกใจ แต่สักพักความแปลกใจแปรเปลี่ยนเป็นอยากเอาหัวโขกกับพวงมาลัยแทน

[ฉันกำลังตามนาย และตอนนี้ก็อยู่ข้างๆนายแล้ว]

เสียงของลมพัดอย่างรุนแรงกระแทกหน้าต่างจนทำให้เอลวินต้องหันมองแล้วต้องอ้าปากค้าง เพราะคนที่บอกกำลังตามเขามาดันตามมาด้วยเฮลิคอปเตอร์!!

[ร... รีไว... นี่นายล้อเล่นใช่ไหม?] บางทีตอนนี้เขาอาจกำลังตาฝาดไปก็ได้ ครั้งแรกก็มอเตอร์ไซค์ลักพาตัวเอเลน รอบนี้พี่ท่านใช้เฮลิคอปเตอร์เลย ให้ตายสิแบบนี้เขาควรต้องตัดเบี้ยเลี้ยงแล้วสวัสดิการหมอนี้บ้างแล้ว

[แค่คิดว่าต่อจากเข้าห้องหอ ก็ต้องไปฮันนีมูนน่ะสิ] คนไม่รู้สำนึกได้แต่ยียวนกลับไป

เอลวินที่กำลังขับรถอยู่บนสะพานสูงทำให้เห็นเฮลิคอปเตอร์ของรีไวชัดเจนขึ้น บางทีเขาก็ไม่เข้าใจว่าที่จริงแล้วรีไวเป็นพวกใจร้อน บ้า เอาแต่ใจ หรือฉลาด บางทีคนบ้ากับฉลาดอาจห่างกันแค่เส้นบางๆก็ได้...

[ฉันมีคำถาม มอเตอร์ไซค์ที่ตามหลังมานั้นเป็นพวกของนายรึเปล่า?]

[...เปล่า วันนี้อิซซาเบลไปจัดการงานอื่นกับฟาร์ลัน]

เอลวินกลับมามีสีหน้าตึงเครียดอีกครั้ง ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เขาสังหรณ์ สามคนนั้นคงไม่พ้นเป็นคนของเคนนี่ เมื่อได้รับคำยืนยันเอลวินจึงสั่งการให้ไมค์จัดการมอเตอร์ไซค์ทั้งสามคัน

รถสปอร์ตสีดำเริ่มไล่บี้มอเตอร์ไซค์มากขึ้น เมื่อเห็นท่าไม่ดี 1 ในสามคนของแก๊งค์ซิ่งจึงชักปืนออกมายิงไปยังล้อของรถที่ตามท้ายมา แม้ยางล้อรถจะแตกจนทำให้เสียสมดุลแต่ไมค์ยังคงสามารถบังคับให้รถของตนเองหมุนจนไปกระแทกกับ 1 ในมอเตอร์ไซค์ที่ตามเอลวินได้ ก่อนจะจำเป็นต้องจอดเมื่ออีกฝ่าย 1 ในนั้นยิงเข้าที่ล้อรถอีกข้างของเขา ชายหนุ่มจัดการติดต่อเรียกกำลังเสริมก่อนจะจัดการสำรวจคนที่เขาตั้งใจขับรถบดขยี้ริมทาง

“คุณเอลวินทุกอย่างโอเครึเปล่าครับ?” เอเลนที่ได้ฟังบทสนทนาถามด้วยความเป็นห่วง เด็กหนุ่มปลดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกพลางมองไปยังถนนด้านหลังที่ยังคงเห็นมอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันตามหลังมา

“ไม่ต้องห่วงเอเลน ทุกอย่างจะเรียบร้อย” เอลวินตอบอย่างใจเย็นก่อนจะสั่งการอีกครั้ง

[รีไวจัดการที่เหลือซะ แล้วฉันจะยอมให้เอเลนไปดินเนอร์กับนาย]

[สองคน งั้นนายต้องเพิ่มค้างคืนด้วยนะเอลวิน] รีไวจัดการต่อรอง

[1 คืน แล้วต้องกลับมาก่อนค่ำของอีกวัน]

เอเลนได้แต่ยิ้มแห้งให้กับบทสนทนาที่ได้ยินผ่านทางแอพพลิเคชั่นสื่อสารบนรถ ถึงเขาจะงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ว่าต้องเป็นสถานการณ์ไม่ปกติแล้วยังต้องหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่แน่ๆ แต่ไอท่าทางที่ใจเย็นและข้อต่อรองนั้นอีก ตกลงพวกคุณมีชีวิตปกติประวันยังไงกันแน่ ไม่ใช่ว่าที่เขาเห็นว่าสงบสุขทุกวันนั้นจะเป็นการจัดฉากหรอกนะ...?

รีไวสั่งเอิร์ดให้บังคับเฮลิคอปเตอร์ไปใกล้กับเป้าหมาย ชายหนุ่มจัดการสวมปลอกเก็บเสียงที่ปืนก่อนจะเปิดประตูแล้วยิงไปที่ยางรถของมอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันราวกับจับวาง รถมอเตอร์ไซค์ทั้งสองเสียหลักไถลลงกับพื้นถนนทันที นักบิดทั้งสองล้มลงกระแทกกับพื้นถนนก่อนจะแน่นิ่ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยรีไวจึงจัดการต่อสัญญาณไปยังเอลวินที่รออยู่ในรถ

[สัญญาเป็นสัญญานะคุณพ่อตา จอดป้ายหน้าด้วย]

เอลวินสบถใส่แอพพลิเคชั่นสื่อสาร ก่อนจะยอมจอดริมถนนซึ่งมีลานกว้างอยู่ไม่ไกลนัก เพื่อให้คนต่อรองนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้

เอเลนก้าวลงจากรถด้วยความงุนงง ใบหน้ามนมองเอลวินและรีไวสลับกันไปมา.... เขาชักอยากรู้แล้วสิว่าปกติชีวิตประจำวันของเขาเป็นยังไง แต่มันอาจเป็นเรื่องคุ้นชินรึเปล่าทั้งที่เขาควรตื่นตระหนกมากกว่านี้ แต่เขารู้สึกเพียงแค่หายใจไม่ทั่วท้องไปชั่วขณะเท่านั้น

“เออ ผมควรเปลี่ยนชุดก่อนรึเปล่า?” ตอนนี้ดูยังไงชุดเขามันก็รุ่มร่ามเกินกว่าที่จะตะลอนไปไหนต่อไหน

เอลวินถอนหายใจก่อนจะเกาหัวของตัวเอง ข้อตกลงย่อมเป็นข้อตกลง เขาจึงต้องจำใจให้เอเลนไปค้างคืนกับหมอนี่จนได้ คนเจ้าเล่ห์แบบนี้คงไม่ยอมนอนดูดาวเฉยๆแน่ ถึงจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติของสองคนนี้ก็เถอะนะ

“เอเลน ป๊ะป๋าคงพูดไรมากไม่ได้ แต่อย่าไว้ใจไอลุงเจ้าเล่ห์แบบนั้นนะ!” เอลวินจับไหล่ของเด็กหนุ่มพลางสั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เอเลนจึงได้แต่เอียงคอยิ้มให้กับชายหนุ่ม ไม่เข้าใจจริงๆว่าตกลงสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิท คู่กัด หรืออะไรกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนทั้งคุณเอลวินและคุณรีไวก็จะมีความเชื่อใจกันและกันแปลกๆอยู่

เสียงของลมที่พัดกระหึ่มเริ่มเข้ามาใกล้ พร้อมทั้งสายลมที่พัดเป็นวงกว้างทำให้รู้ว่าเฮลิคอปเตอร์ใกล้ลงจอด เพราะเสียงที่ดังกระหึ่มของใบพัดหมุนทำให้ไม่ได้ยินเสียงรถยนต์อีกคันที่แล่นเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง ไม่ทันตั้งตัวทันที่ประตูรถสีดำเปิดออก เอเลนถูกคว้าขึ้นไปยังเบาะหลัง หัวสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มกระแทกกับเพดานรถทำให้เอเลนหมดสติ ร่างบางในชุดเจ้าสาวถูกรวบขึ้นโรซลอยสีดำทมิฬท่ามกลางสายตาของเอลวินและรีไว แม้เพียงชั่ววูบแต่เสี้ยวใบหน้าของคนที่นั่งอยู่บนเบาะหลังก่อนประตูจะปิดลงและเป็นผู้รวบตัวเอเลนไปนั้นเขาจำได้ดี

                “เคนนี่!!

                เสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดไล่ตามรถยนต์สีดำ ทันทีที่ได้สติรีไวจึงลากคอเอลวินขึ้นรถแลมโบกีนี่ของเจ้าตัวไปด้วยกัน ก่อนที่จะคว้ากุญแจสตาร์ทเครื่องแล้วออกรถอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าจะคลาดสายตา แต่โรรอยซ์ที่ขับนำหน้าพุ่งเข้าสู่พื้นที่จราจรหนาแน่น ก่อนจะใช้รถคันอื่นที่เบียดเสียดช่วยบดบังสายตาแล้วหลบหนีไปได้

                ชายหนุ่มทุบกำปั้นลงบนพวงมาลัยอย่างเดือดดาล ใบหน้าคมคายขมวดมุ่นแยกเขี้ยวราวสัตว์ร้าย เอลวินที่เริ่มได้สติจึงสังการให้ฮันซี่และคนอื่นในองค์กรเริ่มกระจายกำลังตามหาตัวเด็กหนุ่ม เอลวินจับลงบนบ่าของรีไวเพื่อให้กำลังใจและตั้งสติ ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก

                “นายสงสัยใช่ไหมว่าทำไมเคนนี่ถึงจับตามและวุ่นวายเรื่องของฉันนัก” นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองคนนั่งข้าง ก่อนจะยกยิ้มที่ราวกับสมเพชตัวเอง

 

                “หมอนั่น......เป็นพี่ชายของฉัน......และเกลียดฉัน”
 
TBC.
...........................................................................................
Talk: อร๊ายย นึกว่าจะไม่ทันก่อนหนีไปเที่ยว(อีกแล้ว) เหมือนเดิมค่ะ เรื่องนี้ เอเลนแต่งหญิงบ่อยมาก และเฮียก็จูบนางทุกตอนสิน่า..... และที่สำคัญ......ไร้แก่นเช่นเดิม...... กราบค่ะ
ขออภัยที่ไม่ค่อยตอบเมนต์ใครนะคะ คือช่วงนี้เน้นตอบในเฟสค่ะ แต่สัญญาว่าอ่านเมนต์ของทุกคนจริงๆ และขอบคุณทุกคนที่เมนต์ด้วยนะคะ เป็นเชื้อเพลิงให้อย่างดีเลยค่ะ จะพยายามปั่นทีละนิดต่อไปค่ะ
เรื่องนี้คงใกล้จบ(ละมั่ง) ถ้าไม่รู้จะเขียนไรต่อก็อาจจะจบเลย หรืออาจจบเป็นพาทแล้วค่อยขุดมาเขียนใหม่ ถึงเรื่องนี้จะไม่บอกว่าเราเป็นอะไรกัน แต่การกระทำมันก็เห็นอยู่นะคะ เคยมีน้องนักอ่านถามว่าเรื่องนี้จะมีฉากสารภาพรักกันใหม่ อืม..... บอกยากค่ะ จะบอกว่ารักกันรึเปล่านี่ไม่รู้ค่ะ แต่ตีกันจนรู้ใจกันน่าจะเหมาะกว่า เอาเป็นว่ารอดูต่อไปค่ะ มันเป็นความติ่งที่ไร้แก่นล้วนๆจริงๆค่ะ
รักนักอ่านและคอมเมนต์ทุกท่านเช่นเคยนะคะ จุบุจุบุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น