Chapter 10: Tactics
เอลวิน สมิธ
ชายวัยกลางคนผู้มีจุดยืนในแวดวงสังคมชั้นสูง
ชายผู้ซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาและมากด้วยความสามารถในการจัดการและวางแผนงานต่างๆได้เป็นอย่างดี
ทั้งที่ไม่ว่าเรื่องอะไรชายผู้นี้ก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้บางอย่างทำให้ เอลวิน สมิท ชายผู้องอาจเริ่มรู้สึกสั่นคลอน
“คิ้วนายจะผูกกันอยู่แล้ว”
ไมค์เสริ์ฟกาแฟร้อนให้กับคนที่กำลังทำหน้าเคร่งเครียด ใบหน้ากลัดกลุ้มที่ไม่ได้เห็นมานานทำให้ไมค์ถึงขั้นยิ้ม
เพราะรู้ดีว่าเรื่องที่เจ้าตัวกลุ้มคงไม่พ้นเรื่องการเป็นคุณพ่อมือใหม่ป้ายแดง
ถึงแม้เอลวิน
จะไม่ได้บอกอะไร แต่ตั้งแต่ที่เขาเผลอเรียกเอเลนว่าอเล็กซ์ อีกทั้งยังจัดฉากในเอลวินเป็นพ่อบุญธรรม
ชายวัยกลางคนคนนี้ก็ไม่อิดออด
ถึงครั้งแรกที่รู้ว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้จะทำหน้าประหลาดใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ส่วนหนึ่งเอลวินคงถูกใจเอเลนอยู่แล้ว
และยิ่งเมื่อได้มาอยู่ด้วยกันและคอยดูแลเจ้าหนูนั่น มันคงกระตุ้นสัญชาตญาณความเป็นพ่อในตัวหมอนี่ออกมา
และคงกระตุ้นมากไปจนกลายเป็นคุณพ่อที่หวงลูกเอาการ
เอลวินยกกาแฟขึ้นดื่ม
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเหลือบมองเพื่อนก่อนจะถอนหายใจ
“เมื่อวานรีไวมาส่งเอเลนถึงบ้าน”
ไมค์เอียงคอพลางขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
ในเมื่อรีไวมาส่งเอเลนถึงบ้านก็น่าจะดีและถูกต้องแล้ว
หรือมีอะไรบางอย่างที่เขามองข้ามไป?
“พอกลับมาเอเลนก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องน่ะสิ
พอถามอะไรก็ไม่ยอมบอก”
ความกลัดกลุ้มของคุณพ่อป้ายแดงทำให้ไมค์หัวเราะ
ดูเหมือนคนรับบทเป็นคุณพ่อไม่นานจะต้องเผชิญชะตากรรม
ยอมรับลูกพาแฟนเข้าบ้านในเร็ววัน
“ยังไงหมอนั่นก็เป็นเด็กผู้ชาย
นายไม่ต้องห่วงหรอกน่า” ทั้งที่พยายามจะปลอบใจ
แต่เอลวินกลับส่งสายตามองค้อนให้คนหวังดีเสียอย่างนั้น
“เอเลนน่ารักแบบนั้นจะไม่ให้ห่วงได้ยังไง
อีกอย่างรีไวหมอนั่นเจ้าเล่ห์และร้ายกาจจะตาย”
แล้วพอคิดว่าต้องยกเอเลนที่น่ารักให้กับเจ้าตัวร้ายนั่นพอเรื่องจบแค่คิดก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนแล้ว
ไมค์ได้แต่ยิ้มแห้งให้กับมาดคุณพ่อจอมหวง
ก่อนที่เอเลนจะจับพลัดจับพลูมาขนาดนี้ เอลวินยังไม่ใส่ใจเจ้าหนู่นั่นแบบนี้มาก่อน
แบบนี้เรียกว่าหลงเสน่ห์เด็กเข้าเต็มเปาเหมือนกัน
ถึงขนาดว่ารีไวว่าเป็นจอมเจ้าเล่ห์ที่ร้ายกาจนี่..... หมอนี่คงลืมไปว่าตัวเองก็อยู่ในฐานะที่ไม่ต่างกัน
ที่น่ากลัวไม่น่าจะใช่รีไว แต่น่าจะเป็นเจ้าหนูเอเลน
ที่ทำให้ผู้ชายวัยกลางคนถึงสองคนหัวปั่นขนาดนี้ แต่บางทีอาจไม่ใช่แค่สอง
เพราะเขาเองก็ยอมรับว่าหวงเอเลนนั่นอยู่ไม่ต่างกัน
ไมค์เกาท้ายทอยปลงกับอาการของเพื่อน
ก่อนจะยื่นเอกสารที่เขาถือมาให้อีกฝ่าย
แม้สายตายังคงมองค้อนแต่เอลวินก็หยิบรายงานในเอกสารออกมาอ่านอย่างไม่อิดออด ทันทีที่สายตากวาดอ่านเอกสารจนสิ้นสีหน้ากลัดกลุ้มของเอลวินแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“เคนนี่ชิงตัดหน้าเราไปเจรจาซื้อขายกับองค์กรชิกันชิน่า”
ทั้งที่อุตส่าห์เจรจาอยู่เป็นเวลานานแต่พอโดนตัดหน้าทางการค้าแบบนี้ทำให้รู้สึกไม่พอใจอยู่หรอกนะ
แต่มีสิ่งที่น่าห่วงกว่านั้น
“ถ้าหมอนั่นมาเจรจากับกลุ่มชิกันชิน่าได้
แสดงว่าตอนนี้คงกลับเข้ามาอยู่ในเมืองนี้แล้ว” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่
แต่ที่รู้องค์กรเสรีภาพของเขาและองค์กรของเคนนี่เป็นคู่แข่งทางการค้า
เรื่องการค้าที่มีขึ้นลงหรือการโดนตัดหน้าไม่ใช่เรื่องที่เขาห่วงเท่าไรนัก
ที่น่ากังวลมากกว่านั้นคือความสัมพันธ์ของเคนนี่และรีไวที่ห้ำหั่นและชิงดีชิงเด่นกันเสียมากกว่า
“นายจะเอาไงต่อ?”
ไมค์ถามเพื่อรอรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย และเพื่อนสนิท
“รีไวคงรู้เรื่องของเคนนี่ตอนนี้แล้ว
เพราะงั้นระวังเจ้าหนูของเราจะตกอยู่ในอันตรายคงดีที่สุด”
รีไวที่ตามข่าวของเคนนี่มาตลอดคงเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่
ดังเจ้าตัวจึงไม่เอ่ยปากขอเอเลนกลับไปเพราะรู้ดีว่าถ้าอยู่กับเขาตอนนี้จะปลอดภัยกับเอเลนที่สุด...
บ่ายของวันนี้เป็นวันถ่ายรูปคอลเลคชั่นเซตสุดท้ายที่เอลวินและฮันซี่วางไว้
ก่อนจะทำการให้นายแบบและนางแบบต่างค่อยๆหายไปเพื่อจัดการปกปิดเรื่องวุ่นวายในภายหลังที่ตามมา
“น่าเสียดายชะมัดที่วันนี้จะเป็นงานชิ้นสุดท้าย”
ฮันซี่ถอนหายใจรอบที่ร้อยกว่า ก่อนจะมองเอเลนที่ยังคงแต่งตัวด้วยชุดผู้หญิงตาละห้อย
เอเลนที่มองสีหน้าอีกฝ่ายผ่านกระจกแต่งหน้าได้แต่ยิ้มแห้งให้
ที่จริงแค่การมาถ่ายแบบในชุดผู้หญิงก็ทำเขารู้สึกแปลกๆ
แต่ถึงกระนั้นเพราะถูกบอกว่าเป็นงานเขาจึงไม่คิดจะปฏิเสธ
โดยเฉพาะเป็นงานที่อาร์มินเคยบอกไว้ว่าเป็นการช่วยคุณเอลวินทางหนึ่ง
แต่ทำไมเหมือนคุณเอลวินจะคิดหนักกับการที่เขาเข้ามาช่วยงานแล้วผลตอบรับที่ดี
ตรงนี้เขาก็ไม่เข้าใจ ส่วนอีกเหตุผลคงเพราะว่างานนี้มีคุณรีไว
แม้จะคุ้นชินขึ้นแต่ยังคงรู้สึกแปลกระคนสับสนทั้งอยากอยู่ใกล้และอยากหนีจากคนคนนั้น
ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณรีไวเลยสักนิด บางทีถ้าความทรงจำกลับมา
ความรู้สึกที่แปลกๆนี้อาจจะหายไปบ้าง
เด็กหนุ่มมองหน้าตัวเองในกระจกที่ตอนนี้ถูกแต่งแต้มเป็นสาวน้อย
ถึงจะรู้สึกแปลกๆว่าทั้งที่ไม่ได้ถ่ายใบหน้าแต่ทำไมถึงไม่จ้างผู้หญิงจริงๆมาถ่าย
พอคิดว่าจะถามอะไรบางอย่างก็ทำให้รู้สึกว่าการที่เขาต้องทำแบบนี้มันถือเป็นเรื่องปกติ
ห้องสตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำบัดนี้ถูกเปลี่ยนสภาพอีกครั้ง
ภาพของกางเขนขนาดใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าเบื้องหลัง
กระจกหลากสีและรูปปั้นของพระผู้ไถ่บาปถูกวางจัดเข้าด้านหน้ากระจกทรงสูงที่มีภาพวาดเรื่องราวในพระคัมภีร์ประดับ
พรมสีแดงที่ทอดยาวโปรยด้วยกุหลาบ ช่อดอกไม้ขนาดต่างๆถูกแต่งตามจุดต่างๆของฉาก
ประกอบกับชุดราตรีสีขาวและผ้าคลุมหน้าของเอเลน
รวมถึงชุดทักซิโด้สีขาวของรีไวที่ยังคงมีผ้าพันแผลปิดตาไว้
คอนเซปสุดท้ายก่อนจะปิดม่านนายแบบและนางแบบของแบรนด์ภายใต้ชื่อ ‘ Last
Memory’ ความทรงจำสุดท้ายก่อนที่จะจากลา
ไมค์ลูบหัวของเอลวินที่มองการถ่ายทำของทั้งสองด้วยความอดทนอดกลั้น
คุณพ่อป้ายแดงที่หวงลูกแล้วอยู่ๆมาเจอฉากแต่งงานของลูกสุดหวงแบบนี้
แค่ยืนมองดูโดยไม่โวยวายก็ฝืนเต็มทน
คนที่พยายามกลั้นใจไม่พูดอะไรจึงได้แต่บีบแขนของไมค์มองภาพบาดตาบาดใจตรงหน้าระหว่างถ่ายทำ
“เอาน่าคุณพ่อตา
อย่างน้อยก็ไม่มีภาพเข้าห้องหอนะจ้ะ”
ฮันซี่ตบหลังเอลวินอย่างแรงก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
เห็นสีหน้าของเอลวินแบบนี้แล้วเธอชักเริ่มอยากยัดคอนเซปส่งตัวเข้าห้องหอเสียแล้วสิ
ถ้าไม่ติดว่าเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือนเธออาจถูกตัด คงทำไปแล้ว
“ถ้าเอเลนความจำกลับมาแล้ว
เขาอาจไม่ได้อยากได้นายเป็นพ่อก็ได้นะ คุณป๊ะป๋ากำมะลอ”
คำพูดของฮันซี่เสียดแทงใจคนสูงวัย ที่จริงเขาไม่คิดจะถลำลึกกับเด็กหนุ่ม
แต่เริ่มเพราะความผิดพลาดและเข้าใจผิด
จนลืมคิดไปว่าคนอย่างเขาเองก็หวั่นไหวได้เช่นกัน
“ไม่ต้องห่วง
ถ้าหมอนั่นเลือกแบบนั้นฉันไม่คิดจะรั้งไว้หรอกนะ”
แต่อย่างน้อยเขาก็คงจะขอแอบไปดูเป็นระยะๆเพื่อความสบายใจก็แล้วกัน
การถ่ายทำมาถึงฉากสุดท้าย และเพราะเป็นฉากสุดท้ายก่อนการทิ้งบทบาทนางแบบสาวปริศนาทางทีมงานจึงตกลงกันว่าจะเป็นภาพแรกที่ถ่ายขึ้นมาจนถึงใบหน้าของฝ่ายหญิง
ดังนั้นจึงมีการใช้ผ้าคลุมเจ้าสาวปิดบังใบหน้าไว้ และภาพสุดท้ายคือการจูบสาบาน
แม้จะเป็นเพียงการสัมผัสผ่านผ้าคลุมหน้า
แต่ไอร้อนจากลมหายใจทำให้เอเลนรู้สึกประหม่า ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จูบกับคนตรงหน้านี้
แต่พออยู่ในชุดแบบนี้อีกทั้งสถานที่ที่จำลองราวกับอยู่ในพิธีศักดิ์สิทธิ์เขารู้สึกเขินจนไม่กล้าเงยหน้ามองอีกฝ่ายเลยให้ตายเถอะ!!
ทั้งที่ผ้าคลุมนั้นค่อนข้างหนาจนแทบมองไม่เห็นคนด้านหน้า
อีกทั้งอีกฝ่ายก็มีผ้าพันแผลปิดตา แต่ไอความรู้สึกที่ถูกจ้องมองจนทะลุผ้าออกมาแบบนั้นมันยิ่งทำให้เขาทำตัวไม่ถูก
ไม่สิ ทั้งที่ปิดตาอยู่แท้ๆและทั้งที่ใส่เสื้อผ้า
แต่ทำไมสายตาของคุณรีไวที่ส่งผ่านมานั้นมันเหมือนกับเขากำลังถูกลวนลามแปลกๆกัน? ไม่อยากคิดหรอกนะ
เขาเริ่มคิดแล้วว่าคนอันตรายตรงหน้าทั้งที่ดูเท่แท้ๆ
แต่บางครั้งก็ดูเหมือนตาแก่โรคจิต หรือว่าเขายังไม่ชินกับอาการความจำเสื่อมนี่ล่ะมั่งแต่คำว่าตาแก่โรคจิตก็ไม่หลุดออกไปจากหัวเลยให้ตายสิ!
“เจ้าหนูนายจะมองพื้นอีกนานไหม?”
ตั้งแต่ตากล้องบอกให้เริ่มขยับเข้าหากัน
เจ้าลูกหมาตรงหน้าก็เอาแต่ก้มมองพื้น
ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่พอเจ้าหนูมีท่าทีแบบนี้บอกตรงๆ
เขาเริ่มคิดจะลักพาตัวเจ้าสาวกลับบ้านเตรียมเข้าหอคืนแรกเพื่อสร้างความคุ้นชินอย่างที่เจ้าหนูนี่เคยคุ้นเคยก่อนจะความจำเสื่อม
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงมีทีท่าลนลานและยังไม่เงยหน้า
รีไวจึงเอื้อมมือไปจับแก้มอีกฝ่ายผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ใบหน้าคมเขยิบเข้าหาอีกคนมากขึ้น
ทั้งที่คิดว่าอยากจะหลบมุดดินหนีไปจากตรงนี้
แต่เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันความคิดของเขา
แขนอีกข้างจึงโอบรวบเอวเขาไว้ให้เข้าหามากขึ้น
แม้สายตาจะพยายามเบนหลบแต่ลมหายใจอุ่นที่เริ่มใกล้เข้ามาทำให้ต้องเหลือบมองเป็นระยะๆ
“รู้ไหมเอเลน ตั้งแต่นายความจำเสื่อมทำให้ฉันต้องอดกลั้นขนาดไหน
แล้วถ้ามันถึงขีดจำกัดขึ้นมาเตรียมใจได้เลย...อีหนู”
เสียงกระซิบข้างใบหูทำให้เอเลนถึงกับอ้าปากค้าง
ใบหน้าหวานใต้ผ้าคลุมขึ้นสีระเรื่อ ใช่แน่ๆ คุณรีไวต้องเป็นตาแก่โรคจิตแน่ๆ!! ตอนนี้เขาเริ่มมั่นใจแล้ว
แต่ตัวเขาที่ใจเต้นโครมครามกับคำพูดของอีกฝ่ายแบบนี้
อย่าบอกนะว่าเขาเองก็โรคจิตไม่แพ้กัน!!
แม้เอเลนจะนิ่งค้างไปแล้วแต่การถ่ายทำก็ดำเนินต่อไป
รีไวเป็นฝ่ายเข้าไปใกล้ใบหน้าใต้ผ้าคลุม ริมฝีปากของชายหนุ่มกดแน่นกับกลีบปากของอีกฝ่ายผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว
ริมฝีปากขี้เล่นของชายหนุ่มแลบลิ้นเลียกลีบปากบางที่ผ้าคลุมก่อนจะผละออก
พร้อมกับเสียงเสร็จสิ้นการถ่ายทำว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
แต่คนที่กำลังนึกสนุกยังไม่ยอมปล่อยมือโดยง่าย
ในเมื่อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ขวางกั้นทำให้เขารู้สึกรำคาญเมื่อทุกอย่างสิ้นสุด
รีไวไม่รอช้าจัดการเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวก่อนจะเข้าไปประทับริมฝีปากของตัวเองกับอีกฝ่ายอย่างจาบจ้วง
ทันทีที่ผ้าคลุมหน้าที่ถูกสะบัดออกปกคลุมลงมาอีกครั้ง
ผู้รุกรานก็แทรกลิ้นกรุ่นของตัวเอง เอเลนที่ไม่ได้ตั้งตัวทำได้เพียงตอบรับอีกฝ่าย
ทั้งที่อยากปฏิเสธเพราะอยู่ต่อหน้าคนมากมายแม้จะมีผ้าคลุมปิดบัง
แต่ร่างกายกลับตอบสนองราวกับไม่ได้รับการสั่งการจากสมอง เมื่อริมฝีปากของชายหนุ่มผละออก
รีไวเช็ดคราบน้ำใสที่เปรอะจากการรุกล้ำของตนให้อีกฝ่าย แต่ก่อนที่จะได้ทาบทับอีกครั้งก็ถูกจับแยกออกโดยคุณพ่อป้ายแดง
“งานจบแล้ว ไม่มีเข้าห้องหอ
เพราะงั้นฉันขอพาตัวลูกฉันออกจากตาเฒ่าหื่นกามล่ะนะ”
เอลวินส่งยิ้มเย็นให้กับคนที่เขาเรียกว่าตาเฒ่าแม้ที่จริงแล้วเขาจะอายุมากกว่าก็ตาม
เอลวินตวัดตัวเด็กหนุ่มขึ้นพาดบ่าก้าวขาเดินออกจากสตูดิโอโดยไม่รอให้เอเลนได้เปลี่ยนชุด
เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถเอลวินจัดการสำรวจหาสิ่งผิดปกติที่จะเกิดขึ้นได้ก่อนเป็นอันดับแรก
จากบทเรียนครั้งที่แล้วทำให้วันนี้ถ้ารถที่เขาขับมาเกิดพังอีกเขาก็เตรียมสำรองไว้เรียบร้อย
เสียงมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่มเช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว
เอลวินแสยะยิ้มอย่างผู้มีชัย คราวนี้ฉันไมยอมให้นายพาตัวเอเลนไปได้ง่ายๆหรอกนะรีไว
ชายหนุ่มผมทองต้องขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกว่าเสียงมอเตอร์ไซค์นั้นคราวนี้มีมากกว่าหนึ่งคัน
บางทีอาจจะสาม ชายหนุ่มปลดล็อคกุญแจก่อนจะให้เอเลนรีบเข้านั่งด้านหลัง
เสียงมอเตอร์ไซค์กระหึ่มดังเข้ามาใกล้ขึ้น
จริงดังคาดคราวนี้มอเตอร์ไซค์สีดำมีมาถึงสามคันด้วยกัน เอลวินรีบไปยังที่คนขับจัดการสตาร์ทรถและออกตัวทันที
แลมโบกีนี่สีเงินทะยานออกจากลานจอดรถอย่างไม่รอช้า
นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองกระจกหลังอย่างแปลกใจ
กับรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสามคันที่ขับตามมา
[ไมค์นายช่วยจัดการมอเตอร์ไซค์ที่ตามหลังฉันได้ไหม?] เอลวินจัดการสั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่นส่งสัญญาณภายในรถ
ทันทีที่ไมค์ตอบรับไม่นานนักสปอตสีดำของไมค์ก็ขับตามมาติดๆ
ด้วยความแปลกใจเอลวินจึงตัดสินใจต่อสายไปยังรีไว
ทันทีที่อีกฝ่ายรับคิ้วสีอ่อนยิ่งขมวดเข้าหากัน เพราะ 1 ใน 3
ของมอเตอร์ไซค์ที่ตามเขาอยู่ไม่มีใครมีทีท่าว่าจะรับโทรศัพท์
[นายตามฉันมารึเปล่ารีไว]
[ใช่]
คำตอบของรีไวทำให้เอลวินแปลกใจ
แต่สักพักความแปลกใจแปรเปลี่ยนเป็นอยากเอาหัวโขกกับพวงมาลัยแทน
[ฉันกำลังตามนาย และตอนนี้ก็อยู่ข้างๆนายแล้ว]
เสียงของลมพัดอย่างรุนแรงกระแทกหน้าต่างจนทำให้เอลวินต้องหันมองแล้วต้องอ้าปากค้าง
เพราะคนที่บอกกำลังตามเขามาดันตามมาด้วยเฮลิคอปเตอร์!!
[ร... รีไว... นี่นายล้อเล่นใช่ไหม?] บางทีตอนนี้เขาอาจกำลังตาฝาดไปก็ได้
ครั้งแรกก็มอเตอร์ไซค์ลักพาตัวเอเลน รอบนี้พี่ท่านใช้เฮลิคอปเตอร์เลย
ให้ตายสิแบบนี้เขาควรต้องตัดเบี้ยเลี้ยงแล้วสวัสดิการหมอนี้บ้างแล้ว
[แค่คิดว่าต่อจากเข้าห้องหอ ก็ต้องไปฮันนีมูนน่ะสิ]
คนไม่รู้สำนึกได้แต่ยียวนกลับไป
เอลวินที่กำลังขับรถอยู่บนสะพานสูงทำให้เห็นเฮลิคอปเตอร์ของรีไวชัดเจนขึ้น
บางทีเขาก็ไม่เข้าใจว่าที่จริงแล้วรีไวเป็นพวกใจร้อน บ้า เอาแต่ใจ หรือฉลาด
บางทีคนบ้ากับฉลาดอาจห่างกันแค่เส้นบางๆก็ได้...
[ฉันมีคำถาม
มอเตอร์ไซค์ที่ตามหลังมานั้นเป็นพวกของนายรึเปล่า?]
[...เปล่า
วันนี้อิซซาเบลไปจัดการงานอื่นกับฟาร์ลัน]
เอลวินกลับมามีสีหน้าตึงเครียดอีกครั้ง
ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เขาสังหรณ์ สามคนนั้นคงไม่พ้นเป็นคนของเคนนี่
เมื่อได้รับคำยืนยันเอลวินจึงสั่งการให้ไมค์จัดการมอเตอร์ไซค์ทั้งสามคัน
รถสปอร์ตสีดำเริ่มไล่บี้มอเตอร์ไซค์มากขึ้น
เมื่อเห็นท่าไม่ดี 1 ในสามคนของแก๊งค์ซิ่งจึงชักปืนออกมายิงไปยังล้อของรถที่ตามท้ายมา
แม้ยางล้อรถจะแตกจนทำให้เสียสมดุลแต่ไมค์ยังคงสามารถบังคับให้รถของตนเองหมุนจนไปกระแทกกับ
1 ในมอเตอร์ไซค์ที่ตามเอลวินได้ ก่อนจะจำเป็นต้องจอดเมื่ออีกฝ่าย 1
ในนั้นยิงเข้าที่ล้อรถอีกข้างของเขา ชายหนุ่มจัดการติดต่อเรียกกำลังเสริมก่อนจะจัดการสำรวจคนที่เขาตั้งใจขับรถบดขยี้ริมทาง
“คุณเอลวินทุกอย่างโอเครึเปล่าครับ?” เอเลนที่ได้ฟังบทสนทนาถามด้วยความเป็นห่วง
เด็กหนุ่มปลดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกพลางมองไปยังถนนด้านหลังที่ยังคงเห็นมอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันตามหลังมา
“ไม่ต้องห่วงเอเลน ทุกอย่างจะเรียบร้อย”
เอลวินตอบอย่างใจเย็นก่อนจะสั่งการอีกครั้ง
[รีไวจัดการที่เหลือซะ แล้วฉันจะยอมให้เอเลนไปดินเนอร์กับนาย]
[สองคน งั้นนายต้องเพิ่มค้างคืนด้วยนะเอลวิน]
รีไวจัดการต่อรอง
[1 คืน แล้วต้องกลับมาก่อนค่ำของอีกวัน]
เอเลนได้แต่ยิ้มแห้งให้กับบทสนทนาที่ได้ยินผ่านทางแอพพลิเคชั่นสื่อสารบนรถ
ถึงเขาจะงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ว่าต้องเป็นสถานการณ์ไม่ปกติแล้วยังต้องหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่แน่ๆ
แต่ไอท่าทางที่ใจเย็นและข้อต่อรองนั้นอีก ตกลงพวกคุณมีชีวิตปกติประวันยังไงกันแน่
ไม่ใช่ว่าที่เขาเห็นว่าสงบสุขทุกวันนั้นจะเป็นการจัดฉากหรอกนะ...?
รีไวสั่งเอิร์ดให้บังคับเฮลิคอปเตอร์ไปใกล้กับเป้าหมาย
ชายหนุ่มจัดการสวมปลอกเก็บเสียงที่ปืนก่อนจะเปิดประตูแล้วยิงไปที่ยางรถของมอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันราวกับจับวาง
รถมอเตอร์ไซค์ทั้งสองเสียหลักไถลลงกับพื้นถนนทันที
นักบิดทั้งสองล้มลงกระแทกกับพื้นถนนก่อนจะแน่นิ่ง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยรีไวจึงจัดการต่อสัญญาณไปยังเอลวินที่รออยู่ในรถ
[สัญญาเป็นสัญญานะคุณพ่อตา จอดป้ายหน้าด้วย]
เอลวินสบถใส่แอพพลิเคชั่นสื่อสาร
ก่อนจะยอมจอดริมถนนซึ่งมีลานกว้างอยู่ไม่ไกลนัก
เพื่อให้คนต่อรองนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้
เอเลนก้าวลงจากรถด้วยความงุนงง
ใบหน้ามนมองเอลวินและรีไวสลับกันไปมา.... เขาชักอยากรู้แล้วสิว่าปกติชีวิตประจำวันของเขาเป็นยังไง
แต่มันอาจเป็นเรื่องคุ้นชินรึเปล่าทั้งที่เขาควรตื่นตระหนกมากกว่านี้ แต่เขารู้สึกเพียงแค่หายใจไม่ทั่วท้องไปชั่วขณะเท่านั้น
“เออ ผมควรเปลี่ยนชุดก่อนรึเปล่า?” ตอนนี้ดูยังไงชุดเขามันก็รุ่มร่ามเกินกว่าที่จะตะลอนไปไหนต่อไหน
เอลวินถอนหายใจก่อนจะเกาหัวของตัวเอง
ข้อตกลงย่อมเป็นข้อตกลง เขาจึงต้องจำใจให้เอเลนไปค้างคืนกับหมอนี่จนได้
คนเจ้าเล่ห์แบบนี้คงไม่ยอมนอนดูดาวเฉยๆแน่
ถึงจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติของสองคนนี้ก็เถอะนะ
“เอเลน ป๊ะป๋าคงพูดไรมากไม่ได้
แต่อย่าไว้ใจไอลุงเจ้าเล่ห์แบบนั้นนะ!” เอลวินจับไหล่ของเด็กหนุ่มพลางสั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เอเลนจึงได้แต่เอียงคอยิ้มให้กับชายหนุ่ม
ไม่เข้าใจจริงๆว่าตกลงสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิท คู่กัด หรืออะไรกันแน่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนทั้งคุณเอลวินและคุณรีไวก็จะมีความเชื่อใจกันและกันแปลกๆอยู่
เสียงของลมที่พัดกระหึ่มเริ่มเข้ามาใกล้
พร้อมทั้งสายลมที่พัดเป็นวงกว้างทำให้รู้ว่าเฮลิคอปเตอร์ใกล้ลงจอด
เพราะเสียงที่ดังกระหึ่มของใบพัดหมุนทำให้ไม่ได้ยินเสียงรถยนต์อีกคันที่แล่นเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง
ไม่ทันตั้งตัวทันที่ประตูรถสีดำเปิดออก เอเลนถูกคว้าขึ้นไปยังเบาะหลัง
หัวสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มกระแทกกับเพดานรถทำให้เอเลนหมดสติ ร่างบางในชุดเจ้าสาวถูกรวบขึ้นโรซลอยสีดำทมิฬท่ามกลางสายตาของเอลวินและรีไว
แม้เพียงชั่ววูบแต่เสี้ยวใบหน้าของคนที่นั่งอยู่บนเบาะหลังก่อนประตูจะปิดลงและเป็นผู้รวบตัวเอเลนไปนั้นเขาจำได้ดี
“เคนนี่!!”
เสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดไล่ตามรถยนต์สีดำ
ทันทีที่ได้สติรีไวจึงลากคอเอลวินขึ้นรถแลมโบกีนี่ของเจ้าตัวไปด้วยกัน
ก่อนที่จะคว้ากุญแจสตาร์ทเครื่องแล้วออกรถอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าจะคลาดสายตา
แต่โรรอยซ์ที่ขับนำหน้าพุ่งเข้าสู่พื้นที่จราจรหนาแน่น ก่อนจะใช้รถคันอื่นที่เบียดเสียดช่วยบดบังสายตาแล้วหลบหนีไปได้
ชายหนุ่มทุบกำปั้นลงบนพวงมาลัยอย่างเดือดดาล
ใบหน้าคมคายขมวดมุ่นแยกเขี้ยวราวสัตว์ร้าย เอลวินที่เริ่มได้สติจึงสังการให้ฮันซี่และคนอื่นในองค์กรเริ่มกระจายกำลังตามหาตัวเด็กหนุ่ม
เอลวินจับลงบนบ่าของรีไวเพื่อให้กำลังใจและตั้งสติ ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก
“นายสงสัยใช่ไหมว่าทำไมเคนนี่ถึงจับตามและวุ่นวายเรื่องของฉันนัก”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองคนนั่งข้าง ก่อนจะยกยิ้มที่ราวกับสมเพชตัวเอง
“หมอนั่น......เป็นพี่ชายของฉัน......และเกลียดฉัน”
TBC.
...........................................................................................
Talk: อร๊ายย นึกว่าจะไม่ทันก่อนหนีไปเที่ยว(อีกแล้ว) เหมือนเดิมค่ะ เรื่องนี้ เอเลนแต่งหญิงบ่อยมาก และเฮียก็จูบนางทุกตอนสิน่า..... และที่สำคัญ......ไร้แก่นเช่นเดิม...... กราบค่ะ
ขออภัยที่ไม่ค่อยตอบเมนต์ใครนะคะ คือช่วงนี้เน้นตอบในเฟสค่ะ แต่สัญญาว่าอ่านเมนต์ของทุกคนจริงๆ และขอบคุณทุกคนที่เมนต์ด้วยนะคะ เป็นเชื้อเพลิงให้อย่างดีเลยค่ะ จะพยายามปั่นทีละนิดต่อไปค่ะ
เรื่องนี้คงใกล้จบ(ละมั่ง) ถ้าไม่รู้จะเขียนไรต่อก็อาจจะจบเลย หรืออาจจบเป็นพาทแล้วค่อยขุดมาเขียนใหม่ ถึงเรื่องนี้จะไม่บอกว่าเราเป็นอะไรกัน แต่การกระทำมันก็เห็นอยู่นะคะ เคยมีน้องนักอ่านถามว่าเรื่องนี้จะมีฉากสารภาพรักกันใหม่ อืม..... บอกยากค่ะ จะบอกว่ารักกันรึเปล่านี่ไม่รู้ค่ะ แต่ตีกันจนรู้ใจกันน่าจะเหมาะกว่า เอาเป็นว่ารอดูต่อไปค่ะ มันเป็นความติ่งที่ไร้แก่นล้วนๆจริงๆค่ะ
รักนักอ่านและคอมเมนต์ทุกท่านเช่นเคยนะคะ จุบุจุบุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น