Fic.
[AU]: Attack On Titan: ล่ารักอันตราย (Part II)
Pairing: (Levi
x Eren)
……………………………………………………………………………………..
Chapter 8: Revenge
นัยน์ตาสีหมอกมองผ่านหน้าต่างชมวิวยามค่ำคืนของตึกสูง
ใบหน้าคมดุดันนิ่งงันยากจะคาดเดาความคิด รีไวมองเวลาบนนาฬิกาที่ข้อมือซ้าย
ชายหนุ่มตวัดเสื้อคลุมที่พาดไว้บนเก้าอี้หนังขึ้นพาดไหล่เดินไปที่ประตู
ประตูไม้ที่ปิดถูกเปิดออกสวนทันทีที่ชายหนุ่มกำลังจะจับลูกบิด
ฮันซ่เดินเข้ามาพร้อมเอกสารก่อนจะละสายตาจากเอกสารเมื่อเห็นเงาของคนที่ยืนขวางประตู
“วันนี้นายก็ยังจะออกไปอีกเหรอ?”
“เอกสารของฉันทิ้งไว้เลย
เช้าฉันจะกลับมาทำ”
รีไวเบี่ยงตัวออกจากประตู
ฮันซี่ได้แต่ถอนหายใจ มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่าย
หญิงสาวโยนเอกสารลงบนโต๊ะก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้สำนักงาน
ไม่นานนักประตูก็เปิดออกอ กครั้งพร้อมชายผู้เป็นต้นเหตุเรื่องวุ่นวาย
“เมื่อสักครู่ฉันสวนทางกับรีไว....
หมอนั่นยังคงไม่ละความพยายามน่าดู”
ฮันซี่ปรายตามองเอลวินก่อนจะเบะปากใส่
“นายจะเอาไงต่อ?
เรื่องของเคนนี่ก็ยังไม่คืบหน้า หมอนั่นก็สภาพยังกับซอมบี้ขึ้นทุกวัน
ดีนะที่ตอนนี้กลับมาโกนหนวดตัวเองได้ในที่สุด” ตอนที่หมอนั่นไม่โกนหนวดมาทำงานอยู่สักระยะเธอรู้สึกยังกับว่าทำงานกับพวกนักฆ่าสังหารโหด
เอลวินยิ้มแห้ง
ที่จริงก็รู้สึกเห็นใจเพื่อนของตนเช่นกัน
แต่ตอนนี้เขายังไม่เจอทางที่จะทำให้ทุกอย่างมันลงตัวเลยน่ะสิ
อีกทั้งยังมีเรื่องอาร์มินที่เข้ามาวุ่นวาย
คิดว่าอีกไม่นานเรื่องที่เอเลนความจำเสื่อมและอยุ่กับเขาคงแตก
แต่กว่าจะถึงตอนนั้นก็ได้แต่หวังว่าเชาจะหาทางรับมือทัน
“ปัญหาที่นายผูกไว้แก้เองนะฉันไม่ยุ่งด้วย”
ฮันซี่ถอนหายใจอย่างนึกปลง หญิงสาวยื่นเอกสารกองหนึ่งให้กับชายหนุ่มผมทอง
“นายได้รับรายงานเรื่องยอดขายแบรนเครื่องสำอางตัวใหม่ที่ทะลุเป้าจนผลิตไม่ทันแล้วหรือยัง?”
เอลวินพยักหน้ารับตรวจเอกสารที่ฮันซ่ส่งให้
“Feel Love Feel Desire Make
Blind ทำยอดได้เกินที่ฉันคาดหวังไว้อีก น่าสนใจจริงๆ”
เอลวินยิ้มอย่างภาคภูมิ ไม่คิดเลยว่าคอนเซปที่เขาวางไว้
อีกทั้งบังคับเอเลนและรีไวให้มาช่วยเป็นแบบจะเป็นที่ตอบรับขนาดนี้
“เรื่องการผลิตยังไม่เท่าไร
แต่ดูเหมือนจะมีกลุ่มที่ต้องการรู้ว่านางแบบและนายแบบในภาพเป็นใคร” ฮันซี่ยื่นเอกสารรายงานอีกฉบับให้
“พวกเราที่ไม่ค่อยได้เข้าจัดการงานในเวลาปกติตอนเช้าเลยไม่รู้
แต่นานาบะที่จัดการดูแลบริษัทตอนเช้ามารายงานฉันจนหูชาตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้
มาขัดจังหวะฝันหวานของฉันสุดๆ”
ทั้งที่กำลังฝันว่าได้วิจัยมนุษย์ต่างดาวและกำลังจะได้ผ่าตัดร่างนั้นแท้ๆ
แต่ต้องตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์และบ่นจนหูชาเรียกได้ว่าตาสว่างจนหายงัวเงียเลย
“แล้วยัยนั่นว่าไงบ้าง?”
เอลวินตรวจสอบเอกสารและต้องแปลกใจกับยอดการรายงานของผู้ที่ติดต่อเข้ามาในบริษัทจำนวนมากกว่า
40% ของทุกครั้ง
“ต้องพยายามตอบคำถามที่เหมือนกรอเทปซ้ำๆไง
เรื่องของนายแบบและนางแบบในภาพ นี่ไม่รวมทั้งมีบริษัทเอเจนซี่โฆษนามาติดต่อของซื้อตัวในราคาที่สูงลิ่วด้วยนะ”
เอลวินถูคางไปมา
ดูเหมือนจะมีปัญหาให้เขามานั่งแก้ขึ้นอีกอย่าง ทั้งที่มีแผนรับมือการตลาดที่คาดว่าจะเป็นกระแสอยู่แล้ว
แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้เขาจัดการตามแผนสำรองเลยนี่สิ...
“แล้วก็ยังมีข่าวลือเรื่อง...”
rrRRR
เสียงโทรศัพท์ดังแทรกการรายงานของฮันซ่
เอลวินมองรายชื่อที่แสดงบนหน้าจอก่อนจะกดรับอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรไมค์?”
[ขอโทษที่โทรมาเวลางานของนาย
แต่พอดีมีเหตุฉุกเฉิน] เสียงมิเกะเครือความกังวล จนเอลวินเริ่มขมวดคิ้ว
[อเล็กซ์
ฉันหมายถึงเอเลน อยู่ๆหมอนั่นก็ปวดหัวจนทรุดลงไปกับพื้น
ฉันเลยพามาโรงพยาบาลตอนนี้หมอกำลังตรวจอาการ]
[เข้าใจแล้ว
ถ้าฉันเสร็จงานจะรีบไป ฝากดูอาการของเอเลนด้วย]
ไมค์รับคำก่อนกดวางสายจบบทสนทนา
ชายหนุ่มนวดขมับของตนเองเบา
ให้ตายสิพอจะมีปัญหาทีก็ถาโถมเข้ามาไม่ให้เขาได้ตั้งตัวเลย
เด็กหนุ่มร่างบางนอนหลับบนเตียงสีขาว
นัยน์ตากลมโตยังคงปิดสนิท
ไมค์ลูบบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มเบาๆก่อนจะละสายตาไปมองยังประตูพร้อมผู้มาเยือนที่ตนได้แจ้งข่าว
“เอเลนเป็นไงบ้าง?”
เอลวินถามทันทีที่เข้ามาภายในห้อง
ไมคืยกนิ้วขึ้นแตะที่ปากของตนเป็นการบอกให้อีกฝ่ายเงียบลง
“ไม่มีอะไรน่าห่วงทุกอย่างปกติดี
แต่หมอบอกว่าให้เจ้าตัวพักดูอาการอีกสักระยะ”
เอลวินถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ได้ยินรายงานว่าเอเลนยังคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
“เรื่องความทรงจำของเอเลนคืบหน้าบ้างไหม?”
ไมค์ส่ายหัวไปมาแทนคำตอบ
“แต่หมอบอกว่ายังมีหวัง
ต้องใช้เวลาค่อยๆฟื้นฟูกันไป”
เอลวินล้มตัวนั่งลงบนโซฟารับแขกในห้องอย่างหมดแรง
รู้สึกวันนี้ของเขาช่างยาวนานเหลือเกินจริงๆ หรือเพราะจะเริ่มแก่แล้วรึเปล่า?
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องทำต่อไปจนถึงที่สุดล่ะนะ”
ทุกอย่างเขายังคงดำเนินการตามแผนเดิม ถ้าเรื่องเคนนี่จบลงเขาจะส่งตัวเอเลนคืนให้กับรีไว
ส่วนเรื่องความทรงจำคงต้องลุ้นกันว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะเป็นอย่างไร
เพียงแต่ในใจของเขาตอนนี้กลับรู้สึกไม่อยากคืนเอเลนให้กับเพื่อนของเขาแล้วน่ะสิ....
“ดูเป็นคนขี้โกงชะมัด”
เอลวินเค้นยิ้ม นัยน์ตาสีน้ำทะเลยังคงมองเด็กหนุ่มที่หลับใหลบนเตียง
ไมค์บีบลงบนที่ไหล่ของชายหนุ่ม
เอลวินเงยหน้ามองก่อนจะส่ายศีรษะเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร
ฉันชินชากับการถูกมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวมานานแล้ว นายก็รู้”
หลายครั้งที่พยายามคว้าให้ได้มาถึงสิ่งที่ต้องการแม้บางทีอาจต้องเล่นสกปรกไปบ้างก็ตาม...
หรือทำให้ใครเดือดร้อน....
เปลือกตาบางปรือมองเมื่อแสงอาทิตย์ส่องเข้ากระทบภายในห้องและใบหน้าของเด็กหนุ่ม
นัยน์ตาสีมรกตมองไปรอบๆห้องก่อนจะได้ยินเสียงทักทาย
“ตื่นแล้วเหรอครับคุณอเล็กซ์”
อาร์มินยกชาร้อนที่ชงไว้ในกามาพร้อมวางลงบนโต๊ะทานอาหารที่อยู่ภายในห้องผู้ป่วย
“อยากทานอะไรหรือเปล่าครับ
จะสั่งมาใหม่หรือทานที่ทางโรงพยาบาลยกมาให้ดีครับ?”
อาร์มินยื่นเมนูอาหารให้กับอีกฝ่ายที่เขยิบลุกขึ้นนั่งบนเตียง
“พอดีคุณเอลวินให้คุณไมค์ไปช่วยงานระหว่างที่ผมขอมาเยี่ยมคุณน่ะครับ”
อาร์มินอธิบายให้อีกฝ่ายฟังเมื่อเห็นว่าเอเลนยังคงนิ่งเงียบ
เอเลนจ้องมองใบหน้าของเด็กหนุ่มผมทองก่อนจะมองเมนูอาหารในมือแล้วจ้องกลับไปที่ใบหน้าของอาร์มินที่ยังคงยิ้มระรื่น
“คุณอาร์มิน......
ทำแบบนี้จะดีจริงๆเหรอครับ?” เอ่ยถามด้วยความหนักใจ
เด็กหนุ่มผมทองทำหน้าครุ่นคิดสักครู่
ก่อนจะยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ
คุณอเล็กซ์อยากช่วยอะไรคุณเอลวินบ้าง
ถ้าทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีมันต้องดีกับคุณเอลวินแน่นอน”
เอเลนพยักหน้าตอบรับ
อาร์มินที่ไปช่วยสอนพิเศษที่บ้านจึงทำให้เขาทั้งสองมีเวลาได้อยุ่ด้วยกันและเริ่มสนิทคุ้นเคยกัน
เพราะเป็นเพียงคนเดียวที่อายุไล่เลี่ยกันและทำให้เขาหายเบื่อได้บ้างในเวลาแบบนี้
และเพราะอยู่ๆเขาก็เปรยขึ้นว่าอยากช่วยงานพ่อบุญธรรมของเขา เอลวิน บ้าง
อาร์มินจึงช่วยวางแผน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้เขาแกล้งป่วยจนมานอนที่โรงพยาบาล
“ไม่ต้องห่วงครับ
ทุกอย่างกำลังไปได้สวย
หลังจากอาหารเย็นและตรวจรอบเย็นแล้วเราจะแอบหนีออกจากโรงพยาบาลกัน”
“ถ้าคุณไมค์กลับมาแล้วจะไม่เป็นเรื่องใหญ่เหรอครับ?”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง
งานวันนี้น่าจะยุ่งไปจนถึงดึกเลยล่ะครับ”
อาร์มินยกยิ้มอย่างรู้สึกสนุกให้กับอีกคนที่ยังคงเอียงคอมองอย่างแปลกใจระคนสงสัย
ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าอาร์มินคิดจะทำอะไรกันแน่
แต่ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าเป็นสิ่งที่ช่วยพ่อบุญธรรมของเขาได้
เขาจึงทำตามอย่างไม่คิดติดใจสงสัย
หลังเจ้าหน้าที่เก็บถาดอาหารเย็นออกไปพร้อมทั้งการตรวจรอบเย็นเสร็จสิ้น
ไม่นานนักอาร์มินก็กลับมาพร้อมหญิงสาวผมสีทองคนหนึ่ง
และส่งกระเป๋าใบใหญ่ยื่นให้เขา
“ผมให้แอนนี่มาช่วยปลอมเป็นคุณระหว่างที่เราหลบออกไป
ในกระเป๋ามีเสิ้อผ้าและเครื่องแต่งตัวนิดหน่อย หลังจากที่คุณแต่งตัวเสร็จเราจะไปกันทันที”
เอเลนเปิดกระเป๋า
ใบหน้ามนมองของในกระเป๋าพลางขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะหันไปสบตากับเจ้าของกระเป๋าที่ยืนยิ้มให้
“ถ้าเพียงแค่เปลี่ยนเสื้อมันไม่เรียกปลอมตัวหรอกนะครับ
เอาล่ะอย่าเสียเวลาเลย” อสน์มินดึงคนในชุดคนป่วยลงจากเตียงดันแผ่นหลังบางที่อิดออดให้เข้าไปในห้องน้ำ
เพียงไม่กี่นาทีเอเลนที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายก็ก้าวเดินออกมา
ร่างโปร่งบางออกมาพร้อมกับชุดเสื้อกล้ามสีดำ
มีเสื้อคลุมหนังแขนยาวเข้ารูปทรงผู้หญิงสีดำปิดทับ
พร้อมทั้งกางเกงขาสั้นกับเข็มขัดหนังเส้นใหญ่ และรองเท้าบู๊ทครึ่งแข้ง ใบหน้ามนมีสีหน้าหนักใจกับของที่ถืออยู่ในมือ
“วิกนั่นก็ต้องใส่นะครับอเล็กซ์
ถ้าใส่เองไม่ได้ผมจะช่วย”
อาร์มินหยิบวิกผมสีเข้มยาวในมือของเด็กหนุ่มก่อนจะช่วยสวมใส่ให้เรียบร้อย
เด็กหนุ่มผมทองจับตัวร่างโปร่งหมุนไปมาเพื่อตรวจความเรียบร้อย
ก่อนจะจูงมือให้มานั่งยังโซฟาในห้อง แล้วลงมือแต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้าหวาน
“คุณอาร์มินผมยังไม่เข้าใจเลยว่าจะช่วยคุณเอลวินได้ยังไง”
ริมฝีปากที่ถูกแต่งแต้มสีสดเอ่ยถาม
“ไว้ผมจะอธิบายให้คุณฟังทีหลัง
ตอนนี้เรารีบไปกันเถอะ”
อาร์มินพยักหน้าให้แอนนี่ที่ตอนนี้อยู่ในชุดผู้ป่วยแทน
แอนนี่รับทราบจึงสวมวิกผมสีน้ำตาลและขึ้นนอนบนเตียงจนกระทั่งทั้งสองหายไปดำเนินการตามแผน
อาร์มินและเอเลนเดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างปกติ
ไม่มีใครเอะใจสงสัยถึงสาวผมยาวที่เดินตามออกมากับเขาจนกระทั่งถึงรถที่จอดรอรับไว้อยู่แล้ว
เมื่อรถเคลืท่อนตัวออกจากโรงพยาบาล
เมื่อรถยนต์แล่นเข้ามาถึงสวนสาธารณะใจกลางเมือง
เด็กหนุ่มทั้งสองลงจากรถเดินไปยังน้ำพุที่อยุ่ตรงกลางของสวน
เอเลนมองสำรวจรอบๆก่อนจะโครงศีรษะไปมา
“แล้วเราต้องทำยังไงต่อเหรอครับ?”
อาร์มินยิ้มตอบก่อนจะดันไหล่บางให้เดินนำหน้าไปยังลานน้ำพุเบื้องหน้า
“รอตรงนี้สักครู่นะครับ
เดี๋ยวผมกลับมา”
เมื่ออาร์มินเดินจากไปเอเลนจึงนั่งรอที่ม้านั่งหน้าน้ำพุ
เพราะเป็นเวลาดึกแล้วสวนสาธรณะจึงเริ่มเปิดไฟในสวน
เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาที่เรียกได้ว่าดึกมาก
แต่ที่สวนแห่งนี้ยังคงคึกคักไปด้วยผู้คนราวกับใกล้ๆนี้มีงานเทศกาล
อากาศที่เย็นทำและอยู่ในสวนทำให้กลิ่นดอกไม้นั่นคลุ้งขจรไปทั่วบริเวณ
แต่เด็กหนุ่มรู้สึกติดใจกับกลิ่นที่ลอยมาแฝงกับกลิ่นของดอกไม้
จะเรียกว่าเป็นกลิ่นของน้ำหอมก็ว่าได้
แต่เป็นกลิ่นของน้ำหอมที่มให้ความรู้สึกคุ้นชิน
ทั้งที่พยายามนึกเท่าไรแต่ก็นึกไม่ออก ทันใดนั้นไฟทั่วทั้งสวนสาธารณะก็ดับวูบลง
ท่ามกลางเสียงตกใจระคนอลหม่านเล็กน้อย แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเกินการควบคุม
แสงสปอตไลท์ดวงหนึ่งถูกยิงลำแสงลงมา ทุกสายตาไปจับจ้องที่ปลายแสง
ร่างสันทัดในชุดสูทสีดำทมิฬค่อยๆก้าวเดินออกมา
เมื่อแสงฉายไปที่บ้านหน้าของชายคนนั้นเอเลนรู้สึกแปลกใจกับใบหน้าที่ถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าพันแผล
แต่เหมือนกับทุกคนที่สวนสาธารณะจะรู้จักชายหนุ่มปริศนาคนนั้น
ทันทีที่เขาปรากฏกายเสียงกรี๊ดดังสนั่นด้วยความตื่นเต้นระคนปลาบปลื้มไปทั่วอาณาบริเวณจนเด็กหนุ่มต้องเอามือขึ้นปิดหู
อยู่เสียงที่ดังสนั่นก็พลันเงียบลง
เมื่อเด็กหนุ่มเงยหน้ามองชายหนุ่มปริศนาก็ยืนอยู่ต่อหน้าของเขา
“อ... เออ
คือ..”
ก่อนที่จะได้ถามเอเลนถูกคว้ามือไปก่อนชายปริศนาจะก้มลงจูบที่หลังมือของเด็กหนุ่ม
ใบหน้ามนรู้สึกร้อนผ่าวทั้งตกใจระคนเขินอายทำตัวไม่ถูก
กว่าจะรู้สึกตัวใบหน้านั่นก็เขยิบเข้ามาใกล้จนต้องถอยหลังหนี
แต่อยู่ๆแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายกลับกระชับโอบกอดเอวไว้
“ด..เดี๋ยวก่อนนี่มัน!”
เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบใบหูเด็กหนุ่ม
“ไม่ต้องห่วงเอเลน
เป็นการช่วยเอลวินโปรโมทนายอยุ่นิ่งๆก็พอแล้ว”
“นี่เป็นแผนการของคุณเอลวินงั้นเหรอครับ?”
ชายหนุ่มละออกจากใบหู
นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่มองลอดผ่านผ้าพันแผลทำให้เด็กหนุ่มหยุดชะงักราวกับถูกดึงดูด
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีความรู้สึกนุ่มหยุ่นสัมผัสลงที่กลีบปากของเขา
เสียงร้องเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณแต่เอเลนกลับรู้สึกหูอื้ออึง
ร่างโปร่งได้แต่ยืนแข็งทือไม่เข้าใจ นี่เขากำลังโดนผู้ชายจูบงั้นเหรอ?
“เอาล่ะเอเลนเกาะฉันให้แน่นๆ”
ยังไม่ทันที่จะได้สงสัย
ร่างก็ถูกยกลอยจากพื้น สองแขนรีบตวัดโอบไหล่หนากำยำเบื้องหน้า ทั้งตกใจและแปลกใจ
จนหัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ตกลงนี่เป็นการโปรโมทงานให้คุณเอลวินยังงั้นเหรอ
แล้วทำไมชายปนุ่มคนนี้ถึงเรียกเขาว่า เอเลน?
กลิ่นนเหอมที่เด่นชัดจากตัวชายปริศนาคนนี้ช่างคุ้นเคยจนทำให้รู้สึกหัวหมุน
ชายหนุ่มกระชับตัวร่างโปร่งในอ้อมแขนก่อนจะวิ่งด้วยความเร็วฝ่าเหล่าฝูงชนที่อยู่รายล้อม
เสียงฝีเท้าจำนวนมากต่างวิ่งไล่ตามพร้อมทั้งร้องตะโกนขอให้ชายหนุ่มปริศนาหยุด แต่ฝีเท้านั้นยังคงไม่ลดระดับความเร็ว
“ก้มหน้าซะเจ้าหนู!”
เพราะประโยคคำสั่งจากที่พยายามเงยมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงต้องรีบมุดหน้าเข้ากับไหล่ของชายหนุ่ม
เหงื่อที่ไหลซึมออกมาและลมหายใจที่หอบเป็นจังหวะทำให้เอเลนรู้สึกใจเต้นแปลกๆ
ทั้งที่ต้องแบกเขาซึ่งตัวก็ไม่ใช่เล้กๆแล้วยังวิ่งด้วยความเร็วขนาดนี้เรียกได้ว่าสมรรถภาพทางร่างกายของชายคนนี้ไม่ธรรมดา
ชายหนุ่มกระโดดตวัดตัวโหนกิ่งไม้ที่อยู่ไม่ไกลนักก่อนจะข้ามกำแพงที่อยู่ติดกันทำให้เหล่ากลุ่มคนที่วิ่งไล่ตามไม่สามารถตามต่อได้ต้องอ้อมไปทางประตูของสวนสาธารณะ
และนั่นทำให้เขามีเวลามากพอที่จะหลบหนีไปได้ในที่สุด
ชายปริศนาอุ้มเอเลนจนมาถึงที่รถของอาร์มินจอดรอรับ
“รักษาเวลาได้ดีสมเป็นคุณจริงๆเลยนะครับ”
รีไววางตัวเด็กหนุ่มลง
แต่มือแกร่งนั้นยังคงจับแขนบางไว้ไม่ยอมปล่อย
“ต้องค่อยๆเป็นไปตามที่ตกลงนะครับ
อีกไม่นานพวกคุณก็เจอกันอีกอยู่แล้ว”
เสียงคำรามสบถอย่างไม่พอใจของชายหนุ่มจนเอเลนหันไปมอง
นัยน์ตาสีขี้เถ้าครุกรุ่นวาวโรจน์อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะจำใจปล่อยมือ
“เออ
ขอโทษนะครับคุณคือ?”
เพราะความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดจึงอยากรู้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร บางทีอาจทำให้เขานึกอะไรออกขึ้นมาได้บ้าง
ชายหนุ่มหันมองเด็กหนุ่ม
มือหยาบคว้าท้ายทอยของอีกฝ่ายให้ก้มมาใกล้กับตน
“พยายามอยากปล่อยไปเฉยๆอยู่หรอกนะ”
ก่อนที่จะได้เข้าใจ
การกระทำของชายหนุ่มก็ให้คำตอบกับเอเลน
ริมฝีปากที่ได้สัมผัสไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนถูกทาบทับลงมาอีกครั้ง
ลิ้นร้อนแทรกเข้าโพรงปากนุ่มของเด็กหนุ่ม
ตวัดหยอกเย้าเร่งเร้าเรียวลิ้นบางในพรงปาก
แม้ห่างเหินมานานแต่ดูเหมือนยังคงตอบสนองเป็นอย่างดี
ทั้งที่ตกในแต่ร่างกายที่ตอบรับราวกับคุ้นเคยโดยสัญชาตญานทำให้เอเลนรู้สึกแปลกใจยิ่งกว่า
กว่าที่ริมฝีกปากที่จาบจ้วงนั้นจะยอมละออกก็ทำเอาเขาแทบขาดอากาศหายใจ
“คุณนี่จะเรียกว่ามีความอดทนต่ำกับบางเรื่องได้รึเปล่าครับนี่?”
อาร์มินเกาผมของตนพลางมองชายหนุ่มอย่างระอา
ชายปริศนาเพียงแค่ผลักเด็กหนุ่มไปหาอาร์มิน
ก่อนจะพยักหน้าให้เจ้าตัวจัดการพาเอเลนกลับไปส่งที่เดิม
“ด...
เดี๋ยวก่อน คุณคือ?” ก่อนที่จะขึ้นรถด้วยความงุนงง
เอเลนตวัดตัวกลับมาถามเพื่อหวังคลายข้อข้องใจ ไหนๆเขาก็โดนขโมยจูบไปตั้งสองครั้ง
ก็ควรจะรู้หน่อยว่าคนที่ทำเป็นใคร?
“รีไว....
ไม่ต้องห่วงไอหนูอีกไม่นานเราจะได้เจอกันแน่นอน”
รีไวยกยิ้มมุมปากก่อนจะสั่งให้อาร์มินพาตัวเด็กหนุ่มกลับไปที่โรงพยาบาล
ชายหนุ่มมองรถยนต์สีขาวแล่นออกจนลับสายตาก่อนจะก้าวกลับไปอีกทาง
ใบหน้าคมคายมองเหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวในชุดสูทที่อยู่ด้านหน้าราวกับรอเขาอยู่แล้วก่อนจะปลดผ้าพันแผลที่ใบหน้าออก
“นายรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เอลวินเอ่ยถามทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเดินมายังที่ที่เขาดักรอ
“ไม่ใช่นายคนเดียวที่ชอบบิดเบือนข้อมูล
เรื่องพื้นฐานแบบนั้นพอหัวฉันเย็นลงบ้างก็ต้องนึกออก”
อิซาเบลและฟาร์ลันที่เดินตามมาที่หลังมายืนหยุดอยู่เบื้องหลังของรีไว
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสปอตไลท์ที่ทั้งสองหอบหิ้วมาทำให้รู้ว่าทั้งสองคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน
“ข่าวลือเรื่องของชายหนุ่มปริศนาที่เหมือนนายแบบของแบรนเครื่องสำอางที่ตอนนี้ออกมายามค่ำคืนพร้อมทั้งหว่านเสน่ห์จนสาวๆคลั่งไคล้ไปทั่ว
ที่จริงเป็นพวกนายเองสินะ
อีกทั้งยังกระจายข่าวในโบกโซเชี่ยลว่าจะมีการเปิดตัวชายปริศนาที่สวนสาธรณะวันนี้
เป็นการตลาดที่เยี่ยมมาก” ฮันซี่ขยับแว่นมองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างชื่นชม
ไม่คิดเลยว่าเรื่องของเอเลนรีไวจะรู้นานแล้ว
และที่ออกไปทุกคืนไม่ใช่เพียงแค่ตามหาเอเลน
แต่เป็นการโปรโมทตัวเองในแบรนโฆษณาและมันทำให้ตัวบริษัทวุ่นวายและถูกบีบรัดกลายๆเรื่องของ
นายแบบ และนางแบบปริศนา ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เอลวินไม่หาคนอื่นมาแทน
ก็จะต้องจัดการให้เรื่องเงียบ
แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างนั้นเจ้าตัวเลยใช้ไม้ตายจัดการเรื่องเปิดตัว อีกทั้งยังพาเอเลนมาใช้ในการเปิดตัวครั้งนี้ได้อีกด้วย
เรียกว่ายิงปืดนัดเดียวได้นกทั้งฝูงเลยก็ได้
“พี่สาวอย่าดูถูกเครือข่ายของเราให้มากนัก
เรื่องการตามหาเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวนี่ง่ายกว่าพลิกหน้าหนังสืออีก”
อิซาเบลยืดอกคุยโว
“นายนี่ตบตาพวกฉันซะอยู่หมัดร้ายชะมัด
ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฮันซี่หัวเราะด้วยความรู้สึกทั้งทึ่งและสะใจ
ดูเหมือนคราวนี้เอลวินจะโดนตลบหลังจนเสียศูนย์
“ถ้านายอยากเล่นเกมส์
ฉันก็จะเล่นเกมส์กับนายเอลวิน” รีไวเดินเขยิบเข้าใกล้ชายหนุ่มผมทองมากขึ้น
มือแกร่งตบลงบนแขนของชายหนุ่มผมทอง
“แต่ไม่ได้มีแค่นายที่เล่นเกมเป็นคนเดียว
จริงไหม?”
รีไว อิซาเบล
และฟาลัน เดินฝ่าเอลวิน ไมค์ และฮันซ่ออกไปยังรถยนต์ของตนที่จอดทิ้งไว้ไม่ไกลนัก
เมื่อรถแล่นออกไปเอลวินที่ยืนเงียบอยู่นานก็ระเบิดหัวเราะจนตัวโยน
ให้ตายสิ
ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาอยู่ๆก็เริ่มคลายภายในวันเดียว..... Feel Love Feel
Desire Make Blind บางทีคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิด
เพราะบางครั้งมันอาจเป็นต้นเหตุของอาวุธที่ร้ายแรงก็ได้... และแบบนี้ดูเหมือนเขาต้องตัดใจยอมเล่นตามเกมของรีไวที่วางไว้
ที่รีไวยอมลงทุนทำถึงขนาดนี้โดยไม่บุกไปชิงตัวเอเลนเสียตั้งแต่แรก เพราะรู้ดีว่าถ้าเอเลนยังอยู่กับเขาน่าจะปลอดภัยกว่ายิ่งเมื่อตอนนี้กำลังสืบเสาะเรื่องของเคนนี่
และดูเหมือนหมอนั่นจะรู้ว่าเอเลนความจำเสื่อมการไปชิงตัวมาเลยแบบนั้นอาจทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสับสนและอาจต่อต้านตัวเองก็เป็นได้
และเหนือสิ่งอื่นใด หมอนั่นรู้ดีว่า คนอย่าง เอลวิน สมิท ไม่ทำเรื่องที่เสียผลประโยชน์และช่องทางที่นำมาซึ่งกำไรเขาก็จะลงทุน
เพราะอย่างนั้นหมอนั่นจึงทุ่มเทหาทางโปรโมตตัวเองเพื่อบีบรัดเขาให้ต้องยอมส่งเอเลนออกมา
จะว่ายังไงดีล่ะ รู้สึกเหมือนกับว่าถูกน็อคเลยจริงๆ
แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าความคิดของเขาบางทีก็คงคิดผิด ที่คิดว่าจะดัดนิสัยของรีไวเสียบ้างกลายเป็นเขาที่โดนดัดหลังเข้าอย่างจัง......
TBC.
.............................................................................
ก่อนอื่นสุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ ดีใจที่อัพทัน แต่ตอนพิเศษช่วงนี้งด(ยาวๆ) ของเคลียไหหลักๆก่อนนะ
อาถรรพ์ล่ารักกำลังจะกลับมาพอมีเฮียอยู่ด้วยทีไรมันจูบกันทุกตอนจริงๆนะเออ
ขอย้ำเป็นรอบที่ล้านแปด...เรื่องนี้อย่าเอาสาระค่ะ.........//โดนตรบ
มีแค่โครงเรื่องคร่าวๆนอกนั้นความโม่ยล้วนๆ
ขออภัยที่หายไปนานนะคะ คือว่าทั้งเรื่องงาน+เรื่องส่วนตัว+บลาๆๆๆๆๆ แทบอยากแยกร่างทำ
ตอนนี้กำลังตัดสินใจจะสอยเนตบุคจริงจัง เพราะอย่างน้อยน่าทำให้มีเวลาอัพนิยายง่ายขึ้น(ไปนู้นมานี่บ่อยจนคิดว่าน่าจะมีอ่ะ TTATT)
รักนักอ่านทุกท่านเช่นเคยนะคะ ขอบคุณที่รอกันนะ เค้าจิพยายามดองน้อยลงตามอรรถภาพ(//เหม่อมองฟ้า)
ในที่สุดก็มาต่อ รอตอนต่อไปรัวๆคร้าาา
ตอบลบขอโทษที่ช้าค่ะ กำลังจะมาต่อเลย
ลบไม่ว่าเรื่องไหนก็ชอบทั้งนั้นล่ะค่ะ ขอแค่เป็นรีเอ 555 แล้วจะรอนะคะ
ตอบลบขอบคุณนะคะ รีเอคือนิพพานค่ะ ฮาๆ
ลบชอบค่าา เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
ตอบลบขอบคุณนะคะขอเก็บกำลังใจเป็นแรงผลักดันในการปั่นฟิครัวๆเลยค่ะ
ตอบลบ