วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Fic. [AU]: Attack On Titan: ล่ารักอันตราย (Part II) Chapter 8: Revenge



Fic. [AU]: Attack On Titan: ล่ารักอันตราย (Part II)

Pairing: (Levi x Eren)

……………………………………………………………………………………..

Chapter 8: Revenge



            นัยน์ตาสีหมอกมองผ่านหน้าต่างชมวิวยามค่ำคืนของตึกสูง ใบหน้าคมดุดันนิ่งงันยากจะคาดเดาความคิด รีไวมองเวลาบนนาฬิกาที่ข้อมือซ้าย ชายหนุ่มตวัดเสื้อคลุมที่พาดไว้บนเก้าอี้หนังขึ้นพาดไหล่เดินไปที่ประตู ประตูไม้ที่ปิดถูกเปิดออกสวนทันทีที่ชายหนุ่มกำลังจะจับลูกบิด ฮันซ่เดินเข้ามาพร้อมเอกสารก่อนจะละสายตาจากเอกสารเมื่อเห็นเงาของคนที่ยืนขวางประตู

            “วันนี้นายก็ยังจะออกไปอีกเหรอ?”

            “เอกสารของฉันทิ้งไว้เลย เช้าฉันจะกลับมาทำ”

            รีไวเบี่ยงตัวออกจากประตู ฮันซี่ได้แต่ถอนหายใจ มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่าย หญิงสาวโยนเอกสารลงบนโต๊ะก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้สำนักงาน ไม่นานนักประตูก็เปิดออกอ กครั้งพร้อมชายผู้เป็นต้นเหตุเรื่องวุ่นวาย

            “เมื่อสักครู่ฉันสวนทางกับรีไว.... หมอนั่นยังคงไม่ละความพยายามน่าดู”

            ฮันซี่ปรายตามองเอลวินก่อนจะเบะปากใส่

            “นายจะเอาไงต่อ? เรื่องของเคนนี่ก็ยังไม่คืบหน้า หมอนั่นก็สภาพยังกับซอมบี้ขึ้นทุกวัน ดีนะที่ตอนนี้กลับมาโกนหนวดตัวเองได้ในที่สุด” ตอนที่หมอนั่นไม่โกนหนวดมาทำงานอยู่สักระยะเธอรู้สึกยังกับว่าทำงานกับพวกนักฆ่าสังหารโหด

            เอลวินยิ้มแห้ง ที่จริงก็รู้สึกเห็นใจเพื่อนของตนเช่นกัน แต่ตอนนี้เขายังไม่เจอทางที่จะทำให้ทุกอย่างมันลงตัวเลยน่ะสิ อีกทั้งยังมีเรื่องอาร์มินที่เข้ามาวุ่นวาย คิดว่าอีกไม่นานเรื่องที่เอเลนความจำเสื่อมและอยุ่กับเขาคงแตก แต่กว่าจะถึงตอนนั้นก็ได้แต่หวังว่าเชาจะหาทางรับมือทัน

            “ปัญหาที่นายผูกไว้แก้เองนะฉันไม่ยุ่งด้วย” ฮันซี่ถอนหายใจอย่างนึกปลง หญิงสาวยื่นเอกสารกองหนึ่งให้กับชายหนุ่มผมทอง

            “นายได้รับรายงานเรื่องยอดขายแบรนเครื่องสำอางตัวใหม่ที่ทะลุเป้าจนผลิตไม่ทันแล้วหรือยัง?”

            เอลวินพยักหน้ารับตรวจเอกสารที่ฮันซ่ส่งให้

            Feel Love Feel Desire Make Blind ทำยอดได้เกินที่ฉันคาดหวังไว้อีก น่าสนใจจริงๆ” เอลวินยิ้มอย่างภาคภูมิ ไม่คิดเลยว่าคอนเซปที่เขาวางไว้ อีกทั้งบังคับเอเลนและรีไวให้มาช่วยเป็นแบบจะเป็นที่ตอบรับขนาดนี้

                “เรื่องการผลิตยังไม่เท่าไร แต่ดูเหมือนจะมีกลุ่มที่ต้องการรู้ว่านางแบบและนายแบบในภาพเป็นใคร”  ฮันซี่ยื่นเอกสารรายงานอีกฉบับให้

                “พวกเราที่ไม่ค่อยได้เข้าจัดการงานในเวลาปกติตอนเช้าเลยไม่รู้ แต่นานาบะที่จัดการดูแลบริษัทตอนเช้ามารายงานฉันจนหูชาตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้ มาขัดจังหวะฝันหวานของฉันสุดๆ” ทั้งที่กำลังฝันว่าได้วิจัยมนุษย์ต่างดาวและกำลังจะได้ผ่าตัดร่างนั้นแท้ๆ แต่ต้องตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์และบ่นจนหูชาเรียกได้ว่าตาสว่างจนหายงัวเงียเลย

                “แล้วยัยนั่นว่าไงบ้าง?” เอลวินตรวจสอบเอกสารและต้องแปลกใจกับยอดการรายงานของผู้ที่ติดต่อเข้ามาในบริษัทจำนวนมากกว่า 40% ของทุกครั้ง

                “ต้องพยายามตอบคำถามที่เหมือนกรอเทปซ้ำๆไง เรื่องของนายแบบและนางแบบในภาพ นี่ไม่รวมทั้งมีบริษัทเอเจนซี่โฆษนามาติดต่อของซื้อตัวในราคาที่สูงลิ่วด้วยนะ”

                เอลวินถูคางไปมา ดูเหมือนจะมีปัญหาให้เขามานั่งแก้ขึ้นอีกอย่าง ทั้งที่มีแผนรับมือการตลาดที่คาดว่าจะเป็นกระแสอยู่แล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้เขาจัดการตามแผนสำรองเลยนี่สิ...

                “แล้วก็ยังมีข่าวลือเรื่อง...”

                rrRRR

                เสียงโทรศัพท์ดังแทรกการรายงานของฮันซ่ เอลวินมองรายชื่อที่แสดงบนหน้าจอก่อนจะกดรับอย่างรวดเร็ว

                “มีอะไรไมค์?”

                [ขอโทษที่โทรมาเวลางานของนาย แต่พอดีมีเหตุฉุกเฉิน] เสียงมิเกะเครือความกังวล จนเอลวินเริ่มขมวดคิ้ว

                [อเล็กซ์ ฉันหมายถึงเอเลน อยู่ๆหมอนั่นก็ปวดหัวจนทรุดลงไปกับพื้น ฉันเลยพามาโรงพยาบาลตอนนี้หมอกำลังตรวจอาการ]

                [เข้าใจแล้ว ถ้าฉันเสร็จงานจะรีบไป ฝากดูอาการของเอเลนด้วย]

                ไมค์รับคำก่อนกดวางสายจบบทสนทนา

                ชายหนุ่มนวดขมับของตนเองเบา ให้ตายสิพอจะมีปัญหาทีก็ถาโถมเข้ามาไม่ให้เขาได้ตั้งตัวเลย

 

               

                เด็กหนุ่มร่างบางนอนหลับบนเตียงสีขาว นัยน์ตากลมโตยังคงปิดสนิท ไมค์ลูบบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มเบาๆก่อนจะละสายตาไปมองยังประตูพร้อมผู้มาเยือนที่ตนได้แจ้งข่าว

                “เอเลนเป็นไงบ้าง?” เอลวินถามทันทีที่เข้ามาภายในห้อง

                ไมคืยกนิ้วขึ้นแตะที่ปากของตนเป็นการบอกให้อีกฝ่ายเงียบลง

                “ไม่มีอะไรน่าห่วงทุกอย่างปกติดี แต่หมอบอกว่าให้เจ้าตัวพักดูอาการอีกสักระยะ”

                เอลวินถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ได้ยินรายงานว่าเอเลนยังคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

                “เรื่องความทรงจำของเอเลนคืบหน้าบ้างไหม?”

                ไมค์ส่ายหัวไปมาแทนคำตอบ

                “แต่หมอบอกว่ายังมีหวัง ต้องใช้เวลาค่อยๆฟื้นฟูกันไป”

                เอลวินล้มตัวนั่งลงบนโซฟารับแขกในห้องอย่างหมดแรง รู้สึกวันนี้ของเขาช่างยาวนานเหลือเกินจริงๆ หรือเพราะจะเริ่มแก่แล้วรึเปล่า?

                “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องทำต่อไปจนถึงที่สุดล่ะนะ” ทุกอย่างเขายังคงดำเนินการตามแผนเดิม ถ้าเรื่องเคนนี่จบลงเขาจะส่งตัวเอเลนคืนให้กับรีไว ส่วนเรื่องความทรงจำคงต้องลุ้นกันว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะเป็นอย่างไร เพียงแต่ในใจของเขาตอนนี้กลับรู้สึกไม่อยากคืนเอเลนให้กับเพื่อนของเขาแล้วน่ะสิ....

                “ดูเป็นคนขี้โกงชะมัด” เอลวินเค้นยิ้ม นัยน์ตาสีน้ำทะเลยังคงมองเด็กหนุ่มที่หลับใหลบนเตียง

                ไมค์บีบลงบนที่ไหล่ของชายหนุ่ม เอลวินเงยหน้ามองก่อนจะส่ายศีรษะเล็กน้อย

                “ไม่เป็นไร ฉันชินชากับการถูกมองว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวมานานแล้ว นายก็รู้” หลายครั้งที่พยายามคว้าให้ได้มาถึงสิ่งที่ต้องการแม้บางทีอาจต้องเล่นสกปรกไปบ้างก็ตาม... หรือทำให้ใครเดือดร้อน....

 

 

 

 

                เปลือกตาบางปรือมองเมื่อแสงอาทิตย์ส่องเข้ากระทบภายในห้องและใบหน้าของเด็กหนุ่ม นัยน์ตาสีมรกตมองไปรอบๆห้องก่อนจะได้ยินเสียงทักทาย

                “ตื่นแล้วเหรอครับคุณอเล็กซ์” อาร์มินยกชาร้อนที่ชงไว้ในกามาพร้อมวางลงบนโต๊ะทานอาหารที่อยู่ภายในห้องผู้ป่วย

                “อยากทานอะไรหรือเปล่าครับ จะสั่งมาใหม่หรือทานที่ทางโรงพยาบาลยกมาให้ดีครับ?” อาร์มินยื่นเมนูอาหารให้กับอีกฝ่ายที่เขยิบลุกขึ้นนั่งบนเตียง

                “พอดีคุณเอลวินให้คุณไมค์ไปช่วยงานระหว่างที่ผมขอมาเยี่ยมคุณน่ะครับ” อาร์มินอธิบายให้อีกฝ่ายฟังเมื่อเห็นว่าเอเลนยังคงนิ่งเงียบ

                เอเลนจ้องมองใบหน้าของเด็กหนุ่มผมทองก่อนจะมองเมนูอาหารในมือแล้วจ้องกลับไปที่ใบหน้าของอาร์มินที่ยังคงยิ้มระรื่น

                “คุณอาร์มิน...... ทำแบบนี้จะดีจริงๆเหรอครับ?” เอ่ยถามด้วยความหนักใจ

                เด็กหนุ่มผมทองทำหน้าครุ่นคิดสักครู่ ก่อนจะยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย

                “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ คุณอเล็กซ์อยากช่วยอะไรคุณเอลวินบ้าง ถ้าทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีมันต้องดีกับคุณเอลวินแน่นอน”

                เอเลนพยักหน้าตอบรับ อาร์มินที่ไปช่วยสอนพิเศษที่บ้านจึงทำให้เขาทั้งสองมีเวลาได้อยุ่ด้วยกันและเริ่มสนิทคุ้นเคยกัน เพราะเป็นเพียงคนเดียวที่อายุไล่เลี่ยกันและทำให้เขาหายเบื่อได้บ้างในเวลาแบบนี้ และเพราะอยู่ๆเขาก็เปรยขึ้นว่าอยากช่วยงานพ่อบุญธรรมของเขา เอลวิน บ้าง อาร์มินจึงช่วยวางแผน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้เขาแกล้งป่วยจนมานอนที่โรงพยาบาล

                “ไม่ต้องห่วงครับ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย หลังจากอาหารเย็นและตรวจรอบเย็นแล้วเราจะแอบหนีออกจากโรงพยาบาลกัน”

                “ถ้าคุณไมค์กลับมาแล้วจะไม่เป็นเรื่องใหญ่เหรอครับ?”

                “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง งานวันนี้น่าจะยุ่งไปจนถึงดึกเลยล่ะครับ”

                อาร์มินยกยิ้มอย่างรู้สึกสนุกให้กับอีกคนที่ยังคงเอียงคอมองอย่างแปลกใจระคนสงสัย ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าอาร์มินคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าเป็นสิ่งที่ช่วยพ่อบุญธรรมของเขาได้ เขาจึงทำตามอย่างไม่คิดติดใจสงสัย

 

                หลังเจ้าหน้าที่เก็บถาดอาหารเย็นออกไปพร้อมทั้งการตรวจรอบเย็นเสร็จสิ้น ไม่นานนักอาร์มินก็กลับมาพร้อมหญิงสาวผมสีทองคนหนึ่ง และส่งกระเป๋าใบใหญ่ยื่นให้เขา

                “ผมให้แอนนี่มาช่วยปลอมเป็นคุณระหว่างที่เราหลบออกไป ในกระเป๋ามีเสิ้อผ้าและเครื่องแต่งตัวนิดหน่อย หลังจากที่คุณแต่งตัวเสร็จเราจะไปกันทันที”

                เอเลนเปิดกระเป๋า ใบหน้ามนมองของในกระเป๋าพลางขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะหันไปสบตากับเจ้าของกระเป๋าที่ยืนยิ้มให้

                “ถ้าเพียงแค่เปลี่ยนเสื้อมันไม่เรียกปลอมตัวหรอกนะครับ เอาล่ะอย่าเสียเวลาเลย” อสน์มินดึงคนในชุดคนป่วยลงจากเตียงดันแผ่นหลังบางที่อิดออดให้เข้าไปในห้องน้ำ

                เพียงไม่กี่นาทีเอเลนที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายก็ก้าวเดินออกมา ร่างโปร่งบางออกมาพร้อมกับชุดเสื้อกล้ามสีดำ มีเสื้อคลุมหนังแขนยาวเข้ารูปทรงผู้หญิงสีดำปิดทับ พร้อมทั้งกางเกงขาสั้นกับเข็มขัดหนังเส้นใหญ่ และรองเท้าบู๊ทครึ่งแข้ง ใบหน้ามนมีสีหน้าหนักใจกับของที่ถืออยู่ในมือ

                “วิกนั่นก็ต้องใส่นะครับอเล็กซ์ ถ้าใส่เองไม่ได้ผมจะช่วย” อาร์มินหยิบวิกผมสีเข้มยาวในมือของเด็กหนุ่มก่อนจะช่วยสวมใส่ให้เรียบร้อย

                เด็กหนุ่มผมทองจับตัวร่างโปร่งหมุนไปมาเพื่อตรวจความเรียบร้อย ก่อนจะจูงมือให้มานั่งยังโซฟาในห้อง แล้วลงมือแต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้าหวาน

                “คุณอาร์มินผมยังไม่เข้าใจเลยว่าจะช่วยคุณเอลวินได้ยังไง” ริมฝีปากที่ถูกแต่งแต้มสีสดเอ่ยถาม

                “ไว้ผมจะอธิบายให้คุณฟังทีหลัง ตอนนี้เรารีบไปกันเถอะ”

                อาร์มินพยักหน้าให้แอนนี่ที่ตอนนี้อยู่ในชุดผู้ป่วยแทน แอนนี่รับทราบจึงสวมวิกผมสีน้ำตาลและขึ้นนอนบนเตียงจนกระทั่งทั้งสองหายไปดำเนินการตามแผน

 

                อาร์มินและเอเลนเดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างปกติ ไม่มีใครเอะใจสงสัยถึงสาวผมยาวที่เดินตามออกมากับเขาจนกระทั่งถึงรถที่จอดรอรับไว้อยู่แล้ว เมื่อรถเคลืท่อนตัวออกจากโรงพยาบาล

                เมื่อรถยนต์แล่นเข้ามาถึงสวนสาธารณะใจกลางเมือง เด็กหนุ่มทั้งสองลงจากรถเดินไปยังน้ำพุที่อยุ่ตรงกลางของสวน เอเลนมองสำรวจรอบๆก่อนจะโครงศีรษะไปมา

                “แล้วเราต้องทำยังไงต่อเหรอครับ?”

                อาร์มินยิ้มตอบก่อนจะดันไหล่บางให้เดินนำหน้าไปยังลานน้ำพุเบื้องหน้า

                “รอตรงนี้สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมกลับมา”

                เมื่ออาร์มินเดินจากไปเอเลนจึงนั่งรอที่ม้านั่งหน้าน้ำพุ เพราะเป็นเวลาดึกแล้วสวนสาธรณะจึงเริ่มเปิดไฟในสวน เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาที่เรียกได้ว่าดึกมาก แต่ที่สวนแห่งนี้ยังคงคึกคักไปด้วยผู้คนราวกับใกล้ๆนี้มีงานเทศกาล

                อากาศที่เย็นทำและอยู่ในสวนทำให้กลิ่นดอกไม้นั่นคลุ้งขจรไปทั่วบริเวณ แต่เด็กหนุ่มรู้สึกติดใจกับกลิ่นที่ลอยมาแฝงกับกลิ่นของดอกไม้ จะเรียกว่าเป็นกลิ่นของน้ำหอมก็ว่าได้ แต่เป็นกลิ่นของน้ำหอมที่มให้ความรู้สึกคุ้นชิน ทั้งที่พยายามนึกเท่าไรแต่ก็นึกไม่ออก ทันใดนั้นไฟทั่วทั้งสวนสาธารณะก็ดับวูบลง ท่ามกลางเสียงตกใจระคนอลหม่านเล็กน้อย แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเกินการควบคุม แสงสปอตไลท์ดวงหนึ่งถูกยิงลำแสงลงมา ทุกสายตาไปจับจ้องที่ปลายแสง ร่างสันทัดในชุดสูทสีดำทมิฬค่อยๆก้าวเดินออกมา เมื่อแสงฉายไปที่บ้านหน้าของชายคนนั้นเอเลนรู้สึกแปลกใจกับใบหน้าที่ถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าพันแผล แต่เหมือนกับทุกคนที่สวนสาธารณะจะรู้จักชายหนุ่มปริศนาคนนั้น ทันทีที่เขาปรากฏกายเสียงกรี๊ดดังสนั่นด้วยความตื่นเต้นระคนปลาบปลื้มไปทั่วอาณาบริเวณจนเด็กหนุ่มต้องเอามือขึ้นปิดหู

                อยู่เสียงที่ดังสนั่นก็พลันเงียบลง เมื่อเด็กหนุ่มเงยหน้ามองชายหนุ่มปริศนาก็ยืนอยู่ต่อหน้าของเขา

                “อ... เออ คือ..”

                ก่อนที่จะได้ถามเอเลนถูกคว้ามือไปก่อนชายปริศนาจะก้มลงจูบที่หลังมือของเด็กหนุ่ม ใบหน้ามนรู้สึกร้อนผ่าวทั้งตกใจระคนเขินอายทำตัวไม่ถูก กว่าจะรู้สึกตัวใบหน้านั่นก็เขยิบเข้ามาใกล้จนต้องถอยหลังหนี แต่อยู่ๆแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายกลับกระชับโอบกอดเอวไว้

                “ด..เดี๋ยวก่อนนี่มัน!

                เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบใบหูเด็กหนุ่ม

                “ไม่ต้องห่วงเอเลน เป็นการช่วยเอลวินโปรโมทนายอยุ่นิ่งๆก็พอแล้ว”

                “นี่เป็นแผนการของคุณเอลวินงั้นเหรอครับ?”

                ชายหนุ่มละออกจากใบหู นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่มองลอดผ่านผ้าพันแผลทำให้เด็กหนุ่มหยุดชะงักราวกับถูกดึงดูด เมื่อรู้สึกตัวอีกทีความรู้สึกนุ่มหยุ่นสัมผัสลงที่กลีบปากของเขา เสียงร้องเชียร์ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณแต่เอเลนกลับรู้สึกหูอื้ออึง ร่างโปร่งได้แต่ยืนแข็งทือไม่เข้าใจ นี่เขากำลังโดนผู้ชายจูบงั้นเหรอ?

                “เอาล่ะเอเลนเกาะฉันให้แน่นๆ”

                ยังไม่ทันที่จะได้สงสัย ร่างก็ถูกยกลอยจากพื้น สองแขนรีบตวัดโอบไหล่หนากำยำเบื้องหน้า ทั้งตกใจและแปลกใจ จนหัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ตกลงนี่เป็นการโปรโมทงานให้คุณเอลวินยังงั้นเหรอ แล้วทำไมชายปนุ่มคนนี้ถึงเรียกเขาว่า เอเลน? กลิ่นนเหอมที่เด่นชัดจากตัวชายปริศนาคนนี้ช่างคุ้นเคยจนทำให้รู้สึกหัวหมุน

                ชายหนุ่มกระชับตัวร่างโปร่งในอ้อมแขนก่อนจะวิ่งด้วยความเร็วฝ่าเหล่าฝูงชนที่อยู่รายล้อม เสียงฝีเท้าจำนวนมากต่างวิ่งไล่ตามพร้อมทั้งร้องตะโกนขอให้ชายหนุ่มปริศนาหยุด แต่ฝีเท้านั้นยังคงไม่ลดระดับความเร็ว

                “ก้มหน้าซะเจ้าหนู!” เพราะประโยคคำสั่งจากที่พยายามเงยมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงต้องรีบมุดหน้าเข้ากับไหล่ของชายหนุ่ม เหงื่อที่ไหลซึมออกมาและลมหายใจที่หอบเป็นจังหวะทำให้เอเลนรู้สึกใจเต้นแปลกๆ ทั้งที่ต้องแบกเขาซึ่งตัวก็ไม่ใช่เล้กๆแล้วยังวิ่งด้วยความเร็วขนาดนี้เรียกได้ว่าสมรรถภาพทางร่างกายของชายคนนี้ไม่ธรรมดา

                ชายหนุ่มกระโดดตวัดตัวโหนกิ่งไม้ที่อยู่ไม่ไกลนักก่อนจะข้ามกำแพงที่อยู่ติดกันทำให้เหล่ากลุ่มคนที่วิ่งไล่ตามไม่สามารถตามต่อได้ต้องอ้อมไปทางประตูของสวนสาธารณะ และนั่นทำให้เขามีเวลามากพอที่จะหลบหนีไปได้ในที่สุด ชายปริศนาอุ้มเอเลนจนมาถึงที่รถของอาร์มินจอดรอรับ

                “รักษาเวลาได้ดีสมเป็นคุณจริงๆเลยนะครับ”

                รีไววางตัวเด็กหนุ่มลง แต่มือแกร่งนั้นยังคงจับแขนบางไว้ไม่ยอมปล่อย

                “ต้องค่อยๆเป็นไปตามที่ตกลงนะครับ อีกไม่นานพวกคุณก็เจอกันอีกอยู่แล้ว”

                เสียงคำรามสบถอย่างไม่พอใจของชายหนุ่มจนเอเลนหันไปมอง นัยน์ตาสีขี้เถ้าครุกรุ่นวาวโรจน์อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะจำใจปล่อยมือ

                “เออ ขอโทษนะครับคุณคือ?” เพราะความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดจึงอยากรู้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร บางทีอาจทำให้เขานึกอะไรออกขึ้นมาได้บ้าง

                ชายหนุ่มหันมองเด็กหนุ่ม มือหยาบคว้าท้ายทอยของอีกฝ่ายให้ก้มมาใกล้กับตน

                “พยายามอยากปล่อยไปเฉยๆอยู่หรอกนะ”

                ก่อนที่จะได้เข้าใจ การกระทำของชายหนุ่มก็ให้คำตอบกับเอเลน ริมฝีปากที่ได้สัมผัสไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนถูกทาบทับลงมาอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกเข้าโพรงปากนุ่มของเด็กหนุ่ม ตวัดหยอกเย้าเร่งเร้าเรียวลิ้นบางในพรงปาก แม้ห่างเหินมานานแต่ดูเหมือนยังคงตอบสนองเป็นอย่างดี ทั้งที่ตกในแต่ร่างกายที่ตอบรับราวกับคุ้นเคยโดยสัญชาตญานทำให้เอเลนรู้สึกแปลกใจยิ่งกว่า กว่าที่ริมฝีกปากที่จาบจ้วงนั้นจะยอมละออกก็ทำเอาเขาแทบขาดอากาศหายใจ

                “คุณนี่จะเรียกว่ามีความอดทนต่ำกับบางเรื่องได้รึเปล่าครับนี่?” อาร์มินเกาผมของตนพลางมองชายหนุ่มอย่างระอา

                ชายปริศนาเพียงแค่ผลักเด็กหนุ่มไปหาอาร์มิน ก่อนจะพยักหน้าให้เจ้าตัวจัดการพาเอเลนกลับไปส่งที่เดิม

                “ด... เดี๋ยวก่อน คุณคือ?” ก่อนที่จะขึ้นรถด้วยความงุนงง เอเลนตวัดตัวกลับมาถามเพื่อหวังคลายข้อข้องใจ ไหนๆเขาก็โดนขโมยจูบไปตั้งสองครั้ง ก็ควรจะรู้หน่อยว่าคนที่ทำเป็นใคร?

                “รีไว.... ไม่ต้องห่วงไอหนูอีกไม่นานเราจะได้เจอกันแน่นอน”

                รีไวยกยิ้มมุมปากก่อนจะสั่งให้อาร์มินพาตัวเด็กหนุ่มกลับไปที่โรงพยาบาล ชายหนุ่มมองรถยนต์สีขาวแล่นออกจนลับสายตาก่อนจะก้าวกลับไปอีกทาง ใบหน้าคมคายมองเหล่าชายหนุ่มและหญิงสาวในชุดสูทที่อยู่ด้านหน้าราวกับรอเขาอยู่แล้วก่อนจะปลดผ้าพันแผลที่ใบหน้าออก

                “นายรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” เอลวินเอ่ยถามทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเดินมายังที่ที่เขาดักรอ

                “ไม่ใช่นายคนเดียวที่ชอบบิดเบือนข้อมูล เรื่องพื้นฐานแบบนั้นพอหัวฉันเย็นลงบ้างก็ต้องนึกออก”

                อิซาเบลและฟาร์ลันที่เดินตามมาที่หลังมายืนหยุดอยู่เบื้องหลังของรีไว อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสปอตไลท์ที่ทั้งสองหอบหิ้วมาทำให้รู้ว่าทั้งสองคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน

                “ข่าวลือเรื่องของชายหนุ่มปริศนาที่เหมือนนายแบบของแบรนเครื่องสำอางที่ตอนนี้ออกมายามค่ำคืนพร้อมทั้งหว่านเสน่ห์จนสาวๆคลั่งไคล้ไปทั่ว ที่จริงเป็นพวกนายเองสินะ อีกทั้งยังกระจายข่าวในโบกโซเชี่ยลว่าจะมีการเปิดตัวชายปริศนาที่สวนสาธรณะวันนี้ เป็นการตลาดที่เยี่ยมมาก” ฮันซี่ขยับแว่นมองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างชื่นชม ไม่คิดเลยว่าเรื่องของเอเลนรีไวจะรู้นานแล้ว และที่ออกไปทุกคืนไม่ใช่เพียงแค่ตามหาเอเลน แต่เป็นการโปรโมทตัวเองในแบรนโฆษณาและมันทำให้ตัวบริษัทวุ่นวายและถูกบีบรัดกลายๆเรื่องของ นายแบบ และนางแบบปริศนา ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เอลวินไม่หาคนอื่นมาแทน ก็จะต้องจัดการให้เรื่องเงียบ แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างนั้นเจ้าตัวเลยใช้ไม้ตายจัดการเรื่องเปิดตัว อีกทั้งยังพาเอเลนมาใช้ในการเปิดตัวครั้งนี้ได้อีกด้วย เรียกว่ายิงปืดนัดเดียวได้นกทั้งฝูงเลยก็ได้

                “พี่สาวอย่าดูถูกเครือข่ายของเราให้มากนัก เรื่องการตามหาเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวนี่ง่ายกว่าพลิกหน้าหนังสืออีก” อิซาเบลยืดอกคุยโว

                “นายนี่ตบตาพวกฉันซะอยู่หมัดร้ายชะมัด ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฮันซี่หัวเราะด้วยความรู้สึกทั้งทึ่งและสะใจ ดูเหมือนคราวนี้เอลวินจะโดนตลบหลังจนเสียศูนย์

                “ถ้านายอยากเล่นเกมส์ ฉันก็จะเล่นเกมส์กับนายเอลวิน” รีไวเดินเขยิบเข้าใกล้ชายหนุ่มผมทองมากขึ้น มือแกร่งตบลงบนแขนของชายหนุ่มผมทอง

                “แต่ไม่ได้มีแค่นายที่เล่นเกมเป็นคนเดียว จริงไหม?”

                รีไว อิซาเบล และฟาลัน เดินฝ่าเอลวิน ไมค์ และฮันซ่ออกไปยังรถยนต์ของตนที่จอดทิ้งไว้ไม่ไกลนัก เมื่อรถแล่นออกไปเอลวินที่ยืนเงียบอยู่นานก็ระเบิดหัวเราะจนตัวโยน

                ให้ตายสิ ปัญหาที่ถาโถมเข้ามาอยู่ๆก็เริ่มคลายภายในวันเดียว..... Feel Love Feel Desire Make Blind บางทีคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิด เพราะบางครั้งมันอาจเป็นต้นเหตุของอาวุธที่ร้ายแรงก็ได้... และแบบนี้ดูเหมือนเขาต้องตัดใจยอมเล่นตามเกมของรีไวที่วางไว้ ที่รีไวยอมลงทุนทำถึงขนาดนี้โดยไม่บุกไปชิงตัวเอเลนเสียตั้งแต่แรก เพราะรู้ดีว่าถ้าเอเลนยังอยู่กับเขาน่าจะปลอดภัยกว่ายิ่งเมื่อตอนนี้กำลังสืบเสาะเรื่องของเคนนี่ และดูเหมือนหมอนั่นจะรู้ว่าเอเลนความจำเสื่อมการไปชิงตัวมาเลยแบบนั้นอาจทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสับสนและอาจต่อต้านตัวเองก็เป็นได้ และเหนือสิ่งอื่นใด หมอนั่นรู้ดีว่า คนอย่าง เอลวิน สมิท ไม่ทำเรื่องที่เสียผลประโยชน์และช่องทางที่นำมาซึ่งกำไรเขาก็จะลงทุน เพราะอย่างนั้นหมอนั่นจึงทุ่มเทหาทางโปรโมตตัวเองเพื่อบีบรัดเขาให้ต้องยอมส่งเอเลนออกมา จะว่ายังไงดีล่ะ รู้สึกเหมือนกับว่าถูกน็อคเลยจริงๆ แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าความคิดของเขาบางทีก็คงคิดผิด ที่คิดว่าจะดัดนิสัยของรีไวเสียบ้างกลายเป็นเขาที่โดนดัดหลังเข้าอย่างจัง......

TBC.
.............................................................................

ก่อนอื่นสุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ ดีใจที่อัพทัน แต่ตอนพิเศษช่วงนี้งด(ยาวๆ) ของเคลียไหหลักๆก่อนนะ
อาถรรพ์ล่ารักกำลังจะกลับมาพอมีเฮียอยู่ด้วยทีไรมันจูบกันทุกตอนจริงๆนะเออ
ขอย้ำเป็นรอบที่ล้านแปด...เรื่องนี้อย่าเอาสาระค่ะ.........//โดนตรบ
มีแค่โครงเรื่องคร่าวๆนอกนั้นความโม่ยล้วนๆ

ขออภัยที่หายไปนานนะคะ คือว่าทั้งเรื่องงาน+เรื่องส่วนตัว+บลาๆๆๆๆๆ แทบอยากแยกร่างทำ
ตอนนี้กำลังตัดสินใจจะสอยเนตบุคจริงจัง เพราะอย่างน้อยน่าทำให้มีเวลาอัพนิยายง่ายขึ้น(ไปนู้นมานี่บ่อยจนคิดว่าน่าจะมีอ่ะ TTATT)

รักนักอ่านทุกท่านเช่นเคยนะคะ ขอบคุณที่รอกันนะ เค้าจิพยายามดองน้อยลงตามอรรถภาพ(//เหม่อมองฟ้า)

 

6 ความคิดเห็น:

  1. ในที่สุดก็มาต่อ รอตอนต่อไปรัวๆคร้าาา

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอโทษที่ช้าค่ะ กำลังจะมาต่อเลย

      ลบ
  2. ไม่ว่าเรื่องไหนก็ชอบทั้งนั้นล่ะค่ะ ขอแค่เป็นรีเอ 555 แล้วจะรอนะคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณนะคะ รีเอคือนิพพานค่ะ ฮาๆ

      ลบ
  3. ชอบค่าา เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณนะคะขอเก็บกำลังใจเป็นแรงผลักดันในการปั่นฟิครัวๆเลยค่ะ

    ตอบลบ