Attack On
Titan Fan fic.: Lessons
of love
Pairing: (LevixEren)
Story By: Trendy
Blood
………………………………………………………………………………………………..
Lesson 6:
ห้องพักขนาด 27 ตรม. ที่อาศัยอยู่มา 5 ปี ตอนนี้ ห้องราวกับมีพื้นที่เพิ่มขึ้น
เพราะของต่างๆที่อยู่ภายในห้องพักถูกเก็บลงกล่องสีน้ำตาลหลากหลายใบที่ตั้งอยู่ภายในห้องมากมาย
รีไวสำรวจห้องต่างๆที่ตอนนี้ว่างเปล่าเพราะเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่เช่น ตู้ เตียง
โซฟา ถูกขนย้ายไปยังที่อยู่ใหม่ก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งที่คิดว่าคงใช้เวลาอย่างน้อย 2
เดือนในการหาบ้านใหม่สำหรับอยู่อาศัยกับเอเลนและสมาชิกตัวน้อยที่ได้มาโดยบังเอิญ
แต่เพราะชายที่ชื่อว่า เอลวิน สมิธ เลยทำให้หลังจากกลับมาจากไปเที่ยวพักผ่อนเพียง
2 อาทิตย์ เขาก็ได้รับข่าวดีปนยัดเยียดความปรารถนาดีของผู้เป็นเจ้านายและเพื่อนกับที่อยู่ใหม่อีกทั้งไม่ห่างไกลจากบริษัทและโรงเรียนของเอเลน
แน่นอนว่าราคาก็เป็นอีกอย่างที่เขาไม่อาจปฏิเสธกับบ้านสองชั้นใจกลางเมือง
“เอเลนเก็บของในห้องน้ำหมดแล้วฮะคุณอา” เด็กน้อยหิ้วตระกร้าพลาสกิตที่เก็บแชมพู
สบู ยาสีฟัน และแปรงสีฟันทั้งหมดในห้องน้ำออกมา
เมื่อรีไวเช็คกล่องทุกใบเรียบร้อยเสียงฝีเท้าที่วิ่งตรงมายังห้องก็ดังขึ้น
ไม่ทันที่จะหันไปมองประตูก็เปิดออกพร้อมเหล่าคนที่ชอบถือวิสาสะบุกบ้านคนอื่นยืนอยู่เต็มหน้าห้องของเขา
“บริการขนย้ายพิเศษโซเอะมาบริการแล้วจ้า!” ไม่ว่าเปล่าฮันซ่ตรงเข้าไปฟัดเด็กน้อยที่ถือตระกร้าของใช้ในห้องน้ำ
“ขอเก็บของชิ้นแรกไปเลยนะ!”
ว่าพลางเตรียมอุ้มเด็กน้อยเอเลน แต่ฝ่าเท้าที่คุ้นชินก็เหยียบเข้าที่หัวยุ่งๆของยัยจอมเพี้ยนจนหน้าจูบกับพื้นห้อง
และเอเลนก้มมองด้วยความรู้สึกคุ้นชิน
“มาตรงเวลาดีนี่พวกนาย” กล่าวทักทายเพทร่า ออลโอ เอริ์ด กุนเธอร์
ที่อาสามาช่วยขนของพลางใช้เท้าบดขยี้อีกหนึ่งคนที่ยังคงหน้าจูบกับพื้นห้องเช่นเดิม
หลังจากขนของทั้งหมดขึ้นรถบรรทุกขนย้ายที่ใช้อภิสิทธิ์ส่วนตัวนำของบริษัทมาใช้
เด็กน้อยรีบดึงแขนชายหนุ่มให้ขึ้นรถด้วยความตื่นเต้น ตลอด2 อาทิตย์
ตั้งแต่กลับมาเจ้าหนูเอเลนมักขอไปเล่นกับเจ้าลูกสุนัขที่เก็บมาได้เสมอ ตอนนี้จะได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว
ยิ่งทำให้เจ้าหนูดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม
ขับรถมาเพียงไม่ถึง10นาทีก็ถึงที่หมาย
บ้านสีขาวหลังคาสีเทาขนาดสองชั้น ที่มีสวนหน้าบ้านให้ได้นั่งเล่น
เพราะเป็นใจกลางเมืองสวนจึงไม่ได้ใหญ่มากนัก
แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับให้สุนัขตัวหนึ่งวิ่งเล่นกับเด็กที่อยู่ในวัยซน
เอลวินที่ยืนรออยู่หน้ารั้วทางเข้า เมื่อรถบรรทุกมาถึงเขาจึงจัดแจงช่วยขนย้ายกล่องต่างๆเข้าภายในบ้าน
บ้านที่เอลวินหาให้นับว่าดีกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก ชั้นล่างที่มีส่วนของห้องครัว
และห้องนั่งเล่นที่กวางขวางจนทำให้โซฟาตัวเก่าของเขาดูมีขนาดเล็กไปเลยเมื่อมาวางในห้องใหม่นี้
อุปกรณ์ในห้องครัวมีที่จัดเก็บอย่างเหลือเฟือ อีกทั้งมีเตาอบและของใช้อื่นๆที่ทำให้เขาสามารถทำอาหารได้หลากหลายและง่ายขึ้น
ห้องน้ำที่อยู่ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง อีกทั้งชั้นบนยังแยกเป็นห้องนอนอีก 2 ห้อง
ถ้าเอเลนโตขึ้นคงอยากได้ห้องส่วนตัว ห้องเล็กที่ว่างจึงเหมาะกับพาเพื่อนมาเที่ยวเล่นหรือนอนค้างในอนาคต
“ราคาที่นายบอกฉันมั่นใจเลยว่าเจ้าของคงนามสกุล สมิธ”
รีไวเดินสำรวจรอบบ้านก่อนจะผิวปากอย่างถูกใจ
เอลวินได้แต่ยิ้มขำแล้วจัดการช่วยขนของลงจากรถพร้อมคนอื่นๆ
แขนที่ถือกล่องต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกว่ามีใครมากระตุกที่ชายเสื้อ เด็กน้อยเอเลนมองเอลวินด้วยดวงตากลมโตเป็นประกาย
ไม่เอ่ยปากก็รู้ว่าเจ้าตัวน้อยนี่ต้องการอะไร
“ฉันให้ไมค์ไปพาน้องชายนายมาแล้ว อีกสักพักก็มาถึง”
เด็กน้อยยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้ารับ
เพียงไม่นานเสียงรถมอเตอร์ไซค์ก็ดังอยู่หน้าบ้านหลังใหม่ เอเลนรีบวิ่งออกไปดู
แล้วใบหน้าหวานยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าน้องชายที่ตนรอมาถึงแล้ว
“บ้านใหม่ดูดีไม่เบานี่” ไมค์ถอดหมวกกันน๊อคสีดำวางที่ตัวถังรถมอเตอร์ไซค์สีน้ำเงินเข้มของเขา
ทันที่ที่เด็กน้อยวิ่งมาเถอะ
เจ้าลูกสุนัขตัวน้อยที่อยู่ในเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำก็ดิ้นดุ๊กดิ๊กจนไมค์ต้องรีบรูดซิปเสื้อแจ๊คเกตแล้วส่งเจ้าตัวน้อยให้เอเลนที่รอรับ
“ได้บ้านที่มีพื้นที่เผื่อเจ้านี่โตด้วยสินะครับ
ถึงแม่เจ้าหนูนั่นจะเป็นพันธุ์ทางแต่ดูแล้วน่าจะมีส่วนผสมของ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ อยู่”
ไมค์โค้งทักทายเอลวินและโบกมือทักทายคนอื่นๆที่ยังทยอยกันช่วยจัดของต่างๆให้เข้าที่
“ว่าแต่นี่ก็สองอาทิตย์แล้วมีชื่อให้น้องชายนายหรือยังเอเลน?” เอลวินเอ่ยถามพลางลูบผมสีน้ำตาลของเด็กน้อยที่ยังคงเอาหน้ากลมๆจุ้มปุ๊กกับสุนัขขนฟูสีน้ำตาลตัวน้อย
“อื้อ เอเลนมีชื่อให้แล้วฮะ”
แววตาสีมรกตทอเป็นประกายทำให้คนรอฟังรู้สึกตื่นเต้นตาม
“น้องชายของเอเลนจะชื่อ เยเกอร์ ฮะ”
“เยเกอร์ เป็นชื่อที่ไม่เลว นายมีน้องชายแล้วต้องดูแลดีๆล่ะเอเลน”
เอลวินว่าพลางลูบผมสีน้ำตาลเล็กๆนั่นอีกครั้ง
“เยเกอร์เราไปช่วยคุณอาเก็บของกันนะ”
เอเลนวางลูกหมาสีน้ำตาลลงกับพื้นหญ้า
เจ้าลูกหมาเห่าตอบรับก่อนทั้งคู่จะวิ่งกลับเข้าไปในตัวบ้านเพื่อช่วยคนอื่นๆจัดการของที่ขนลงมาจากรถบรรทุกต่อ
รีไวเดินออกมาจากบ้านมองเอเลนกับเจ้าลูกหมาวิ่งสวนไปก่อนจะยกยิ้มบางมองตามหลัง
“เยเกอร์ นามสกุลเก่าของหมอนั่น เป็นชื่อที่ดีว่าไหม” แม้ตอนนี้เอเลน
จะต้องเปลี่ยนนามสกุลเป็นแอคเคอร์แมน
แต่รีไวไม่ได้อยากให้เด็กน้อยลืมตัวตนหรือคนสำคัญในอดีต แม้จะเป็นเรื่องที่เลวร้ายแต่การที่เจ้าหนูนั่นเริ่มยอมรับและค่อยๆก้าวผ่านมันไปได้แบบนี้
นับเป็นสิ่งดีต่อเอเลนเอง
“ต่อจากนี้นายต้องพาเยเกอร์ไปฉีดวัคซีนด้วย
เริ่มแรกก็ต้องฉีดทุกเดือนจนครบ 1 ปีแล้วก็เหลือปีละครึ่ง เข็มแรกฉันจัดการให้แล้ว
เดือนหน้านายอย่าลืมซะล่ะ” เอลวินยื่นเอกสารการฉีดวัคซีนจากมิเกะส่งให้รีไว
รีไวรับเอกสารพลางเลิ่กคิ้วมองชายหนุ่มผมทองอย่างสงสัย
“จะเรียกว่านายชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน หรือว่าเป็นคนดีจนน่าตกใจดีล่ะ”
ทั้งเรื่องบ้าน เรื่องเจ้าลูกหมา และเรื่องอื่นๆรอบตัวที่ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ต้องยอมรับว่าเพราะเจ้าเพื่อนผมทองจอมจุ้นจ้านและชอบบงการคนนี้ล่ะนะ
เอลวินยกยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมทั้งวางมือลงบนไหล่หนาของเพื่อน
“สร้างบุญคุณกับนายไว้เยอะๆนายจะได้ไม่หนีไปจากฉันง่ายๆไง” คนที่ไม่เรื่องมากและมากความสามารถนับว่าหายากในยุคนี้
พอเจอแล้วเขาก็ไม่คิดปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆหรอกนะ
รีไวขำในลำคอกับความคิดของอีกฝ่าย
เรื่องแบบนี้ก็พอเดาได้แต่ไม่คิดว่าเจ้าเพื่อนผมทองคนนี้จะกล้าพูดยอมรับออกมาตรงๆ
“พูดเรื่องฉีดยา ผมมีเรื่องจะถามคุณรีไวเหมือนกัน”
มิเกะยื่นเอกสารที่มีตราประทับของโรงเรียนให้กับชายหนุ่ม
“อาทิตย์ก่อนโรงเรียนเรามีการแจ้งผู้ปกครองเรื่องฉีดวัคซีนแต่เอเลนยังไม่ส่งใบตอบรับ
ผมเลยไม่แน่ใจว่าคุณได้รับหรือเปล่า?”
รีไวอ่านรายละเอียดจดหมายแจ้งของโรงเรียน คิ้วคมขมวดเล็กน้อย
ปกติเอเลนจะเอาจดหมายทางโรงเรียนมาให้เขาทุกครั้ง
แต่เรื่องฉีดยาเจ้าหนูไม่เคยเอามาให้เขา บางทีคงจงใจซ่อนไม่ให้เขาเห็น
“จากที่พี่สาวนายเคยเล่าให้ฟัง พ่อที่ตายไปของเอเลนเป็นหมอใช่ไหม
แต่เจ้าหนูนั่นกลับมีรอยแผลแปลกๆในที่ที่มองไม่เห็นเป็นประจำ”
ทั้งสามต่างมองหน้ากัน เพราะช่วงนี้เจ้าหนูนั่นหัวเราะร่าเริงได้เหมือนกับเด็กปกติทั่วไปจนเขาเกือบลืมไปว่าก่อนหน้านั่นบางทีเจ้าเด็กนั่นคงเจออะไรมามากมาย
“ถึงจะสงสารแต่ว่าถ้าไม่ฉีดวัคซีนเด็กเล็กที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเวลาป่วยจะอันตรายได้”
ไมค์เกาผมของตัวเองก่อนจะถอนหายใจ
“ไว้ฉันจะลองหาทางดู”
หลังจากขนของเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงจัดแจงนำเอกสารของเอเลนมาตรวจดูอีกครั้ง
ประวัติการฉีดวัคซีนที่อยู่ในแฟ้มทำให้เบาใจได้ว่าอย่างน้อยเอเลน
ได้รับวัคซีนครบจนถึงตอนนี้
“คุณอาเอเลนเช็ดตัวเยเกอร์แล้วฮะ” เอเลนออกมาจากห้องน้ำพร้อมทั้งอุ้มเจ้าลูกหมาขนสีน้ำตาลที่เช็ดตัวจนหมาดดีแล้วอุ้มส่งให้ชายหนุ่ม
“ไปหยิบไดร์เป่าผมมาเจ้าหนู”
รีไววางแฟ้มเอกสารก่อนจะรับเจ้าเยเกอร์สุนัขพันทางมาไว้ แล้วให้เด็กน้อยวิ่งไปหยิบไดร์เป่าผมในลิ้นชักมาจัดการ
เสียงของไดร์เป่าผมที่ดังไม่ทำให้เจ้าลูกหมาตกใจกลัวอาจเพราะชินกับการที่เขาจัดการเอาเจ้าตัวเล็กนี่อาบน้ำตั้งแต่ที้บานพักแล้วกำชับเอลวินให้อาบน้ำเจ้าหนูนี่ทุกๆสามวันก่อนที่เขาจะรับมาดูแลเต็มตัว
เอเลนที่รอต่อคิวไปผมจึงจัดการเช็ดผมสีน้ำตาลของตัวเองไปมาอีกครั้ง
เมื่อเยเกอร์น้อยแห้งดีแล้วเอเลนจึงเข้าไปนั่งแทนที่เจ้าลูกหมาตัวน้อยที่กระโดดลงจากโซฟาหลีกทางให้
เอเลนไม่ลืมที่จะหยิบหวีของเยเกอร์มาด้วยเพื่อจัดการหวีขนที่แห้งแล้วไม่ให้พันกันเป็นก้อนรุงรังเจ้าลูกหมาตัวน้อยจึงกระโดดขึ้นตัดเด็กชายอีกครั้ง
ตอนนี้ที่โซฟาจึงมีรีไวจัดการเป่าผมเจ้าเด็กตัวน้อย และเอเลนที่จัดการหวีขนเจ้าเยเกอร์น้องชายของตัวเองเป็นลำดับ
“เห็นเอลวินบอกว่าพาเจ้าเยเกอร์ไปฉีดยาให้แล้ว
เดือนหน้านายต้องพาเจ้านี่ไปฉีดวัคซีนตามนัดนะเจ้าหนู”
แม้จะเล็กน้อยแต่ก็รู้สึกได้กับไหล่เล็กที่กระตุกเมื่อเอ่ยถึงเรื่องฉีดยา
ดูเหมือนสิ่งที่เขาคิดไว้จะไม่ผิด
“เอเลนเป็นพี่ชายแล้วเรื่องฉีดยาคงไม่กลัวหรอกจริงไหม?”
เด็กน้อยก้มหน้าลงต่ำก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
“เอเลนเป็นพี่ชาย เอเลนต้องไม่กลัว เอเลนเป็นพี่ชายแล้ว...”
เสียงใสบ่นพึมพำราวกับสะกดจิตตัวเองไปมา
รีไวขยี้ผมสีน้ำตาลก่อนจะหยิบแปรงที่วางไว้บนโต๊ะรับแขกมาแปรงผมให้เด็กชาย
“พรุ่งนี้ออกไปข้างนอกกันไหมเอเลน?”
ได้ยินอย่างนั้นแววตาที่มัวหมองเริ่มมีประกายอีกครั้ง
เอเลนเงยมองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาเป็นประกาย
“พาเยเกอร์ไปด้วยได้ใช่ไหมฮะ?” ถามอย่างกระตือรือร้น
“ได้แน่นอน นายต้องรีบพากันเข้านอนนะเจ้าหนู”
เอเลนพยักหน้ารับก่อนจะอุ้มเจ้าเยเกอร์วางลงกับพื้น เด็กชายยื่นมือเกาะไหล่รีไวอีกครั้งก่อนจะจุ๊บลงที่แก้มชายหนุ่มเบาๆและอีกฝ่ายก็จูบลงบนแก้มใสของเด็กชายตัวน้อยเช่นกัน
“ราตรีสวัสดิ์ฮะคุณอา วันนี้เอเลนขอขึ้นไปนอนก่อนนะฮะ”
เอเลนรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดชั้นสองตรงดิ่งไปยังห้องนอนโดยมีเจ้าเยเกอร์วิ่งตามขึ้นไปด้วยอย่างรู้งาน
จากที่ดีใจตอนนี้เจ้าหนูก็ต้องนิ่งงันตัวแข็งทื่อ
เพราะที่ที่เขาพามาคือคลินิกเด็กเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนอนุบาลนัก
“ค..คุณอา เอเลนแข็งแรงดี ทำไมต้องพามาฉีดยา?” เด็กน้อยหันไปทำสายตาอ้อนวอนอย่างสงสัยมองชายหนุ่ม
ถึงสายตานั้นจะทำให้เขารู้สึกผิดที่หลอกลวงเจ้าเด็กนี้มาแต่มาถึงขั้นนี้แล้วบางทีเขาก็ต้องยอมเป็นยักษ์มารเพื่อตัวเจ้าหนูนี้เองล่ะนะ
“นายยังเด็กถ้าป่วยขึ้นมาจะแย่เอา เพราะงั้นควรป้องกันไว้ก่อน”
สองมือเล้ฏที่จูงสายจูงของเยเกอร์บีบกระชับแน่นกับมือใหญ่ของชายหนุ่ม
นัยน์ตาสีมรกตที่ราวกับเออด้วยน้ำตาลนิดๆทำให้เขายิ่งรู้สึกผิด
“อ... เอเลนทำอะไรให้คุณอาโกรธเหรอ? เอเลนขอโทษ เอเลนไม่ฉีดยานะฮะ”
ใบหน้ากลมเล็กที่พยายามกลั้นสะอื้นยิ่งทำให้รีไวราวกับโดนมีดเสียบลงกลางอก......
ก็คิดว่าเจ้าเด็กนี่มันน่ารัก แต่พอเห็นเจ้าหนูนี่ทำหน้าราวกับจะร้องไห้
เขาก็รู้สึกสงสารขึ้นมาแต่ความสงสารมันจะทำร้ายเจ้าหนูนี่ได้เขาจึงมีแต่ต้องกัดฟันทนทำหน้าที่ต่อไปเท่านั้น
“ฉันไม่ได้โกรธนายหรอกเอเลน
เพียงแต่ถ้าไม่ได้รับวัคซีนให้ครบแล้วนายเป็นอะไรขึ้นมามันจะแย่เอานะ”
ชายหนุ่มพยายามอธิบาย มือหนาลูบลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กน้อยที่ยังคงทำหน้าราวกับจะร้องไห้
“แต่เอเลนแข็งแรงดี ฮึก เอเลนจะไม่ป่วย ฮึก...” เสียงเล็กพยายามกลืนก้อนสะอื้นของตน
รีไวกำมือของตัวเองจนแน่น ถ้า คริชา เยเกอร์ ยังไม่ตายเขาสาบานได้เลยว่าจะต้องต่อยหมอนั่นสักหมัด
ทำไมถึงได้ฝังความทรงจำเลวร้ายให้กับเด็กวัยเพียง 5 ขวบได้มากมายขนาดนี้
รีไวพยายามสูดอากาศหายใจเข้าลึกก่อนจะนั่งยองๆข้างเอเลนเพื่ออธิบาย
“ฟังนะเอเลน ฉันไม่คิดจะทำร้ายนาย ฉันจึงต้องพานายมาฉีดยาถ้านายป่วยฉันจะรู้สึกแย่รู้ไหม”
นัยน์ตาสีมรกตที่เริ่มมีหยาดน้ำคลอถูกมือเล็กๆเกลี่ยออกก่อนจะจ้องมองหน้าชายหนุ่ม
“ค...คุ...คุณอาไม่ได้เกลียดเอเลนจริงๆใช่ไหมฮะ?” เสียงใสสั่นเครือพยายามถามออกไป
มือเล็กกุมสายจูงแน่นราวกับเป็นที่พึ่งพาเพียงหนึ่งเดียว เยเกอร์ที่เดินตามมาด้วยรู้สึกถึงความผิดปกติจึงได้แต่ครางหงิงๆก่อนจะเอาตัวเข้ามาถูกับขาของเด็กน้อย
“ฉันไม่เกลียดนายหรอกเจ้าหนู เพราะงั้นฉันจะไม่ทำร้ายนายเอเลน”
ใบหน้ากลมมนเงยหน้ามองชายหนุ่ม ก่อนจะถลาเข้าไปกอดไหลหนาแน่น
เด็กน้อยพยักหน้ารัวๆบนไหล่ของรีไว รีไวจึงอุ้มเอเลนขึ้นพลางลูบผมสีน้ำตาลไปมาเพื่อปลอบประโลม
เมื่อแพทย์นำเข็มฉีดยาและบรรจุวัคซีนลงในหลอดเรียบร้อย
ใบหน้าของเอเลนก็เริ่มหวั่นวิตกอีกครั้ง รีไวที่อยุ่ข้างๆจึงจับใบหน้ากลมมนนั่นให้มองหน้าของเขาเอง
เมื่อเห็นใบหน้าของคุณอาที่คุ้นเคยนัยน์ตาสีมรกตกลมโตก็จ้องอย่างแปลกใจ
“เพื่อเป็นรางวัลมื้อเย็นนายอยากกินอะไรเอเลน?”
“วันนี้กินข้างนอกได้ใช่ไหมฮะ เอเลนอยากกินไอติม”
“แต่นั่นมันไม่ใช่อาหารนะ ก่อนกินไอติมนายอยากกินอะไร?”
“เอเลนอยากกินเค้กที่วันก่อนพี่เพทร่าซื้อมาให้กิน
สตอเบอร์รี่อร่อยมากๆเลยฮะ”
“แต่นั่นก็ไม่ใช่อาหารหลักอยู่ดีนะเจ้าหนู”
ใบหน้าคมยกยิ้มขำก่อนจะใช้มือดึงแก้มยุยของเด็กน้อยเบาๆ
เพียงไม่นานแพทย์ก็บอกว่าฉีดยาเรียบร้อย
เด็กน้อยมองหน้าหมอที่มีเข็มฉีดยาที่ว่างเปล่าในมือกับไหล่ของตนที่ถูกสำลีกดทับเรียบร้อยแล้วอย่างแปลกใจ
“เห็นไหมไม่มีใครทำร้ายนายสักหน่อย” รีไววางมือลงบนผมสีน้ำตาล
เด็กน้อยมองหน้าของรีไวสลับกับหมอและพยาบาลในห้องไปมาอย่างด้วยความแปลกใจ
ใบหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้ารับ
"อื้อ ไม่เจ็บเลยฮะ!”
เด็กน้อยกระโดดลงจากเก้าอี้วิ่งไปลูบหัวเจ้าเยเกอร์ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาด้วยกัน
“เอเลนฉีดยาแล้วไม่เจ็บเลย เดือนหน้าตอนเยเกอร์ฉีดก็ไม่เจ็บเหมือนกันนะ”
เจ้าหนูน้อยวางท่าเป็นพี่ชายสั่งสอนเจ้าน้องชายของตัวเองทันที เยเกอร์ที่เหมือนจะเข้าใจว่าพี่ชายของตัวเองต้องการสื่ออะไรจึงเห่าตอบรับเสียงใสให้กับเด็กชายตัวน้อย
ดูเหมือนเขาจะค่อยๆคลายปัญหาของเด็กน้อยไปได้อีกหนึ่ง อย่างน้อยนับว่าเป็นโชคดีที่เอเลนยังเด็ก
ตอนนี้สิ่งที่แก้ไขได้จึงต้องรีบทำ ถ้าฝังรากลึกไปมากกว่านี้ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะเยียวยาจิตใจน้อยๆของเจ้าหนูนั่นได้หมด
“เพื่อเป็นรางวัล
ฉันจะพานายไปกินไอติมแล้วซื้อเค้กกลับบ้านไว้เป็นของว่างกินวันพรุ่งนี้นะเอเลน”
รีไวว่าพลางจูงมือเด็กน้อยเดินเข้าไปยังย่านการค้า
เพราะเอาเยเกอร์มาด้วยเขาคงต้องซื้อไอศกรีมโคนให้เจ้าหนูแทนที่จะเข้าไปนั่งทานในร้าน
“เอเลนเป็นเด็กดีใช่ไหมฮะคุณอา?” เสียงใสเอ่ยถามพลางยิ้มจนแก้มปริให้ชายหนุ่ม
“เด็กดีเอเลนอยากอ้อนเอาอะไรกัน?” ใบหน้าเฉยชาเลิ่กคิ้วอย่างรู้ทัน
หลังๆมานี่เจ้าหนูมักจะบอกว่าตัวเองเป็นเด็กดีเพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง
และเขาก็มักจะเต็มใจให้เสียด้วย
“เอเลนอยากได้ที่นอนให้เยเกอร์ฮะ
เมื่อวานเยเกอร์นอนกับพื้นเอเลนกลัวน้องนอนไม่สบาย”
นอกจากเขามักจะเต็มใจให้แล้ว
คำขอทุกครั้งของเอเลนมักทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่ยกยิ้มขำ
“หลังจากทานข้าวเราไปซื้อไอติม แล้วไปเลือกที่นอนให้เยเกอร์กัน
แต่นายต้องเลือกที่ใหญ่หน่อยเพราะเดี๋ยวเยเกอร์ก็จะโตแซงนายแล้ว”
เอเลนหันมองหน้าเจ้าลูกหมาที่มองตอบพร้อมเห่าถาม
ใบหน้ากลมมนพองลมในแก้มอย่างงอนๆ
“เยเกอร์เป็นน้องชายจะโตกว่าเอเลนไม่ได้นะ
ถ้าโตกว่าเอเลนจะไม่ให้นมเยเกอร์กิน”
เอเลนที่ทะเลาะกับเจ้าเยเกอร์ตัวน้อยยิ่งทำให้รีไวต้องกลั้นขำ
ทั้งที่ตอนแรกจะซื้อที่นอนให้แท้ๆตอนนี้กลับจะไม่ยอมให้นมของโปรดเจ้าเยเกอร์เสียแล้ว
เมื่อกลับถึงบ้านเอเลนจัดการหิ้วที่นอนของเยเกอร์ขึ้นชั้นสองโดยมีรีไวเดินตามหลังด้วยความเป็นห่วงว่าจะสะดุดที่นอนจนกลิ้งตกลงมา
เพราะที่นอนของเจ้าเยเกอร์ที่ไมค์บอกว่าน่ามีส่วนผสมของสุนัขพันธุ์โกลเด้นท์
เลยทำให้ต้องซื้อที่นอนไซส์ใหญ่สุดมา เรียกว่าใหญ่กว่าเอเลนซึ่งเป็นเด็ก 5
ขวบเสียอีก เอเลนจัดแจงวางที่นอนลงชิดกับพนังห้องข้างเตียงฝั่งของเด็กหนุ่ม
เมื่อแกะพลาสติกออกจนหมดเจ้าลูกสุนัขเยเกอร์ก็ขึ้นไปนั่งบนที่นอนของตนเองทันทีราวกับรู้ว่านี่คือของของมัน
ดูเหมือนเอเลนกับเยเกอร์จะตื่นเต้นกับที่นอนและของเล่นใหม่ต่างๆมากมายที่ซื้อมาวันนี้
รีไวจึงปล่อยให้ทั้งสองอยู่ในห้องและตนกลับลงไปดูแปลนงานที่นำติดตัวมาแล้วต้องแก้ไขให้เสร็จเพื่อนำเสนอวันพรุ่งนี้
ตกเย็นยังไม่เห็นวี่แววของเจ้าตัวดีทั้งสอง
ชายหนุ่มซึ่งจัดการเตรียมอาหารจนเสร็จแล้วจึงขึ้นไปตาม
เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปใบหน้าเฉยชาต้องยกยิ้มบางกับภาพที่เห็น
เด็กชายตัวน้อยที่แย่งที่นอนของเจ้าลูกหมา และเจ้าลูกหมาที่โดนแย่งที่นอนนอนพิงกับเจ้าตัวดี
บ้านใหม่ ชีวิตใหม่
และสมาชิกใหม่ที่เข้ามาตอนแรกที่เขาคิดว่าจะรำคาญแต่ตอนนี้เขาร็สึกว่าเป็นแบบนี้อาจเรียกได้ว่าความสุขก็ได้....
TBC.
......................................................................
Talk: ขยับไปทีละนิด ชิดๆเข้ามาอีกหน่อย หวังว่าจะไม่รู้สึกยืดยาดไปนะคะ เขาว่าจะปลูกต้นรักต้องค่อยๆหมั่นพรวนดินรดน้ำนะเออ >w< (ข้ออ้าง) เพราะถ้าเอเลนโตแล้ว อีกไม่นานก็จบจ้ะ เหอๆ คาดว่าเรื่องนี้คงไม่ยาวเท่าที่คิด(ก็ได้แต่คิดล่ะนะ คิดแบบนี้ทีไรยาวทู๊กกกที
รักนักอ่านทุกท่านเหมือนเดิมนะคะ //ที่เพิ่มเติมคือคนเขียนอยากเรียนวิชาแยกร่าง อยากหาเวลามาปั่นฟิคมากมายแต่.....ก็นะ.... จิพยายามต่อไปค่ะ ขอบคุณที่ถามไถ่กันเข้ามานะคะ ยินดีที่ได้คุยกับทุกๆท่านเลยค่ะ
คุณรีไวล์กินเด็กกก กะจะเลี้ยงไว้กินตอนโตใช่มั้ยหล่ะ //โดนคุณรีไวล์เตะ
ตอบลบขอบคุณที่มาอัพนิยายสนุกๆให้อ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอบคุณนะคะ เรากำลังบ่มเพาะให้เด็กต่อ รอกันอีกหน่อยนะคะ หุหุ
ลบ