วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love Lesson 3

Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love
Pairing: (LevixEren)
Story By: Trendy Blood
………………………………………………………………………………………………..
Lesson 3:


          มือเล็กกำกางเกงสแลคสีดำแน่นจนขึ้นรอยยับ นัยน์ตาสีมรกตกลมโตจ้องมองเหล่าผู้ใหญ่แปลกหน้าอย่างหวาดหวั่น ร่างเล็กสั่นน้อยๆด้วยความประหม่าจึงได้แต่หลบอยู่ข้างหลังชายหนุ่มที่ตนไว้วางใจ เมื่อเห็นท่าทางหวั่นน้อยๆของเอเลน อีกทั้งร่างเล็กที่ยืนตัวเกร็งรีไวจึงจัดการอุ้มเด็กน้อยขึ้นแล้ววางลงด้านหน้าเขาพร้อมทั้งชายหนุ่มลงไปนั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งกับพื้น ใบหน้าคมจ้องมองหน้าใบหน้ากลมที่มองอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันให้เด็กน้อยเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ใหญ่ที่ต่างรายล้อมด้วยความตื่นเต้น
            “เอเลนแนะนำตัวซะสิ”
            เด็กชายตัวน้อยมองหน้าเหล่าผู้ใหญ่ที่ต่างมองเขาอย่างตื่นเต้นก่อนจะหันไปสบกับใบหน้าคมของชายหนุ่มที่คุ้นเคย ใบหน้ากลมมนขึ้นสีระเรื่อด้วยความประหม่า นัยน์ตากลมโตหลุบลงต่ำอย่างนึกอาย
            “ส...สวัสดีฮะ ผ...ผม...ชื่อเอ....”
            “เจ้าหนูเวลาทักทายต้องมองหน้ารู้ไหมแบบนี้มันเสียมารยาทนะเอเลน”
            เมื่อถูกตำหนิเด็กหนุ่มจึงพยายามค่อยๆสบกับใบหน้าของกลุ่มคนที่รอฟังอยู่ด้านหน้าอีกครั้ง
            “อ.... ส.... สวัสดีครับ ผมชื่อ...เอเลน ย... ยินดี..ที่ได้รู้จัก...ฮะ...”
            แม้เสียงแนะนำตัวจะเบาและดูเก้ๆกังๆแต่เด็กน้อยก็พยายามอย่างเต็มที่ มือหนาจึงลูบลงบนผมสีน้ำตาลเพื่อชื่นชมและให้กำลังใจ
            “เหตุผลที่นายกลับบ้านเร็วเมื่อวานสินะ ต๊ายยย นายแอบไปมีลูกลับๆเหรอเนี่ยรีไว!!
ทันทีที่เอเลนแนะนำตัวเสร็จ ฮันซี่ไม่รอช้าจู่โจมเข้ากอดเด็กชายตัวน้อยจนเอเลนได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ไม่เพียงเท่านั้นเหล่าผู้ใหญ่ที่รายล้อมคนอื่นๆเริ่มเข้ามาใกล้เอเลนมากขึ้น ทั้งเพทร่า ออลโอ เอริ์ด กุนเธอร์
“สวัสดีจ้ะพี่เพทร่านะเอเลน” เพทร่ายิ้มหวานพลางลูบไล้ผมสีน้ำตาลของเด็กชายตัวน้อย
“ฉันกุนเธอร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าหนู” กุนเธอร์ฉีกยิ้มกว้างทักทาย
“เอริ์ดนะเอเลน ไม่คิดว่าหัวหน้าจะแอบมีลูกลับๆเลยนะเนี่ย” เอริ์ดว่าพลางมองพิจารณาเด็กน้อยด้วยความแปลกใจ
“ฉันออลโอ นายน่ะเป็นลูกของหัวหน้าอย่าทำตัวขี้แงสิไอหนู” ออลโอว่าพลางกอดอกสั่งสอนเด็กชายตัวน้อย
เอเลนที่ถูกเหล่าผู้ใหญ่รายล้อมพยายามมองหาความช่วยเหลือ รีไวที่ถูกสายตาเว้าวอนนั้นจึงจัดการอุ้มเด็กชายตัวน้อยออกมาจากวงล้อมก่อนจะจัดการเตะหญิงสาวสวมแว่นหนาที่ไม่ยอมปล่อยมือจากเอเลนเสียง่ายๆ เมื่อเห็นแบบนั้นเหล่าคนอื่นๆที่รายล้อมจึงก้าวถอยหลังออกมาแล้วยิ้มแหยๆด้วยความเกรงว่าจะเป็นรายถัดไปที่โดนการสั่งสอน
“ใจเย็นกันได้รึยังพวกนาย?” นัยน์ตาขี้รำคาญจ้องเขม็งไปยังเหล่าเพื่อนร่วมงานและลูกน้องที่อยู่รายรอบก่อนจะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย สมควรแล้วที่เจ้าหนูนี่จะตกใจ เล่นรุมกันซะไม่ให้ได้หายใจแบบนี้
“บอกก่อนเอเลนไม่ใช่ลูกฉัน มีเหตุจำเป็นฉันเลี้ยงต้องรับเจ้าหนูนี่มาเลี้ยง” ด้วยความเป็นคนที่ไม่ชอบอธิบายเรื่องยุ่งยากเขาจึงตัดบทและสรุปสั้นๆเพียงเท่านั้น
“หืม... แต่ก็เท่ากับว่านายก็เป็นพ่อบุญธรรมอยู่ดีไม่ใช่รึไง?” ฮันซี่ลูบหัวของตัวเองที่ล้มกระแทกกับพื้นเพราะโดนเตะ
รีไวก้มมองเอเลนที่ยังคงเกาะขาเขาแน่น จะว่าไปตอนนี้เขากับเจ้าหนูเอเลน.....เรื่องของความสัมพันธ์ควรเรียกว่าอะไร? เพราะบุคคลที่รับเอเลนเป็นลูกบุญธรรมก็คือพี่สาวกับพี่เขยของเขา ส่วนเขาก็เป็นเพียงแค่น้าอีกทั้งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ที่รับมาดูแลก็เพราะความรู้สึกที่ว่าไม่อาจปล่อยมือนี้ไปได้ ความสัมพันธ์แบบนี้บางทีถ้าให้พูดคงจะเป็น....
“ความรับผิดชอบ....ล่ะมั่ง”
เหล่าคนที่อยู่ในห้องต่างตะลึงในคำตอบ ความคิดมากมายเริ่มตีกันในหัว รับผิดชอบ..... ทำไมต้องรับผิดชอบ? ตกลงว่าหัวหน้าของพวกเขาไปทำผู้หญิงท้องแล้วทิ้งเด็กไว้จนต้องรับมาเลี้ยงจริงๆใช่ไหม?! หรือว่า..... หัวหน้ารีไวจะไปก่อวีรกรรมที่ทำให้ใครต้องหนีไปแล้วทิ้งเด็กไว้? หรือมันจะลึกล้ำกว่านั้นว่าที่จริงแล้วเด็กน้อยเอเลนเป็นค่าดอกเบี้ยให้หัวหน้ารีไว!!
 
แกร๊ก
 
เสียงประตูในออฟฟิศที่เปิดออกช่วยหยุดความคิดที่เตลิดของเหล่าพนักงานคนอื่นๆที่ตั้งข้อสงสัยมากมายในตัวของหัวหน้ารีไว
“มีอะไรงั้นเหรอทุกคน?” ชายหนุ่มผมทองในชุดสูทมาดเนี๊ยบเปิดประตูเข้ามาพร้อมมองเหล่าพนักงานในห้องอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันไปสบตากับใบหน้าคมขี้รำคาญของหัวหน้าวิศวะกรหนุ่ม เมื่อสังเกตดีๆจึงเห็นร่างเล็กๆของเด็กชายตัวน้อยที่ยังคงเกาะขาชายหนุ่มแน่นไม่ยอมปล่อย
“รีไวนายกลับมาจากพักร้อนแล้วสินะ นั่นคงเป็นเอเลนที่พี่สาวนายเขียนมาเล่าให้ฟังแล้วในเมล”
เอเลนมองหน้าชายหนุ่มแปลกหน้าอีกคนที่เข้ามาใกล้ ใบหน้าสุขุมยิ้มบางให้กับเด็กชายตัวน้อยก่อนจะคุกเข่าและยื่นมือออกทักทาย
“ฉันเอลวิน สมิธ หัวหน้าของรีไว ยินดีที่ได้รู้จักเอเลน”
ใบหน้ากลมมนมองมือใหญ่ที่ยื่นมาก่อนจะเงยสบกับใบหน้าสุขุมที่ยิ้มบางให้อย่างอ่อนโยน เด็กชายค่อยๆเขยิบออกจากชายหนุ่ม มือเล็กยื่นไปจับกับมือใหญ่ที่ยื่นมาก่อนจะเงยหน้าสบแล้วยิ้มตอบกลับด้วยความประหม่า
“ย....ยินดีที่ได้รูจักฮะ....... ผมเอเลน”
“โฮ่ ดูนายจะรับมือกับเด็กได้ดีกว่าเจ้าพวกบ้าพวกนั้นนะเอลวิน” รีไวกล่าวชมเมื่อเห็นว่าเอเลนที่พยายามหนีจากเหล่ากลุ่มผู้ใหญ่แปลกหน้าในตอนแรกกลับยอมจับมือกับเอลวินอย่างง่ายดาย
”การทำงานกับคนหมู่มากทำให้รู้ว่าต้องปฏิบัติกับใครยังไงน่ะรีไว” เอลวินลูบผมสีน้ำตาลของเอเลนอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมองดูเหล่าพนักงานคนอื่นๆที่ต่างมองมาด้วยความอิจฉาปนมองอย่างสงสัย
“ฉันเข้าใจที่พี่นายส่งอีเมลเล่าเรื่องทั้งหมดมาให้ฉันแล้วล่ะนะ อย่างนายเป็นพวกไม่อธิบายอะไรอยู่แล้วนี่” เอลวินส่ายหัวไปมาพลางถอนหายใจกับความเป็นคนเข้าใจยากของลูกน้องคนสนิท
“ครอบครัวของเอเลนประสบอุบัติเหตุ พี่สาวของหมอนี่ที่เป็นเพื่อนสนิทจีงรับมาดูแลน่ะ”
คำอธิบายของเอลวินทำให้พนักงานคนอื่นๆต่างโล่งอกที่หัวหน้าที่แสนเคารพไม่ได้ไปทำใครเดือดร้อนที่ไหน
“แล้วทำไมหัวหน้ารีไวถึงต้องรับมาดูแลด้วยล่ะคะ?” เพทร่าเอ่ยถามอย่างสงสัย ในเมื่อคนที่รับเลี้ยงเป็นพี่สาวของหัวหน้าจึงไม่มีเหตุจำเป็นที่ชายหนุ่มจะต้องรับเอเลนมาอยู่ด้วย
“เห็นว่าเอเลนติดรีไวมาก ถ้าจะให้แยกกันเอเลนก็น่าสงสารน่ะ” เอลวินเป็นฝ่ายตอบคำถามแทนหัวหน้าวิศวะกร
ไม่แปลกที่เอลวินจะรู้เรื่องรอบตัวเขาดีไปเสียหมด เพราะตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่ที่นี้สมัยเรียน เอลวิน สมิธ และเขาต่างเรียนมหาลัยเดียวกัน ตัวเขาที่ไม่สุงสิงกับใครนักก็มีเจ้าหมอนี่คอยกวนรอบๆตลอด เพราะสนใจในฝีมือด้านเครื่องยนต์ของเขา หลังจากเรียนจบเขาถึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วเจ้าหมอนี่เป็นลูกชายของประธานบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ แน่นอนว่าเอลวินไม่รอช้าที่จะให้เขามาทำงานที่บริษัททันทีหลังเรียนจบ อีกทั้งสมัยเรียนหลายครั้งที่หมอนี่ตามเขากลับไปที่บ้านและเจอพี่สาวเขาอยู่เสมอ แม้กระทั่งงานแต่งงานของพี่สาวหมอนี่ก็ยังไปช่วยและร่วมงานด้วย จึงไม่แปลกใจว่าทำไมพี่สาวเขาถึงไว้วางใจและเล่าเรื่องต่างๆให้เอลวินฟังเสมอๆ
“เมื่อหมดข้อสงสัยทุกคนควรรีบกลับไปทำงานได้แล้ว รู้สึกว่าโมเดลที่ต้องใช้เกิดปัญหาขึ้นไม่ใช่รึไง?” ใบหน้าสุขุมยังคงยิ้มให้กับพนักงานทุกคน แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นกลับส่งรังสีกดดันเย็นยะเยือกให้กับเหล่าพนักงานจนต่างต้องแยกย้ายไปทำหน้าที่โดยเร็วที่สุด
รีไวจูงมือเอเลนให้ไปนั่งที่โซฟารับแขกที่อยู่ภายในออฟฟิศ มือหนาลูบผมสีน้ำตาล ก่อนจะยื่นสมุดวาดเขียนพร้อมทั้งสีเทียนที่เขาพกมาให้เด็กชายฆ่าเวลา
“ฉันต้องลงไปห้องเครื่องข้างล่าง นายอยู่นี่คนเดียวได้นะ แล้วพักเที่ยงฉันจะรีบมาหาตกลงไหมเจ้าหนู?”
“ฮะ เอเลนจะรอคุณอาอยู่ที่นี้ คุณอาตั้งใจทำงานนะฮะ”
เอเลนส่งยิ้มกว้างให้กับชายหนุ่ม เหล่าพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างกำมือตัวเองแน่น บ้างพลางหาอะไรบีบเพื่อระบายความรู้สึกที่อยากวิ่งเข้าไปกอดเด็กน้อยตรงหน้าให้หายหมั่นเขี้ยว
 
ทันทีที่รีไวหันหลังเดินเข้าไปในห้องเครื่อง เอเลนจึงกางสมุดระบายสีแล้วเริ่มหยิบสีต่างๆออกมาระบายลงในหน้ากระดาษขาว
เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานจึงทำให้วันนี้รีไวตัดสินใจพาเอเลนมายังที่ทำงานด้วย เพราะงานที่เร่งรีบทำให้เขาไม่อาจกลับห้องพักได้ตรงเวลา อีกทั้งเมื่อมาคิดดูดีๆแล้วการปล่อยให้เด็กเล็กอยู่คนเดียวเห็นจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นการเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรือการที่อาจโดนคนแปลกหน้าทำร้าย อีกทั้งการที่เอเลนต้องรอคอยเขาโดยการเฝ้ามองประตูแบบนั้นทำให้เขารู้สึกห่วงจนต้องพามาด้วยในที่สุด
“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคนอย่างนายจะเลี้ยงเด็กได้” ฮันซี่ที่กำลังจัดการเครื่องใต้ท้องรถเอ่ยขึ้นเมื่อเลื่อนตัวออกมาเปลี่ยนประแจจากกล่องเครื่องมือที่อยู่ด้านข้าง
“เจ้าหมอนั่นมันไม่ได้น่ารำคาญเหมือนพวกลิงอื่นเลยไม่วุ่นวายน่ะ” รีไวมองแปลนที่กางอยุ่บนโต๊ะก่อนจะจัดการเช็ครายละเอียดและเปลี่ยนแปลงแบบนิดหน่อย
“จะบอกว่าเพราะเป็นเอเลนนายเลยรับเลี้ยงหรือไง ให้ตายสิทำไมฉันรู้สึกถึงกลิ่นอันตรายแปลกๆจากตัวนายกันนะ ฮ่า ฮ่า” ฮันซี่หัวเราะขำกับคำตอบของคนเฉยชาที่คิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางมีคนรัก เรื่องเลี้ยงเด็กนี่แทบจะลืมไปได้เลย
“ว่าแต่นายจัดการเรื่องโรงเรียนของเอเลนแล้วรึยังรีไว?” เอลวินเปลี่ยนชุดเป็นชุดช็อปของบริษัทลงมาจัดการตรวจเช็คเครื่องยนต์โมเดลที่ต้องเปิดตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“เรื่องนั้นพี่เขาจัดการเตรียมไว้แล้ว ถ้าเปิดเทอมหมอนั่นคงได้มีเพื่อนบ้าง”
เอลวินเลิ่กคิ้วขึ้นมองวิศวะกรหนุ่มอย่างแปลกใจ คนที่ไม่คิดคบใครเท่าไรแต่หวังให้เด็กชายตัวน้อยมีเพื่อนแก้เหงาอย่างนั้นเหรอ..... บางทีการที่เอเลนมาอยู่ด้วยแบบนี้คงทำให้อะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปจริงๆสินะ
“โรงเรียนของหมอนั่นคงไม่ไกลจากแถวนี้มากสินะ ว่าแต่ถ้าเอเลนมาอยู่ด้วยแบบนี้นายจะต้องหาที่อยู่ใหม่แล้วล่ะสิรีไว”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างสงสัยกับคำบอกกล่าวของหัวหน้าตน จนเอลวินได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายศีรษะไปมา เขาก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะนะว่าจะต้องเป็นแบบนี้
“เด็กน่ะโตเร็วนะรีไว แล้วห้องของนายก็เหมาะที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า อีกอย่างพอเข้าช่วงวัยรุ่นเอเลนก็ต้องเข้าสังคมและมีกิจกรรม การที่จะให้เพื่อนมาที่พักของนายก็คงจะไม่สะดวก”
จะว่าไปเขาก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะการที่อยู่คนเดียวจนคุ้นชินอีกทั้งการอยู่ที่พักพนักงานทำให้เขาหลีกเลี่ยงการพบปะที่ไม่จำเป็นกับคนอื่นได้ แต่สำหรับเอเลนถ้าเข้าสู่วัยรุ่นคงอยากได้ความเป็นส่วนตัว และตามที่เอลวินพูด ถ้าหมอนั่นมีเพื่อนการทำงานกลุ่มหรือเพื่อนมาปาร์ตี้ที่บ้านจึงไม่ใช่เรื่องแปลก สำหรับที่อยู่ของเขาในตอนนี้ต้องยอมรับว่าไม่สะดวกจริงๆนั้นแหละ
“ตอนนี้ยังพอมีเวลาอีกหลายปี ถ้านายคิดจะย้ายเมื่อไรฉันจะช่วยดูให้ก็แล้วกัน”
รีไวพยักหน้าตอบรับ เร่องเงินในการหาที่อยู่สำหรับเขาถ้าพูดตามตรงเรียกว่าไม่มีปัญหา เพราะเงินเดือนที่เอลวินให้เขาแลกกับความสามารถของเขาเรียกได้ว่าสูงพอดู อีกทั้งตัวเขาที่อยู่คนเดียวไมได้ไปไหนและใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นจึงมีเงินเก็บอยู่ไม่น้อย เงินพวกนั้นคงถึงเวลาที่จะได้ใช้ประโยชน์เสียที
 
เอเลนขะมักเขม้นกับการระบายสีรูปต่างๆในสมุดวาดเขียน กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อมีแก้วโกโก้ร้อนมาวางไว้ข้างๆ ใบหน้ากลมมนจึงเงยหน้ามองคนที่นำมาวางให้ เพทร่าที่จึงส่งยิ้มให้กับเอเลน
“ข.. ขอบคุณฮะ” เอเลนกล่าวขอบคุณพลางพงกหัว
เพทร่าที่เริ่มเห็นว่าเด็กน้อยมีท่าทางประหม่าน้อยลงจึงนั่งบนโซฟาข้างๆ
“พี่ชงโกโก้มาไม่รู้ว่าเอเลนจะชอบรึเปล่า แล้วก็พี่มีคุกกี้อยู่ให้เอเลนทานรองท้องก่อนมื้อเที่ยงนะจ้ะ” เพทร่ายื่นคุ้กกี้เนยในห่อพลาสติกที่ถือติดมาด้วยให้เด็กชายตัวน้อย
เอเลนมองหน้าเพทร่าก่อนจะวางดินสอสีลงแล้วเอื้อมมือไปจะคว้าถุงขนม แต่มือน้อยชะงักกลางคนจนเพทร่าเอียงคอมองอย่างสงสัย
“คุณอารีไวบอกว่าถ้าจะกินขนมต้องล้างมือก่อนะฮะ” ใบหน้ามนทำสีหน้าจริงจังก้มมองมือตัวเองที่มีคราบสีเทียนและกลิ่นติดพลางมองถุงขนมในมือของหญิงสาวอย่างเสียดาย
เพทร่ายิ้มขำกับท่าทางของเด็กชายตัวน้อยที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีจากหัวหน้าของเธอ
“ถ้างั้นเอเลนกับพี่เราไปล้างมือแล้วมาทานขนมด้วยกันนะจ้ะ”
“อื้อ!
เอเลนพยักหน้าตอบกลับ ก่อนจะเดินตามเพทร่าไปล้างมือแล้วมานั่งทานคุกกี้กับโกโก้
“รอคุณอารีไวแบบนี้เบื่อรึเปล่าจ้ะเอเลน?”
“ไม่ฮะ แต่คุณอาทำงาน เอเลนได้แต่รอแบบนี้ไม่ดีเลย”
เพทร่ารู้สึกเอ็นดูกับท่าทางของเจ้าหนูตัวน้อยที่ท่าทางเหมือนอยากทำตัวให้เป็นประโชขน์กับผู้ปกครองของตนบ้าง
“เดี๋ยวพี่จะชงกาแฟไปให้พวกหัวหน้าที่ห้องเครื่อง เอเลนช่วยพี่ถือคุกกี้ไปได้ไหมจ้ะ?”
“ได้ฮะ เอเลนอยากช่วย!
นัยน์ตากลมโตเป็นประกายก่อนจะพยักหน้าตอบรับรัว เอเลนวิ่งตามเพทร่าเข้าไปในส่วนห้องพักของพนักงาน เด็กน้อยพยายามเอื้อมหยิบถุงคุกกี้ที่วางอยู่บนเคานท์เตอร์ แต่ด้วยความที่ส่วนสูงไม่ถึงทำให้เอเลนต้องตะเกียดตะกายอยู่นานจนเมื่อเอื้อมมือหยิบถึงถุงคุกกี้ใบหน้ากลมมนก็ยิ้มระรื่นด้วยความดีใจพร้อมโชว์ถุงคุกี้ให้หญิงสาวดู เพทร่าที่อยู่ในเหตุการณ์พยายามข่มใจตัวเองไม่ให้วิ่งเข้าไปกอดฟัดเด็กชายเพราะเกรงว่าเจ้าหนูน้อยที่แสนน่ารักจะตกใจและรู้สึกระแวงเหมือนตอนเช้าที่เธอและคนอื่นๆต่างรุมเด็กน้อย
เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อย เพทร่าเดินนำเอเลนที่มีถุงคุกกี้อยู่เต็มอ้อมกอดเข้าไปในส่วนของห้องเครื่อง ถาดกาแฟพร้อมถ้วยค่อยๆถูกวางลงบนโต๊ะพร้อมทั้งเด็กชายที่พยายามเขย่งตัวเพื่อมองดูถ้วยกาแฟที่ค่อยๆถูกรินใส่เครื่องดื่มทีล่ะใบ
“ทุกคนคะฉันเอากาแฟมาให้ค่ะ อ้อเอเลนมีคุกกี้มาฝากทุกคนด้วยนะ”
เมื่อได้ยินว่ามีของว่างมาเสริ์ฟเหล่าวิศวกรต่างหยุดมือแล้วมาให้ความสนใจกับโต๊ะที่ถูกจัดวางถ้วยกาแฟเรียบร้อย แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือเด็กชายตัวน้อยที่มีถุงคุกกี้หลากสีสันอยู่เต็มอ้อมกอด
“มาช่วยด้วยงั้นเหรอเก่งจังเลยนะ” ทันทีที่เอลวินกำลังจะลูบหัวเด็กน้อยด้วยความชื่นชมมือแกร่งของใครบางคนก็เข้ามาขวางก่อนจะจัดการปัดมือนั้นออกอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ เอลวินนายเพิ่งจัดประกอบเครื่องยนต์มา มือนายยังไม่ล้างใช่ไหม ถ้าเจ้าหนูเกิดป่วยขึ้นมาจะทำยังไง?” นัยน์ตาคมดุของผู้ปกครองเด็กน้อยจ้องเขม็งอย่างไม่สบอารมณ์ สายตาตำหนิอย่างไม่พอใจสาดส่องไปทั่วทุกคนที่กำลังเดินใกล้เข้ามาหมายจะหยิบกาแฟและขนมจากเจ้าหนูตัวน้อยต้องหยุดชะงักแล้วต่างไปจัดการล้างมือและเช็ดจนสะอาดเอี่ยมอ่อง ถ้าเป็นปกติรีไวไม่เคยสนใจว่าใครจะล้างมือก่อนจะดื่มกาแฟหรือจะหยิบของว่างกินด้วยมือเปล่า ขอแค่ตัวเขาล้างมือให้สะอาดเพียงคนเดียวก็พอแล้ว แต่ถ้ามือสกปรกพวกนั้นมาทำให้เด็กน้อยภายใต้ความดูแลของเขาสกปรกหรือป่วยแล้วล่ะก็มันคงไม่ดี....
เพียงไม่นานทั้งขนมและกาแฟก็ถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว เอเลนจึงช่วยเพทร่าจัดการเก็บแก้วกาแฟของแต่ละคนใส่ถาดก่อนที่จะยกออกไปจัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย
“ฉันว่าโตขึ้นเอเลนคงเป็นแม่บ้านที่ดีแน่ๆ หรือบางทีอาจมากกว่าแม่บ้าน” ฮันซี่ที่มองเจ้าหนูตัวน้อยกระตือรือร้นในการช่วยเหลือเพทร่าจนเดินออกจากห้อง หญิงสาวสวมแว่นหนาแสยะยิ้มก่อนจะปรายตามองวิศวกรหนุ่มข้างๆตนอย่างเจ้าเล่ห์
“เจ้าหนูนั่นแค่ไม่ชอบให้ตัวเองรู้สึกว่าไร้ประโยชน์” รีไวหันกลับไปสนใจกับการจัดการตัวเครื่องของโมเดลรถต่อ
ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันเอเลนชอบที่จะพยายามช่วยเหลือเขาทำสิ่งต่างๆตลอด มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่บางทีเขารู้สึกว่าหมอนั่นพยายามมากไปราวกับไม่อยากที่จะเป็นตัวถ่วงเสียมากกว่า.............
 
วันนี้เป็นอีกวันที่เหล่าวิศวกรยังคงต้องอยู่จนดึกดื่นเพื่อจัดการเครื่องยนต์ของโมเดลรถรุ่นใหม่ให้เสร็จทันเวลา รีไวเหลือบมองนาฬิกาที่บอกว่าเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว แต่อย่างน้อยวันนี้เขาก็เบาใจได้หน่อยว่าเอเลนไม่ได้อยู่ที่ห้องคนเดียว เพราะเจ้าหนูนั่นยังอยู่ในออฟฟิศและผล็อยหลับไปบนโซฟารับแขก
“ฉันว่านายพาเอเลนกลับบ้านได้แล้วล่ะรีไว” เอลวินที่ยังคงง่วนกับเครื่องยนต์ตรงกระโปรงรถที่เปิดไว้เอ่ยขึ้น
“อา.... ถ้าจัดการตรงนี้เสร็จฉันจะไป” รีไวชี้แบบแปลนในส่วนของตัวกันชนไฟเบอร์ใยแก้วที่เขากำลังเตรียมหล่อแบบ
“ตรงนั้นทิ้งไว้มาทำพรุ่งนี้ก็ทัน นายน่ะกลับห้องพาเจ้าหนูไปพักดีกว่า” ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าวิศวกรสุแกร่งของเขากำลังกระวนกระวายขนาดไหน เพราะหลังจากมื้อเย็นช่วงหกโมงที่รีไวพาเอเลนไปทานข้าวและกลับมา เจ้าตัวก็เอาแต่จ้องมองนาฬิกาอยู่เป็นระยะ อีกอย่างเวลาประมาณนี้ก็คงเป็นเวลานอนของเด็กเล็กอย่างเอเลนแล้ว
รีไวมองแปลนบนโต๊ะสลับกับนาฬิกาที่อยู๋บนพนัง ใบหน้าคมพยักหน้ารับก่อนจะจัดการถอดชุดช็อปและถุงมือแขวนไว้ และแน่นอนเจ้าตัวไม่ลืมที่จะจัดการล้างมือทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปหาเอเลน
เหล่าวิศวกรที่ยังคงง่วนอยู่กับงานต่างมองหัวหน้าสุดแกร่งของตนแล้วต้องยกยิ้มกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่เห็นหัวหน้าผู้แสนจะนิ่งเฉยดูกระวนกระวาย อีกทั้งยังเอาใจใส่เด็กน้อยอย่างมากมาย การที่คนอย่างหัวหน้ารีไวรับเอเลนมาอยู่ด้วยแบบนี้ช่างเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายแต่กลับรู้สึกลงตัวอย่างน่าประหลาด...........
ด้วยที่เอเลนหลับไปแล้วรีไวจึงค่อยๆอุ้มเจ้าหนูพิงกับอก นัยน์ตากลมโตปรือมองอย่างสลึมสลือก่อนสองแขนเล็กๆจะยกขึ้นกอดรอบลำคอแกร่งของชายหนุ่ม
“ฉันทำให้นายตื่นเหรอเอเลน?” รีไวค่อยๆกระชับแขนยกตัวเด็กน้อยขึ้นเพื่อให้เจ้าตัวดีสามารถนอนหลับต่อได้อย่างสบาย
“อือ..... งานเสร็จแล้วเหรอฮะ คุณอา?” มือเล็กค่อยๆขยี้ตาที่ยังคงลืมไม่ขึ้น เสียงงัวเงียเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา
“อืม..... กลับบ้านไปอาบน้ำนอนกันนะเจ้าหนู”
เอเลนกระชับแขนเข้ากับลำคอหนาของชายหนุ่ม ศีรษะสีน้ำตาลเล็กๆซบลงบนไหล่กว้างของรีไวด้วยความรู้สึกสบายก่อนเปลือกตาที่หนักอึ้งจะหลับลงอีกครั้ง
 
เมื่อกลับมาถึงห้องพักแม้เจ้าตัวดีจะง่วงมากเพียงใดแต่ด้วยนิสัยรักความสะอาดของรีไวจึงต้องจำใจปลุกเด็กน้อยขึ้นมาอาบน้ำ แม้จะลืมตาได้ไม่เต็มที่แต่เอเลนก็ยอมให้รีไวจับเขาถอดชุดออกโดยง่ายแล้วลากเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน และเพราะได้อาบน้ำนัยน์ตาที่สลึมสลือจึงลืมตาตื่นอีกครั้งรีไวจัดการเป่าผมที่เปรียกชื้อของเด็กน้อยให้แห้งสนิทก่อนจะใช้หวีแปรงแปรงผมให้เรียบร้อย อาจเป็นเพราะเอเลนเปิดใจให้เขาอย่างมากมายท่าทีต่อต้านในการอาบน้ำตอนอนุ่ที่บ้านพี่สาวเขาจึงหมดลง เรียกว่ากำแพงของเอเลนที่มีนั้นถูกเขาค่อยๆทำลายลงทีล่ะนิด
“พวกนั้นแม้จะน่ารำคาญแต่ก็เป็นคนดี”
เอเลนหันมองชายหนุ่มที่ลูบผมเขาด้วยความเอ็นดู
“ทุกคนใจดีมากฮะ ถึงตอนแรกจะดูน่ากลัวไปบ้าง แต่พี่ๆใจดีกับเอเลนมากฮะ”
เมื่อตอนที่ชายหนุ่มไม่อยู่เหล่าพนักงานคนอื่นๆต่างผลัดกันมาทักทายและเล่นกับเขา จนเขาแทบจะลืมเวลาไปเลย
“แล้วนายชอบรึเปล่าเอเลน?” รีไวอุ้มเจ้าตัวดีขึ้นเตียง
เอเลนคลานไปยังมุมที่นอนของตัวเองก่อนที่ชายหนุ่มจะตวัดผ้าห่มผืนหนาห่มร่างกายของเจ้าหนูตัวน้อย
“อื้อ ผมชอบพี่ๆทุกคนเลยฮะ” ใบหน้ากลมมนยิ้มหัวเราะยามเมื่อนึกถึงเหล่าพี่ๆใจดีในวันนี้
“ดีแล้วเจ้าหนู” รีไวเอื้อมมือเปิดโคมไฟตรงหัวเตียงก่อนจะปิดไฟดวงใหญ่ในห้อง มือแกร่งยังคงหยิบแบบแปลนและเอกสารงานขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง
“แต่เอเลน....”
รีไวหันมองเด็กชายที่ยังคงจ้องเขาตาไม่กระพริบ
“หืม?”
“แต่เอเลนชอบคุณอารีไวที่สุดฮะ” ใบหน้ากลมหวานยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มก่อนมือเล็กๆจะยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมปิดบัง
รีไวตบลงบนผมสีน้ำตาลของเอลน ชายหนุ่มจูบลงบนหน้าผากมนที่โผล่พ้นผ้าห่มลายการ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่สีเหลืองออกมา
“ราตรีสวัสดิ์เจ้าหนู”
คงเพราะยังเป็นเด็กเพียงไม่นานเสียงลมหายใจของเด็กน้อยก็ดังอย่างสม่ำเสมอเป็นการบอกว่าเจ้าตัวดีเข้าสู่นิทราแล้ว รีไวมองสำรวจห้องพักของตน สิ่งที่เอลวินพูดนั้นก็ถูก เอเลนอีกไม่นานก็โตและห้องนี้คงแคบเกินไปกับผู้ชายที่อยู่ด้วยกันสองคน อีกทั้งสังคมของเอเลนที่จะกว้างมากขึ้น การหาที่อยู่ที่ดีเพื่อตอบรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่อย่างเขาต้องรับผิดชอบ ดูว่าเขาคงต้องวางแผนชีวิตของตัวเองเสียใหม่ ไม่สิต้องวางแผนทั้งตัวเขาเองและเอเลนด้วยต่างหาก.............

TBC.
...........................................................................................................
Talk : คงมีหลายคนบ่นแน่ๆว่าแทนที่จะไปเขียนล่ารักฯให้จบทำไมมาต่อนี่ก่อนฮาๆ บอกเลยค่ะเพราะกลับล่ารักฯจบเร็ว//กรี๊ดดด อย่าเขวี้ยงหม้อ ไห กาละมังใส่เค้า!!! เอาจริงๆแค่คิดถึงเด็กน้อยเอเลนค่ะ คือแบบมุ้งมิ้งดีค่ะ งดความเกรียนชั่วครู่ฮาๆ
ทำไหใหม่(อีกแล้ว) เป็นไหเขียนควบคู่กับขุ่นพี่ AkeRah ค่ะ เรื่องไททันเช่นเคยแต่เฮียของเรารับบทเป็นฟาโรห์กาม เอ๊ย ฟาโรห์ราเมส ค่ะ ฮาๆ ชื่อ "ผ่าภิภพบันทึกฟาโรห์" แต่งสลับพาทกับคุณพี่ AkeRah ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดีค่ะ ติดตามข่าวสารและการอัพได้ในเพจค่ะ เพราะเรื่องนี้อัพลงที่เพจคุณพี่ AkeRah ค่ะ รักนักอ่านทุกท่านเช่นเคยนะคะ

เพจค่ะ https://www.facebook.com/beru89club
บล็อกคุณพี่ AkeRah ค่ะ http://mukoki-poy.blogspot.com/

4 ความคิดเห็น:

  1. เอเลนน่ารักกกกกก ดาเมจกระจายยย อยากอ่านตอนต่อไปจัง มาต่อเร็วๆนะคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จะพยายามนะคะ โชตะเอเลนดาเมจมากค่ะ///// เขียนเองกรี๊ดเองงง

      ลบ
  2. โอยยยย!อยากฟัดเอเลนอะ!//โดนเตี้ยตบ
    555ไงสะไรท์ก็ช่วยอัพเร็วๆหน่อยนะคะไรท์����

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. จ.....จะพยายามอัพเร็วๆนะคะ//เบนหลบสายตา

      ลบ