Attack On Titan Fan fic.: Desert Desire
Pairing: (LevixEren), (Mikasa ver. C)
Rate: R18
Warning: เอเลนเรื่องนี้บิชชี่มากค่ะ ใครไม่ชอบสไตล์นี้อาจโดนทำร้ายนะคะ ><” แล้วก็มีสปอยเนื้อเรื่องหลักอยู่ถึงจะเป็นแนว AU ก็เถอะ
Story By: Trendy Blood &Jadenchase
___________
CHAPTER 10 : Daily Damage___________
ในยามสายที่วังของชีครีไวที่มีอากาศเย็นสบายชวนให้ผ่อนคลายนั้น ทุกคนในวังล้วนทำหน้าที่ของตนเองด้วยความขมักเขม้น เว้นเสียแต่หนึ่งหนุ่มที่ทำหน้าเหม็นเบื่อออกมาอย่างเห็นได้ชัดชวนให้รู้สึกขำอย่างชีคมิคาสะ ที่ต้องอยู่คอยต้อนรับรัฐมนตรีอาวุโสพร้อมบุตรสาวตามคำสั่งของพี่ชายต่างมารดาของตน
'ในเมื่อตอนนี้นายเป็นผู้อาศัย ก็ต้องมาต้อนรับแขกด้วย'
เหตุผลงี่้เง่าที่พี่ชายของเขาอ้าง แถมเอเลนที่ถ้าใช้เหตุผลเดียวกันก็ควรออกมาต้อนรับด้วยกลับบอกว่าเจ้าตัวไม่ใช่เจ้าบ้าน และมีหน้าที่เบื้องหลัง ไว้ค่อยแนะนำทีหลังก็ได้ จริงๆก็แค่จะแกล้งเขาโดยการแยกเอเลนออกไปและให้อยู่ดูแลคุณหนูกิลชูไตน์เท่านั้นแหละ ไอ้แก่นั่น
ชายหนุุ่มบ่นในใจพลางเหลือบมองพี่ชายตัวดีข้างๆ ก่อนจะละสายตาเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถหรูที่ขับเข้ามาจอดที่เทอเรส เพียงไม่นานก็เห็นร่างท้วมของชายสูงวัยในชุดประจำชาติ ข้างกายมีร่างเพรียวระหงของหญิงสาวในเครื่องแต่งกายมิดชิดสีชมพูหวานดูน่ารัก โดยมีการ์ดยืนคุ้มกันอยู่รอบๆทั้งสอง เมื่อเข้ามาใกล้ชายสูงวัยก็สวมกอดผู้นำประเทศอย่างเป็นมิตร "อัสลามูอาลัยกุม(ขอความสุขจงมีแด่ท่าน) ท่านรีไว"
"วาอาลัยกุมมุสลาม(ขอความสุขจงมีแด่ท่านเช่นกัน)" ก่อนจะผละออกแล้วทำอย่างเดียวกันกับชีคมิคาสะ "อัสลามูอาลัยกุม ท่านมิคาสะ"
"วาอาลัยกุมมุสลาม ท่านรัฐมนตรีอาวุโส"
"อ่ะ....อัสลามูอาลัยกุมค่ะ ท่านชีค" หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเอ่ยทักทายพลางยืนบิดกระมิดกระเมี้ยนอย่างเขินอาย สายตาที่สาวเจ้าทอดมองมาที่ตนชวนให้มิคาสะกระอักกระอ่วนทุกครา แม้จะไม่ได้รังเกียจแต่เขาก็ทำใจชอบไม่ลงจริงๆ หลังจากพี่ชายขานลับสลามแล้ว เขาก็ถอนหายใจเบาๆแล้วขานตอบ
"วาอาลัยกุมมุสลาม น้องหญิง"
และก็เป็นอย่างที่คาด พี่ชายตัวดีของเขารีบเชิญท่านรัฐมนตรีอาวุโสไปยังห้องทรงงานแทบจะทันที ปล่อยให้เขาต้องรับมือกับสาวเจ้าที่แม้จะเคยมาเยือนบ้างแล้วแต่ก็ยังจะให้เขาพาเดินชมพื้นที่บางส่วนในวัง ทั้งห้องรับแขก ห้องสำหรับทรงดนตรี และระเบียงที่สองข้างทางเป็นสวนดอกไม้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องการให้เขาพาเดินดูที่ๆตัวเองน่าจะเคยมาแล้วมันสนุกตรงไหนกัน ชายหนุ่มคิดอย่างเบื่อหน่ายเต็มที สองขาหยุดก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับบุตรีของรัฐมนตรีอาวุโสที่ตอนนี้แก้มใสขึ้นสีปลั่ง ริมฝีปากอิ่มอมยิ้มหวานอย่างคนมีความสุข ชีคมิคาสะไม่เข้าใจว่าทั้งที่ตนหน้านิ่งเมินเฉยขนาดนี้ทำไมถึงยังชอบอยู่ได้ หรือผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นมาโซ? ชายหนุ่มทำทีเป็นมองนาฬิกาก่อนจะเอ่ยตัดบท
"สายขนาดนี้แล้ว ขอตัวไปทำงานก่อนนะ"
"เอ๋? ท่านมิคาสะจะไปแล้วหรอคะ?" นัยน์ตากลมโตจ้องมองตาละห้อยอย่างไม่ปิดบัง
"น้องหญิง....." มิคาสะมองนิ่งๆก่อนจะค่อยโน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าสวยสมวัยจนเด็กสาวหลับตาแน่นเขินจนไม่กล้าจ้องหน้า สัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วเบาของอีกฝ่ายที่รดลงมายิ่งทำให้แจนหน้าร้อนเห่ออย่างเห็นได้ชัด
เพี๊ยะ!
"โอ๊ย!! ท่านมิคาสะทำอะไรคะ" นิ้วเรียวดีดเข้าที่หน้าผากมนอย่างแรงจนหญิงสาวน้ำตาซึม มือลูบส่วนที่ถูกดีดเพื่อทุเลาความเจ็บของตน
"แจน ยังมีประชาชนอีกมากที่ลำบาก ถ้าฉันไม่ตั้งใจทำงานคนเหล่านั้นจะอยู่ยังไง? ต่อให้ชีครีไวเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมดหรอก" เขาจ้องมองที่แจนนิ่งเงียบไม่เอื้อนเอื่อยสิ่งใดตอบ เรื่องนี้แจนก็รู้ดีแก่ใจ เธอเพียงแค่อยากอยู่กับคนที่ตัวเองชอบเท่านั้นเอง มิคาสะมองสาวเจ้าทำหน้าหงอยอย่างคนสำนึกผิด อยากลูบหัวปลอบใจให้แต่ด้วยศาสนาของพวกเขาการที่ชายหญิงจะแตะเนื้อต้องตัวเช่นนั้นมันก็ดูไม่งามเท่าไร ถึงจะเห็นแจนเป็นเพียงน้องสาวแต่ก็ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน จึงแยกทางไปเฉยๆ "ไปทำงานก่อนนะ"
"แล้วเจอกันค่ะ...."
ก่อนที่จะเดินไปจนพ้นสายตาชีคหนุ่มชำเลืองมองหญิงสาวอีกครั้ง จู่ๆสาวเจ้าก็เดินลัดผ่านสวนไป มิคาสะสังเกตุเห็นสัตว์ตัวน้อยขนสีขาวปรอดหายไปอยู่ไวๆ
“ดูเหมือนจะได้เจอกันก่อนกำหนดการณ์ที่วางไว้นะ พี่ชาย”
พึมพำกับตัวเองแผ่วเบาก่อนจะเดินหายลับไปในตัวพระราชวัง
.
.
.
“นี่ เจ้าหมาน้อย จะไปไหนกันน่ะ” เสียงหวานของหญิงสาวร้องเรียกตามสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ที่เห็นเพียงครู่เดียว ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเป็นตัวอะไร ที่น่าแปลกคือไม่น่าจะมีสัตว์หลุดมาอยู่ในวังของท่านชีคที่แสนจะเจ้าระเบียบคนนั้น หญิงสาววิ่งตามจนมาถึงศาลากลางสวน ก็เห็นลูกสัตว์ตัวน้อยที่ตนไล่ตามไปคลอเคลียที่ขาของใครสักคนที่อยู่ก่อนหน้า เป็นหญิงสาวที่ใส่ชุดอาหรับสีแดงสดวับๆแวมๆดูยั่วยวนจนแจนรู้สึกอายแทน ชวนให้สงสัยยิ่งนักว่าสาวสวยคนนี้เป็นใครกัน มาทำอะไรในวังนี้ และหวังอย่างยิ่งว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับคนที่เธอแอบชอบ
เอเลนก้มลงอุ้มเจ้าจิ้งจอกทะเลทรายตัวน้อยที่ตามติดตนเองแจราวกับแม่ลูกพลางลูบหัวมันอย่างเอ็นดู ภาพที่ชายหนุ่มหยอกล้อกับหญิงสาวแปลกหน้าอย่างสนิทสนมยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ผู้หญิงคนนั้นคือแจน กิลชูไตน์ ลูกสาวของรัฐมนตรีการคลังอาวุโส เป็นที่เชิดหน้าชูตาทั้งยังรู้จักกับท่านชีคทั้งสองแต่เยาว์วัย กับตัวเขาที่อยู่เพียงไม่กี่อาทิตย์ แม้ท่านชีคมิคาสะจะประคบประหงมดีเพียงใด มันก็ต่างกันอยู่ดี ใจดวงน้อยๆรู้สึกเจ็บแปล๊บกับความคิดของตนเอง ความรู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีคทั้งสองคนนี้คืออะไรกัน ไม่ว่าจะอ่านจากหนังสือเล่มไหนก็ไม่อาจวินิจฉัยได้ว่าตนเป็นโรคอะไร ใบหน้าสวยเงยขึ้นสบกับหญิงสาวที่จ้องมาทางตนด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรก่อนจะค้อมตัวเคารพแล้วหมุนตัวเตรียมจะเดินหนี
“ขออภัยที่รบกวน เชิญคุณหนูกิลชูไตน์ตามอัธยาศัย”
“เดี๋ยวก่อน! เธออย่างเพิ่งไป” เอเลนหันกลับมาอีกครั้งโดยไม่พูดอะไร
“การไม่แนะนำตัวมันออกจะดูเสียมารยาทนะ ถึงเธอเหมือนจะรู้จักฉันแล้วก็เถอะ ฉันแจน กิลชูไตน์ เธอล่ะเป็นใคร”
“เอเลน คนของท่านชีคครับ”
“ห๊ะ! คนของท่ะ...ท่านชีค!! หมายความว่ายังไง!? เดี๋ยวก่อน นี่เธอเป็นผู้ชายนี่ มันยังไงกัน!!?” แจนพึ่งสังเกตุเหนว่าเสียงของคนตรงหน้านี้ไม่ใช่ผู้หญิง อีกทั้งหน้าอกก็ไม่ได้อวบอิ่มอย่างสตรีเพศ แม้จะมีรูปร่างเพรียวบางก็ตาม อีกทั้งส่วนสูงก็ใกล้เคียงกับเธอด้วย
คุณหนูนี่ต้องการอะไรกัน? ตากลมโตปรือมองอย่างปลงๆ โดยที่จิ้งจอกน้อยในอ้อมแขนก็ทำท่าทางเบื่อหญิงสาวตรงหน้าเช่นกัน
“ครับ ผมเป็นคนของท่านชีค มีหน้าที่ทำตามความประสงค์ของท่าน” เอเลนมองตามสายตาตื่นตระหนกที่ไล่มองตนตั้งแต่หัวจรดเท้า “การแต่งกายก็เช่นกัน” หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินดังนั้น
“ค่อยยังชั่ว ขอโทษด้วยนะที่คิดไปไกล” จริงๆเธอก็เข้าใจถูกแล้วล่ะ แต่ปล่อยให้หญิงสาวเข้าใจเช่นนั้นน่าจะเป็นการดีกว่า เขาไม่ได้โกหกอะไรนี่ แจนหันมาสนใจสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของเอเลนอีกครั้ง
“ว่าแต่ลูกสุนัขพันธุ์อะไร ไม่เคยเห็นมาก่อน” เมื่อโล่งใจแล้วสาวเจ้าก็วางมาดตามเดิม
“.........บล็องโก้เป็นลูกเฟ็นเน็คฟ็อกซ์ครับ”
หญิงสาวเหมือนถูกหักหน้าซ้ำๆ ทั้งจิ้งจอกน้อยสะบัดหน้าหนีราวกับรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เข้าใจอะไรมันผิด ดวงตาสีมรกตมองภาพเบื้องหน้าพลางกลั้นขำกับท่าทางของคุณหนูแจนที่ทำหน้าเจื่อนเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กไม่เล่นด้วย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนรื้นน้ำตาอย่างน่าสงสาร แต่ด้วยความทิฐิ นางจึงสะบัดหน้าเชิดขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
“มะ....ไม่เชื่องเอาซะเลย! เจ้าของไม่ฝึกรึไง” มองคุณหนูเอาแต่ใจตรงหน้า เขาไม่อยากให้เกิดปัญหาจุกจิกน่ารำคาญขึ้น คงต้องยอมเธอเสียหน่อย จะได้ไม่เสียไปจนถึงท่านชีคล่ะนะ
“เรื่องนี้ต้องขออภัยด้วยจริงๆครับคุณหนู ท่านชีครีไวเพิ่งจะมอบเป็นของขวัญให้ผมเมื่อวานนี้เอง มันเป็นสัตว์ป่าคงยังไม่คุ้นเคยกับมนุษย์เสียเท่าไหร่.......บล็องโก้” จิ้งจอกทะเลทรายตัวน้อยแสนฉลาดสบตากับคนที่เป็นเหมือนแม่ของมัน ‘ยอมเล่นกับผู้หญิงคนนี้หน่อยนะ’ ดวงตาเป็นประกายสบกับอัญมณีสุกสกาวสีมรกตของเจ้าของก่อนจะหันไปหาแจน ให้รู้ว่ามันตกลง เอเลนจึงยื่นมือทั้งสองข้างที่ประคองร่างปุกปุยสีขาวไปเบื้องหน้าหญิงสาว แจนค่อยๆเอื้อมมือมาสัมผัสขนอ่อนนุ่มนั้นแผ่วเบาอย่างลองเชิง เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กยินยอมจึงค่อยๆอุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมา
“ขนนุ่มจังเลย หูใหญ๊ใหญ่ น่ารักจังนะเจ้านี่”
เมื่อเห็นคุณหนูเล่นกับบล็องโก้เพลินเอเลนจึงปล่อยไว้อย่างนั้น ก่อนจะหันไปเห็นการ์ดคนนึงเดินผ่านมาบริเวณนี้จึงแอบปลีกตัวออกไปโดยไม่พูดไม่จา
.
.
.
“เป็นอะไรไปน้องหญิง หน้าบึ้งเชียว” ชีคมิคาสะเอ่ยถามหญิงสาวเพียงคนเดียวบนโต๊ะที่ตอนนี้นั่งทำหน้าพองลมจนปากงุ้มย่นรวมกันเหมือนบล๊อบฟิชแถมชุดที่สวมอยู่ยังเป็นสีชมพูอีก แจนรีบฟ้องทันที
“ก็คนของท่านชีครีไวน่ะสิคะ จู่ๆก็หายไปทิ้งข้าไว้อยู่ที่ศาลากับบล็องโก้ พอเจ้าหนูไม่เห็นแม่กลับมาหาซักพักก็ครางหงิงๆจนน้องทนไม่ได้ต้องตามหาไปทั่ว เพิ่งจะได้มาเจอกันที่ห้องนี้เมื่อสักครู่นี้แหละค่ะ!” คุณหนูกิลชูไตน์ทั้งประชด (เอเลน) และตัดพ้อ (บล็องโก้) ในประโยคเดียวกัน เพราะเธอสงสารที่จิ้งจอกทะเลทรายตัวน้อยทำท่าทีราวกับเด็กจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้เมื่อหาแม่ไม่เจอ ทั้งๆที่เธอก็พร้อมจะเป็นเพื่อนเล่นให้แท้ๆก่อนจะส่งสายตาริษยาไปทางเอเลนที่ได้ความรักจากเจ้าขนปุยที่ซุกบนตักไม่ยอมขยับกายไปไหน คนที่ถูกพาดพิงก็ยังคงนั่งด้วยท่าทางสำรวมเรียบร้อยนิ่งๆ ลูบเจ้าตัวเล็กที่นอนบนตักอย่างไม่สนใจอีกฝ่าย
แม้ชีคมิคาสะจะติดใจที่แจนเรียกเอเลนว่าคนของชีครีไวแต่ก็เก็บเงียบไว้ หันไปถามประเด็นหลักกับเจ้าตัวแทน
“เอเลน ไปไหนมาครับ” แจนหน้างอเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าชีคมิคาสะพูดจาอ่อนโยนกับคนที่น่าจะเป็นลูกน้องเหลือเกิน เธอคิดว่ามันแปลกอยู่ไม่น้อย .....ไม่สิ แปลกมาก
เอเลนมองท่าทางของทั้งสองคนก่อนจะตอบพร้อมรอยยิ้มบาง “พอดีผมเห็นหนูน่ะครับ เลยไปจัดการ กลัวบล็องโก้จะไปกินเข้าแล้วท้องเสีย”
“นั่นหรือรีไวที่นายพูดถึง เป็นเจ้าเหมียวที่น่ารักจริงๆ” เสียงของผู้ที่เข้ามาใหม่ดังขึ้น พร้อมกับเจ้าของวังที่เพิ่งจะมาถึง
“ขอบคุณครับท่านกิลชูไตน์ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้พบท่าน” ร่างเพรียวประคองเจ้าตัวน้อยยืนขึ้นก่อนจะโค้งทำความเคารพชายสูงวัยอย่างนอบน้อม
“คุณพ่อคะ นั่นมันจิ้งจอกทะเลทรายต่างหาก” หญิงสาวรีบแก้ไขให้คุณพ่อทันที ชายร่างท้วมหัวเราะอย่างร่าเริงตอบลูกสาว
“ฮ่าๆๆๆ ขอบใจมากจ้ะลูกรัก ว่าแต่หนูชื่ออะไรกัน”
“ผมเอเลนครับ นี่บล็องโก้” หลังจากแนะนำตัวกันเสร็จชีครีไวและรัฐมนตรีอาวุโสก็เดินไปนั่งยังตำแหน่งของตนก่อนทุกคนจะเริ่มทานมื้อกลางวันพร้อมกัน เอเลนที่ร่วมทานบนโต๊ะด้วยรับรู้ถึงสายตาแปลกๆจากหญิงสาวเพียงคนเดียวที่จ้องมองมาที่ตนอย่างสงสัย
“ทำไมเอเลนถึงมาร่วมทานกับเราด้วยล่ะคะ ไม่ใช่ว่าต้องไปทานกับพวกนางกำนัลหรอ” ตาเรียวของหญิงสาวจับผิดอย่างเต็มที่ แต่คนที่ตอบกลับเป็นชายที่มีอำนาจมากที่สุด
“ฉันเป็นคนสั่งให้เอเลนอยู่ที่นี่เอง คุณหนูไม่พอใจอะไรรึเปล่า” ริมฝีปากกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “หรือคนของผมทำอะไรเสียมารยาทไป”
“ไม่ค่ะ น้องแค่แปลกใจเท่านั้น” อีกฝ่ายก็นอบน้อมกับเธออีกทั้งมารยาทต่างๆก็ไม่มีที่ติ จะให้ปักปำก็คงไม่ดี เพราะท่านชีคทั้งสองก็คงรู้อยู่ แจนมองคนที่ทานอาหารเรียบร้อยทุกท่วงท่า ติดแค่ “ทำไมต้องเอาสัตว์เลี้ยงมาร่วมโต๊ะด้วย”
เอเลนชะงักกับคนพูดของหญิงสาว “บล็องโก้น่ะ”
“ลูกสัตว์ตัวติดกับแม่ก็เป็นเรื่องปกติ เจ้าหนูนั่นมันต้องการความอบอุ่นเท่านั้น อีกอย่างบล็องก็ไม่ได้กินร่วมโต๊ะกับพวกเรา แค่นอนนิ่งๆบนตักจะเป็นไรไป”
“น้องนี่แย่จริงที่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ขอโทษด้วยนะคะ”
เอเลนจ้องมองชีครีไวที่พูดราวกับปกป้องตัวเอง ทั้งๆที่ปกติเหมือนไม่ค่อยใส่ใจกับตัวเองเท่าไหร่แท้ๆ มีแค่ชีคมิคาสะที่คอยตามใจเสมอ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อ ทำไมหน้าตนเองถึงร้อนขึ้นมากัน มือเรียวตักอาหารเข้าปากเงียบๆ ให้ใจของตนสงบขึ้น
แบบนี้ไม่ดีเลย ไม่ดีเลยจริงๆ...
.
.
.
ในห้องโล่งกว้างที่มีกระจกรอบทิศไว้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ มีร่างหนึ่งขยับกายช้าๆด้วยท่วงท่าที่อ่อนช้อยและแข็งแรงในคราวเดียวกัน กระโปรงสะบัดพลิ้วไปตามการเคลื่อนไหวเนิบนาบนั้น แสงสว่างกระทบกับเครื่องประดับทอประกายวาววับ เป็นประจำทุกเช้าที่เอเลนจะมาฝึกร่างกายเพื่อไม่ให้การเคลื่อนไหวทื่อยามมีเหตุจำเป็น คำพูดโดยไม่ตั้งใจของแจนดังวนอยู่ในหัว
‘ทำไมต้องเอาสัตว์เลี้ยงมาร่วมโต๊ะด้วย’
ตำแหน่งของเขาตอนนี้ก็เป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงของท่านชีคดีๆนี่เอง เป็นเจ้าเหมียวที่แสนงดงามเลี้ยงไว้ดูเล่น และทำหน้าที่กำจัดหนู(นักฆ่า)ที่ลักลอบเข้ามา เขาจำหน้าของการ์ดและนางกำนัลทั้งหมดในวังได้ทั้งหมดและได้พูดคุยบ้าง และคอยสังเกตุจากพฤติกรรมของคนที่เข้ามาในวัง
“แม่ของบล็องงั้นหรอ........ คงจะเป็นยังงั้นจริงๆ” เพราะต่างก็เป็นสัตว์ที่ถูกนำมาเลี้ยงเหมือนกันและต่างโหยหาความอบอุ่นยิ่งกว่าใคร นัยน์ตาสีมรกตมองเฟ็นเน็คน้อยวิ่งไปมาจากมุมหนึ่งไปมุมหนึ่ง ส่งเสียงร้องแหลมเล็กๆออกมา ดูเหมือนถึงเวลาที่เขาต้องขออะไรบางอย่างแล้วล่ะ
“จะเปลี่ยนจากแมวเป็นแม่จิ้งจอกแทนแล้วรึไง”
“เช้านี้ท่านชีคไม่มีงานรึไงครับ” แทนที่จะตอบคำถามกับเบี่ยงประเด็นไปเสียดื้อๆ ตายังคงจับจ้องที่จิ้งจอกน้อยแสนซน
“ว่าจะมายืดเส้นยืดสายซักหน่อย เลยมาแวะเล่นกับแม่จิ้งจอกแถวนี้” มือหนาจับคางมนให้หันไปหาตนเอง “ว่ายังไง”
เอเลนมองนัยน์ตาสีขี้เถ้าที่เขาไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เห็นมันน่าหลงไหลได้ขนาดนี้ ดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อหน้ามอง หัวใจเต้นเร็วจนกลัวว่าอัตราการเต้นจะสูงเกินไป
ถ้าหัวใจล้มเหลวขึ้นมาจะทำยังไงกัน
เขาจับมือหนาของอีกคน ค่อยๆเดินอ้อมก่อนทิ้งตัวไปข้างหลังแล้วม้วนตัวกลับมาทำให้ชีคหนุ่มก้าวถอยไปพยุงน้ำหนักตามสัญชาติญาณ ก่อนที่มือเรียวจะปล่อยออกแล้วยกมือซ้ายของชีคหนุ่มขึ้นมากุม จัดให้มือขวาวางไว้ที่สะโพกของตนเองก่อนจะดันคางชายหนุ่มขึ้นพร้อมส่งยิ้มหวานให้
“หืม? เล่นอย่างงี้เลย?”
“ยืดเส้นยืดสายกันไงครับ คุณไม่ได้บอกว่าห้ามเต้นนี่” มือเรียวเอื้อมไปโอบรอบคอของชายตรงหน้าที่เริ่มก้าวนำจังหวะ ใช้มือข้างที่กุมกันอยู่ดึงอีกฝ่ายเข้ามาจนร่างกายแนบชิดกัน กระตุกยิ้มมาให้ก่อนจะยกมือขึ้นให้เอเลนหมุนตัวออก เด็กหนุ่มหยอกเย้ากับด้วยการค่อยๆแนบมือกัน ก่อนจะหมุนตัวกลับอ้อมไปหยุดอีกข้างของลำตัวชีคหนุ่ม สบดวงตาคมคุ่นั้นแล้วหมุนตัวกลับมาประคองใบหน้าคมพร้อมสายสะโพกมนช้าๆขณะที่มือหนาทั้งสองข้างโอบเอวของตนไว้
“เต้นดีๆไม่ได้รึไงเอเลน” เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ “แต่คุณก็เต้นกับผมได้นี่ครับ”
ขาเรียวเริ่มไขว้กัน มือเริ่มไล้มาจับที่เอวหน้าก่อนจะวันรอบตัวชีคที่ปล่อยมือออกไปแล้วกลับมาประคองใบหน้ามนเมื่อเอเลนหยุด
“ซนจริงนะ”
มือผละไปอุ้มร่างเพรียวขึ้นประทับจูบที่ริมฝีปากบางอย่างมันเขี้ยว เด็กหนุ่มสะบัดศีรษะไปข้างหลัง เหวี่ยงตัวขึ้นมาปัดป้องมือหนาออกอย่างที่เล่นทีจริง หมุนกายให้หลังแนบชิดกับกายแกร่ง มือหนาลูบไล้ไปตามช่วงอกแผ่วเบา ก้มหน้าลงซอกคอกรุ่นสูดกลิ่นกายหอมอย่างเพลิดเพลินในขณะที่มือซ้ายของทั้งคู่กอบกุมกัน ก่อนที่ร่างเพรียวจะเอี้ยวตัวหลบออกมาพร้อมลากชายหนุ่มให้ตามการนำของตนด้วย
“ถ้าง่ายๆมันก็ไม่สนุกสิครับ”
“แต่ฉันก็ได้ตัวนายมาง่ายๆนี่”
มือหนายึดจับขาเรียวสวยที่ยกขึ้นมาก่อนจะยกตัวอีกคนขึ้นมาหมุน ขาเรียวตวัดพับเก็บเพื่อให้ชายหนุ่มหมุนได้ง่ายขึ้นก่อนจะค่อยๆวางลงตรงหน้า แต่เจ้าตัวดีก็ปัดหนีแล้วหันหลังเข้าหาอีกครั้ง ก่อนจะโน้มคออีกฝ่ายมากระซิบใกล้ๆ
“ถ้าผมง่ายเกินไป สงสัยผมยอมให้แค่ท่านมิคาสะคงดีกว่า เดี๋ยวท่านรีไวจะเบื่อซะก่อน”
ได้ยินดังนั้นชีคหนุ่มจึงค่อยจับอีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้ากับตน โอบเอวบางที่ส่ายไหวไปมา
“ฉันจะทำยังไงกับนายดี เจ้าเด็กนี่” มือทั้งคู่ชูขึ้นเหนือหัวพลักหันหลังชนกัน ค่อยๆนั่งลงกับพื้นช้าๆ เอเลนพลักกายขึ้นมาคร่อมกายแกร่งที่ถูกผลักลงนอนกับพื้น ขาเรียวดีดขึ้นพลิกให้ตัวเองอยู่ในท่าสะพานโค้ง มือหนาของชีคหนุ่มที่ประคองแผ่นหลังไว้ค่อยๆลูบไล้เรื่อยมาจนถึงเรียวขางามคู่นั้นขณะที่เอเลนลุกจากท่านั่งโดยค่อยๆช้อนบั้นท้ายงามกลมกลึงคู่นั้นขึ้นเบื้องหน้าท่านชีค เมื่อยืนจนสุดก็หันมาคร่อมลงไปอีกครั้ง มือหนาค่อยๆประคองเอวบางให้ลงพื้นอย่างมั่นคงขณะที่ที่ร่างเพรียวหมุนตัวไปยังทิศตรงข้ามดึงรีไวให้ลุกขึ้นนั่ง สุดท้ายมือหนาคู่นั้นก็รั้งเอเลนให้ขึ้นมานั่งข้างๆตน ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงคืบเดียว
“พอได้รึยังเจ้าหนู”
ดวงตาทั้งสองสอดประสานกัน ผ่านดวงตาคู่นั้นเอเลนรู้ว่ามันเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่มองมาที่เขา แม้เพียงนิดเดียวก็ตาม ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นกับตัวเขาในระยะเวลาไม่ถึงเดือนที่ผ่านมานี้คืออะไร เด็กหนุ่มก็ไม่อาจทราบได้ รู้เพียงแค่ตอนนี้เขาอยากสัมผัสคนตรงหน้าเหลือเกิน จมูกรั้นค่อยๆเคลื่อนเข้าไปจนปลายจมูกสัมผัสกับปลายจมูกโด่งเป็นสันของอีกฝ่าย ใบหน้าของอีกฝ่ายในระยะประชิดที่ได้มองชัดๆครั้งแรกภายใต้แสงสว่าง ใบหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นผู้นำของประเทศ แม้จะดูอ่อนกว่าวัยแต่ก็เริ่มมีริ้วรอยตามวัยและจากการทำงาน ดวงตาเรียวยาวกับชั้นเปลือกตาหนาของชายหนุ่มแม้จะทำให้ดูดุแต่คราวนี้คิ้วเรียวที่มักจะขมวดกันเป็นปมกลับคลายออกจากกัน ริมฝีปากบางเป็นกระจับสวยเผยอออกน้อยๆ กับนัยน์ตาสีขี้เถ้าที่จ้องมองตรงมาที่ตนเพียงคนเดียวในยามนี้
เห็นคุณในมุมนี้ใครจะกล้าปฏิเสธกันครับ ขี้โกงที่สุด
“ยอมแล้วครับ”
ริมฝีปากของทั้งคู่แนบทับบดคลึงกันแผ่วเบา ไม่หยาบโลนเหมือนครั้งอื่น ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเพื่อเล็มชิมความหวานจากทุกส่วนให้ทั่วถึง ลิ้นหนาค่อยๆไล้ตามกลีบปากอ่อนนุ่มของเอเลนให้เบิกทางให้ตนเองเข้าไปสำรวจข้างใน เมื่อความอุ่นร้อนแทรกเข้ามา ปากเล็กก็ดูดสิ่งที่รุกล้ำเข้ามาอย่างหยอกเย้า ก่อนจะยอมให้อีกฝ่ายนำแต่โดยดี
.
.
.
“เอเลน มาอยู่นี่เอง” ช่วงบ่ายแก่ๆที่อากาศร้อนอบอ้าว ทุกคนหลบเข้าไปอยู่ในตัวอาคารที่ติดเครื่องปรับอากาศทั้งหลังคลายร้อน แต่เด็กหนุ่มกลับเลือกที่จะออกมาอยู่ตรงระเบียงทางเดินเสียอย่างนั้นจนทำให้ชีคหนุ่มร่างสูงต้องใช้เวลาเดินหาไปทั่ว ช่วงนี้เขาแทบไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับร่างบางเลยเพราะเอาแต่หลบอยู่ในห้องทำงานแทนข้ออ้างที่จะหนีจากคุณหนูที่ตามติดตัวเองเป็นระวิง แถมพยายามไม่สัมผัสเด็กหนุ่มนอกจากในห้องนอนหรือสถานที่ลับตาคนอีกเพราะหากแจนจับได้อาจจะทำให้นักฆ่าตัวน้อยของพวกเขาลำบาก
อยากสัมผัสเอเลน...
“มีอะไรหรอครับ” เพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยไม่นึกว่าชายหนุ่มจะมาตามหาตัวเองอย่างนี้ พอดีเขาพาเฟ็นเน็คฟ็อกซ์ตัวน้อยมาฝึกทำธุระข้างนอกเพราะยังไม่มีสถานที่ให้อย่างถูกสุขลักษณะตามความรักสะอาดของเจ้าของวัง
“ฉันเอานี่มาให้” มือหนาจับมือบางขึ้นมาอย่างทนุถนอมก่อนจะค่อยๆวางของลงในมือ เมื่อมือหนาละไปก็เห็นสิ่งที่ชายหนุ่มให้มา
“ปลอกคอของบล็องโก้ ขอบคุณมากครับท่านมิคาสะ!” ใบหน้าสวยส่งยิ้มกว้างมาให้จนแก้มใสขึ้นสีระเรื่อน่ารัก แม้สิ่งที่ชายหนุ่มทำจะเป็นเรื่องเล็กๆแต่ก็คิดถึงเอเลนอยู่เสมอ มือหนายกขึ้นมาลูบไล้แก้มเนียนพลางแย้มรอยยิ้มให้กับเด็กหนุ่ม ปากเรียวกระซิบแผ่วเบา
“....เอเลน”
แม้เพียงซักนิด
เพื่อให้ตนรู้สึกสงบ
ใบหน้าคมค่อยๆก้มลงมาช้าๆพร้อมกับมือเรียวที่ค่อยเอื้อมไปโอบรอบคอของร่างสูง
“ท่านมิคาสะคะ!” ทั้งสองคนรีบผละออกจากกันอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงเรียกของคุณหนูกิลชูไตน์ แต่เมื่อเห็นว่าเอเลนยืนอยู่หญิงสาวก็หน้าแดงแปร๊ดราวกับจะระเบิดให้ได้
“มีอะไรหรอน้องหญิง” ชายหนุ่มถามหญิงสาวอย่างเป็นกังวลในขณะที่เอเลนไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร แต่กลับยิ่งทำให้แจนหน้าแดงหนักยิ่งกว่าเดิม
เธอมองหน้าของเอเลนก่อนเหตุการณ์ที่เธอเห็นเมื่อเช้าจะฉายชัดในความทรงจำ เธอเดินผ่านหน้าประตูห้องที่เอเลนและชีครีไวเต้นอยู่ ตอนแรกเธอก็ไม่ได้คิดอะไรและยืนดูทั้งสองคนเต้นอย่างเพลิดเพลิน ไม่นึกว่าท่านชีคคนนั้นจะมีอารมณ์สุนทรีย์ด้านนี้กับเขาด้วย แต่จู่ๆชีครีไวก็พูดอะไรซักอย่างแผ่วเบา จนเธอแปลกใจว่าทำไมต้องพูดเสียงเบาขนาดนั้นด้วย แต่พอเอเลนตอบอะไรซักอย่างทั้งสองก็จูบกันอย่างดูดดื่ม เสียงชื้นแฉะของน้ำลาย เสียงดูดปาก และเสียงในลำคอของทั้งสองดังเสียยิ่งกว่ายามที่คุยกันก้องไปทั่ว ‘อืมมมม... ฮ๊าาาา.... อึก อื้ออออ’ แถมมือของทั้งสองคนยังลูบไล้ร่างกายของกันและกันอีกจนเธอทนดูไม่ได้รีบหนีออกมา
หลังจากที่หนีมาสงบสติได้แล้วแจนจึงมาเรียบเรียงเหตุการณ์อีกครั้ง ว่าทำไมชีคมิคาสะถึงได้ดูประคบประหงมเอเลนนัก ก่อนที่เธอจะได้คำตอบแล้วมาหาเขาอีกครั้ง
แจนสูดหายใจลึกๆเพื่อให้ตัวเองสงบก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะว่าทำไมท่านมิคาสะถึงทำดีกับเอเลนนัก.......จริงๆแล้วเอเลนน่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงตกใจจู่ๆแจนก็พูดถึงเรื่องนี้ หรือว่าจะรู้แล้วว่าตนรู้สึกยังไงกับเอเลน นัยน์ตาสีรัตติกาลเหลือบมองไปยังร่างบางของเด็กหนุ่มที่ยังคงมีท่าทีเฉยเมยราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่เขาไม่รู้เกิดขึ้นสินะ ชายหนุ่มจึงหันมาตั้งใจฟังสิ่งที่หญิงสาวจะพูดอีกครั้ง
“เป็นคนรักลับๆของท่านรีไวสินะคะ ท่านมิคาสะถึงได้เทคแคร์ดีขนาดนั้น”
“...............................................................................................หา?”
Talk.
สวัสดีคร้าบ เจเด็นเชสเองครับ ผมได้ระเบิดความมุ้งมิ้งของตนเองแล้ว ที่ทุกคนเห็นผมแต่งตอนคู่ที่ผ่านมาทั้งหมดนั่นน่ะเป็นกลลวงครับ (หลบหม้อชามกะละมังด่วน)
หึฟ์ เราอยากให้คนไทยสุขภาพดี งดหื่นบ้างเป็นบางเวลาครับ(บอกตัวเองล้วนๆ) ผมไม่ใช่ตัวปลอมแต่ประการใด
ที่ท่านชีคสวีท? กับเอเลนคือช่วงต้นเพลง Thinking out loud ของ Ed Sheeran จนถึงนาทีที่ 1.50 ครับผม ส่วนคำแปลมันไม่ตรงกับความรู้สึกของทั้งคู่เท่าไหร่ครับ เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นเท่านั้น
https://www.youtube.com/watch?v=lp-EO5I60KA
ปอลอ. ดาเมจที่นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของเอเลนและมิคาสะ(?)บ้างครับ
ปอล๊อลอ. ถ้าใครจะประท้วงท้วงได้ครับ น้อมรับความผิดแต่โดยดี
นึกว่าจะเเกล้งน้องเเจนของเรามากกว่านี้เสียอีก~ ว่ลเเต่อาถรรพ์เรทตอนคู่หายเเล้วสินะ สินะ สิน๊าาา(คาดว่าอาจมีคนเสียดาย~) เเต่นู๋เเจนคิดอะไรได้เเอบอีโรติกเเละดูจะยอมรับเรื่องเอเลนเป็นชายได้มากกว่าที่คิดเเหะ~
ตอบลบหนูแจนไม่ไดเคิดอิโรติกแต่สองคนนั้นมันทำงั้นนี่ครับ ฟฟฟฟฟ ผมว่าหนูแจนลืมประเด็นที่เอเลนเป็นผู้ชายไปเพราะว่าอย่างน้อยถ้าคบกับรีไว ท่าทีที่มิคาสะมีกับเอเลนก็เหมือนการเอาใจพี่ใภ้ไรงี้ เพื่อความสบายใจของนางเองล้วนๆ แต่นางก็ไม่ได้บอกว่ารับได้หรือรับไม่ได้นะ
ลบอาถรรพ์ตอนคู่ถูกทำลายสะแล้ว แอบเสียดายนิดๆนะคะ แต่ทำไมเรากลับไม่รู้สึกว่าจะถูกทำลายเท่าไหร่นะคะ 55 เป็นตอนที่มุ้งมิ้ง แต่รู้สึกเร้าร้อนแปลกๆนะคะ สำหรับเราเราว่าสมเป็นท่านชีครีไวดีนะคะ
ตอบลบสำหรับหนูแจน เอาที่องค์หญิงสบายใจเลยจ้า ว่าน้องเลนเป็นพี่สะใภ้แค่นั้น จริงจริ๊ง อิอิ
สนุกมากค่ะ มาต่อเร็วๆก็ดีนะค่ะ(รอนานเเล้ว55+)
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบ