Attack On Titan
Fan fic.: Desert
Desire
Pairing: (LevixEren), (Mikasa ver. C)
Rate: R18
Warning: เอเลนเรื่องนี้บิชชี่มากค่ะ ใครไม่ชอบสไตล์นี้อาจโดนทำร้ายนะคะ ><” แล้วก็มีสปอยเนื้อเรื่องหลักอยู่ถึงจะเป็นแนว
AU ก็เถอะ
Story By: Trendy
Blood &Jadenchase
___________
CHAPTER 9: Desert’s gratuity
แบบว่าน่ารักมากกกก จนต้องเอามาใส่ลงด้วยความโม่ยส่วนตัวที่เห็นตรงกันระหว่างอิชุ้นก่ะจาเดนเชส >w<
พาทอิชุ้นเสร็จแล้วขอโยนพาทต่อเลยนะคะโฮะๆ เป็นพาทที่ไว้ดำเนินเรื่องจริงๆ=A=a
พร้อมกับการโยนตัวละครใหม่ แจน กิลชูไตน์ (ที่เข้ายันฮีแปลงเพศอีกราย)
เรื่องนี้กึ่งฟิคสดและสาย C กระหน่ำค่ะ แหะๆ
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามและรอคอยนะคะ แม้ช่วงนี้จะอัพช้าแต่ก็พยายามอัพเรื่อยๆนะ
รักนักอ่านทุกท่านค่ะ ^w^
___________
CHAPTER 9: Desert’s gratuity
แสงอาทิตย์อันร้อยระอุของดินแดนทะเลทรายเริ่มฉายแสง
ความอบอุ่นของรุ่งอรุณเริ่มแผ่ขยายไปทั่วอาณาบริเวณ
รีไวมองภาพพระอาทิตย์ของอรุณรุ่งที่เริ่มลอยขึ้นเหนือกำแพงวังของตน
สองมือแกร่งจัดการกลัดกระดุมในชุดสูททำงานสีเทาเข้ม เพราะเป็นวันทำงานปกติเขาจึงตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเป็นประจำ
การมองภาพแสงแรกของวันเป็นสิ่งที่เขาเห็นจนชินตา
เพียงแต่ห้องนอนเดิมของเขาตอนนี้กลับแตกต่างออกไปจากปกติ
เตียงสี่เสาขนาดใหญ่ที่ปกติแล้วเขาจะใช้พักผ่อนอยู่เพียงผู้เดียว
บัดนี้มีร่างบางของเด็กหนุ่มนอนซุกในผ้าห่มผืนหนา แต่สิ่งที่แปลกตาที่สุดจนเหล่านางกำนัลและข้ารับใช้ต่างพากันรู้สึกตกใจและพากันยิ้มขัน
คงไม่พ้นร่างของชายหนุ่มกำยำอีกคนที่เป็นน้องชายต่างมารดาของเขาที่กำลังนอนกอดเจ้าตัวดีอยู่อย่างนั้น
ตั้งแต่อายุเข้าช่วงวัยรุ่น เขาและน้องชายต่างมารดาไม่เคยที่จะนอนร่วมเตียงเดียวกันเลยก็ว่าได้
อย่าว่าแต่ร่วมเตียงเลยแม้แต่ร่วมห้องกันดูเหมือนเจ้าน้องชายตัวดีของเขาก็ไม่อยากใช้เวลาร่วมกันกับเขาเท่าไรนักถ้าไม่จำเป็น
แต่ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากคืนงานประมูลจวบจนถึงวันนี้เขา เอเลน และมิคาสะ
ต่างนอนร่วมห้องเดียวกันมากว่า2อาทิตย์ เหล่าข้ารับใช้และนางกำนัลที่คุ้นเคยทั้งแปลกใจและต่างยิ้มขำขันกันอย่างเอ็นดู
กับการที่เขาและน้องชายใกล้ชิดกันมากขึ้นขนาดนี้
ส่วนหนึ่งไม่สิต้องบอกว่าตัวการณ์สำคัญคงไม่พ้นเจ้าเด็กน้อยตัวดีที่ยังคงหลับตาพริ้มในอ้อมกอดของน้องชายเขา
นัยน์ตาคมหันไปมองเตียงสี่เสาใหม่เอี่ยมอีกหลังที่อยู่ภายในห้อง
ผ้าปู และหมอนที่ยังคงเรียบกริบและผิวสัมผัสที่เย็นเฉียบเพราะไม่เคยถูกการใช้งาน นั้นก็เพราะตัวเขาที่ปกตินอนและใช้ชีวิตคนเดียวเป็นประจำไม่ชินกับการที่จะมีคนมานอนด้วยข้างๆ
เพราะส่วนมากจะเป็นแค่คู่นอนชั่วครั้งคราวไม่มีข้อผูกมัด และไม่ซ้ำหน้า
แต่ตอนนี้กลับมีเด็กหนุ่มที่จำเป็นต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันเพราะเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
และทั้งที่ในวังนี้มีห้องหับไว้รองรับมากมาย ติดเสียแต่ว่าเจ้านักฆ่าตัวดีกลับไม่ชอบที่จะนอนเพียงลำพังจนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าที่แล้วมาเจ้าเด็กนี้นอนกับใครมาบ้าง?
ด้วยรูปร่างและท่าทางแบบนั้นคงมีเพียงไม่กี่คนหรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ที่จะยอมเพียงแค่นอนเป็นเพื่อนหมอนั่นเฉยๆ
ในที่สุดเขาจึงต้องยอมจำใจให้เจ้าเด็กเหลือขอมานอนร่วมในห้อง
รวมทั้งสั่งเตียงอีกหลังเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ
แต่ดูเหมือนแค่นั้นจะไม่พอเพราะในเมื่อตลอดเวลาเจ้าหนูนั่นกลับขอที่จะมานอนอยู่บนเตียงเดียวกับเขา
ถึงแม้ว่าหลายครั้งจะเป็นเพียงแค่จับชายเสื้อของเขาจนหลับไปก็ตาม ส่วนอีกคนดูเหมือนจะติดใจเจ้าหนูนี่มากมาย
ถึงขนาดไม่อยากทิ้งให้ห่างสายตา
จากปกติที่เจอกันเดือนละครั้งก็มากพอแล้วสำหรับเขาและมิคาสะ ตอนนี้เรียกได้ว่าห้องทำงานในวังของเขาได้เพิ่มเติมพื้นที่สำหรับเจ้าน้องชายคนนี้ไปด้วย
รวมถึงห้องนอนที่ในเมื่อเอเลนมานอนกับเขา เจ้าน้องชายที่ไม่ถูกชะตาด้วยคนนี้ก็ตามมานอนราวกับเป็นแฝดสยาม
ตัวเขาที่ขี้รำคาญทั้งที่ตอนแรกจัดการให้เอเลนใช้ห้องร่วมกับมิคาสะไปห้องหนึ่งเลยนั่น
เจ้าเด็กเหลือขอตัวดีดันใช้สายตาที่ยังกับลูกหมาถูกทิ้งแบบนั้นออดอ้อนเขา
ตัวเขาที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ถึงกับรับมือไม่ถูกจนผลสุดท้ายก็ยอมจำนนจนได้ ทั้งๆที่ตอนแรกรำคาญตอนนี้เรียกว่าเคยชินไปแล้วก็ว่าได้
รีไวคว้ากระเป๋าเอกสารงานของตนก่อนออกจากห้องไปยังรถยนต์ส่วนตัวที่จอดรอไม้แล้ว
ชีคหนุ่มจึงจัดการฟาดกระเป๋าเอกสารลงบนหัวของน้องชายต่างมารดาเพื่อหวังช่วยปลุก
ปึก!!!
แต่ก็เพราะว่าสมกับเป็นน้องชายของเขาอีกนั้นแหละมิคาสะจึงจัดการยกแขนขึ้นมาบังแรงของกระเป๋าที่ฟาดลงมาได้อย่างทันท่วงที
นัยน์ตาสีราตรีคมตวัดมองนัยน์ตาสีหมอกที่จ้องมองลงมาอย่างเย็นชาเช่นทุกวัน
“ตื่นเช้าสมเป็นคนแก่ตามเคยนะ...รีไว”
“ถึงจะเป็นน้องชายของผู้นำประเทศ
แต่ถ้าเข้างานสายก็โดนไล่ออกได้นะมิคาสะ”
เสียงเหน็บแนมที่ราวกับนาฬิกาปลุกทุกเช้าทำให้ร่างบางเริ่มขยับตัว
นัยน์ตาสีมรกตปรือมองภาพสองพี่น้องทะเลาะกันที่เห็นจนชินตาก่อนจะหันหลังให้อย่างไม่ใส่ใจ
“วันนี้นายไปทำงานพร้อมฉันซะ
ให้เวลาห้านาทีฉันจะรอนายที่รถ”
รีไวเดินออกจากห้องนอนอย่างไม่สนใจกับเสียงสบถพึมพำของน้องชายต่างมารดาที่แสดงอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน
ถึงจะไม่พอใจและทะเลาะกันแต่น้องชายอย่างมิคาสะก็ทำตามคำสั่งของเขาเสมอ
และเพียงห้านาทีชีคหนุ่มในชุดประจำชาติก็ขึ้นมาในรถ ใบหน้าคมคายที่ล้อมผมสีรัตติกาลประบ่ากำลังมองเขาอย่างรำคาญ
น้องชายหน้าตาที่ชอบมองหน้าเขาด้วยแววตาเบื่อหน่ายนี่บางทีก็ทำให้เขารู้สึกขำไม่น้อย
เมื่อรถแล่นออกจากวังมิคาสะจึงเอ่ย
“เรื่องของไรเนอร์และเคนนี่ได้เรื่องแล้วงั้นรึไง?”
รีไวท้าวคางมองน้องชายต่างมารดาก่อนจะส่ายหัวไปมาเบาๆเป็นการปฏิเสธ
“เปล่าเลย
อย่างที่รู้ว่าเคนนี่จัดการปิดเรื่องและซ่อนตัวได้ดีขนาดไหน
แต่คิดว่าอีกไม่นานหมอนั่นคงเบี้ยงเป้าหมายมาที่ตราประจำตระกูลมากยิ่งขึ้น” ใบหน้าเฉยชาเหยียดยิ้มดูแคลนในความคิดของบุคคลที่เขากล่าวถึง
“ยิ่งตอนนี้หมอนั่นรู้ว่านักฆ่าที่ส่งมาอย่างเอเลนเข้ากับฝ่ายเราคงไม่มีเรื่องมือสังหารมาติดกับเล่นไปสักพักสินะ
นายคาดไว้อยู่แล้วสิว่าเอเลนจะเลือกทางเรา
จึงให้ทั้งเอกสารและตราประทับไปได้โดยง่าย
แล้วเอกสารถูกทำลายไปแล้วแบบนั้นไม่เป็นอะไรรึไงพี่ชาย? ตำแหน่งนายมันจะสั่นคลอนได้นะ”
มิคาสะเลิ่กคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“อย่างที่นายเองก็รู้ดีว่าเอเลนต่างจากนักฆ่าที่ส่งมา
การเดิมพันแต่แรกเลยไม่ใช่ ห้าสิบ ห้าสิบ แต่เป็นเก้าสิบต่อสิบ ยังไงล่ะ”
รีไวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
มิคาสะมองคนตรงหน้าอย่างไม่แปลกใจ
ก่อนจะเหลือบไปมองสารถีที่เรียกได้ว่าเป็นมือขวาคู่ใจ เอลวิน สมิธ
การวางแผนระดับหัวกะทิและการที่คนอย่างรีไวกล้าเสี่ยงคงเพราะมือขวาคนสนิทไม่ผิดแน่
“ยิ่งข้อมูลของเอเลนที่ได้มายิ่งแน่ใจว่าแต่เดิมหมอนั่นก็ไม่ได้ฝักใฝ่หรือจงรักภักดีต่อองค์กรเท่าไร
จากที่นายได้คลุกคลีคงเข้าใจว่าหลายครั้งหมอนั่นให้ความรู้สึกเหมือนตุ๊กตาหรือไม่ก็หุ่นยนต์ที่ไม่เสถียร
มันคงไม่แปลกสำหรับนักฆ่าทั่วไปที่ถูกสั่งสอนแต่เด็ก
แต่สำหรับเอเลนความเป็นตุ๊กตาหรือหุ่นของหมอนั่นเกิดจากปมทางจิตใจไม่ใช่การปลูกฝัง
เพราะงั้นการกระตุ้นจิตใต้สำนึกของหมอนั่นขึ้นมาก็ทำให้เปอร์เซ็นต์ของเราสูงขึ้น”
“แต่ถ้าเอเลนพลาดและของทั้งหมดตกอยู่ในมือไรเนอร์นายก็เดือดร้อนอยู่ดีไม่ใช่รึไง?”
มิคาสะรู้สึกหมั่นไส้กับท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของพี่ชายต่างมารดาอีกทั้งมือขวาคนสนิทที่ยังคงตีสีหน้ายิ้มเป็นปกติ
เรื่องนี้นายคงไม่รู้
แต่ฉันจะบอกให้เป็นกรณีพิเศษเพราะเป็นนายล่ะนะเจ้าน้องชาย” รีไวครุ่นคิดสักครุ่ก่อนเอ่ยต่อ
“เอกสารที่หมอนั้นฉีกทิ้งไปเป็นเพียงแค่สำเนา
อีกอย่างพินัยน์กรรมของชีครุ่นก่อนทิ้งไว้มีทั้งหมด สามฉบับ
ถึงทางนั้นจะได้ไปเพียงฉบับเดียวก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย
และอีกเรื่องที่มีเพียงแต่ชีคผู้ปกครองที่ได้รับเลือกเท่านั้นที่จะรู้กับเหล่าคณะรัฐมนตรีอาวุโส
อีกทั้งการแต่งตั้งชีคถ้าผู้ปกครองรุ่นก่อนไม่ได้ระบุไว้ผู้ที่มีอำนาจในการจัดการจะอยู่ที่รัฐมนตรีลับ”
มิคาสะทำหน้าแปลกใจกับหน่วยงานภายในที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ดูเหมือนว่าการจัดการและเตรียมการรวมถึงการขับเคลื่อนของประเทศนี้ระบบจะซับซ้อนกว่าที่เขารู้อยู่มาก
แม้จะเป็นถึงผู้ปกครองในอีกแคว้นก็ตาม
“จะบอกว่ารัฐมนตรีลับมีอำนาจมากกว่าฉันที่เป็นผู้ครองประเทศก็ว่าได้
เพราะถ้าไม่เป็นที่ยอมรับตำแหน่งชีคผู้ปกครองสูงสุดก็จะถูกกำจัดและเลือกคนใหม่ขึ้นมาแทน
เรียกว่าตำแหน่งของฉันเป็นหุ่นเชิดก็ได้ แถมยังต้องคอยตามติดตัวแทบจะตลอด”
รีไวเหลือบหางตาไปยังสารถีผมสีทองที่ยังคงขับรถทำหน้าที่ของตนต่อไป
ท่าทางและสายตาของรีไวเป็นการบอกมิคาสะเป็นนัยอย่างชัดเจนว่ามือขวาคนสนิทที่แสนฉลาดอย่างน่าแปลกใจก็คือหนึ่งในองค์กรที่เขากำลังกล่าวถึง
“แต่อย่างน้อยก็หายห่วง
เพราะคนขององค์กรนั่นเป็นพวกทำเพื่อประเทศโดยแท้จริง
ถ้าวันนึงฉันโดนคนในนั้นซิวร่วงก็คงจะสมควรแล้วล่ะนะ” ชีคหนุ่มผู้นำสูงสุดเหลือบมองมือขวาคนสนิทก่อนจะหัวเราะในลำคอ
เพราะอย่างนั้นถึงเชื่อใจและไว้ใจในการบริหารและจัดการประเทศนี้จนแข็งแกร่งอย่างที่เป็นอยู่
“นั้นก็เท่ากับว่าต่อให้หมอนั่นจะได้พินัยกรรม
หรือตราประจำตระกูลไปก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นงั้นสิ?”
“ถึงได้บอกตั้งแต่ครั้งแรกว่าสิ่งที่หมอนั่นต้องการถึงได้ไร้ประโยชน์
แต่อาจทำให้ประเทศวุ่นวายได้สักพักนึงล่ะนะ อย่างที่บอกเรื่องของรัฐมนตรีลับมีเพียงชีคผู้ปกครอง
และรัฐมนตรีอาวุโสบางส่วนเท่านั้นที่รู้
ถ้าหมอนั่นได้ตราประทับไปการจัดการเรื่องพินัยกรรมและการจัดฉากการครองราชย์ของหมอนั่นคงมีขึ้น............แล้วก็ร่วงลงไปในเวลาไม่นาน......
แต่การมาฟื้นฟูประเทศที่คาดว่าหมอนั่นจะทำอะไรเน่าเหม็นทิ้งไว้คนรับช่วงต่อคงเหนื่อยน่าดู”
“ที่นายเล่าให้ฉันฟังคงไม่ใช่ว่านายจะรีบไปตายหรอกนะเจ้าพี่บ้า....นายก็รู้ฉันไม่ชอบเรื่องปวดหัวและยุ่งยาก
ยิ่งได้ฟังอย่างนี้นายยิ่งต้องรับผิดชอบจนกว่าฉันจะถูกฝังลงไปในทะเลทรายแล้วล่ะนะ.....ท่านชีครีไว
อัคเคอร์แมน” มิคาสะถอนหายใจก่อนจะหันไปสนใจวิวข้างทางที่ใกล้ถึงที่ทำงานจนชินตา
รีไวมองท่าทางที่ราวกับไม่สนใจและผลักภาระทุกอย่างมาให้เขาอย่างนึกขำ
ถึงจะไม่พูดอะไรแต่รีไวและเอลวินต่างรู้และเข้าใจดีว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาความหวังต่อไปของประเทศนี้จะสามารถฝากฝังไว้กับคนที่ทำท่าราวกับไร้อารมณ์ตรงหน้าได้อย่างไม่ต้องสงสัย
และเพราะอย่างนั้นความลับนั้นจึงถูกถ่ายทอดจากปากของเขาสู่เจ้าน้องชายต่างมารดาที่แม้จะชอบทำตัวราวกับผลักภาระมาให้เช่นเดียวกับที่เขาเคยได้รับฟังจากปากของชีครุ่นก่อน
เพราะที่จริงแล้วกลับเป็นคนที่จัดการภาระน่าเบื่อหน่ายของเขาอยู่เบื้องหลังเงียบๆ.....
และวันีน้ก็เป็นอีกวันที่รีไวและมิคาสะต่างกลับมาที่วังเดียวกัน
ของรีไวนั้นเป็นเรื่องปกติ สำหรับมิคาสะ....ตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องปกติไปแล้วเช่นกัน....
ทันทีที่กลับมาถึงที่พัก
เอเลนในชุดแต่งกายที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ก็ยังคงรอต้อนรับเขาและมิคาสะอยู่เช่นเดิม
มือหนาทั้งสองของชีคต่างอายุลูบไล้บนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มที่ยิ้มต้อนรับทั้งสอง
รีไวมองร่างบางในเครื่องแต่งกายของอิสตรีและเครื่องประดับที่เขาจัดเตรียมไว้ก่อนจะนึกอะไรออก
“จริงสิเจ้าหนู ฉันยังไม่ได้ตบรางวัลกับการทำงานของนายเลย”
ใบหน้ามนเอียงคอมองอย่างแปลกใจ
“รางวัล?”
“ในเมื่อนายทำตัวดีก็สมควรจะมีรางวัลให้ใช่ไหมล่ะ
อยากได้อะไรล่ะเจ้าหนู?” เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่เมื่อใครก็ตามทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมเขาจะมอบรางวัลให้
กับเอเลนก็เช่นกันการให้รางวัลก็ถือเป็นการชมเชยอย่างหนึ่ง
“แต่ผมไม่ได้มีอะไรที่อยากได้”
เอเลนส่ายศรีษะไปมาปฏิเสธ
“ขอมาซะ นายอยากได้อะไร?
ทองคำ เครื่องประดับ เงินตรา หรือคฤหาสน์ ฉันจะจัดการให้”
“เครื่องประดับหรือทองคำผมไม่ได้อยากได้หรอกครับ
อีกอย่างของพวกนั้นไม่ได้จำเป็นกับผมเลย”
รีไวมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างแปลกใจ
ปกติแล้วเมื่อเขาเอ่ยจะตบรางวัลอย่างงามให้ใคร
คนเหล่านั้นมักจะตาลุกวาวและขอรางวัลจากเขามากมาย แต่เอเลนกลับไม่มีสีหน้าและแววตาที่ดีใจหรือตื่นเต้น
“หรือนายจะเอาเป็นพวกเครื่องประดับอย่างที่นายชอบใส่
ฉันจะเรียกช่างทำเครื่องทองมาให้ตามที่นายต้องการ”
“ผมไม่ได้อยากได้อะไรครับ
อีกอย่างผมก็ไม่ได้ชอบใส่เสียหน่อย”
น้ำเสียงใสเริ่มเจือความหงุดหงิดกับการยัดเยียดของรางวัลจากชีคหนุ่ม
รีไวที่ไม่เคยต้องจัดการสรรหาของขวัญให้ใครหรือทำอะไรให้ถูกใจใครเองก็เริ่มฉุนกับการปฏิเสธทุกอย่างที่เขาเสนอจากเด็กหนุ่ม
“ถ้านายไม่ชอบแล้วจะใส่จนดูเหมือนเป็นตู้ทองเคลื่อนที่แบบนั้นไปทำไม!?” ด้วยความหงุดหงิดรีไวจึงเริ่มขึ้นเสียงกับเด็กหนุ่ม
ชีครีไวหงุดหงิดกับการกระทำที่ไม่คุ้นเคยของคนตรงหน้า
ปกติเหล่าบรรดาหญิงและชายที่เขาเคยนอนด้วยมากมายไม่มีใครที่เอาใจยากเท่าเด็กจอมอวดดีตรงหน้า
พวกนั้นเพียงแค่เขาให้เศษเงิน
หรือเครื่องประดับราคาแพงคนพวกนั้นก็พร้อมที่จะยอมทำทุกอย่างตามที่เขาสั่ง
อีกทั้งยังแต่งตัวด้วยของประดับมากมายราวกับตู้ทองเคลื่อนที่ก็ไม่ปาน
“อย่าเล่นตัวนักเจ้าหนู
สำหรับคนอื่นคงมองว่านายน่ารักและใสซื่อ แต่สำหรับฉันมัน...น่ารำคาญ”
ปึก!!
เครื่องประดับมากมายถูกถอดออกจากร่างของเอเลนพร้อมทั้งโยนคืนกับผู้เป็นเจ้าของเงินที่ซื้อหามา
ใบหน้าหวานแสดงสีหน้ากราดเกรี้ยวระคนเจ็บปวดจนชีคหนุ่มมองอย่างนิ่งงันด้วยความแปลกใจ
“ถ้าท่านชีคผู้สูงศักดิ์และร่ำรวยมองอย่างนั้นผมก็คืนให้ทั้งหมด
แล้วไม่ต้องให้อะไรผมอีก!!”
มือบางกุมจี้รูปปีกที่สะดือของตน
ใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความโมโห
“แต่ตอนนี้ผมคงยังคืนให้คุณไม่ได้
จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะจบผมจะยอมติดเครื่องประดับติดตามโง่ๆที่ท่านให้มา แล้วเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงด้วยเกียรติของนักฆ่าที่มาแต่ตัว
ผมก็จะไปแต่ตัวไม่สร้างทั้งความเดือดร้อนให้ท่านหรอกนะ”
มิคาสะที่มองดูเหตุการณ์รู้สึกหน่ายกับการกระทำของพี่ชายต่างมารดา
แต่อีกความรู้สึกจะเรียกว่าเขาสมน้ำหน้าชีคหนุ่มก็ได้
มิคาสะจึงฉวยโอกาสจูงมือร่างบางที่กำลังสั่นเทาด้วยความโกรธเดินแยกออกมาจากชีคอายุมากกว่าที่มองมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย
แต่น้องชายอย่างเขารู้ดีว่าสีหน้านิ่งนั้นเกิดขึ้นเพราะทำอะไรไม่ถูกต่างหาก
“ฉันว่าคืนนี้ฉันกับเอเลนแยกไปนอนห้องว่างที่เคยเตรียมไว้ให้ดีกว่า
พรุ่งนี้เป็นวันหยุดนอนคนเดียวไม่มีใครกวนใจนายคงชอบมากกว่าสินะท่านชีครีไว” ว่าพลางจัดการดันหลังเอเลนให้เดินออกไปจากห้อง
ก่อนที่ประตูจะปิดลง
เสียงหวานเอ่ยลอดผ่านประตู
“อยู่ที่นี้ผมใส่แต่ของที่ท่านหามาให้ได้เท่านั้น”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองบานประตูที่ปิดลงก่อนจะก้มมองเหล่าเครื่องประดับราคาแพงมากมายที่ถูกปาทิ้งอย่างไม่ใยดีบนพื้นพรม
ใบหน้าเฉยชาของชีคอายุมากถอนหายใจ ทั้งที่ปกติเขาไม่เคยต้องยัดเยียดของให้ใคร
หรือเมื่อถ้าคนนั้นทำเป็นเล่นตัวปฏิเสธเขาก็เพียงแค่ทำตามคำปฏิเสธนั่นจนคนเหล่านั้นต่างทำหน้าเหวอเสียดายอยู่บ่อยๆ
แต่ครั้งนี้เขากลับพยายามยัดเยียดของรางวัลให้กับเด็กหนุ่มอย่างที่ไม่เคยเป็น เรียกว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายที่อยากให้อะไรกับใครสักคนจริงๆ
แต่ในเมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้เขาควรจะทำยังไงต่อไป?
จะให้คนอย่างเขาไปง้อกับสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนแบบนั้นจนอายุปูนนี้แล้วจะให้เขามาเริ่มง้อเด็กก็ดูว่าคงเป็นการบากหน้าอย่างที่เขาไม่อาจทำได้
จะจัดการรวบหัวรวบหางเจ้าตัวดีก็ว่าเจ้าน้องชายตัวแสบคงไม่ยอมเป็นแน่
อีกอย่างจากเท่าที่เจ้าหนูนั่นโกรธอยู่แล้วมีหวังคงได้หนีเตลิดหรือไม่จากที่เป็นตุ๊กตาที่ยังพอมีหัวใจนั้น
ตัวเขาจะกลายเป็นคนทำให้จิตใจที่เหลืออยู่ของหมอนั้นหายไปก็ได้
และก็เพราะมัวแต่คิดจนไม่ได้ลงมือทำอะไรสักอย่าง
เช้าวันหยุดของเขาจึงเริ่มต้นด้วยการหลบหน้าของนักฆ่าหนุ่มน้อย
อีกทั้งการแต่งกายของเจ้าตัวก็เป็นเพียงแค่อาภรณ์ปกปิดร่างกายไร้ซึ่งเครื่องประดับที่เคยจัดสรรอย่างเข้าชุดกันเช่นทุกครั้ง
ถึงแม้หลายครั้งในช่วงเช้าเขาจะพยายามเข้าไปพูดคุยแต่ก็ได้เพียงเอ่ยเรียกชื่อเท่านั้น
เมื่อนัยน์ตาสีมรกตนั้นมองมาคำพูดทุกอย่างก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ
ไม่คิดเลยว่าแค่การพูดขอโทษหรืออะไรทำนองนี้จะทำให้คนแบบเขาถึงขั้นพูดไม่ออก
แล้วเจ้าน้องชายต่างมารดาตัวดีที่ได้แต่มองอย่างรู้สึกสนุกกับท่าทางของเขากับเอเลนยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากจับเจ้าน้องชายมาอัดนัก
และเพราะอยู่ในวังไปก็รู้สึกอึดอัดแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็นช่วงบ่ายเขาจึงจัดการควบอาชาคู่ใจสีทมิฬสายอาราเบียออกไปในทะเลทรายกับมือขวาคนสนิท
ความร้อนของทะเลทรายและลมที่พัดโกยทรายขึ้นมาทำให้รีไวและเอลวินต้องจัดการคลุมผ้าปิดมาถึงปากและจมูกเพื่อกันฝุ่นทรายที่พัดปลิวมากมาย
สองอาชาสีดำควบไปตามแรงอารมณ์โทสะและหงุดหงิดของผู้กุมบังเหียน
เอลวินที่ตามมาติดๆถอนหายใจกับความไม่ประสาบางเรื่องของชีคหนุ่ม
แต่ก็เพราะว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเจอถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่เขาเองก็ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงได้
สองอาชาควบมาจนถึงโอเอซิสที่เป็นจุดพัก
รีไวปลดผ้าคลุมหน้าออกก่อนจะจัดการกวักน้ำในทะเลสาปขึ้นล้างคราบเหงื่อและทราย
“อารมณ์พลุ่งพล่านน่าดูนะขอรับท่านชีค”
เอลวินเลขาคนสนิทเดินเข้ามาใกล้ทะเลสาบก่อนจะนำอาชามาผูกไว้ที่ต้นไม้เพื่อให้ดื่มน้ำ
“เด็กนั่นน่ารำคาญชะมัด”
รีไวสบถอย่างหัวเสีย ทั้งน่ารำคาญทั้งคาใจ
ทำยังไงถึงจะเรียกว่าดีและทำให้หมอนั่นถูกใจ? คนอย่างเขาที่ไม่เคยคิดอะไรแบบนี้มาคิดตอนอายุปูนนี้ก็ใช่ว่าจะคิดออกได้ง่ายๆหรอกนะ
“แต่ท่านก็ทำเกินไปนะขอรับ
ถ้าท่านรีไวอยากหาของให้กับใครสักคนทำไมไม่เลือกสิ่งที่มองแล้วนึกถึงเขาคนนั้นล่ะขอรับ”
คำแนะนำจากเอลวินช่วยให้รีไวได้ครุ่นคิด
ของที่ทุกครั้งเขาสักแต่ให้โดยไม่คำนึงถึงผู้รับ
ตอนนี้ถ้าเขาลองให้ของที่เขามองแล้วนึกถึงผู้รับดูบ้างอาจจะทำให้เจ้าหนูนั่นดีใจบ้างก็ได้สินะ?
งี๊ด งี๊ด...
เสียงครางที่ได้ยินแผ่วเบาทำให้สองหนุ่มหันไปมองตามต้นเสียง
ดูเหมือนว่าเสียงจะดังมาจากพุ่มหญ้าที่ห่างไปไม่ไกลนักจากทะเลสาบ
รีไวและเอลวินค่อยๆเคลื่อนตัวไปใกล้พุ่มหญ้ามากยิ่งขึ้น
กอหญ้าที่ขึ้นสูงประมาณเข่าเมื่อก้มลงค่อยๆแหวกดูทั้งสองก็พบกับ
จิ้งจอกตัวน้อยสีขาวที่ได้รับบาดเจ็บหลบอยู่ในนั้น
เจ้าจิ้งจอกตัวน้อยตกใจกับผู้บุกรุก
แต่เพราะขาหลังที่บาดเจ็บจึงทำให้เจ้าขนฟูไม่อาจวิ่งหนีไปได้รีไวจึงจัดการตะครุบเจ้าตัวน้อยได้ทัน
“ลูกเฟนเนคฟ็อซ์
สินะขอรับ ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บน่าจะจากกับดักของพวกลักลอบค้าสัตว์”
เอลวินพิจารณาเจ้าหนูขนฟูที่พยามดิ้นรนในมือแกร่งของผู้เป็นนาย
รีไวจัดการจับเจ้าตัวเล็กที่กำลังตกใจห่อกับผ้าสะอาด
และจัดการหยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ติดมากับกระเป๋าบนหลังออกมาจัดการแผลของเจ้าตัวน้อย
“เจ้าจิ้งจอกทะเลทรายตัวนี้คงพลัดหลงจากฝูงของมันหรือไม่ก็ตัวอื่นคงโดนจับไปแล้วสินะ”
รีไวจัดการล้างแผลและฆ่าเชื้อให้กับขาหลังของเจ้าตัวเล็ก
โชคดีที่แผลนั้นไม่ลึกมากจึงไม่มีอะไรที่ต้องน่าห่วง ชีคหนุ่มจึงจัดการใช้ผ้าพันแผลให้เจ้าตัวน้อย
เท่าที่ดูเหมือนว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยน่าจะมีอายุราวๆ2เดือนเท่านั้น
แม้จะเป็นแผลเล็กน้อยแต่คงสร้างความเจ็บปวดให้กับเจ้าลูกจิ้งจอกมากพอดู
หลังทำแผลเสร็จเจ้าลูกจิ้งจอกทะเลทรายตัวน้อยราวกับรับรู้ว่าชายหนุ่มทั้งสองไม่เป็นอันตราย
จากที่พยายามดิ้นหนีในคราแรก ตอนนี้เพียงนอนอยู่นิ่งๆในมือแกร่งของชีคหนุ่มเท่านั้น
และคงเพราะความเหนื่อยล้าจากการหนีและบาดแผลจึงทำให้สัตว์ขี้ตกใจและสัญชาตญาณดีอย่างจิ้งจอกทะเลทรายผล่อยหลับลงบนมือของชีคหนุ่ม
รีไวลูบขนสีขาวของฟินเนกฟ็อกซ์แผ่วเบา
ท่าทางดิ้นรนและสายตาเว้าวอนทำให้นึกถึงใครบางคนที่ทำให้จิตใจเขาปั่นป่วน
“ดูว่าฉันคงหาของขวัญที่หมอนั่นพอจะถูกใจได้บ้างแล้วล่ะนะเอลวิน”
มือขวาคนสนิทยิ้มรับพลางมองเจ้านายขี้หงุดหงิดที่ลูบไล้เจ้าขนฟูตัวน้อยในมืออย่างอ่อนโยน....
ก่อนที่อาทิตย์จะลับขอบฟ้าชีคหนุ่มและเอลวินต่างควบม้ากลับมาถึงวังพอดี
ร่างกำยำของชีครีไวตวัดลงหลังม้าก่อนจะชำเลืองมองเจ้าขนฟูตัวน้อยที่ยังคงหลับอยู่ในชุดคลุมสีดำของตนที่แนบไว้กับอก
รีไวเดินผ่านท้องพระโรงไปยังห้องอาหารเพื่อหวังหาร่างบางของเจ้าตัวดี แต่ก็ไม่พบอยุ่สักที่เมื่อถามกับเหล่านางกำนัลจึงได้ความว่าเอเลนไปเดินเล่นที่สวนฆ่าเวลารอชีคมิคาสะที่มีงานเร่งด่วนเข้ามา
ยิ่งรู้ว่าตอนนี้เจ้าตัวดีอยู่คนเดียวจึงเป็นโอกาสเหมาะที่เขาจะได้ปรับความเข้าใจโดยไม่ต้องพะวงกับท่าทางของน้องชายต่างมารดาที่อาจมาเหน็บแนมเขาในภายหลัง
กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้นานพรรณลอยมาตามสายลม
ยิ่งเมื่อเข้าใกล้สวนดอกไม้มากเท่าไรกลิ่นหอมยิ่งฟุ้งกระจายมากยิ่งขึ้น รีไวกวาดมองสายตาเพื่อหาเด็กหนุ่มเป้าหมาย
ร่างบางในชุดสีเขียวมรกตเช่นเดียวกับสีตาของเจ้าตัวนั่งนิ่งเงียบอยู่ในศาลากลางสวน
นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองพระจันทร์ที่เริ่มลอยเด่นบนท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย
แต่ด้วยสัญชาตญาณเมื่อรีไวเดินเข้าไปใกล้เอเลนจึงหันไปสบกับใบหน้าคมคายของชายหนุ่ม
เด็กหนุ่มก้มศีรษะเป็นการทักทายก่อนจะผันตัวออกมาจากศาลา
แต่มือแกร่งของชีคหนุ่มรั้งร่างบางไว้ เอเลนเพียงปลายตามองชีคหนุ่มอีกครั้ง
“ขอโทษที่เข้ามาสวนของท่านโดยพลการ
ถ้าไม่มีอะไรข้าจะขอกลับไปอยู่ในที่ที่ของตัวเอง”
น้ำเสียงและท่าทางที่แสดงออกเห็นได้ชัดว่าเอเลนไม่อยากอยู่ใกล้เขา
แต่ตัวเขาที่ถูกทำให้ปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยเป็น
นึกคิดและกระทำในสิ่งที่แปลกออกไปมีหรือจะยอมปล่อมือนี้ให้หลุดไปง่ายๆ
“ถ้าฉันขอให้นายอยู่เป็นเพื่อนก่อนจะได้รึเปล่า?”
ใบหน้าหวานมองอย่างแปลกใจ
“ท่านจะขอร้องผมงั้นเหรอ?”
“ใช่.........ได้โปรด”
คำขอร้องที่ไม่คิดว่าจะได้พูดกับใคร
กับหลุดออกมาอย่างง่ายดายเพียงเพื่อให้ร่างบางนี้สบสายตาและอยุ่กับเขาต่ออีกสักนิด
เอเลนขมวดคิ้วมุ่นราวกับช่างใจก่อนใบหน้าหวานจะพยักหน้าเป็นการรับรู้และตอบตกลง
สายลมพัดมาแผ่วเบาพัดพากลีบดอกไม้และกลิ่นหอมขจรไปทั่งทั้งศาลาสีขาวที่ตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางแสงจันทร์
มือบางของเด็กหนุ่มทัดผมสีน้ำตาลที่ปลิวไสวตามแรงลม
ตัวเขาที่เป็นคนขี้หงุดหงิดและขี้รำคาญกลับรู้สึกพึงใจกับภาพของเด็กหนุ่มตรงหน้า ดูเหมือนว่าบางอย่างในตัวของเขากำลังค่อยๆเปลี่ยนไปทีล่ะนิดเช่นเดียวกับร่างโปร่งบางเช่นกัน
“นายไม่มีอะไรที่อยากได้จริงๆงั้นเหรอ?”
ใบหน้าหวานหับควับสบตากับนัยน์ตาสีขี้เถ้าอย่างไม่สบอารมณ์
“ถ้าท่านจะมาเพื่อพูดเรื่องนี้อีกผมขอตัว!”
มือบางถูกดึงอีกครั้ง
เอเลนหันสบกับใบหน้าเฉยชาของชีคหนุ่มที่สะท้อนเงาแสงสีเงินของดวงจันทร์
“ฉันไม่ได้ดูถูกนาย
เพียงแค่อยากให้อะไรนายก็เท่านั้น” แต่เพราะไม่เคยคิดหรือรู้สึกแบบนี้
จึงไม่รู้ว่าควรสรรหาคำพูดใดมาใช้
“แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไร”
ร่างบางยังคงดื้อดึงตอบเสียงแข็ง
“งั้นถ้าฉันจะขอร้องให้นายรับไว้จะได้รึเปล่าเอเลน?”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองสบกับนัยน์ตาสีมรกตเพื่อหวังฟังคำตอบอย่างนิ่งงัน
เอเลนเหมือนจะชะงักกับคำว่าขอร้องของชีคหนุ่มอีกครั้ง
นัยน์ตาที่ดื้อดึงมีแววโอนอ่อนตามถึงกระนั้น... “ข้าไม่ได้ต้องการอะไร......ได้โปรดปล่อยมือด้วยท่านชีครีไว”
รีไวถอนหายใจ
ดูเหมือนว่าการร้องขอของเขาไม่เป็นผล บางทีการทำอะไรแบบนี้คงไม่เหมาะกับเขาจริงๆ
มือแกร่งละออกจากข้อมือบาง ร่างโปร่งเตรียมหันหลังกลับแต่เสียงของชีคหนุ่มที่ลุกลนทำให้เขาหันกลับไปมอง
“เจ้าหนูนายบาดเจ็บอยู่อย่าดิ้นนักสิ
เฮ้ย!”
รีไวพยายามคว้าเจ้าเฟนเนกฟอกซ์ตัววุ่นที่ดิ้นออกมาจากเสื้อคลุมของเขา
แต่เจ้าลูกจิ้งจอกทะเลทรายสีขาวตัวดีกลับกระโดดไปมาถีบที่หน้าท้องของเขา ไต่ขึ้นบนบ่าและกระโจนเข้าใส่เอเลนที่รับไว้ด้วยสัญชาตญาณ
เอเลนมองเจ้าลูกจิ้งจอกสีขาวหูยาวในมืออย่างแปลกใจ
นัยน์ตาสีดำกลมจ้องมองใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มก่อนหน้าเล็กๆจะเอียงคอมอง สองหูยาวกระดิกไปมาพร้อมทั้งเสียงร้องที่ราวกับลูกหมาอ้อนเจ้าของ
“ท่านรีไวนี่คือ...”
เอเลนหันมองชีคหนุ่มที่กำลังกุมหน้าผากของตัวเอง
“อา....
มันเหมือนนายดี อีกอย่างนายเป็นเด็กขี้เหงาน่าดูถ้ามีเจ้าตัวนี้เวลาฉันกับมิคาสะไม่อยู่คงทำให้นายรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง”
“ท่านซื้อมันมางั้นเหรอ?”
“สัตว์ที่บาดเจ็บแบบนั้นร้านค้าที่ไหนเขาจะขายกันเจ้าหนู?
ฉันกับเอลวินเจอที่โอเอซิส”
เอเลนมองผ้าพันแผลที่ขาหลังของเจ้าขนฟูสีขาวตัวน้อย
ใบหน้าหวานสบมองกับเจ้าขนฟูก่อนหันไปสบกับใบหน้าคมคายของชีคหนุ่มอย่างแปลกใจ
“แต่นายบอกไม่อยากได้ของจากฉัน
เจ้าหนูนั่นฉันจะจัดการเองก็แล้วกัน” รีไวยื่นมือไปเป็นการขอเจ้าขนฟูคืน
“ท่านจะจัดการยังไง?”
“หืม?”
ใบหน้าคมครุ่นคิดสักครู่ก่อนตอบ “คงเอาเป็นของรางวัลให้เจ้าคอบบร้าแทนน่ะ”
“ห๊ะ!
ท่านจะเอาเจ้าหนูนี่ไปเป็นอาหารเจ้างูวิปริตนั่นน่ะนะ แบบนี้ผมไม่ยอมด้วย!!”
ท่าทางของเอเลนที่กอดเจ้าขนฟูตัวน้อยอย่างหวงแหนทำให้รีไวนึกขำ
ดูว่าของขวัญที่เขาได้มาโดยบังเอิญจะดีกว่าของราคามหาศาลที่เขาเสนอให้เสียอีก
“แต่นายบอกไม่อยากได้ของจากฉันนี่เอเลน?”
เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของเด็กหนุ่มทำให้รีไวอดที่จะรู้สึกอยากแกล้งไม่ได้
“ผมหมายถึงพวกทองและเงินของท่านต่างหาก
แต่เจ้าตัวนี้ไม่ใช่เสียหน่อย”
“แต่ฉันเก็บได้ก็เป็นของฉันและดูเหมือนนายเองก็ไม่ได้อยากได้ด้วยนี่”
“ผ.......ผมเปลี่ยนใจแล้ว!”
นัยน์ตาสีมรกตมองอย่างดื้อดึงที่จะขอเจ้าขนฟูตัวน้อยมาไว้เสียเองดีกว่าให้ไปเป็นอาหารคอบบร้า
มือหนาวางลงบนผมสีน้ำตาลพลางลูบไปมาอย่างแผ่วเบา
“ดูแลมันให้ดีล่ะเจ้าหนู”
ใบหน้าหวานยิ้มรับพลางพยักหน้ารัวๆ
รอยยิ้มจากใจที่เขาเพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรกทำให้ชีคหนุ่มรู้สึกแปลกๆกับอกซ้ายของตน
“แล้วนายจะยกโทษให้ฉันได้รึยังเจ้าหนู?”
เอเลนมองหน้าชีคหนุ่มพลางยิ้มบาง
“เห็นแก่เจ้าตัวน้อยนี่ผมยกโทษให้ท่านก็ได้”
“อย่าได้ใจนักเจ้าหนู”
ท่าทางที่ร่าเริงขึ้นของเด็กหนุ่มทำให้รีไวพลอยรู้สึกดีไปด้วย
มือหนาลูบไล้ยังศีรษะสีน้ำตาลก่อนจะมาลูบเจ้าขนฟูที่อยู่ในอ้อมกอดของเอเลน เพราะเจ้าขนฟูตัวยุ่งตัวนี้เลยทำให้ระหว่างเขากับเอเลนกลับมาเป็นปกติได้แบบนี้ก็ไม่เลว
ไว้ให้เป็นเพื่อนเล่นของเจ้าหนู......ดีกว่าเขาเอาไปให้เจ้าคอบบร้าสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของเขาเป็นของว่างล่ะนะ
“ดูเหมือนว่าฉันจะพลาดเรื่องสนุกไป”
มิคาสะมองหน้าพี่ชายต่างมารดาที่ตอนนี้เขากลับมายืนอยู่ในห้องนอนของเจ้าของวังตามเดิมเพราะเอเลนและสมาชิกใหม่อีกหนึ่งตัวลากเขากลับมา
ทั้งที่คิดว่าจะได้ดูเจ้าพี่ตัวดีเสียมาดบ้างแต่เขาดันพลาดโอกาสไปแบบนี้แค่คำว่าเสียดายคงยังไม่พอ
“ที่จริงนายไม่จำเป็นต้องกลับมานอนห้องฉันก็ได้นะในเมื่อดูเหมือนเอเลนจะพอใจกับของขวัญที่ฉันให้จนลืมนายไปแบบนี้”
รีไวเย้ยหยันเจ้าน้องชายตัวดีเป็นการเอาคืน
“นั่นนายกำลังบอกตัวเองด้วยรึเปล่ารีไว?”
สองชีคหนุ่มมองร่างโปร่งที่กำลังเล่นสนุกกับเจ้าจิ้งจอกตัวน้อยไปมาบนเตียงสี่เสาอีกหลังที่ตั้งแต่สั่งมายังไม่เคยได้ใช้
แต่ตอนนี้เจ้าของเตียงที่อ้างว่าไม่ชอบนอนคนเดียวกลับขึ้นไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเจ้าลูกจิ้งจอกขนฟูอย่างสนุกสนาน
ดูท่าเจ้าสัตว์เลี้ยงแก้เหงาที่เขาให้จะส่งผลดีมากกว่าที่เขาคิด
บางทีอาจจะดีเกินไป.....
“พักเรื่องนี้ไว้ก่อนละกัน
ว่าแต่นายดูเมลที่ฉันส่งให้แล้วใช่ไหมมิคาสะ?
“เมลอะไรของนาย
ถ้าส่งเข้าเมลส่วนตัวฉันยังไม่ได้เปิดอ่านหรอกนะ”
รีไวยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้มิคาสะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“ถึงว่านายยังคงมีท่าทางเฉยชา
งั้นฉันจะบอกรายละเอียดให้เลยแล้วกัน พรุ่งนี้รัฐมนตรีอาวุโสตระกูลกิลชูไตน์จะมาเยี่ยมเยียนที่วังเรา”
ชื่อตระกูลของรัฐมนตรีเริ่มทำให้มิคาสะเริ่มมีสีหน้าตึงเครียด
ด้วยความเป็นพี่ชายที่แสนดีชีคหนุ่มจึงรีบจัดการเล่ารายละเอียดต่อ
“ทางรัฐมนตรีกิลชูไตน์จะเข้ามาขอพักกับทางเราเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
แล้วแน่นอนว่าบุตรสาวของเขาเองก็จะมาที่วังนี้ด้วยเช่นกัน”
เอเลนที่เล่นอยุ่กับเจ้าจิ้งจอกขนฟูเมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆของชีคมิคาสะยามเมื่อเอ่ยถึงตระกูลกิลชูไตน์จึงเอ่ยถาม
“ท่านมิคาสะไม่ชอบตระกูลนี้งั้นเหรอครับ?”
รีไวหัวเราะในลำคอก่อนจะหันไปยิ้มอย่างนึกสนุกให้กับเอเลนกับท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของน้องชายต่างมารดา
“ไม่ใช่หรอกนะเอเลน
ท่านผู้อาวุโสกิลชูไตน์เป็นคนที่ดีมาก อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งการคลังที่เที่ยงตรงและไว้ใจได้”
“แล้วทำไมท่านมิคาสะถึงได้ทำหน้าแปลกๆล่ะครับ?”
นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองหน้าน้องชายตามารดาที่ตอนนี้จ้องมองเขาตาไม่กระพริบอย่างคาดโทษ
“ก็เพราะว่า แจน
กิลชูไตน์ บุตรสาวของท่านรัฐมนตรีเป็นคนที่รักและคลั้งไคล้ท่านชีค มิคาสะ
แอคเคอร์แมน มากยังไงล่ะ”
TBC.
................................................................................
Talk: ในที่สุดพาทของอิชุ้น Trendy Blood ก็เสร็จสักทีค่ะ หลังจากไปทำเรื่องอื่นและสร้างไหมากมาย
สำหรับตอนนี้เราส่งสัตว์เลี้ยงไปเยียวยาเอเลน น้องจิ้งจอกทะเลทรายสุดน่ารักค่ะ
แบบว่าน่ารักมากกกก จนต้องเอามาใส่ลงด้วยความโม่ยส่วนตัวที่เห็นตรงกันระหว่างอิชุ้นก่ะจาเดนเชส >w<
พาทอิชุ้นเสร็จแล้วขอโยนพาทต่อเลยนะคะโฮะๆ เป็นพาทที่ไว้ดำเนินเรื่องจริงๆ=A=a
พร้อมกับการโยนตัวละครใหม่ แจน กิลชูไตน์ (ที่เข้ายันฮีแปลงเพศอีกราย)
เรื่องนี้กึ่งฟิคสดและสาย C กระหน่ำค่ะ แหะๆ
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามและรอคอยนะคะ แม้ช่วงนี้จะอัพช้าแต่ก็พยายามอัพเรื่อยๆนะ
รักนักอ่านทุกท่านค่ะ ^w^
ในเรื่องนี้แจนเป็นผู้หญิงหรอเนี่ย5555 อยากอ่านตอนต่อไปจังค่ะว่าจะเป็นไงต่อ
ตอบลบพอแจนเป็นผู้หญิงแล้วรู้สึกโมเอะแปลกๆมากค่ะ แต่ก็แอบชอบนะคะ >w<
ลบแหม่ๆๆๆๆ ท่านชีคก็เข้าใจอ้อนเมียนะครัช พาร์ทนี้มุ้งมิ้งกันเบาๆ แต่พาร์ทต่อไปนี่โม่ยแน่ๆ รอยลเลยครัชขุ่นน้องทั้งสอง >////<
ตอบลบพาทเป็นไปตามคนเขียนค่ะฮาๆ คือแบบว่าพาทคู่นี่ดูเป็นอะไรที่วูบวาบตลอดมาก >////<
ลบเมื่อไรจะมาต่อคะ รออยุ่ ฮือออออ
ตอบลบมัน2562แล้วนะ
ตอบลบเอาอีกๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบแจนเปนผญ!!!!! ฮ่าๆๆๆๆ ติดตามเลยค่ะ
ตอบลบ