วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

Attack On Titan Fan fic.: Desert Desire CHAPTER 9: Desert’s gratuity


Attack On Titan Fan fic.: Desert Desire

Pairing: (LevixEren), (Mikasa ver. C)

Rate: R18

Warning: เอเลนเรื่องนี้บิชชี่มากค่ะ ใครไม่ชอบสไตล์นี้อาจโดนทำร้ายนะคะ ><  แล้วก็มีสปอยเนื้อเรื่องหลักอยู่ถึงจะเป็นแนว AU ก็เถอะ

 

Story By: Trendy Blood &Jadenchase
___________
CHAPTER 9: Desert’s gratuity



          แสงอาทิตย์อันร้อยระอุของดินแดนทะเลทรายเริ่มฉายแสง ความอบอุ่นของรุ่งอรุณเริ่มแผ่ขยายไปทั่วอาณาบริเวณ รีไวมองภาพพระอาทิตย์ของอรุณรุ่งที่เริ่มลอยขึ้นเหนือกำแพงวังของตน สองมือแกร่งจัดการกลัดกระดุมในชุดสูททำงานสีเทาเข้ม เพราะเป็นวันทำงานปกติเขาจึงตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเป็นประจำ การมองภาพแสงแรกของวันเป็นสิ่งที่เขาเห็นจนชินตา เพียงแต่ห้องนอนเดิมของเขาตอนนี้กลับแตกต่างออกไปจากปกติ

            เตียงสี่เสาขนาดใหญ่ที่ปกติแล้วเขาจะใช้พักผ่อนอยู่เพียงผู้เดียว บัดนี้มีร่างบางของเด็กหนุ่มนอนซุกในผ้าห่มผืนหนา แต่สิ่งที่แปลกตาที่สุดจนเหล่านางกำนัลและข้ารับใช้ต่างพากันรู้สึกตกใจและพากันยิ้มขัน คงไม่พ้นร่างของชายหนุ่มกำยำอีกคนที่เป็นน้องชายต่างมารดาของเขาที่กำลังนอนกอดเจ้าตัวดีอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่อายุเข้าช่วงวัยรุ่น เขาและน้องชายต่างมารดาไม่เคยที่จะนอนร่วมเตียงเดียวกันเลยก็ว่าได้ อย่าว่าแต่ร่วมเตียงเลยแม้แต่ร่วมห้องกันดูเหมือนเจ้าน้องชายตัวดีของเขาก็ไม่อยากใช้เวลาร่วมกันกับเขาเท่าไรนักถ้าไม่จำเป็น แต่ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากคืนงานประมูลจวบจนถึงวันนี้เขา เอเลน และมิคาสะ ต่างนอนร่วมห้องเดียวกันมากว่า2อาทิตย์ เหล่าข้ารับใช้และนางกำนัลที่คุ้นเคยทั้งแปลกใจและต่างยิ้มขำขันกันอย่างเอ็นดู กับการที่เขาและน้องชายใกล้ชิดกันมากขึ้นขนาดนี้ ส่วนหนึ่งไม่สิต้องบอกว่าตัวการณ์สำคัญคงไม่พ้นเจ้าเด็กน้อยตัวดีที่ยังคงหลับตาพริ้มในอ้อมกอดของน้องชายเขา

            นัยน์ตาคมหันไปมองเตียงสี่เสาใหม่เอี่ยมอีกหลังที่อยู่ภายในห้อง ผ้าปู และหมอนที่ยังคงเรียบกริบและผิวสัมผัสที่เย็นเฉียบเพราะไม่เคยถูกการใช้งาน นั้นก็เพราะตัวเขาที่ปกตินอนและใช้ชีวิตคนเดียวเป็นประจำไม่ชินกับการที่จะมีคนมานอนด้วยข้างๆ เพราะส่วนมากจะเป็นแค่คู่นอนชั่วครั้งคราวไม่มีข้อผูกมัด และไม่ซ้ำหน้า แต่ตอนนี้กลับมีเด็กหนุ่มที่จำเป็นต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันเพราะเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น และทั้งที่ในวังนี้มีห้องหับไว้รองรับมากมาย ติดเสียแต่ว่าเจ้านักฆ่าตัวดีกลับไม่ชอบที่จะนอนเพียงลำพังจนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าที่แล้วมาเจ้าเด็กนี้นอนกับใครมาบ้าง? ด้วยรูปร่างและท่าทางแบบนั้นคงมีเพียงไม่กี่คนหรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ที่จะยอมเพียงแค่นอนเป็นเพื่อนหมอนั่นเฉยๆ ในที่สุดเขาจึงต้องยอมจำใจให้เจ้าเด็กเหลือขอมานอนร่วมในห้อง รวมทั้งสั่งเตียงอีกหลังเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ แต่ดูเหมือนแค่นั้นจะไม่พอเพราะในเมื่อตลอดเวลาเจ้าหนูนั่นกลับขอที่จะมานอนอยู่บนเตียงเดียวกับเขา ถึงแม้ว่าหลายครั้งจะเป็นเพียงแค่จับชายเสื้อของเขาจนหลับไปก็ตาม ส่วนอีกคนดูเหมือนจะติดใจเจ้าหนูนี่มากมาย ถึงขนาดไม่อยากทิ้งให้ห่างสายตา จากปกติที่เจอกันเดือนละครั้งก็มากพอแล้วสำหรับเขาและมิคาสะ ตอนนี้เรียกได้ว่าห้องทำงานในวังของเขาได้เพิ่มเติมพื้นที่สำหรับเจ้าน้องชายคนนี้ไปด้วย รวมถึงห้องนอนที่ในเมื่อเอเลนมานอนกับเขา เจ้าน้องชายที่ไม่ถูกชะตาด้วยคนนี้ก็ตามมานอนราวกับเป็นแฝดสยาม ตัวเขาที่ขี้รำคาญทั้งที่ตอนแรกจัดการให้เอเลนใช้ห้องร่วมกับมิคาสะไปห้องหนึ่งเลยนั่น เจ้าเด็กเหลือขอตัวดีดันใช้สายตาที่ยังกับลูกหมาถูกทิ้งแบบนั้นออดอ้อนเขา ตัวเขาที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ถึงกับรับมือไม่ถูกจนผลสุดท้ายก็ยอมจำนนจนได้ ทั้งๆที่ตอนแรกรำคาญตอนนี้เรียกว่าเคยชินไปแล้วก็ว่าได้

            รีไวคว้ากระเป๋าเอกสารงานของตนก่อนออกจากห้องไปยังรถยนต์ส่วนตัวที่จอดรอไม้แล้ว ชีคหนุ่มจึงจัดการฟาดกระเป๋าเอกสารลงบนหัวของน้องชายต่างมารดาเพื่อหวังช่วยปลุก

ปึก!!!

            แต่ก็เพราะว่าสมกับเป็นน้องชายของเขาอีกนั้นแหละมิคาสะจึงจัดการยกแขนขึ้นมาบังแรงของกระเป๋าที่ฟาดลงมาได้อย่างทันท่วงที นัยน์ตาสีราตรีคมตวัดมองนัยน์ตาสีหมอกที่จ้องมองลงมาอย่างเย็นชาเช่นทุกวัน

            “ตื่นเช้าสมเป็นคนแก่ตามเคยนะ...รีไว”

            “ถึงจะเป็นน้องชายของผู้นำประเทศ แต่ถ้าเข้างานสายก็โดนไล่ออกได้นะมิคาสะ”

            เสียงเหน็บแนมที่ราวกับนาฬิกาปลุกทุกเช้าทำให้ร่างบางเริ่มขยับตัว นัยน์ตาสีมรกตปรือมองภาพสองพี่น้องทะเลาะกันที่เห็นจนชินตาก่อนจะหันหลังให้อย่างไม่ใส่ใจ

            “วันนี้นายไปทำงานพร้อมฉันซะ ให้เวลาห้านาทีฉันจะรอนายที่รถ”

            รีไวเดินออกจากห้องนอนอย่างไม่สนใจกับเสียงสบถพึมพำของน้องชายต่างมารดาที่แสดงอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน ถึงจะไม่พอใจและทะเลาะกันแต่น้องชายอย่างมิคาสะก็ทำตามคำสั่งของเขาเสมอ และเพียงห้านาทีชีคหนุ่มในชุดประจำชาติก็ขึ้นมาในรถ ใบหน้าคมคายที่ล้อมผมสีรัตติกาลประบ่ากำลังมองเขาอย่างรำคาญ น้องชายหน้าตาที่ชอบมองหน้าเขาด้วยแววตาเบื่อหน่ายนี่บางทีก็ทำให้เขารู้สึกขำไม่น้อย เมื่อรถแล่นออกจากวังมิคาสะจึงเอ่ย

            “เรื่องของไรเนอร์และเคนนี่ได้เรื่องแล้วงั้นรึไง?”

            รีไวท้าวคางมองน้องชายต่างมารดาก่อนจะส่ายหัวไปมาเบาๆเป็นการปฏิเสธ

            “เปล่าเลย อย่างที่รู้ว่าเคนนี่จัดการปิดเรื่องและซ่อนตัวได้ดีขนาดไหน แต่คิดว่าอีกไม่นานหมอนั่นคงเบี้ยงเป้าหมายมาที่ตราประจำตระกูลมากยิ่งขึ้น” ใบหน้าเฉยชาเหยียดยิ้มดูแคลนในความคิดของบุคคลที่เขากล่าวถึง

            “ยิ่งตอนนี้หมอนั่นรู้ว่านักฆ่าที่ส่งมาอย่างเอเลนเข้ากับฝ่ายเราคงไม่มีเรื่องมือสังหารมาติดกับเล่นไปสักพักสินะ นายคาดไว้อยู่แล้วสิว่าเอเลนจะเลือกทางเรา จึงให้ทั้งเอกสารและตราประทับไปได้โดยง่าย แล้วเอกสารถูกทำลายไปแล้วแบบนั้นไม่เป็นอะไรรึไงพี่ชาย? ตำแหน่งนายมันจะสั่นคลอนได้นะ” มิคาสะเลิ่กคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

            “อย่างที่นายเองก็รู้ดีว่าเอเลนต่างจากนักฆ่าที่ส่งมา การเดิมพันแต่แรกเลยไม่ใช่ ห้าสิบ ห้าสิบ แต่เป็นเก้าสิบต่อสิบ ยังไงล่ะ” รีไวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

            มิคาสะมองคนตรงหน้าอย่างไม่แปลกใจ ก่อนจะเหลือบไปมองสารถีที่เรียกได้ว่าเป็นมือขวาคู่ใจ เอลวิน สมิธ การวางแผนระดับหัวกะทิและการที่คนอย่างรีไวกล้าเสี่ยงคงเพราะมือขวาคนสนิทไม่ผิดแน่

            “ยิ่งข้อมูลของเอเลนที่ได้มายิ่งแน่ใจว่าแต่เดิมหมอนั่นก็ไม่ได้ฝักใฝ่หรือจงรักภักดีต่อองค์กรเท่าไร จากที่นายได้คลุกคลีคงเข้าใจว่าหลายครั้งหมอนั่นให้ความรู้สึกเหมือนตุ๊กตาหรือไม่ก็หุ่นยนต์ที่ไม่เสถียร มันคงไม่แปลกสำหรับนักฆ่าทั่วไปที่ถูกสั่งสอนแต่เด็ก แต่สำหรับเอเลนความเป็นตุ๊กตาหรือหุ่นของหมอนั่นเกิดจากปมทางจิตใจไม่ใช่การปลูกฝัง เพราะงั้นการกระตุ้นจิตใต้สำนึกของหมอนั่นขึ้นมาก็ทำให้เปอร์เซ็นต์ของเราสูงขึ้น”

            “แต่ถ้าเอเลนพลาดและของทั้งหมดตกอยู่ในมือไรเนอร์นายก็เดือดร้อนอยู่ดีไม่ใช่รึไง?” มิคาสะรู้สึกหมั่นไส้กับท่าทางไม่ทุกข์ร้อนของพี่ชายต่างมารดาอีกทั้งมือขวาคนสนิทที่ยังคงตีสีหน้ายิ้มเป็นปกติ

            เรื่องนี้นายคงไม่รู้ แต่ฉันจะบอกให้เป็นกรณีพิเศษเพราะเป็นนายล่ะนะเจ้าน้องชาย” รีไวครุ่นคิดสักครุ่ก่อนเอ่ยต่อ

            “เอกสารที่หมอนั้นฉีกทิ้งไปเป็นเพียงแค่สำเนา อีกอย่างพินัยน์กรรมของชีครุ่นก่อนทิ้งไว้มีทั้งหมด สามฉบับ ถึงทางนั้นจะได้ไปเพียงฉบับเดียวก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย และอีกเรื่องที่มีเพียงแต่ชีคผู้ปกครองที่ได้รับเลือกเท่านั้นที่จะรู้กับเหล่าคณะรัฐมนตรีอาวุโส อีกทั้งการแต่งตั้งชีคถ้าผู้ปกครองรุ่นก่อนไม่ได้ระบุไว้ผู้ที่มีอำนาจในการจัดการจะอยู่ที่รัฐมนตรีลับ”

            มิคาสะทำหน้าแปลกใจกับหน่วยงานภายในที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ดูเหมือนว่าการจัดการและเตรียมการรวมถึงการขับเคลื่อนของประเทศนี้ระบบจะซับซ้อนกว่าที่เขารู้อยู่มาก แม้จะเป็นถึงผู้ปกครองในอีกแคว้นก็ตาม

            “จะบอกว่ารัฐมนตรีลับมีอำนาจมากกว่าฉันที่เป็นผู้ครองประเทศก็ว่าได้ เพราะถ้าไม่เป็นที่ยอมรับตำแหน่งชีคผู้ปกครองสูงสุดก็จะถูกกำจัดและเลือกคนใหม่ขึ้นมาแทน เรียกว่าตำแหน่งของฉันเป็นหุ่นเชิดก็ได้ แถมยังต้องคอยตามติดตัวแทบจะตลอด” รีไวเหลือบหางตาไปยังสารถีผมสีทองที่ยังคงขับรถทำหน้าที่ของตนต่อไป

            ท่าทางและสายตาของรีไวเป็นการบอกมิคาสะเป็นนัยอย่างชัดเจนว่ามือขวาคนสนิทที่แสนฉลาดอย่างน่าแปลกใจก็คือหนึ่งในองค์กรที่เขากำลังกล่าวถึง

            “แต่อย่างน้อยก็หายห่วง เพราะคนขององค์กรนั่นเป็นพวกทำเพื่อประเทศโดยแท้จริง ถ้าวันนึงฉันโดนคนในนั้นซิวร่วงก็คงจะสมควรแล้วล่ะนะ” ชีคหนุ่มผู้นำสูงสุดเหลือบมองมือขวาคนสนิทก่อนจะหัวเราะในลำคอ เพราะอย่างนั้นถึงเชื่อใจและไว้ใจในการบริหารและจัดการประเทศนี้จนแข็งแกร่งอย่างที่เป็นอยู่

            “นั้นก็เท่ากับว่าต่อให้หมอนั่นจะได้พินัยกรรม หรือตราประจำตระกูลไปก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นงั้นสิ?”

            “ถึงได้บอกตั้งแต่ครั้งแรกว่าสิ่งที่หมอนั่นต้องการถึงได้ไร้ประโยชน์ แต่อาจทำให้ประเทศวุ่นวายได้สักพักนึงล่ะนะ อย่างที่บอกเรื่องของรัฐมนตรีลับมีเพียงชีคผู้ปกครอง และรัฐมนตรีอาวุโสบางส่วนเท่านั้นที่รู้ ถ้าหมอนั่นได้ตราประทับไปการจัดการเรื่องพินัยกรรมและการจัดฉากการครองราชย์ของหมอนั่นคงมีขึ้น............แล้วก็ร่วงลงไปในเวลาไม่นาน...... แต่การมาฟื้นฟูประเทศที่คาดว่าหมอนั่นจะทำอะไรเน่าเหม็นทิ้งไว้คนรับช่วงต่อคงเหนื่อยน่าดู”

            “ที่นายเล่าให้ฉันฟังคงไม่ใช่ว่านายจะรีบไปตายหรอกนะเจ้าพี่บ้า....นายก็รู้ฉันไม่ชอบเรื่องปวดหัวและยุ่งยาก ยิ่งได้ฟังอย่างนี้นายยิ่งต้องรับผิดชอบจนกว่าฉันจะถูกฝังลงไปในทะเลทรายแล้วล่ะนะ.....ท่านชีครีไว อัคเคอร์แมน” มิคาสะถอนหายใจก่อนจะหันไปสนใจวิวข้างทางที่ใกล้ถึงที่ทำงานจนชินตา

            รีไวมองท่าทางที่ราวกับไม่สนใจและผลักภาระทุกอย่างมาให้เขาอย่างนึกขำ ถึงจะไม่พูดอะไรแต่รีไวและเอลวินต่างรู้และเข้าใจดีว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาความหวังต่อไปของประเทศนี้จะสามารถฝากฝังไว้กับคนที่ทำท่าราวกับไร้อารมณ์ตรงหน้าได้อย่างไม่ต้องสงสัย และเพราะอย่างนั้นความลับนั้นจึงถูกถ่ายทอดจากปากของเขาสู่เจ้าน้องชายต่างมารดาที่แม้จะชอบทำตัวราวกับผลักภาระมาให้เช่นเดียวกับที่เขาเคยได้รับฟังจากปากของชีครุ่นก่อน เพราะที่จริงแล้วกลับเป็นคนที่จัดการภาระน่าเบื่อหน่ายของเขาอยู่เบื้องหลังเงียบๆ.....

 

            และวันีน้ก็เป็นอีกวันที่รีไวและมิคาสะต่างกลับมาที่วังเดียวกัน ของรีไวนั้นเป็นเรื่องปกติ สำหรับมิคาสะ....ตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องปกติไปแล้วเช่นกัน....

            ทันทีที่กลับมาถึงที่พัก เอเลนในชุดแต่งกายที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ก็ยังคงรอต้อนรับเขาและมิคาสะอยู่เช่นเดิม มือหนาทั้งสองของชีคต่างอายุลูบไล้บนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มที่ยิ้มต้อนรับทั้งสอง รีไวมองร่างบางในเครื่องแต่งกายของอิสตรีและเครื่องประดับที่เขาจัดเตรียมไว้ก่อนจะนึกอะไรออก

            “จริงสิเจ้าหนู ฉันยังไม่ได้ตบรางวัลกับการทำงานของนายเลย”

            ใบหน้ามนเอียงคอมองอย่างแปลกใจ “รางวัล?”

            “ในเมื่อนายทำตัวดีก็สมควรจะมีรางวัลให้ใช่ไหมล่ะ อยากได้อะไรล่ะเจ้าหนู?” เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่เมื่อใครก็ตามทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมเขาจะมอบรางวัลให้ กับเอเลนก็เช่นกันการให้รางวัลก็ถือเป็นการชมเชยอย่างหนึ่ง

            “แต่ผมไม่ได้มีอะไรที่อยากได้” เอเลนส่ายศรีษะไปมาปฏิเสธ

            “ขอมาซะ นายอยากได้อะไร? ทองคำ เครื่องประดับ เงินตรา หรือคฤหาสน์ ฉันจะจัดการให้”

            “เครื่องประดับหรือทองคำผมไม่ได้อยากได้หรอกครับ อีกอย่างของพวกนั้นไม่ได้จำเป็นกับผมเลย”

            รีไวมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างแปลกใจ ปกติแล้วเมื่อเขาเอ่ยจะตบรางวัลอย่างงามให้ใคร คนเหล่านั้นมักจะตาลุกวาวและขอรางวัลจากเขามากมาย แต่เอเลนกลับไม่มีสีหน้าและแววตาที่ดีใจหรือตื่นเต้น

            “หรือนายจะเอาเป็นพวกเครื่องประดับอย่างที่นายชอบใส่ ฉันจะเรียกช่างทำเครื่องทองมาให้ตามที่นายต้องการ”

            “ผมไม่ได้อยากได้อะไรครับ อีกอย่างผมก็ไม่ได้ชอบใส่เสียหน่อย” น้ำเสียงใสเริ่มเจือความหงุดหงิดกับการยัดเยียดของรางวัลจากชีคหนุ่ม

            รีไวที่ไม่เคยต้องจัดการสรรหาของขวัญให้ใครหรือทำอะไรให้ถูกใจใครเองก็เริ่มฉุนกับการปฏิเสธทุกอย่างที่เขาเสนอจากเด็กหนุ่ม

            “ถ้านายไม่ชอบแล้วจะใส่จนดูเหมือนเป็นตู้ทองเคลื่อนที่แบบนั้นไปทำไม!?” ด้วยความหงุดหงิดรีไวจึงเริ่มขึ้นเสียงกับเด็กหนุ่ม

            ชีครีไวหงุดหงิดกับการกระทำที่ไม่คุ้นเคยของคนตรงหน้า ปกติเหล่าบรรดาหญิงและชายที่เขาเคยนอนด้วยมากมายไม่มีใครที่เอาใจยากเท่าเด็กจอมอวดดีตรงหน้า พวกนั้นเพียงแค่เขาให้เศษเงิน หรือเครื่องประดับราคาแพงคนพวกนั้นก็พร้อมที่จะยอมทำทุกอย่างตามที่เขาสั่ง อีกทั้งยังแต่งตัวด้วยของประดับมากมายราวกับตู้ทองเคลื่อนที่ก็ไม่ปาน

            “อย่าเล่นตัวนักเจ้าหนู สำหรับคนอื่นคงมองว่านายน่ารักและใสซื่อ แต่สำหรับฉันมัน...น่ารำคาญ

            ปึก!!

          เครื่องประดับมากมายถูกถอดออกจากร่างของเอเลนพร้อมทั้งโยนคืนกับผู้เป็นเจ้าของเงินที่ซื้อหามา ใบหน้าหวานแสดงสีหน้ากราดเกรี้ยวระคนเจ็บปวดจนชีคหนุ่มมองอย่างนิ่งงันด้วยความแปลกใจ

            “ถ้าท่านชีคผู้สูงศักดิ์และร่ำรวยมองอย่างนั้นผมก็คืนให้ทั้งหมด แล้วไม่ต้องให้อะไรผมอีก!!

            มือบางกุมจี้รูปปีกที่สะดือของตน ใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยความโมโห

            “แต่ตอนนี้ผมคงยังคืนให้คุณไม่ได้ จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะจบผมจะยอมติดเครื่องประดับติดตามโง่ๆที่ท่านให้มา แล้วเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงด้วยเกียรติของนักฆ่าที่มาแต่ตัว ผมก็จะไปแต่ตัวไม่สร้างทั้งความเดือดร้อนให้ท่านหรอกนะ”

            มิคาสะที่มองดูเหตุการณ์รู้สึกหน่ายกับการกระทำของพี่ชายต่างมารดา แต่อีกความรู้สึกจะเรียกว่าเขาสมน้ำหน้าชีคหนุ่มก็ได้ มิคาสะจึงฉวยโอกาสจูงมือร่างบางที่กำลังสั่นเทาด้วยความโกรธเดินแยกออกมาจากชีคอายุมากกว่าที่มองมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่น้องชายอย่างเขารู้ดีว่าสีหน้านิ่งนั้นเกิดขึ้นเพราะทำอะไรไม่ถูกต่างหาก

            “ฉันว่าคืนนี้ฉันกับเอเลนแยกไปนอนห้องว่างที่เคยเตรียมไว้ให้ดีกว่า พรุ่งนี้เป็นวันหยุดนอนคนเดียวไม่มีใครกวนใจนายคงชอบมากกว่าสินะท่านชีครีไว” ว่าพลางจัดการดันหลังเอเลนให้เดินออกไปจากห้อง

            ก่อนที่ประตูจะปิดลง เสียงหวานเอ่ยลอดผ่านประตู

            “อยู่ที่นี้ผมใส่แต่ของที่ท่านหามาให้ได้เท่านั้น”

           

            นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองบานประตูที่ปิดลงก่อนจะก้มมองเหล่าเครื่องประดับราคาแพงมากมายที่ถูกปาทิ้งอย่างไม่ใยดีบนพื้นพรม ใบหน้าเฉยชาของชีคอายุมากถอนหายใจ ทั้งที่ปกติเขาไม่เคยต้องยัดเยียดของให้ใคร หรือเมื่อถ้าคนนั้นทำเป็นเล่นตัวปฏิเสธเขาก็เพียงแค่ทำตามคำปฏิเสธนั่นจนคนเหล่านั้นต่างทำหน้าเหวอเสียดายอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้เขากลับพยายามยัดเยียดของรางวัลให้กับเด็กหนุ่มอย่างที่ไม่เคยเป็น เรียกว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายที่อยากให้อะไรกับใครสักคนจริงๆ

            แต่ในเมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้เขาควรจะทำยังไงต่อไป? จะให้คนอย่างเขาไปง้อกับสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนแบบนั้นจนอายุปูนนี้แล้วจะให้เขามาเริ่มง้อเด็กก็ดูว่าคงเป็นการบากหน้าอย่างที่เขาไม่อาจทำได้ จะจัดการรวบหัวรวบหางเจ้าตัวดีก็ว่าเจ้าน้องชายตัวแสบคงไม่ยอมเป็นแน่ อีกอย่างจากเท่าที่เจ้าหนูนั่นโกรธอยู่แล้วมีหวังคงได้หนีเตลิดหรือไม่จากที่เป็นตุ๊กตาที่ยังพอมีหัวใจนั้น ตัวเขาจะกลายเป็นคนทำให้จิตใจที่เหลืออยู่ของหมอนั้นหายไปก็ได้

            และก็เพราะมัวแต่คิดจนไม่ได้ลงมือทำอะไรสักอย่าง เช้าวันหยุดของเขาจึงเริ่มต้นด้วยการหลบหน้าของนักฆ่าหนุ่มน้อย อีกทั้งการแต่งกายของเจ้าตัวก็เป็นเพียงแค่อาภรณ์ปกปิดร่างกายไร้ซึ่งเครื่องประดับที่เคยจัดสรรอย่างเข้าชุดกันเช่นทุกครั้ง

            ถึงแม้หลายครั้งในช่วงเช้าเขาจะพยายามเข้าไปพูดคุยแต่ก็ได้เพียงเอ่ยเรียกชื่อเท่านั้น เมื่อนัยน์ตาสีมรกตนั้นมองมาคำพูดทุกอย่างก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ ไม่คิดเลยว่าแค่การพูดขอโทษหรืออะไรทำนองนี้จะทำให้คนแบบเขาถึงขั้นพูดไม่ออก แล้วเจ้าน้องชายต่างมารดาตัวดีที่ได้แต่มองอย่างรู้สึกสนุกกับท่าทางของเขากับเอเลนยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากจับเจ้าน้องชายมาอัดนัก และเพราะอยู่ในวังไปก็รู้สึกอึดอัดแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็นช่วงบ่ายเขาจึงจัดการควบอาชาคู่ใจสีทมิฬสายอาราเบียออกไปในทะเลทรายกับมือขวาคนสนิท

 

            ความร้อนของทะเลทรายและลมที่พัดโกยทรายขึ้นมาทำให้รีไวและเอลวินต้องจัดการคลุมผ้าปิดมาถึงปากและจมูกเพื่อกันฝุ่นทรายที่พัดปลิวมากมาย สองอาชาสีดำควบไปตามแรงอารมณ์โทสะและหงุดหงิดของผู้กุมบังเหียน เอลวินที่ตามมาติดๆถอนหายใจกับความไม่ประสาบางเรื่องของชีคหนุ่ม แต่ก็เพราะว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเจอถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่เขาเองก็ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงได้

            สองอาชาควบมาจนถึงโอเอซิสที่เป็นจุดพัก รีไวปลดผ้าคลุมหน้าออกก่อนจะจัดการกวักน้ำในทะเลสาปขึ้นล้างคราบเหงื่อและทราย

            “อารมณ์พลุ่งพล่านน่าดูนะขอรับท่านชีค” เอลวินเลขาคนสนิทเดินเข้ามาใกล้ทะเลสาบก่อนจะนำอาชามาผูกไว้ที่ต้นไม้เพื่อให้ดื่มน้ำ

            “เด็กนั่นน่ารำคาญชะมัด” รีไวสบถอย่างหัวเสีย ทั้งน่ารำคาญทั้งคาใจ ทำยังไงถึงจะเรียกว่าดีและทำให้หมอนั่นถูกใจ? คนอย่างเขาที่ไม่เคยคิดอะไรแบบนี้มาคิดตอนอายุปูนนี้ก็ใช่ว่าจะคิดออกได้ง่ายๆหรอกนะ

            “แต่ท่านก็ทำเกินไปนะขอรับ ถ้าท่านรีไวอยากหาของให้กับใครสักคนทำไมไม่เลือกสิ่งที่มองแล้วนึกถึงเขาคนนั้นล่ะขอรับ”

            คำแนะนำจากเอลวินช่วยให้รีไวได้ครุ่นคิด ของที่ทุกครั้งเขาสักแต่ให้โดยไม่คำนึงถึงผู้รับ ตอนนี้ถ้าเขาลองให้ของที่เขามองแล้วนึกถึงผู้รับดูบ้างอาจจะทำให้เจ้าหนูนั่นดีใจบ้างก็ได้สินะ?

งี๊ด งี๊ด...

            เสียงครางที่ได้ยินแผ่วเบาทำให้สองหนุ่มหันไปมองตามต้นเสียง ดูเหมือนว่าเสียงจะดังมาจากพุ่มหญ้าที่ห่างไปไม่ไกลนักจากทะเลสาบ

            รีไวและเอลวินค่อยๆเคลื่อนตัวไปใกล้พุ่มหญ้ามากยิ่งขึ้น กอหญ้าที่ขึ้นสูงประมาณเข่าเมื่อก้มลงค่อยๆแหวกดูทั้งสองก็พบกับ จิ้งจอกตัวน้อยสีขาวที่ได้รับบาดเจ็บหลบอยู่ในนั้น

            เจ้าจิ้งจอกตัวน้อยตกใจกับผู้บุกรุก แต่เพราะขาหลังที่บาดเจ็บจึงทำให้เจ้าขนฟูไม่อาจวิ่งหนีไปได้รีไวจึงจัดการตะครุบเจ้าตัวน้อยได้ทัน

            “ลูกเฟนเนคฟ็อซ์ สินะขอรับ ดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บน่าจะจากกับดักของพวกลักลอบค้าสัตว์” เอลวินพิจารณาเจ้าหนูขนฟูที่พยามดิ้นรนในมือแกร่งของผู้เป็นนาย

            รีไวจัดการจับเจ้าตัวเล็กที่กำลังตกใจห่อกับผ้าสะอาด และจัดการหยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ติดมากับกระเป๋าบนหลังออกมาจัดการแผลของเจ้าตัวน้อย

            “เจ้าจิ้งจอกทะเลทรายตัวนี้คงพลัดหลงจากฝูงของมันหรือไม่ก็ตัวอื่นคงโดนจับไปแล้วสินะ” รีไวจัดการล้างแผลและฆ่าเชื้อให้กับขาหลังของเจ้าตัวเล็ก โชคดีที่แผลนั้นไม่ลึกมากจึงไม่มีอะไรที่ต้องน่าห่วง ชีคหนุ่มจึงจัดการใช้ผ้าพันแผลให้เจ้าตัวน้อย เท่าที่ดูเหมือนว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยน่าจะมีอายุราวๆ2เดือนเท่านั้น แม้จะเป็นแผลเล็กน้อยแต่คงสร้างความเจ็บปวดให้กับเจ้าลูกจิ้งจอกมากพอดู

            หลังทำแผลเสร็จเจ้าลูกจิ้งจอกทะเลทรายตัวน้อยราวกับรับรู้ว่าชายหนุ่มทั้งสองไม่เป็นอันตราย จากที่พยายามดิ้นหนีในคราแรก ตอนนี้เพียงนอนอยู่นิ่งๆในมือแกร่งของชีคหนุ่มเท่านั้น และคงเพราะความเหนื่อยล้าจากการหนีและบาดแผลจึงทำให้สัตว์ขี้ตกใจและสัญชาตญาณดีอย่างจิ้งจอกทะเลทรายผล่อยหลับลงบนมือของชีคหนุ่ม

            รีไวลูบขนสีขาวของฟินเนกฟ็อกซ์แผ่วเบา ท่าทางดิ้นรนและสายตาเว้าวอนทำให้นึกถึงใครบางคนที่ทำให้จิตใจเขาปั่นป่วน

            “ดูว่าฉันคงหาของขวัญที่หมอนั่นพอจะถูกใจได้บ้างแล้วล่ะนะเอลวิน”

            มือขวาคนสนิทยิ้มรับพลางมองเจ้านายขี้หงุดหงิดที่ลูบไล้เจ้าขนฟูตัวน้อยในมืออย่างอ่อนโยน....

 

            ก่อนที่อาทิตย์จะลับขอบฟ้าชีคหนุ่มและเอลวินต่างควบม้ากลับมาถึงวังพอดี ร่างกำยำของชีครีไวตวัดลงหลังม้าก่อนจะชำเลืองมองเจ้าขนฟูตัวน้อยที่ยังคงหลับอยู่ในชุดคลุมสีดำของตนที่แนบไว้กับอก รีไวเดินผ่านท้องพระโรงไปยังห้องอาหารเพื่อหวังหาร่างบางของเจ้าตัวดี แต่ก็ไม่พบอยุ่สักที่เมื่อถามกับเหล่านางกำนัลจึงได้ความว่าเอเลนไปเดินเล่นที่สวนฆ่าเวลารอชีคมิคาสะที่มีงานเร่งด่วนเข้ามา ยิ่งรู้ว่าตอนนี้เจ้าตัวดีอยู่คนเดียวจึงเป็นโอกาสเหมาะที่เขาจะได้ปรับความเข้าใจโดยไม่ต้องพะวงกับท่าทางของน้องชายต่างมารดาที่อาจมาเหน็บแนมเขาในภายหลัง

 

            กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้นานพรรณลอยมาตามสายลม ยิ่งเมื่อเข้าใกล้สวนดอกไม้มากเท่าไรกลิ่นหอมยิ่งฟุ้งกระจายมากยิ่งขึ้น รีไวกวาดมองสายตาเพื่อหาเด็กหนุ่มเป้าหมาย ร่างบางในชุดสีเขียวมรกตเช่นเดียวกับสีตาของเจ้าตัวนั่งนิ่งเงียบอยู่ในศาลากลางสวน นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองพระจันทร์ที่เริ่มลอยเด่นบนท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย แต่ด้วยสัญชาตญาณเมื่อรีไวเดินเข้าไปใกล้เอเลนจึงหันไปสบกับใบหน้าคมคายของชายหนุ่ม

            เด็กหนุ่มก้มศีรษะเป็นการทักทายก่อนจะผันตัวออกมาจากศาลา แต่มือแกร่งของชีคหนุ่มรั้งร่างบางไว้ เอเลนเพียงปลายตามองชีคหนุ่มอีกครั้ง

            “ขอโทษที่เข้ามาสวนของท่านโดยพลการ ถ้าไม่มีอะไรข้าจะขอกลับไปอยู่ในที่ที่ของตัวเอง”

            น้ำเสียงและท่าทางที่แสดงออกเห็นได้ชัดว่าเอเลนไม่อยากอยู่ใกล้เขา แต่ตัวเขาที่ถูกทำให้ปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยเป็น นึกคิดและกระทำในสิ่งที่แปลกออกไปมีหรือจะยอมปล่อมือนี้ให้หลุดไปง่ายๆ

            “ถ้าฉันขอให้นายอยู่เป็นเพื่อนก่อนจะได้รึเปล่า?”

            ใบหน้าหวานมองอย่างแปลกใจ “ท่านจะขอร้องผมงั้นเหรอ?”

            “ใช่.........ได้โปรด” คำขอร้องที่ไม่คิดว่าจะได้พูดกับใคร กับหลุดออกมาอย่างง่ายดายเพียงเพื่อให้ร่างบางนี้สบสายตาและอยุ่กับเขาต่ออีกสักนิด

            เอเลนขมวดคิ้วมุ่นราวกับช่างใจก่อนใบหน้าหวานจะพยักหน้าเป็นการรับรู้และตอบตกลง

            สายลมพัดมาแผ่วเบาพัดพากลีบดอกไม้และกลิ่นหอมขจรไปทั่งทั้งศาลาสีขาวที่ตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางแสงจันทร์ มือบางของเด็กหนุ่มทัดผมสีน้ำตาลที่ปลิวไสวตามแรงลม ตัวเขาที่เป็นคนขี้หงุดหงิดและขี้รำคาญกลับรู้สึกพึงใจกับภาพของเด็กหนุ่มตรงหน้า ดูเหมือนว่าบางอย่างในตัวของเขากำลังค่อยๆเปลี่ยนไปทีล่ะนิดเช่นเดียวกับร่างโปร่งบางเช่นกัน

            “นายไม่มีอะไรที่อยากได้จริงๆงั้นเหรอ?”

            ใบหน้าหวานหับควับสบตากับนัยน์ตาสีขี้เถ้าอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าท่านจะมาเพื่อพูดเรื่องนี้อีกผมขอตัว!

            มือบางถูกดึงอีกครั้ง เอเลนหันสบกับใบหน้าเฉยชาของชีคหนุ่มที่สะท้อนเงาแสงสีเงินของดวงจันทร์

            “ฉันไม่ได้ดูถูกนาย เพียงแค่อยากให้อะไรนายก็เท่านั้น” แต่เพราะไม่เคยคิดหรือรู้สึกแบบนี้ จึงไม่รู้ว่าควรสรรหาคำพูดใดมาใช้

            “แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไร” ร่างบางยังคงดื้อดึงตอบเสียงแข็ง

            “งั้นถ้าฉันจะขอร้องให้นายรับไว้จะได้รึเปล่าเอเลน?” นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองสบกับนัยน์ตาสีมรกตเพื่อหวังฟังคำตอบอย่างนิ่งงัน

            เอเลนเหมือนจะชะงักกับคำว่าขอร้องของชีคหนุ่มอีกครั้ง นัยน์ตาที่ดื้อดึงมีแววโอนอ่อนตามถึงกระนั้น...  “ข้าไม่ได้ต้องการอะไร......ได้โปรดปล่อยมือด้วยท่านชีครีไว”

            รีไวถอนหายใจ ดูเหมือนว่าการร้องขอของเขาไม่เป็นผล บางทีการทำอะไรแบบนี้คงไม่เหมาะกับเขาจริงๆ มือแกร่งละออกจากข้อมือบาง ร่างโปร่งเตรียมหันหลังกลับแต่เสียงของชีคหนุ่มที่ลุกลนทำให้เขาหันกลับไปมอง

            “เจ้าหนูนายบาดเจ็บอยู่อย่าดิ้นนักสิ เฮ้ย!

            รีไวพยายามคว้าเจ้าเฟนเนกฟอกซ์ตัววุ่นที่ดิ้นออกมาจากเสื้อคลุมของเขา แต่เจ้าลูกจิ้งจอกทะเลทรายสีขาวตัวดีกลับกระโดดไปมาถีบที่หน้าท้องของเขา ไต่ขึ้นบนบ่าและกระโจนเข้าใส่เอเลนที่รับไว้ด้วยสัญชาตญาณ

            เอเลนมองเจ้าลูกจิ้งจอกสีขาวหูยาวในมืออย่างแปลกใจ นัยน์ตาสีดำกลมจ้องมองใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มก่อนหน้าเล็กๆจะเอียงคอมอง สองหูยาวกระดิกไปมาพร้อมทั้งเสียงร้องที่ราวกับลูกหมาอ้อนเจ้าของ

            “ท่านรีไวนี่คือ...” เอเลนหันมองชีคหนุ่มที่กำลังกุมหน้าผากของตัวเอง

            “อา.... มันเหมือนนายดี อีกอย่างนายเป็นเด็กขี้เหงาน่าดูถ้ามีเจ้าตัวนี้เวลาฉันกับมิคาสะไม่อยู่คงทำให้นายรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง”

            “ท่านซื้อมันมางั้นเหรอ?”

            “สัตว์ที่บาดเจ็บแบบนั้นร้านค้าที่ไหนเขาจะขายกันเจ้าหนู? ฉันกับเอลวินเจอที่โอเอซิส”

            เอเลนมองผ้าพันแผลที่ขาหลังของเจ้าขนฟูสีขาวตัวน้อย ใบหน้าหวานสบมองกับเจ้าขนฟูก่อนหันไปสบกับใบหน้าคมคายของชีคหนุ่มอย่างแปลกใจ

            “แต่นายบอกไม่อยากได้ของจากฉัน เจ้าหนูนั่นฉันจะจัดการเองก็แล้วกัน” รีไวยื่นมือไปเป็นการขอเจ้าขนฟูคืน

            “ท่านจะจัดการยังไง?”

            “หืม?” ใบหน้าคมครุ่นคิดสักครู่ก่อนตอบ “คงเอาเป็นของรางวัลให้เจ้าคอบบร้าแทนน่ะ”

            “ห๊ะ! ท่านจะเอาเจ้าหนูนี่ไปเป็นอาหารเจ้างูวิปริตนั่นน่ะนะ แบบนี้ผมไม่ยอมด้วย!!

            ท่าทางของเอเลนที่กอดเจ้าขนฟูตัวน้อยอย่างหวงแหนทำให้รีไวนึกขำ ดูว่าของขวัญที่เขาได้มาโดยบังเอิญจะดีกว่าของราคามหาศาลที่เขาเสนอให้เสียอีก

            “แต่นายบอกไม่อยากได้ของจากฉันนี่เอเลน?” เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของเด็กหนุ่มทำให้รีไวอดที่จะรู้สึกอยากแกล้งไม่ได้

            “ผมหมายถึงพวกทองและเงินของท่านต่างหาก แต่เจ้าตัวนี้ไม่ใช่เสียหน่อย”

            “แต่ฉันเก็บได้ก็เป็นของฉันและดูเหมือนนายเองก็ไม่ได้อยากได้ด้วยนี่”

            “ผ.......ผมเปลี่ยนใจแล้ว!” นัยน์ตาสีมรกตมองอย่างดื้อดึงที่จะขอเจ้าขนฟูตัวน้อยมาไว้เสียเองดีกว่าให้ไปเป็นอาหารคอบบร้า

            มือหนาวางลงบนผมสีน้ำตาลพลางลูบไปมาอย่างแผ่วเบา

            “ดูแลมันให้ดีล่ะเจ้าหนู”

            ใบหน้าหวานยิ้มรับพลางพยักหน้ารัวๆ รอยยิ้มจากใจที่เขาเพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรกทำให้ชีคหนุ่มรู้สึกแปลกๆกับอกซ้ายของตน

            “แล้วนายจะยกโทษให้ฉันได้รึยังเจ้าหนู?”

            เอเลนมองหน้าชีคหนุ่มพลางยิ้มบาง

            “เห็นแก่เจ้าตัวน้อยนี่ผมยกโทษให้ท่านก็ได้”

            “อย่าได้ใจนักเจ้าหนู” ท่าทางที่ร่าเริงขึ้นของเด็กหนุ่มทำให้รีไวพลอยรู้สึกดีไปด้วย มือหนาลูบไล้ยังศีรษะสีน้ำตาลก่อนจะมาลูบเจ้าขนฟูที่อยู่ในอ้อมกอดของเอเลน เพราะเจ้าขนฟูตัวยุ่งตัวนี้เลยทำให้ระหว่างเขากับเอเลนกลับมาเป็นปกติได้แบบนี้ก็ไม่เลว ไว้ให้เป็นเพื่อนเล่นของเจ้าหนู......ดีกว่าเขาเอาไปให้เจ้าคอบบร้าสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของเขาเป็นของว่างล่ะนะ

           

            “ดูเหมือนว่าฉันจะพลาดเรื่องสนุกไป”

            มิคาสะมองหน้าพี่ชายต่างมารดาที่ตอนนี้เขากลับมายืนอยู่ในห้องนอนของเจ้าของวังตามเดิมเพราะเอเลนและสมาชิกใหม่อีกหนึ่งตัวลากเขากลับมา ทั้งที่คิดว่าจะได้ดูเจ้าพี่ตัวดีเสียมาดบ้างแต่เขาดันพลาดโอกาสไปแบบนี้แค่คำว่าเสียดายคงยังไม่พอ

            “ที่จริงนายไม่จำเป็นต้องกลับมานอนห้องฉันก็ได้นะในเมื่อดูเหมือนเอเลนจะพอใจกับของขวัญที่ฉันให้จนลืมนายไปแบบนี้” รีไวเย้ยหยันเจ้าน้องชายตัวดีเป็นการเอาคืน

            “นั่นนายกำลังบอกตัวเองด้วยรึเปล่ารีไว?”

            สองชีคหนุ่มมองร่างโปร่งที่กำลังเล่นสนุกกับเจ้าจิ้งจอกตัวน้อยไปมาบนเตียงสี่เสาอีกหลังที่ตั้งแต่สั่งมายังไม่เคยได้ใช้ แต่ตอนนี้เจ้าของเตียงที่อ้างว่าไม่ชอบนอนคนเดียวกลับขึ้นไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเจ้าลูกจิ้งจอกขนฟูอย่างสนุกสนาน ดูท่าเจ้าสัตว์เลี้ยงแก้เหงาที่เขาให้จะส่งผลดีมากกว่าที่เขาคิด บางทีอาจจะดีเกินไป.....

            “พักเรื่องนี้ไว้ก่อนละกัน ว่าแต่นายดูเมลที่ฉันส่งให้แล้วใช่ไหมมิคาสะ?

            “เมลอะไรของนาย ถ้าส่งเข้าเมลส่วนตัวฉันยังไม่ได้เปิดอ่านหรอกนะ”

            รีไวยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้มิคาสะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล

            “ถึงว่านายยังคงมีท่าทางเฉยชา งั้นฉันจะบอกรายละเอียดให้เลยแล้วกัน พรุ่งนี้รัฐมนตรีอาวุโสตระกูลกิลชูไตน์จะมาเยี่ยมเยียนที่วังเรา”

            ชื่อตระกูลของรัฐมนตรีเริ่มทำให้มิคาสะเริ่มมีสีหน้าตึงเครียด ด้วยความเป็นพี่ชายที่แสนดีชีคหนุ่มจึงรีบจัดการเล่ารายละเอียดต่อ

            “ทางรัฐมนตรีกิลชูไตน์จะเข้ามาขอพักกับทางเราเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ แล้วแน่นอนว่าบุตรสาวของเขาเองก็จะมาที่วังนี้ด้วยเช่นกัน”

            เอเลนที่เล่นอยุ่กับเจ้าจิ้งจอกขนฟูเมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆของชีคมิคาสะยามเมื่อเอ่ยถึงตระกูลกิลชูไตน์จึงเอ่ยถาม

            “ท่านมิคาสะไม่ชอบตระกูลนี้งั้นเหรอครับ?”

            รีไวหัวเราะในลำคอก่อนจะหันไปยิ้มอย่างนึกสนุกให้กับเอเลนกับท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของน้องชายต่างมารดา

            “ไม่ใช่หรอกนะเอเลน ท่านผู้อาวุโสกิลชูไตน์เป็นคนที่ดีมาก อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งการคลังที่เที่ยงตรงและไว้ใจได้”

            “แล้วทำไมท่านมิคาสะถึงได้ทำหน้าแปลกๆล่ะครับ?”

 

            นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองหน้าน้องชายตามารดาที่ตอนนี้จ้องมองเขาตาไม่กระพริบอย่างคาดโทษ

 

            “ก็เพราะว่า แจน กิลชูไตน์ บุตรสาวของท่านรัฐมนตรีเป็นคนที่รักและคลั้งไคล้ท่านชีค มิคาสะ แอคเคอร์แมน มากยังไงล่ะ”
TBC.
................................................................................
 
Talk: ในที่สุดพาทของอิชุ้น Trendy Blood ก็เสร็จสักทีค่ะ หลังจากไปทำเรื่องอื่นและสร้างไหมากมาย
สำหรับตอนนี้เราส่งสัตว์เลี้ยงไปเยียวยาเอเลน น้องจิ้งจอกทะเลทรายสุดน่ารักค่ะ

แบบว่าน่ารักมากกกก จนต้องเอามาใส่ลงด้วยความโม่ยส่วนตัวที่เห็นตรงกันระหว่างอิชุ้นก่ะจาเดนเชส >w<

พาทอิชุ้นเสร็จแล้วขอโยนพาทต่อเลยนะคะโฮะๆ เป็นพาทที่ไว้ดำเนินเรื่องจริงๆ=A=a
พร้อมกับการโยนตัวละครใหม่ แจน กิลชูไตน์ (ที่เข้ายันฮีแปลงเพศอีกราย)
เรื่องนี้กึ่งฟิคสดและสาย C กระหน่ำค่ะ แหะๆ
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามและรอคอยนะคะ แม้ช่วงนี้จะอัพช้าแต่ก็พยายามอัพเรื่อยๆนะ
รักนักอ่านทุกท่านค่ะ ^w^
 

8 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ19 มกราคม 2558 เวลา 22:58

    ในเรื่องนี้แจนเป็นผู้หญิงหรอเนี่ย5555 อยากอ่านตอนต่อไปจังค่ะว่าจะเป็นไงต่อ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. พอแจนเป็นผู้หญิงแล้วรู้สึกโมเอะแปลกๆมากค่ะ แต่ก็แอบชอบนะคะ >w<

      ลบ
  2. แหม่ๆๆๆๆ ท่านชีคก็เข้าใจอ้อนเมียนะครัช พาร์ทนี้มุ้งมิ้งกันเบาๆ แต่พาร์ทต่อไปนี่โม่ยแน่ๆ รอยลเลยครัชขุ่นน้องทั้งสอง >////<

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. พาทเป็นไปตามคนเขียนค่ะฮาๆ คือแบบว่าพาทคู่นี่ดูเป็นอะไรที่วูบวาบตลอดมาก >////<

      ลบ
  3. เมื่อไรจะมาต่อคะ รออยุ่ ฮือออออ

    ตอบลบ
  4. แจนเปนผญ!!!!! ฮ่าๆๆๆๆ ติดตามเลยค่ะ

    ตอบลบ