วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

Attack On Titan Fan Short fic.: BONDAGE

Attack On Titan Fan Short fic.: BONDAGE

Pairing: (LevixEren)

Rate: NC-17 , Romance
………………………………………………………………………………



เสียงโซ่กระทบกับซี่ไม้ระเเนงหัวเตียง ร่างโปร่งบางที่ถูกพันธนาการหอบหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง ผ้าคลุมเตียงปรากฎรอยยับย่นจากการที่ร่างโปร่งนั้นบิดเร้าไปมา เหงื่อเย็นซึมกายผุดพรายบนผิวผ่องของเด็กหนุ่ม นัยน์ตากลมโตสดใสถูกปิดบังด้วยผ้าเเพรสีดำเนื้อดี เช่นเดียวกับข้อมือที่ถูกพันธนาการด้วยปลอกหนังมันเงา โซ่สีเงินกระทบกับเเสงไฟยามเมื่อร่างบอบบางกระสับกระส่ายไปมา ลำคอระหงถูกสวมใส่ด้วยเครื่องหมายเเสดงความเป็นเจ้าของ ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เขายอมจำนนต่อสายตาคมสีเงินของบุรุษผู้ได้พบเจอเพียงไม่กี่ครั้ง ครั้งเเรกที่สบกับนัยน์ตาคมคู่นั้น ร่างกายราวกับถูกตราตรึง ลมหายใจราวกับขาดห้วง เเละเวลาราวกับหยุดเดิน ทั้งที่เพียงเเค่พูดคุยเเละจ้องมองชายหนุ่มผู้นั้นอย่างปกติ เเต่ร่างกายกลับรู้สึกถูกกระตุ้น เสียงทุ้มยามเมื่อพูดคุยราวกับลมที่พัดให้บางอย่างในใจเขาโหมกระพรือ

ท่าอากาศยานปารีส-ชาร์ล เดอ โกล หรือเรียกโดยทั่วไปว่า ท่าอากาศยานรัวซี ตั้งอยู่ที่รัวซี กรุงปารีส ฝรั่งเศส อยู่ห่างจากตัวเมืองปารีสไปทางตะวันออกเฉีนงเหนือประมาณ 25 กิโลเมตร นับเป็นประตูสำคัญในการเดินทางเข้าออกประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังเป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินแอร์ฟรานซ์ด้วย
เด็กหนุ่มในชุดเครื่องแบบพนักงานต้อนรับของสายการบินแอร์ฟรานซ์ เครื่องแบบซึ่งเป็นสูทสีดำ เนคไทค์สีเดียวกับสูท และเข็มกลัดการบินที่ติดบนอกขวาทำให้ร่างโปร่งดูทะมัดแทมง และใบหน้ากลมมนที่ยิ้มทักทายและท่วงท่าที่เป็นมิตร นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกด้วยความตื่นเต้นและแฝงความประหม่าเมื่อเดินเข้าสู่ฟลอร์ของสายการบินเพื่อเตรียมพร้อมต้อนรับผู้โดยสารและเตรียมการสำหรับเที่ยวบินจากกรุงปารีส ปลายทางสู่ เยอรมัน แม้ประเทศเยอรมันจะเป็นบ้านเกิดแต่เอเลนกลับเลือกสอบทำงานที่สายการบินของฝรั่งเศส ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอยากเปลี่ยนบรรยกาศก็ว่าได้ อีกทั้งประเทศเยอรมันและฝรั่งเศสก็ใกล้กันมากเพียงใช้เวลาบินแค่ 2 ถึง 3 ชั่วโมง เขาเลยไม่มีปัญหาเรื่องการปรับตัวเท่าไรนักเพราะสมัยเรียนเขาก็แอบหนีมาเที่ยวฝรั่งเศสบ่อยๆ เรียกได้ว่าหลงใหลในประวัติศาสตร์ ธรรมเนียม ความสวยงามของเมืองจนเลือกที่จะทำงานในสายการบินของฝรั่งเศสแทนที่จะเลือกสายการบินเยอรมันในบ้านของตน ถึงแม้จะคุ้นชินกับคนฝรั่งเศสเป็นอย่างดีแต่เพราะเป็นการทำงานบนเที่ยวบินครั้งแรกเลยทำให้เขาอดที่จะประหม่าไม่ได้ แม้จะเป็นเพียงแค่การบินระยะสั้น 2 ชั่วโมงก็ตาม
“สวมชุดเครื่องแบบแล้วดูเป็นสจ๊วตเต็มตัวเลยนะเอเลน” เสียงใสของรุ่นพี่ที่คุ้นเคยเพราะคอยดูแลเอาใจใส่เขามาตั้งแต่ช่วงสอบเข้าสายการบินเอ่ยทัก
“ผมหวังว่าคงไม่ทำอะไรผิดพลาดเช่นกันครับพี่เพทร่า” เอเลนยิ้มเจื่อน แม้จะพยายามรักษาความสุขุมไว้แต่ตอนนี้เขาชักเริ่มรู้สึกเกร็งจนเหงื่อเริ่มไหลซึมกาย มีพี่เพทร่าที่เขาคุ้นเคยที่ยังพอให้เด็กหนุ่มรู้สึกอุ่นใจได้บ้าง
“แค่สองชั่วโมงสบายอยู่แล้วพี่เทรนเรามาเองกับมือนะ” เพทร่าตบไหล่รุ่นน้องให้กำลังใจ
สายตาและท่าทางที่ไว้ใจและเชื่อใจของรุ่นพี่ทำให้เอเลนเริ่มใจชื้นขึ้นบ้าง เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกเข้าปอดก่อนจะหันกลับไปยิ้มกว้างอย่างมั่นใจให้กับหญิงสาว
“กัปตันรีไวอรุณสวัสดิ์ค่ะ” เพทร่าหันไปทักทายกับกัปตันนักบินที่เดินเข้ามาในเกท
เอเลนรีบหันไปทักทายนักบินประจำเครื่องทันทีที่รุ่นพี่เอ่ยทัก นัยน์ตากลมโตถึงกับเบิกกว้างกับชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าคมและนัยน์ตาสีเทาหมอกนั้นราวกับมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง ผมสีดำดุจรัตติกาลยิ่งขับให้ใบหน้าคมนั้นดูดุดันยิ่งขึ้น ไหล่ที่ตั้งตรงรับกับชุดกัปตัน เครื่องหมายและตราที่ประดับทั้งบนบ่าและอกของชายหนุ่มบอกถึงประสบการณ์และความสามารถที่มีมาอย่างโชกโชน
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหมเพทร่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามหัวหน้าแอร์ฮอสเตสประจำเครื่องที่ทำงานร่วมกันมานานและคุ้นเคยกันดี
“ขึ้นชื่อว่าเครื่องบินของกัปตันรีไว วิศวะกรตรวจเช็คเครื่องมากกว่าห้าครั้ง พนักงานทำการสำรวจห้องโดยสารและส่วนต่างๆภายในเครื่องบินมากกว่า สิบรอบ ความเรียบร้อยการันตีมากกว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์ ความปลอดภัยภายใต้การดูแลของกัปตันรีไวการันตีมากกว่า สองร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วก็….ความสะอาดพนักงานทำความสะอาดเครื่องเกินกว่า ห้ารอบค่ะ อีกทั้งยังจัดการฆ่าเชื้อส่วนต่างๆในห้องนักบินเรียบร้อย”
การรายงานที่ยาวเหยียดของรุ่นพี่ทำให้เอเลนถึงกับทึ่งทั้งในเรื่องการเตรียมการที่เอาใจใส่ และความไว้วางใจในตัวกัปตันเรือบิน แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่าคือการทำความสะอาดที่ถึงขนาดต้องฉีดยาฆ่าเชื้อในห้องนักบินขนาดนี้ดูเหมือนว่า กัปตันรีไวจะเป็นคนที่เคร่งครัดและรักความสะอาดน่าดู
“ไม่เลว” รีไวพยักหน้ารับรายงานจากหัวหน้าแอร์โฮสเตสสาว นัยน์ตาสีหมอกหันไปมองใบหน้ามนของเด็กหนุ่มแปลกหน้าทีเพิ่งได้เจอกันเป็นครั้งแรก “แล้วนาย?”
“ผผม เอเลน เยเกอร์ ครับ!” ด้วยความตกใจเด็กหนุ่มจึงรีบรายงานตัวพร้อมทั้งทำความเคารพด้วยท่าทางร้อนรน
“คนนี้เป็นสจ๊วตที่สอบเข้ามาใหม่เอเลนได้ร่วมงานกับเราเป็นไฟล์ทแรกค่ะ” เพทร่าขยับตัวออกเพื่อให้ชายหนุ่มเห็นสจ๊วตคนใหม่ชัดขึ้น
“เออ ถ้ามีอะไรให้รับใช้เรียกผมได้เลยนะครับกัปตัน” ใบหน้ามนยิ้มกว้างให้ชายหนุ่มอย่างเป็นมิตร
รีไวจ้องมองพิจารณาเด็กหนุ่ม “ไม่เลว”
ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปในเกทเพื่อเตรียมการบินของไฟลท์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาที
ทั้งที่เป็นการพบกันครั้งแรก แต่เอเลนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าท่าทางและรูปลักษณ์ของกัปตันนั้นน่าดึงดูดและมีเสน่ห์อย่างเหลือร้าย นัยน์ตาคมกล้าสีหมอกนั้นราวกับจ้องมองเพื่อค้นหาบางอย่าง แม้จะเป็นนัยน์ตาคมที่เย็นชาแต่กลับดุดันจนราวกับมีเปลวไฟประกายในดวงตาคู่นั้น
“ดูเหมือนกัปตันจะสนใจเธออยู่นะ” ทันทีที่เตรียมปฏิบัติหน้าที่เพทร่าเอ่ยขึ้นราวกับหยอกล้อ
“พี่เพทร่าหมายถึง?” เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักบินและคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับยุคสมัยนี้ เมื่อถูกบอกว่าสนใจเขาคงตีความอย่างอื่นไม่ได้นอกจากว่าจะเป็นเรื่องที่ กัปตันรีไวมีรสนิยมชอบผู้ชาย หรือบางทีอาจเป็นไบเซ็กซ์ช่วล
เพทร่ายิ้มขำกับท่าทางกระวนกระวายของเด็กหนุ่ม ก่อนจะตบลงบนบ่า “ไม่ได้สนใจแบบนั้นหรอกเอเลน ฉันแค่จะบอกว่าดูเหมือนกัปตันน่าจะเชื่อในการทำงานของเธออย่างไม่ต้องห่วงน่ะ”
เอเลนถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก จะไม่ให้เขาคิดอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อตอนสมัยสอบและฝึกอบรมเขาเห็นแล้วเจอมานักต่อนักแล้วสำหรับคนที่ทำอาชีพนี้ อีกทั้งดูเหมือนว่าเขาจะเป็นที่จับตามองของคนที่มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกันอยู่ไม่น้อย เพราะตลอดระยะเวลาหลายเดือนของการฝึกอบรมเขาต้องคอยปฏิเสธเรื่องการเป็นคู่นอน หรือแม้กระทั่งหาทางหนีทีไล่จากพวกนักเรียนในรุ่นเดียวกันที่ตามตื้อ ก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าทำไมถึงไม่ไปหาผู้หญิงจริงๆ หรือคนที่มีรสนิยมเดียวกันมากกว่ามาตามเขาที่ไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้เท่าไร ทั้งที่คิดว่าการชอบใครสักคนโดยเฉพาะคนเพศเดียวกันคงไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นกับเขาที่ไม่ใส่ใจเรื่องแบบนี้เลยแท้ๆ แต่ตอนนี้ในหัวสมองกลับคิดว่าถ้าเป็นผู้ชายอย่างกัปตันรีไว บางทีเขาคงไม่อาจปฏิเสธต่อสายตาและเสน่ห์ของชายหนุ่มคนนั้นได้

เที่ยวบินจากฝรั่งเศสไปยังเยอรมันในระบะเวลาสองชั่วโมงกับอีกห้านาทีนั้นทุกอย่างเรียบร้อยดี นับว่าเป็นประสบการณ์การทำงานครั้งแรกของเขาที่ทุกอย่างราบรื่น จนตอนนี้เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น และเขาที่ขึ้นเครื่องบินเดินทางอยู่บ่อยครั้งต้องขอยอมรับในการบังคับการบินของกัปตันรีไว ไม่ว่าจะเป็นตอนนำเครื่องขึ้นหรือตอนลงการบังคับที่เรียกว่าหาตัวจับได้ยากเพราะขึ้นและลงได้นิ่มนวล ทั้งที่เวลาเครื่องบินขึ้นหรือลงนั้นเขามักจะรู้สึกเวียนหัวบ้างเล็กน้อย แต่อาการเหล่านั้นกลับไม่เกิดขึ้นเลย เข้าใจเลยว่าทำไมรุ่นพี่เพทร่าถึงได้เคารพและรู้สึกมั่นใจเมื่อได้ร่วมเดินทางกับกัปตันรีไว และชื่นชมกัปตันให้เขาฟังตลอดระยะเวลาสองชั่วโมงที่เครื่องออกจนกระทั่งถึงที่หมาย
ร่างโปร่งถอดเสื้อนอกของสายการบินออกเก็บในล็อคเกอร์สนามบิน เขามีเวลาอีกกว่าสามชั่วโมงสำหรับเที่ยวบินถัดไปที่ต้องเดินทางกลับจากเยอรมันสู่ฝรั่งเศส เอเลนจึงออกไปหาร้านอาหารในสนามบินเพื่อทานอาหารและผ่อนคลาย ด้วยความที่เป็นท่าอากาศยานนานชาติทำให้มีร้านค้าและร้านอาหารในสนามบินมากมาย อีกทั้งเครื่องบินที่แลนดิ้งแทบตลอดเวลาทำให้มีผู้คนอยู่ในสนามบินอย่างล้นหลาม ในที่สุดเอเลนจึงตัดสินใจเลือกร้านอาหารร้านประจำที่เขามักมาทานเวลารอขึ้นเครื่องบินอยู่เสมอ พนักงานต้อนรับที่คุ้นเคยกันดีจึงพาเขาไปที่นั่งประจำริมหน้าต่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยเอเลนจึงหยิบสมาร์ทโฟนึ้นมาเช็คข่าวสารและคุยไลน์กับกลุ่มเพื่อน ใบหน้ามนต้องแปลกใจเมื่อรู้สึกว่าบริกรจะนำอาหารมาให้เขาเร็วเสียเหลือเกิน แต่เมื่อไม่เห็นว่าบริกรไม่มีทีท่าว่าจะเสริ์ฟอาหารลงบนโต๊ะ เขาจึงละออกจะสมาร์ทโฟนที่กำลังคุยกับเพื่อนในกลุ่ม แต่คนที่ยืนอยู่ไม่ใช่บริกรตามที่เขานึกคราแรก
“กกัปตันรีไว!
“นายมาคนเดียวงั้นเหรอ?”
“ครับ”
“วันนี้คนเยอะจนไม่ที่นั่งฉันขอรบกวนหน่อยละกัน” ไม่ทันรอคำตอบชายหนุ่มก็จัดการดึงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามนั่งลงทันที
เมื่อบริกรนำรายการอาหารมาให้ ชายหนุ่มสั่งเพียงชาร้อนและแซนวิซเท่านั้น สมาร์ทโฟนถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะแม้จะมีข้อความจากโปรแกรมสนทนาเด้งเข้ามาจนโทรศัพท์สั่น แต่ตอนนี้เอเลนไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะหัวสมองของเขาคิดวกวนแต่เรื่องชายหนุ่มตรงหน้าที่ได้เจอกันโดยบังเอิญ โชคดีที่เป็นที่นั่งติดริมหน้าต่างสายตาที่ไม่รู้ว่าควรจะเอาไปวางๆว้ที่ไหนจึงได้แต่มองออกไปยังวิวทิวทัศน์ของลานบินเบื้องหน้าที่มีเครื่องบินและผู้โดยสารที่กำลังขึ้นเครื่องเป็นทัศนียภาพ แล้วก็เพราะเป็นกระจกเอเลนจึงได้เห็นว่าใบหน้าคมของชายหนุ่มกำลังจ้องเขาที่มองออกไปยังทิวทัศน์ข้างนอก ตอนแรกเขาก็คิดว่าเขาอาจจะคิดไปเอง แต่สายตาคมที่จ้องมาอย่างเด่นชัดนั้นยิ่งตอกย้ำว่ากัปตันรีไวกำลังจ้องเขาอย่างไม่ผิดเพี้ยน อกซ้ายรู้สึกสั่นระรัวทั้งอาการประหม่าอย่างที่ไม่เคยเจอ หัวสมองที่พยายามตั้งสติเริ่มคิดวนเวียนกับคำถามที่มีเพียงชายหนุ่มตรงหน้านี่ตอบได้เท่านั้น แล้วสุดท้ายตัวเขาที่เริ่มวางตัวไม่ถูกจึงหันไปสบตาคมคู่นั้นก่อนจะหลุบลงด้วยความไม่คุ้นชิน แล้วเป็นตัวเขาเองที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดคุยเพื่อหวังทำลายวามเงียบและความรู้สึกกดดัน
“เออ กัปตันรีไวมาทานที่นี้บ่อยงั้นเหรอครับ?”
“มีบ้างเพราะมันสะดวกดี”
“แล้วกัปตันชอบทานอะไรของที่นี้งั้นเหรอครับ?”
“ไม่ได้มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ แต่อย่างน้อยที่นี่ก็มีชามาโคโปโล”
ระหว่างบทสนทนาบริกรก็ได้นำชามาเสริ์ฟ ความหอมเข้มข้นที่แตะแม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องชา แต่ความหอมที่กรุ่นขึ้นมานั้นบอกได้ว่าเป็นชาชั้นดี รีไวยกชาขึ้นจิบความขมและหอมอวลของชาทำให้ใบหน้าดุดันรู้สึกผ่อนคลาย
“กัปตันคงชอบชานี้มากเลยนะครับ” ใบหน้าหวานยิ้มร่าจนคนฟังเลิ่กคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่าทำไม?
“ก็คิ้วขมวดของกัปตันมันคลายลงนิดหน่อยตอนดื่มชาน่ะครับ” เด็กหนุ่มชี้นิ้วไปที่หว่างคิ้วของตนพร้อมทำท่าทางประกอบ
ชายหนุ่มวางถ้วยชาลงในจาน ก่อนจะจ้องไปยังใบหน้ามนอย่างสนใจ แต่เด็กหนุ่มที่ถูกจ้องกลับรู้สึกระแวงว่านี่เขาทำอะไรให้คนตรงหน้าไม่พอใจรึเปล่า?
“นายชอบวิเคราะห์คนอื่นรึไง?”
“เปล่าหรอกครับ คุณก็รู้ว่าอาชีพอย่างพวกผมต้องคอยต้อนรับผู้โดยสารให้ดีที่สุด การสังเกตอะไรเพียงเล็กน้อยจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ทำให้ผู้โดยสารประทับใจ ตอนที่อบรมพี่เพทร่าย้ำเรื่องนี้มากเลยติดมากล่ะมั่งครับ” เด็กหนุ่มเกาแก้มอย่างใช้ความคิด
“ถ้างั้นนายลองวิเคราะห์ฉันดูเป็นไงเอเลน?”
“อ..เอ๊ะ?” เอเลนมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ ให้เขาวิเคราะห์คนคนนี้งั้นเหรอ….  ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างรู้สึกสนุกก่อนนัยน์ตาสีมรกตกลมโตจะเงยขึ้นมองใบหน้าคมดุนั้นตรงๆ
“กัปตันรีไวคุณเป็นคนที่เคร่งครัดต่อหน้าที่ ถึงกัปตันจะเป็นพวกขาลุยแต่ก็เก่งเรื่องวางแผนและรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้า สุขุม เยือกเย็น”
นัยน์ตากลมโตค่อยๆพินิจมองบุรุษเบื้องหน้า ใบหน้าคมคายที่นิ่งเฉย นัยน์ตาสีหมอกที่ดึงดูด
“กัปตันดูเป็นพวกปากร้ายและเป็นพวกชอบพูดอะไรตรงๆ เจ้าระเบียบ”
นัยน์ตาสีมรกตสบมองในหน้าคมนิ่ง เสียงหวานที่เอื้อนเอ่ยราวกับค่อยๆแผ่วเบาลง ไม่รู้ทำไมรู้สึกราวกับว่าชายหนุ่มตรงหน้าเข้ามาใกล้เขามากขึ้น ทั้งที่ระยะห่างของเก้าอี้นั่งยังคงเท่าเดิม
“แล้วที่สำคัญ”
ยิ่งพินิจเคราะห์ยิ่งรุ้สึกราวกับว่าลมหายใจเขาแผ่วลงจนเกือบจะลืมหายใจ ใบหน้ากลมมนที่เริ่มได้สติชะงักชั่วขณะก่อนจะก้มลงยิ้มกลบเกลื่อนให้กับมือที่กุมกันอยู่ที่หน้าตัก
“ถ้ากัปตันไม่ได้มีแฟนสาว ต้องเป็นคนที่รักความสะอาดมาก แต่ผมว่าเป็นอย่างหลังมากกว่าจากรายงานของพี่เพทร่าที่ต้องทำความสะอาดโบอิ้งขนาดนั้น”
รีไวยกยิ้มกับการวิเคราะห์ของเด็กหนุ่ม เจ้าเด็กนี่ถือว่าฉลาดไม่เบา และมันยิ่งทำให้เขาสนใจว่าเจ้าหนูนี่จะเห็นหรือรู้อะไรบางอย่างได้ไหม….?
“ไม่เลว ฉันขอแนะนำอะไรนายเพื่อเป็นรางวัลละกันนะเจ้าหนู”
ริมฝีปากคมยกยิ้มมุมปากและนั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอกซ้ายกระตุก อุณภูมิร่างกายราวกับสูงขึ้น
“อย่างแรกนายเป็นพวกใจร้อนและประหม่า และนั่นมันทำให้นายยังคงเรียกฉันว่ากัปตันจนตอนนี้ทุกประโยค”
เอเลนยิ้มเฝื่อนพร้อมทั้งเกาผมสีน้ำตาลของตนแก้เก้อ จะว่าไปเขาก็เรียกคนตรงหน้าว่ากัปตันทุกประโยคจริงๆ ทั้งที่อยู่ในร้านอาหาร
รีไวยกชาขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดถ้วยก่อนจะวางถ้วยเปล่าลงในจานแล้วลุกจากเก้าอี้เพื่อไปเตรียมตัวกับไฟล์ทบินในรอบต่อไป ก่อนที่เอเลนจะได้ถามอะไรใบหน้าคมขยับเข้าใกล้เด็กหนุ่มจนกระทั่งรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น
“นายจะเรียกฉันว่าคุณรีไวก็ได้ แต่ฉันชอบที่จะให้นายเรียกว่าท่านมากกว่า”
เด็กหนุ่มได้แต่นิ่งงันกับคำพูดและท่าทางของอีกฝ่ายจนกระทั่งชายหนุ่มออกจากร้านไปแล้วกว่าจะรู้สึกตัวก็เมื่อบริกรนำอาหารที่เขาสั่งไว้มาเสริ์ฟ เป็นครั้งแรกถ้าไม่นับรวมตอนที่ป่วยที่เขาทานอาหารอย่างไม่รู้รส อีกทั้งมื้อนั้นเขาก็ไม่ต้องจ่ายด้วยซ้ำ จะเรียกว่าบังเอิญหรือเรื่องตลกดีเพราะไฟล์ทถัดมาที่เขาต้องทำงานก็เป็นไฟล์ทเดียวกันกับของกัปตันรีไว แล้วดูเหมือนในหลายไฟล์ทที่เขาได้กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์มักเป็นไฟล์ทบินของกัปตันรีไว อัคเคอร์แมน ราวกับจงใจ….
แต่เพราะเป็นไฟล์ทบินระยะสั้นที่ใช้เวลาไม่นานแม้จะได้พบเจอกันบ้างตอนขึ้นเครื่องและลงจากเครื่องบิน แต่ทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยเป็นกิจลักษณะเท่าไรนัก บางทีการพูดคุยในร้านอาหารคราวนั้นคงเป็นการหยอกล้อเจ้าหน้าที่ใหม่อย่างเขามากกว่า แม้การทำงานในสายการบินจะขึ้นชื่อเรื่องรักร่วมเพศ แต่คนปกตที่ชอบเพศตรงข้ามนั้นก็มีอยู่มาก อีกอย่างผู้ชายที่มีเสน่ห์ขนาดนั้นคงไม่ว่างถึงขนาดจะมาหยอกล้อเขาเล่นได้แบบนี้
ทั้งที่คิดอย่างนั้น แต่จะเรียกว่าบังเอิญอีกครั้งก็ได้ที่การบินข้ามประเทศจากกรุงปรารีสฝรั่งเศส จุดหมายคือนิวยอร์คประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ใช้เวลาการบินไม่ต่ำกว่าสิบสองชั่วโมง อีกทั้งมีจุดพักหนึ่งจุดด้วยแล้ว และเป็นการบินหลายชั่วโมงแรกของเอเลน เยเกอร์ นั้นกัปตันไม่ใช่ใครอื่น นั้นก็คือ  กัปตัน รีไว อัคเคอร์แมน การเจอกันที่บ่อยในไฟล์ทบินแม้กระทั่งไฟล์ทบินข้ามประเทศระยะเวลานานแบบนี้ด้วยแล้วทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องบังเอิญคงจะมีจริงๆ แม้กระทั่งรุ่นพี่คนสนิทอย่างเพทร่ายังอดแซวไม่ได้ที่เขาได้ไฟล์ทบินเดียวกับกัปตันรีไวบ่อยขนาดนี้

หลังจากปิดไฟแล้วตรวจเช็คความเรียบร้อยของผู้โดยสารทุกคนเรียบร้อยแล้ว เอเลนจึงกลับเข้าไปจัดการเตรียมของว่างและชาให้กับกัปตัน ต้องเรียกว่าถูกยัดเยียดให้ทำหน้าที่มากกว่าเพราะการที่เขาได้ไฟล์ทบินบ่อยกับกัปตันรีไว จึงทำให้หลายคนเข้าใจว่าเอเลนเป็นคนโปรดของกัปตัน แล้วทุกเรื่องที่ต้องจัดการในห้องนักบินจึงตกเป็นของเขา และนั่นทำให้เขารู้ซึ้งถึงโรครักความสะอาดของกัปตันรีไว เรียกได้ว่าแม้กัปตันรีไวจะเป็นที่หมายปองของบรรดาแอร์โฮสเตสสาวหรือสจ๊วตหนุ่มอื่นๆมากมาย แต่การที่เข้าไปห้องนักบินแล้วจัดการดูแลเรื่องรอบตัวของกัปตันรีไวสำหรับคนที่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งนั่นได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ เขาที่แนเด็กใหม่แล้วมีข่าวลือว่าเป็นคนโปรดจึงต้องจัดการรับหนี้ท่นี้ไปอย่างช่วยไม่ได้
ทันทีที่ชาและของว่างถูกเสริ์ฟให้กับกัปตันและนักบินผู้ช่วยเอเลนที่กำลังเดินออกมาก็ถูกกัปตันรีไวเดินตามออกมาด้วยเหตุผลที่ว่าจะออกไปเข้าห้องน้ำ
เมื่อประตูกั้นระหว่างห้องนักบินกับทางเดินปิดลงเอเลนที่กำลังเดินออกไปกลับถูกเรียกให้หยุดอยุ่ตรงทางเดิน
“นายยังไม่หายประหม่าที่จะจ้องหน้าฉันอีกรึไง?”
ใบหน้าหวานเพียงเงยขึ้นมองก่อนจะเบนหลบสายตาลงไปที่ทางเดิน จะบอกได้ไงล่ะว่าที่เขาไม่กล้าเงยหน้ามองเพราะว่ารู้สึกใจของเขามันสั่นจนไม่เป็นจังหวะ แล้วแม้จะเจอกันหลายครั้งแต่ทุกครั้งที่เผลอสบสายตาคมคู่นั้น ราวกับมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านทั่วร่าง
“นายบอกว่าฉันสุขุมสินะ”
ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับรีไวที่ผลักเด็กหนุ่มเข้าไปข้างในตามด้วยตัวเขาที่ปิดประตูลงกลอนอย่างไว
“บางครั้งฉันก็ไม่ได้เยือกเย็นหรอกนะเจ้าหนู”
ริมฝีปากคมทาบทับลงบนกลีบปากนุ่มที่เผยอออกอย่างงุนงง ลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวพันหยอกล้อกับลิ้นนุ่มของเด็กหนุ่ม รีไวดูดดุนและโลมเลียโพรงปากนุ่ม กอบโกยความหวานจากลิ้นบางอย่างตะกละตะกราม ลิ้นบางที่โดนหยอกล้อตอบสนองความต้องการที่พุ่งขึ้นตามสัญชาตญาณ เสียงแลกเปลี่ยนความหวานและชื้นแฉะดังก้องไปทั่งห้องน้ำ มือบางจิกลงบนเสื้อเชิ้ตสีขาวของกัปตัน เช่นเดียวกับมือซุกซนของชายหนุ่มที่บีบเคล้นยังสะโพกนุ่มกลมกลึงของเด็กหนุ่มที่ถูกผลักชิดติดกำแพง ฟันคมขบลงบนกลีบปากนุ่มก่อนจะผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
“นายไม่ปฏิเสธใช่ไหมเอเลน?” ลมหายใจที่ขาดห้วงและนัยน์ตาสีมรกตที่ฉ่ำไปด้วยความปรารถนายิ่งทำให้รีไวมั่นใจ
เอเลนมองหน้าชายหนุ่มนิ่งงันก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ ใช่ไม่อาจปฎิเสธได้ ที่ไม่กล้าสบตาเพราะรู้ดีว่าความปรารถนาบางอย่างกำลังปะทุขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วจูบเมื่อสักครู่ดุจเชื้อเพลิงที่ทำให้ประกายไฟในใจโหมกระพรือ
“อย่างที่นายบอกฉันเป็นคนเคร่งครัด อีกห้าชั่วโมงเมื่อเครื่องลงจอดฉันหวังจะเจอนายรอฉันที่เกท”
ราวกับโดนล่อลวงจากลูซิเฟอร์ ไม่รู้ว่าระหว่างนั้นเขาปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้องหรือไม่แต่เมื่อเครื่องแลนด์ดิ้งที่สนามบินในนิวยอร์ค อกซ้ายเต้นเร็วและสั่นระรัวเสียจนกลบเสียของเครื่องบินที่ร่อนลงพื้น
รู้ตัวอีกทีตอนนี้เขาถูกพามาที่โรงแรมที่เหล่านักบินและเจ้าหน้าที่การบินอื่นๆนิยมใช้เพราะอยุ่ใกล้สนามบินเพียงแค่ข้ามฝั่งถนน แต่เพราะเป็นโรงแรมระดับห้าดาว ผนังทั่วทั้งห้องจึงกลบเสียงของสนามบินได้เป็นอย่างดี
“เออคือ….” เหมือนกับพึ่งได้สติ เอเลนที่นั่งอยู่บนเตียงจึงเอ่ยถามชายหนุ่มที่กำลังถอดชุดสูทนักบินของตนออก
“คุณชอบผมงั้นเหรอครับ?”
รีไวหันมามองเด็กหนุ่มที่นั่งเกร็งอยู่บนเตียง ชายหนุ่มขยับใกล้เข้าหาร่างบางมากขึ้นก่อนจะผลักให้เด็กหนุ่มล้มลงบนเตียงอย่างว่าง่าย
“ฉันปรารถนาในตัวนาย”
ใบหน้าหวานขึ้นสีสุกปลั่ง อุณหภูมิขึ้นสูง เหงื่อเย็นไหลซึมกาย ยิ่งเมื่อริมฝีปากคมนั้นไล้ไปทั่วทั้งหน้าผากมน แก้มเนียน จนมาถึงใบหู ฟัมคมขบลงบนติ่งหูก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ย
“นายคิดว่าไฟล์ทของนายกับฉันตรงกันบ่อยๆเป็นแค่เรื่องบังเอิญรึไง”
เอเลนสะดุ้งกับลมหายอุ่นที่เป่ารดลงมาพร้อมทั้งความรู้สึกชื้นแฉะที่ใบหู
“ผมก็คิดว่ามันแปลก อย่าบอกนะว่าคุณเป็นคนจัดการ?”
รีไวเพียงแค่ยกยิ้ม ลิ้นร้อนไล้วนลงมายังคอขาวเนียนของร่างโปร่ง
“คุณรีไวเอาแต่ใจน่าดูเหมือนกันนะครับ” คิดว่าแปลกที่ไฟล์ทบินของเขาและชายหนุ่มตรงกันขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มจะเป็นคนจัดการวางแผน
“มันมีอะไรมากกว่านั้นอีกเจ้าหนู จำที่ฉันบอกได้ไหมว่าถ้าเป็นนายฉันอยากให้นายเรียกว่าท่านรีไว”
เอเลนเลิ่กคิ้วขึ้นอย่างสนใจ ถึงแม้เขาจะไม่ใส่ใจเรื่องความรักมากมาย แต่เรื่องแบบนี้ใช่ว่าเขาจะใสซื่อหรอกนะ
“คุณมีรสนิยมอย่างนั้นสินะครับชอบที่จะพันธนาการแล้วก็ควบคุม”
“แล้วนายคิดว่าไงเจ้าหนู?”
ใบหน้ามนครุ่นคิดชั่วครู่ “ไม่รู้สิครับนี่เป็นครั้งแรกกับผู้ชาย แล้วก็ยังเป็นครั้งแรกกับคนที่มีรสนิยมเฉพาะตัวแบบนี้”
เอเลนดันแผ่นอกกำยำของชายหนุ่มที่ทาบทับลงมาออก ก่อนจะลุกจากท่านอนเป็นนั่ง ใบหน้าหวานมองหน้าชายหนุ่มที่รอคำตอบอย่างนิ่งงัน ก่อนสองมือจะยกขึ้นมาตรงหน้าชายหนุ่ม
“ถ้าท่านรีไวอยากสอนผมก็ยินดี”
ผ้าแพรสีดำถูกคาดลงบนตากลมโตสีมรกต ด้วยความยาวของผ้าแพรจึงทำให้ข้อมือบางถูกพันธนาการด้วยผ้าแพรเพียงผืนเดียวกับที่ปิดคาดตา มือหนาลูบไล้ลงบนแผ่นอกขาวเนียนเปลือยเปล่าที่ขึ้นลงตามจังหวะการหายใจของเด็กหนุ่ม น้ำลายเหนียวค่อยๆกลืนลงในคอ เพราะมองไม่เห็นสัมผัสจึงเด่นชัดขึ้น
“แลบลิ้นออกมาสิเอเลน” รีไวเอ่ยสั่งเด็กหนุ่ม
ลิ้นสีสดค่อยๆแลบออกมาจากริมฝีปากบางที่สั่นระริก รีไวแตะนิ้วลงบนลิ้นสีสดที่สั่นไหว
“สั่นเชียวนะเจ้าหนู”
ลิ้นร้อนโลมเลียลิ้นที่สั่นไหวอย่างหยอกล้อ เอเลนตอบสนองด้วยสัญชาตญาน แต่ถูกเสียงทุ้มดุสั่งให้อยู่เฉยๆ เด็กหนุ่มจึงพยายามอดกลั้นการกระทำปล่อยให้อีกฝ่ายกระทำตามปรารถนา
ฟันคมขบลงบนลิ้นสีสดก่อนจะตวัดแหย่พร้อมทั้งดูดดุนเรียวลิ้นที่สั่นระริกของเด็กหนุ่ม มือหยาบลูบไล้ลงมายังแผ่นอกเนียนของเด็กหนุ่ม ริมฝีปากคมไล้ลงมาตามซอกคอ จนถึงยอดอกสีอ่อน ชายหนุ่มดูดดึงยอดอกของร่างบางจนแข็งขืนก่อนจะขบฟันลงกัดอย่างหมั่นเขี้ยว เอเลนหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วงเพื่อระบายความเสียวซ่านที่แล่นขึ้นมาตามช่วงท้อง
มือหยาบลูบไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบไปจนถึงจุดอ่อนไหวที่ตอนนี้คับแน่นผ่านกางเกงชั้นในตัวบางที่เป็นเพียงประการด่านสุดท้ายของร่างโปร่ง ชั้นในสีฟ้าเริ่มชื้นแฉะด้วยแรงปราถนาของเด็กหนุ่มที่ปะทุขึ้น
Good boy ทำตามได้ดีเจ้าหนูแล้วฉันจะให้รางวัล”
ผ้าแพรที่พันข้อมือถูกปลดออกแทนด้วยกุญแจมือโลหะสีเงินเย็น ผ้าแพรสีดำยังคงคาดที่ตา ลิ้นสีสดที่สั่นระริกและริมฝีปากสีระเรื่อของเด็กหนุ่มถูกลูกบอลหนังสีดำคาดปิดไว้ มือหนาลูบไล้ยังจุดอ่อนไหว หยอกเย้าและเล้าโลมจนส่วนอ่อนไหวเริ่มแข็งขืน น้ำสีขุ่นเริ่มเอ่อล้นแสดงถึงความปราถนาของร่างบางที่สั่นระริกอยู่บนเตียงนอน
สัมผัสเย็นเฉียบของบางสิ่งที่ไล้ไปตามผิวกายทำให้เอเลนรู้สึกเกร็ง
“ไม่ต้องกังวลแล้วนายจะชอบมันเอเลน”
รีไวจับร่างโปร่งพลิกคว่ำลงกับที่นอน ไม้เฆี่ยนพันด้วยหนังลากไล้ไปยังผิวขาวผ่องของเด็กหนุ่ม ผิวขาวเนียนที่น่าฝากรอยและตีตราความเป็นเจ้าของและความปรารถนาของเขาไว้ให้ทั่ว เสียงไม้แหวกผ่าอากาศก่อนจะกระทบลงบนผิวเนื้อ ยามเมื่อไม้เฆี่ยนฟาดลงบนร่างโปร่งเด็กหนุ่มกระตุกด้วยความหฤหรรษ์อย่างยากที่จะอธิบาย เพราะมีที่คาดกั้นไว้เสียงครางอย่างสุขสมจึงเล็ดลอดออกมาผ่านลำคออย่างอื้ออึง ร่างโปร่งพยายามหอบอากาศเข้าปอดเพื่อข่มอารมณ์ที่เตลิด แม้จะยังไม่ได้สอดใส่แต่เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับว่ากำลังจะไปถึงฝั่งอย่างง่ายดาย ไม่คิดมาก่อนว่าแท้จริงแล้วเขาเองก็มีรสนิยมที่ผิดแปลกจากปกติเช่นกัน
“ดูเหมือนนายจะเริ่มทนไม่ไหวแล้วนะเอเลน ลองขอร้องฉันดูสิเจ้าหนู”
ลูกบอลคาดปากถูกปลดออก เอเลนกอบโกยอากาศเข้าปอดก่อนเสียงหวานจะเอ่ยขึ้นกระเส่าด้วยแรงปรารถนา
“ท..ท่านรีไว ได้โปรด….
แม้รู้ดีว่าร่างกายที่สั่นระริกนั้นต้องการอะไร แต่ตัวเขาที่ชอบแกล้งก็ยังคงต้องการหยอกล้อเด็กหนุ่ม
“นายต้องการอะไรเอเลน ของเล่นงั้นเหรอ?”
ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเร่าร้อนของร่างกาย หรือเพราะความอายที่ต้องพูดขอร้องชายหนุ่มกันแน่
“ไม่ ได้โปรด ของท่านรีไว ….ใส่ เข้ามา”
รีไวจัดการปลดชั้นในประการด่านสุดท้ายของเด็กหนุ่มออก ก่อนจะจัดการสอดแทรกแกนกายที่ขยายความต้องการอย่างเต็มที่เข้าไปในรวดเดียว
“อ๊า!!” เอเลนกรีดร้องสุดเสียงเมื่อแกนกายขนาดใหญ่กระแทกเข้ามาในช่องทางที่ไม่คุ้นเคย
ใบหน้าหวานเหยเกทั้งความจุกแน่น เจ็บ และความกระสันต์ที่ถาโถม เช่นเดียวกับรีไวที่กัดฟันกรอดข่มอารมณ์ ช่องทางที่สดใหม่ตอดรับชายหนุ่มอย่างกระหาย ความคับแน่นที่พยายามยัดเยียดเข้าไปแม้จะทำให้เขาเจ็บอยู่บ้างแต่ความหฤหรรษ์นั้นมีมากกว่า
เมื่อช่องทางคับแน่นนั้นเริ่มคุ้นชินบ้าง รีไวจึงเริ่มขยับสะโพกของตนเพื่อหวังปลดปล่อยความปรารถนา
“อ.. อา อา จ.. เจ็บ อื้อ!!” เสียงหวานครางกระเส่ากับความดุดันของชายหนุ่มที่ถาโถมเข้ามาเป็นจังหวะ
เสียงชื้นแฉะและผิวเหนือกระทบกันดังลั่นไปทั่วห้อง จากเสียงที่ครางประท้วงอย่างทรมานด้วยความเจ็บในคราแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางกระเส่าอย่างเร่าร้อนที่เต็มไปด้วยความต้องการ
“อา อา ท.. ท่าน รีไว ท่านรีไว อา” เอเลนครางเรียกชื่อชายหนุ่มไปมา ยิ่งได้ยินเสียงหวานครางชื่อของตนมากเท่าไร ความรู้สึกยิ่งราวกับถูกกระตุ้นให้ถาโถมมากขึ้นเท่านั้น
รีไวเร่งจังหวะกระแทกเน้นจุดที่ร่างโปร่งบิดเร้า และครวญครางอย่างกระหาย ริมฝีปากคมทาบทับลงบนกลีบปากนุ่มของเด็กหนุ่มซำแล้วซ้ำเล่า ยามเมื่อใกล้ถึงจุดรีไวฝังขมเขี้ยวลงบนไหล่มนที่สั่นระริก น้ำรักสีขาวขุ่นไหลเปรอะเปื้อนเต็มช่องทางเบื้องล่างผสมกับหยาดเลือดของช่องทางที่ถูกขยายอย่างไม่มีการเตรียมความพร้อม แม้จะเจ็บแสบแต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกสุขสมกับการกระทำอันป่าเถื่อนของชายหนุ่มเอาแต่ใจ ร่างทั้งสองหอบหายใจอย่างหนักหน่วง รีไวปลดผ้าแพรสีดำที่ปิดนัยน์ตากลมโตของเด็กหนุ่มออก นัยน์ตาสีมรกตมองชายหนุ่มด้วยใบหน้าหวานฉ่ำเยิ้มกับการปลดปล่อยแรงปรารถนา แต่เพราะมองเขาด้วยสายตาราวกับเว้าวอนอย่างนั้นการปลดปล่อยที่พึ่งสิ้นสุดไปเพียงไม่นานจึงแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง
“อื้อ!!เจ็บ!” เมื่อรับรู้ถึงแกนกายที่เริ่มขยายอีกครั้งภายในเด็กหนุ่มพยายามยันตัวออก แต่มือแข็งแรงนั้นกลับเอาแต่ใจแล้วดึงสะโพกมนเข้าหารับความเป็นชายที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ
“เป็นเด็กดีนะเอเลน”
ไม่ทันได้ทัดทานคนเอาแต่ใจ ปลอกคอหนังมันวาวถูกสวมใส่พร้อมทั้งกิจกรรมรักที่หนักหน่วงตลอดทั้งคืน

กว่าจะรู้สึกตัวก็เป็นช่วงเย็นของอีกวันที่นัยน์ตากลมโตค่อยๆปรือขึ้นจากความเหนื่อยล้าของร่างกายที่ถูกใช้อย่างหนักหน่วง เอเลนมองรอยรัดของข้อมือ และข้อเท้าที่เกิดเป็นรอยปื้นสีแดง ก่อนจะได้สำรวจรอบๆกายของตัวเองว่าถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วอีกทั้งจัดการสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวให้ เรียกว่าสมเป็นคนที่รักความสะอาดแม้กระทั่งตัวเขากัปตันรีไวก็ยังไม่ยอมให้นอนโดยมีคราบคาวเปรอะเปื้อนตลอดทั้งคืน แต่รอยแดงที่มีรอบผิวผ่อง และรอยฟันของชายหนุ่มคงเป็นสิ่งที่เจ้าตัวไม่อาจล้างออกได้เลยต้องปล่อยไว้ให้ยังคงอยู่เต็มพื้นที่ร่างกายของเขา ไม่เว้นแม้แต่โคนขาด้านในที่ยังคงมีรอยตีตราสีกุหลาบและรอยฟันคมของชายหนุ่ม ใบหน้าหวานขึ้นสีเมื่อมองเห็นรอยต่างๆบนร่างกายที่นับไม่ถ้วนของตน ขนาดส่วนที่เขาสำรวจได้ยังมากมายขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าถ้ารวมส่วนที่เขามองไม่เห็นแล้วจะมีมากขนาดไหน ยังดีที่กว่าเขาจะมีไฟล์ทอีกทีก็เป็นวันมะรืน ไม่อย่างนั้นถ้าไปทำงานในสภาพนี้เขาอาจโดนห้ามขึ้นบินแล้วโดนกักบริเวณเพราะอาจขถูกหาว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงก็ได้ ใครจะไปคิดว่าคนที่ดูสุขุมอย่างกัปตันรีไวจะเป็นคนเอาแต่ใจแล้วตีตราความเป็นเจ้าของบนตัวเขามากมายขนาดนี้
“ตื่นแล้วเหรอเจ้าหนู”
ท่าทางสบายดีของชายหนุ่มที่ยื่นนมร้อนมาให้เขาบนเตียงทำให้เอเลนรู้สึกหมั่นไส้ไม่น้อย จะเรียกว่าเขาถูกล่อหลอกอย่างเต็มใจและหลงมัวเมาไปกับเสน่ห์ของชายหนุ่มก็คงไม่ผิด ทั้งที่สมัยตอนสอบและเรียนก่อนขึ้นบินเขาไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ได้ทำเรื่องอย่างมีเซ็กซ์กับผู้ชาย พอเป็นแบบนี้แล้วทั้งเจ็บใจอย่างแปลกๆแล้วก็รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก
“ขยับไหวไหมเอเลน?” รีไววางแก้มนมอุ่นไว้กับโต๊ะหัวเตียงก่อนจะนั่งลงบนเตียง มองร่างบางที่ยังคงนอนมุดในผ้านวมผืนหนา
“เพราะใครกันล่ะครับ ทั้งที่บอกแล้วว่าผมไม่เคยกับผู้ชายแท้ๆ” เสียงหวานที่มีอาการแหบเล็กน้อยบ่นอุบอิบในผ้านวมผืนหนา
“แต่นายก็รู้สึกดีไม่ใช่รึไง” เสียงทุ้มเอ่ยเย้าแหย่ยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ลุกขึ้นได้แล้วเจ้าหนูไปหาอะไรทานกัน” รีไวขยี้มือลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มที่มีทีท่าไม่ยอมขยับแต่โดยดี ท่าทางงอนๆที่มุดในผ้านวมนั้นทำให้รีไวตัดสินใจจัดการรื้อสัมภาระในกระเป๋าของเอเลนแล้วจัดแจงหยิบเสื้อผ้ามาให้เจ้าตัวดีใส่ทั้งที่อยู่บนเตียงนั้นแหละ
ใบหน้ามนยังคงพองลมในแก้มอย่างงอนๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมให้ชายหนุ่มจับเขาแต่งตัวอย่างว่าง่าย และท่าทางงอนๆแบบนั้นยิ่งทำให้คนชอบแกล้งอย่างรีไวรู้สึกอยากหยอกล้อขึ้นมา
“นายนี่ขี้ตาเยอะชะมัด หลับตาสิเจ้าหนู”
เอเลนทำตามคำสั่งหลับตาตามที่ชายหนุ่มบอก มือหยาบทำเป็นจัดการเขี่ยตาให้กับเด็กหนุ่ม ก่อนริมฝีปากคมจะทาบทับลงมาบนกลับปากบางของเด็กหนุ่มแผ่วเบาแล้วผละออก
นัยน์ตากลมโตมองคนตรงหน้าพลางยกยิ้มบาง ก่อนจะเผยอริมฝีปากให้ชายหนุ่มพร้อมทั้งแลบลิ้นโลมเลียริมฝีปากหนาตรงหน้า แต่….
เพี้ยะ!
รีไวดีดหน้าผากมนของเด็กหนุ่มจนเอเลนต้องยกมือขึ้นมาแตะตรงที่ถูกดีด
“ใครอนุญาติให้นายจูบเจ้าหนู?” ชายหนุ่มยกยิ้มหยอกล้อเจ้าตัวดีที่ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณแกล้งผมอีกแล้วนะครับ” เอเลนประท้วงคนตรงหน้า ดูก็รู้ว่าชายหนุ่มแค่อยากแกล้งแล้วหยอกเขาเล่นเท่านั้น สุดท้ายคุณรีไวก็ยอมให้เขาจูบอยู่ดี
“ว่าแต่ตกลงคุณชอบผมรึเปล่ากัปตัน?” ใบหน้ามนเอียงคอถาม พลางรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ
รีไวทำท่าครุ่นคิดสักคู่ก่อนมือหนาจะขยี้ลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่ม
“ถ้านายอยากถูกฉันพันธนาการล่ะก็เตรียมใจไว้ได้เลย”

เอเลนหยักหน้าตอบรับพลางยิ้มให้กับรีไว แม้จะเอาแต่ใจและเป็นความสัมพันธ์แบบไม่ได้ตั้งตัวราวกับพายุ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการถูกชายหนุ่มคนนี้พันธนาการไว้ก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก บางทีเขาทั้งคู่อาจถูกดึงดูดกันและกันตั้งแต่สบตาครั้งแรกแล้วก็ได้….

Fin.


..............................................................................................................

Talk: ว่าจะเขียนก่อนสงกรานต์ให้ผู้อ่านอ่านเล่นช่วงหยุดยาว แต่ดันมาส่งได้ตอนวันสุดท้ายของหยุดยาวแทนแฮะๆ
เอาเป็นว่าสุขสันต์วันหยุดยาวค่ะ ขอให้ทุกท่านเดินทางปลอดภัย มีความสุขสนุกกับวันหยุดนะคะ
ส่วนฟิคนี้สนองตัณหาอีกแล้ว(ตลอด) ผลจากการฟังเพลงแล้วโดนหลอนเพลงจนผุดฟิคสั้นนี่ล่ะค่ะ ส่วนเพลงอะไรนี่แชร์ไว้ในเพจ คนอ่านคนไหนสนใจไปส่องได้นะคะฮาๆ
แล้วก็อีกหลายๆเพลงที่แชร์ในเฟสฯส่วนตัวไม่ใช่เพจ บางคนอาจเห็นความเวิ่นเว้อของอิชุ้นในเฟสมากมายต้องขออภัยค่ะ

ปล. มีข่าวมาบอกค่ะ ปกแรกของ Last Memory ใกล้เสร็จแล้วค่ะ ถ้าเสร็จแล้วจะเอามาลงให้ชมกันนะคะ(ยังจำกันได้อยู่ไหมงืออ?) อีกไม่นานคงรวมเล่มสำเร็จค่ะ เป็นการรวมฟิคเรื่องแรกของอิชุ้นเลยอาจล่าช้า(ไม่หน่อย) ขออภัยด้วยนะคะ แต่รวมแน่ๆค่ะ

รักนักอ่านทุกท่านเช่นเคย ไปพูดคุยเฮฮาปาจิงโกะกับอิชุ้นในเฟสหรือเพจก็ได้นะคะ ยินดีเมาท์มอยกับทุกท่านค่ะ

2 ความคิดเห็น:

  1. เพลงอะไรไม่ต้องสืบเลยครับ 555555 #ส่งให้เองนี่
    เป็นฟิคสั้นที่อ่านแล้วแบ่บ.....หนูทดลองเป็นอย่างนี้เองสินะ
    เป็นการจับพลัดจับพลูเอาความติ่ง ณ ขณะนั้นมารวมกันได้สมเป็นขุ่นพี่มากๆครับ แต่พี่เตี้ยสะท้านไต โอ๊ยยย มันใชชชช่

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ใช่หนูทดลองน๊าาา เเค่บังเอิญมันไปด้วยกันได้เท่านั้นเองค่ะ~

      ลบ