Attack
On Titan Fan fic.: Lessons of love
Pairing:
(LevixEren)
Story
By: Trendy Blood
…………………………………………………………………………
Lesson
15: Final
เยเกอร์คาบชามที่ว่างเปล่ามาวางไว้ในห้องครัวที่ประจำ
สุนัขตัวน้อยที่เติบโตมาพร้อมเอเลนตอนนี้เรียกได้ว่าอายุมากแล้ว แต่เยเกอร์ผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายของเอเลน
ยังคงสดใสร่างเริงและสุขภาพดี อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่ของทุกคนในบ้านหลังนี้
เยเกอร์ใช้จมูกดันที่เท้าของเอเลน
เด็กหนุ่มหันไปลูบหัวเจ้าน้องชายก่อนจะวางนมและจัดจานอาหารเช้าให้กับมิคาสะ
นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ
“นี่เธอจะไปออกเดทกับเจ้าหน้าม้านั่นจริงๆ?”
มิคาสะรื้อตู้หยิบอาหารสุนัขของเยเกอร์
ก่อนจะจัดการหยิบชามที่มันคาบมาไปเทใส่ให้แล้ววางไว้ที่มุมอาหารเฉพาะของมันเอง
ทั้งยังไม่ลืมเทนมให้เพิ่มเติมเป็นพิเศษด้วย
“สวนสนุกนั่นก็น่าสนใจดี
เห็นว่ามีอีเว้นท์ของเรื่องผ่าภิภพไททันจัดแสดงอยู่ด้วย”
มิคาสะลูบหัวของเจ้าเยเกอร์ก่อนจะตบเบาๆอนุญาตให้มันทานอาหารของมันเองก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทานอาหาร
“มีสปอนเซอร์ทั้งทีไม่คว้าไว้ก็น่าเสียดาย”
เอเลนเทน้ำส้มใส่แก้วให้ตนเองแล้วเดินมานั่งอีกฝั่งของโต๊ะทานอาหารซึ่งมิคาสะเริ่มลงมือทานอาหารเช้าของตัวเองแล้ว
เด็กหนุ่มจ้องหน้าอีกฝ่าย คิ้วมนเริ่มขมวดขึ้นนิดๆ
“ไปแค่สองคนเธออาจเบื่อ”
“บัตรอีเว้นท์พิเศษนั่นมีแค่สองใบ
ดูตารางแล้วก็ไม่น่าจะน่าเบื่อนะ”
“เจ้าหมอนั่นสนใจเธออยู่รู้ใช่ไหม?”
“ถ้ายังมีตาเป็นใครก็ดูออกล่ะนะ”
“แล้วเธอสนใจแจน?”
“ถ้าให้บอกตามตรงฉันสนใจอีเว้นท์ผ่าพิภพไททันมากกว่า”
เอเลนใช้ส้อมเขี่ยอาหารตนหน้าของตัวเองไปมา
ถึงเป็นเพื่อนกัน และเขาก็สนิทกับทั้งคู๋ดี
แต่กับมิคาสะออกจะพิเศษเสียหน่อยเพราะถึงอย่างไรก็เป็นคนในครอบครัว
เขาจึงรู้สึกทั้งห่วงและหวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ยังไงก็ตามห้ามเธออยุ่กับหมอนั่นตามลำพัง
และห้ามกลับบ้านเกินหนึ่งทุ่มด้วย” เอเลนวางช้อนส้อมลง
ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะกินอาหารเช้าแล้วจึงได้แต่ดื่มน้ำผลไม้และกินขนมปังที่เหลืออีกแผ่นให้หมด
มิคาสะเงยหน้ามองเด็กหนุ่มพลางยกยิ้มขำ
เธอเข้าใจความรู้สึกของเอเลนดี เพราะความรู้สึกที่เธอมีต่อเอเลนและเอเลนมีต่อเธอนั้นไม่ต่างกันเท่าไร
มันคือความรู้สึกพิเศษของคนในครอบครัว โดยเฉพาะกับพวกเธอที่สนิทกันอย่างมากมาตั้งแต่เด็ก
“ช่วงฉันไม่อยู่นายจะได้มีเวลาส่วนตัวกับคนแก่ในช่วงวันหยุดไง”
มิคาสะเก็บจานดันไปให้เอเลน ถึงอย่างไรวันนี้งานทำความสะอาดบ้านก็เป็นของเด็กหนุ่ม
ดังนั้นเธอจึงคว้ากระเป๋าเป้พาดบ่าแล้วโบกมือลา “ไปล่ะ”
เอเลนเดินไปส่งมิคาสะถึงหน้าประตู
โดยมีเจ้าเยเกอร์ไปส่งตาม ทันทีที่ประตูปิดลงเอเลนหันมองหน้าเจ้าน้องชายของตัวเอง
“นายว่าปล่อยมิคาสะไปแบบนี้จะดีจริงๆใช่ไหม?”
เยเกอร์สะบัดหางให้เด็กหนุ่ม
“เจ้าหน้าม้านั่นก็เป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้
แต่ฉันก็ยังไม่วางใจ”
เยเกอร์เอียงคอมองพี่ชายของตนเอง
ทั้งยังเห่ารับ
ใบหน้ามนเริ่มคิ้วกระตุกถี่รัว
ทุกครั้งเป็นมิคาสะที่คอยเป็นฝ่ายห่วงเขาจนเขารำคาญ แต่พอสถานการณ์ตอนนี้กลับกัน
เขาเองเริ่มอยู่ไม่สุขเท่าไรแล้ว
“ให้ตายสิ
แบบนี้ไม่ได้การละ” เอเลนรีบเข้าครัวไปคว้าสิ่งของต่างๆก่อนจะหมุนตัวขึ้นไปชั้นสอง
ตึง ตึง ตึง
เสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสองโดยมีเจ้าหมาเยเกอร์ตามไปติดๆ
“คุณรีไว
ตื่นได้แล้วฮะ”
เอเลนกระโจนไปเขย่าชายหนุ่มที่ยังคงนอนหลับในวันหยุดให้ตื่น
เจ้าเยเกอร์เห็นดังนั้นจึงกระโจนเข้าไปช่วยปลุก
เจ้าหมาสองตัวหนึ่งใหญ๋หนึ่งเล็กต่างเขย่าและพัลวันกับการนอนหลับ
จนรีไวต้องยอมเลิ่กผ้าห่มที่คลุมตัวออก
นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งด้วยยังไม่ตื่นดีทั้งยังแผ่รังสีไอสังหารจนทำให้เจ้าสองหมานั่นต่างชะงัก
“พวกนายเข้าใจรึเปล่าว่าวันหยุดของพนักงานเงินเดือนมีค่าขขนาดไหน...”
เสียงแหบพร่าแฝงไอเย็นยะเยือกดังลอดออกมา
เจ้าเยเกอร์ชะงักก่อนจะกระโดดลงจากเตียงไปอยู่ข้างหลังเอเลนพี่ชายของมัน
“แต่วันนี้มันไม่ปกติ
รีบตื่นได้แล้วฮะเรามีเรื่องต้องทำนะ” แม้จะสะดุ้งที่เห็นสายตาของชายหนุ่ม
แต่เอเลนที่คุ้นชินกับรีไวมานานไหนเลยจะใส่ใจกับอาการของอีกฝ่ายด้วยรู้ดีว่าอย่างมากชายหนุ่มก็แค่ทำโทษให้เขาทำความสะอาดหรืออาหารเพิ่มขึ้นเท่านั้น
“เอเลี่ยนบุกโลก
หรือยัยสี่ตาวิปริตนั่นทดลองปล่อยขีปณาวุธหรือไง อุ๊บส์!”
ทันทีที่เอ่ยถามแซนวิซก็ถูกส่งเข้าปากชายหนุ่ม
เอเลนวางกาแฟไว้ให้ที่หัวเตียงก่อนจะจัดการไปรื้อตู้เสื้อผ้าหยิบชุดลำลองของอีกฝ่ายออกมา
“วันนี้หลานสาวคนเดียวของคุณไปออกเดทนะฮะ”
เอเลนจัดแจงวางเสื้อผ้าให้ชายหนุ่มทั้งยังเข้าห้องน้ำไปจัดการบีบยาสีฟันให้พร้อมก่อนจะยื่นส่งให้พร้อมแก้วน้ำสำหรับแปรงฟัน
รีไวขมวดคิ้วมุ่น
เขาเคี้ยวแซนวิซทั้งหมดกลืนลงไปก่อนจะดื่มกาแฟตาม
ได้ยินสิ่งที่เอเลนกล่าวชายหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย หลานสาวเขาไปเดท
แล้ว.... “นายจะทำอะไร?”
เอเลนดันหลังรีไวให้ลุกขึ้นก่อนจะจัดการพับเก็บที่นอนให้เรียบร้อย
เสียงใสตอบอย่างเสียงดังฟังชัด “แน่นอนว่าก็ต้องตามไปดูอยู่แล้วสิฮะ”
ใบหน้าซังกะตายมองเด็กหนุ่มอย่างเหม่อลอย
มือของชายหนุ่มดึงผ้านวมที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายก่อนจะตวัดคลุมลงไปนอนอีกครั้ง
“คุณรีไว
เราต้องตามไปนะฮะ ตื่นได้แล้ว!” เอเลนและเจ้าเยเกอร์ช่วยกันเขย่าชายหนุ่มอีกครั้ง
รีไวตวัดแขนรวบเจ้าตัวดีมาไว้ในอ้อมแขนโดยมีเจ้าเยเกอร์มุดตามเข้ามาในผ้านวม
“พวกนายนี่หนวกหูเสียจริง” รีไวซุกจมูกลงบนผมของเด็กหนุ่มในอ้อมกอด
กลิ่นแชมพูหอมอ่อนๆจากร่างที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นบ้าง
“นายควรจะเอาใจใส่ฉันมากกว่าการไปตามมิคาสะรึเปล่าเอเลน?”
เอเลนดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของชายหนุ่มก่อนจะเงยหน้าสบตามองอีกฝ่าย
ถึงจะเห็นอยู่ทุกวันแล้ว
แต่คุณรีไวที่เพิ่งตื่นยามเช้าทั้งยังผมยุ่งนิดๆนี่ดูเซ็กซี่เป็นบ้า ให้ตายสิเอเลน
ทั้งที่เป็นเรื่องที่เห็นอยู่ทุกวันแต่พอใจที่ตรงกันแล้วทำให้เรื่องธรรมดาที่มองในแต่ละวันเหมือนกับจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย
และนั่นทำให้เขาใจเต้นเล็กน้อยเสียด้วย
“ก็ผมเป็นห่วง”
รีไวมองสบกับนัยน์ตามีมรกตที่ช้อนมองขึ้นมา
ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะจูบลงบนผมสีน้ำตาลของอีกฝ่าย
ให้ตายเถอะเขาเลี้ยงเด็กนี้มาแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าเขาจะแพ้ทางเจ้าตัวดีนี้ตลอด
“นายไปเปลี่ยนชุดซะ อีก10นาทีเจอกันที่รถ”
วันที่ท้องฟ้าเจิดจ้า
ลมก็ช่างสงบ แสงอาทิตย์ก็ช่างรุนแรง ทั้งที่ทั้งหมดนี้เป็นวันที่เหมาะกับการนอนอู้อยู่บนเตียงในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ
พอสายก็ตื่นมาทานอาหารเช้าที่เจ้าหนูเอเลนทำไว้ ตอนบ่ายก็ทำความสะอาดและพักผ่อนอย่างสบายใจ
อ่านหนังสือหรือดูหนังสักเรื่อง และทั้งที่เป็นวันหยุด
แต่ทำไมวันหยุดอันแสนมีค่าของมนุษย์เงินเดือนอย่างเขาจะต้องมาตามเจ้าหลานสาวตัวดีที่วันนี้มีนัดออกเดทกัน...
“คุณรีไวได้ตั๋วแล้วฮะเข้าไปกันเถอะ”
รีไวมองเจ้าตัวดีที่ยิ้มหน้าระรื่นวิ่งตรงมาหาเขา
ชายหนุ่มขยับแว่นกันแดดบนใบหน้าพลางถอนหายใจ
ถึงยังไงเขาก็โกรธใบหน้าของเจ้าลูกหมานี่ไม่ลงจริงๆ
“แดดมันร้อนใส่หมวกซะ”
รีไวสวมหมวกแก๊ปให้กับอีกฝ่าย เอเลนขยับหมวกไปมาให้เข้าที่แล้วยิ้มตอบรับ
“ตอนนี้มีอีเว้นท์พิเศษจากผ่าพิภพไททันด้วยล่ะฮะ”
เอเลนโชว์ใบปลิวให้อีกฝ่ายดู นัยน์ตาสีมรกตทอเป็นประกายสดใส
ชายหนุ่มหยิกแก้มของเอเลนพลางหัวเราะขำ
“นำไปเลยเจ้าหนู”
เอเลนดึงแขนชายหนุ่มให้เดินตาม
ทั้งสองเดินไปค่อแถวในส่วนที่จัดแสดงโชว์ไททันต่างๆมากมาย
อีกทั้งเป็นอีเว้นท์ที่มีขึ้นพิเศษจึงทำให้มีมุมให้ได้ถ่ายรูปอยู่หลายจุด
เอเลนลากคุณอาของเขาไปตามจุดต่างๆทั้งสลับกันถ่ายภาพ ทั้งเซลฟี่ร่วมกัน
ตลอดวันสิ่งที่ได้ยินจะมีเพียง
“คุณรีไวเราเล่นไอนี้กัน”
“
ตรงนั้นมีรถไฟเหาะด้วยล่ะ”
“ไอเจ้าตัวนี้ปากกว้างชะมัด”
“ดูสิ ดูสิ
นี่มันหกสิบเมตรคุงยังไงล่ะ!!”
“ผมอยากถ่ายรูปกับเจ้าไททันเกราะบ้านั้น”
“คุณรีไว ดูสิ ดูสิ นี่หัวหน้าทหารสุดแกร่งล่ะ
ท่านหัวหน้าทหารล่ะ ผมตื่นเต้นจังเลย!!”
ตลอดการสนทนานั้นชายหนุ่มล้วนตอบรับอย่างไม่รู้สึกเบื้อหน่ายทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น
“อืม”
“นายเพิ่งกินข้าวไปตรงอื่นก่อนค่อยกลับมาเล่นเจ้านั่น”
“ตอนวิ่งหัดมองทางบ้างเอเลน”
“นายพักดื่มน้ำสักหน่อย”
“เหอะ”
“.....อืม.....”
โชคดีว่าแม้จะเป็นวันหยุดแต่เพราะยังไม่ใช่ช่วงปิดเทอม
สวนสนุกจึงมีคนไม่มากนักเครื่องเล่นและจุดต่างๆจึงไม่ต้องรอคิวนาน และทำให้ได้เล่นเครื่องเล่นและถ่ายรูปตามจุดต่างๆได้ครบทุกจุด
เพียงไม่นานแสงแดดที่สาดส่องก็เริ่มเบาบางลง
เอเลนรับน้ำอัดลมมาจากรีไวเด็กหนุ่มเปิดกระป๋องน้ำแล้วยกขึ้นดื่มดับกระหาย
“นายยังอยากไปดูอะไรอีกไหมเจ้าหนู?”
เอเลนคิดสักพักก่อนจะส่ายหัวไปมา
“ดี... ถ้าอย่างงั้นไปตามโปรแกรมของฉันต่อ”
รีไวตบลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่ม
เอเลนลุกจากม้านั่งเดินตามชายหนุ่มที่นำหน้าไปอีกฝั่งหนึ่งของสวนสนุกอย่างรวดเร็ว
กว่าจะรู้ตัวตอนนี้เขาก็มาอยู่ในรีสอร์ทที่พักของสวนสนุกแห่งนี้เสียแล้ว เอเลนกระพริบตาปริบๆนั่งอยู่บนโซฟาที่ตั้งกลางห้อง
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมร่างของรึไวที่สวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมา
“นายไปอาบน้ำซะเดี๋ยวฉันจะเรียนรูมเซอร์วิสสั่งอาหาร
มีอะไรที่อยากกินเป็นพิเศษไหม?”
“ผมเอาเหมือนคุณรีไวเลยก็ได้
ว่าแต่คุณจองห้องตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เอเลนหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมอาบน้ำที่วางไว้
“เห็นในโบร์ชัวร์ที่นายหยิบมาฉันเลยจองผ่านแอพพลิเคชั่นน่ะ
เพราะคิดว่าไหนๆก็อุตส่าห์มาแล้วทั้งทีและนายก็น่าจะชอบด้วย”
เอเลนพยักหน้ารับ
คุณรีไวของเขานี่รอบคอบเสมอจริงๆ
น้ำเย็นที่ไหลลงกระทบร่างโปร่งบางช่วยชำระความเหนื่อยล้าและเหงื่อร้อนของวันนี้ตลอดทั้งวัน
เด็กหนุ่มจัดการชำระร่างกายด้วยสบู่และแชมพู กลิ่นหอมของแชมพูในห้องน้ำทำให้เขารู้สึกสดชื่น
กลิ่นแบบนี้มิคาสะเองก็น่าจะชอบ...
เอ๊ะ....
มิคาสะ...
เออ ใช่ มิคาสะล่ะเฮ้ย!!
ปัง!!!
“คุณรีไว มิคาสะ!”
รีไวโยนผ้าเช็ดตัวอีกผืนลงบนผมของเด็กหนุ่มพอดีก่อนจะไปช่วยขยี้เช็ดหัวที่เปียกปอนนั่น
“ฉันเคยบอกแล้วไงว่าให้เช็ดผมก่อนออกจากห้องน้ำให้ดีๆน่ะ”
“ขอโทษฮะ... ไม่ใช่สิ มิคาสะล่ะครับ ผมลืมไปเลย!”
เพราะอีเว้นท์ผ่าพิภพไททันเป็นเรื่องที่เขาชอบอีกทั้งยังได้มากับคุณรีไว
เจตนารมแรกรเมจึงถูกกลบฝังเสียสนิท เขานี่มันบ๊องส์ตื้นจนน่าอดสูชะมัด!
รีไวเช็ดผมของอีกฝ่ายจนหมาดแล้วจึงปล่อยเจ้าตัวดีที่อยู่ไม่สุข
“ฉันโทรไปถามแล้ว
ยัยนั่นเปลี่ยนใจไปปีนเขาแทนน่าจะกลับมาพรุ่งนี้”
นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างกับคำตอบของชายหนุ่ม “ห๊ะ
ได้ไง เมื่อเช้า....” จะว่าไปชุดเมื่อเช้าที่มิคาสะใส่ก็ดูจะทะมัดทแมงเป็นพิเศษ
แล้วไหนจะเป้ใบใหญ่ที่เจ้าตัวแบกไปด้วยอีก
“อาหารมาแล้วนายจะกินเลยไหม?” รีไวช่วยจัดชุดคลุมอาบน้ำของเด็กหนุ่มให้เข้าที่
นัยน์ตาสีขี้เถ้าไล่ตามองตามหยดน้ำที่ไหลลงจากคางไปจนถึงกระดูกไหปลาร้าและหน้าท้องที่ขึ้นลอนอ่อนๆนั่น...
เด็กชายตัวน้อยของเขาโตแล้วจริงๆล่ะนะ
ชายหนุ่มสูดหายใจลึกก่อนจะกระชับเสื้อคลุมอีกฝ่าย
“มิคาสะ ไปปีนเขากับแจนสองคนทั้งยังค้างคืนด้วยเหรอฮะ! ไปปีนเขาที่ไหนกัน!”
เอเลนจัดการรื้อถุงของฝากที่ซื้อมาวันนี้
ถ้าเขาจำไม่ผิดเหมือนจะซื้อเสื้อและกางเกงใหม่มาด้วย
“ไม่ได้การเราควรรีบตามเจ้าพวกนั้นไป ว...เหวออออ”
รีไวอุ้มเจ้าตัวดีขึ้นก่อนจะจับโยนลงบนเตียง
แขนทั้งสองข้างวางขนาบกั้นทางหนี้ของเด็กหนุ่ม “นายห่วงตัวเองก่อนดีหว่าไหมเอเลน?”
เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ
“ผมอยู่กับคุณยังต้องห่วงเรื่องอะไรอีกหรอ?”
ให้ตายสิ
เขาควรดีใจกับความไว้วางใจของเจ้าหนูนี่ดี หรือควรร้องไห้ให้กับสถานะอา หลาน
ที่เลี้ยงดูเจ้าตัวดีนี่มาตลอดสิบกว่าปีนี่ดีกันล่ะ?
เพื่อเป็นการเปิดโลกและให้สมองของเด็กหนุ่งตรงหน้าแล่นเสียหน่อย
รีไวจัดการปิดปากช่างเจรจานั่นด้วยปากของเขา ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดไปตามโพรงปากหยอกเย้ากับลิ้นของอีกฝ่าย
เอเลนที่โดนจูบอย่างไม่ทันรู้ตัวแม้จะต่อต้านในตอนแรก
แต่เพียงไม่นานก็คล้อยตามการชักนำของคนมากประสบการณ์
“คิดว่าไงล่ะหืม?”
ใบหหน้าของชายหนุ่มที่ยกยิ้มอย่างมาดร้ายทำเอาเอเลนจ้องตาค้าง
กว่าที่สมองของเด็กหนุ่มจะประมวลผลทุกคำพูดของอีกฝ่ายเขาก็ถูกคนอายุมากกว่าจูบอีกครั้งทั้งยังรุนแรงกว่าเดิม
ร่างของเอเลนค่อยๆนอนราบลงบนที่นอนโดยมีอีกฝ่ายช่วยประคองลงอย่างนุ่มนวลทั้งยังไม่ยอมผละจากจูบที่หอมหวาน
กว่าริมผีปากทั้งคู่จะได้ผละออกจากกัน
เอเลนต้องหอบเอาอากาศหายใจเข้าใบหน้ามนขึ้นสีสุกปลั่งเป็นมะเขือเทศสุก
“อืม....
ดูว่านายก็ไม่ได้ใสซื่อเกินไปล่ะนะเอเลน”
ชายหนุ่มเลียริมฝีปากของอีกฝ่ายก่อนจะไล่ไปที่คางและต่ำลง สายรัดของเสื้อคลุมอาบน้ำถูกปลดออก
แม้อุณหภูมิในห้องจะเย็นแต่ตอนนี้บรรยากาศกลับชวนให้ร้อนรุ่มเสียมากกว่า
นอกหน้าต่างบานใหญ่ของห้องพักพระอาทิตย์ได้ลาลับแล้ว
แต่ทั่วทั้งสวนสนุกแห่งนี้ยังคงสว่างไสวและมีเสียงดนตรีของขบวนพาเหรดรอบสุดท้ายจากที่ไกลๆให้ได้ยินคลอผ่านเข้ามา
มิคาสะยืดหลังตัวเองคลายกล้ามเนื้อที่ตึงแน่นจากการปีนเขาขึ้นมาตลอดทั้งวัน
ส่วนแจนเองนั้นก็กำลังเตรียมก่อไฟเพื่อทำอาหารมื้อเย็น
“ทำไมอยู่ๆถึงอยากมาปีนเขาแทนล่ะ?”
คิดถึงทางทรหดแล้วส่วนใหญ๋มิคาสะเป็นฝ่ายลากเขาขึ้นมาก็รู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง
แต่ก็ยังดีกว่าโดนทิ้งไว้ที่กลางทางนั่นแหละ
มิคาสะเทน้ำลงในหม้อก่อนจะจัดการเตรียมบีหมี่
เครื่องปรุง อาหารสำเร็จรูปบางส่วนออกมาจากกระเป๋าเป้
“ก็แค่คิดว่าการขยับก้าวพัฒนาไปอีกก็น่าจะดี”
แจนเลิ่กคิ้วมองอย่างสงสัย
เขารู้สึกว่าในประโยคนั่นเหมือนมีบางอย่างแต่ก็ไม่เข้ใจว่าคืออะไร
ถึงยังไงตอนนี้เขาก็ได้มาเดทกับมิคาสะนั่นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว
แจนมองสำรวจไปรอบๆ
จุดที่พวกเขาตั้งแคมป์พักอยู่ในจุดชมวิวทัศนียภาพเรียกได้ว่าไม่เลว
อีกทั้งวันนี้ฟ้ายังเปิดดวงดาวต่างทอประกายจนเต็มน่านฟ้า
ราวกับถูกห่มด้วยม่านราตรีประกายแสง
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะยอมมาด้วยแบบนี้”
แจนเกาแก้มตัวเองอย่างเก้อเขิน
แม้จะเหนื่อยและมีเรื่องทุลักทุเลมากมายแต่วันนี้สิ่งที่มีมากกว่าคือความประหม่าที่ได้อยู่กับอีกฝ่ายตามลำพัง
มิคาสะมองอีกฝ่ายพลางยกยิ้ม
เธอเองก็รู้จักแจนมาหลายปี แม้จะมีส่วนที่เรียกได้ว่าน่ารำคาญแต่นับว่าคนนี้เป็นคนที่ดีคนหนึ่ง
“ตอนเด็กๆ คุณอามักจะพาฉันกับเอเลนออกไปตั้งแคมป์และดูดาวอยู่บ่อย”
ถึงแม้จะมีเรื่องทะเลาะกัน แต่ว่าสิ่งที่รับรู้ได้ก็คือพวกเราต่างเป็นครอบครัว
แต่สำหรับเอเลนคุณอาของเธอเป็นอะไรที่พิเศษกว่านั้นซึ่งเธอเองก็รู้และเข้าใจมานาน
“จะว่าตอนนั้นก็เจอหมีด้วยล่ะนะ...
ตอนนั้นเจ้าอาเตี้ยของฉันจัดการไล่ไปได้ด้วยตัวคนเดียว
ถ้าเป็นตอนนี้ฉันอาจล้มหมีกลับไปเป็นของฝากสองคนนั้นได้ก็ได้”
แจนถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงหมี
แต่ที่รู้สึกหวาดผวากว่านั้นคือการที่เด็กสาวตรงหน้าต้องการลองล้มหมีด้วยตัวเองดู
ในใจลึกๆเขาเองก็รู้สึกด้วยว่าเรื่องนี้อีกฝ่ายน่าจะทำสำเร็จ
มิคาสะเห็นปฏิกิริยาของแจนแล้วก็”ด้แต่แอบหัวเราะ
เอเลนของเธอคิดมากไปจริงๆ ถ้ากลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเธอกับแจน
สิ่งที่เอเลนควรห่วงอาจเป็นแจนมากกว่าไม่ใช่เธอ มิคาสะเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้าอีกครั้ง
บางทีเธอก็แอบคิดลึกๆในใจว่าการที่เอเลนและคุณอาของเธอลงเอยกันนั่นเป็นผลดีต่อเธอเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้เอเลนก็ยังคงอยุ๋กับเธอตลอดไปอ่า...ที่น่าปวดหัวหน่อยคงเป็นเรื่องสถานะ
เอเลนจะขึ้นมาเป็นอาสะใภ้ของเธอก็คงไม่เหมาะกระมัง... แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคตที่พวกเราจะเดินไปด้วยกันอยู่ดี
“มิคาสะอาหารเสร็จแล้วรีบมากินเถอะ”
มิคาสะหันไปตามเสียงเรียกมองเด็กหนุ่มที่กำลังตักอาหารใส่ชามให้เธอ
ทั้งยังพยายามเลือกแต่ชิ้นเนื้อให้อย่างพิถีพิถัน
ทั้งยังรินน้ำและจัดแจงวางทุกอย่างโดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ เด็กสาวส่ายศรีษะไปมาเบาๆก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างแจนแล้วคีบเนื้อที่มีมากเกินไปในชามของเธอออกให้อีกฝ่ายอย่างใส่ใจ
“ใช่ครับพี่
ตอนนี้ผมกับไมค์มาให้อาหารเจ้าเยเกอร์แทนแล้วล่ะ” เอลวิน
ลูบหัวเจ้าเยเกอร์พลางตอบบทสนทนาจากอีกฝั่ง
[เจ้าพวกนั้นก็ไม่ไหวเอาเสียเลย] เสียงหญิงสาวถอนหายใจผ่านสาย ถ้าวันนี้เธอไม่โทรไปหาลูกสาวของเธอ
ดูท่าเจ้าเยเกอร์คงได้หิ้วท้องรอเจ้าพวกคนไร้ความรับผิดชอบพวกนั้น
“ที่จริงรีไวเขาส่งข้อความมาฝากให้ผมจัดการอยู่แล้ว
อีกอย่างเยเกอร์เองก็รู้จักวิธีใช้ที่ให้อาหารอัตโนมัติด้วยนะครับ”
เอลวินอดแก้ต่างให้เพื่อนตนเองไม่ได้ ถึงอย่างไรก่อนจะออกไปเหมือนว่ารีไวจัดการเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
“ว่าแต่พี่ครับเรื่องของรีไวกับเอเลน...”
เสียงหัวเราะที่ปลายสายดังขึ้นมาก่อนน้ำเสียงสดใสของหญิงสาวจะเอ่ย
[ฉันก็หวังว่าเอเลนจะไม่ฟ้องข้อหาพรากผู้เยาว์กับเจ้านั่นล่ะนะ
อีกอย่างขอแค่ต่างมีความสุขกันแบบนี้ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ
แต่อาจต้องไปขอโทษคาร่าที่หลุมศพเสียหน่อยล่ะนะที่น้องชายฉันทำลูกชายเขาเสียคนน่ะ]
เอลวินถอนหายใจ
การที่มีผู้คนรอบตัวคอยซํพพอร์ตและสนับสนุนแบบนี้ไม่ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรทั้งสองคนนั้นคงไม่เป็นไรแน่นอน
“พี่เองก็เหมือนไม่แปลกใจกับเรื่องทั้งสองคนเท่าไหร่นะครับ”
[อืม... จะว่าอย่างไรดีล่ะ
มันเป็นลางสังหรณ์ของผู้หญิงและในฐานะพี่สาวล่ะมั้ง
จะว่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ฉันรู้สึกว่าบรรยากาศของทั้งสองคนแปลกไป
แต่ดูเหมือนคนรู้ตัวก่อนจะเป็นเอเลน เจ้าน้องชายฉันบางทีก็ทึ่มใช้ได้เลย
แต่ว่าก็ดีแล้วล่ะนะ]
เพราะที่จริงแล้วคนคนนั้นขี้เหงายังไงล่ะ
แต่เดิมที่เธออยากให้รีไวรับเลี้ยงเอเลนก็เพราะว่าร็สึกหลายครั้งชายหนุ่มดูว่างเปล่า
แม้จะไม่มีปัญหาในเรื่องปฏิสัมพันธ์กับผู้คนหรือการดำเนินชีวิตเท่าไร
แต่หลายครั้งเขาร็สึกว่ารีไวน้องชายของเธอยังไม่พบที่อยู่ของตนเอง แต่ตั้งแต่ที่รีไวรับเลี้ยงเอเลนให้เธอ
เธอก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศและความรู้สึกรอบตัวของน้องชายเธอนั้นเปลี่ยนไป
รวมถึงเอเลนเด็กที่ปิดใจคนนั้นด้วย
“ที่พี่บอกว่ารีไวทึ่มนี่ผมเข้าใจเลยล่ะครับ ฮ่า
ฮ่า” เอลวินหัวเราะขำพลางจัดการตรวจเช็คทุกอย่างในบ้านของรีไวว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
“เดี๋ยวผมจะพาเจ้าเยเกอร์กลับไปบ้านด้วย
พี่ไม่ต้องบอกเจ้าพวกนั่นนะต้องให้รู้จักสำนึกกันเสียบ้าง”
ปลายสายหัวเราะตอบรับคำก่อนจะจัดการวางสายจบบทสนทนา
เอวินอุ้มเจ้าเยเกอร์ขึ้นรถ
โดยมีไมค์หอมหิ้วเอาอาหาร จาน ชาม และอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงตามติดมาด้วย
“เยเกอร์ตอนนี้พี่ชายนายต้องกำลังมีความสุขจนลืมนายแน่ๆถ้าไงไปอยู่เล่นที่สวนบ้านฉันสักอาทิตย์ละกันนะ”
“โฮ่ง!” เจ้าเยเกอร์ขานรับ
ทั้งยังเอาหัวเข้าไปถูไปที่อกอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน พื้นที่สวนของบ้าน เอลวิน สมิธ
ใหญ่โตมาก และมันจะได้มีความสุขกับการวิ่งเล่น ขุดดิน และลงไปจับปลาในบ่อน้ำอย่างที่ไม่มีใครดุได้ด้วย
“ถ้านายชอบเจ้านี่ขนาดนั้นก็ยึดเลยสิ”
ไมค์สนับสนุนเมื่อเห็นท่าทางของทั้งเยเกอร์และเอลวินที่ต่างก็รักใคร่กลมเกลียวกัน
“รีไวนี่ช่างเถอะ
แต่ฉันทนสายตาของเอเลนที่จะมองอย่างน่าสงสารไม่ได้น่ะสิ” ถึงอย่างไรก็เป็นเด็กที่เขาช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กล่ะนะ
จริงๆแค่เอเลนเอยปากขออะไรนิดหน่อยทุกคนในบริษัท
รวมทั้งตัวเขาต่างก็พร้อมจะยกให้หมดแล้ว แต่เอเลนกลับไม่เคยร้องขออะไรมากมาย
นั่นทำให้เขาทั้งเอ็นดูและอยากเอาใจเด็กน้อยคนนั้น
ไมค์พยักหน้ารับก่อนจะจัดการปิดบ้านและตรวจเช็คทุกอย่างเรียบร้อย
รถมาเซราติกจึงได้ออกจากรั้วบ้านไปท่ามกลางราตรีที่แสนสงบสุข
“นายจะไสหัสออกจากผ้านวมแล้วมานั่งทานข้าวได้รึยังเอเลน?”
รีไวมองก้อนผ้านวมที่ห่อเด็กหนุ่มจนเป็นชูชิโรลพลางส่ายศรีษะไปมา
เอเลนเอาหัวลอดออกมาจากช่องผ้านวม
นัยน์ตาสีมรกตฉายแววตัดพ้อต่อชายหนุ่ม “ทำไม่ทำล่ะครับ” ทั้งที่เขาเตรียมใจแล้วแท้ๆแต่พวกเขาก็ยังไปไม่ถึงขั้นสุดท้ายอยู่ดี
รีไวดีดหน้าผากของเด็กหนุ่มที่โผล่พ้นออกมา
“ฉันยังไม่อยากโดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกนะ”
“ผมสัญญาว่าจะไม่ฟ้องนะฮะ”
เอเลนตวัดผ้านวมลุกขึ้นนั่งบนเตียงพลางเอามือลูบหน้าผากที่ถูกดีด
รีไวพยายามกลั้นขำจนรู้สึกไหล่ตัวเองสั่นไหว
ให้ตายสิ...นี่เขาพลาดโอกาสดีๆไปแล้วใช่ไหมเนี่ย...
ชายหนุ่มวางมือลงบนผมสีน้ำตาลของอีกฝ่ายลูบไปมาก่อนจะจับเจ้าตัวดีที่กำลังจะทำเขาตบะแตกเข้ามาฟัดแล้วหอมฟอดใหญ่
“ช่วยเหลือศีลธรรมในใจให้กับความที่ฉันเลี้ยงดูนายมาหน่อยเถอะ
อย่างน้อยก็แค่รอจนนายเข้ามหาลัยอีกใน2ปีนี้ล่ะนะ”
เอเลนพองลมในแก้มอย่างไม่พอใจ
แต่เอาเถอะก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสตรบใดที่ยังอยู่ด้วยกันแบบนี้
เอเลนหันตัวมองหน้าอีกฝ่าย
เด็กหนุ่มยกแขนกอดรีไวตอบพลางซุกใบหน้าลงกับซอกคอพร้อมถูเบาๆอย่างออดอ้อน
“คุณรีไวผมรักคุณ รัก รัก รัก รักมากเลย
ไม่ว่าจะบอกยังไงก็ยังรู้สึกไม่พอเสียที”
รีไวหันจูบผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มอ้อมแขนของชายหนุ่มกระชับให้แน่นขึ้นพลางลูบหลังเปลือยเปล่าที่มีรอบตีตราจากเขาไปมาด้วยความรักใคร่
“ฉันเองก็รักนายเหมือนกันเอเลน”
เด็กหนุ่มสะดุ้งเล้กน้อยกับคำบอกรักที่ทั้งหวานละมุนละเต็มตื้นในอกซาย
ม่านน้ำคลอที่นัยน์ตาสีมรกต
รีไวรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ไหล่จึงดันเด็กหนุ่มออกเล็กน้อย
แล้วใช้มือช่วยปาดน้ำตาบนใบหน้าของอีกฝ่าย
“ฉันทำนายเจ็บเหรอ?”
เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา “ผมมีความสุข
มีความสุขมากต่างหากล่ะฮะ”
รีไวยกยิ้มบาง
ชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ใช้จุมพิตซับน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
ขอเพียงมีแค่คนตรงหน้าและอ้อมกอดของกันและกันเช่นนี้
ไม่ว่าหนทางจะเป็นอย่างไรเขาก็ขอประคองและดูแลอ้อมกอดนี้ไม่ว่าจะเป็นเมื่อตอนเด็กน้อยผู้นี้จะอายุ
5 ขวบ 15 20 35 หรือมากกว่านั้น ตราบใดที่เด็กน้อยคนนี้ของเขาต้องการเขาก็จะไม่ยอมผล่อยอ้อมกอดนี้ให้หลุดหายไป
ความคิดของทั้งสองต่างตรงกันโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ย
ไม่ว่าต่อไปคุณจะอายุเท่าไร เด็กกว่านี้ แก่กว่านี้
หรือวันหนึ่งอาจไม่ดูดีเท่าตอนนี้แล้ว อาจเป็นเพียงชายแก่ขี้โวยวายน่ารำคาญคนหนึ่ง
หรือเป็นคนหนุ่มที่มุทะลุจนเกินตัว
ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรสิ่งที่มั่นใจได้คืออ้อมกอดนี้จะมีไว้เพื่อกันและกันเสมอไป
Final:
จบแล้ว ปิดไฟแล้วค่ะ
ที่จริงมันควรจบตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่พอดีที่บ้านซ๋อมบ้านทั้งเดือนเลย
แล้วเป็นประเภทมีเสียงดังๆแล้วไม่สามารถตั้งสมาธิเขียนงานได้
เลยดองจนซ๋อมบ้านเสร็จแล้วมาจัดการผิดไหเสียทีค่ะ
การเดินทางของเด็กน้อยสิ้นสุดแล้ว ตอนที่พิมพ์ไปอยู่นี้ก็คิดว่า จบแล้วสินะ
จบจริงๆเหรอ เด็กน้อยของฉันเติบโตแล้ว มีความสุขมากๆเลยนะ แบบนี้เลยค่ะ ฮาๆ
อย่างที่เคยบอกไปว่าที่ตริงเรื่องนี้ตั้งใจเป็นเรื่องสั้น(?)
สั้นมาก 15 ตอน .... แล้วเบสคือฟิลล์กู๊ดส์ เลยไม่มีดราม่าจริงจังค่ะ เพราะว่าตั้งใจให้เป็นฟิคแนวเยียวยามากกว่า
อยากให้ดูละมุน เด็กน้อยน่ารัก และความสัมพันธ์ที่อบอุ่นน่ะค่ะ อุ่นๆเลย NC ยังไม่มีฮา
ขอขอบคุณอาจารย์ อิซายามะ กับมหากาพย์เรื่องนี้จริงๆค่ะ
ในที่สุดก็มาถึงตอนจบของเรื่องผ่าพิภพไททันฉบับออริจินัล ทั้งใจหาย ตื่นตันและเต็มอิ่มมาก
เรื่องนี้ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจในหลายๆอย่างจนกระทั่งมาเขียนแฟนฟิคมากมายเหล่านี้ด้วย
ขอขอบคุณกับความลำบาก แรงสร้างสรรค์ของอาจารย์ที่ก่อให้เกิดแรงผลักดันมากมายค่ะ
และอีกครั้งค่ะขอขอบคุณทุกท่านที่เดินทางมาด้วยกันจนถึงตอนนี้
หวังว่าเด็กน้อยเอเลนจะอยู่ในใจและเป็นอีกฟิคหนึ่งที่ทุกท่านระลึกถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้ว
ถ้าเป็นได้เช่นนั้นจะดีใจมากๆเลยค่ะ
ปล. Fan Fic. Last Memory ใกล้ปิดรอบให้จองแล้วนะคะใครอยากได้รีบสั่งนะคะ
เพราะไม่มีสต็อกเผื่อและไม่มีพิมพ์เพิ่มใดๆอีกแล้วค่ะ สามารถสั่งจองด้ที่เพจเลยนะคะ
ด้วยรักและขอบคุณสำหรับการสนับสนุนที่ดีตลอดมา
Trendy Blood
เย้ ในที่สุด ขอบคุณที่แต่งนะคะสนุกมาก������
ตอบลบ