วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love: Final Lesson

 

Attack On Titan Fan fic.: Lessons of love

Pairing: (LevixEren)

Story By: Trendy Blood

…………………………………………………………………………

Lesson 15: Final


            เยเกอร์คาบชามที่ว่างเปล่ามาวางไว้ในห้องครัวที่ประจำ สุนัขตัวน้อยที่เติบโตมาพร้อมเอเลนตอนนี้เรียกได้ว่าอายุมากแล้ว แต่เยเกอร์ผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายของเอเลน ยังคงสดใสร่างเริงและสุขภาพดี อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่ของทุกคนในบ้านหลังนี้ เยเกอร์ใช้จมูกดันที่เท้าของเอเลน เด็กหนุ่มหันไปลูบหัวเจ้าน้องชายก่อนจะวางนมและจัดจานอาหารเช้าให้กับมิคาสะ นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ

            “นี่เธอจะไปออกเดทกับเจ้าหน้าม้านั่นจริงๆ?”

            มิคาสะรื้อตู้หยิบอาหารสุนัขของเยเกอร์ ก่อนจะจัดการหยิบชามที่มันคาบมาไปเทใส่ให้แล้ววางไว้ที่มุมอาหารเฉพาะของมันเอง ทั้งยังไม่ลืมเทนมให้เพิ่มเติมเป็นพิเศษด้วย

            “สวนสนุกนั่นก็น่าสนใจดี เห็นว่ามีอีเว้นท์ของเรื่องผ่าภิภพไททันจัดแสดงอยู่ด้วย” มิคาสะลูบหัวของเจ้าเยเกอร์ก่อนจะตบเบาๆอนุญาตให้มันทานอาหารของมันเองก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะทานอาหาร “มีสปอนเซอร์ทั้งทีไม่คว้าไว้ก็น่าเสียดาย”

            เอเลนเทน้ำส้มใส่แก้วให้ตนเองแล้วเดินมานั่งอีกฝั่งของโต๊ะทานอาหารซึ่งมิคาสะเริ่มลงมือทานอาหารเช้าของตัวเองแล้ว เด็กหนุ่มจ้องหน้าอีกฝ่าย คิ้วมนเริ่มขมวดขึ้นนิดๆ

            “ไปแค่สองคนเธออาจเบื่อ”

            “บัตรอีเว้นท์พิเศษนั่นมีแค่สองใบ ดูตารางแล้วก็ไม่น่าจะน่าเบื่อนะ”

            “เจ้าหมอนั่นสนใจเธออยู่รู้ใช่ไหม?”

            “ถ้ายังมีตาเป็นใครก็ดูออกล่ะนะ”

            “แล้วเธอสนใจแจน?”

            “ถ้าให้บอกตามตรงฉันสนใจอีเว้นท์ผ่าพิภพไททันมากกว่า”

            เอเลนใช้ส้อมเขี่ยอาหารตนหน้าของตัวเองไปมา ถึงเป็นเพื่อนกัน และเขาก็สนิทกับทั้งคู๋ดี แต่กับมิคาสะออกจะพิเศษเสียหน่อยเพราะถึงอย่างไรก็เป็นคนในครอบครัว เขาจึงรู้สึกทั้งห่วงและหวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

            “ยังไงก็ตามห้ามเธออยุ่กับหมอนั่นตามลำพัง และห้ามกลับบ้านเกินหนึ่งทุ่มด้วย” เอเลนวางช้อนส้อมลง ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะกินอาหารเช้าแล้วจึงได้แต่ดื่มน้ำผลไม้และกินขนมปังที่เหลืออีกแผ่นให้หมด

            มิคาสะเงยหน้ามองเด็กหนุ่มพลางยกยิ้มขำ เธอเข้าใจความรู้สึกของเอเลนดี เพราะความรู้สึกที่เธอมีต่อเอเลนและเอเลนมีต่อเธอนั้นไม่ต่างกันเท่าไร มันคือความรู้สึกพิเศษของคนในครอบครัว โดยเฉพาะกับพวกเธอที่สนิทกันอย่างมากมาตั้งแต่เด็ก

            “ช่วงฉันไม่อยู่นายจะได้มีเวลาส่วนตัวกับคนแก่ในช่วงวันหยุดไง” มิคาสะเก็บจานดันไปให้เอเลน ถึงอย่างไรวันนี้งานทำความสะอาดบ้านก็เป็นของเด็กหนุ่ม ดังนั้นเธอจึงคว้ากระเป๋าเป้พาดบ่าแล้วโบกมือลา “ไปล่ะ”

            เอเลนเดินไปส่งมิคาสะถึงหน้าประตู โดยมีเจ้าเยเกอร์ไปส่งตาม ทันทีที่ประตูปิดลงเอเลนหันมองหน้าเจ้าน้องชายของตัวเอง

            “นายว่าปล่อยมิคาสะไปแบบนี้จะดีจริงๆใช่ไหม?”

            เยเกอร์สะบัดหางให้เด็กหนุ่ม

            “เจ้าหน้าม้านั่นก็เป็นเพื่อนที่ไว้ใจได้ แต่ฉันก็ยังไม่วางใจ”

            เยเกอร์เอียงคอมองพี่ชายของตนเอง ทั้งยังเห่ารับ

            ใบหน้ามนเริ่มคิ้วกระตุกถี่รัว ทุกครั้งเป็นมิคาสะที่คอยเป็นฝ่ายห่วงเขาจนเขารำคาญ แต่พอสถานการณ์ตอนนี้กลับกัน เขาเองเริ่มอยู่ไม่สุขเท่าไรแล้ว

            “ให้ตายสิ แบบนี้ไม่ได้การละ” เอเลนรีบเข้าครัวไปคว้าสิ่งของต่างๆก่อนจะหมุนตัวขึ้นไปชั้นสอง

            ตึง ตึง ตึง

            เสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสองโดยมีเจ้าหมาเยเกอร์ตามไปติดๆ

            “คุณรีไว ตื่นได้แล้วฮะ”

            เอเลนกระโจนไปเขย่าชายหนุ่มที่ยังคงนอนหลับในวันหยุดให้ตื่น เจ้าเยเกอร์เห็นดังนั้นจึงกระโจนเข้าไปช่วยปลุก เจ้าหมาสองตัวหนึ่งใหญ๋หนึ่งเล็กต่างเขย่าและพัลวันกับการนอนหลับ จนรีไวต้องยอมเลิ่กผ้าห่มที่คลุมตัวออก นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องเขม็งด้วยยังไม่ตื่นดีทั้งยังแผ่รังสีไอสังหารจนทำให้เจ้าสองหมานั่นต่างชะงัก

            “พวกนายเข้าใจรึเปล่าว่าวันหยุดของพนักงานเงินเดือนมีค่าขขนาดไหน...” เสียงแหบพร่าแฝงไอเย็นยะเยือกดังลอดออกมา เจ้าเยเกอร์ชะงักก่อนจะกระโดดลงจากเตียงไปอยู่ข้างหลังเอเลนพี่ชายของมัน

            “แต่วันนี้มันไม่ปกติ รีบตื่นได้แล้วฮะเรามีเรื่องต้องทำนะ” แม้จะสะดุ้งที่เห็นสายตาของชายหนุ่ม แต่เอเลนที่คุ้นชินกับรีไวมานานไหนเลยจะใส่ใจกับอาการของอีกฝ่ายด้วยรู้ดีว่าอย่างมากชายหนุ่มก็แค่ทำโทษให้เขาทำความสะอาดหรืออาหารเพิ่มขึ้นเท่านั้น

            “เอเลี่ยนบุกโลก หรือยัยสี่ตาวิปริตนั่นทดลองปล่อยขีปณาวุธหรือไง อุ๊บส์!” ทันทีที่เอ่ยถามแซนวิซก็ถูกส่งเข้าปากชายหนุ่ม เอเลนวางกาแฟไว้ให้ที่หัวเตียงก่อนจะจัดการไปรื้อตู้เสื้อผ้าหยิบชุดลำลองของอีกฝ่ายออกมา

            “วันนี้หลานสาวคนเดียวของคุณไปออกเดทนะฮะ” เอเลนจัดแจงวางเสื้อผ้าให้ชายหนุ่มทั้งยังเข้าห้องน้ำไปจัดการบีบยาสีฟันให้พร้อมก่อนจะยื่นส่งให้พร้อมแก้วน้ำสำหรับแปรงฟัน

            รีไวขมวดคิ้วมุ่น เขาเคี้ยวแซนวิซทั้งหมดกลืนลงไปก่อนจะดื่มกาแฟตาม ได้ยินสิ่งที่เอเลนกล่าวชายหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย หลานสาวเขาไปเดท แล้ว.... “นายจะทำอะไร?”

            เอเลนดันหลังรีไวให้ลุกขึ้นก่อนจะจัดการพับเก็บที่นอนให้เรียบร้อย เสียงใสตอบอย่างเสียงดังฟังชัด “แน่นอนว่าก็ต้องตามไปดูอยู่แล้วสิฮะ”

            ใบหน้าซังกะตายมองเด็กหนุ่มอย่างเหม่อลอย มือของชายหนุ่มดึงผ้านวมที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายก่อนจะตวัดคลุมลงไปนอนอีกครั้ง

            “คุณรีไว เราต้องตามไปนะฮะ ตื่นได้แล้ว! เอเลนและเจ้าเยเกอร์ช่วยกันเขย่าชายหนุ่มอีกครั้ง

            รีไวตวัดแขนรวบเจ้าตัวดีมาไว้ในอ้อมแขนโดยมีเจ้าเยเกอร์มุดตามเข้ามาในผ้านวม “พวกนายนี่หนวกหูเสียจริง” รีไวซุกจมูกลงบนผมของเด็กหนุ่มในอ้อมกอด กลิ่นแชมพูหอมอ่อนๆจากร่างที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นบ้าง “นายควรจะเอาใจใส่ฉันมากกว่าการไปตามมิคาสะรึเปล่าเอเลน?”

            เอเลนดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของชายหนุ่มก่อนจะเงยหน้าสบตามองอีกฝ่าย ถึงจะเห็นอยู่ทุกวันแล้ว แต่คุณรีไวที่เพิ่งตื่นยามเช้าทั้งยังผมยุ่งนิดๆนี่ดูเซ็กซี่เป็นบ้า ให้ตายสิเอเลน ทั้งที่เป็นเรื่องที่เห็นอยู่ทุกวันแต่พอใจที่ตรงกันแล้วทำให้เรื่องธรรมดาที่มองในแต่ละวันเหมือนกับจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย และนั่นทำให้เขาใจเต้นเล็กน้อยเสียด้วย

            “ก็ผมเป็นห่วง”

            รีไวมองสบกับนัยน์ตามีมรกตที่ช้อนมองขึ้นมา ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะจูบลงบนผมสีน้ำตาลของอีกฝ่าย ให้ตายเถอะเขาเลี้ยงเด็กนี้มาแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าเขาจะแพ้ทางเจ้าตัวดีนี้ตลอด “นายไปเปลี่ยนชุดซะ อีก10นาทีเจอกันที่รถ”

 

            วันที่ท้องฟ้าเจิดจ้า ลมก็ช่างสงบ แสงอาทิตย์ก็ช่างรุนแรง ทั้งที่ทั้งหมดนี้เป็นวันที่เหมาะกับการนอนอู้อยู่บนเตียงในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ พอสายก็ตื่นมาทานอาหารเช้าที่เจ้าหนูเอเลนทำไว้ ตอนบ่ายก็ทำความสะอาดและพักผ่อนอย่างสบายใจ อ่านหนังสือหรือดูหนังสักเรื่อง และทั้งที่เป็นวันหยุด แต่ทำไมวันหยุดอันแสนมีค่าของมนุษย์เงินเดือนอย่างเขาจะต้องมาตามเจ้าหลานสาวตัวดีที่วันนี้มีนัดออกเดทกัน...

            “คุณรีไวได้ตั๋วแล้วฮะเข้าไปกันเถอะ”

            รีไวมองเจ้าตัวดีที่ยิ้มหน้าระรื่นวิ่งตรงมาหาเขา ชายหนุ่มขยับแว่นกันแดดบนใบหน้าพลางถอนหายใจ ถึงยังไงเขาก็โกรธใบหน้าของเจ้าลูกหมานี่ไม่ลงจริงๆ

            “แดดมันร้อนใส่หมวกซะ” รีไวสวมหมวกแก๊ปให้กับอีกฝ่าย เอเลนขยับหมวกไปมาให้เข้าที่แล้วยิ้มตอบรับ

            “ตอนนี้มีอีเว้นท์พิเศษจากผ่าพิภพไททันด้วยล่ะฮะ” เอเลนโชว์ใบปลิวให้อีกฝ่ายดู นัยน์ตาสีมรกตทอเป็นประกายสดใส

            ชายหนุ่มหยิกแก้มของเอเลนพลางหัวเราะขำ “นำไปเลยเจ้าหนู”

            เอเลนดึงแขนชายหนุ่มให้เดินตาม ทั้งสองเดินไปค่อแถวในส่วนที่จัดแสดงโชว์ไททันต่างๆมากมาย อีกทั้งเป็นอีเว้นท์ที่มีขึ้นพิเศษจึงทำให้มีมุมให้ได้ถ่ายรูปอยู่หลายจุด เอเลนลากคุณอาของเขาไปตามจุดต่างๆทั้งสลับกันถ่ายภาพ ทั้งเซลฟี่ร่วมกัน ตลอดวันสิ่งที่ได้ยินจะมีเพียง

“คุณรีไวเราเล่นไอนี้กัน”

“ ตรงนั้นมีรถไฟเหาะด้วยล่ะ”

“ไอเจ้าตัวนี้ปากกว้างชะมัด”

“ดูสิ ดูสิ นี่มันหกสิบเมตรคุงยังไงล่ะ!!

“ผมอยากถ่ายรูปกับเจ้าไททันเกราะบ้านั้น”

“คุณรีไว ดูสิ ดูสิ นี่หัวหน้าทหารสุดแกร่งล่ะ ท่านหัวหน้าทหารล่ะ ผมตื่นเต้นจังเลย!!

ตลอดการสนทนานั้นชายหนุ่มล้วนตอบรับอย่างไม่รู้สึกเบื้อหน่ายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น

“อืม”

“นายเพิ่งกินข้าวไปตรงอื่นก่อนค่อยกลับมาเล่นเจ้านั่น”

“ตอนวิ่งหัดมองทางบ้างเอเลน”

“นายพักดื่มน้ำสักหน่อย”

“เหอะ”

“.....อืม.....”

 โชคดีว่าแม้จะเป็นวันหยุดแต่เพราะยังไม่ใช่ช่วงปิดเทอม สวนสนุกจึงมีคนไม่มากนักเครื่องเล่นและจุดต่างๆจึงไม่ต้องรอคิวนาน และทำให้ได้เล่นเครื่องเล่นและถ่ายรูปตามจุดต่างๆได้ครบทุกจุด เพียงไม่นานแสงแดดที่สาดส่องก็เริ่มเบาบางลง เอเลนรับน้ำอัดลมมาจากรีไวเด็กหนุ่มเปิดกระป๋องน้ำแล้วยกขึ้นดื่มดับกระหาย

“นายยังอยากไปดูอะไรอีกไหมเจ้าหนู?”

เอเลนคิดสักพักก่อนจะส่ายหัวไปมา

“ดี... ถ้าอย่างงั้นไปตามโปรแกรมของฉันต่อ” รีไวตบลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่ม

เอเลนลุกจากม้านั่งเดินตามชายหนุ่มที่นำหน้าไปอีกฝั่งหนึ่งของสวนสนุกอย่างรวดเร็ว กว่าจะรู้ตัวตอนนี้เขาก็มาอยู่ในรีสอร์ทที่พักของสวนสนุกแห่งนี้เสียแล้ว เอเลนกระพริบตาปริบๆนั่งอยู่บนโซฟาที่ตั้งกลางห้อง

เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมร่างของรึไวที่สวมเพียงชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมา

“นายไปอาบน้ำซะเดี๋ยวฉันจะเรียนรูมเซอร์วิสสั่งอาหาร มีอะไรที่อยากกินเป็นพิเศษไหม?”

“ผมเอาเหมือนคุณรีไวเลยก็ได้ ว่าแต่คุณจองห้องตั้งแต่เมื่อไหร่?” เอเลนหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมอาบน้ำที่วางไว้

“เห็นในโบร์ชัวร์ที่นายหยิบมาฉันเลยจองผ่านแอพพลิเคชั่นน่ะ เพราะคิดว่าไหนๆก็อุตส่าห์มาแล้วทั้งทีและนายก็น่าจะชอบด้วย”

เอเลนพยักหน้ารับ คุณรีไวของเขานี่รอบคอบเสมอจริงๆ

น้ำเย็นที่ไหลลงกระทบร่างโปร่งบางช่วยชำระความเหนื่อยล้าและเหงื่อร้อนของวันนี้ตลอดทั้งวัน เด็กหนุ่มจัดการชำระร่างกายด้วยสบู่และแชมพู กลิ่นหอมของแชมพูในห้องน้ำทำให้เขารู้สึกสดชื่น

กลิ่นแบบนี้มิคาสะเองก็น่าจะชอบ...

เอ๊ะ....

มิคาสะ...

เออ ใช่ มิคาสะล่ะเฮ้ย!!

ปัง!!!

“คุณรีไว มิคาสะ!

รีไวโยนผ้าเช็ดตัวอีกผืนลงบนผมของเด็กหนุ่มพอดีก่อนจะไปช่วยขยี้เช็ดหัวที่เปียกปอนนั่น

“ฉันเคยบอกแล้วไงว่าให้เช็ดผมก่อนออกจากห้องน้ำให้ดีๆน่ะ”

“ขอโทษฮะ... ไม่ใช่สิ มิคาสะล่ะครับ ผมลืมไปเลย!” เพราะอีเว้นท์ผ่าพิภพไททันเป็นเรื่องที่เขาชอบอีกทั้งยังได้มากับคุณรีไว เจตนารมแรกรเมจึงถูกกลบฝังเสียสนิท เขานี่มันบ๊องส์ตื้นจนน่าอดสูชะมัด!

รีไวเช็ดผมของอีกฝ่ายจนหมาดแล้วจึงปล่อยเจ้าตัวดีที่อยู่ไม่สุข

“ฉันโทรไปถามแล้ว ยัยนั่นเปลี่ยนใจไปปีนเขาแทนน่าจะกลับมาพรุ่งนี้”

นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างกับคำตอบของชายหนุ่ม “ห๊ะ ได้ไง เมื่อเช้า....” จะว่าไปชุดเมื่อเช้าที่มิคาสะใส่ก็ดูจะทะมัดทแมงเป็นพิเศษ แล้วไหนจะเป้ใบใหญ่ที่เจ้าตัวแบกไปด้วยอีก

“อาหารมาแล้วนายจะกินเลยไหม?” รีไวช่วยจัดชุดคลุมอาบน้ำของเด็กหนุ่มให้เข้าที่ นัยน์ตาสีขี้เถ้าไล่ตามองตามหยดน้ำที่ไหลลงจากคางไปจนถึงกระดูกไหปลาร้าและหน้าท้องที่ขึ้นลอนอ่อนๆนั่น... เด็กชายตัวน้อยของเขาโตแล้วจริงๆล่ะนะ ชายหนุ่มสูดหายใจลึกก่อนจะกระชับเสื้อคลุมอีกฝ่าย

“มิคาสะ ไปปีนเขากับแจนสองคนทั้งยังค้างคืนด้วยเหรอฮะ! ไปปีนเขาที่ไหนกัน!” เอเลนจัดการรื้อถุงของฝากที่ซื้อมาวันนี้ ถ้าเขาจำไม่ผิดเหมือนจะซื้อเสื้อและกางเกงใหม่มาด้วย “ไม่ได้การเราควรรีบตามเจ้าพวกนั้นไป ว...เหวออออ”

รีไวอุ้มเจ้าตัวดีขึ้นก่อนจะจับโยนลงบนเตียง แขนทั้งสองข้างวางขนาบกั้นทางหนี้ของเด็กหนุ่ม “นายห่วงตัวเองก่อนดีหว่าไหมเอเลน?”

เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ “ผมอยู่กับคุณยังต้องห่วงเรื่องอะไรอีกหรอ?”

ให้ตายสิ เขาควรดีใจกับความไว้วางใจของเจ้าหนูนี่ดี หรือควรร้องไห้ให้กับสถานะอา หลาน ที่เลี้ยงดูเจ้าตัวดีนี่มาตลอดสิบกว่าปีนี่ดีกันล่ะ?

เพื่อเป็นการเปิดโลกและให้สมองของเด็กหนุ่งตรงหน้าแล่นเสียหน่อย รีไวจัดการปิดปากช่างเจรจานั่นด้วยปากของเขา ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดไปตามโพรงปากหยอกเย้ากับลิ้นของอีกฝ่าย เอเลนที่โดนจูบอย่างไม่ทันรู้ตัวแม้จะต่อต้านในตอนแรก แต่เพียงไม่นานก็คล้อยตามการชักนำของคนมากประสบการณ์

“คิดว่าไงล่ะหืม?”

ใบหหน้าของชายหนุ่มที่ยกยิ้มอย่างมาดร้ายทำเอาเอเลนจ้องตาค้าง กว่าที่สมองของเด็กหนุ่มจะประมวลผลทุกคำพูดของอีกฝ่ายเขาก็ถูกคนอายุมากกว่าจูบอีกครั้งทั้งยังรุนแรงกว่าเดิม ร่างของเอเลนค่อยๆนอนราบลงบนที่นอนโดยมีอีกฝ่ายช่วยประคองลงอย่างนุ่มนวลทั้งยังไม่ยอมผละจากจูบที่หอมหวาน

กว่าริมผีปากทั้งคู่จะได้ผละออกจากกัน เอเลนต้องหอบเอาอากาศหายใจเข้าใบหน้ามนขึ้นสีสุกปลั่งเป็นมะเขือเทศสุก

“อืม.... ดูว่านายก็ไม่ได้ใสซื่อเกินไปล่ะนะเอเลน” ชายหนุ่มเลียริมฝีปากของอีกฝ่ายก่อนจะไล่ไปที่คางและต่ำลง สายรัดของเสื้อคลุมอาบน้ำถูกปลดออก แม้อุณหภูมิในห้องจะเย็นแต่ตอนนี้บรรยากาศกลับชวนให้ร้อนรุ่มเสียมากกว่า นอกหน้าต่างบานใหญ่ของห้องพักพระอาทิตย์ได้ลาลับแล้ว แต่ทั่วทั้งสวนสนุกแห่งนี้ยังคงสว่างไสวและมีเสียงดนตรีของขบวนพาเหรดรอบสุดท้ายจากที่ไกลๆให้ได้ยินคลอผ่านเข้ามา

 

 

มิคาสะยืดหลังตัวเองคลายกล้ามเนื้อที่ตึงแน่นจากการปีนเขาขึ้นมาตลอดทั้งวัน ส่วนแจนเองนั้นก็กำลังเตรียมก่อไฟเพื่อทำอาหารมื้อเย็น

“ทำไมอยู่ๆถึงอยากมาปีนเขาแทนล่ะ?” คิดถึงทางทรหดแล้วส่วนใหญ๋มิคาสะเป็นฝ่ายลากเขาขึ้นมาก็รู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าโดนทิ้งไว้ที่กลางทางนั่นแหละ

มิคาสะเทน้ำลงในหม้อก่อนจะจัดการเตรียมบีหมี่ เครื่องปรุง อาหารสำเร็จรูปบางส่วนออกมาจากกระเป๋าเป้ “ก็แค่คิดว่าการขยับก้าวพัฒนาไปอีกก็น่าจะดี”

แจนเลิ่กคิ้วมองอย่างสงสัย เขารู้สึกว่าในประโยคนั่นเหมือนมีบางอย่างแต่ก็ไม่เข้ใจว่าคืออะไร ถึงยังไงตอนนี้เขาก็ได้มาเดทกับมิคาสะนั่นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว แจนมองสำรวจไปรอบๆ จุดที่พวกเขาตั้งแคมป์พักอยู่ในจุดชมวิวทัศนียภาพเรียกได้ว่าไม่เลว อีกทั้งวันนี้ฟ้ายังเปิดดวงดาวต่างทอประกายจนเต็มน่านฟ้า ราวกับถูกห่มด้วยม่านราตรีประกายแสง

“ฉันไม่คิดว่าเธอจะยอมมาด้วยแบบนี้” แจนเกาแก้มตัวเองอย่างเก้อเขิน แม้จะเหนื่อยและมีเรื่องทุลักทุเลมากมายแต่วันนี้สิ่งที่มีมากกว่าคือความประหม่าที่ได้อยู่กับอีกฝ่ายตามลำพัง

มิคาสะมองอีกฝ่ายพลางยกยิ้ม เธอเองก็รู้จักแจนมาหลายปี แม้จะมีส่วนที่เรียกได้ว่าน่ารำคาญแต่นับว่าคนนี้เป็นคนที่ดีคนหนึ่ง “ตอนเด็กๆ คุณอามักจะพาฉันกับเอเลนออกไปตั้งแคมป์และดูดาวอยู่บ่อย” ถึงแม้จะมีเรื่องทะเลาะกัน แต่ว่าสิ่งที่รับรู้ได้ก็คือพวกเราต่างเป็นครอบครัว แต่สำหรับเอเลนคุณอาของเธอเป็นอะไรที่พิเศษกว่านั้นซึ่งเธอเองก็รู้และเข้าใจมานาน

“จะว่าตอนนั้นก็เจอหมีด้วยล่ะนะ... ตอนนั้นเจ้าอาเตี้ยของฉันจัดการไล่ไปได้ด้วยตัวคนเดียว ถ้าเป็นตอนนี้ฉันอาจล้มหมีกลับไปเป็นของฝากสองคนนั้นได้ก็ได้”

แจนถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงหมี แต่ที่รู้สึกหวาดผวากว่านั้นคือการที่เด็กสาวตรงหน้าต้องการลองล้มหมีด้วยตัวเองดู ในใจลึกๆเขาเองก็รู้สึกด้วยว่าเรื่องนี้อีกฝ่ายน่าจะทำสำเร็จ

มิคาสะเห็นปฏิกิริยาของแจนแล้วก็”ด้แต่แอบหัวเราะ เอเลนของเธอคิดมากไปจริงๆ ถ้ากลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเธอกับแจน สิ่งที่เอเลนควรห่วงอาจเป็นแจนมากกว่าไม่ใช่เธอ มิคาสะเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้าอีกครั้ง บางทีเธอก็แอบคิดลึกๆในใจว่าการที่เอเลนและคุณอาของเธอลงเอยกันนั่นเป็นผลดีต่อเธอเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้เอเลนก็ยังคงอยุ๋กับเธอตลอดไปอ่า...ที่น่าปวดหัวหน่อยคงเป็นเรื่องสถานะ เอเลนจะขึ้นมาเป็นอาสะใภ้ของเธอก็คงไม่เหมาะกระมัง... แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคตที่พวกเราจะเดินไปด้วยกันอยู่ดี

“มิคาสะอาหารเสร็จแล้วรีบมากินเถอะ”

มิคาสะหันไปตามเสียงเรียกมองเด็กหนุ่มที่กำลังตักอาหารใส่ชามให้เธอ ทั้งยังพยายามเลือกแต่ชิ้นเนื้อให้อย่างพิถีพิถัน ทั้งยังรินน้ำและจัดแจงวางทุกอย่างโดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ เด็กสาวส่ายศรีษะไปมาเบาๆก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างแจนแล้วคีบเนื้อที่มีมากเกินไปในชามของเธอออกให้อีกฝ่ายอย่างใส่ใจ

 

“ใช่ครับพี่ ตอนนี้ผมกับไมค์มาให้อาหารเจ้าเยเกอร์แทนแล้วล่ะ” เอลวิน ลูบหัวเจ้าเยเกอร์พลางตอบบทสนทนาจากอีกฝั่ง

[เจ้าพวกนั้นก็ไม่ไหวเอาเสียเลย] เสียงหญิงสาวถอนหายใจผ่านสาย ถ้าวันนี้เธอไม่โทรไปหาลูกสาวของเธอ ดูท่าเจ้าเยเกอร์คงได้หิ้วท้องรอเจ้าพวกคนไร้ความรับผิดชอบพวกนั้น

“ที่จริงรีไวเขาส่งข้อความมาฝากให้ผมจัดการอยู่แล้ว อีกอย่างเยเกอร์เองก็รู้จักวิธีใช้ที่ให้อาหารอัตโนมัติด้วยนะครับ” เอลวินอดแก้ต่างให้เพื่อนตนเองไม่ได้ ถึงอย่างไรก่อนจะออกไปเหมือนว่ารีไวจัดการเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว “ว่าแต่พี่ครับเรื่องของรีไวกับเอเลน...”

เสียงหัวเราะที่ปลายสายดังขึ้นมาก่อนน้ำเสียงสดใสของหญิงสาวจะเอ่ย [ฉันก็หวังว่าเอเลนจะไม่ฟ้องข้อหาพรากผู้เยาว์กับเจ้านั่นล่ะนะ อีกอย่างขอแค่ต่างมีความสุขกันแบบนี้ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ แต่อาจต้องไปขอโทษคาร่าที่หลุมศพเสียหน่อยล่ะนะที่น้องชายฉันทำลูกชายเขาเสียคนน่ะ]

เอลวินถอนหายใจ การที่มีผู้คนรอบตัวคอยซํพพอร์ตและสนับสนุนแบบนี้ไม่ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไรทั้งสองคนนั้นคงไม่เป็นไรแน่นอน “พี่เองก็เหมือนไม่แปลกใจกับเรื่องทั้งสองคนเท่าไหร่นะครับ”

[อืม... จะว่าอย่างไรดีล่ะ มันเป็นลางสังหรณ์ของผู้หญิงและในฐานะพี่สาวล่ะมั้ง จะว่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ฉันรู้สึกว่าบรรยากาศของทั้งสองคนแปลกไป แต่ดูเหมือนคนรู้ตัวก่อนจะเป็นเอเลน เจ้าน้องชายฉันบางทีก็ทึ่มใช้ได้เลย แต่ว่าก็ดีแล้วล่ะนะ] เพราะที่จริงแล้วคนคนนั้นขี้เหงายังไงล่ะ แต่เดิมที่เธออยากให้รีไวรับเลี้ยงเอเลนก็เพราะว่าร็สึกหลายครั้งชายหนุ่มดูว่างเปล่า แม้จะไม่มีปัญหาในเรื่องปฏิสัมพันธ์กับผู้คนหรือการดำเนินชีวิตเท่าไร แต่หลายครั้งเขาร็สึกว่ารีไวน้องชายของเธอยังไม่พบที่อยู่ของตนเอง แต่ตั้งแต่ที่รีไวรับเลี้ยงเอเลนให้เธอ เธอก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศและความรู้สึกรอบตัวของน้องชายเธอนั้นเปลี่ยนไป รวมถึงเอเลนเด็กที่ปิดใจคนนั้นด้วย

“ที่พี่บอกว่ารีไวทึ่มนี่ผมเข้าใจเลยล่ะครับ ฮ่า ฮ่า” เอลวินหัวเราะขำพลางจัดการตรวจเช็คทุกอย่างในบ้านของรีไวว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี “เดี๋ยวผมจะพาเจ้าเยเกอร์กลับไปบ้านด้วย พี่ไม่ต้องบอกเจ้าพวกนั่นนะต้องให้รู้จักสำนึกกันเสียบ้าง”

ปลายสายหัวเราะตอบรับคำก่อนจะจัดการวางสายจบบทสนทนา

เอวินอุ้มเจ้าเยเกอร์ขึ้นรถ โดยมีไมค์หอมหิ้วเอาอาหาร จาน ชาม และอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงตามติดมาด้วย

“เยเกอร์ตอนนี้พี่ชายนายต้องกำลังมีความสุขจนลืมนายแน่ๆถ้าไงไปอยู่เล่นที่สวนบ้านฉันสักอาทิตย์ละกันนะ”

“โฮ่ง!” เจ้าเยเกอร์ขานรับ ทั้งยังเอาหัวเข้าไปถูไปที่อกอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน พื้นที่สวนของบ้าน เอลวิน สมิธ ใหญ่โตมาก และมันจะได้มีความสุขกับการวิ่งเล่น ขุดดิน และลงไปจับปลาในบ่อน้ำอย่างที่ไม่มีใครดุได้ด้วย

“ถ้านายชอบเจ้านี่ขนาดนั้นก็ยึดเลยสิ” ไมค์สนับสนุนเมื่อเห็นท่าทางของทั้งเยเกอร์และเอลวินที่ต่างก็รักใคร่กลมเกลียวกัน

“รีไวนี่ช่างเถอะ แต่ฉันทนสายตาของเอเลนที่จะมองอย่างน่าสงสารไม่ได้น่ะสิ” ถึงอย่างไรก็เป็นเด็กที่เขาช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กล่ะนะ จริงๆแค่เอเลนเอยปากขออะไรนิดหน่อยทุกคนในบริษัท รวมทั้งตัวเขาต่างก็พร้อมจะยกให้หมดแล้ว แต่เอเลนกลับไม่เคยร้องขออะไรมากมาย นั่นทำให้เขาทั้งเอ็นดูและอยากเอาใจเด็กน้อยคนนั้น

ไมค์พยักหน้ารับก่อนจะจัดการปิดบ้านและตรวจเช็คทุกอย่างเรียบร้อย รถมาเซราติกจึงได้ออกจากรั้วบ้านไปท่ามกลางราตรีที่แสนสงบสุข

 

“นายจะไสหัสออกจากผ้านวมแล้วมานั่งทานข้าวได้รึยังเอเลน?” รีไวมองก้อนผ้านวมที่ห่อเด็กหนุ่มจนเป็นชูชิโรลพลางส่ายศรีษะไปมา

เอเลนเอาหัวลอดออกมาจากช่องผ้านวม นัยน์ตาสีมรกตฉายแววตัดพ้อต่อชายหนุ่ม “ทำไม่ทำล่ะครับ” ทั้งที่เขาเตรียมใจแล้วแท้ๆแต่พวกเขาก็ยังไปไม่ถึงขั้นสุดท้ายอยู่ดี

รีไวดีดหน้าผากของเด็กหนุ่มที่โผล่พ้นออกมา “ฉันยังไม่อยากโดนข้อหาพรากผู้เยาว์หรอกนะ”

“ผมสัญญาว่าจะไม่ฟ้องนะฮะ” เอเลนตวัดผ้านวมลุกขึ้นนั่งบนเตียงพลางเอามือลูบหน้าผากที่ถูกดีด

รีไวพยายามกลั้นขำจนรู้สึกไหล่ตัวเองสั่นไหว ให้ตายสิ...นี่เขาพลาดโอกาสดีๆไปแล้วใช่ไหมเนี่ย... ชายหนุ่มวางมือลงบนผมสีน้ำตาลของอีกฝ่ายลูบไปมาก่อนจะจับเจ้าตัวดีที่กำลังจะทำเขาตบะแตกเข้ามาฟัดแล้วหอมฟอดใหญ่

“ช่วยเหลือศีลธรรมในใจให้กับความที่ฉันเลี้ยงดูนายมาหน่อยเถอะ อย่างน้อยก็แค่รอจนนายเข้ามหาลัยอีกใน2ปีนี้ล่ะนะ”

เอเลนพองลมในแก้มอย่างไม่พอใจ แต่เอาเถอะก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสตรบใดที่ยังอยู่ด้วยกันแบบนี้ เอเลนหันตัวมองหน้าอีกฝ่าย เด็กหนุ่มยกแขนกอดรีไวตอบพลางซุกใบหน้าลงกับซอกคอพร้อมถูเบาๆอย่างออดอ้อน

“คุณรีไวผมรักคุณ รัก รัก รัก รักมากเลย ไม่ว่าจะบอกยังไงก็ยังรู้สึกไม่พอเสียที”

รีไวหันจูบผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่มอ้อมแขนของชายหนุ่มกระชับให้แน่นขึ้นพลางลูบหลังเปลือยเปล่าที่มีรอบตีตราจากเขาไปมาด้วยความรักใคร่ “ฉันเองก็รักนายเหมือนกันเอเลน”

เด็กหนุ่มสะดุ้งเล้กน้อยกับคำบอกรักที่ทั้งหวานละมุนละเต็มตื้นในอกซาย ม่านน้ำคลอที่นัยน์ตาสีมรกต รีไวรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ไหล่จึงดันเด็กหนุ่มออกเล็กน้อย แล้วใช้มือช่วยปาดน้ำตาบนใบหน้าของอีกฝ่าย

“ฉันทำนายเจ็บเหรอ?”

เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา “ผมมีความสุข มีความสุขมากต่างหากล่ะฮะ”

รีไวยกยิ้มบาง ชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ใช้จุมพิตซับน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ขอเพียงมีแค่คนตรงหน้าและอ้อมกอดของกันและกันเช่นนี้ ไม่ว่าหนทางจะเป็นอย่างไรเขาก็ขอประคองและดูแลอ้อมกอดนี้ไม่ว่าจะเป็นเมื่อตอนเด็กน้อยผู้นี้จะอายุ 5 ขวบ 15 20 35 หรือมากกว่านั้น ตราบใดที่เด็กน้อยคนนี้ของเขาต้องการเขาก็จะไม่ยอมผล่อยอ้อมกอดนี้ให้หลุดหายไป

ความคิดของทั้งสองต่างตรงกันโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ย ไม่ว่าต่อไปคุณจะอายุเท่าไร เด็กกว่านี้ แก่กว่านี้ หรือวันหนึ่งอาจไม่ดูดีเท่าตอนนี้แล้ว อาจเป็นเพียงชายแก่ขี้โวยวายน่ารำคาญคนหนึ่ง หรือเป็นคนหนุ่มที่มุทะลุจนเกินตัว ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรสิ่งที่มั่นใจได้คืออ้อมกอดนี้จะมีไว้เพื่อกันและกันเสมอไป

Final:

จบแล้ว ปิดไฟแล้วค่ะ ที่จริงมันควรจบตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่พอดีที่บ้านซ๋อมบ้านทั้งเดือนเลย แล้วเป็นประเภทมีเสียงดังๆแล้วไม่สามารถตั้งสมาธิเขียนงานได้ เลยดองจนซ๋อมบ้านเสร็จแล้วมาจัดการผิดไหเสียทีค่ะ การเดินทางของเด็กน้อยสิ้นสุดแล้ว ตอนที่พิมพ์ไปอยู่นี้ก็คิดว่า จบแล้วสินะ จบจริงๆเหรอ เด็กน้อยของฉันเติบโตแล้ว มีความสุขมากๆเลยนะ แบบนี้เลยค่ะ ฮาๆ

อย่างที่เคยบอกไปว่าที่ตริงเรื่องนี้ตั้งใจเป็นเรื่องสั้น(?) สั้นมาก 15 ตอน .... แล้วเบสคือฟิลล์กู๊ดส์ เลยไม่มีดราม่าจริงจังค่ะ เพราะว่าตั้งใจให้เป็นฟิคแนวเยียวยามากกว่า อยากให้ดูละมุน เด็กน้อยน่ารัก และความสัมพันธ์ที่อบอุ่นน่ะค่ะ อุ่นๆเลย NC ยังไม่มีฮา

ขอขอบคุณอาจารย์ อิซายามะ กับมหากาพย์เรื่องนี้จริงๆค่ะ ในที่สุดก็มาถึงตอนจบของเรื่องผ่าพิภพไททันฉบับออริจินัล ทั้งใจหาย ตื่นตันและเต็มอิ่มมาก เรื่องนี้ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจในหลายๆอย่างจนกระทั่งมาเขียนแฟนฟิคมากมายเหล่านี้ด้วย ขอขอบคุณกับความลำบาก แรงสร้างสรรค์ของอาจารย์ที่ก่อให้เกิดแรงผลักดันมากมายค่ะ

และอีกครั้งค่ะขอขอบคุณทุกท่านที่เดินทางมาด้วยกันจนถึงตอนนี้ หวังว่าเด็กน้อยเอเลนจะอยู่ในใจและเป็นอีกฟิคหนึ่งที่ทุกท่านระลึกถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้ว ถ้าเป็นได้เช่นนั้นจะดีใจมากๆเลยค่ะ

ปล. Fan Fic. Last Memory ใกล้ปิดรอบให้จองแล้วนะคะใครอยากได้รีบสั่งนะคะ เพราะไม่มีสต็อกเผื่อและไม่มีพิมพ์เพิ่มใดๆอีกแล้วค่ะ สามารถสั่งจองด้ที่เพจเลยนะคะ

ด้วยรักและขอบคุณสำหรับการสนับสนุนที่ดีตลอดมา

Trendy Blood

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ14 พฤษภาคม 2564 เวลา 12:20

    เย้ ในที่สุด ขอบคุณที่แต่งนะคะสนุกมาก������

    ตอบลบ