Fic.
[AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย
Special: Switch
***กลับมาเขียนด้วยความคิดถึงยัยหนูเอเลนกับตาแก่โรคจิตล้วนๆค่ะ
เอาความคิดถึงมาลงเป็นตอนพิเศษ***
“ตื่นได้แล้วครับคุณผู้ชาย”
เสียงใสของเด็หนุ่มดังเข้าโสตประสาท
เปลือกตาค่อยๆขยับไหวก่อนนัยน์ตาสีขี้เถ้าจะค่อยๆลืมขึ้น
หลังจากปรับสภาพแสงที่ส่องเข้ามากระทบก็พบเห็นเด็กหนุ่มร่างโปร่งบางในชุดสูทสีเข้มเบื้องหน้า
ใบหน้ามนนั้นยกยิ้มขึ้น นัยน์ตาสีมรกตทอประกายแสงอย่างน่าดึงดูด เขาลองขยับร่างกายตนเอง แขนของเขาถูกเชือกมัดไว้กับเสาด้านหลัง
จากที่ดูตอนนี้เขาคงอยู่ในตึกร้างที่ไหนสักแห่ง
“เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า”
ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มพิงกับเสา นัยน์ตาสีมรกตหลุบลงมองใบหน้าเฉยชาของชายหนุ่ม
ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่าสนใจ ทั้งที่โดนเขาจับตัวมาแต่ยังคงสงบนิ่งอยู่ได้ ไม่สิ...
หรือบางทีอาจกำลังกลัวจนทำอะไรไม่ถูกก็ได้ คิดได้ดังนั้นใบหน้าหวานก็ยกยิ้มอย่างนึกสนุก
“คุณพอเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ของคุณสินะครับ
คุณรีไว”
ภาพใบหนึ่งถูกโยนลงไปยังพื้นเบื้องหน้ารีไว
ภาพนั้นเป็นภพถ่ายการลักลอบค้าอาวุธที่ท่าเรือซึ่งเขาเป็นผู้ถ่ายและส่งไปยังสำนักข่าวเมื่อไม่นานมานี้
เขาไม่แปลกใจเท่าไรกับการที่ภาพแบบนี้สุดท้ายจะไม่ได้กลายเป็นข่าวคงไม่พ้นอิทธิพลที่เด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นผู้จัดการ
ถึงอย่างไรเขาก็ได้ค่าตอบแทนมาแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นข่าวหรือไม่เขาล้วนไม่สนใจ
แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ
เด็กหนุ่มตรงหน้าที่เดือดร้อนจนต้องมาตามจับเขาแบบนี้เสียมากกว่า
ใบหน้าคมเฉยชาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนัยน์ตาสีมรกตที่ก้มมองเขาจากที่สูง
ให้ตายสิสายตาแบบนี้มันดึงดูดเขาชะมัด!
“ภาพนี้คงทำนายเดือดร้อนน่าดู”
ใบหน้เฉยชายกยิ้มมุมปาก “จะให้ฉันรับผิดชอบ?”
“หืม...”
เอเลนแปลกใจกับท่าทางไม่เดือดร้อนของอีกฝ่าย หรือว่าหมอนี่คงกำลังทำใจดีส็เสืออยู่สินะ
ได้เลยจะได้รู้ว่าอย่ามาล้อเล่นกับคนอย่าง เอเลน
ผู้ซ฿งเป็นหัวหน้าแห๊งค์มาเฟ้ยผู้ทรงอิทิพลในโลกมืดคนนี้
“เหมือนจะรู้ตัวอยู่นะครับว่าต้องรับผิดชอบ
ถ้ายังไงผมตัดนิ้วหนึ่งของคุณไปเป็นค่าเสียหายครั้งนี้ก็ดูจะสมเหตุสมผลแล้ว” เป็นไงล่ะเขาขู่แบบนี้
เจ้าหมอนี่จะต้องตกใจจนหน้าถอดสีแน่ๆ
เอเลนมองหน้าอีกฝ่ายที่เพียงแค่ยกคิ้วข้างหนึ่ง
คิดว่าเขาแค่ขู่เล่นๆสินะ ในเมื่อเป็นแบบนี้คงต้องมีการหลั่งเลือดเสียหน่อยแล้ว
“คุณกุนเธอร์จัดการตัดนิ้วเขาออกมา
หลังจากนั้นก็เอาไปปล่อยทิ้งไว้ให้ไกลหน่อย” เอเลนครุ่นคิดสักครู่ก่อนเอ่ยต่อ “แต่ผมเป็นคนจิตใจดี
ถ้ายังไงจะพาไปปล่อยแถวที่ใกล้โรงพยาบาลให้แล้วกันนะครับ”
ปึง!!
มีดในมือถูกเตะออก กุนเธอร์ที่รับคำสั่งหงายหลังลงกับพื้นทันที
แรงเตะของชายหนุ่มตรงหน้านอกจากปัดมีดแล้วยังเตะเสยคางเข้าอย่างแรงจนทำให้ชยหนุ่มโลกดับชั่ววูบ
เอเลนหันมองตาค้างกว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อมุมมองของเขาอยู่ๆก็กลับตาลปัตรหัวหมุนพร้อมร่างที่โดนยกขึ้นพาดบ่า
“โฮ่ย ฉันว่าเอาแค่นิ้วไปไม่คุ้มนายหรอกนะ” รีไวจับเด็กหนุ่มขึ้นพาดบ่า
ไม่รู้ว่าเชือกที่ใช้มัดชายหนุ่มถูกดึงขาดตั้งแต่เมื่อไหร่
ใบหน้าคมคายเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยังคงอึ้งค้างไม่ตอบคำก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “สู้เอาไปทั้งตัวเลยนับว่าคุ้มกว่าจริงไหมเจ้าหนู?”
“ห้ะ! เดี๋ยวก่อนใครอยากได้ตัวคุณกัน!!!” เอเลยลนลานด้วยความตกใจ
ร่างโปร่งพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากไหล่และแขนของชายหนุ่ม
แต่แขนที่ล็อคตัวเขาราวกับคีมเหล๊กไม่อาจสะทกสะท้านใดใด
“เพื่อเป็นการชดเชยที่ทำนายเสียหาย
ฉันคนนี้ยอมขายตัวเองยกให้นายเลยก็แล้วกัน” นัยน์ตาสีขี้เถ้ากวาดมองเหล่าลูกน้องอีกสองสามคนที่เหลือ
ก่อนจะชี้คนหนึ่งในนั้น เจ้าตัวที่โดนชี้ถึงขั้นสะดุ้งจนเผลอกัดลิ้นตัวเอง “เฮ้ย
นายน่ำทางไปที่รถซะ”
เหล่าลูกน้องคนอื่นต่างมองหน้ากันไปมาก่อนจะพยักหน้าและนำทางไปที่รถแต่โดยดี
สายตากดดันที่มองมาทำเอาเหล่าลูกน้องของเอเลยต่างยอมสวามิภักดิอย่างไร้ข้อโต้แย้ง
ไม่อยากเชื่อเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นเพียงช่างภาพธรรมดา
“เดี๋ยวสิคุณเป็นช่างภาพแล้วจะมาช่วยงานผมได้ยังไง!?” หมอนี่เป็นแค่ช่างภาพธรรมดาจริงๆเหรอ?
ลูกน้องเขาไปสืบประวัติมาผิดคนรึเปล่า? เอเลนถามเสียงหลงทันทีที่ถูกจับยัดเข้ามานั่งในรถ
ชายหนุ่มเข้ามานั่งเยาะนั่งเดียวกันกับเด็กหนุ่ม
ก่อนจะสั่งให้ออกรถกลับไปยังที่พักของอีกฝ่าย “ฉันลาออกแล้ว
ดูว่ามาทำงานกับนายน่าจะคุ้มค่ากว่า”
แบบนี้ก็ได้เหรอ?
เอเลนได้แต่กระพริบตามองคนหน้าหนาหน้าทนตรงหน้าปริบๆ ขณะกำลังหาวิธีโต้เถียงรถท่เซราติสีดำก็เลี้ยวหักโค้งจนร่างของเด็กหนุ่มถลาเข้าสู่อ้อมกอดที่รองรับ
เอเลนพยายามขืนตัวขึ้น แต่แขนแข็งแกร่งของชายหนุ่มกลับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก
ใบหน้ามนเงยหน้ามองชายหนุ่มต้องหน้า
รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าคมคายนั้นช่างดูน่าดึงดูดและเจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง
หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบหนึ่งเดือน
ช่างภาพที่ชื่อรีไวคนนั้นย้ายสำมะโนครัวมาอยู่กับเขาโดยไม่ไถ่ถามความสมัครใจเขาสักนิด
ทั้งยังเอาคีย์การ์ดและกุญแจสำรองไปราวกับตนเองเป็นเจ้าของคอนโดเสียอย่างนั้น
ห้องว่างที่เคยเป็นห้องเก็บของก็ถูกจัดการโยกย้ายทั้งยังทำความสะอาดจนกลายเป็นห้องนอนของชายหนุ่มไปทั้งอย่างนั้น
เรื่องห้องเก็บของกลายเป็นห้องนอนของตาบ้านั้นเขาไม่ใส่ใจหรอก
ออกจะยินดีด้วยซ๋ำเพราะก่อนหน้านั้นเจ้าคนหน้าด้านนั่นหวังจะมานอนห้องเดียวกับเขาน่ะสิ
“เอเลนของป๊ะป๋าเป็นอะไรเหรอ
หมู่นี้ดูเหนื่อยๆนะ” มือของเอลวินลูบลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่ม
หลายวันมานี้เขารู้สึกว่าลูกน้อยที่เขเอ็นดูมีสภาพห่อเหี่ยวอย่างมาก “หรือว่าเจ้าหมาข้างถนนที่เห็บมามันทำอะไร?
ให้ป๊ะป๋าจัดการมันเลยไหม?” จากสัญชาตญานของเขาบอกว่าเจ้าช่างภาพที่เด็กหนุ่มเก็บมาคนนั้นมันหมาป่าชัดๆ
เอเลนปักมือของเอลวินออกก่อนจะถอนหายใจ “ไม่ต้องหรอกฮะ
เรื่องนี้ผมจัดการเองได้ ป๊ะป๋าไม่ต้องมายุ่งหรอก”
“ม... มิเก๊!! เดี๋ยวนี้ลูกชายต่อต้านฉันแล้วอ่ะ”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผมสีทองเข้าไปเขย่าผู้ช่วยที่ยืนอยู่ด้านข้าง
ใบหน้าหล่อเหลาแสดงความน้อยอกน้อยใจ
“เอเลนพูดจาแบบนี้กับผู้ใหญ่ไม่ดีรู้ไหม”
มิเกะตบบ่าให้กำลังใจทั้งหันไปสั่งสอนเจ้าเด็กอายุน้อยที่สุดในห้องทำงาน
เอเลนได้แต่ขมวดคิ้วทั้งยังเบ้ปากก่อนขะหมุนเก้าอี้ไม่สนใจการสั่งสอน
ก็เพราะป๊ะป๋าคนนี้เอาแต่โอ๋เขาไม่ใช่หรือไง
เขาถึงโดนเจ้าตาลุงช่างภาพแบบนั้นข่มเอาได้น่ะ
ถึงไงก็เถอะเขาจะต้องหาทางเอาคืนให้ได้คอยดูสิ
“เรื่องคนในคอนโดนายพักไว้ก่อนแล้กัน
แต่สำหรับงานที่จะมาถึงนี้นายจะไปกับเพทร่ารึเปล่า หรือให้ฉันเตรียมใครไว้ให้ดี?”
ฮันซี่ยื่นการ์ดรับเชิญงานเต้นรำให้กับเด็กหนุ่ม
สำหรับงานสังคมประเภทนี้แม้จะน่าเบื่อและไม่น่าสจนใจแต่ถึงอย่างไรก็ควรหาเวลาไปร่วมงานเสียบ้าง
เพราะอย่างไรก็รักษาคอนเนคชั่นไว้นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ
เอเลนเหลือบมองการ์ดเชิญงานเต้นรำ
ใบหน้าหวานผุดยิ้มขึ้นรีบคว้าการ์ดใบนั้นจากฮันซี่ทันที “ขอบคุณคุณฮันซี่มากเลครับ”
นี่ยังไงละสิ่งที่เขาจะไว้ใช้ล้างแค้นเจ้าหมอนั่น!!
“ให้ฉันไปงานเต้นรำกับนาย?”
รีไวดึงผ้าที่ปิดจมูกลงห่อนจะหยิบบัตรเชิญขึ้นมาพิจารณา
เอเลนรินน้ำดื่มลงในแห้วที่ถูกทำความสะอาดจนใสปิ๊งก่อนยกดื่ม
จะว่าก็ว่าเถอะ แต่ตั้งแต่คนคนนี้มาอยู่ด้วยห้องคอนโดเขาสะอาดเงาวิบวับเหมือนของใหม่ตลอดเวลา
เรื่องนี้ถือว่าเขาก็ได้กำไรอยู่ล่ะมั้ง
“นี่เป็นคำสั่งคุณห้ามปฏิเสธ”
เอเลนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ทั้งยังยักคิ้วให้ชายหนุ่ม
รีไวมองบัตรเชิญในมืออย่างไม่สนใจ
ถึงอย่างไรสำหรับงานสังคมพวกนี้จะให้เขาไปเป็นเพื่อนเขาก็ไม่ได้ขัดหรอกนะ
แต่ก่อนที่จะตอบคกลงนิ้วชี้ของเด็กหนุ่มก็มาส่ายที่ตรงหน้าของเขา
“จุ๊ๆ
คุณคงไม่คิดว่าผมจะให้คุณไปในชุดสูท หรืออะไรแบบนั้นล่ะมั้ง”
ใบหน้ามนของเด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง
ยิ่งมองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าที่ยกคิ้วขึ้นอย่างรอฟังคำตอบยิ่งทำให้เขารู้สึกได้ใจ
เวลาแห่งการล้างแค้นมาถึงแล้ว!!
“ในนี้ก็บอกอยู่ว่าเป็นงานเต้นรำคู่
คุณคงไม่คิดว่าผมจะเต้นรำกับผู้ชายล่ะมั้ง” ใบหน้ามนของเด็กหนุ่มยิ่งยกยิ้มสูงขึ้น
“แน่นอนว่าคุณต้องไปในฐานะผู้หญิงนะครับคุณรีไว”
นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองเด็กหนุ่ม
ก่อนริมฝีปากบางจะยกยิ้มขึ้นเช่นกัน “ไม่มีปัญหาเจ้าหนู”
เอเลนถึงขั้นยิ้มค้าง
หืมม... นี่มันจะดูง่ายไปรึเปล่า?
“ถึงแล้ว
ตื่นได้แล้วเจ้าหนู”
เอเลนขยี้ตาเพื่อคลายความง่วงงุนของตัวเอง
เบื้องหน้าปรากฏหญิงสาวในชุดกิโมโนงามสง่า
ท่าทางที่ดูเย่อหยิ่งเย็นชาแฝงไว้ด้วยความอันตรายยิ่งทำให้หญิงสาวตรงหน้าดูมีสง่าราศี
อีกทั้งใบหน้าคมที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางยิ่งขับให้ดูสง่างามอย่างยิ่ง
เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆก่อนจะไล่ความมึนงงออกไป ใช่แล้ววันนี้เขาที่ต้องการแกล้งเจ้าคนหน้าด้านนั้นจึงใช้ข้ออ้างให้อีกฝ่ายแต่งเป็นผู้หญิงเพื่อเป็นคู่ควงของเขาวันนี้
แต่....
“ดูเหมือน...
มาม่าซังจังเลยนะครับ” เพราะรังสีที่แผ่ออกมา
ดูยังไงก็ไม่น่าใช่คนธรรมดาสักนิด
ชายหนุ่มใช้พัดที่มีในมือเชยคางเด็กหนุ่มขึ้น
“งั้นนายก็ป็นเด็กในสังกัดของฉันสินะ”
เอเลนปัดพัดที่เชยคางตัวเองออก
“แต่คุณแต่งแบบนี้ขี้โกงนี่นา” ชุดกิโมโนแบบนี้จะเต้นรำได้ยังไงกันล่ะ
“แล้วนายคิดว่าชุดราตรีพวกนั้นจะไม่เหมือนนายพากระเทยกล้ามโตมายัดชุดหรอไง?
ฉันก็อุตส่าห์คิดไว้หน้านายแต่ถ้านายไม่สนเรื่องหน้าตาฉันเปลี่ยนไปแต่งแบบนั้นก็ได้”
ว่าพลางถลกชายชุดกิโมโนขึ้นจนเอเลนต้องรีบตะปบมือให้หยุด
จะว่าไปพอจินตนาการนึกภาพกล้ามแน่นๆในชุดราตรีแบบนั้นเขารู้สึกว่าตาต้องบอดแน่ๆ
ยังไงก็รับไม่ไหวเด็ดขาด
“ม...ไม่ต้องครับ
... แบบนี้ก็ดีแล้ว”
ดังนั้นตลอดทั้งงานเลี้ยงเขาจึงไม่ได้เต้นรำ
แต่นั้นไม่เท่าไร แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยก็คือ ทั้งที่เขาเอเลน
คนนี้เป็นผู้ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียงชัดๆ แต่ทำไมทุกคนล้วนแวะมาทักทายและพูดคุยกับหญิงสาว(?)
ในชุดกิโมโนที่เขาพามากันล่ะพ
แต่นั้นยังไม่ทำให้เขาแปลกใจเท่าที่คุณรีไวคนนี้กลับโต้ตอบได้อย่างฉลาดหลักแหลม
ทั้งยังวางมาดได้อย่างดียิ่ง ดีกว่าเขาผู้ซึ่งถูกเชิญมาเสียอีก แบบนี้มันก็เหมือนกับกลายเป็นว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่อีกฝ่ายพามามากกว่าน่ะสิ!!
“นายเหนื่อยแล้วสินะ
ข้างบนฉันจองห้องพักไว้แล้วถ้ายังไงขึ้นไปพักสักหน่อยแล้วกัน” ไม่ว่าเปล่าจัดการลากเด็กหนุ่มออกจากงานและตรงขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักโดยไม่รออีกฝ่ายตอบ
ทันทีที่เข้ามาในห้องพัก
รีไวจัดการดึงวิกผมยาวออก ทั้งยังแหวกกิโมโนออกจนเห็นกล้ามเนื้อหนั่นแน่น
จากนั้นก็เข้าไปในห้องน้ำและจัดการล้างเครื่องสำอางที่แต่งแต้มบนใบหน้าทิ้งอย่างไม่ใยดี
“ผมยังไม่อนุญาตให้คุณถอดเลยนะ!” ได้ไงกันนี่เขายังไม่ทันได้ถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อแบล็กเมล์เลย
แบบนี้เขาก็ขาดทุนน่ะสิ
รีไวเสยผมที่เปียกน้ำก่อนจะจัดการตลบชายกิโมโนยาวขึ้นเหน็บกับกางเกงขาสั้นแล้วเปิดตู้เย็นหยิบน้ำดื่มอย่างไม่ใส่ใจเสียงโวยวายของเด็กหนุ่ม
“นายบอกแค่ให้ร่วมงาน ในเมื่องานเสร็จสิ้นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใส่ต่อ”
เอเลนเขม่นตามองชายหนุ่มที่เริ่มรินไวน์ใส่แก้วแล้วยกขึ้นจิบ
หึ อย่าคิดว่าเขาจะยอมแพ้ง่ายๆนะ เขามีแผนสำรองมาด้วย “คุณรีไวมาทางนี้หน่อยสิครับ”
ว่าพลางกวักมือเรียกชายหนุ่มให้เข้าไปหา
รีไวยักไหล่ก่อนจะยอมเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ปลายเตียง
เอเลนขยับมือทำท่าให้อีกฝ่ายก้มลง
แกร๊ก!
ปลอกคอสีเงินถูกสวมลงบนคอของชายหนุ่ม
บนนั้นสลักคำว่า My S.D.
สีดำไว้
“ในเมื่อคุณบอกยกตัวเองให้ผมงั้นก็เป็น My S.D. ก็แล้วกัน” ใบหน้าหวานยิ้มระรื่นอย่างนึกสนุก ยิ่งมองว่าอีกฝ่ายเลิ่กคิ้วขึ้นเพราะคงไม่เข้าใจว่า
My S.D. ย่อมาจากอะไร
เขาก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน จึงเฉลยให้ฟังแต่โดยดี “ S.D.
Slave Dog เหมาะกับคุณดีใช่ไหมล่ะครับ”
“โฮ่...
ไม่เลวนี่เจ้าหนู” ใบหน้าคมคายยกยิ้มมุมปาก รีไววางแก้วไวน์มือก่อนจะขึ้นคร่อมเด็กหนุ่มบนเตียง
ร่างสูงโปร่งสะดุ้งเล้กน้อยแต่ก็ยังคงพยายามจ้องตาชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ “แต่ฉันว่ามีคำที่ดีกว่านั้น
ทั้งยังเหมาะกับฉันและนายอย่างมาก”
นัยน์ตาสีมรกตยังคงจ้องกับนัยน์ตาสีขี้เถ้า
อยุ่ๆเอเลนก็รู้สึกว่าน้ำลายตนเองเหนียวจนยากจะกลืนลงคอ
“Service D*ck
ยังไงล่ะ”
เดี๋ยวนะ...ไอคำเมื่อกี้ที่เหมือนมีเสียงเซ็นเซอร์นั่นคืออะไร!?
ไม่รอให้เด็กหนุ่มตั้งสติ
มือหยาบของรีไวก็ล้วงเข้าไปในชุดสูทสีดำของอีกฝ่าย ทั้งยังกระชากเสื้อเชิ้ตราคาแพงของเด็กหนุ่มอย่างง่ายดาย
“แว๊กกกกกกกก!! ทำอะไรของนาย
นายนี่มันตาแก่โรคจิตใช่มั้ยยยย!!”
เอเลนรีบคว้าเสื้อสูทของตัวเองทันทีแม้เหมือนจะไม่เป็นผลเพราะแรงของเขาไม่อาจเทียบชายหนุ่มเบื้องหน้าได้
รู้ตัวอีกทีแผ่นอกของเขาก็เปลือบเปล่าต่อหน้าอีกฝ่ายแล้ว
“ชุดกิโมโนแบบนี้ก็ไม่เลว
ขยับง่ายดีนะ นายว่าไหม?”
ไม่ครับ
ผมไม่มีความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น แล้วนั่นคุณพี่จะถอดสายรัดโอบิ ทำไมไม่ทราบครับ!
รีไวดึงผ้าคาดเอวออกก่อนจะใช้จัดการรัดข้อมือของเด็กหนุ่มใต้ร่าง
“เมื่อกี้นายเรียกใครว่าตาแก่นะ?” นัยน์ตาสีขี้เถ้าปรายตามองเด็กหนุ่ม
เอเลนสะดุ้งเฮือกก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอมรับ “ดูว่าฉันคนนี้จะต้องสั่งสอนนายให้โตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีเสียหน่อยแล้ว
ถือว่าเป็นการเซอร์วิสจากฉันก็แล้วกันจะบริการให้อย่างดีเลย”
“แว๊ก!! หยุดก่อนนนน
ไอเจ้าคนลามกนี่!!”
ร่างโปร่งกระโจนลุกขึ้นจากเตียง
ใบหน้ามนหอบหายใจจนตัวโยน
นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองรอบๆก่อนจะก้มมองเลสข้อมือซ้ายของตนเอง ... ที่แท้ก็ฝันไปสินะ
ไอคุณรีไวคนนั้นแม้แต่ในฝันเขายังเอาเปรียบไม่ได้เลยให้ตายเถอะ!
“เป็นอะไรของเธอนังหนู?”
เสียงที่คุ้นเคยแม้ไม่หันกลับไปมองเอเลนก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร
แต่คำเรียกนั่นชวนน่าโมโหชะมัด “ใครเป็นนังหนูของคุณครับคุณรีไว
ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย!?”
“พูดอะไรของเธอน่ะนังหนู
ฉันก็เรียกแบบนี้มาตั้งนาน หรืออยากให้ฉันเรียกว่าแม่จ๋าตามพวกลูกๆ”
รีไวตบลงบนผมสีน้ำตาลคนที่เพิ่งตื่นเบาๆ
ห้ะ! แม่จ๋าอะไร?
ลูกอะไร? ตาลุงนี่มักมากจนสมองเพี้ยนไปแล้วรึ
ทันทีที่ขยับตัวเอเลนรู้สึกถึงอะไรไม่ชอบมาพากลกับร่างตนเอง
เมื่อก้มลงมองนัยน์ตาสีมรกตต้องเบิกกว้างพร้อมใบหน้าที่ขาวซีดจนไร้สีเลือด
ไม่ใช่ตกใจเพราะเขาเปลือยอยู่หรอกนะ แต่ทำไมหน้าอกของเขาถึงได้นูนอวบอิ่มเต่งตึงขึ้นมาได้เล่า!!! มันจะต้องเป็นของปลอมแบบที่คุณฮันซี่คนนั้นชอบเอามาแปะใส่ร่างกายเขาแน่ๆ
มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เอเลนจัดการจับสองเต้าของตนเองแล้วพยายามออกแรงดึง
แต่ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก ทั้งความเด้งดึ๋งและสัมผัสนี้มันช่างจะเหมือนจริงเกินไปแล้ว
“เป็นอะไรของเธอน่ะเอเลน
ฝันร้ายรึไง?” รีไวจับมือของเด็กสาวพลางรวบยกขึ้นเหนือศีรษะทั้งกดให้ร่างนั้นจมลงไปบนฟูกนอนอีกครั้ง
“ใช่...ตอนนี้ผมกำลังฝันร้ายสุดๆเลย”
เอเลนแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอในการโต้ตอบ “ว... ว่า แต่ที่คุณหมายถึง...ลูกนี่...”
ใบหน้าคมคายยกยิ้มพลางเขยิบเข้าใกล้ร่างบอบบางด้านล่าง
“ทำไม...อยากคลอดให้ฉันอีกคนรึไง หืม?”
ชายหนุ่มไม่ว่าเปล่าทั้งยังจับขาเพรียวข้างหนึ่งให้แยกออกก่อนจะแทรกตัวเข้าไป
เอเลนก้มมองเบื้องล่างของตนเองแล้วต้องหยุดหายใจอีกครั้ง เพราะตอนนี้ไอเจ้าน้องชายที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดมันหายไปไม่เหลือร่องรอยแล้วน่ะสิ!
เขาที่เป็นผู้ชายมาทั้งชีวิตมาเจอเหตุการณ์แบบนี้มันเกินจะรับไหวนะโว้ย
นี่จะต้องเป็นผลงานของคุณฮันซี่คนเพี้ยนๆคนนั้นแน่ๆ
สติที่ล่องลอยของเอเลนต้องหยุดชะงัก เมื่อร่างกำยำของชายหนุ่มเบียดเข้ามาแนบชิดมากขึ้น
ริมฝีปากร้อนทาบทับลงมาหอบเอาลมหายใจของคนใต้ร่าง
ลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อจนเอเลนเผลอครางในลำคอ
เมื่อริมฝีปากนั้นผละออกก่อนจะไล้ลงไปยังร่างบอบบางใต้ร่าง
สองขาเพรียวที่สั่นระริกถูกทำให้แยกออกกว้างขึ้นกว่าเดิม รีไวจับแกนกายที่แข็งขืนของตนเองก่อนจะจ่ออยู่กับช่องทางเบื้องล่าง
เอเลนสะดุ้งเฮือก ร่างที่อ่อนระทวยเริ่มขัดขืน
อยู่ๆก็มากลายเป็นผู้หญฺงทั้งยังกำลังจะโดนงาบแบบนี้เขาทำใจไม่ทันจริงๆนะเฮ้ย! แต่แรงที่แตกต่างทำให้การดิ้นรนไม่เป็นผล
รีไวขยับร่างกายของตนเองอยู่ในท่าที่ถนัดก่อนจะจับขาเพรียวที่ดิ้นไปมาให้ตวัดรัดกับเอวของตนเอง
“เดี๋ยวก่อน
ขอเวลานอก!!”
เฮือก!!!
เอเลนสะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้เขายังคงอยู่บนที่นอน ข้างนอกยังไม่สว่างแต่ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต็มตาแล้ว
เมื่อกี้มันเป็นแค่ฝันใช่ไหม? เขาฝันซ็อนฝันเหรอ แล้วตอนนี้เขาตื่นแล้วหรือยัง?
ไม่รอช้าเขารีบสำรวจตนเองเสื้อผ้าตอนนี้ยังใส่อยู่ครบ
เป็นชุดนอนเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นของเขา บนหน้าอกไม่มีสองเต้าเด้งดึ๋ง
เพื่อความแน่ใจเขาจึงเปิดกางเกงขาสั้นตัวเองออก แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไอเจ้าลูกชายที่ติดตัวมาก็ยังอยู่ครบ
เมื่อสำรวจข้อมือตัวเองเลสข้อมือก็ยังปกติดีอยู่ แต่เพื่อความชัวร์เขาจึงตบหน้าตัวเองแรงๆอีกที
เจ๊บ....
ค่อยยังชั่วหน่อย ตอนนี้เขาตื่นแล้วจริงๆ
“ฝันร้ายรึไงเจ้าหนู”
เพราะอีกฝ่ายขยับไปมา คนรู้สึกตัวเร็วอย่างรีไวจึงตื่นตาม
ชายหนุ่มเกาผมสีรัติกาลของตนเองพลางอ้าปากหาว
เอเลนพยักหน้าช้าๆ
“ใช่ครับ... ฝันร้ายสุดๆเลย” จะว่าไปที่เขาฝันร้ายต้องเพราะคนที่นอนข้างๆเขาแบบนี้แน่ๆ
“ผมกลับไปนอนห้องตัวเองอาจจะดีกว่าก็ได้”
รีไวรวบอีกฝ่ายเข้าหาตัวก่อนจะเอนตัวกลับลงไปนอนอีกครั้ง
“บ่นอะไรของนายเจ้าหนู ห้องนายตอนนี้ทำเป็นสตูดิโอไปแล้วเมื่อ2ปีก่อน
นายอยู่ที่นี้มา5ปีแล้วยังไม่ชินอีกเหรอไง?”
นั่นสินะ...
ห้องเขาตอนนี้กลายเป็นสตูดิโอไปแล้ว ไปๆมาๆจากที่แยกห้องนอนกันก็กลายมาเป็นนอนห้องเดียวกัน
แต่ถึงจะเพิ่งย้ายมานอนห้องเดียวกันเมื่อ 2 ปีก่อน
แต่ก่อนหน้านี้คนอันตรายคนนี้ก็บุกรุกเข้าห้องเขาแทบจะวันเว้นวัน
ไม่ก็ลากเขามานอนที่ห้องตัวเอง ไม่ว่าจะแยกห้องนอนหรือไม่ผลสุดท้ายผลลัพธ์ก็ไม่ต่าง
เขาจึงยอมตกลงทำห้องนอนเดิมให้เป็นสตูดิโอและห้องทำงาน
สงสัยว่าช่วงนี้เขาคงทำงานหนักมากไปจึงไปฝันเรื่องเมื่อครั้งเจอกันครั้งแรกกับคนอันตรายเอาเสียได้
แม้จะสลับบทบาทกันก็เถอะ... ที่น่าเจ็บใจคือทั้งที่เป็นฝันของเขาแท้ๆแต่กระทั้งในฝันยังโดนเอาเปรียบ
น่าโมโหชะมัดเลยให้ตายสิ นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองชายหนุ่มอีกฝ่าย
มาจนตอนนี้ทั้งที่เขาก็สูงขึ้นกว่าเดิมแล้ว และพยายามฝึกฝนร่างกายไว้บ้างแล้ว
แต่ทำไมเขาถึงยังเป็นฝ่ายโดนกดอยุ่อีกล่ะ.... อ้อ...ลืมไป....
เขาไม่เคยสู้แรงคุณรีไวได้เลย สิ่งที่ชนะอย่างเดียวมีแค่เพียงส่วนสูงเท่านั้น
มือของรีไวลูบบนผมสีน้ำตาลของเอเลนไปมา
“นอนไม่หลับแล้ว?”
“รู้สึกไม่อยากนอนต่อแล้วล่ะครับ”
กลัวจะฝันอะไรประหลาดๆอีก
รีไวมองไปยังนาฤกาดิจิตอลหัวเตียง
ตอนนี้เป็นเวลาตี4 ซ฿งยังเช้าตรู่และเขาก็ยังมีเวลาอีกมาก “ในเมื่อนอนไม่หลับแล้ว”
ชายหนุ่มพลิกร่างอีกตนให้ลงไปนอนกับเตียงก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างคร่อมไว้ “ออกกำลังกายตอนเช้าเวลานี้ก็ไม่เลว”
อะไรคือออกกำลังกายตอนเช้าเวลานี้ของคุณพี่ครับ?
ไม่รอให้เอเลนสงสัยริมฝีปากของรีไวก็ทาบทับลงมาพร้อมลิ้นร้อที่เกี่ยวกระหวัดไล่ต้อน
ร่างกายที่คุ้นชินกับสัมผัสของชายหนุ่มมานานถึง5ปีล้วนตอบสนองไปตามการชี้นำของอีกฝ่าย
มือหยาบล้วงเข้าไปยังเสื้อยืดของเอเลน นัยน์ตาสีมรกตเริ่มปรือด้วยหยาดแห่งอารมณ์
ทั้งเสียงครางแผ่วเบาที่เล็ดรอดออกมาจากลำคอช่วยกระตุ้นให้รีไวอารมณ์พลุ่งลพ่าน
“อือ...
คุณรีไว” เอเลนพยายามกลั้นเสียงครางแผ่วเบา สองแขนลูบไล้ไปยังร่างกายกำยำของอีกฝ่ายอย่างคุ้นชิน
ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้ก็ทำกันมา5ปีแล้ว จากที่ไม่ชินและเขินอาบ
ตัวเขาก็เริ่มตอบโต้และเล้าโลมอีกฝ่ายบ้างแล้วเช่นกัน “นี่คุณรีไว ถ้าคุณเป็น My S.D. ของผมคุณว่ามันจะย่อมาจากอะไร?”
ใบหน้าคมคายเอียงคอคิดครู่หนึ่ง
มือหยาบยังคงลูบไล้เค้นคลึงร่างกายของคนใต้ร่างอย่างช่ำชอง “ก็คงเป็น Sweet D*ck ล่ะมั้ง”
โอเคผมไม่น่าถามและไม่น่าคาดหวังกับคนนี้เลย
ดูว่าเขาน่าจะเข้าใจและรู้จักผู้ชายอันตรายคนนี้เป็นอย่างมาก แม้แต่ในฝันนิสัยและท่าทางแต่ละอย่างยังไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด
“แล้วนายอยากให้ฉันเป็นอะไรเล่าเจ้าหนู?”
ขาเรียวยาวถูกแยกออกจากกันก่อนที่ชายหนุ่มผมสีรัตติกาลจะแทรกตัวเข้าไปดันตัวตนของตนเองเข้าไปจนสุดก่อนจะขยับ
เอเลนสะดุ้งเฮือก
ร่างกายท่อนล่างตอดรับท่อนเนื้อของชายหนุ่มอย่างคุ้นชิน
ก่อนจะประสานจังหวะที่ขยับให้บรรเลงเข้ากัน “อื้อ… ไม่รู้สิ”
“อ้ะ... อือ...
บางที อาจจะเป็น Seed
Danger ล่ะมั้ง อื้อ!”
เด็กหนุ่มตอบพลางกดเสียงครางของตนเอง
สองแขนรัดรอบลำคอแกร่งก่อนจะประทับรับจูบที่ดูดดื่ม
รีไวยกยิ้มขึ้นอย่างพึงใจ
“ไม่เลว งั้นฉันจะมอบ Seed
ให้นายเยอะๆเลยแล้วกัน”
ชายหนุ่มจับสองขาให้กระชับมั่นกดลง ก่อนจะกระแทกเข้าออกอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยว
อ๊า ช.. ช้า ... ช้าหน่อย” สองแขนจิกผ้าปูที่นอน
เอเลนโดนชายหนุ่มจับพลิกอีกครั้งใบหน้ามนแนบลงกับหมอน
สะโพกถูกยกขึ้นรับการกระแทกอย่างดุเดือด
ตาแก่บ้านี่ทั้งที่เตี้ยก็เตี้ย
แถมอายุก็เยอะแล้วทำไมยังมีแรงกับเรื่องแบบนิ้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยนะ
ตอนเช้าเอวเขาต้องปวดแน่ๆให้ตายเถอะ!
เอเลนโดนเคี่ยวกรำจับพลิกไปมา
กว่าคนอายุมากกว่าจะยอมเลิกราก็เป็นช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นจนสายแล้ว โชคดีที่ว่าวันนี้เป็นวันหยุดของทั้งสอง
เอเลนที่หมดแรงแม้แต่จะขยับร่างกายจึงได้แต่นอนให้รีไวจัดการทำความสะอาดตัวเองอย่างว่าง่าย
“ต่อไปนี้ผมจะไว้หนวด”
เอเลนพึมพำรอดออกมาจากผ้านวม
หลังจากโดนทำความสะอาดและใส่เสื้อใหม่แล้วเขาก็ห่อตัวเองอยู่ในผ้านวมเป็นการประท้วงอีกฝ่ายที่ใช้แรงงานเขาอย่างไม่ปราณี
นัยน์ตาสีขี้เถ้าปรายตามองคนบ่นอุบอิบก่อนจะเคาะหัวสีน้ำตาลนั้นเบาๆ
“อยากเปลี่ยนลุค?”
“ผมเป็นผู้ชายก็อยากมีลุคแมนๆบ้าง”
เอเลนโปล่หัวออกมาจากผ้านวม จ้องมองชายหนุ่มอย่างยียวน “ทำไมล่ะหรือถ้าผมไว้หนวดคุณไม่ชอบงั้นเหรอ?
นั่นสินะตั้ง5ปีแล้วจะเบื่อก็ไม่แปลกแต่ถ้าจะทิ้งกันช่วยใจดีโยนเงินให้ผมสักก้อนด้วยนะ”
เพี๊ยะ!
เอเลยลูบหน้าผากของตนเองที่โดนชายหนุ่มดีดจนขึ้นปื้นสีแดง
แค่ดีดหน้าปากยังเจ็บกว่าเขาตบหน้าตัวเองเมื่อเช้าอีก
“ตามใจเจ้าหนู
แต่ฉันมีเงื่อนไขอยู่”
เอเลนมองอีกฝ่ายอย่างกังขา
อะไรกันนี่เขาจะทำอะไรกับร่างกายตัวเองต้องให้อีกฝ่ายอนุญาตหรือตั้งเงื่อนไขด้วยรึไง?
“ถ้านายจะไว้หนวดก็ต้องไว้ผมยาวด้วย”
เอเลนลองจินตนาการภาพตัวเอง
ดูแล้วน่าจะเป็นลุคแมนๆเซฮร์แบบนั้นก็นับว่าไม่แย่เท่าไร “ย่อมได้”
“แล้วอีกเรื่อง”
รีไวจับแก้มของเอเลนดึง เจ้าเด็กนี้จนป่านนี้ยังคิดไปจากเขาอีกรึ...อย่าหวังเลย “ถ้าฉันไม่รังเกียจก็คงต้องขอให้อยู่ด้วยกันไปจนสุดนรกเลยล่ะนะเจ้าหนู”
“ถ้าเป็นนรกคุณไปคนเดียวได้ไหม
ผมอยากไปสวรรค์อ่ะ” เอเลนลูบแก้มตัวเองป้อยๆ
แล้วต้องน้ำตาคลออีกครั้งเมื่อตอนนี้เป็นแก้มทั้งสองข้างของเขาถูกดึงยืดออก
ผ่านไปสองเดือนในที่สุดเขาก็ไว้หนวดและผมที่ยาวลงมาประบ่า
ทั้งที่คิดว่าตัวเองจะดูแมนและสมชายชาตรีขึ้นบ้าง
กลับกายเป็นว่าหนวดที่พยายามไว้ก็ขึ้นเพียงแคหร่อมแหร่มเท่านั้น
เรื่องนั้นยังไม่ปวดใจเท่าตาแก่โรคจิตคนนั้นมีความคลั่งไคล้ที่เพิ่มขึ้นอย่างแปลกประหลาด
จนเขาแทยไม่มีเวลาได้พักเอวดีๆเอาเสียเลย
แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็โดนตาแก่ลามกคนนั้นบังคับโกนหนวดทิ้ง ด้วยเหตุผลที่ว่า “เวลาจูบแล้วหนวดนายมันทิ่มฉันรำคาญ”
เลยต้องโดนบังคับจับโกนอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนผมทั้งที่ว่าจะตัดตามไปด้วย
ก็ถูกสั่งห้าม เขาเลยจึงจำเป็นต้องยังคงไว้ผมยาวต่อไป
ที่ยอมนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าคนลามกอันตรายคนนั้นจะมาขู่เขาให้เลือกระหว่างตัดผมแล้วไปศึกษาของในกระเป๋าสีดำที่ซุกอยู่ใต้เตียง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอกระเป๋าใบนั้นจะต้องมีแต่ของที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนแน่ๆ
แล้วรอบก่อนที่เผลอพลาดพลั้งไปทำเอาเขานอนอยู่กับเตียงขยับตัวลำบากอยู่หลายวันเลยนะ
ไอบอลแก๊กนั่นยังทำขากรรไกรเขาเมื่อยตั้งหลายวันด้วย
ตอนนี้เขาบรรลุแล้วว่าไม่ว่าจะมีหนวดหรือไม่ หรือต่อให้สูงกว่านี้
เขาก็ไม่เคยเอาชนะคนอันตรายคนนั้นได้เลยจริงๆให้ตายเหอะ... นี่ก็ผ่านมา5ปีแล้ว
เขาก็ได้แต่ปลงแล้วก็คุ้นชินกับการอยู่ร่วมกับคนอันตรายคนนี้แล้วล่ะนะ
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเอเลนที่หิ้วถุงจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้ามามากมาย
“กลับมาแล้วเหรอเจ้าหนู”
รึไววางแก้วชาในมือก่อนจะลุกไปช่วยเอเลนหิ้วของเข้ามาข้างใน มือหยาบลูบหัวสีน้ำตาลก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปจัดการเก็บของในถุงซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าที่
เอเลนลูบหัวตัวเองที่ยังมีไออุ่นจากมือของชายหนุ่มค้างอยู่ ใบหน้ามนส่ายไปมาพลางถอนหายใจ เอาเถอะเขาเองก็ชินแล้ว อีกอย่างชีวิตที่มีคนอันตรายคอยป่วนแบบนี้ก็ไม่ได้แย่เสียหน่อย...
Fin.
.....................................................................
Talk:
ไม่มีอะไรค่ะ แค่ดูไททันไฟนอล แล้วคิดถึงตาแก่ของเรากับหนูเอเลน เลยมาเขียนฟิคสนองความกาว+เวิ่นเว้อของตัวเอง เรื่องนี้คงไม่ได้รวมเล่ม เพราะอย่างที่เคยแจ้งค่ะ มันเป็นฟิคตามอารมณ์ เลยมาแบบตามอารมณ์จริงๆฮาๆ
ขอขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ มีนักอ่านใหม่ๆเข้ามา ทางนี้ก็อ่านทุกคอมเม้นท์เลยค่ะ แต่อาจไม่ได้ตอบกลับ แต่ขอบอกว่าทุกเม้นท์ยังคงเป็นแรงผลักดันให้เขียนค่ะ ดังนั้นตอนพิเศษนี้เลยโผล่มาด้วยความคิดถึง+เห็นเม้นต์หลายๆท่าน
หวังว่าตอนนี้จะทำให้หลายคนหายคิดถึงหนูเอเลนและตาแก่โรคจิตของเราได้นะคะ ฮาๆ และแน่นอนว่าสำหรับคู่นี้มันไม่เคยมีความธรรมดา(ในหลายๆความหมายเลยจริง) มาถึงตอนนี้ก็ได้แต่ชวนทุกคนมาจูงมือกันไปสู่ฉากจบของการ์ตูนเรื่องนี้กันเถอะค่ะ และขอขอบคุณที่เป็นกำลังใจและอยุ๋ด้วยกันเสมอ หวังว่าปีนี้จะทยอยปิดไหได้ ที่แน่ๆ Lesson Of Love ตอนหน้าก็ปิดแล้ว แต่ยังค้างไว้(เลวเอง) เพราะรู้สึกว่ายังไม่อยากปิดน่ะค่ะ แต่เร็วๆนี้คงได้ปิดไหเด็กน้อยเอเลนแล้ว(ล่ะมั้ง)
รักนักอ่านทุกท่านเช่นเคยค่ะ
Trendy Blood
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น