วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Fic. [AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย Special: Switch

 

Fic. [AU]: Attack On Titan (Levi x Eren) ล่ารักอันตราย

Special: Switch

***กลับมาเขียนด้วยความคิดถึงยัยหนูเอเลนกับตาแก่โรคจิตล้วนๆค่ะ เอาความคิดถึงมาลงเป็นตอนพิเศษ***

               

                “ตื่นได้แล้วครับคุณผู้ชาย”

                เสียงใสของเด็หนุ่มดังเข้าโสตประสาท เปลือกตาค่อยๆขยับไหวก่อนนัยน์ตาสีขี้เถ้าจะค่อยๆลืมขึ้น หลังจากปรับสภาพแสงที่ส่องเข้ามากระทบก็พบเห็นเด็กหนุ่มร่างโปร่งบางในชุดสูทสีเข้มเบื้องหน้า ใบหน้ามนนั้นยกยิ้มขึ้น นัยน์ตาสีมรกตทอประกายแสงอย่างน่าดึงดูด เขาลองขยับร่างกายตนเอง แขนของเขาถูกเชือกมัดไว้กับเสาด้านหลัง จากที่ดูตอนนี้เขาคงอยู่ในตึกร้างที่ไหนสักแห่ง

                “เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า” ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มพิงกับเสา นัยน์ตาสีมรกตหลุบลงมองใบหน้าเฉยชาของชายหนุ่ม ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่าสนใจ ทั้งที่โดนเขาจับตัวมาแต่ยังคงสงบนิ่งอยู่ได้ ไม่สิ... หรือบางทีอาจกำลังกลัวจนทำอะไรไม่ถูกก็ได้ คิดได้ดังนั้นใบหน้าหวานก็ยกยิ้มอย่างนึกสนุก

                “คุณพอเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ของคุณสินะครับ คุณรีไว”

ภาพใบหนึ่งถูกโยนลงไปยังพื้นเบื้องหน้ารีไว ภาพนั้นเป็นภพถ่ายการลักลอบค้าอาวุธที่ท่าเรือซึ่งเขาเป็นผู้ถ่ายและส่งไปยังสำนักข่าวเมื่อไม่นานมานี้ เขาไม่แปลกใจเท่าไรกับการที่ภาพแบบนี้สุดท้ายจะไม่ได้กลายเป็นข่าวคงไม่พ้นอิทธิพลที่เด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นผู้จัดการ ถึงอย่างไรเขาก็ได้ค่าตอบแทนมาแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นข่าวหรือไม่เขาล้วนไม่สนใจ แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ เด็กหนุ่มตรงหน้าที่เดือดร้อนจนต้องมาตามจับเขาแบบนี้เสียมากกว่า ใบหน้าคมเฉยชาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนัยน์ตาสีมรกตที่ก้มมองเขาจากที่สูง ให้ตายสิสายตาแบบนี้มันดึงดูดเขาชะมัด!

“ภาพนี้คงทำนายเดือดร้อนน่าดู” ใบหน้เฉยชายกยิ้มมุมปาก “จะให้ฉันรับผิดชอบ?”

“หืม...” เอเลนแปลกใจกับท่าทางไม่เดือดร้อนของอีกฝ่าย หรือว่าหมอนี่คงกำลังทำใจดีส็เสืออยู่สินะ ได้เลยจะได้รู้ว่าอย่ามาล้อเล่นกับคนอย่าง เอเลน ผู้ซ฿งเป็นหัวหน้าแห๊งค์มาเฟ้ยผู้ทรงอิทิพลในโลกมืดคนนี้

“เหมือนจะรู้ตัวอยู่นะครับว่าต้องรับผิดชอบ ถ้ายังไงผมตัดนิ้วหนึ่งของคุณไปเป็นค่าเสียหายครั้งนี้ก็ดูจะสมเหตุสมผลแล้ว” เป็นไงล่ะเขาขู่แบบนี้ เจ้าหมอนี่จะต้องตกใจจนหน้าถอดสีแน่ๆ

เอเลนมองหน้าอีกฝ่ายที่เพียงแค่ยกคิ้วข้างหนึ่ง คิดว่าเขาแค่ขู่เล่นๆสินะ ในเมื่อเป็นแบบนี้คงต้องมีการหลั่งเลือดเสียหน่อยแล้ว

“คุณกุนเธอร์จัดการตัดนิ้วเขาออกมา หลังจากนั้นก็เอาไปปล่อยทิ้งไว้ให้ไกลหน่อย” เอเลนครุ่นคิดสักครู่ก่อนเอ่ยต่อ “แต่ผมเป็นคนจิตใจดี ถ้ายังไงจะพาไปปล่อยแถวที่ใกล้โรงพยาบาลให้แล้วกันนะครับ”

ปึง!!

มีดในมือถูกเตะออก กุนเธอร์ที่รับคำสั่งหงายหลังลงกับพื้นทันที แรงเตะของชายหนุ่มตรงหน้านอกจากปัดมีดแล้วยังเตะเสยคางเข้าอย่างแรงจนทำให้ชยหนุ่มโลกดับชั่ววูบ เอเลนหันมองตาค้างกว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อมุมมองของเขาอยู่ๆก็กลับตาลปัตรหัวหมุนพร้อมร่างที่โดนยกขึ้นพาดบ่า

“โฮ่ย ฉันว่าเอาแค่นิ้วไปไม่คุ้มนายหรอกนะ” รีไวจับเด็กหนุ่มขึ้นพาดบ่า ไม่รู้ว่าเชือกที่ใช้มัดชายหนุ่มถูกดึงขาดตั้งแต่เมื่อไหร่ ใบหน้าคมคายเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยังคงอึ้งค้างไม่ตอบคำก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “สู้เอาไปทั้งตัวเลยนับว่าคุ้มกว่าจริงไหมเจ้าหนู?”

“ห้ะ! เดี๋ยวก่อนใครอยากได้ตัวคุณกัน!!!” เอเลยลนลานด้วยความตกใจ ร่างโปร่งพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากไหล่และแขนของชายหนุ่ม แต่แขนที่ล็อคตัวเขาราวกับคีมเหล๊กไม่อาจสะทกสะท้านใดใด

“เพื่อเป็นการชดเชยที่ทำนายเสียหาย ฉันคนนี้ยอมขายตัวเองยกให้นายเลยก็แล้วกัน” นัยน์ตาสีขี้เถ้ากวาดมองเหล่าลูกน้องอีกสองสามคนที่เหลือ ก่อนจะชี้คนหนึ่งในนั้น เจ้าตัวที่โดนชี้ถึงขั้นสะดุ้งจนเผลอกัดลิ้นตัวเอง “เฮ้ย นายน่ำทางไปที่รถซะ”

เหล่าลูกน้องคนอื่นต่างมองหน้ากันไปมาก่อนจะพยักหน้าและนำทางไปที่รถแต่โดยดี สายตากดดันที่มองมาทำเอาเหล่าลูกน้องของเอเลยต่างยอมสวามิภักดิอย่างไร้ข้อโต้แย้ง ไม่อยากเชื่อเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นเพียงช่างภาพธรรมดา

“เดี๋ยวสิคุณเป็นช่างภาพแล้วจะมาช่วยงานผมได้ยังไง!?” หมอนี่เป็นแค่ช่างภาพธรรมดาจริงๆเหรอ? ลูกน้องเขาไปสืบประวัติมาผิดคนรึเปล่า? เอเลนถามเสียงหลงทันทีที่ถูกจับยัดเข้ามานั่งในรถ

ชายหนุ่มเข้ามานั่งเยาะนั่งเดียวกันกับเด็กหนุ่ม ก่อนจะสั่งให้ออกรถกลับไปยังที่พักของอีกฝ่าย “ฉันลาออกแล้ว ดูว่ามาทำงานกับนายน่าจะคุ้มค่ากว่า”

แบบนี้ก็ได้เหรอ? เอเลนได้แต่กระพริบตามองคนหน้าหนาหน้าทนตรงหน้าปริบๆ ขณะกำลังหาวิธีโต้เถียงรถท่เซราติสีดำก็เลี้ยวหักโค้งจนร่างของเด็กหนุ่มถลาเข้าสู่อ้อมกอดที่รองรับ เอเลนพยายามขืนตัวขึ้น แต่แขนแข็งแกร่งของชายหนุ่มกลับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก ใบหน้ามนเงยหน้ามองชายหนุ่มต้องหน้า รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าคมคายนั้นช่างดูน่าดึงดูดและเจ้าเล่ห์อย่างยิ่ง

 

                หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบหนึ่งเดือน ช่างภาพที่ชื่อรีไวคนนั้นย้ายสำมะโนครัวมาอยู่กับเขาโดยไม่ไถ่ถามความสมัครใจเขาสักนิด ทั้งยังเอาคีย์การ์ดและกุญแจสำรองไปราวกับตนเองเป็นเจ้าของคอนโดเสียอย่างนั้น ห้องว่างที่เคยเป็นห้องเก็บของก็ถูกจัดการโยกย้ายทั้งยังทำความสะอาดจนกลายเป็นห้องนอนของชายหนุ่มไปทั้งอย่างนั้น เรื่องห้องเก็บของกลายเป็นห้องนอนของตาบ้านั้นเขาไม่ใส่ใจหรอก ออกจะยินดีด้วยซ๋ำเพราะก่อนหน้านั้นเจ้าคนหน้าด้านนั่นหวังจะมานอนห้องเดียวกับเขาน่ะสิ

                “เอเลนของป๊ะป๋าเป็นอะไรเหรอ หมู่นี้ดูเหนื่อยๆนะ” มือของเอลวินลูบลงบนผมสีน้ำตาลของเด็กหนุ่ม หลายวันมานี้เขารู้สึกว่าลูกน้อยที่เขเอ็นดูมีสภาพห่อเหี่ยวอย่างมาก “หรือว่าเจ้าหมาข้างถนนที่เห็บมามันทำอะไร? ให้ป๊ะป๋าจัดการมันเลยไหม?” จากสัญชาตญานของเขาบอกว่าเจ้าช่างภาพที่เด็กหนุ่มเก็บมาคนนั้นมันหมาป่าชัดๆ

                เอเลนปักมือของเอลวินออกก่อนจะถอนหายใจ “ไม่ต้องหรอกฮะ เรื่องนี้ผมจัดการเองได้ ป๊ะป๋าไม่ต้องมายุ่งหรอก”

                “ม... มิเก๊!! เดี๋ยวนี้ลูกชายต่อต้านฉันแล้วอ่ะ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผมสีทองเข้าไปเขย่าผู้ช่วยที่ยืนอยู่ด้านข้าง ใบหน้าหล่อเหลาแสดงความน้อยอกน้อยใจ

                “เอเลนพูดจาแบบนี้กับผู้ใหญ่ไม่ดีรู้ไหม” มิเกะตบบ่าให้กำลังใจทั้งหันไปสั่งสอนเจ้าเด็กอายุน้อยที่สุดในห้องทำงาน

                เอเลนได้แต่ขมวดคิ้วทั้งยังเบ้ปากก่อนขะหมุนเก้าอี้ไม่สนใจการสั่งสอน ก็เพราะป๊ะป๋าคนนี้เอาแต่โอ๋เขาไม่ใช่หรือไง เขาถึงโดนเจ้าตาลุงช่างภาพแบบนั้นข่มเอาได้น่ะ ถึงไงก็เถอะเขาจะต้องหาทางเอาคืนให้ได้คอยดูสิ

                “เรื่องคนในคอนโดนายพักไว้ก่อนแล้กัน แต่สำหรับงานที่จะมาถึงนี้นายจะไปกับเพทร่ารึเปล่า หรือให้ฉันเตรียมใครไว้ให้ดี?” ฮันซี่ยื่นการ์ดรับเชิญงานเต้นรำให้กับเด็กหนุ่ม สำหรับงานสังคมประเภทนี้แม้จะน่าเบื่อและไม่น่าสจนใจแต่ถึงอย่างไรก็ควรหาเวลาไปร่วมงานเสียบ้าง เพราะอย่างไรก็รักษาคอนเนคชั่นไว้นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ

                เอเลนเหลือบมองการ์ดเชิญงานเต้นรำ ใบหน้าหวานผุดยิ้มขึ้นรีบคว้าการ์ดใบนั้นจากฮันซี่ทันที “ขอบคุณคุณฮันซี่มากเลครับ” นี่ยังไงละสิ่งที่เขาจะไว้ใช้ล้างแค้นเจ้าหมอนั่น!!

 

                “ให้ฉันไปงานเต้นรำกับนาย?” รีไวดึงผ้าที่ปิดจมูกลงห่อนจะหยิบบัตรเชิญขึ้นมาพิจารณา

                เอเลนรินน้ำดื่มลงในแห้วที่ถูกทำความสะอาดจนใสปิ๊งก่อนยกดื่ม จะว่าก็ว่าเถอะ แต่ตั้งแต่คนคนนี้มาอยู่ด้วยห้องคอนโดเขาสะอาดเงาวิบวับเหมือนของใหม่ตลอดเวลา เรื่องนี้ถือว่าเขาก็ได้กำไรอยู่ล่ะมั้ง

                “นี่เป็นคำสั่งคุณห้ามปฏิเสธ” เอเลนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ทั้งยังยักคิ้วให้ชายหนุ่ม

                รีไวมองบัตรเชิญในมืออย่างไม่สนใจ ถึงอย่างไรสำหรับงานสังคมพวกนี้จะให้เขาไปเป็นเพื่อนเขาก็ไม่ได้ขัดหรอกนะ แต่ก่อนที่จะตอบคกลงนิ้วชี้ของเด็กหนุ่มก็มาส่ายที่ตรงหน้าของเขา

                “จุ๊ๆ คุณคงไม่คิดว่าผมจะให้คุณไปในชุดสูท หรืออะไรแบบนั้นล่ะมั้ง” ใบหน้ามนของเด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง ยิ่งมองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าที่ยกคิ้วขึ้นอย่างรอฟังคำตอบยิ่งทำให้เขารู้สึกได้ใจ เวลาแห่งการล้างแค้นมาถึงแล้ว!!

                “ในนี้ก็บอกอยู่ว่าเป็นงานเต้นรำคู่ คุณคงไม่คิดว่าผมจะเต้นรำกับผู้ชายล่ะมั้ง” ใบหน้ามนของเด็กหนุ่มยิ่งยกยิ้มสูงขึ้น “แน่นอนว่าคุณต้องไปในฐานะผู้หญิงนะครับคุณรีไว”

                นัยน์ตาสีขี้เถ้าหรี่มองเด็กหนุ่ม ก่อนริมฝีปากบางจะยกยิ้มขึ้นเช่นกัน “ไม่มีปัญหาเจ้าหนู”

                เอเลนถึงขั้นยิ้มค้าง หืมม... นี่มันจะดูง่ายไปรึเปล่า?

               

 

                “ถึงแล้ว ตื่นได้แล้วเจ้าหนู”

                เอเลนขยี้ตาเพื่อคลายความง่วงงุนของตัวเอง เบื้องหน้าปรากฏหญิงสาวในชุดกิโมโนงามสง่า ท่าทางที่ดูเย่อหยิ่งเย็นชาแฝงไว้ด้วยความอันตรายยิ่งทำให้หญิงสาวตรงหน้าดูมีสง่าราศี อีกทั้งใบหน้าคมที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางยิ่งขับให้ดูสง่างามอย่างยิ่ง เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆก่อนจะไล่ความมึนงงออกไป ใช่แล้ววันนี้เขาที่ต้องการแกล้งเจ้าคนหน้าด้านนั้นจึงใช้ข้ออ้างให้อีกฝ่ายแต่งเป็นผู้หญิงเพื่อเป็นคู่ควงของเขาวันนี้ แต่....

                “ดูเหมือน... มาม่าซังจังเลยนะครับ” เพราะรังสีที่แผ่ออกมา ดูยังไงก็ไม่น่าใช่คนธรรมดาสักนิด

                ชายหนุ่มใช้พัดที่มีในมือเชยคางเด็กหนุ่มขึ้น “งั้นนายก็ป็นเด็กในสังกัดของฉันสินะ”

                เอเลนปัดพัดที่เชยคางตัวเองออก “แต่คุณแต่งแบบนี้ขี้โกงนี่นา” ชุดกิโมโนแบบนี้จะเต้นรำได้ยังไงกันล่ะ

                “แล้วนายคิดว่าชุดราตรีพวกนั้นจะไม่เหมือนนายพากระเทยกล้ามโตมายัดชุดหรอไง? ฉันก็อุตส่าห์คิดไว้หน้านายแต่ถ้านายไม่สนเรื่องหน้าตาฉันเปลี่ยนไปแต่งแบบนั้นก็ได้” ว่าพลางถลกชายชุดกิโมโนขึ้นจนเอเลนต้องรีบตะปบมือให้หยุด จะว่าไปพอจินตนาการนึกภาพกล้ามแน่นๆในชุดราตรีแบบนั้นเขารู้สึกว่าตาต้องบอดแน่ๆ ยังไงก็รับไม่ไหวเด็ดขาด

                “ม...ไม่ต้องครับ ... แบบนี้ก็ดีแล้ว”

                ดังนั้นตลอดทั้งงานเลี้ยงเขาจึงไม่ได้เต้นรำ แต่นั้นไม่เท่าไร แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยก็คือ ทั้งที่เขาเอเลน คนนี้เป็นผู้ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียงชัดๆ แต่ทำไมทุกคนล้วนแวะมาทักทายและพูดคุยกับหญิงสาว(?) ในชุดกิโมโนที่เขาพามากันล่ะพ แต่นั้นยังไม่ทำให้เขาแปลกใจเท่าที่คุณรีไวคนนี้กลับโต้ตอบได้อย่างฉลาดหลักแหลม ทั้งยังวางมาดได้อย่างดียิ่ง ดีกว่าเขาผู้ซึ่งถูกเชิญมาเสียอีก แบบนี้มันก็เหมือนกับกลายเป็นว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่อีกฝ่ายพามามากกว่าน่ะสิ!!

                “นายเหนื่อยแล้วสินะ ข้างบนฉันจองห้องพักไว้แล้วถ้ายังไงขึ้นไปพักสักหน่อยแล้วกัน” ไม่ว่าเปล่าจัดการลากเด็กหนุ่มออกจากงานและตรงขึ้นลิฟท์ไปยังห้องพักโดยไม่รออีกฝ่ายตอบ

                ทันทีที่เข้ามาในห้องพัก รีไวจัดการดึงวิกผมยาวออก ทั้งยังแหวกกิโมโนออกจนเห็นกล้ามเนื้อหนั่นแน่น จากนั้นก็เข้าไปในห้องน้ำและจัดการล้างเครื่องสำอางที่แต่งแต้มบนใบหน้าทิ้งอย่างไม่ใยดี

                “ผมยังไม่อนุญาตให้คุณถอดเลยนะ!” ได้ไงกันนี่เขายังไม่ทันได้ถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อแบล็กเมล์เลย แบบนี้เขาก็ขาดทุนน่ะสิ

                รีไวเสยผมที่เปียกน้ำก่อนจะจัดการตลบชายกิโมโนยาวขึ้นเหน็บกับกางเกงขาสั้นแล้วเปิดตู้เย็นหยิบน้ำดื่มอย่างไม่ใส่ใจเสียงโวยวายของเด็กหนุ่ม “นายบอกแค่ให้ร่วมงาน ในเมื่องานเสร็จสิ้นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใส่ต่อ”

                เอเลนเขม่นตามองชายหนุ่มที่เริ่มรินไวน์ใส่แก้วแล้วยกขึ้นจิบ หึ อย่าคิดว่าเขาจะยอมแพ้ง่ายๆนะ เขามีแผนสำรองมาด้วย “คุณรีไวมาทางนี้หน่อยสิครับ” ว่าพลางกวักมือเรียกชายหนุ่มให้เข้าไปหา

                รีไวยักไหล่ก่อนจะยอมเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ปลายเตียง เอเลนขยับมือทำท่าให้อีกฝ่ายก้มลง

                แกร๊ก!

                ปลอกคอสีเงินถูกสวมลงบนคอของชายหนุ่ม บนนั้นสลักคำว่า My S.D. สีดำไว้

                “ในเมื่อคุณบอกยกตัวเองให้ผมงั้นก็เป็น My S.D. ก็แล้วกัน” ใบหน้าหวานยิ้มระรื่นอย่างนึกสนุก ยิ่งมองว่าอีกฝ่ายเลิ่กคิ้วขึ้นเพราะคงไม่เข้าใจว่า My S.D. ย่อมาจากอะไร เขาก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน จึงเฉลยให้ฟังแต่โดยดี “ S.D.  Slave Dog เหมาะกับคุณดีใช่ไหมล่ะครับ”

                “โฮ่... ไม่เลวนี่เจ้าหนู” ใบหน้าคมคายยกยิ้มมุมปาก รีไววางแก้วไวน์มือก่อนจะขึ้นคร่อมเด็กหนุ่มบนเตียง ร่างสูงโปร่งสะดุ้งเล้กน้อยแต่ก็ยังคงพยายามจ้องตาชายหนุ่มอย่างไม่ลดละ “แต่ฉันว่ามีคำที่ดีกว่านั้น ทั้งยังเหมาะกับฉันและนายอย่างมาก”

                นัยน์ตาสีมรกตยังคงจ้องกับนัยน์ตาสีขี้เถ้า อยุ่ๆเอเลนก็รู้สึกว่าน้ำลายตนเองเหนียวจนยากจะกลืนลงคอ

                Service D*ck ยังไงล่ะ”

                เดี๋ยวนะ...ไอคำเมื่อกี้ที่เหมือนมีเสียงเซ็นเซอร์นั่นคืออะไร!?

                ไม่รอให้เด็กหนุ่มตั้งสติ มือหยาบของรีไวก็ล้วงเข้าไปในชุดสูทสีดำของอีกฝ่าย ทั้งยังกระชากเสื้อเชิ้ตราคาแพงของเด็กหนุ่มอย่างง่ายดาย

                “แว๊กกกกกกกก!! ทำอะไรของนาย นายนี่มันตาแก่โรคจิตใช่มั้ยยยย!!” เอเลนรีบคว้าเสื้อสูทของตัวเองทันทีแม้เหมือนจะไม่เป็นผลเพราะแรงของเขาไม่อาจเทียบชายหนุ่มเบื้องหน้าได้ รู้ตัวอีกทีแผ่นอกของเขาก็เปลือบเปล่าต่อหน้าอีกฝ่ายแล้ว

                “ชุดกิโมโนแบบนี้ก็ไม่เลว ขยับง่ายดีนะ นายว่าไหม?”

                ไม่ครับ ผมไม่มีความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น แล้วนั่นคุณพี่จะถอดสายรัดโอบิ ทำไมไม่ทราบครับ!

                รีไวดึงผ้าคาดเอวออกก่อนจะใช้จัดการรัดข้อมือของเด็กหนุ่มใต้ร่าง “เมื่อกี้นายเรียกใครว่าตาแก่นะ?” นัยน์ตาสีขี้เถ้าปรายตามองเด็กหนุ่ม เอเลนสะดุ้งเฮือกก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธไม่ยอมรับ “ดูว่าฉันคนนี้จะต้องสั่งสอนนายให้โตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีเสียหน่อยแล้ว ถือว่าเป็นการเซอร์วิสจากฉันก็แล้วกันจะบริการให้อย่างดีเลย”

 

                “แว๊ก!! หยุดก่อนนนน ไอเจ้าคนลามกนี่!!

                ร่างโปร่งกระโจนลุกขึ้นจากเตียง ใบหน้ามนหอบหายใจจนตัวโยน นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองรอบๆก่อนจะก้มมองเลสข้อมือซ้ายของตนเอง ... ที่แท้ก็ฝันไปสินะ ไอคุณรีไวคนนั้นแม้แต่ในฝันเขายังเอาเปรียบไม่ได้เลยให้ตายเถอะ!

                “เป็นอะไรของเธอนังหนู?”

                เสียงที่คุ้นเคยแม้ไม่หันกลับไปมองเอเลนก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร แต่คำเรียกนั่นชวนน่าโมโหชะมัด “ใครเป็นนังหนูของคุณครับคุณรีไว ตอนนี้กี่โมงแล้วเนี่ย!?”

                “พูดอะไรของเธอน่ะนังหนู ฉันก็เรียกแบบนี้มาตั้งนาน หรืออยากให้ฉันเรียกว่าแม่จ๋าตามพวกลูกๆ” รีไวตบลงบนผมสีน้ำตาลคนที่เพิ่งตื่นเบาๆ

                ห้ะ! แม่จ๋าอะไร? ลูกอะไร? ตาลุงนี่มักมากจนสมองเพี้ยนไปแล้วรึ ทันทีที่ขยับตัวเอเลนรู้สึกถึงอะไรไม่ชอบมาพากลกับร่างตนเอง เมื่อก้มลงมองนัยน์ตาสีมรกตต้องเบิกกว้างพร้อมใบหน้าที่ขาวซีดจนไร้สีเลือด ไม่ใช่ตกใจเพราะเขาเปลือยอยู่หรอกนะ แต่ทำไมหน้าอกของเขาถึงได้นูนอวบอิ่มเต่งตึงขึ้นมาได้เล่า!!!  มันจะต้องเป็นของปลอมแบบที่คุณฮันซี่คนนั้นชอบเอามาแปะใส่ร่างกายเขาแน่ๆ มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ เอเลนจัดการจับสองเต้าของตนเองแล้วพยายามออกแรงดึง แต่ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก ทั้งความเด้งดึ๋งและสัมผัสนี้มันช่างจะเหมือนจริงเกินไปแล้ว

                “เป็นอะไรของเธอน่ะเอเลน ฝันร้ายรึไง?” รีไวจับมือของเด็กสาวพลางรวบยกขึ้นเหนือศีรษะทั้งกดให้ร่างนั้นจมลงไปบนฟูกนอนอีกครั้ง

                “ใช่...ตอนนี้ผมกำลังฝันร้ายสุดๆเลย” เอเลนแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอในการโต้ตอบ “ว... ว่า แต่ที่คุณหมายถึง...ลูกนี่...”

                ใบหน้าคมคายยกยิ้มพลางเขยิบเข้าใกล้ร่างบอบบางด้านล่าง “ทำไม...อยากคลอดให้ฉันอีกคนรึไง หืม?”

                ชายหนุ่มไม่ว่าเปล่าทั้งยังจับขาเพรียวข้างหนึ่งให้แยกออกก่อนจะแทรกตัวเข้าไป เอเลนก้มมองเบื้องล่างของตนเองแล้วต้องหยุดหายใจอีกครั้ง เพราะตอนนี้ไอเจ้าน้องชายที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดมันหายไปไม่เหลือร่องรอยแล้วน่ะสิ! เขาที่เป็นผู้ชายมาทั้งชีวิตมาเจอเหตุการณ์แบบนี้มันเกินจะรับไหวนะโว้ย นี่จะต้องเป็นผลงานของคุณฮันซี่คนเพี้ยนๆคนนั้นแน่ๆ สติที่ล่องลอยของเอเลนต้องหยุดชะงัก เมื่อร่างกำยำของชายหนุ่มเบียดเข้ามาแนบชิดมากขึ้น ริมฝีปากร้อนทาบทับลงมาหอบเอาลมหายใจของคนใต้ร่าง ลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อจนเอเลนเผลอครางในลำคอ เมื่อริมฝีปากนั้นผละออกก่อนจะไล้ลงไปยังร่างบอบบางใต้ร่าง สองขาเพรียวที่สั่นระริกถูกทำให้แยกออกกว้างขึ้นกว่าเดิม รีไวจับแกนกายที่แข็งขืนของตนเองก่อนจะจ่ออยู่กับช่องทางเบื้องล่าง เอเลนสะดุ้งเฮือก ร่างที่อ่อนระทวยเริ่มขัดขืน อยู่ๆก็มากลายเป็นผู้หญฺงทั้งยังกำลังจะโดนงาบแบบนี้เขาทำใจไม่ทันจริงๆนะเฮ้ย! แต่แรงที่แตกต่างทำให้การดิ้นรนไม่เป็นผล รีไวขยับร่างกายของตนเองอยู่ในท่าที่ถนัดก่อนจะจับขาเพรียวที่ดิ้นไปมาให้ตวัดรัดกับเอวของตนเอง

 

                “เดี๋ยวก่อน ขอเวลานอก!!

                เฮือก!!!

                เอเลนสะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เขายังคงอยู่บนที่นอน ข้างนอกยังไม่สว่างแต่ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต็มตาแล้ว เมื่อกี้มันเป็นแค่ฝันใช่ไหม? เขาฝันซ็อนฝันเหรอ แล้วตอนนี้เขาตื่นแล้วหรือยัง? ไม่รอช้าเขารีบสำรวจตนเองเสื้อผ้าตอนนี้ยังใส่อยู่ครบ เป็นชุดนอนเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นของเขา บนหน้าอกไม่มีสองเต้าเด้งดึ๋ง เพื่อความแน่ใจเขาจึงเปิดกางเกงขาสั้นตัวเองออก แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไอเจ้าลูกชายที่ติดตัวมาก็ยังอยู่ครบ เมื่อสำรวจข้อมือตัวเองเลสข้อมือก็ยังปกติดีอยู่ แต่เพื่อความชัวร์เขาจึงตบหน้าตัวเองแรงๆอีกที

                เจ๊บ.... ค่อยยังชั่วหน่อย ตอนนี้เขาตื่นแล้วจริงๆ

                “ฝันร้ายรึไงเจ้าหนู” เพราะอีกฝ่ายขยับไปมา คนรู้สึกตัวเร็วอย่างรีไวจึงตื่นตาม ชายหนุ่มเกาผมสีรัติกาลของตนเองพลางอ้าปากหาว

                เอเลนพยักหน้าช้าๆ “ใช่ครับ... ฝันร้ายสุดๆเลย” จะว่าไปที่เขาฝันร้ายต้องเพราะคนที่นอนข้างๆเขาแบบนี้แน่ๆ “ผมกลับไปนอนห้องตัวเองอาจจะดีกว่าก็ได้”

                รีไวรวบอีกฝ่ายเข้าหาตัวก่อนจะเอนตัวกลับลงไปนอนอีกครั้ง “บ่นอะไรของนายเจ้าหนู ห้องนายตอนนี้ทำเป็นสตูดิโอไปแล้วเมื่อ2ปีก่อน นายอยู่ที่นี้มา5ปีแล้วยังไม่ชินอีกเหรอไง?”

                นั่นสินะ... ห้องเขาตอนนี้กลายเป็นสตูดิโอไปแล้ว ไปๆมาๆจากที่แยกห้องนอนกันก็กลายมาเป็นนอนห้องเดียวกัน แต่ถึงจะเพิ่งย้ายมานอนห้องเดียวกันเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ก่อนหน้านี้คนอันตรายคนนี้ก็บุกรุกเข้าห้องเขาแทบจะวันเว้นวัน ไม่ก็ลากเขามานอนที่ห้องตัวเอง ไม่ว่าจะแยกห้องนอนหรือไม่ผลสุดท้ายผลลัพธ์ก็ไม่ต่าง เขาจึงยอมตกลงทำห้องนอนเดิมให้เป็นสตูดิโอและห้องทำงาน

                สงสัยว่าช่วงนี้เขาคงทำงานหนักมากไปจึงไปฝันเรื่องเมื่อครั้งเจอกันครั้งแรกกับคนอันตรายเอาเสียได้ แม้จะสลับบทบาทกันก็เถอะ... ที่น่าเจ็บใจคือทั้งที่เป็นฝันของเขาแท้ๆแต่กระทั้งในฝันยังโดนเอาเปรียบ น่าโมโหชะมัดเลยให้ตายสิ นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองชายหนุ่มอีกฝ่าย มาจนตอนนี้ทั้งที่เขาก็สูงขึ้นกว่าเดิมแล้ว และพยายามฝึกฝนร่างกายไว้บ้างแล้ว แต่ทำไมเขาถึงยังเป็นฝ่ายโดนกดอยุ่อีกล่ะ.... อ้อ...ลืมไป.... เขาไม่เคยสู้แรงคุณรีไวได้เลย สิ่งที่ชนะอย่างเดียวมีแค่เพียงส่วนสูงเท่านั้น

                มือของรีไวลูบบนผมสีน้ำตาลของเอเลนไปมา “นอนไม่หลับแล้ว?”

                “รู้สึกไม่อยากนอนต่อแล้วล่ะครับ” กลัวจะฝันอะไรประหลาดๆอีก

                รีไวมองไปยังนาฤกาดิจิตอลหัวเตียง ตอนนี้เป็นเวลาตี4 ซ฿งยังเช้าตรู่และเขาก็ยังมีเวลาอีกมาก “ในเมื่อนอนไม่หลับแล้ว” ชายหนุ่มพลิกร่างอีกตนให้ลงไปนอนกับเตียงก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างคร่อมไว้ “ออกกำลังกายตอนเช้าเวลานี้ก็ไม่เลว”

                อะไรคือออกกำลังกายตอนเช้าเวลานี้ของคุณพี่ครับ?

                ไม่รอให้เอเลนสงสัยริมฝีปากของรีไวก็ทาบทับลงมาพร้อมลิ้นร้อที่เกี่ยวกระหวัดไล่ต้อน ร่างกายที่คุ้นชินกับสัมผัสของชายหนุ่มมานานถึง5ปีล้วนตอบสนองไปตามการชี้นำของอีกฝ่าย มือหยาบล้วงเข้าไปยังเสื้อยืดของเอเลน นัยน์ตาสีมรกตเริ่มปรือด้วยหยาดแห่งอารมณ์ ทั้งเสียงครางแผ่วเบาที่เล็ดรอดออกมาจากลำคอช่วยกระตุ้นให้รีไวอารมณ์พลุ่งลพ่าน

                “อือ... คุณรีไว” เอเลนพยายามกลั้นเสียงครางแผ่วเบา สองแขนลูบไล้ไปยังร่างกายกำยำของอีกฝ่ายอย่างคุ้นชิน ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้ก็ทำกันมา5ปีแล้ว จากที่ไม่ชินและเขินอาบ ตัวเขาก็เริ่มตอบโต้และเล้าโลมอีกฝ่ายบ้างแล้วเช่นกัน “นี่คุณรีไว ถ้าคุณเป็น My S.D. ของผมคุณว่ามันจะย่อมาจากอะไร?”

                ใบหน้าคมคายเอียงคอคิดครู่หนึ่ง มือหยาบยังคงลูบไล้เค้นคลึงร่างกายของคนใต้ร่างอย่างช่ำชอง “ก็คงเป็น Sweet D*ck ล่ะมั้ง”

                โอเคผมไม่น่าถามและไม่น่าคาดหวังกับคนนี้เลย ดูว่าเขาน่าจะเข้าใจและรู้จักผู้ชายอันตรายคนนี้เป็นอย่างมาก แม้แต่ในฝันนิสัยและท่าทางแต่ละอย่างยังไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด

                “แล้วนายอยากให้ฉันเป็นอะไรเล่าเจ้าหนู?” ขาเรียวยาวถูกแยกออกจากกันก่อนที่ชายหนุ่มผมสีรัตติกาลจะแทรกตัวเข้าไปดันตัวตนของตนเองเข้าไปจนสุดก่อนจะขยับ

                เอเลนสะดุ้งเฮือก ร่างกายท่อนล่างตอดรับท่อนเนื้อของชายหนุ่มอย่างคุ้นชิน ก่อนจะประสานจังหวะที่ขยับให้บรรเลงเข้ากัน “อื้อไม่รู้สิ”

                “อ้ะ... อือ... บางที อาจจะเป็น Seed Danger ล่ะมั้ง อื้อ!” เด็กหนุ่มตอบพลางกดเสียงครางของตนเอง สองแขนรัดรอบลำคอแกร่งก่อนจะประทับรับจูบที่ดูดดื่ม

                รีไวยกยิ้มขึ้นอย่างพึงใจ “ไม่เลว งั้นฉันจะมอบ Seed ให้นายเยอะๆเลยแล้วกัน” ชายหนุ่มจับสองขาให้กระชับมั่นกดลง ก่อนจะกระแทกเข้าออกอย่างรวดเร็ว

                “เดี๋ยว อ๊า ช.. ช้า ... ช้าหน่อย” สองแขนจิกผ้าปูที่นอน เอเลนโดนชายหนุ่มจับพลิกอีกครั้งใบหน้ามนแนบลงกับหมอน สะโพกถูกยกขึ้นรับการกระแทกอย่างดุเดือด

                ตาแก่บ้านี่ทั้งที่เตี้ยก็เตี้ย แถมอายุก็เยอะแล้วทำไมยังมีแรงกับเรื่องแบบนิ้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยนะ ตอนเช้าเอวเขาต้องปวดแน่ๆให้ตายเถอะ!

                เอเลนโดนเคี่ยวกรำจับพลิกไปมา กว่าคนอายุมากกว่าจะยอมเลิกราก็เป็นช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นจนสายแล้ว  โชคดีที่ว่าวันนี้เป็นวันหยุดของทั้งสอง เอเลนที่หมดแรงแม้แต่จะขยับร่างกายจึงได้แต่นอนให้รีไวจัดการทำความสะอาดตัวเองอย่างว่าง่าย

                “ต่อไปนี้ผมจะไว้หนวด” เอเลนพึมพำรอดออกมาจากผ้านวม หลังจากโดนทำความสะอาดและใส่เสื้อใหม่แล้วเขาก็ห่อตัวเองอยู่ในผ้านวมเป็นการประท้วงอีกฝ่ายที่ใช้แรงงานเขาอย่างไม่ปราณี

                นัยน์ตาสีขี้เถ้าปรายตามองคนบ่นอุบอิบก่อนจะเคาะหัวสีน้ำตาลนั้นเบาๆ “อยากเปลี่ยนลุค?”

                “ผมเป็นผู้ชายก็อยากมีลุคแมนๆบ้าง” เอเลนโปล่หัวออกมาจากผ้านวม จ้องมองชายหนุ่มอย่างยียวน “ทำไมล่ะหรือถ้าผมไว้หนวดคุณไม่ชอบงั้นเหรอ? นั่นสินะตั้ง5ปีแล้วจะเบื่อก็ไม่แปลกแต่ถ้าจะทิ้งกันช่วยใจดีโยนเงินให้ผมสักก้อนด้วยนะ”

                เพี๊ยะ!

                เอเลยลูบหน้าผากของตนเองที่โดนชายหนุ่มดีดจนขึ้นปื้นสีแดง แค่ดีดหน้าปากยังเจ็บกว่าเขาตบหน้าตัวเองเมื่อเช้าอีก

                “ตามใจเจ้าหนู แต่ฉันมีเงื่อนไขอยู่”

                เอเลนมองอีกฝ่ายอย่างกังขา อะไรกันนี่เขาจะทำอะไรกับร่างกายตัวเองต้องให้อีกฝ่ายอนุญาตหรือตั้งเงื่อนไขด้วยรึไง?

                “ถ้านายจะไว้หนวดก็ต้องไว้ผมยาวด้วย”

                เอเลนลองจินตนาการภาพตัวเอง ดูแล้วน่าจะเป็นลุคแมนๆเซฮร์แบบนั้นก็นับว่าไม่แย่เท่าไร “ย่อมได้”

                “แล้วอีกเรื่อง” รีไวจับแก้มของเอเลนดึง เจ้าเด็กนี้จนป่านนี้ยังคิดไปจากเขาอีกรึ...อย่าหวังเลย “ถ้าฉันไม่รังเกียจก็คงต้องขอให้อยู่ด้วยกันไปจนสุดนรกเลยล่ะนะเจ้าหนู”

                “ถ้าเป็นนรกคุณไปคนเดียวได้ไหม ผมอยากไปสวรรค์อ่ะ” เอเลนลูบแก้มตัวเองป้อยๆ แล้วต้องน้ำตาคลออีกครั้งเมื่อตอนนี้เป็นแก้มทั้งสองข้างของเขาถูกดึงยืดออก

                ผ่านไปสองเดือนในที่สุดเขาก็ไว้หนวดและผมที่ยาวลงมาประบ่า ทั้งที่คิดว่าตัวเองจะดูแมนและสมชายชาตรีขึ้นบ้าง กลับกายเป็นว่าหนวดที่พยายามไว้ก็ขึ้นเพียงแคหร่อมแหร่มเท่านั้น เรื่องนั้นยังไม่ปวดใจเท่าตาแก่โรคจิตคนนั้นมีความคลั่งไคล้ที่เพิ่มขึ้นอย่างแปลกประหลาด จนเขาแทยไม่มีเวลาได้พักเอวดีๆเอาเสียเลย แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็โดนตาแก่ลามกคนนั้นบังคับโกนหนวดทิ้ง ด้วยเหตุผลที่ว่า “เวลาจูบแล้วหนวดนายมันทิ่มฉันรำคาญ” เลยต้องโดนบังคับจับโกนอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนผมทั้งที่ว่าจะตัดตามไปด้วย ก็ถูกสั่งห้าม เขาเลยจึงจำเป็นต้องยังคงไว้ผมยาวต่อไป ที่ยอมนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าคนลามกอันตรายคนนั้นจะมาขู่เขาให้เลือกระหว่างตัดผมแล้วไปศึกษาของในกระเป๋าสีดำที่ซุกอยู่ใต้เตียง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอกระเป๋าใบนั้นจะต้องมีแต่ของที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนแน่ๆ แล้วรอบก่อนที่เผลอพลาดพลั้งไปทำเอาเขานอนอยู่กับเตียงขยับตัวลำบากอยู่หลายวันเลยนะ ไอบอลแก๊กนั่นยังทำขากรรไกรเขาเมื่อยตั้งหลายวันด้วย ตอนนี้เขาบรรลุแล้วว่าไม่ว่าจะมีหนวดหรือไม่ หรือต่อให้สูงกว่านี้ เขาก็ไม่เคยเอาชนะคนอันตรายคนนั้นได้เลยจริงๆให้ตายเหอะ... นี่ก็ผ่านมา5ปีแล้ว เขาก็ได้แต่ปลงแล้วก็คุ้นชินกับการอยู่ร่วมกับคนอันตรายคนนี้แล้วล่ะนะ

                แกร๊ก

                เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเอเลนที่หิ้วถุงจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้ามามากมาย

                “กลับมาแล้วเหรอเจ้าหนู” รึไววางแก้วชาในมือก่อนจะลุกไปช่วยเอเลนหิ้วของเข้ามาข้างใน มือหยาบลูบหัวสีน้ำตาลก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปจัดการเก็บของในถุงซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าที่

                เอเลนลูบหัวตัวเองที่ยังมีไออุ่นจากมือของชายหนุ่มค้างอยู่ ใบหน้ามนส่ายไปมาพลางถอนหายใจ เอาเถอะเขาเองก็ชินแล้ว อีกอย่างชีวิตที่มีคนอันตรายคอยป่วนแบบนี้ก็ไม่ได้แย่เสียหน่อย...


Fin.

.....................................................................

Talk: 

ไม่มีอะไรค่ะ แค่ดูไททันไฟนอล แล้วคิดถึงตาแก่ของเรากับหนูเอเลน เลยมาเขียนฟิคสนองความกาว+เวิ่นเว้อของตัวเอง เรื่องนี้คงไม่ได้รวมเล่ม เพราะอย่างที่เคยแจ้งค่ะ มันเป็นฟิคตามอารมณ์ เลยมาแบบตามอารมณ์จริงๆฮาๆ

ขอขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ มีนักอ่านใหม่ๆเข้ามา ทางนี้ก็อ่านทุกคอมเม้นท์เลยค่ะ แต่อาจไม่ได้ตอบกลับ แต่ขอบอกว่าทุกเม้นท์ยังคงเป็นแรงผลักดันให้เขียนค่ะ ดังนั้นตอนพิเศษนี้เลยโผล่มาด้วยความคิดถึง+เห็นเม้นต์หลายๆท่าน

หวังว่าตอนนี้จะทำให้หลายคนหายคิดถึงหนูเอเลนและตาแก่โรคจิตของเราได้นะคะ ฮาๆ และแน่นอนว่าสำหรับคู่นี้มันไม่เคยมีความธรรมดา(ในหลายๆความหมายเลยจริง) มาถึงตอนนี้ก็ได้แต่ชวนทุกคนมาจูงมือกันไปสู่ฉากจบของการ์ตูนเรื่องนี้กันเถอะค่ะ และขอขอบคุณที่เป็นกำลังใจและอยุ๋ด้วยกันเสมอ หวังว่าปีนี้จะทยอยปิดไหได้ ที่แน่ๆ Lesson Of Love ตอนหน้าก็ปิดแล้ว แต่ยังค้างไว้(เลวเอง) เพราะรู้สึกว่ายังไม่อยากปิดน่ะค่ะ แต่เร็วๆนี้คงได้ปิดไหเด็กน้อยเอเลนแล้ว(ล่ะมั้ง)


รักนักอ่านทุกท่านเช่นเคยค่ะ

Trendy Blood

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น